เพื่อความสบายใจแก่ใครหลายๆคนนะครับ ที่กังวลกรณีขายรถไปแล้ว ไม่ว่านานกี่ปีหรือไม่กี่วันก็ตาม ในทางกฎหมาย ถือว่าคุณไม่ใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์ในรถยนต์นั้นแล้วทันที ที่ซื้อขายกัน รถยนต์เป็นสังหาริมทรัพย์ ย่อมโอนกันได้ด้วยการส่งมอบกันเท่านั้น มีผลให้กรรมสิทธิ์โอนไปยังผู้ซื้อทันที แม้ว่าจะยังไม่ชำระราคาก็ตาม
ชื่อในสมุดคู่จะเบียนนั้น ไม่ใช่เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ แต่เป็นแค่เพียงเอกสารที่ใช้ในการตรวจสอบของกรมขนส่ง เพื่อให้ทราบว่าใครครอบครอง และเป็นตัวกำหนดการเสียภาษีเท่านั้น ดังนั้น ใครจะมีชื่อในทะเบียนรถนั้น จึงไม่ใช่สาระสำคัญว่า ผู้นั้นต้องรับผิดเสมอไป เพราะหากซื้อขายกันไปแล้ว ถ้ายังไม่โอนเปลี่ยนชื่อทางทะเบียน ก็แค่ถูกปรับตามกฎของขนส่ง (ถ้าจำไม่ผิดปรับ ๒๐๐ บ.) เท่านั้น โดยไม่ทำให้คุณต้องรับผิดอื่นๆ จากการที่ไม่โอนเปลี่ยนชื่อเป็นผู้ซื้อคนใหม่ไปได้
สรุป ง่ายๆ สั้นๆ คือ ไม่ต้องกังวลครับ ของผมขายไปไม่รู้กี่คันแล้ว สัญญามีมั้ง ไม่มีมั้ง อันไหนมีสัญญาก็เก็บไว้ไม่กี่เดือนก็ทิ้งไปแล้ว ส่วนคนซื้อไปจะเปลี่ยนชื่อหรือไม่ ก็เรื่องของเค้า ไม่เกี่ยวกับเรา
หลายคนกลัวว่า หากไม่เปลี่ยนชื่อเป้นคนซื้อคนใหม่ หากเอารถไปทำผิดกฎหมาย ตร.จะตามมาจับเราหรือเอาเราเข้าคุกฐานเป้นเจ้าของรถหรือไม่ อันนั้นสบายใจได้ รถก็คือรถ เมื่อเราขายไปแล้ว เราก็ไม่ต้องรับผิดชอบอีก จริงอยู่ ตร.อาจติดต่อเรา เพราะชื่อทางทะเบียนเป็นชื่อเรา แต่ถ้าเรายืนยันได้ว่า เราขายไปแล้ว เราก็ไม่ต้องรับผิดครับ
คุณอาจถามกลับมาว่า ตร.จะเชื่อเราได้อย่างไร เพราะสัญญาซื้อขายไม่มี อันนั้นไม่ต้องกังวลครับ กฎหมายไม่ได้กำหนดว่า การซื้อขายสังหาฯ จะต้องทำสัญญากันเสมอไป เพราะหากไม่ทำสัญญา แต่ส่งมอบของ ส่งมอบเงิน ก็ถือว่าสัญญาซื้อขายบังคับกันได้อยู่แล้วตามกฎหมาย และเป็นเรื่องทางแพ่งที่เรียกร้องให้ชำระค่ารถเท่านั้น หรือ ฟ้องเรียกให้ส่งรถเท่านั้น หากส่งรถแล้ว ได้เงินแล้ว ทุกอย่างจบ ส่วนเรื่องทางอาญานั้น ใครทำคนนั้นรับไป รถถูกยึดก็เรื่องของรถ เพราะไม่ใช่รถเรา เราไม่ต้องรับผิดชอบ และเราก็ไม่ได้อยู่ในขณะกระทำความผิดด้วย จึงไม่ต้องกังวล...
อย่าว่าแต่รถยังไม่เปลี่ยนชื่อเลย ต่อให้รถคันที่กระทำผิดกฎหมาย เป็นของเราจริงๆ และชื่อในทะเบียนก็เป้นชื่อเรา ตร.ยังเอาเรื่องเราไม่ได้เลย หากว่าเราไม่ได้อยู่ในการกระทำความผิดนั้นๆ..
จากคุณ |
:
น้าออด
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ต.ค. 54 12:00:00
|
|
|
|