ความคิดเห็นที่ 1 สำหรับท่านที่ยังไม่ได้อ่านบทความเก่าๆ ตั้งแต่ต้นเรื่องที่ผมเลือกซื้อรถตู้คันนี้ ตกแต่ง และรีวิวภาพรวม หาอ่านได้ที่นี่นะครับ >>> เลือกซื้อ เปรียบเทียบ รถตู้หรู Mercedes Benz Vito | Toyota Alphard, Volk Caravelle, Hyundai H-1 >>> ขั้นตอนการตกแต่งรถตู้หรู Mercedes Benz Vito 2012 122 CDI >>> รีวิว รถตู้หรูเมอร์เซเดสเบนซ์วีโต้ Mercedes Benz Vito 122 CDI ในบทความนี้ ผมจะเล่าถึงประสบการณ์จากการทดลองขับ การขับขี่ ทดสอบ รถตู้ Benz Vito 122 CDI ของผมครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:30:50

ความคิดเห็นที่ 2 ก่อนจะเล่าเรื่องการขับขี่ให้ฟัง ต้องขอออกตัวก่อนนิดหน่อยว่าผมก็มีความรู้แค่หางอึ่ง ไม่ได้เป็นนักทดสอบรถ ไม่ได้เป็นนักวิจารณ์เกี่ยวกับรถยนต์ เพียงแค่ว่า ในชีวิตนี้ใช้รถยี่ห้อนี้มาหลายคัน ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย 20 กว่าปีก่อน ผมใช้ E-Class รุ่นที่เขาเรียกว่าท้ายโลงศพ หลังจากนั้นที่บ้านก็ซื้อ Benz Baby คือ 190E รุ่นปี 1992 นอกจากนั้นก็ผ่าน Toyota Altis และ Camry, Honda Accord หลาย generation, เปอร์โยต์ 305 และ 504, BMW 318i รุ่นเก่า, BMW 520i จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:32:14

ความคิดเห็นที่ 3 ทั้งหมดนี้หมายถึงขับจริง ขับประจำ และในส่วนของการขับขี่ เคยผ่านคอร์ส Active Safety Experience ทั้งแบบ Basic และ Advanced กับครูชาวเยอรมัน ที่จัดโดย Mercedes Benz Thailand ก็ทำให้ได้รู้ซึ้งถึงคุณสมบัติทางด้านความปลอดภัย ของรถยนต์ยี่ห้อนี้ (ตัวอย่างบทเรียนในคอร์ส Advanced เช่น การขับที่ความเร็ว 120 กม/ชม แล้วเจอสิ่งกีดขวางระยะ 10 เมตรข้างหน้า แล้วหักพวงมาลัยหลบสุดตัว อย่างเนี้ยครับ) ปัจจุบันใช้ E220 CDI รุ่นปี 2003 และภรรยาใช้ A-Class A170 คงนึกภาพออกนะครับ ผมอาศัยว่าเคยสัมผัสความหลากหลาย มาบ้าง ก็วิจารณ์กันไปตามความรู้สึกของคนใช้รถครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:35:01

ความคิดเห็นที่ 4 รูปนี้ 190E คู่กับ E220 CDI คันปัจจุบัน จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:41:41

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนนี่เป็นเจ้ายักษ์ Vito กับ compact car อย่าง A-Class ครับ คงเห็นภาพว่าอย่างไหนเหมาะเอาไปจ่ายตลาด อย่างไหนเหมาะไปเที่ยวหัวหินนะครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:42:34

ความคิดเห็นที่ 6 มาเปิดประตูคนขับกัน การก้าวขึ้นรถ ไม่มีราวโหนมาให้ ต้องขึ้นบันไดไปเลย และเนื่องจากบันไดอยู่ในระดับต่ำจากพื้นรถเพียง 5 ซ.ม. ส่วนใหญ่ผมจะก้าวขึ้นถึงพื้นรถทีเดียวเลยครับ   จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:45:02

ความคิดเห็นที่ 7 การปรับที่นั่งคนขับ ทำได้ดี เบาะหลังเอนพิงได้พอสมควร ไม่ถึงกับหลังตั้งเกินไป ลักษณะของการขับรถตู้ เราจะนั่งสูง ขาตั้ง (ไม่เหยียดยาวเหมือนรถเก๋ง) ต้องปรับตัวนิดหน่อยครับ แต่ที่ดีก็คือ ทัศนวิสัยนั้นค่อนข้างดี กระจกกว้าง และกระจกมองข้างก็กว้างด้วย พวงมาลัย สามารถปรับสูง-ต่ำ เข้า-ออกได้ แต่ระยะเข้า-ออก น้อยไปหน่อย ทำให้ปรับเก้าอี้ 'นั่งจม-ถอยหลัง-ขาเหยียด' แบบรถเก๋งทำไม่ได้ ต้องมานั่ง 'หลังตั้ง-ขาชัน' อยู่ใกล้พวงมาลัย ถ้าเอนเบาะไป แบบให้นั่งสบาย การจับพวงมาลัย จะต้องเหยียดแขนออกมาอีกนิด ทำให้เวลาที่ผมขับทางไกล ผมมักจะถือพวงมาลัยในตำแหน่ง 8 และ 4 นาฬิกา (ซึ่งผิดหลัก) แต่ก็อย่าเข้าใจผิดว่าพวงมาลัยมันอยู่ไกลจนขับไม่สบายนะครับ ไม่รู้สึกขนาดนั้นหรอก ผมเพียงแค่เปรียบเทียบ กับลักษณะท่าทางที่ถูกต้องเท่านั้นเอง (นั่งหลังพิงแล้ว ยังสามารถเอาข้อมือไปทาบที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาของพวงมาลัยได้) จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:52:05

ความคิดเห็นที่ 8 การขึ้นลง (ด้านหลัง) ทำได้สะดวก มีมือจับให้ ช่วยให้ก้าวขึ้นอย่างมั่นคง พื้นรถอยู่สูงพอสมควร ต้องก้าวบนบันไดก่อนจึงจะสะดวก จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:54:21

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ ความประทับใจคือเสียงเงียบมาก ไม่น่าเชื่อว่าเครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตรอยู่แค่ตรงหน้า เมอร์เซเดสเบนซ์วีโต้จะเก็บเสียงได้ดีไม่แพ้รถซีดานของเบนซ์เลย จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:55:54

ความคิดเห็นที่ 10 การเข้าเกียร์ ระยะที่เอื้อมไปจับหัวเกียร์อยู่ในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลเกินไป น้ำหนักคันเกียร์กำลังพอดี ออกจะหนักไปสักหน่อย แต่สักพักก็ชิน  อาจจะด้วยมันมีถุงหนังหุ้มก้านเกียร์อยู่ ก็เลยไม่เห็นช่องซิกแซกของแนวการ เลื่อนคันเกียร์อย่างรถเบนซ์ทั่วไป ก็เลยไม่รู้แนว ทำให้เกร็งๆ ไปหน่อยเพราะ กลัวว่าจะเลย (โดยเฉพาะในจังหวะที่เปลี่ยนจาก D-N-R ตอนจะถอยหลัง -- กลัวเลยไปเป็น P) จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 29 มี.ค. 55 23:59:18

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อเคลื่อนตัวออกไป พบว่าคันเร่งตอบสนองได้ดี เป็นคันเร่งไฟฟ้า เมื่อเร่งเครื่อง จะเห็นชัดเลยว่าเทอร์โบเริ่มทำงานที่รอบ ประมาณ 1400 รตน. รู้สึกได้ถึงแรงบิดที่เพิ่มขึ้น และเสียงหวีดหวิวเบาๆ ของเทอร์โบ การใช้งานในเมืองคล่องตัวมากๆ การออกตัวมีความกระฉับกระเฉง กระตือรือล้น ไม่ต้องรอรอบ หรือลากเกียร์ต้นๆ แต่ในความกระฉับกระเฉง รถก็ไม่ได้พุ่งมากจนเหมือนรู้สึกควบคุมไม่อยู่ การเร่งแซงช่วงความเร็วต่ำ ทำได้ดีครับ เป็นเพราะแรงบิดมหาศาลมาตั้งแต่รอบต่ำๆ ก็ทำให้ไม่ต้องเร่งให้เสียงเครื่องยนต์ดังอื้ออึง นึกถึงรถบางคันที่เวลาเร่งแซงแล้วเสียงดังจนคนหันมามอง แต่นี่ไม่มีครับ ถ้าวิ่งต่างจังหวัด เรี่ยวแรงก็ดีครับ การเร่งแซงช่วงความเร็ว 80-120 สบายมาก โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว เจ้าเครื่องดีเซล 3.0 ลิตร 6 สูบนี้มันพอดีกับน้ำหนักตัวรถจริงๆ ความรู้สึกเวลาขับรถตู้นี่ แค่ 120-130 ก็รู้สึกว่าเร็วแล้ว เพราะเรานั่งอยู่สูง การโยกโยนมันมากกว่ารถเก๋ง (ที่จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำกว่า) แต่ผมได้ยินมาว่ารถรุ่นนี้เขาเฆี่ยนไปต่างจังหวัดที่ความเร็ว 170-180 ยังโอเคอยู่ แต่ผมคงไม่ขับขนาดนั้นหรอกครับ เอาประมาณ 110-120 คนนั่งก็นั่งสบาย และไม่เปลืองน้ำมันด้วย จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:01:48

ความคิดเห็นที่ 12 สิ่งที่ไม่ชอบใจอย่างมาก 1 เรื่องคือ แอร์ด้านหลังไม่ค่อยเย็นครับ เย็นไม่ฉ่ำเหมือนรถเก๋ง ถ้าจอดตากแดดมา กว่าจะเย็นใช้เวลานานมาก  ถ้าวิ่งแบบรถติด แอร์ก็ยังคงไม่ค่อยเย็น โดยเฉพาะถ้านั่งหลายๆ คน แต่ถ้าได้วิ่งที่ความเร็วสักพัก แอร์ก็จะเย็นขึ้นมาบ้าง ในระดับสบายตัว แต่ไม่สามารถทำให้เรารู้สึกหนาวนิดๆ ได้ คนนั่งแถวหลังสุด โดยเฉพาะด้านซ้าย จะได้ยินเสียง Blower แอร์หลัง ช่วงที่แอร์ยังไม่เย็น พัดลมต้องเร่งมาก รำคาญเสียงเหมือนกันครับ พอแอร์ลดแรงลมลงแล้ว เสียง Blower ก็ค่อยยังชั่วหน่อย ลักษณะลมที่ออกมา (มี 6 ช่อง ในส่วนของผู้โดยสารตอนหลัง) ลมแอร์มีความเย็นดี แต่ลมไม่แรง ทั้งๆ ที่ Blower หลังดังสนั่น แต่ลมไม่ค่อยออก ท่านใดมีข้อแนะนำในการปรับปรุง ปรับแต่ง ขอคำแนะนำหน่อยนะครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:07:10

ความคิดเห็นที่ 13 ส่วนแอร์ด้านหน้า เย็นตามปรกตินะครับ ผมใช้วิธีส่งลมแอร์จากด้านหน้ามาช่วยด้านหลังบ้าง อ้อ..ความเห็นที่แล้วพูดถึง Blower แอร์ด้านหลัง ผมมีรูปให้ดู ข้างในมันเป็นอย่างนี้ครับ >>> คลิกดูรูป เสียงของมันไม่สัมพันธ์กับปริมาณลมเอาซะเลย จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:11:20

ความคิดเห็นที่ 14 พูดถึงเกียร์อัตโนมัติ เบนซ์วีโต้รุ่น Extra-long มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 5 Speed ซึ่งความประทับใจก็คือ การเปลี่ยนเกียร์นั้น..นุ่มมาก รอยต่อของแต่ละเกียร์แทบไม่รู้สึกเลย อันนี้พบได้ในทั้ง A-Class, E-Class และใน Vito ใหม่นี้ เมอร์เซเดสเขาทำได้ดีจริงๆ ครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:12:18

ความคิดเห็นที่ 15 เบนซ์วีโต้ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ซึ่งเป็นท่าถนัดของ Mercedes Benz เขาอยู่แล้ว ดูเหมือนจะเป็นรุ่นเดียวที่ขับหลัง เมื่อเทียบกับอีก 3 ยี่ห้อที่ผมกำลังเปรียบเทียบ (Alphard, Volk Caravelle, Hyundai H-1/Starex ทั้งหมดนี้ขับเคลื่อนล้อหน้า) ผลจากการขับเคลื่อนล้อหลัง ลักษณะน้ำหนักบรรทุกโดยทั่วไปจะกดลงที่ล้อหลัง ทำให้ตะกุยได้ดี เวลาขึ้นทางชัน น้ำหนักก็ทิ้งลงล้อหลัง ทำให้ขับเคลื่อนได้ดีกว่า ลองดูในวีดีโอนี้จะเข้าใจครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:15:40

ความคิดเห็นที่ 16 ผมใช้ alphard hybrid อยู่ครับ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2010/04/V9080669/V9080669.html ไม่ทราบว่าได้ลองขับ บนบูรพาวิถี แล้วหรือยัง ลอยฟ้า บางนา-ตราด ว่าเวลาเจอลมซัดเข้าด้านข้างแรงๆ การควบคุมเป็นอย่างไรบ้าง แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 00:18:39 จากคุณ : digital_ok เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:17:34

ความคิดเห็นที่ 17 น้ำหนักพวงมาลัยนั้น เบาสบายมาก และจะรู้สึกหน่วงเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง ที่ว่าเบา เบาแค่ไหน เอาเป็นว่าตอนจอดและที่ความเร็วต่ำ มันเบาเท่าๆ กับ A-Class ของภรรยาผมหละครับ และเมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูง ก็หนืดขึ้น ไม่วอกแวก  ผมเองขับใช้งานในเมืองก็รู้สึกว่าคล่องตัวมากๆ (เอาเป็นว่าพวงมาลัยมันเบากว่า E-Class ที่ผมขับประจำก็แล้วกัน)  และเมื่อได้ลองขับในเส้นทางกรุงเทพฯ - หัวหิน ก็บังคับควบคุมบนทางหลวงที่ความเร็วสูงได้ดี ไม่เครียดครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:18:39

ความคิดเห็นที่ 18 Hyundai H-1/Starex ขับหลังขับ จากคุณ : poom (นักเล่นใบ) เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:22:39

ความคิดเห็นที่ 19 ตอบคุณ digital_ok -- ขอบคุณที่ทักทายเข้ามาครับ ยืนยันด้วยคำตอบของคนรถผม ซึ่งเคยขับให้นายเก่าที่ใช้ Alphard บอกเหมือนกันครับว่า เวลาวิ่งเร็วๆ และตัดกระแสลมด้านข้าง Alphard จะมีอาการวอกแวก พูดง่ายๆ คือ ที่ความเร็วสูงจะไม่ค่อยเกาะถนนครับ และคนรถคนเดียวกัน วันนั้นขับในช่วงชะอำ-หัวหิน ซึ่งมีลมทะเลพัดแรงจากทางด้านซ้าย เขาบอกว่า Vito มันนิ่งกว่ามากๆ ครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:23:36

ความคิดเห็นที่ 20 คห.18 ของคุณ poom -- ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ข้อมูลของผมคงผิดเองครับ ขอบคุณที่ช่วยเติมเต็มครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:25:28

ความคิดเห็นที่ 21 Alphard เกิน 120 เริ่มแกว่งแล้วครับเพราะรถเซตมานิ่มครับ เหมาะขับในเมืองครับ จากคุณ : นักเล่นใบ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:27:33

ความคิดเห็นที่ 22 ครับ จะได้ไว้เป็นข้อมูล เพราะเคยกลับ บูรพาวิถี สองมือต้องประคองพวงมาลัยไว้มากกว่าปกติ และมีอาการ วูบบ้าง แต่สามารถควบคุมได้ หรืออาจเป็นเพราะระบบช่วงล่างที่ เป็นถุงลม มีส่วนช่วยไว้เยอะพอสมควร จากคุณ : digital_ok เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:28:20

ความคิดเห็นที่ 23 ลืมถามอีกคำถาม ว่า เบ็ดเสร็จแล้ว วีโต้ คันของ จขกท ราคาอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะวันนี้ไปเดิน มอเตอร์โชว์ ดูภายในแล้ว ไม่ไหว ปล.ถ้าไม่สะดวก หลังไมค์ก็ได้นะครับ http://topicstock.pantip.com/ratchada/topicstock/2012/01/V11591302/V11591302.html จขกท ต้องการ รถนำ ไหมครับ คริ คริ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 00:34:32 แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 00:31:59 จากคุณ : digital_ok เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:31:36

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้าดูภายในแล้ว Alphard ดีกว่าครับ สไตล์รถญี่ปุ่น จะมี gadget เยอะ ส่วนค่าตัว Vito 122 CDI รวมตกแต่งทั้งหมด และ option ทุกอย่างตามกระทู้ที่ 2 ของผม อยู่ที่ 3.499 ครับ ราคานี้ค่อนข้าง Standard แต่ว่า แต่ละศูนย์จะให้ส่วนลดไม่เท่ากัน ของแถมไม่เหมือนกัน รับประกันอาจจะนานไม่เท่ากันด้วย ต้องต่อรองดูครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:41:05

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ digital_ok มอ'ไซค์สวยมากครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:43:07

ความคิดเห็นที่ 26 เขียนต่อนะครับ เรื่องของช่วงล่าง เมื่อลองขับในฐานะคนขับ ก็ได้จับความรู้สึกของช่วงล่างด้านหน้า พบว่าทำได้ดีมากๆ เลยครับ ด้วยน้ำหนักของตัวรถ การออกแบบและปรับแต่งช่วงล่างด้านหน้าใหม่ทั้งหมดของ Benz Vito รุ่นนี้ที่เพิ่งเปลี่ยนโฉมในปี 2011 ทำให้คนขับและผู้โดยสารตอนหน้ารู้สึกได้ถึงความนุ่มนวล การบังคับควบคุมของคนขับก็แม่นยำ ฉับไว พอย้ายไปนั่งด้านหลัง ก็จับสังเกตช่วงล่างหลัง ซึ่งเป็นแบบถุงลม (Air Suspension) ก็ได้ความรู้สึกที่แตกต่างจาก คอยล์สปริง+โช้คอัพแบบรถทั่วไป มันนุ่มหนึบกว่า ในรูปนี้มาจาก Brochure ของเมอร์เซเดสเบนซ์ประเทศไทย ซึ่งเห็นช่วงล่างด้านหลังเป็นคอยล์สปริงเพราะรุ่น Extra-long ของเขา เป็นแบบคอยล์สปริง ถ้าจะเอาช่วงล่างด้านหลังเป็นถุงลม ต้องซื้อรุ่น Compact ซึ่งเป็นตัวรถแบบสั้นครับ ถ้าท่านใดจะซื้อจากเมอร์เซเดสเบนซ์ประเทศไทย ก็ลองสอบถามเรื่องนี้ดูก่อนนะครับ ณ วันที่ท่านซื้อ ข้อมูลอาจจะต่างจากนี้แล้วก็ได้ ส่วนของผม ซื้อจากผู้นำเข้าอิสระที่เขาสั่งติดตั้ง Air Suspension ในตัวรถแบบ Extra-long ครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:47:00

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณครับ ราคาต่างกันไม่ กี่แสน ผมรู้แล้วว่าทำไม จขกท. ถึงเลือกคันนี้  เพราะ เบนซ์ ทั้งบ้าน ผมว่า รถเยอรมัน มันค่อยข้าง คลาสิก ดูอย่าง เบบี้ เบนซ์ หลายสิบปีผ่านไป ก็ยังสวยอยู่ ไม่ว่าจะ W124 W211 มันก็ยังคง เอกลักษณ์ ของมัน ความทันสมัย ความสวยงาม ในปีที่ เจ้ารถพวกนี้ ออกมา เพราะผม ก็มี W211 อยู่ซื้อตอนปลายยุค ก็คงคิดว่าจะเก็บไว้ นะครับ(ถ้ามีที่จอดพอ) ขอบคุณครับ ที่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน จากคุณ : digital_ok เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:48:27

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อวานนี้ผมลองนั่งแถวหลังสุด จับสังเกต (วิ่งในเมือง) เพื่อที่จะมาเขียนรีวิวนี้ ยืนยันว่านั่งด้านหลังสุดก็ยังสบายมากครับ อาการของท้ายรถ ไม่โยน ไม่โคลง แรงสะเทือน..ค่อนข้างนุ่ม เสียงช่วงล่าง..เงียบ..ตัน หนุบหนึบ ผมว่าพอแล้วครับ สอบถามคนที่บ้าน ที่นั่งไปหัวหินครั้งล่าสุด นั่งท้ายรถ ยืนยันว่านั่งสบายกว่านั่งเบาะหลังของ E-Class จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:51:44

ความคิดเห็นที่ 29 เพื่อทราบ.. ผมไม่ได้เขียนให้ใครนะครับ ลองสังเกตดู อะไรที่ดี..ผมบอกว่าดี อะไรที่ผมไม่ถูกใจ..ผมก็วิจารณ์ตรงๆ (ไม่อายด้วยที่ว่าซื้อมาแล้ว อย่างโน้นอย่างนี้ไม่ถูกใจ) ดังนั้น ถ้าโชวร์รูม หรือเมอร์เซเดสเบนซ์ประเทศไทย มาอ่าน ก็ไม่ต้องแปลกใจนะครับ "ชมสลับบ่น" แบบนี้ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 00:55:01

ความคิดเห็นที่ 30 ต่อนะครับ... ผมอธิบายลักษณะความสะเทือนของรถทั่วไปแบบนี้ครับ มันจะมีความถี่ของการสั่นสะเทือน อยู่ 2 กลุ่ม คือพวกความถี่ต่ำ กับความถี่สูง ความถี่สูง ผมหมายถึงความสะเทือนที่เกิดจากพื้นถนน เช่นเวลารถวิ่งบนถนนปูนที่ไม่เรียบ ถ้ามองจากภายนอกรถ จะสังเกตเห็นว่า ล้อจะขยับขึ้นลงตามสภาพถนนอย่างรวดเร็ว สปริงจะช่วยดูดซับพลังงานเหล่านี้ ถ่ายเทไปสู่การยืด-หดตัวของคอยล์สปริง (เปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อนที่แทบไม่รู้สึก) และเนื่องจากสปริงมีความอ่อนตัว เวลาสปริงหดตัว พอมันยืดออก มันจะยืดเกินออกไป แล้วเด้งกลับเข้าอีก (นึกถึงสปริงอ่อนๆ ที่เด้งดึ๋งๆ ครับ) อันนี้เป็นอาการ damping ตามธรรมชาติของสปริง ก็เลยต้องมีโช้คอัพช่วยหน่วงการทำงานของสปริง ไม่ให้มัน ยืด-หดเร็วเกินไป และไม่ให้ damp หลายที (เรียกว่าพอมันถูกกด หรือถูกยืด พอมันดีดกลับ มันจะกลับมาที่ระยะเดิมของมัน ไม่ขาดไม่เกิน) ตัวรถจะได้ไม่เด้งดึ๋งๆ แบบสปริง ถ้าโช้คอัพหน่วงมาก มันก็แข็ง แรงกระแทกจะถูกส่งผ่านเข้าสู่ตัวรถมาก ก็รู้สึกช่วงล่างหนึบที่ความเร็วสูง แต่แข็งกระด้างที่ความเร็วต่ำ แต่ถ้าโช้คอัพหน่วงน้อย หรือสปริงอ่อน จะรู้สึกนิ่มในเมือง แต่โยน/โคลงเวลาวิ่งต่างจังหวัด หาพอดีไม่ค่อยได้ ส่วนใหญ่รถมาตรฐาน ก็เซ็ตมาแบบกลางๆ ครับ อาการโคลงก็แก้กันด้วยเหล็กกันโคลง (ที่ทำให้ล้ออีกด้านยุบขึ้นลงตามฝั่งตรงข้าม นัยว่าไม่ให้คนนั่งถูกโยกในแนวซ้าย-ขวามากไป จะได้ไม่โคลง) แต่ถ้าช่วงล่างนิ่มไป ต่อให้มีเหล็กกันโคลง ก็รู้สึกยวบอยู่ดี) จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:00:34

ความคิดเห็นที่ 31 มาถึงความถี่ต่ำ ผมหมายถึงการโยกโยน/โคลงเคลงของตัวรถ เป็นการเด้ง damp ของตัวรถในภาพรวม ซึ่งเป็นผลโดยรวมของ ความสะเทือนความถี่สูงจากทั้ง 4 ล้อรวมๆ กันหลังจากที่ถูกหน่วงด้วยโช้คอัพแล้ว รถจะมีเสถียรภาพได้ โดยทั่วไปก็ใช้เหล็กกันโคลงช่วย และการที่ตัวรถยาว​ (ระยะฐานล้อ หน้า-หลัง ยาว) + ตำแหน่งการนั่ง (ที่ควรอยู่ตรงกลางระหว่างล้อหน้า-หลังพอดี) ก็จะช่วยลดอาการโยน/โคลง อีกอย่างหนึ่งที่ช่วยให้รถมีเสถียรภาพก็คือ อัตราส่วน  ระหว่าง มวลของรถในส่วนที่อยู่เหนือสปริง (Sprung Weight)  กับ มวลของรถในส่วนที่อยู่ใต้สปริง (Unsprung Weight)  อัตราส่วนยิ่งมากยิ่งดี นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมรถใหญ่ (sprung weight เยอะ) นั่งสบายกว่ารถเล็ก และเป็นเหตุผลที่คนขายล้อแม๊กซ์ยังมีกิจการรุ่งเรือง  เพราะถ้าล้อเบา (ล้อแม๊กซ์จะเบากว่าล้อเหล็ก) ส่วนที่เป็น unsprung weight ก็น้อยด้วย ก็ยิ่งช่วยเพิ่มอัตราส่วนดังกล่าว จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:05:54

ความคิดเห็นที่ 32 กลับมาสู่ Benz Vito การโยนตัวของรถค่อนข้างเป็นไปอย่างนุ่มนวล จะด้วย feel ธรรมชาติของรถตู้ ซึ่งเป็นรถที่มีน้ำหนัก Sprung Weight เยอะนั่นแหละ บวกกับช่วงล่างของ Benz ที่เซ็ตมาเป็นอย่างดี และด้วยความร่วมมือของถุงลม Air Suspension ด้วยหละ ก็ทำให้ "ความถี่ต่ำ" นี้.. นั่งดีกว่ารถเก๋งเยอะ เอาเป็นว่า..ใครที่ขึ้นมารถผมครั้งแรก ทุกคนจะออกปากชมว่านั่งสบาย ส่วนเรื่องความสะเทือนแบบความถี่สูง อันนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน การเก็บเสียงจากช่วงล่างทำได้ปานกลาง ไม่แหกปากอย่าง A-Class แต่จะดังกว่า E-Class จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:08:44

ความคิดเห็นที่ 33 มาพูดเรื่องเสียงรบกวนกันบ้าง เวลาที่เราขับรถกันไป เสียงที่เข้ามาสร้างความ รำคาญให้เราจะมาจาก 3 แหล่งใหญ่ๆ คือ เสียงเครื่องยนต์ -- ส่วนใหญ่มาตอนเร่งเครื่องออกตัว และการวิ่งที่ความเร็วสูง เสียงช่วงล่าง -- จากทั้งเสียงยางบดถนน และเสียงของระบบช่วงล่างเอง ส่วนใหญ่มาตอนวิ่งผ่านถนนขรุขระ และการวิ่งที่ความเร็วสูง เสียงลม -- มาจากลมปะทะด้านหน้า และเสียงลมที่เสียดสีด้านข้างตัวรถ ส่วนใหญ่มาตอนที่วิ่งด้วยความเร็วสูง จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:10:53

ความคิดเห็นที่ 34 พูดถึงเสียงเครื่องยนต์ น่าทึ่งมากที่ Benz Vito เก็บเสียงเครื่องยนต์ได้ดีมาก แม้จะยืนฟังอยู่ข้างนอก เสียงเครื่องยนต์ดีเซลก็ไม่ได้ดังมาก เสียงวาล์วแก๊กๆ อย่างต่อเนื่องตามธรรมชาติของเครื่องดีเซลนั้น ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบ ทำให้เสียงเบาและเรียบลื่น และเมื่อนั่งในรถ (ปิดประตู) แล้ว เสียงเครื่องยนต์ก็เบามากครับ ไม่เฉพาะเวลาจอดอยู่กับที่ กระทั่งวิ่งออกไป การเร่งเครื่อง เร่งแซง ก็ไม่ได้มีเสียงเครื่องยนต์เข้ามามากมาย จนเป็นที่น่ารำคาญ เสียงจะแค่วู้ๆ ไม่ดังมาก ยิ่งถ้านั่งในห้องโดยสารตอนหลัง แถมยังปิดกระจกกั้นห้องโดยสารอีกด้วย เสียงเครื่องยนต์ก็ยิ่งเบาเข้าไปใหญ่ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:12:48

ความคิดเห็นที่ 35 เสียงจากช่วงล่าง เจ้าเบนซ์วีโต้ก็เก็บเสียงช่วงล่างได้ดีแล้วหละครับ ถ้า S-Class ได้คะแนนเต็ม 10  ผมให้ Vito 7.0 ให้ E-Class 8.5 ให้ A-Class 5.0 คะแนน  ถ้าเป็น Toyota Camry ผมให้ 7.0 (เก็บคะแนน 1.0 ไว้ให้รถอีแต๋น - 4.0 ให้รถกลุ่ม Eco Car ครับ)) บันทึกไว้สำหรับ Vito อีกครั้ง ผมว่าเสียงยางบดถนนที่ความเร็วสูงมันเด่นไปนิด ช่่องทางหลักๆ ที่เสียงรบกวนลอดเข้ามาก็คือ บริเวณบันไดทางขึ้นรถ ด้านข้างทั้งสอง ผมวิเคราะห์ดูแล้ว บริเวณนั้นเก็บเสียงไม่ค่อยดี ไม่งั้นแล้ว ในตู้จะเงียบมากๆ ได้เลยครับ ถ้าเบนซ์ทำตรงนี้ใหม่ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:19:39

ความคิดเห็นที่ 36 เรื่องเสียงลม ผมคิดว่า Benz Vito ยังเก็บเสียงลมปะทะไม่ดีพอ (ผมเทียบกับ E-Class นะ) เวลาที่ผมขับต่างจังหวัด จะด้วยเป็นเพราะเสียงเครื่องยนต์ก็เบา เสียงช่วงล่างก็เบา เสียงลมปะทะก็เลยเด่นขึ้นมาหรือเปล่า แต่ผมว่าก็ไม่เชิงนะ เสียงลมปะทะมันดังกว่าตอนที่ขับ E-Class จริงๆ แถม.. อีกเสียงหนึ่งที่ค่อนข้างรบกวน (ถ้าไม่ชิน) ก็คือเสียงการทำงานของแอร์ด้านหลัง ด้วยความที่แอร์มันไม่ค่อยเย็น อุณหภูมิไม่ถึงที่ตั้งไว้สักที เสียงพัดลม Blower มันก็เลยดังอยู่นั่นแหละ กว่าจะค่อยๆ เงียบลง..ตั้งนาน อ่านๆ แล้วอย่างเพิ่งเผลอไม่ชอบนะครับ ผมเป็นคนหูไวในเรื่องรถ และค่อนข้างเคยชินกับรถดีๆ ยังไงก็ดีกว่าอยู่อักโขถ้าเทียบกับการนั่ง Toyota Commuter ไปต่างจังหวัด หรือเทียบกับการนั่งรถเก๋งทั่วไป ยังไงรถตู้ก็นั่งสบายกว่าครับ..ฟันธง จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:22:26

ความคิดเห็นที่ 37 การควบคุมโดยรวมถือว่าทำได้ดีมาก พวงมาลัยมีความกระชับ แม่นยำ การเบรคทำได้ดี หนึบ..เอาอยู่! จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:23:52

ความคิดเห็นที่ 38 เมอร์เซเดสเบนซ์วีโต้รุ่นนี้มีระบบ Start-Off Assist ที่ช่วยในการออกตัวในทางชัน ยกตัวอย่างเช่น รถติดบนสะพาน พอเราปล่อยเบรค รถจะไม่ไหลไปข้างหลัง เพราะแรงดันเบรคจะยังคงทำงานอยู่ต่อไปอีก 2 วินาที เพียงพอให้ละเท้าจากเบรคไปเหยียบคันเร่ง  ระบบนี้จะทำงานบนเส้นทางที่ลาดชันมากกว่า 4 องศา และจะไม่ทำงานเมื่ออยู่บนพื้นเรียบหรือทางลงทางลาดชัน จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:24:56

ความคิดเห็นที่ 39 Parktronic - เบนซ์วีโต้มาพร้อมกับระบบช่วยกะระยะถอยจอด Parktronic ทั้งด้านหน้าและหลัง ด้านหน้าจะมี ultrasonic sensor อยู่ 6 ตัว โดยที่ตัวริม 2 ข้างอยู่อ้อมมาที่มุมหน้ารถ ค่อนไปทางด้านข้างด้วยซ้ำ ทำให้มั่นใจว่าจะถูกเตือนถ้ามุมรถเข้าใกล้สิ่งกีดขวางมากเกินไป จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:27:44

ความคิดเห็นที่ 40 ส่วนด้านหลังมี sensor 4 ตัว จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:28:43

ความคิดเห็นที่ 41 สำหรับภายใน ด้านหน้าจะมีสัญญาณไฟเตือนอยู่บนแผงคอนโซลกลาง อยู่เลยลึกเข้าไปเกือบถึงชายล่างของกระจกบังลมหน้า (ภายใน) ประกอบด้วยจุดไฟ LED สีเหลือง-แดง ซึ่งจำนวนหลอดไฟที่ติดจะเพิ่มขึ้นเมื่อมีสิ่งกีดขวางอยู่ใกล้ขึ้น ส่วนสัญญาณเตือนด้านหลังเป็นแบบเดียวกัน อยู่บนเพดานภายรถ เหนือประตูท้าย จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:32:23

ความคิดเห็นที่ 43 ความปลอดภัย จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:35:55

ความคิดเห็นที่ 44 ในเรื่องของความปลอดภัย เมอร์เซเดสเบนซ์ไม่เคยหย่อนยานในเรื่องนี้ครับ เดี๋ยวนี้ระบบความปลอดภัยของ Mercedes Benz ต้องมี สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นอย่างน้อยแล้วครับ - ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารตอนหน้า - แต่ผมว่าของ Benz Vito ยังมีจำนวนถุงลมไม่เพียบพร้อมเหมือนรถเก๋ง - Adaptive ESP (Electronic Stability Program) - ช่วยรักษาเสถียรภาพของรถ โดยเฝ้าระวังปริมาณการหมุน/เหวี่ยงของตัวรถ (รอบแกน Z (Yaw)) ร่วมกับตำแหน่งการหมุนของพวงมาลัย ถ้ารถถูกเหวี่ยงแรงเกินไป ระบบจะสั่งลดกำลังเครื่องยนต์ และส่งแรงดันน้ำมันไปจับเบรคในล้อที่ถูกต้อง เพื่อช่วยปรับแนวการเคลื่อนตัวของรถให้กลับมาอยู่ในแนวเดิม - ASR (Acceleration Skid Control) - ป้องกันไม่ให้ล้อหมุนฟรีในตอนที่ออกตัวบนพื้นที่ๆ ล้อซ้ายและขวามีแรงเสียดทานไม่เท่ากัน (เช่น ล้อข้างหนึ่งอยู่บนกรวดข้างทาง หรืออยู่บนพื้นที่มีน้ำ) ระบบจะจับเบรคล้อที่หมุนฟรี โดยจับเป็นระยะถี่ๆ พร้อมทั้งลดแรงบิดของ เครื่องยนต์ลง ถ้าไม่มีระบบนี้ แล้วออกตัวแรงๆ รถจะหมุน - ABS (Anti-locking Brake System) - ระบบเบรค ABS คงไม่ต้องอธิบายนะครับ - BAS (Break Assist) - ระบบเบรคจะเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรคถ้ามีการเบรคกระทันหัน ทำให้ใช้แรงเหยียบเบรคน้อยลง - EBD (Electronic Brake Force Distribution) - ระบบจะช่วยกระจายแรงเบรคไปตามล้อทั้ง 4 ตามน้ำหนักที่ควรจะเป็น - Adaptive Break Light - ถ้าวิ่งที่ความเร็วเกิน 50 ก.ม./ช.ม. แล้วเหยียบเบรค เวลาที่ไฟเบรคติด มันจะกระพริบถี่ๆ ก่อน ก่อนที่จะ ติดค้างเหมือนปรกติ อันนี้เป็นผลวิจัยของต่างประเทศว่าถ้าไฟเบรคกระพริบ คนที่ขับตามหลังมาจะสังเกตเห็นได้ง่ายกว่า  ช่วย Alert คนที่ขับตามหลังให้ตื่นตัว นอกจากนั้น ถ้าขับที่ความเร็วเกิน 70 ก.ม./ช.ม. ขึ้นไป ถ้ามีการเหยียบเบรคชลอลงจนรถหยุดสนิทในคราวเดียว ไฟฉุกเฉินจะทำงานขึ้นโดยอัตโนมัติ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:37:49

ความคิดเห็นที่ 45 สำหรับระบบที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกอย่างอื่น ก็เช่น - ตัวรถมีระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อเข้าที่มืด - มีเซ็นเซอร์เปิดที่ปัดน้ำฝนอัตโนมัติ พร้อมปรับความเร็วตามปริมาณน้ำฝน - ระบบ Cruise Control และ Speed Limit มีตามปรกติครับ - ไฟหน้าของ Mercedes Benz Vito เป็นแบบไบซีนอน (Bi-xenon) ซึ่งให้แสงสีขาว สว่าง และของรุ่นนี้มีระบบ เพิ่มความสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering Light) ไฟตัดหมอก และไฟ daytime สำหรับการขับขี่เวลากลางวันแบบ LED ซึ่งไม่เพียงให้ความสว่างพื้นถนนและพื้นที่เบื้องหน้าได้ดีขึ้นเท่านั้น เมื่อเปิดสัญญาณไฟเลี้ยว ไฟตัดหมอกด้านที่ตาม สัญญาณไฟเลี้ยวจะถูกกระตุ้นให้ทำงานและปรับตัวไปตามองศาการเลี้ยว (Add-Light system) ด้วย Cornering Light จะช่วยให้เราเห็นข้างทาง หรือในซอย ก่อนที่จะเลี้ยวเข้าไป ส่วนไฟขับขี่เวลากลางวัน (Daytime Driving Light) นั้น กฎหมายในประเทศแถบยุโรปบังคับให้เปิดตลอดเวลา สำหรับเรา..ไฟนี้เราสามารถตั้งโปรแกรมให้มันเปิดหรือไม่เปิด ผ่านทางพวงมาลัย multi-function ที่ควบคุม onboard computer ได้ครับ อ้อ..ในรูปเดียวกัน แสดงให้เห็นถึงที่ฉีดล้างโคมไฟหน้ามีมาให้ด้วย จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:40:16

ความคิดเห็นที่ 46 ว่ากันพอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนนะครับ ที่จริงยังเขียนได้อีกเยอะ แต่หมดแรงซะแล้ว เอาเป็นว่าถ้าท่านไหนอยากทราบประเด็นไหน ก็โพสต์มาได้ครับ ผมจะเข้ามาตอบเป็นเรื่องๆ ไป โชคดีทุกท่าน และขอให้เลือกรถได้ถูกใจนะครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:41:05

ความคิดเห็นที่ 47 ขอบคุณครับ ไล่อ่านตั้งแต่อันแรก Vito น่าสนกว่า T5 ขึ้นเป็นกอง จากคุณ : RaZer_IT เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 01:47:36

ความคิดเห็นที่ 48 ผมขออนุญาตขมวดปม สรุปให้อย่างนี้นะครับ การเลือกซื้อรถ ไม่มีคันไหนที่ perfect ที่สุด ไม่มีคันไหนที่ตอบสนองได้ทุกด้าน ยิ่งไปกว่านั้น ทุกคนมีความต้องการและความชอบส่วนตัวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้น..จะไม่มีอะไรถูก/ผิด แต่เราต้องเลือกให้ตรงกับความต้องการของเราให้มากที่สุด สำหรับผมเอง ถ้าเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตา ผมชอบ Volk Caravelle และ Alphard ถ้าเป็นเรื่องการใช้งาน การมี function จุกจิก gadget เล็กๆ น้อยๆ ต้องยกให้ Alphard ถ้าขับในเมืองเป็นหลัก และขับเองด้วย Alphard น่าจะดีสุด ส่วนที่ผมเลือก Vito เพราะชื่อชั้น ความปลอดภัย ช่วงล่างที่ดีทั้งในเมืองและต่างจังหวัด การตกแต่ง ความภูมิฐาน เพิ่มเติม... คนขับรถของผม อดีตเคยขับให้ท่านฑูตไทยที่ประจำประเทศบรูไน ขับให้ผู้ช่วยรัฐมนตรี ขับให้ประธานบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ขับมาแล้วทั้ง Alphard และ Volk Caravelle และตอนซื้อก็เชียร์ Alphard ด้วย เมื่อได้ขับ Benz Vito ไปหัวหินกัน ผ่านทั้งช่วงในเมือง รถติด วิ่งทางไกล อยู่ๆ ก็พูดสรุปให้ฟังว่า "นายครับ.. วันนี้เป็นวันที่ผมได้ขับครบทั้ง 3 ยี่ห้อแล้ว ผมบอกได้คำเดียวว่า โดยรวม Benz Vito ดีที่สุดครับ ชัวร์ครับ" แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 02:17:27 แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 55 02:15:14 จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 02:13:58

ความคิดเห็นที่ 49 ขอบคุณมากๆครับ รีวิวดีๆ จากคุณ : A-cccycl เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 07:28:07

ความคิดเห็นที่ 50 เป็นรีวิวที่ดีในรอบปีเลยครับ ได้ครบทั้งเนื้อหาสาระ ขอบคุณครับ มีรูปตอนแรกที่เบาะติดมากับรถหรือเปล่าครับ จากคุณ : Big BuBu เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 07:48:48

ความคิดเห็นที่ 51 รีวิวดีจังครับผมชอบแบบนี้แหละ ชอบก็บอกชอบ ดีบอกดี อันไหนไม่ดีว่าไปตามตรง และประสบการการขับรถ จขกท เอามาเป็น benchmark ได้เป็นอย่างดี ไม่เหมือนบางรีวิวชมรถตัวเองทุกเรื่อง ดีแบบนู้นสวยแบบนี้ อ่านแล้วต้องแปลต่อว่าดีของเค้าแปลว่าอะไรเทียบกับอะไร จากคุณ : NAN_KUNG เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 08:18:49

ความคิดเห็นที่ 52 ช่วงล่าง แน่นอน ดีกว่า อัลพารด์แน่ๆ แต่ ถ้าขับตัวเปล่า จะเด้งด้านหลังมากมาย ต้องมีนน.บรรทุก ถึงจะนุ่มสบาย จากคุณ : ฟาง เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 09:02:56 A:203.148.187.139 X: TicketID:289572

ความคิดเห็นที่ 53 ตอบ คห.50 คุณ Big BuBu ครับ -- รูปเบาะที่มากับรถ อยู่ในกระทู้ที่ 2 ของเรื่องนี้ครับ >>> http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V11894501/V11894501.html#7 จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 09:07:57

ความคิดเห็นที่ 54 เป็นรีวิวที่ละเอียดดีมาก ๆ เลยครับ จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 10:27:42

ความคิดเห็นที่ 55 ละเอียดดีจัง อยากให้ review ตากลมด้วย    อิอิ   รอสอยมือสอง ตอนนี้เก็บตังได้หมื่นนึงแล้ว  ขาดอีก  2 ล้าน 555 จากคุณ : คุณจริงใจ เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 11:56:53

ความคิดเห็นที่ 56 จขกท ขอบคุณมากมาย สำหรับรีวิวดี ๆ ครับ อิจฉาภรรยา และลูกคุณจัง มีคุณพ่อที่ Family Man มาก ๆ แบบนี้ ครอบครัวนี้ อบอุ่นแน่ ๆ ครับ จากคุณ : สุกรสยาม เขียนเมื่อ : 30 มี.ค. 55 11:58:21

ความคิดเห็นที่ 57 น่าจะให้ give ได้นะ ผมเทให้หมดเลย ขอบคุณครับ จากคุณ : Big BuBu เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 01:37:37

ความคิดเห็นที่ 58 ผมก็สนใจตัวนี้อยู่ แต่ผมดูที่ brg มันไม่ใช่ไฟ ซีนอนครับ หรือว่าคันนี้มันเป็นไฟซีนอนครับ และอีกอย่างปัญหา แอร์ไม่เย็น ที่ benz auto service พอแก้ได้ไหมครับ  และราคารถถ้าไม่ตกแต่งมันตกประมาณเท่าไหร่ครับ จากคุณ : gt3 เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 07:49:29

ความคิดเห็นที่ 59 ขอถามอีกนิด แล้วมีอาการสั่นสะเทือนที่พวงมาลัยไหมครับ จากคุณ : gt3 เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 11:58:45

ความคิดเห็นที่ 60 ตอบคุณ gt3 ครับ - ตามโบรชัวร์ที่ผมได้จาก Benz Auto เป็นไฟแบบ Bi-xenon ครับ และของจริงก็เป็นไฟแสงสีขาว สว่างมากๆ ไม่ทราบว่ามีวิธีตรวจสอบ ไหมครับว่าเป็นไฟชนิดไหน - เรื่องแอร์หลังไม่เย็น ทาง Benz Auto ยังไม่มีคำตอบครับ ผมกำลัง เสาะหาร้านแอร์อยู่ มีที่หนึ่งแถวๆ บางนา-ตราด แนะนำติดตั้งเพิ่ม บนเพดานท้ายรถ (ภายใน) พร้อมทั้งตีตู้ให้เนียนเข้ากับบุหลังคา  ผมว่าจะแวะไปดูของจริง และดูว่ามันบางพอหรือไม่ (เพราะเพดานเตี้ย) ได้ผลอย่างไรจะมาแจ้งให้ทราบครับ - ราคารถไม่ตกแต่ง ผมไม่ได้ถามครับ ถ้าเป็น 115 CDI ไม่ตกแต่ง ถ้าซื้อ จากตัวแทนเมอร์เซเดสเบนซ์ประเทศไทย ประมาณ 2.8 ล้านครับ ส่วน 122 CDI คงต้องประมาณส่วนเพิ่มเอาเอง น่าจะ 3 นิดๆ ครับ อนึ่ง...เท่าที่รู้ ค่าตกแต่งอยู่ที่ประมาณ 3 แสนกว่าบาท - อาการสั่นที่พวงมาลัย จะเป็นตอนไหนครับ ผมยังไม่เจอเลย วันนี้ขับไปเพชรบูรณ์ บางช่วงผมใช้ความเร็ว 140-145 นิ่งสนิทครับ ทั้งตัวรถ และพวงมาลัย นิ่งมาก เหลือเชื่อ  เวลาที่ถนนไม่เรียบ ตัวรถย่อมโดดขึ้นลง ลักษณะการพะเยิบพะยาบ ของตัวรถค่อนข้างนุ่มหนึบครับ ดีมากๆ ไม่โคลง ไม่แกว่ง ท้ายไม่สะบัด ปรกติลูกๆ ผมจะไม่ชอบให้ขับเร็ว วันนี้ กลับทักว่ารถนิ่งดี พ่อขับเท่าไหร่เนี่ย พอบอกไป 140 ร้องว้าว.. จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 22:19:01

ความคิดเห็นที่ 61 เพิ่มเติมครับ วันนี้ที่ไปเพชรบูรณ์ นั่งเต็มรถ 7 คน (ผู้ใหญ่/วัยรุ่น 6  เด็ก 1) วิ่งด้วยความเร็วเฉลี่ย 120 กม/ชม บางช่วงถนนดีๆ อัดไป 130-140+ คอมพ์ในรถบอกว่าอัตราสิ้นเปลือง = 12 ก.ม./ลิตร ก่อนกลับ กด Reset ใหม่ ขากลับวิ่งไม่เร็ว ประมาณ 120 ไม่เกิน 130 มาถึงวังน้อย แวะทานข้าวที่เค้กบ้านสวน 3 กดดูอีกที คำนวณได้ 12.8 ก.ม./ลิตร หลังจากนั้น รถติดมาก.. ตั้งแต่วังน้อย - ขึ้นทางด่วนวงแหวนตะวันตก และมาเจอรถติดอีกช่วง ตั้งแต่ทางด่วนแจ้งวัฒนะ - ลงประชานุกูล กลับมาเติมน้ำมันเต็มถัง ตรวจสอบอัตราสิ้นเปลืองโดยรวมทั้งทริป หลังรวมรถติด อยู่ที่ 11.26 ก.ม./ลิตร ครับ อ้อ..แต่ว่าก่อนหน้านี้ ตอนที่วิ่งเฉพาะในเมือง เจอรถติดเยอะพอควร ในเมืองก็วิ่งๆ เบรคๆ ปรากฎว่าซดน้ำมันเหมือนกันครับ ได้ประมาณ 7 ก.ม./ลิตร ถ้ารักการประหยัด และจะใช้แค่นั่งไปกับ คนขับรถกันแค่ 2 คน คงไม่เหมาะเอามาใช้แบบ day-to-day ในเมืองครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 22:39:39

ความคิดเห็นที่ 63 แนะนำ แหล่งข้อมูล ความรู้ เรื่องการตลาดออนไลน์ ครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 31 มี.ค. 55 23:06:06

ความคิดเห็นที่ 64 อาการสั่นที่พวงมาลัยตอนรอบเดินเบาครับ รถดีเซลชอบสั่นครับเช่นเข้าเกียร์ d แล้วเหยียบเบรคครับ   แล้วเรื่องแอร์ลองร้าน star air แถว บางแคดูครับเห็นเข้าทำรถนำเข้าอยู่ ลองดูนะครับ ถ้าแก้ไขแล้วเป็นยังไงมาบอกกันบ้างนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : gt3 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 07:36:03

ความคิดเห็นที่ 65 อีกอย่างครับ ถ้าไฟ ซีนอน มันเลี้ยวได้ตอนเข้าโค้งก็ชัวร์ครับ จริง ๆ ถ้าแสงสีขาวมันไฟซีนอนอยู่แล้ว แต่ถ้าไฟเลี้ยวได้ก็ชัวร์ครับ ถ้าดูแต่แสงบางที่อาจจะแอบติดตั้งในไทยครับ จากคุณ : gt3 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 07:41:20

ความคิดเห็นที่ 66 เรื่องแอร์ผมว่ามันเป็นรถเมืองร้อนหรือเปล่าครับ มันอาจจะbootนำยาแอร์ช้าหรื่อว่าคอมตัดเร็ว ลองดุ ในเวป mercedesmania ดูครับมีคนเซตระบบให้เป็นรถเมืองร้อน ลองดูนะครับ ผมไม่แนะนำให้ติดแอร์เพิ่มครับเสียดายรถ ลองทำระบบเดิมให้เต็มประสิทธิภาพดูครับ  เพราะแอร์รถ benz  ไม่ร้อนครับ ยิ่งมีตู้แยกหน้า หลัง แบบนี้ ไม่น่าร้อนเลย และผมอ่านบททดสอบรถ vito 115 cdiตัวใหม่ของ ad  ก็เย็นดีนิครับ ขนาดของ ad มีข้างหลัง แค่4ช่องครับ แต่ของ auto service น่าจะมาเจาะเพิ่มทีหลังเป็น 6ช่อง แรงลมเลขต้องเฉลี่ยกัน จากคุณ : gt3 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 07:50:12

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณ คุณ gt3 มากมายครับสำหรับคำแนะนำ เรื่องพวงมาลัยสั่น ไม่มีครับ เหยียบเบรค+เข้าเกียร์ D แล้ว ทั้งเครื่องและพวงมาลัยไม่สั่น รอบไม่ตกครับ ECU คงชดเชย load แล้ว เรื่องไฟ ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเป็น Bi-xenon แต่สำหรับการทำงานของมัน เดี๋ยวผม research และดูของจริง แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกทีครับ เรื่องแอร์ ลมมันเย็น แต่ลมเบา -- ก่อนที่ผมจะติดตู้เพิ่ม ผมจะรื้อ ดูก่อนว่ามีลมรั่วตรงไหนหรือเปล่าครับ ยังไงจะมาแชร์ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 10:53:50

ความคิดเห็นที่ 68 ขอบคุณคุณ tanakaครับ ที่มาแชร์ความรู้กัน เพราะผมก็สนใจรุ่นนี้อยู่ แต่ก่อน vito มีแต่เครือง 2.2 เลยไม่สนใจ พอมี 3.0 เลยน่าสนใจ แต่คุณ tanaka เวลาเติมน้ำมันเลือกปั้มที่ใหม่ ๆ เติมประจำแล้วไม่มีปัญหาก็ดีครับ รถรุ่นใหม่ มันต้องการน้ำมัน euro 4ครับ cat ก็ละเอียดมากครับ ยังไงถ้าผมตัดสินใจได้ เดี๋ยวมาคุยกันใหม่ครับ  (พรุ่งนี้ว่าจะไป vito carllson ครับ เห็นเบาะสวยมาก พอดีผมเอามานั่ง 11 คนครับ ไปกันทั้งบ้าน) ขอบคุณครับ จากคุณ : gt3 เขียนเมื่อ : 1 เม.ย. 55 12:20:01

ความคิดเห็นที่ 69 ระหว่างที่ผมค้นหา solution ที่จะทำให้แอร์ห้องผู้โดยสารตอนหลังเย็นกว่าเดิม ผมได้รับคำแนะนำจากช่างวิรัชว่า ถ้าลมแอร์เย็น แต่ลมไม่แรง ทั้งๆ ที่ Blower เป่าฟู่ ปัญหาอาจเกิดจากกรองแอร์ตันก็ได้ น่าจะลองถอด filter มาล้างดู ผมจึงได้ทำตามคำแนะนำ และแสดงขั้นตอนไว้ในกระทู้แตกประเด็นตามนี้ครับ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 01:49:40

ความคิดเห็นที่ 70 วิธีเปลี่ยน ทำความสะอาด กรองแอร์หลัง เมอร์เซเดสเบนซ์ วีโต้ <<< คลิกที่นี่ จากคุณ : thaitanaka เขียนเมื่อ : 7 เม.ย. 55 01:53:09