ความคิดเห็นที่ 1 เรื่องราคาหักหน้าโรงงาน นี่อยากให้มีการคำนวณที่ถูกต้องออกมาครับ ค่ายรถคงต้องจัดการ จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:12:26

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ารู้ราคาหน้าโรงงาน แล้วเอาไปคิดย้อนกลับ ก็จะได้รู้ด้วยนะเนี่ยว่าบริษัทไหนบวกกำไรค่าการตลาดมากน้อยอย่างไร ลองคิดเล่นๆ ว่ามันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือเปล่าหว่า ถ้าสมมติว่าสองยี่ห้อราคาเท่ากัน เจ้าหนึ่งคนซื้อได้คืนภาษีน้อย แปลว่าต้นทุนการผลิตน้อย แต่บริษัทบวกกำไรเยอะ เปลี่ยนไปเลือกอีกเจ้าที่ต้นทุนการผลิตมาก เอากำไรน้อยดีกว่า จะเป็นแบบนี้ไหม แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 21:25:58 จากคุณ : ส้มซ่าน้อยตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:21:30

ความคิดเห็นที่ 3 รอดูค่าการตลาดอย่างใจจดจ่อ สงสัยต้องเปิดกระทู้ใหม่ทำนายค่าการตลาดของแต่ละยี่ห้อซะแล้วครับ จากคุณ : AutoSmart (ONT-อ้น) เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:31:03

ความคิดเห็นที่ 4 #2 อย่างที่บอกครับ ราคาหน้าโรงงานประมาณ 50-60% ของราคา Dealer รถตลาด เป็นเหมือนกันทุกเจ้าครับ คิดเบื้องต้นก่อนที่ 60% แล้วกัน Excite 30% กับ Vat 7% ทำให้ราคาไปถึง Dealer = 60% * 1.3 * 1.07 = 83.5% ของราคาขาย ให้ศูนย์ไปจัดการค่าดำเนินการ ดอกเบี้ย commission ส่วนลด ของแถม แต่ราคาที่โรงงานไม่เปิดคือ ต้นทุนการผลิตครับ ตัวนี้สำคัญ จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:32:21

ความคิดเห็นที่ 5 อิๆ นโยบายจัดการฐานภาษีลับๆของรัดบาน หลังจากพวกหนีภาษีรายงานตัวซื้อรถเสร็จ อีกปีสองปี จะถามหาว่าเอารายได้จากไหนมาซื้อรถ แล้วจับขึ้นทะเบียนเป็นผู้ต้องประเมินภาษีรายปี เพราะบ้านเราฐานภาษีต่อประชากรน้อยมาก คนทำงานมีรายได้เกินไม่รายงานตนเสียภาษีแยะ เรียกว่าอ่อยเหยื่อกินสองเด้ง จากคุณ : เยี่ยม เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:41:58 A:110.168.140.227 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 6 เหอ เหอ ขอบคุณ จขกท. นะครับ เพราะ คห. ข้อนี้ " 4 ราคาที่ได้ยกเว้นคือภาษีที่จ่าย ซึ่งเป็น % จากราคา หน้าโรงงาน หมายความว่าไม่ใช่ราคาขาย ที่ Dealer นะครับ ราคาหน้าโรงงานจริงๆประมาณ 50-60% ของราคาที่ Dealer เท่านั้น ต้องเอาราคานี้มาคูณกับพิกัดภาษี ถึงจะเป็นจำนวนที่ได้ยกเว้น เห็นหนังสือพิมพ์กับรถบางยี่ห้อ ออกมาเล่นแล้วว่าได้ลดเต็มที่ทั้ง 100,000 ซึ่งมันไม่ใช่ทุกตัว เท่าที่ดูต้องเป็นตัวท๊อป หรือรองท๊อปเท่านั้น หรือ blog บางแห่งคิดจากราคา Dealer ซึ่งไม่ถูกต้องครับ หลวมตัวโดนหลอกไปคืนได้ไม่เต็ม ไม่มีใครรับผิดชอบนะครับ ดูให้ดีก่อน " จะทำให้ พวกเรา ได้รู้เลยว่า ราคาขายก่อนคิดภาษี ของรถแต่ละรุ่น มากน้อยแค่ไหน เพราะ ถ้าผู้ผลิตตั้งราคาขายหน้าโรงงานสูง ก็จะต้องเสียภาษีสูง ด้วย ดังนั้น ก็น่าจะพยายามตั้งให้ต่ำ แต่พอมีเรื่องนี้เกิดขึ้นมา ทำให้ต้องมีการสำแดง ให้ผู้บริโภคเห็นว่า ราคารถแต่ละรุ่น ที่หน้าโรงงาน แต่ละรุ่น/ยี่ห้อ แพง หรือ ถูกกว่า รุ่น/ยี่ห้ออื่น ขนาดไหน จากคุณ : เรื่องนี้ เพิ่งจะคิดได้ตอนนี้ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 21:56:16 A:125.27.106.85 X: TicketID:314839

ความคิดเห็นที่ 7 โหวตให้ครับ จะได้เห็นกันทั่วๆ คราวนี้เราก็จะรู้ราคาขายหน้าโรงงานแล้ว จากคุณ : nMaster เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:06:55

ความคิดเห็นที่ 8 มารออ่าน ครับ ใครมีรายละเอียดก็ มาบอกเล่ากันครับ ช่วยๆกัน เหอๆ ชื้อให้น้องเมียอีกคัน เป็นชื้อเมียได้ไหมเนี้ย อิอิ จากคุณ : เรือลอยทะเล เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:11:02

ความคิดเห็นที่ 9  เท่าที่ผม ศึกษามา 1.4 เนี่ย มันก็ 17% เองนะครับ ไม่ใช่ 25%  ถ้า 25 % ไม่เกิน 2000 CC ครับ คือ 1.4-2.0 นะ จากคุณ : indysoft เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:26:17

ความคิดเห็นที่ 10 เรื่องราคาหน้าโรงงาน มันไม่หนีกันกี่มากน้อยหรอกครับ แต่ที่ Dealer จัดโปรแรงๆได้ เพราะโรงงาน หรือ Leasing ของบริษัทรถ Subsidize เพิ่มให้ เช่นกรณีโล๊ะสต๊อก การที่บอกว่าโรงงานตั้งราคาต่ำๆเพื่อภาษีน้อยๆ ไม่เป็นผลดีกับโรงงานประกอบเท่าไหร่ เพราะ Gap ที่เพิ่มขึ้่น ไม่ใช่โรงงานประกอบได้ แต่เป็น Dealer ซึ่งไม่เกี่ยวกับโรงงาน ได้ไปครับ แต่สิ่งที่บริษัทรถแข่งกันก็คือ ลดต้นทุนการผลิต ให้มีส่วนต่างจากราคาหน้าโรงงานมากขึ้น เพื่อเพิ่มกำไรมากกว่า ซึ่งการลดต้นทุนไม่ได้หมายถึงการกดราคา part เอาของห่วยมาใช้อย่างเดียว แต่หมายถึงการเพิ่ม effectiveness และ efficiency ในระบบการผลิด เริ่มจาก JIT/kanban ลามไป milkrun ลามไป standard platform เพื่อให้เป็น mass เป็นต้น ดังนั้น Gap หรือ margin ที่เยอะ ไม่ได้หมายความว่าบริษัทเอาเปรียบ แต่ส่วนหนึ่งหมายถึงบริษัทมีการจัดการที่ดีครับ ปล ผมไม่ใช่พนักงานบริษัทรถอวยโรงงานนะครับ จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:28:25

ความคิดเห็นที่ 11  เท่าที่ผม ศึกษามา 1.4 เนี่ย มันก็ 17% เองนะครับ ไม่ใช่ 25%  ถ้า 25 % ไม่เกิน 2000 CC ครับ คือ 1.4-2.0 นะ จากคุณ : indysoft เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:30:20

ความคิดเห็นที่ 12 อย่างนี้ืแฟนๆ Suzuki กับก็คงเซ็งไปตามๆกัน เพราะไม่ได้ประกอบในประเทศ จากคุณ : JJAOF เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:34:16

ความคิดเห็นที่ 13 17% เป็นพิกัดของ Eco Car ซึ่งมีเครื่อง 2 ขนาดคือ 1.4 ดีเซล หรือ 1.3 เบนซินครับ ดังนั้นถ้าเบนซิน เครื่อง 1.4 แต่ใช้ E20 ได้ จะใช้พิกัด 25% แต่รุ่นเดียวกันเครื่อง 1.2 จะใช้พิกัด 17% ครับ จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:36:15

ความคิดเห็นที่ 14 ยืนยันตาม จขกท.ครับ ภาษีสรรพสามิต = ( ราคาหน้าโรงงาน x อัตรา ) / ( 1 - ( 1 x อัตรา ) ) ครับ... อย่างไรก็ตามดีลเลอร์มีคำตอบให้แน่นอนครับว่า ที่ได้จริงๆเท่าไหร่... พูดกันในคำว่า Segment ของรถยนต์จะชัดเจนกว่าครับ Subcompact Car ก็คือ กลุ่มรถ 1400-1500 หรือมากว่า ที่ผู้ผลิตยื่นจดทะเบียนเป็น "รถยนต์นั่ง" ในรุ่น Vios , City , Yaris , Jazz , Fiesta , Aveo , Mazda 2 เป็นต้น กลุ่มนี้ถ้าไม่ใช่น้ำมัน E20 ก็มีอัตราที่ 30% ถ้า E20/E85 ก็ 25% Eco Car ก็คือ กลุ่มเครื่องต่ำกว่า 1400 แต่ผู้ผลิตจดยื่นจดทะเบียนเป็น "รถยนต์ประหยัดพลังงาน" อย่าง Brio , QQ นั่นเอง ก็จะมีอัตรา 17% ่ส่วนกระบะ ไม่ต้องพูดถึงมากมายอะไรอัตรา 3% สำหรับ ตอนเดียว และ ตอนครึ่ง / สี่ประตู 12% ครับ... แก้ไขเพิ่มเติมตามที่คุณ Dark Archon แย้งครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 22:51:57 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 22:40:05 แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 22:39:03 จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:37:05

ความคิดเห็นที่ 15 กระบะ อาจจะต่างสำหรับ Double Cap ครับ เพราะเป็นรถนั่งส่วนบุคคล ไม่ได้ใช้ 3% จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:46:35

ความคิดเห็นที่ 16 ผมว่าไม่จำเป็น  เงื่อนไขเยอะ  ซื้อเองดีกว่า  ไม่ต้องพึ่งใคร  ควรพูดเงื่อนไขแบบนี้  ตอนหาเสียงซิครับ  ท่านนายก  ต้องเป็ฯตัวของเอง  อย่าเชื่อลิ่วล้อมาก จากคุณ : สาวกเหล็ก เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:46:57

ความคิดเห็นที่ 17 จากความเห็นที่ 10 เรื่องต้นทุนการผลิตน้อย เข้าใจครับว่าอาจเป็นที่โรงงานมีประสิทธิภาพสูง หรือมียอดขายสูงประกอบกับกำลังการผลิตมาก ต้นทุนต่อหน่วยต่ำก็เป็นเรื่องธรรมดา ประมาณว่าบริษัท ก. ทำต้นทุนได้น้อยกว่าบริษัท ข. นั่นอาจเป็นเพราะรถ ก. ขายดีจึงมีกำลังการผลิตมาก ส่วนรถ ข. ขายไม่ดีเท่า ยอดสั่งจองน้อย ต้นทุนจึงสูงกว่าทั้งที่ใช้วัตถุดิบเกรดเดียวกัน แต่ที่ผมเปิดประเด็นคือเรื่องภาพลักษณ์ ถ้าสมมติว่า รถ ค. ต้นทุนเท่า ก. และ ข. แต่ตั้งราคาขายสูงกว่าเนื่องจากเป็นรถ Position สูงกว่า อันนั้นยังเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่ระหว่าง ก. กับ ข. ซึ่งเป็นรถเกรดเดียวกัน ก. ผลิตได้ถูกกว่า แต่ตั้งราคาเท่ากับ ข. จะส่งผลต่อภาพลักษณ์หรือเปล่าว่า ก. ขายดีอยู่แล้ว ต้นทุนก็น้อยกว่าอยู่แล้ว ยังจะมาเอากำไรแพงอีก แต่ถ้าผมเป็นผู้บริหาร ก. ผมคงจะตอบไปว่า ส่วนต่างนี้ คุณลูกค้าคงสัมผัสได้แล้วจากบริการที่ดีเยี่ยมของเราตั้งแต่ก่อนการซื้อถึงหลังการขาย เดาว่าถ้ามีคำถามนี้ ลำดับถัดไปก็น่าจะมีคำตอบประมาณนี้จริงๆ ล่ะมั้ง แก้ไขเมื่อ 13 ก.ย. 54 23:00:24 จากคุณ : ส้มซ่าน้อยตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:49:11

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่มีรุ่นไหนหรอกครับ 1,50x cc    งั้นเอาทางนี้มาทำเป็น taxi กันหมดและก็ต้องเสียภาษีแพงขึ้นสิ รึว่ามี ?? จากคุณ : dear.de เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:51:32

ความคิดเห็นที่ 19 อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ที่ไม่ทำเป็น taxi เพราะอาจจะแพงเพราะนำเข้าและไม่ใช่รถตลาดไงครับ ภาษี 149x กับ 150x มันก็อัตราเดียวกันนั่นแหละ จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 22:59:13

ความคิดเห็นที่ 20 ผมอยากทราบอย่างเดียวเลย คือหากต้องขาย(ผ่อนหมดแล้ว)  ก่อน 5 ปี เราต้องทำอย่างไร และอะไรคือผลเสีย จากคุณ : ทศ.. says รักนะ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:02:44

ความคิดเห็นที่ 21 #17 ถ้าอันนั้นหมายถึงต้นทุนการผลิดครับซึ่งในกรณีนี้เปิดราคาออกมาก็ไม่สามารถ เห็นได้ว่าราคาต้นทุนการผลิดเท่าไหร่ แต่สรรพสามิตรมีเงื่อนไขอีกข้อนึง ราคาหน้าโรงงานเมื่อรวมภาษีสรรพสามิตรแล้วต้อง ไม่น้อยกว่า 76% ของราคาที่ Dealer ครับ ทำให้อาจจะแกะไปต่อยากอีกนิดนึง จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:03:38

ความคิดเห็นที่ 22 #20 เงื่อนไขยังไม่เปิดออกมาครับ ว่ายังไง ซึ่งมันต้องมีเหตุการณ์นี้อยู่แล้ว ตาย โดนยึด พังประกันคืนทุน ก็ถ้าแนวเดียวกับสรรพากร ก็ต้องจ่ายคืนภาษี + ดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:06:31

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบคุณ Dark Archon ครับ จากความเห็นที่ 21 ผมก็พอจะคำนวณได้แล้วว่าผมจะได้เงินประมาณเท่าไร ส่วนข้อมูลเชิงลึกอื่นๆ ก็จะติดตามต่อไปครับ จากคุณ : ส้มซ่าน้อยตัวใหญ่ เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 54 23:17:19

ความคิดเห็นที่ 24 ทำประมาณการภาษีไว้ที่นี่นะครับ http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V11064389/V11064389.html จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 00:51:56

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณมาครับที่ให้ข้อมูล จากคุณ : starjoke20 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 06:04:31

ความคิดเห็นที่ 26 ย้ำตามข้อ 4. ครับ ไม่มีสื่อไหนพูดถึง รวมถึงสื่อในช่วงเช้าๆ ที่ฟังๆ กัน ... เขาไม่ได้ไม่พูด แต่พูดไม่หมด หลอกควายไปวันๆ จากคุณ : mynameispop เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 08:23:26

ความคิดเห็นที่ 27 เฮ้อ....ประเทศไทย รวยจริง ๆ อุดหนุนให้คนซื้อสินค้าฟุ่มเฟือย เอาใจภาคอุตสาหกรรม กับคนรวย > > > แต่ภาคเกษตรกรรม ต้องต่อสู้ด้วยตัวเอง ถึงแม้รับจำนำเกวียนละ 15,000 บาท  แต่จะมีซักกี่คนที่ได้ราคาจำนำตามนี้ ยังไงก็โดนโรงสีกดราคา อยู่ดี แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 54 08:31:16 จากคุณ : cheersko เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 08:30:15

ความคิดเห็นที่ 28 ออกนโยบายอย่างนี้ออกมาปัญหาเยอะเหมือนกันนะครับ ถ้าให้ตามที่บอกไว้ทีแรกคงไม่ยุ่งขนาดนี้ รถราคาไม่เกิน 1 ล้าน ลดให้ 100,000 ทุกยี่ห้อเอาแค่จำกัด CC กับ รถประหยัดพลังงาน รถปิ๊คอัพเพื่อการพานิช ส่วนนี้ก็น่าจะได้เหมือนกันก็ได้นี่เล่นเงื่อนไขมากมายขนาดนี้ โปรโมชั่น 1 ปีเหมือนโทรศัพท์เลย แถมเกิดปัญหาระหว่างการผ่อน ยังต้องมาโดนคืนภาษีย้อนหลังอีก ผมก็จะซื้อรถปีหน้าเหมือนกันยังคิดอยู่เลยว่าจะใช้สิทธิ์นี้หรือปล่าว จากคุณ : ปกรณ์ (DDRW) เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 08:49:55

ความคิดเห็นที่ 29 เงื่อนไขเกียวกับ "จำนวนเงิน" ไม่เยอะหรอกครับ เพียงแต่มันคือสิ่งที่เราๆไม่เคยรู้และรับทราบ มันก็เลยเป็นดูยุ่งยากไปหมด ทั้งๆที่ ที่จริงแล้ว ไม่มีอะไรยุ่งยากเลย มีสูตรคำนวนตายตัวชัดเจนทุกอย่าง... จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 12:38:17

ความคิดเห็นที่ 30 ยิ่งอ่านเงื่อนไข แล้วยิ่งปวดหัว -*- จากคุณ : โรคจิตคอยแอบมองให้เธอมีรอยยิ้ม เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 13:22:51

ความคิดเห็นที่ 31 แสดงว่าราคาขายหน้าโรงงานก่อนรวมภาษีสรรพสามิตจะต้อง > 61% ของราคาปลีกสินะ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : dukeniklover เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 13:43:46

ความคิดเห็นที่ 32 สบายใจไม่ต้องปวดหัว  เพราะไม่มีโอกาสจากนโยบายนี้ เพราะ -  มีรถเก่าๆ  อยู่แล้ว ไม่ต้องสร้างหนี้เพิ่ม ใช้แค่ "พอเพีียง" -  รายได้น้อย ไม่พอซื้อรถ แต่พอใช้แบบชิวๆ ไม่ต้องขอแม่ ก็ "พอเพียง" จากคุณ : p3024 เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 16:10:12

ความคิดเห็นที่ 33 อย่าไปซีเรียสกันครับ นโยบายมันแปบเดียวเอง คนที่ได้รับประโยชน์จริงๆ มีไม่กี่คนเอง ข้อจำกัดเยอะแยะ ให้ผมวิเคราะห์น่าจะมีแค่คนที่มีกำลังทรัพย์พอ และวางแผนอยู่แล้วที่จะออกคันแรก ถ้าจำกัดว่าต้องอยู่ในระบบภาษี ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีกมาก (ประเทศมีคนเสียภาษีแค่สิบล้าน) และการคืนภาษี ไม่ใช่การลดราคา มันไม่ได้กระตุ้นให้คนซื้อเพิ่มขนาดนั้น สรุป ผมว่าก็เหมือนไอโฟนครึ่งราคาแหละ การตลาดล้วนๆ จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:19:21

ความคิดเห็นที่ 34 อย่างนี้ต้องซื้อเป็นเงินสดหรือเปล่าคะ เพราะถ้าซื้อผ่อน ชื่อก็ต้องเป็นของไฟแนนซ์ก่อนหรือเปล่า แล้วถึงโอนมาให้ผู้ซื้อทีหลัง แต่ภายใน 5 ปี มีเงื่อนไขไม่ให้โอน แอบงง ถกเถียงกับเพื่อน ๆ อยู่อ่ะค่ะ จากคุณ : Dinie เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 19:16:21

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ ^ ทันทีที่ผ่อนหมดก็ไฟแนนท์สามารถโอนเป็นชื่อผู้ซื้อได้ แต่ไม่สามารถขายต่อผู้อื่นได้ จนกว่าจะครบ 5 ปี แบบนั้นหรือเปล่าคะ เราว่างั้นนะ จากคุณ : สวยบนดอย เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:01:47

ความคิดเห็นที่ 36 #34 ไม่ต้องซื้อเป็นเงินสดครับ จากคุณ : Dark Archon เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 20:33:30

ความคิดเห็นที่ 37 รายละเอียดเพิ่มเติม    ตาราง ราคารถแต่ละรุ่น เมื่อหักภาษีแล้ว  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tvonline&month=13-09-2011&group=12&gblog=2  มติโครงการ ที่ยื่น ครม. วันนี้  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=khemtid&month=13-09-2011&group=13&gblog=12 จากคุณ : indysoft เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 22:17:47

ความคิดเห็นที่ 38 คลิปข่าวครับ มาฟังกันให้ชัดๆ  http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=tvonline&month=15-09-2011&group=12&gblog=4   จากคุณ : indysoft เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 05:43:09

ความคิดเห็นที่ 39 นโยบายสกิด กิเลส..บางคนไม่สนใจที่จะใช้รถ..จะทนไหวไหม จากคุณ : น้ำพริกนรก เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 08:01:20

ความคิดเห็นที่ 40 งงกับนโยบาย น่าจะเน้นไปที่ปัจจัย 4 มากกว่า สินค้าฟุ่มเฟือยไม่น่าจะสนับสนุน ซื้อแล้วต้องมาเติมน้ำมัน ผ่อน ซ่อม ดูแลรักษา เงินออมจะน้อยลง จากคุณ : nilnate เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 10:49:00

ความคิดเห็นที่ 41 36 แล้วถ้าโดนยึดจะทำยังไงล่ะครับ เพราะไฟแนนซ์เอาไปขายไม่ได้ภายใน 5 ปี แล้วถ้าเป็นแบบนี้ไฟแนนซ์จะยอมปล่อยตั้งแต่ทีแรกหรือครับ จากคุณ : idolation เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 11:37:33

ความคิดเห็นที่ 42 อ่านมาก็เห้นว่าปกติ 4 ราคาที่ได้ยกเว้นคือภาษีที่จ่าย ซึ่งเป็น % จากราคา หน้าโรงงาน หมายความว่าไม่ใช่ราคาขาย ที่ Dealer นะครับ ยแกเว้นข้อนี้ อิอิ อยากเห็นเหมือนกันว่าราคาหน้าโรงงานมันเท่าไร่กันแน่ จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 12:16:00

ความคิดเห็นที่ 43 ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกมันมีสองด้าน  ดีแล้วที่คนมองเห็นเหรียญทั้งสองด้าน  เห็นทั้งหัวทั้งก้อย อยู่ที่ว่าคุณจะใช้เหรียญนั้นให้เป็นประโยชน์    หรือคุณจะใช้เหรียญนั้นใช้จ่ายเพื่อ.. ฆ่าตัวเอง? จากคุณ : siLvan เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 12:20:49

ความคิดเห็นที่ 44 ก่อนหน้านี้....ยกเลิกการเก็บเงินเข้ากองทุน  น้ำมันจึงลดราคาลง ตอนนี้.....ให้ออกรถราคาถูกๆ (ก็ดีนะ) ต่อมา....พอคนขับรถกันเยอะขึ้น ก็เติมน้ำมันเยอะขึ้น ต่อไป...พอเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเช่นเดิม น้ำมันก็ถีบราคาสูงขึ้น และอาจสูงขึ้นไปเรื่อยๆ (รัฐต้องเอาคืนบ้างหละ)....เพราะเสียไปเยอะ ฉะนั้น....คนเบี้ยน้อยก็อย่าประมาทว่าออกรถได้ถูกๆ แล้วจะได้เติมน้ำมันถูกๆหล่ะครับ ^^ มีรถก็ต้องมีค่าใช้จ่าย  อย่าประมาทกันหล่ะครับ ^^ จากคุณ : อวตาร เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 13:12:09

ความคิดเห็นที่ 45 ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ ระวังตัวกันไว้ด้วยนะครับ เด๋วคงจะมีอะไรมาเอาคืนบ้างหล่ะ จากคุณ : dezide เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 14:24:01

ความคิดเห็นที่ 46 ระวังเห่อกัน จะผ่อนไม่ไหวจะโดนยึดแถมไม่ได้เงินแสนคืนอีก จากคุณ : credor เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 17:33:10

ความคิดเห็นที่ 47 ความคิดเห็นที่ 33     อย่าไปซีเรียสกันครับ นโยบายมันแปบเดียวเอง คนที่ได้รับประโยชน์จริงๆ มีไม่กี่คนเอง ข้อจำกัดเยอะแยะ ให้ผมวิเคราะห์น่าจะมีแค่คนที่มีกำลังทรัพย์พอ และวางแผนอยู่แล้วที่จะออกคันแรก ถ้าจำกัดว่าต้องอยู่ในระบบภาษี ก็จะยิ่งน้อยลงไปอีกมาก (ประเทศมีคนเสียภาษีแค่สิบล้าน) และการคืนภาษี ไม่ใช่การลดราคา มันไม่ได้กระตุ้นให้คนซื้อเพิ่มขนาดนั้น สรุป ผมว่าก็เหมือนไอโฟนครึ่งราคาแหละ การตลาดล้วนๆ จากคุณ : 30Seconds2Dreams   เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 54 18:19:21   ถูกใจ : Dark Archon, เมื่อไรจะมีฯ ข้อความของคุณทำให้เราสับสนมาก ๆ ค่ะ หมายความว่า  คนที่ซื้อรถคันแรก ที่ไม่มีเงินเดือน  เช่นแม่บ้าน  อาชีพอิสระ  ที่ไม่ได้อยู่ในระบบภาษี (ไม่มีเงินเดือนที่ระบุว่าเสียภาษี) จะไม่ได้รับเงินภาษีคืนเหรอคะ..................................... กรุณาค่ะ ใครก็ได้ช่วยชี้แจงทีค่ะ  ปวดหัวจะระเบิดแล้ว  สับสนหลักเกณฑ์จริง ๆ จากคุณ : cream cupcake เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 54 20:59:44

ความคิดเห็นที่ 48 #33  อาชีพอะไรก็ได้ครับ  ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เสียภาษีเงินรายได้ส่วนบุคคล หรืออยู่ในระบบภาษี  ก็สามารถซื้อได้ครับและสามารถได้รับภาษีคืนเหมือนๆกันทุกคนครับ เพียงแต่หากผ่อนไม่หมดไม่ไหว หรือปล่อยให้รถถูกยึด  ก็จะถูกรัฐเรียกคืนภาษีตามที่รัฐได้จ่ายมาให้เราตอนที่เราครองรถมาเกินหนึ่งปีไปแล้วยังไงหละครับ จากคุณ : Noi hp เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 54 12:58:54