|
ดับเครื่องชน สรรพสามิต สับแหลกเก็บภาษีไม่เป็นธรรม ชมรมรถจดประกอบแห่งประเทศไทย ชี้ขาดความรู้ความเข้าใจตลาด รถเก่าเสียภาษีแพงกว่ารถใหม่ ยันทำถูกกฎหมาย ทุกอย่าง ครวญปรับภาษีใหม่รถค้างเติ่ง รอชำระภาษี 2,000 คัน รัฐสูญรายได้เหยียบ 10,000 ล้าน ท้าให้ปิดโรงงานหากเห็นเป็นธุรกิจสีเทา แต่ขอให้ปล่อยรถที่รอจด ทะเบียนยกลอต ลือผู้ประกอบการนัดแต่งดำ บุกประท้วงสรรพสามิต ด้านสรรพสามิตยันรถจดประกอบเลี่ยงกฎหมาย แง้มให้อธิบดีคนใหม่พิจารณาเรื่อง ชมรมรถจดประกอบแห่งประเทศไทยฮึดสู้ โต้สรรพสามิตอนุญาตทำทุกอย่างถูกกฎหมาย ลั่นปรับภาษีไม่เป็นธรรม รถค้างสต๊อกกว่า 2 พันคัน จ่ายภาษีแล้วกว่าพันล้านบาท ครวญดอกเบี้ยลงทุนบานครั้งนี้ เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 12.20 น. วันที่ 6 ก.ย. นายเอนกนพรัตน์ ชาวบ้านกร่าง อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 88/1 หมู่ 2 ต.ท่าระหัด อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรถยนต์จดประกอบชื่อนพรัตน์มอเตอร์ ตั้งอยู่ริมถนนสายสุพรรณบุรี-ชัยนาท หมู่ 5 ต.ท่าระหัด อ.เมืองสุพรรณบุรี และเป็นประธานชมรมรถยนต์จดประกอบแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ทางชมรมฯ ได้ออกแถลงการณ์หลังกรมสรรพสามิต เตรียมใช้มาตรการทางภาษีจับปรับย้อนหลังกับรถจดประกอบ ซึ่งทางชมรมเห็นว่ามีความไม่เป็นธรรมกับผู้ประกอบการ โดยเอกสารแถลงการณ์ได้ระบุข้อเท็จจริง ที่ผู้ประกอบการรถจดประกอบเชื่อว่าทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการดังนี้ 1. ตามที่เป็นข่าวว่าการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เป็นการหลีกเลี่ยงภาษีและใช้ช่องว่างของกฎหมายนั้นความเป็นจริงทางกรมศุลกากรได้มีระเบียบและกฎหมายให้นำเข้ามาในราชอาณาจักรได้และมีการจัดเก็บภาษีตามรุ่น ซีซีและปีที่ผลิต อยู่ก่อนหน้านี้แล้วและได้มีการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีให้สูงขึ้นมาตลอดเวลา จึงมีพ่อค้าเซียงกงนำเข้าชิ้นส่วนดังกล่าวมาขายกันตามปกติ ในตลาดมาหลายปี ต่อมา กรมสรรพสามิตมีนโยบายออกใบอนุญาตให้ตั้งโรงงานประกอบรถยนต์ได้และรับชำระภาษีรถยนต์จดประกอบก็มีพ่อค้าประชาชนทั่วไป เดินหาซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ดังกล่าวมาประกอบเป็นคันและนำไปเสียภาษีสรรพสามิต ตามอัตราการเสียภาษีลดหลั่นกันไปตามจำนวนซีซี เมื่อทุกขั้นตอนไม่ต้องมีการจ่ายใต้โต๊ะ จึงทำให้ผู้ประกอบการทั้งหลายคิดว่าไม่น่าจะผิดกฎหมายและไม่น่าจะเป็นธุรกิจสีเทาตามที่เป็นข่าว 2. กรณีข่าวที่ระบุว่ารถจดประกอบนั้นหลีกเลี่ยงภาษีต่ำกว่ารถเกรย์มาร์เก็ต (หรือรถที่นำเข้ามาทั้งคัน) ความจริงแล้วรถจดประกอบ มีการเสียภาษีศุลกากรเป็นอะไหล่หรือเป็นชิ้น ๆ มาทุกชิ้น เมื่อรวมภาษีที่ชำระทั้งหมดแล้วยังต้องไปชำระภาษีสรรพสามิตและภาษีมหาดไทยอีก จึงเป็นการเสียที่ซ้ำซ้อนจนมากกว่ารถเกรย์มาร์เก็ตเสียด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม อาจมีผู้ประกอบการบางรายที่เสียภาษีต่ำกว่าปกติ เพราะอาจมีวัตถุดิบที่แตกต่างกันก็เป็นได้ จึงทำให้แจ้งราคาหน้าโรงงานไม่เท่ากันในรุ่นและยี่ห้อเดียวกัน ประธานชมรมรถยนต์จดประกอบแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางกรมสรรพสามิตได้เรียกจัดเก็บโครงสร้างภาษีเข้ามาพิจารณาที่กรมสรรพสามิตและปรับราคาภาษีขึ้นหลายเท่าตัว โดยไม่แจ้งให้ผู้ประกอบการทราบล่วงหน้า จึงทำให้ผู้ประกอบการต้องประสบกับภาวะขาดทุนอย่างหนัก และไม่สามารถชำระภาษีอัตราใหม่ได้ การปรับโครงสร้างภาษีแบบนี้ ยังทำให้รถยนต์ราคาแพงเสียภาษีต่ำกว่ารถยนต์ราคาถูก ทางชมรมรถยนต์จดประกอบแห่งประเทศไทยจึงมีความเห็นตรงกันว่า การปรับโครงสร้างภาษีทั้งนี้ไม่มีความเป็นธรรมกับผู้ประกอบการและยังขาดความน่าเชื่อถือ ในวิธีการคิดและปรับโครงสร้างครั้งนี้ ผมขอยกตัวอย่างรถยนต์ 2 รุ่น ที่กรมกำหนดมาให้เป็นราคาขายหน้าโรงงาน เพื่อคำนวณภาษีสรรพสามิต เช่น รถยนต์นิสสันคิวบ์ ราคารถใหม่ที่เกรย์มาร์เก็ตอยู่ที่ 1,340,000 บาท ส่วนราคารถจดประกอบที่กรมกำหนดอยู่ที่ 889,800 หรือมินิคูปเปอร์ ราคารถใหม่อยู่ที่ 2,750,000 บาท ราคารถจดประกอบที่กรมกำหนดอยู่ที่ 756,000 บาท ทางการตลาดมินิคูปเปอร์มีราคาสูงกว่านิสสันคิวบ์อยู่มาก แต่สรรพสามิตกลับประเมินราคาหน้าโรงงานสวนทางกันอย่างมาก ชมรมฯ จึงเห็นว่ากรมสรรพสามิตขาดความรู้และความเข้าใจการตลาดอย่างเห็นได้ชัด นายอเนกนพรัตน์ กล่าวว่า หลังสรรพสามิต ออกประกาศฉบับใหม่เรื่องจัดเก็บภาษีรถยนต์ออกมา ทำให้รถยนต์ที่ผู้ประกอบการซื้ออะไหล่มาประกอบไว้แล้วเพื่อรอการชำระภาษีรวมกันทั้งหมดกว่า 2,000 คัน ชำระภาษีนำเข้าอะไหล่ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ต้องชะงักการเสียภาษีสรรพสามิตและต้องเสียดอกเบี้ยของต้นทุนที่กู้มาลงทุนและค่าใช้จ่ายคนงานรายเดือนเป็นเวลา 2 เดือนกว่า ที่สำคัญคือรัฐบาลเสียรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถจดประกอบที่รอเสียภาษีอีกราว 8,000 ล้านบาท ปัจจุบันมีโรงงานประกอบมากกว่า 200 โรงงาน ที่กรมสรรพสามิตได้ออกใบอนุญาตให้ ดังนั้นหากเรื่องยังเป็นสุญญากาศเช่นนี้ อาจมีคนงานหลายพันคนอาจจะต้องตกงาน ทางชมรมฯ เห็นว่าทางกรมสรรพสามิตควรจะพิจารณา หรือหาทางให้รถยนต์ที่โรงงานประกอบไว้แล้วหลายพันคันได้ชำระภาษีได้ในราคาที่เป็นกลางและเท่าเทียมกันทั่วประเทศ เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้ลุกลามไปมากกว่านี้ และนำภาษีไปพัฒนาประเทศชาติต่อไป ถ้าทางกรมสรรพสามิตเห็นว่าผู้ประกอบการหลีกเลี่ยงภาษีหรือเป็นธุรกิจสีเทาและสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ ก็ให้ยกเลิกการเสียภาษี และยกเลิกโรงงานประกอบไปเลย ทางชมรมยินดีจะเลิกตามมติของท่านเพียงแต่ขอให้ท่านพิจารณาส่วนที่ยังคงค้างอีกกว่า 2,000 คันนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน นายอเนกนพรัตน์ กล่าว รายงานข่าวแจ้งเพิ่มเติมว่า ได้มีกลุ่มผู้ประกอบการรถจดประกอบที่ไม่ใช่สมาชิกของชมรมฯ ราว 200-300 คน นัดแต่งดำบุกประท้วงการขึ้นภาษีรถยนต์ที่เห็นว่าไม่เป็นธรรมหน้ากรมสรรพสามิต ในวันที่ 7 ก.ย. รายงานข่าวจากกรมสรรพสามิต แจ้งว่า เมื่อกรมฯ ได้ออกประกาศเกี่ยวกับอัตราภาษีการนำเข้าชิ้นส่วนรถเก่าไปแล้ว ถือว่าเป็นกฎหมายต้องปฏิบัติตาม ไม่สามารถแก้ไขได้ ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง และตราบใดที่เห็นว่า มีการนำเข้าชิ้นส่วนรถยนต์เก่ามาพร้อมกับเครื่องยนต์ ในตู้คอนเทเนอร์เดียวกันลักษณะเหมือนตัวต่อเลโก้ เพื่อเตรียมมาประกอบในประเทศ ถือว่าเป็นการเลี่ยงกฎหมายทั้งนั้น อย่างไรก็ดี หากผู้ประกอบการมาประท้วงที่กรมฯ ก็ยินดีที่จะรับฟังปัญหา และขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนอธิบดีคนใหม่ ดังนั้น จะรับเรื่องไว้เพื่อให้อธิบดีคนใหม่พิจารณาต่อไป
จากคุณ |
:
ubonbuy
|
เขียนเมื่อ |
:
7 ก.ย. 54 19:56:45
|
|
|
|
|