|
เอามาจากที่เคยโพสไว้และเสริมเติมอีกหน่อย วัดความรู้สึกส่วนตัวจากที่มีใช้ทั้งสองคัน Fortuner 3.0V 4WD ปี 2010 กับ Pajero Sport 2.5 GT ปี 2011 ไม่ใช่พวกกองเชียร์รถหรือเชียร์เพราะเกลียดรถยี่ห้ออื่นนะครับ บางคนเชียร์บางคนเกลียดแต่ไม่เคยใช้รถรุ่นนี้ หรือใช้แค่แปร๊บเดียวก็บอกอย่างโน้นอย่างนี้แล้ว
1. สมรรถนะโดยรวม (เครื่องยนต์,ช่วงล่าง,เบรก,ตัวถัง,การประกอบ) เครื่อง ยนต์ Fortuner แรงดีทั้งต้นและปลาย เหยียบปุ๊แรงก็มาเลย Pajero Sport แรงต้นมาช้าไปแต่ความเร็วไปซัก 30-40 กิโลจะพุ่งกระชากแรงมาเยอะเลย ทำให้ถ้ารถชลอหรือหยุดแล้วคิดจะเปลี่ยนเลนต้องดูดีๆ กะระยะดีๆ เพราะเหยียบที่แรกมันไปแบบช้า ต้องให้ระยะห่างจากรถที่ตามหลังมาให้ดีๆ แรงปลายขับแบบมนุษย์ปกติก็พอๆ กันแหล่ะ อย่าไปฟังพอที่บอกรถนี้เร็วกว่าแรงอีกรถได้แต่ตามอยู่ท้าย เรื่องมันอยู่ที่คนขับ ถนน จังหวะ ความเสี่ยง ในเรื่องอัตราเร่งเคลื่อนตัวนี้ฟอร์จูนเนอร์ทำได้ดีกว่า
ช่วงล่าง พอดีรถมันยังใหม่เลยบอกเรื่องความทนทานไม่ทนไม่ได้ แต่บอกเป็นเรื่องความสะเทือนและการเกาะถนน ความสะเทือนไม่นิ่มเหมือนรถเก๋งทั้งสองคัน จับสัมผัสสะเทือนได้ทุกรอยต่อรถที่ไม่สนิทหรือถนนไม่เรียบทั้งคู่ ช่วงล่างเดิมของ Fortuner ปี 2010 สะเทือนแบบกระด้างมีอาการเด้งๆ แต่จะใช้ดีตอนคนนั่งเยอะท้ายจะไม่ยอบแยบ คนนั่งหลังไม่มีใครบ่นว่าเมารถ ถ้าเป็นตัวใหม่ BMC เขาว่าช่วงล่างนิ่มนวลพอๆ กับ Pajero Sport แล้ว Pajero Sport ปี 2011 ช่วงล่างสะเทือนแบบนิ่มกว่าแต่ถ้านั่งหลายคนมีคนบ่นว่างท้ายมันโคลงเคลงกว่า รู้สึกเมารถ มีรายงานเยอะว่าโช็ครั่วโช็คตายกันหลายคัน สรุปทั้งสองคันเอาให้ดีต้องเปลี่ยนโช็คและสปริง เพราะ Fortuner ปี 10 ไปทางแข็งเด้ง Pajero Sport ไปทางอ่อนและรับน้ำหนักมากเลยไม่ทนกัน
เบรค ก็พอๆ กันทั้งสองคัน ไม่ได้ดีกว่ากัน
ตัว ถัง ภายนอกก็เรียบร้อยพอๆ ขนาดรถก็พอๆ กัน แต่ปัญหาหนึ่งในการลงจากรถของคนสูงอายุ Fortuner คนแก่จะลงได้มั่นใจกว่าเพราะเบาะหน้ามีมือจับที่เสาเอ บันไดแบนและตัวถังช่วงล่างเว้าเข้าทำให้บันไดมีพื้นที่วางเท้าได้มากกว่า Pajero Sport ตัวถังช่วงล่างตรงกว่าบันไดเป็นทรงท่อบากร่องวางเท้าเลยมีพื้นที่วางเท้า น้อยกว่า ถ้าวันไหนเอา Pajero Sport ไปรับส่งญาติผู้ใหญ่จะเห็นตอนลงลำบากกว่า Fortuner
การประกอบ สองคันที่บ้านได้มาตรฐานทั้งคู่
การทรงตัว ขับในถนนปกติก็พอๆ กัน เข้าโค้งอย่างสะพานจตุรทิศก็พอๆ กัน แต่ของ Fortuner มีระบบช่วยการทรงตัวอย่าง VSC TRC มาให้ มีดีกว่าไม่มีมา เพราะเป็นรถสูงเครื่องก็แรง
2. อ๊อปชั่น, อุปกรณ์ภายใน, การปรับเบาะนั่ง วิทยุ ถ้า เป็นตัวใหม่เรื่องวิทยุก็ได้ DVD มาทั้งคู่แล้ว แต่เรื่องคุณภาพเสียง ของ Pajero Sport ให้ของดีมาจะปรับเสียงได้เยอะกว่า มี Option มากกว่า แต่ก็ปรับยากกว่ามาก ไม่กางคู่มือถึงปรับไม่ถูกเลย แต่สังเกตุอย่างของ Pajero Sport รับคลื่นวิทยุชัดสู้ของ Fotuner ไม่ได้ มีหลายพื้นไม่ชัดเท่า Pajero Sport ไม่มีที่ปรับเสียงที่พวงมาลัย จะปรับที่จอวิทยุก็ต้องก้มลงและยืดสุดมือ ส่วน Fortuner มีมาให้เลยที่พวงมาลัย
แอร์ ทั้งคู่เป็นแอร์ Auto แต่ของ Fortuner เป็นแบบหน้าจอ Digital ปรับค่าได้ง่ายดูค่าง่ายกว่า และ Fortuner มีแอร์เพดานที่แถวสองและสาม แอร์เย็นทั่วถึงกว่า Pajero Sport ที่แถวสองไม่มี แถวสามมีด้านขวามือ ถ้าในเวลาที่มีคนเมารถได้ลมเย็นๆ เป่าใกล้จมูกจะช่วยได้เยอะ Pajero Sport ถึงนั่งแค่แถวสองก็ควรเปิดแอร์แถวสามช่วงเพราะกว่าแอร์ข้างหน้าจะมาเย็นถึงแถวสอง จะรู้สึกความร้อนที่อยู่แถวสาม
จอบอกค่าสิ้นเปลือง ระยะที่จะวิ่งต่อไปได้ อุณหภูมิภายนอก ทิศ มีใน Fortuner ส่วน Pajero Sport ไม่มีให้ มีแล้วช่วยให้รู้ว่าขับขี่สิ้นเปลืองแค่ไหน เท่าที่วัดดู ค่าสิ้นเปลืองน้ำมันต่อกิโลบอกทศนิยมหลักเดียว กับการคิดเองจากเลขระยะกิโลหารด้วยจำนวนลิตรเป็นทศนิยมสองหลัก ได้ค่าต่างกัน .03-.05 ก็ถือว่าใกล้เคียงความจริง และบอกระยะทางที่จะวิ่งได้อีกเท่าไหร่ไม่ต้องเดา
พวง มาลัยของ Fortuner เป็นหนังผิวธรรมดาที่ดูจะมีความหนากว่าและขนาดหน้าตัดวงจะอวบเต็มมือ ส่วน Pajero Sport ผิวจะเรียบลื่นกว่าหน่อย ผิวคล้ายพวกกระเป๋าสะพายของสาว ไม่รู้จะทนหรือไม่เพราะเห็นกระเป๋าหนังแบบนี้ผิวลอกกันเยอะ ขนาดหน้าตัดวงจะเล็กกว่าหน่อย
การควบคุมพวงมาลัยของ Fortuner จะเหมือนรถอื่นๆ แต่ของ Pajero Sport ทำมาแปลกๆ คือถ้าเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา พวงมาลัยจะคืนตัวช้ามาหยุดอยู่ที่ 45 องศา ต้องสาวกลับเอง ถ้าเลี้ยวซ้ายออกจากซอย พอรถจะตั้งลำได้คิดจะเหยียบคันเร่งส่งไม่สาวพวงมาลัยคืนให้ตรงได้พุ่งเข้า ฟุตบาท แต่ถ้าเลี้ยวกลับรถพวงมาลัยคืนเร็ว แบบนี้ผมไม่รู้ว่าดีหรือไม่ดีแต่แน่ๆ คือขับแล้วเมื่อยแขนกว่ารถอื่นเพราะช่วง 45 องศาต้องสาวคืนเองตลอด
ความ สวยงามของคอนโซลและแผงข้างประตู Pajero Sport สวยกว่ามาก ที่วางแขนคอนโซลกลางสั้นถอยไปหลัง ถ้าจับพวงมาลัยที่ 9-10 นาฬิกาจะวางแขนไม่ได้ ต้องจับที่ 7-8 นาฬิกาถึงจะวางแขนได้ ส่วน Fortuner คอนโซลไม่ค่อนสวยแถมมีช่องวางของทรงประหลาดๆ ใต้ช่องแอร์ และทั้งคู่ให้ช่องเก็บของมาน้อยมากทั้งคู่
ที่วางแก้ววางขวด แถวหน้า Fortuner ถ้าเป็นขับสอง เบาะหน้าจะมีช่องวางแก้วที่คอนโซล 2 ช่อง ที่คอนโซลกลาง 2 ช่อง ที่วางขวดที่ประตู 2 ช่อง เบาะแถวสองมีที่วางแก้วหลังคอนโซนกลาง 2 ช่อง ที่วางขวดที่ประตู 2 ช่อง เบาะแถวสามที่วางแก้วหรือขวดสองช่อง สำหรับ Pajero Sport แถวหน้ามีที่วางแก้วที่คอนโซล 2 ช่อง ช่องหนึ่งมีถ้วยที่เขี่ยบุหรี่ต้องเอาออกถึงใช้วางแก้ว ที่วางขวดที่ประตู 2 ช่อง แถวสองมีที่วางขวดที่ประตู 2 ช่อง ที่วางแก้วอยู่ที่ท้าวแขนถ้านั่งสามคนอดใช้ เบาะแถวสามที่วางแก้วหรือขวดสองช่อง ถ้านั่งกันเต็มคัน Fortuner ไม่ต้องวุ่ยวายเรื่องที่วางแก้วเพราะให้มาเยอะ ยิ่งสมัยนี้เวลาเดินทางก็ต้องมีแก้วกาแฟ+ขวดน้ำดื่ม ให้มาเยอะหน่อยดีกว่ามีใช้น้อย
เบาะของ Pajero Sport ให้เบาะไฟฟ้าแบบ 8 ทิศทาง ให้มาคู่หน้าสองเบาะเลย ส่วน Fortuner ให้แบบ 6 ทิศทางเฉพาะคนขับ แต่เรื่องความนั่งสบายเบาะ Pajero Sport สั้นไปหน่อย ขับนานเมื่อยขาเร็วกว่า Fortuner เบาะแถวสองที่นั่งซ้ายขวาพอๆ กัน แต่ที่นั่งกลาง Fortuner นั่งสบายกว่า Pajero Sport เบาะตรงกลางมันนูนขึ้นและผนังพิงหลังแข็งและนูนกว่า ทำให้คนนั่งกลางนั่งแล้วตัวจะโยกจะเอียงไปขวาบ้างซ้ายบ้าง ตามการสะทือนของการวิ่ง เบาะแถวสามระยะห่างแจากแถวสองพอๆ กันทั้งคู่ ความสบายในการนั่ง Fortuner นั่งเดินทางไกลก็ได้แต่ไม่สบายเท่าแถวสอง นั่งอัดสามในระยะใกล้ได้ ส่วน Pajero Sport ทำเบาะมาแบบนั่งก้นต่ำเข่ายกสูง คล้ายๆ นั่งชันเข่าแต่มีเบาะรองหลังขาตลอด นั่งนานๆ จะเมื่อย และนั่งได้สองคนอัดสามไม่ไหว เพราะติดตู้แอร์ด้านขวาและผนังด้านซ้าย
การ พับเบาะ ของ Fortuner แถวสามต้องพับแล้วแขวนขึ้น ต้องยืดสุดตัวถึงแขวนได้ ถ้าเป็นผู้หญิงคงแขวนขึ้นไม่ไม่ถึง แขวนแล้วบางมีเสียงอี๊ดอาด ของ Pajero Sport พับลงได้เกือบจะเรียบทำให้ดูเรียบร้อยกว่า เรื่องการขนของก็พอๆ กัน เพราะ Fortuner ที่หายด้านข้างเพราะแขวนเบาะ ส่วน Pajero Sport ที่หายไปตรงพื้นเพราะพับลงพื้น มีปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นเพราะการพับเบาะลงพื้นของ Pajero Sport คือทำให้ยกพื้นสูงขึ้นทำกล่องใส่ของที่หลังเบาะแถวสาม ขอบพื้นเลยสูงกว่าของประตูหลังหลายครั้งเปิดประตูหลังแล้วของมักร่วงลงมา ต้องใส่ตาข่ายกันของร่วงไว้
ประตู การปิดประตู ประตูหน้าดีทั้งคู่ แต่ประตูแถวสองของ Pajero Sport รู้สึกต้องออกแรงมากกว่านิดหน่อย เมื่อฝนตก ถ้าจังหวะเปิดประตูของ Pajero Sport น้ำฝนและน้ำจากของประตูด้านบนจะหยดไหลลงที่ขอบๆ เบาะตรงหนังเบาะ ใกล้มุมพับเบาะตรงมุมพับ ต้องระวังไม่รู้ตรงนั้นมีอุปกรณ์ที่จะเสียหายจากความชื้นได้หรือไม่
ระบบ ปัดน้ำฝนอัตโนมัติและปรับความเร็วได้ Pajero Sport มีให้ Fortuner ไม่มี ตรงนี้ผมชอบมาก มันปรับให้ได้จังหวะตามปริมาณความแรงของเม็ดฝน และตามน้ำที่กระเด็นมาจากล้อ คันหน้าได้ดี และที่ปัดน้ำฝนหลังเปิดปุ๊บปรับให้สองครั้งก่อนเลย ตรงนี้่ก็ดีเพราะกวาดครั้งแรงกเลยสองรอบทำให้เห็นท้ายชัดเจนเร็ว ของ Fortuner ความเร็วต่ำสุดก็ยังรู้สึกเร็วไป ถ้าต้องการปัดแค่ละอองโคลนที่ปลิวมาเกาะหลังฝนตก
ระบบเปิดไฟหน้าอัตโนมัติก็ให้ความสะดวกสบายดี แต่บางทีมันเปิดเร็วไปหน่อย กลางวันเข้าใต้ทางด่วนก็เปิดให้แล้ว แต่พอฝนตกกลางวันมองรถกันไม่ชัดดันไม่เปิดไฟหรี่ให้
ระบบปรับระบบความสูงของไฟหน้ารถใหม่นี้ให้มาทั้งคู่แล้ว
ระบบทำฉีดน้ำความสะอาดโคมไฟหน้า ให้มาทั้งคู่แล้ว แต่ไม่ค่อยได้ใช้หรอก
ไฟส่องประตู Pajero Sport มีให้ Fortunerเป็น option เสริมราคา 1400 บาท
3. อัตราการกินน้ำมัน ความเร็ว 120 ก.ม./ช.ม. Fortuner 3.0V 4WD ปี 2010 ผมขับได้ในเมืองที่ 9.5-10.5 ออกต่างจังหวัดได้ 11.5 วัดจากจออัตราสิ้นเปลือง Pajero Sport 2.5 GT ปี 2011 ผมขับได้ในเมืองที่ 9.2-9.3 ต่างจังหวัดยังไม่เคยออก วัดจากระยะทางหารด้วยจำนวนน้ำมัน รู้สึกได้ว่า Pajero Sport กินกว่านิดๆ
4. ราคาขายต่อ Fortuner ดีกว่าชัดเจน ปีเก่าๆ ราคายังสูงอยู่เลย
5. ค่าซ่อมบำรุงตามระยะ (ในกรณีเข้าศูนย์บริการทุกครั้ง) อันนี้ยังตอบไม่ได้ เพราะ Pajero Sport เพิ่งได้เข้าเช็คครั้งเดียวที่พันกิโล ของ Fortuner จะแพงที่ทุกสองหมื่นกิโล ช่วงหนึ่งหมื่นสามหมื่นไม่แพงหลักร้อย คุณภาพศูนย์บริการของโตโยต้าดีกว่า บอกเวลาชัดเจน มีที่ให้รอเป็นสัดส่วนดี ของมิตซูเข้าเช็คพันโลตอนบ่ายโมง บอกเวลารับรถไม่ได้บอกได้แต่เย็นได้ บอกคิวเยอะทั้งที่โทรไปจองเวลาก่อนหนึ่งวัน ไปถึงกลับต้องรอคนที่ไม่ได้จองแต่มาก่อน ที่นั่งรอก็ไม่เป็นสัดส่วนอะไร
6.ภาษีรถ Fortuner เครื่อง 3000 ซีซี จ่ายหกพันเกือเจ็ดพันต่อปี Pajero Sport 2500 ซีซีจ่ายถูกกว่าปีละสี่พันห้า+-
ปัญหา หลักๆ ของทั้งสองคัน Fortuner ออกมาก่อนนานรุ่นแรกมีปัญหาเรื่องเบรค ควันย้อนเข้ารถ แต่รุ่นหลังแก้กันไปหมดแล้ว ดีตรงที่โตโยต้าแก้ปัญหาเหล่่านั้น ไม่ให้ตกค้างมาในคันหลังๆ จะมีก็ปัญหาที่ใจเพราะรถออกมานานคาดว่าปี 2014 จะมีตัวใหม่มาเลย ถ้าคุณเลือกผ่อนสี่ห้าปีผ่อนยังไม่หมดโฉมใหม่มาแล้วต้องไม่คิดมาก ส่วน Pajero Sport ออกมาหลังกว่าได้ Fortuner เป็นโจทย์เลยแก้ไปหลายจุด แต่มีปัญหาหลักที่เป็นตั้งแต่ออกมาเลยก็เฟืองท้ายหอน โช็ครั่ว เฟืองท้ายหอนคันไหนหอนจะเปลี่ยนให้แต่ก็บอกว่าเปลี่ยนแล้วก็ยังหอน อันนี้สำคัญเพราะมันไม่ได้เป็นของที่เราเปลี่ยนของอื่นใส่แทนได้ง่าย ไม่เหมือนโช็ครั่วอันนี้เรื่องเล็กเครมยุ่งยากก็เปลี่ยนยี่ห้อดีใส่ดีกว่า เดิมได้ด้วย
สรุปวัดความรู้สึกส่วนตัวต่อการใช้รถทั้งสองคัน Fortuner สมบูรณ์ต่อการใช้งานมากกว่าครบถ้วนกว่าแต่ต้องใช้เงินซื้อแพงกว่า ถ้าอยากประหยัดก็เลือก Pajero Sport เพราะก็ใช้ได้ดี
จากคุณ |
:
whaw13
|
เขียนเมื่อ |
:
1 ก.ย. 54 01:59:28
|
|
|
|
|