PANTIP.COM : V11958430 คิดว่าในอนาคต เป็นไปได้ไหมที่ Suzuki จะพัฒนาการตลาดจนส่วนแบ่งขยับเกิน 10% [มอเตอร์ไซค์]

ความคิดเห็นที่ 14

ตลาดสองล้อคึกคักอีกระลอก ค่ายซูซูกิ เสือซุ่มเตรียมเปิดตัวรถใหม่ทุกไตรมาส พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขาย 1.2 แสนคัน เติบโต 50% ดันแชร์ 6%

นายเลิศ ศักดิ์ นววิมาน ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่าในปีที่ผ่านมาซูซูกิสามารถทำยอดขายได้กว่า 80,000 คัน เติบโตจากปี 2553 คิดเป็น 19% ครองส่วนแบ่งทางการตลาด 4% ส่วนตลาดรวมมียอดขายประมาณ 2 ล้านคัน เติบโตประมาณ 9% ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปี 2555 ของซูซูกิ คาดว่าจะทำได้ 120,000 คัน เติบโต 50% หรือครองส่วนแบ่งทางการตลาด 6%

โดยปัจจัยที่ทำให้ยอดขายเติบโตมาจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่ซูซูกิได้วางไว้ เริ่มตั้งแต่ด้านผลิตภัณฑ์ที่จะมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดทุกๆไตรมาส และจะมีทั้งผลิตภัณฑ์ที่ไม่เคยเปิดตัวในประเทศไทยมาก่อน 2 รุ่นในกลุ่มรถตลาดทั่วไป และเป็นการเมเจอร์เชนจ์อีก 2 รุ่น นอกจากนั้นแล้วมีแผนงานที่จะปรับปรุงภาพลักษณ์ใหม่ อาทิเช่น ยูนิฟอร์ม, การพัฒนาช่องทางการจำหน่ายให้มีรูปแบบทันสมัย

"เราไม่มีแผนงานที่จะเพิ่มตัวแทนจำหน่าย โดยปัจจุบันมีจำนวนทั้งสิ้น 250 ราย อย่างไรก็ตามหากบางพื้นที่ไม่มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ และตลาดมีศักยภาพก็อาจจะขยายเข้าไป และสิ่งสำคัญที่เราจะทำในปีนี้คือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนา-ปรับปรุงกับโชว์รูม เปลี่ยนป้ายใหม่ รวมไปถึงการเข้าไปสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายในการจัดกิจกรรมหรือทำโปรโมชัน ต่างๆ"

อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะได้เห็นในปีนี้คือสปอร์ต มาร์เก็ตติ้ง โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปเป็นผู้สนับสนุนของทีมศรีราชา ซูซูกิ เอฟซี และในปีนี้จะมีการแข่งขันฟุตบอลรายการใหญ่ประจำภูมิภาคคือ AFF Suzuki cup 2012 ซึ่งถือเป็นการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน

นาย เลิศศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากตลาดภายในประเทศแล้ว ในส่วนของตลาดส่งออกนั้น ตามแผนงานในปีนี้จะมีการส่งออกรถจักรยานยนต์จำนวน 140,000 คัน และส่งออกเครื่องยนต์เรือ หรือเอาต์บอร์ด จำนวน 65,000 เครื่อง

ด้านภาพรวมการแข่งขันของตลาดรถจักรยานยนต์ในปีนี้ มีการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งมองในแง่ของผู้บริโภคย่อมจะได้รับของดีและมีทางเลือกมากขึ้น ส่วนผู้ผลิตก็ต้องมีการพัฒนาตนเองให้สร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าสูงสุด ขณะที่ทิศทางการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะในกลุ่มบิ๊กไบค์ที่ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้นนั้น แม้ว่าซูซูกิจะมีรถหลายรุ่น และมีรุ่นที่ได้รับความนิยมสูงอย่าง ซูซูกิ ฮายาบูสะ แต่ว่ายังติดขัดปัญหาเรื่องกำลังการผลิตที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นที่จำกัด และไม่พอส่งมอบกับความต้องการของลูกค้าทั่วโลก อย่างไรก็ตามคาดว่าในอนาคตอาจจะมีการหาฐานผลิตเพิ่มเติมเกี่ยวกับรถบิ๊กไบค์ ซึ่งประเทศไทยก็เป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับความสนใจ แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนจากบริษัทแม่

--------

อ่านแล้วเครียดแทนเฮียเลิศ

Market Share 10% สำหรับซูซูกิผมว่ายากมากในอนาคตอันใกล้ อย่ากระนั้นเลย กับเป้าหมายระยะสั้นที่คาดหวังว่าจะเก็บยอดขาย 6% นั่น ซูซูกิมีรถอะไรเป็นตัวชูโรง?

งานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา บูธซูซูกิเงียบมาก ไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับพริตตี้ ส่วนที่รถมาโชว์ในงาน เอารถบิ๊กไบค์ที่ตัวเองไม่ได้ทำตลาดมาไว้หน้าสุด เอารถขาประจำตลาดของไทยมาไว้ตรงกลาง ส่วนรถที่คาดว่าน่าจะพอทำตลาดในบ้านเราได้อย่าง Address 125 ประมาณนั้นเอาไว้ในสุด
จากข่าว ผมว่าซูซูกิเข้าอิหรอบเดิมแน่นอน คือ ดีแต่ปาก...บอกว่าจะ Change and Challenge มาสองปีกว่าแล้ว ยังไม่มีอะไรคืบหน้า ในขณะที่ยามาฮ่ากับฮอนด้าเริ่มทิ้งออกไปเรื่อยๆๆ
มีความรู้สึกว่า เป้าหมายของพวกญี่ปุ่นที่ฮามามัตซึเองคงหวังกับ Swift Ecocar เอาไว้มากถึงมากที่สุด ในขณะที่ตลาดรถสองล้อ ผมว่าซูซูกิขาดองค์ประกอบที่จะทำให้ตัวเองกลับมาแถวหน้าได้...นั่นคือความเด็ดขาดในการตัดสินใจในสามสิ่งต่อไปนี้
1. ผลิตภัณฑ์ (เอาโปรดักใหม่มาโชว์ดีไหมว้า)
2. ศูนย์บริการ (เปิดเพิ่มดีไหมว้า)
3. การตลาด (ทำยังไงให้โดนใจผู้ซื้อว้า)

รถใหม่ๆในตลาดก็ไม่เอาออกมา รถที่เปิดตัวในเพื่อนบ้านในอินโดนีเซียมาชาติกว่าๆแล้วอย่าง Hayate 2012 ซูซูกิก็ไม่เอาออกมาโชว์ ทั้งๆที่ขึ้นไลน์ที่คลองสามแล้ว ไม่เข้าใจซูซูกิว่าคิดอะไรอยู่ ใจคอคงลากขายสแมชจนตายกันไปข้างนึง แปลกดีที่รถคาร์บูฯขายได้ดีที่สุดในยี่ห้อตัวเอง...

ประกาศปาวๆว่าจะหวังตลาดบิ๊กไบค์...ท่านจะโยน Inazuma 250 มาถามทางแหงมๆ กับราคานำเข้า 210,000 บาท (ย้ำ...ว่านำเข้า ไม่ใช่ราคาเมืองไทย)...ถ้าไม่คิดจะขึ้นไลน์ประกอบในไทย...เอามันไว้ในตลาดจีนเหอะ คนหนีไปขี่คาวากันหมดแน่ถ้ามาราคานั้น

สิ่งเดียวที่ซูฯสู้เขาได้ คือ งานประกอบ การกดราคาลงสู้ และความซื่อสัตย์ของลูกค้าอย่างผมที่ยังไม่หนีไปหาค่ายอื่น หวังว่าราคา Inazuma 250 คงไม่เป็นเช่นนั้น
ถ้าขึ้นไลน์เมืองไทยแล้วกดราคาสู้กับนินจาในพิกัดเดียวกัน ผมสอยมาแน่นอน...แต่ถ้ามาสองแสนอัพ คงไปงัดซาก RG Gamma ข้างตึกมารีบิ้วดีกว่า

นอกจากตัวรถแล้ว ศูนย์บริการเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้ซูซูกิพายเรือวนในอ่าง4%ตลอดชาติ ซูฯต้องยอมรับว่าการกระจายและเข้าถึงผลิตภัณฑ์ของตนเองแย่กว่าผู้นำสองยี่ห้อนั่นเอามากๆ
เฮียเลิศบอกจะเปลี่ยนอะไร...เปลี่ยนยูนิฟอร์ม...โอ้วแม่เจ้า...ผมว่าเฮียเลิศเอางบไปอบรมพนักงานให้มันดีก่อนจะดีกว่า ผมบ่นให้บอร์ดซูฟังหลายครั้งแล้วเรื่องพนักงานบริการแย่ พูดจามะนาวไม่มีน้ำ ทั้งๆที่ตนเองเป็นศูนย์คลองสาม...ศูนย์ใหญ่ความหวังของชาวซูฯ
ผมว่าถ้าผู้บริหารอ่าน แล้วดูบุคลิคลักษณะของพนักงานห่วยๆที่คลองสาม เดาออกเลยว่าใคร บอกเลยนะ ช่างต้องไม่โชว์เก๋ากับลูกค้า คนรับรถต้องมีวิธีพูดกับลูกค้า มาพูดห้วนๆแบบนี้...เป็นเพื่อนกันตั้งแต่เมื่อไหร่???

ศูนย์ซูฯจะไม่เพิ่ม ท่านแน่ใจนะ...เพราะศูนย์หน้าซอยคู้บอนก็ดี ศูนย์สะพานใหม่ก็ดี ทำไมตั้งรถซูไม่เด่นเลย ทั้งๆที่ตนเองแปะแบนเนอร์ซูฯเต็มร้าน
ท่านอย่านั่งนับดีลเลอร์ในหนังสือคู่มือรถดิ...ท่านต้องสำรวจด้วยว่าดีลเลอร์เหล่านั้นอยากรับรถท่านไปขายอยู่หรือเปล่า ถ้าเป็นตลาดภาคใต้ผมจะไม่ว่าเลย
ไม่เพิ่มไม่ว่า แต่การกระจายรถต้องดี...เอางี้...แค่ผมจะซื้อฮายาเต้หัวฉีด เพราะใช้เวลาและเสียเวลามากแค่ไหน...ไม่มีใครทนได้เหมือนผมหรอก ซื้อคันเดียวตามดูเป็นปีๆ รถเทสที่ศูนย์โทรมสุดในสามโลก First Impressive ของ New Comer บางคนไม่มีแน่

เรื่องสุดท้าย การตลาด...ผมจะดูน้ำหน้าฝ่ายการตลาดซูซูกิว่ามันจะใช้ของที่มีอยู่ในมือให้เป็นประโยชน์ไหม ขี้เกียจพูดปากเปียกปากแฉะ

1) ผมดีใจมากที่ท่านไปสนับสนุนสโมสรศรีราชา เอฟซี เพราะทีมนี้ผมตามเชียร์อยู่ อีกอย่าง ท่านต้องไม่ลืมว่าศรีราชามีมหาวิทยาลัยอยู่สองที่ คือ เกษตรกับบรูพา และมีโรงงาน มีคนทำงานท่าเรือ ท่านต้องหาวิธีเข้าถึงพวกเขาให้ได้
2) บริษัทแม่จ่ายเงินให้เอเอฟเอฟเพื่อขอใช้ชื่อ คราว AFF Suzuki Cup 2010 ท่านจำได้ไหมว่าประชาสัมพันธ์อะไรยังไง...สวิฟท์กับสกายไดรฟ์ลายธงชาติไทย...พอแล้วหรือ??? ดันยอดขายได้??? ...เอางี้ ถ้าอันนั้นมันยังไม่พอ ท่านใช้วิธีนี้เลย ไปรษณียบัตรทายผล ใครเป็นแชมป์ พร้อมทั้งสโลแกนซูซูกิ...เอาหน่อยๆ
3) Sport Marketing กำลังบูม จะทำอะไรก็รีบทำ...สนับสนุนทีมจังหวัดในดิวิชั่นหนึ่งที่มีศักยภาพ ศก.กำลังขยายตัวสักทีม...คุณดูดิ ยามาฮ่าไปไหนแล้ว ฮอนด้าไปไหนแล้ว...

เอาเหอะ ถ้ารู้ว่าทำยังไงคงสมัครไปเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดเอาเองแล้ว...
อุ้ย..ลืมไป...สมัครไม่ได้เพราะ "คุณจบมาไม่ตรงสาย"

ผู้บริหารตอบด้วย...ว่าท่านมีความจริงใจในการทำตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยหรือไม่???
ท่านต้องไม่ลืมว่า คนไทยยังติดภาพท่านจากรถจักรยานยนต์ ผมถาม...ถ้าพูดถึงแบรนด์ซูซูกิ...คนส่วนมากนึกถึงจักรยานยนต์นะท่าน...มันจะมีสักกี่คนที่นึกถึง Vitara Caribean หรือ Fronte (แคริบเบี้ยนนี่คงจะพูดถึงตอนน้ำท่วมน่ะ)

ถ้าท่านทิ้งตลาดรถจักรยานยนต์จริงๆล่ะก็...

...เรื่องนี้ถึงครูอังคนาแน่...

จากคุณ : MoMo says

เขียนเมื่อ : วันเนา 55 00:31:52

ความคิดเห็นที่ 19

ขอตอบในฐานะผู้ใช้และรักรถ ซูซูกิ คนหนึ่ง
ตอบคำถาม จขกท. ผมคิดว่า 3-5 ปี ครับที่จะกลับมาได้ จขกท.และท่านอื่นๆ ลองฟังเหตุผลดูครับ

พวกคุณคิดว่า 'ซูซูกิ' ไม่อยากได้ส่วนแบ่งหรือ ไม่อยากขึ้นมาเป็นเบอร์หนึ่งหรือ แน่นอนเมื่อขาข้างหนึ่งอยู่ในฐานะแบรนด์ "เจ้าความเร็ว" มันเหมือนมีศักดิ์ศรีมารั้งคอเอาไว้ แต่การจะทำอะไรซักอย่างให้สมกับสถานะของตัวเองมันก็ไม่ใช่จะทำได้ทุกอย่างตามที่คิด ตามที่ตัวเองต้องการเสมอไป มันไม่ง่ายและโดยเฉพาะกับตลาดที่ตัวเองไม่ถนัด นั่นคือรถตลาด

ซูซูกิ เป็นแบรนด์ที่ถนัดรถสปอร์ตไม่ใช่รถตลาด การที่ตัวเองต้องมาทำอะไรที่ไม่ถนัด บั่นทอนกำลังความสามารถตัวเอง ลดสมรรถนะของตัวเองลงมาเพื่อสู้กันในความต้องการของตลาดในไทย ที่มี SP. ทำมาก่อน ทำให้ซูซูกิตัวจริงต้องมานับหนึ่งจากการเทคโอเวอร์กลับมาเป็นของตัวเอง และนับหนึ่งใหม่กับตลาดในไทย

แผนการเข้าซื้อและำกลับมาทำใหม่ของ 'ไทยซูฯ' ต้องมีงบประมาณสนับสนุนจาก บ. ที่ญี่ปุ่น ไทยซูฯ จึงประกาศตัวอีกครั้งเพื่อรับทุนจาก บ. แม่ในแคมเปญ
Change & Challenge เพื่อมากระตุ้นยอด สร้างการจดจำของผู้ใช้ ผู้บริโภค
แต่แผนแม่บททั้งหลายที่นำเงินจากต่างประเทศมาลงทุน คุณคิดว่าเขาจะยอมให้เอามาทำอะไรได้ตามอำเภอใจหรือ ซูซูกิ ที่ญี่ปุ่นมองไปไกลกว่านั้น
ประเด็นที่เขานำมาพิจารณาไม่ได้อยู่ที่ ความต้องการของผู้ใช้ในไทยอย่างเดียว
แต่เขามองไปที่การส่งเสริมการลงทุน นโยบายของรัฐบาลที่สนับสนุนรื่องของ Eco Car

การจะนำเม็ดเงินมหาศาลมาลงทุนในต่างประเทศ เจ้าของเงินก็ต้องมองไปที่ตลาดที่จะได้เงินกลับแบบไวที่สุด เร็วที่สุด เจ้าของเงินตัวจริงรู้ดีว่าตลาด Eco Car ในไทยกำลังเปิด ตลาดรถมอเตอร์ไซค์ ซูซูกิ ยังตามหลังเขาอยู่ และรถธงนำของ ซูซูิกิ ตามรหัส Eco Car คือ ซูซูกิ สวิฟท์ (SUZUKI SWIFTS) เป็นรถที่ทำตลาดให้กับซูซูกิ โดยเฉพาะในยุโรป เรียกได้ว่าแจ้งเกิดมากับตัวนี้
แล้วใยใครจะไม่เข็นของที่ตัวเองมีอยู่ เอามาใช้ให้เกิดประโยชน์

2 ปีที่ผ่านมากับคำว่า Change & Challenge ไม่ได้สูญเปล่าและไร้ค่า ราคาคุยอย่างที่ใครๆคิด เพราะมันเป็น 2 ปี ที่ได้ทุ่มงบประมาณและกำลังความสามารถของทีมวิศวกร ซูซูกิ ลงไปในรถประจำการของทัพคลองสามแล้วในนาม สวิฟท์ แต่แน่นอนก็ไม่ได้หมายความว่า ทำแต่ตลาดรถยนต์อย่างเดียวในตลาดมอเตอร์ไซค์ ซูซกิ ก็ยังคงต้องไล่เกมตามชาวบ้านเขาไป แม้จะเข็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ๆออกมาแต่ก็ยังไม่อาจจะตอบตลาดได้ดีเท่าที่ควร
แต่หากจะให้ความเป็นธรรมกับค่ายๆหนึ่ง ที่ดูจะช้ากว่าชาวบ้านเขาเสมอ

ลองคิดดูว่า ถ้าคุณมีกำลังการผลิต มีเทคโนโลยี มีผลิตภัณฑ์ที่มากมายที่ต้องดูแลและตลาดในอินโดฯ โตไปได้สวย ฟิลิปปนิส์ มาเลเซีย เวียดนาม ก็โตวันโตคืน ต่างกับตลาดในไทย ถ้าเป็นคุณ คุณจะปล่อยตลาดเหล่านี้ไปหรือ

เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่ ซูซูกิ จะไม่คิดทำตลาดรถสปอร์ตในไทย ก็ในเมื่อคู่แข่งคนสำคัญ ชาติเดียวกันภาษาเดียวกันขยับมาลงทุนในไทยกันอย่างต่อเนื่อง
อีกทั้งการผลิตในประเทศก็มีข้อดีสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของตัวเองอยู่หลายประการ ทั้งต้นทุน วัตถุดิบ การขนส่ง แล้วทำไม ซูซูกิ จะไม่สร้างฐานการผลิตในไทย แต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์รถหนึ่งคันมันไม่ใช่ 3 เดือน 2 วัน ก็สร้างเสร็จ หากแต่มันต้องมีการระดมทุน ระดมสมอง พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำการทดสอบอยู่ต่อเนื่อง ในเมื่อตอนนี้ตลาดใดๆที่มันสามารถเก็บเม็ดเงินเข้ากระเป๋าได้ก็ต้องทำไปก่อน เมื่อวันหนึ่งแผนการเกี่ยวกับ Eco Car สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ เม็ดเงินลงทุนก็จะตามมาอีกทั้งกำไรจากการผลิตเพื่อส่งออกก็สามารถนำมาหมุนเวียนลงทุนเพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อีกต่อไป

อย่างไรก็ตาม หากจะให้ความเป็นธรรมกับ ซูซูกิ อย่างน้อยที่สุดก็ควรมองกลับไปที่ SP. ที่ถือหุ้นบริหารมานานหลายปี SP. ไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรมากไปกว่าการที่มันคือ มอเตอร์ไซค์ตลาดๆ ธรรมดา ขายได้ก็ขาย ขายไปเรื่อยๆ ไม่ได้สนใจจะขยายช่องทางการลงทุน เช่นศูนย์บริการ การประชาสัมพันธ์ ช่องทางการจำหน่ายเท่าที่ควร จะด้วยเหตุผลอันใดอันนี้ก็ไม่แน่ใจว่า มันเกี่ยวข้องกับนามสกุลของผู้บริหารที่ไปพ้องรูป พ้องเสียงกับนามสกุลของผู้บริหารค่ายมอเตอร์ไซค์เจ้าตลาดอะไรนั่นด้วยหรือเปล่า สุดแต่จะคาดเดา

แต่จะเกี่ยวข้องหรือไม่ การบริหารมันก็เป็นอย่างที่เห็นว่าไม่มีการโตของส่วนแบ่ง เรียกว่ากระเตื้องคงยังพอได้มากกว่า แล้วกับ ซูซูกิ ตัวจริงที่เขามีเวลาแค่สองปี จะให้เขามาทวงตลาดแชมป์ครองเบอร์หนึ่งแทนที่เจ้าอื่นๆทุ่มเทกันมากกว่า 20 ปี ในเวลาสองปี พี่จะเว่อรไปหน่อยหรือเปล่าครับ ?

อย่างไรก็ตามอีกครั้ง ก็ต้องยอมรับกันตรงนี้ว่า 2 ปี ที่ผ่านมา ซูซูกิ ไม่ค่อยได้อะไรและไม่ประสบความสำเร็จกับตลาดมอเตอร์ไซค์ในประเทศจริงๆ โดยดูจากส่วนแบ่งเพียงเดียว ก็เอาไปคุยต่อไม่ได้แล้ว ศูนย์บริการที่ชาวบ้านเรียกร้องนักหนา ก็ไม่เป็นรูปเป็นร่างเลย ตรงกันข้ามผมกลับเห็นศูนย์บริการของ ซูซูกิ ในแบบศูนย์บริการรถยนต์โผล่ขึ้นมาอีกที่ตรงแยกประเวศ ใก้ลศูนย์ ซูซูกิ ลาดกระบังเลย นั่นก็พอจะมองแล้วว่า ในเวลานี้ ซูซูกิ คาดหวังมากกับตลาดรถยนต์

ซูซูกิ เหมือนเด็ก
ถ้าเทียบกันกับแบรนด์ญี่ปุ่นด้วยกันในไทย เหมือนเพิ่งเตาะๆแตะๆ ค่อยๆก้าว ค่อยๆเดิน ถ้าจะเปรียบตามนี้ผมอยากหยิบไม้มาตีก้นผู้บริหารคนนี้จริงๆ ไม่ต้องเรื่องอะไรหรอกครับ ผมว่าที่คุณเอาฮายาบูสะ Gixxer Burgman มาโชว์ทั้งๆที่รู้ว่า คุณต้องนำเข้า 100% คุณอาศัย Brand Loyalty สาวกซูฯ อย่างเดียว หรือจะคล้ายๆกั๊กสาวกเอาไว้ว่า อย่าเพิ่งทิ้งหนูไป หนูเตรียมขนมาลุยกับชาวบ้านแล้ว รอหนูหน่อย เดี๋ยวหนูจัดแน่ เท่านี้เอง

เคยมีสมาชิกท่านนึงในพันทิปนี้ กล่าวเอาไว้อย่างสุภาพชนและน่าชมนักแลว่า
"เอาฮายาฯมาขอบุญเก่า" ผมสะดุ้งไปนิดนึง แต่ก็สนับสนุนความคิดนี้อยู่ในใจ
ใช่ครับผมเห็นด้วยจริงๆ ที่วันนี้ ซูซูกิ ยังอาศัยบุญเก่าจาก ฮายาบูสะ อยู่
แต่วันนี้ ZX14R ของค่ายสีเขียวประกาศแล้วว่า "Busa Killer" ผมว่าคุณคงมานั่งๆนอนๆขอบุญเก่าจาก ฮายาบูสะ ต่อไปไม่ได้แล้วนะ

และผมคิดว่า ซูซูกิ จะอยู่หรือไปมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับผมเลย แต่ผมคงเสียดายมันมากๆ ที่รถจากค่ายนี้จะต้องหมดสิ้นชื่อเสียงไปเพียงเพราะคณะที่ปรึกษา (ไทย) ที่ไม่เข้าใจตลาดคนไทยด้วยกัน ทั้งๆที่คุณมีสิทธิ์พูดในฐานะคณะทำงานที่ปรึกษาด้านการตลาดและการลงทุนให้กับเขาคนนั้นแต่คุณกลับเพิกเฉย

อีกประการสำหรับคนที่มักต่อว่า ซูซูกิ เรื่องศูนย์บริการมีน้อย ผมเข้าใจคุณนะ เพราะผมเองก็เป็นผู้ประสบภัยในเรื่องนี้เช่นกัน แต่พิจารณาอย่างไร้อคติ
ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นสาเหตุหนึ่ง แต่ไม่ใช่ปัญหาทั้งหมด ขอให้พิจารณาค่าย Kawasaki ดูครับ ทั้งรุ่นเล็กและโดยเฉพาะรุ่นใหญ่ แต่ Kawasaki กลับไม่ค่อยถูกด่าตำหนิในเรื่องนี้เท่าไหร่เลย เราอาจจะต้องอาศัย Brand Loyalty และการเรียนรู้นอกห้องเรียนกันไปครับ

ผมขอฝาก ซูซูกิ แก่เพื่อนสมาชิกได้โปรดพิจารณาอย่างเป็นธรรมด้วยครับ

Ps.1 คุณความเห็น 15 / ซูซูกิ ก็มี ยู-บ็อกซ์ ใหญ่ๆนะครับ
Ps.2 คุณความเห็น 16 / คงไม่ถึงอย่างนั้นเสมอไปมั้งครับ จะให้ทำอะไรออกมาถูกใจคนทั้งชายทั้งหญิง มันต้องเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ และผมเชื่อว่าคงไม่มีใครทำได้จริงๆ อีกทั้งรถราคาระดับนี้ก็เป็นธรรมดาครับที่คนต้องตัดสินใจกันนานขึ้น จะได้ยอดทั้งหมดก็เป็นเรื่องยากเช่นกัน

จากคุณ : ผู้ชำนาญการด้านความเหงา

เขียนเมื่อ : วันเนา 55 03:14:36