PANTIP.COM : V11577837 วิธีรับมือกับกฎหมายไม่ขับชิดขอบทางด้านซ้ายทำอย่างไร [มอเตอร์ไซค์]

ความคิดเห็นที่ 7

http://www.bid80.com/forum/index.php?topic=99.0

หลายคนคงเคยโดนข้อหา ขับรถไม่ชิดขอบทางด้านซ้าย ผมก็เคยโดนตอนมาเข้างานเวรบ่าย สน. บางเขน ตั้งด่านที่หน้าป่าไม้ เลยป้ายรถเมล์หน้า ม.ศรีปทุมไปนิดหน่อย

รถเมล์เข้าป้าย แทร็กซี่จอดรับส่งผู้โดยสาร รถตู้อีก ไหนจะรถนักเรียน ครู อาจารย์ ที่จะเข้า ม. อีก ผมขับแซงรถที่จอดเข้าป้ายอยู่ แซงขึ้นขวามา เจอด่านโดนจับ บอกว่าผมวิ่งขวา ตามกฏหมายให้มอเตอร์ไซค์วิ่งชิดขอบทางด้านซ้าย

ถึงคราวที่ต้องหัวหมอ มาดูกันครับว่าเราจะอ้างกฏหมายยังไง
ตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 33 ระบุไว้ว่า

อ้างถึง

มาตรา ๓๓ ในการขับรถ ผู้ขับขี่ต้องขับรถในทางเดินรถด้านซ้ายและต้องไม่ล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถ เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาหรือล้ำกึ่งกลางของทางเดินรถได้

(๑) ด้านซ้ายของทางเดินรถมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร
(๒) ทางเดินรถนั้นเจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
(๓) ทางเดินรถนั้นกว้างไม่ถึงหกเมตร

ที่ตำรวจให้ผมขับชิดขอบทางด้านซ้ายนั้นก็ถูกต้องตามกฏหมาย ผมผิดจริงแต่ตามข้อยกเว้น ตาม ข้อ 1 รถเมล์เข้าป้าย แทร็กซี่จอดรับส่งผู้โดยสาร รถตู้ และรถนักเรียน ครู อาจารย์ ที่จะเข้า ม. ถือเป็นสิ่งกรีดขวาง ที่ผมควรจะแซงขวาขึ้นไปได้ตามข้อยกเว้น เพราะถ้าไม่แซงก็คงต้องจอดดมควันรถเมล์ไปจนกว่า รถเมล์จะออกจากป้าย

แต่ก็ยังไม่ถูกเสมอไป มาดูมาตรา 34 กันต่อ เพราะถ้าเราแซงขวาขึ้นไปเลยก็ยังอาจจะผิดตาม มาตรา 34 ได้นะครับ

ตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 34 ระบุไว้ว่า

อ้างถึง

มาตรา ๓๔ ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สอง ช่องขึ้นไป หรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุด ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุดหรือใกล้กับช่องเดินรถประจำทาง เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้ ให้เดินทางขวาของทางเดินรถได้

(๑) ในช่องเดินรถนั้นมีสิ่งกีดขวางหรือถูกปิดการจราจร
(๒) ทางเดินรถนั้น เจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นทางเดินรถทางเดียว
(๓) จะต้องเข้าช่องทางให้ถูกต้องเมื่อเข้าบริเวณใกล้ทางร่วมทางแยก
(๔) เมื่อจะแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น
(๕) เมื่อผู้ขับขี่ขับรถด้วยความเร็วสูงกว่ารถในช่องเดินรถด้านซ้าย

คือหากเราจะแซงขวาของสิ่งกรีดขวาง ตามข้อยกเว้นที่ 1 รถเมลที่เข้าป้ายเป็นสิ่งกรีดขวาง และเราต้องการแซง ตามข้อยกเว้นที่ 4 และขณะที่เราแซงก็ต้องใช้ความเร็วสูงกว่ารถคันที่เราจะแซงด้วย ตามข้อยกเว้นที่ 5

ซึ่งถ้าจะพูดกันตามข้อกฏหมาย ตามมาตร 34 ข้อ 5 เราก็สารมาตรที่จะวิ่งขวาได้แต่เราต้องขับขี่ด้วยความเร็วกว่าคันอื่นที่อยู่ในช่องทางซ้าย เพราะตามกฏหมายก็ไม่ได้ระบุไว้ว่าห้ามรถมอเตอร์ไซค์ขับขี่ในช่องทางขวา แต่ขับได้ ตามข้อยกเว้น 1 , 4 , และ 5 ตามลำดับ

แต่พอจะผิดก็จะไปโดนตามมาตร 35 วรรค 2 ครับ พี่น้อง

ตามพระราชบัญญัติ จราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 35 ระบุไว้ว่า

อ้างถึง

มาตรา ๓๕ รถที่มีความเร็วช้าหรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่ขับใน ทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้

ผู้ ขับขี่รถบรรทุก รถบรรทุกคนโดยสาร รถจักรยานยนต์ในทางเดินรถซึ่งได้แบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ ตั้งแต่สองช่องขึ้นไปหรือได้จัดช่องเดินรถประจำทางด้านซ้ายไว้โดยเฉพาะ ต้องขับรถในช่องเดินรถด้านซ้ายสุดหรือใกล้เคียงกับช่องเดินรถประจำทางแล้ว แต่กรณี

ความในวรรคสองมิให้ใช้บังคับ แก่รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคลที่มีน้ำหนักไม่เกินหนึ่งพันหกร้อยกิโลกรัม และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกินเจ็ดคน ตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์

หัวหมอกันไปมาก็มาจบที่มาตรา 35 วรรค 2 ครับ แต่เราก็ต้องสู้กันด้วยมาตรา 33 และ มาตรา 34 จากกรณีที่แซงรถเมล์เข้าป้าย แล้วขับขึ้นช่องทางด้านขวา วิธีที่ถูกต้อง ควร ปฏิบัติตามมาตรา 44

ตามวรรค 2 ตรงที่ผมทำตัวหนาไว้ นั้นคือจุดที่เราจะยกไปในมาตรา 34 ครับ กรณีนี้คือแซงโดยให้เราวิ่งอยู่กิ่งกลางด้านซ้ายของเลนที่เราขับแซงครับ อย่าออกไปกิ่งด้านขวา คือประมาณว่าให้เราแซงโดยที่เราขับอยู่ประมาณล้อซ้ายของรถยนต์ พร้อมกับให้สัญญาณไฟ ก่อนแซง 30 เมตร และหลังแซง 30 เมตร

แต่ตามกฏหมายบอกว่าไม่น้อยกว่า 30 เมตร ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับฝีปาก และความสามาถส่วนตัวครับ ว่าจะหัวหมอได้มากน้อยแค่ไหน

อ้างถึง

มาตรา ๔๔ ผู้ขับขี่ซึ่งประสงค์จะขับรถแซงเพื่อขึ้นหน้ารถอื่นในทางเดินรถ ซึ่งไม่ได้แบ่งช่องทางเดินรถไว้ ต้องให้สัญญาณโดยกระพริบไฟหน้าหลายครั้ง หรือให้ไฟสัญญาณยกเลี้ยวขวา หรือให้เสียงสัญญาณดังพอที่จะให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถคันหน้าให้สัญญาณตอบตาม มาตรา ๓๗ (๓) หรือมาตรา ๓๘ (๓) และเมื่อเห็นว่าไม่เป็นการกีดขวางรถอื่นที่กำลังแซงแล้ว จึงจะแซงขึ้นหน้าได้

การแซงต้องแซงด้านขวาโดยมีระยะ ห่างจากรถที่ถูกแซงพอสมควรเมื่อเห็นว่าได้ขับผ่านขึ้นหน้ารถที่ถูกแซงไปใน ระยะที่ห่างเพียงพอแล้วจึงจะขับชิดด้านซ้ายของทางเดินรถได้

อ้างถึง

มาตรา ๓๖ ผู้ขับขี่ซึ่งจะเลี้ยวรถ ให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้า เปลี่ยนช่องเดินรถ ลดความเร็วของรถ จอดรถ หรือหยุดรถ ต้องให้สัญญาณด้วยมือและแขนตามมาตรา ๓๗ หรือไฟสัญญาณตามมาตรา ๓๘ หรือสัญญาณอย่างอื่นตามข้อบังคับของเจ้าพนักงานจราจร

ถ้าโดยสภาพของ รถ สภาพของการบรรทุก หรือสภาพของทัศนวิสัยการให้สัญญาณด้วยมือและแขนตามวรรคหนึ่งไม่อาจทำให้ผู้ ขับขี่ซึ่งขับรถสวนมาหรือตามมาข้างหลังมองเห็นได้ ผู้ขับขี่ต้องให้ไฟสัญญาณ

ผู้ ขับขี่ต้องให้สัญญาณด้วยมือ และแขน ไฟสัญญาณหรือสัญญาณอย่างอื่นตามวรรคหนึ่งก่อนที่จะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ จอดรถหรือหยุดรถเป็นระยะทางไม่น้อยกว่าสามสิบเมตร

ผู้ ขับขี่ต้องให้สัญญาณด้วยมือ และแขน ไฟสัญญาณหรือสัญญาณอย่างอื่นตามวรรคหนึ่ง ให้ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถอื่นเห็นได้ในระยะไม่น้อยกว่าหกสิบเมตร

อ้างถึง

มาตรา ๓๗ การให้สัญญาณด้วยมือและแขน ให้ปฏิบัติดังต่อไปนี้

(๑) เมื่อจะลดความเร็วของรถ ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และโบกมือขึ้นลงหลายครั้ง
(๒) เมื่อจะหยุดรถ ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ ยกแขนขวาท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนและตั้งฝ่ามือขึ้น
(๓) เมื่อจะให้รถคันอื่นผ่านหรือแซงขึ้นหน้า ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และโบกมือไปทางข้างหน้าหลายครั้ง
(๔) เมื่อจะเลี้ยวขวาหรือเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางขวา ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่
(๕) เมื่อจะเลี้ยวซ้ายหรือเปลี่ยนช่องเดินรถไปทางซ้าย ให้ผู้ขับขี่ยื่นแขนขวาตรงออกไปนอกรถเสมอระดับไหล่ และงอข้อมือชูขึ้นโบกไปทางซ้ายหลายครั้ง

เพื่อประโยชน์แห่งมาตรานี้ ในกรณีรถยนต์นั้นมีเครื่องขับอยู่ทางด้านซ้าย ให้ผู้ขับขี่ใช้ไฟสัญญาณแทนการใช้สัญญาณด้วยมือและแขน

อ้างถึง

มาตรา ๓๘ การให้ไฟสัญญาณของผู้ขับขี่รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ให้ปฏิบัติ ดังต่อไปนี้

(๑) เมื่อจะหยุดรถ ผู้ขับขี่ต้องให้ไฟสัญญาณสีแดงที่ท้ายรถ
(๒) เมื่อจะเลี้ยวรถ เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น ผู้ขับขี่ต้องให้สัญญาณยกเลี้ยวสีเหลืองอำพัน หรือให้ไฟสัญญาณกระพริบสีขาวหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่หน้ารถหรือข้างรถ และไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่ท้ายรถไปในทิศทางที่จะ เลี้ยว เปลี่ยนช่องเดินรถ หรือแซงขึ้นหน้ารถคันอื่น
(๓) เมื่อจะให้รถคันอื่นแซงขึ้นหน้า ผู้ขับขี่ต้องให้ไฟสัญญาณยกเลี้ยวสีเหลืองอำพัน หรือให้ไฟสัญญาณกระพริบสีแดงหรือสีเหลืองอำพันที่ติดอยู่ท้ายรถทางด้านซ้าย ของรถ

สรุปสาระสำคัญ

มอเตอร์ไซค์สามารถวิ่งเลนขวาได้ ตามกรณี แซง เลี้ยวขวา กลับรถ ใช้ความเร็ว ตามมาตรา 33 และ 34 ตามที่ระบุในข้อยกเว้น เช่นการแซงรถคันข้างหน้า หลบสิ่งกรีดขวาง หรือใช้ความเร็วกว่ารถคันที่อยู่เลนซ้าย แต่ความเร็วต้องอยู่ขอบเขตที่กฏหมายกำหนด การแซงก็ต้องให้สัญญาณเพื่อบอกคันข้างหน้า ตามมาตรา 44 และที่อ้างอิงไปยัง มาตรา 37 และ 38 การเลี้ยว การกลับรถก็ต้อให้สัญญาณตาม มาตรา 36 , 37 , 38 ไม่น้อยกว่า 30 เมตร ในจุดที่จะกลับรถหรือเลี้ยวรถ

ที่เหลือก็ความสามารถส่วนบุคคล ในการพูดกับเจ้าหน้าที่ ข้อควรระวังอย่าใช้อารมณ์ให้พูดจาด้วยความสุภาพแบบผู้มีการศึกษา ยกฏกหมายมาพูดไม่ควรใช้อารมณ์

จากคุณ : The_Death_oF_Superman

เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 18:52:00