 |
ผมมีโอกาสได้พารถเข้าไปเช็คระยะ ครั้ง ได้แก่ 1,000 - 4,000 และ 8,000 กิโลเมตร ช่วงต้นเดือนมิถุนายน กลางเดือนสิงหาคม และก่อนปีใหม่ตามลำดับ โดยพยายามจะเข้าศูนย์ก่อนถึงระยะเกือบทุกครั้ง สังเกตนะครับว่าผมใช้คำว่า “เกือบ” ครั้งแรกกับระยะ 1,000 กิโลเมตร ผมพาเจ้า Hideto ไปที่ศูนย์คลองสาม บอกกันตรงๆว่าเกรงใจศูนย์ลาดกระบังครับ ไปลองรถเค้า แต่ไปออกกับอีกศูนย์ ผมรู้สึกว่ามันเสียมารยาทพิลึก ตอนนั้น รถผมมีปัญหาเรื่องการดับกลางอากาศ จึงเอารถเข้าศูนย์ ช่างที่ออกมารับรถ มองรอบรถและสันนิษฐานว่า ผมอาจจะนั่งกางขามาก และขาไปโดนขาตั้งจนทำให้เครื่องดับ คือจะสรุปเอาว่า...มันเป็นความสะเพร่าที่ผมนั่งกางขา...ว่าอย่างนั้นเหอะ ผมก็พยายามนั่งหุบขาตามที่เค้าบอก ก็งงเหมือนกัน แต่หลังจากนั้น (ดูในตารางบริโภคน้ำมัน) คุณจะเห็นได้ว่ารถก็ดับกลางอากาศอยู่เรื่อยๆ ซึ่งอาการของการดับกลางอากาศ มักจะเกิดจากการบิดมาเต็มที่ ผ่อนคันเร่งตั้งแต่ไก่โห่(เอ็นจิ้นเบรค) เตรียมเข้าโค้ง ชะลอเกือบหยุด...แล้วก็ดับ...เป็นอย่างนี้ครับ แล้วก็มักจะดับในช่วงที่ผมเปลี่ยนน้ำมันเสียด้วย เอาล่ะ ไม่ว่ากัน...แต่ทีหน้าทีหลัง ขอคำอธิบายให้ชัดเจนกว่านี้หน่อย ไม่ใช่ว่าให้ผู้ใช้มาตั้งข้อสังเกตเอาเอง
ณ ตรงนี้สารภาพเลยครับว่า มันเป็นคำตอบของช่าง Suzuki ที่ทำให้จุดเด่นของผลิตภัณฑ์ตนเองด้อยค่าลงไปในทันที จนทำให้คุณสมบัติของรถคุณดูแย่ไปเลย ทั้งๆที่มันไม่เกี่ยวกัน (อาการดับจะเป็นเมื่อมีฝนตก วิ่งผ่านน้ำ และเปลี่ยนประเภทของน้ำมันในถังครับ) ผมไม่ติดใจเอาความอะไรเกี่ยวกับอาการดับกลางอากาศของ Suzuki แล้ว ถ้าอาการดับกลางอากาศมันไม่ทำให้ผมตายคาถนนเพราะว่าเครื่องดันดับ ทำให้ผมแซงคันหน้าไม่พ้น ผมก็จะไม่ว่าอะไร
แต่ ณ วันนี้ผมเข้าใจความหมายของคำว่า “วิศวกรฝ่ายขาย” แล้วว่ามันคืออะไร ช่างเทคนิคที่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกอย่างเดียวไม่พอหรอกครับ มันต้องมีทักษะทางการตลาด สื่อให้ผู้ซื้อรู้ด้วยว่ามีเทคโนโลยีหรือคุณสมบัติใดๆ แล้วควรพูดอย่างไรเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้บริโภคเลือกรถของคุณ แน่นอนครับ เพราะว่าลูกค้าเชื่อถือช่างมากกว่าเซลส์ครับ แล้วช่าง Suzuki ก็ยังไม่มีทักษะตรงจุดนี้ เพราะถ้าเขามีทักษะตรงนี้ เขาจะไม่พูดเข้าตัวแบบนี้หรอกครับ ก่อนหน้านั้นไม่นานนัก ช่วงที่ผมเอารถไปล้ม มีอาการหลายอย่างบ่งบอกว่ารถผมไม่เหมือนเดิม แต่ไม่เป็นไร ผมตั้งใจจะดูแลรถคันนี้อย่างดีที่สุดและเต็มที่อยู่แล้ว ครั้งนี้ผมลองกลับมาเช็ค 4000 กิโลเมตรที่ศูนย์ลาดกระบังช่วงเดินสิงหาคม วันนั้นมีช่างอยู่คนเดียว มีรถจอดรอคิวประมาณ 4-5 คัน ผมรอๆๆแล้วก็รอ ไปกินก๋วยเตี๋ยวเรือรอๆๆ แล้วก็กลับมา เกือบชั่วโมงกว่าช่างจึงทำรถผมให้ ตอนแรกผมก็ลิสต์รายการมาเลยว่ามีอะไรบ้าง ละเอียดมากครับ ช่างบอกว่า โห...ถ้าละเอียดแบบนี้ต้องไปคลองสามละครับ ให้เขาแกะออกมาวิเคราะห์ปัญหา ...ผมก็คิดในใจ เออ...ตูเรื่องมากไปจริงๆ ไม่เอาดีกว่า บางอย่างมันเสื่อมไปตามกาลเวลาก็เป็นได้ ไม่ว่ากัน ช่างคนนั้นชื่อ ช่างเอ็มครับ พูดเก่งมาก ให้ความรู้ดีด้วย ที่ลาดกระบัง คุณสามารถสังเกตการณ์การซ่อมบำรุงได้จากระยะไม่กี่เมตร ผมชอบศูนย์นี้นะ บรรยากาศเงียบดี ช่างดี แคชเชียร์ก็ดี แต่ช่างมันน้อยไปนิด...รอนานๆก็ไม่ไหว นับตั้งแต่นั้น เป็นต้นมา ความเข้าใจของผม คือ ถ้าศูนย์ลาดกระบังช่างน้อย เราก็ควรจะไปศูนย์ใหญ่ที่คลองสาม เพราะที่นั่นเป็นศูนย์ใหญ่
และช่วงต้นเดือนธันวาคมก็ได้เวลาที่ผมต้องเช็ค 8000 กิโลเมตร ช่วงนั้นเป็นช่วงน้ำท่วมเพิ่งคลี่คลายใหม่ๆ ครั้งนี้ ผมขี่รถมาคลองสามในช่วงสายๆ มาถึงนี่ช่วงเที่ยงๆ ผมขี่รถมาไกลเพื่อหวังแค่ว่า การเช็คระยะ 8000 กิโลเมตรที่มีการเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง น้ำมันโน่นนี่ กรองบลาๆๆนิดหน่อย จะเสร็จได้ในวันเดียว และก็พบว่าผมคิดผิด เพราะคิวก็ยังคงยาว มีคนมารอเหมือนเดิม รถ Suzuki ทั้งเก่าและใหม่จอดเรียงรายประมาณ 50 กว่าคัน แต่ละคันสภาพโหดๆทั้งนั้น ถ้าช่างเทคนิคจะทำให้รถของพวกเขาเหล่านั้นก่อน ผมจะไม่ว่าอะไรทั้งสิ้น เจ้าหน้าที่คลองสามให้ผมมาอีกทีอาทิตย์หน้าในสัปดาห์ Suzuki รักษ์โลก แต่ผมไม่มีเวลาครับ ต้องหลังปีใหม่ไปนั่นเลย ผมกลับออกมาจากคลองสามแบบหงุดหงิดๆ ก็พยายามทำความเข้าใจ...ในระดับนึงว่ามีคนลำบากกว่าเรามาก ทำได้แค่ซื้อหมวกกันน็อคกลับบ้านแก้เซ็ง...เพราะใบเดิมมันหาย
หลังปีใหม่ ผมคิดว่าได้เวลาไปเช็คระยะ 8000 กิโลเมตรจริงๆแล้ว ตอนนี้เข็มไมล์หลุดทะลุไปกว่า 8300 กิโลเมตรแล้ว...ต้องรีบแล้ว ผมโทรไปเช็คที่ศูนย์ลาดกระบังก่อน และทางศูนย์ลาดกระบังก็แจ้งว่า คิวยาว...อันนี้ผมพยายามจะเชื่อ เพราะที่ลาดกระบังมีช่องบริการเพียง 5-6 ช่อง และมีช่างบริการเพียง 2-3 คนเท่านั้น แต่ที่คลองสามช่องบริการเยอะ ช่างเยอะ...ต้องเร็วกว่าแน่นอน อันนั้นคือความคิดผมนะ ซึ่งผมคิดว่าผู้ใช้ Suzuki ท่านอื่นๆก็คงคิดแบบนี้เหมือนกัน
วันนั้นผมขี่เดินทางไกลไปคลองสามเช่นเดิม เมื่อถึงที่ศูนย์คลองสาม รถน้อยกว่าเมื่อ 3 สัปดาห์ก่อนมากมาก ก็คิดว่าคงใช้เวลาไม่นานและสามารถทำให้เสร็จภายในวันเดียวได้ ผมก็เดินดุ่ยๆเข้าไปนั่งๆข้างเครื่องกดน้ำอัตโนมัติ สักพักมีพี่ผู้หญิงคนนึงเดินออกมารับรถ พี่คนนี้ดูห้าวนิดๆนั่งอยู่ในห้องอะไหล่ พี่เค้าเดินมารับรถของคุณพี่ผู้ชายท่านนึง เธอแจ้งให้คุณพี่ผู้ชายทราบว่า รถคิวเยอะ ช่างมีแค่ 3 คน อาจจะต้องทิ้งรถไว้
มีช่างมาแค่ 3 คน...คิวยาว...นี่คือเหตุผล? คุณพี่ผู้ชายทำหน้างงๆ แล้วเดินกลับออกมา ผมได้ทีเดินเข้าไปแล้วแจ้งอาการให้ทราบ พี่ผู้หญิงบอกว่า รถเข้าคิวเยอะมาก วันนี้ช่างมีแค่ 3 คน แต่ใกล้ลาดกระบังให้ไปลาดกระบัง และไม่สามารถทำให้เสร็จได้ในวันเดียว อาการสายไมล์ที่ลาดกระบังบอกว่าคลองสามเคลมง่ายนั้น ไม่สามารถเคลมได้เพราะถือเป็นการเสื่อมสภาพตามการใช้งานทั่วไป สรุปคือ พี่เค้าให้ผมเข้าศูนย์ลาดกระบัง ถ้ามีการเคลมอะไหล่แล้วอะไหล่ไม่มี ก็ใช้เวลาไม่นาน สั่งวันนี้พรุ่งนี้ก็ถึงบลาๆๆ...ผมอึ้ง แล้วไม่เข้าใจว่าจะพูดเสียงดังทำไม คนเยอะตูอาย พูดครั้งเดียวตูก็เข้าใจแล้ว...ที่ตูยืนงงและอึ้ง เพราะงงว่านำรถเข้าบำรุงรักษามันเป็นเรื่องยุ่งยากอย่างนี้เชียวหรือ และอึ้งกับวิธีพูดกับลูกค้าของคุณพี่ท่านนี้ ตูเป็น Suzuki Newbie แล้ววันนี้รู้ซึ้งแล้วว่าทำไมคนบ้าถึงขี่ Suzuki บ้า...เพราะศูนย์ใหญ่มีแค่ 2 ที่ แถมโยนกันไปโยนกันมา อันนี้พอเข้าใจ เพราะรถเยอะขึ้นแต่ศูนย์น้อยลง บ้า...เพราะอะไหล่มีของแท้เท่านั้น ของเทียบของเทียมไม่มี ของแต่งต้องไปเทียบกับ Airblade เอา บ้า...เพราะเจอกับคุณภาพบุคลากรของท่าน...แหม ผมยังประทับใจไม่หาย ตั้งแต่รถดับเพราะเตะขาตั้ง กับทุรกรรมล่าสุด...ไล่ไปเข้าลาดกระบัง... หึหึ...เส้นทางที่เดิน...ฉันลิขิตเอง...เอง...
จากคุณ |
:
MoMo says
|
เขียนเมื่อ |
:
21 ม.ค. 55 14:06:42
|
|
|
|
 |