ความคิดเห็นที่ 1 จริงๆแล้วปัญหาอาจจะไม่ได้อยู่ที่หัวฉีดสกปรกก็ได้ครับ   ทำเพราะว่างและอยากทำจริงๆครับ ว่าแล้วก็รื้อๆๆ   รถของซูซูกินี่รื้อยาก แน่น และต้องรื้อเกือบทั้งหมดครับ อันนี้ก็ต้องรื้อชุดเบาะออกก่อน จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 18:49:50

ความคิดเห็นที่ 2 ทำการสำรองน้ำมันออกให้ซะเรียบร้อย แม่ เห็นภาพแล้วมันช่างขัดใจ มือถือเครื่องละ 600 มันช่างถ่ายภาพได้ห่วยแตกซะจริงๆ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 18:51:39

ความคิดเห็นที่ 3 รื้อเรือนหัวฉีดออกมาก็จะได้ชิ้นส่วนหลัก อยู่ 3 ชิ้นคือ 1.ชุดควบคุมการจ่ายน้ำมัน(น่าจะเป็นโซลินอยล์) 2.หัวฉีดน้ำมัน 3.และอีกชิ้นทำหน้าที่คล้ายๆนมหนูของระะบบคาร์บูเรเตอร์ครับ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 18:55:24

ความคิดเห็นที่ 4 ลืมภาพ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 18:55:54

ความคิดเห็นที่ 5 เจ้าตัวนี้ทำงานคล้ายๆกับนมหนูครับ คือมันจะยอมให้น้ำมันผ่านไปได้ แค่เต็มที่ ที่มันยินยอมให้ไหลได้เท่านั้น  ยิ่งอ่านก็ยิ่งงง ฮ่วย แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 18:58:37 จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 18:57:00

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนเจ้าหัวนี้ เป็นส่วนที่จะพ่นน้ำมันให้เป็นฝอยๆ   คือตัวหัวฉีดนั่นเอง ในรูปอยู่ในสถานะปิดหัวอยู่ ไม่ยอมให้น้ำมันผ่านไปได้   ต้องได้รับการดันหัวเข็มจากข้างในด้วยโซลินอยล์ก่อน จึงจะพ่นน้ำมันออกมาได้ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:01:11

ความคิดเห็นที่ 7 อันนี้จะอยู่ในสถานะเปิด พร้อมที่จะพ่นน้ำมันได้ ใช้ไขควงเล็กที่ไม่แหลมคม ดันจากด้านในให้หัวฉีดมันเปิดออก และทีความสะอาดครับ เพราะบางครั้งชอบไปเตอมน้ำมันตามหลอด หรือน้ำมันขวด ก็จะมีส่วนให้หัวฉีดสกปรกได้ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:03:38

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วจัดการเอามันไปแช้ และล้างในเบนซินซะ แต่ตัวเรือนโซลินอยล์ไม่ต้องเอาไปแช่ด้วยเด้อ เดี๋ยวงานจะเข้า ดูจากสภาพแล้วไม่รู้ว่าก่อนล้างและหลังล้าง  อันไหนสะอาดกว่ากันแน่ อิอิ แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 19:05:54 จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:04:43

ความคิดเห็นที่ 9 เสร็จแล้วจัดการประกอบร่างกลับเข้าเป็นชุดเหมือนเดิม ซึ่งดูจริงๆแล้ว หัวฉีดของซูซูกิไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเลย ช่างบ้านๆก็ทำได้  ขนาดมั่วๆกากๆ อย่างผมยังทำได้ และช่างกระต๊อบจะทำไม่ได้เชียวรึ ชึ้นส่วนที่น่าจะเสียได้ ดูแล้วก็น่าจะมีแค่ตัวเรือนโซลินอยล์ ที่จะเป็นชุดกระปุกสีดำๆของมันเลย รู้สึกว่าชุดหัวฉีดไทยซูซูกิก็แยกขายนะครับ ไม่ได้เบิกแบบทั้งชิ้น   ผิดถูกขออภัย ผู้รู้โปรดชี้แนะ ฉะนั้นชิ้นส่วนราคาแพงน่าจะมีแค่เรือนโซลินอยล์ครับ ตัวอื่นก็เป็นของที่ไม่น่าจะแพง จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:11:38

ความคิดเห็นที่ 10 จัดการขันตัวหัวฉีดน้ำมันเข้ากับตัวเรือนโซลินอยล์ซะ เอาแค่ตึงมือพอ เดี๋ยวงานเข้า จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:13:04

ความคิดเห็นที่ 11 เสร็จแล้วทำการใส่ซีลให้เรียบร้อยจัดวางให้เข้าไปกับตัวแหน่องของมัน แล้วสวมน็อต ยังไม่ต้องขันแน่น แล้วเสียบสายแว็คคั่ม สายน้ำมัน สายไฟโซลินอยล์ให้เรียบร้อย ดึงตัวล็อคให้เรียบร้อย จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:15:59

ความคิดเห็นที่ 12 ยึดด้วยน๊อตให้เรียบร้อย ขันพอตึงมือ ขันแรงมากงานจะเข้า เพราะถึงคุณจะขันจนประแจหัก มันก็แน่นได้แค่เทาเดิมเท่านั้นเอง เพราะมันยึดร้อยแรงของซีลและโอริง ตัวน็อคเป็นเพียงแค่ตัวประคองมันเท่านั้น หลังจากขั้นน็อตเสร็จแล้ว หัวฉีดจะยังคงจับหันซ้ายขวาได้เล็กน้อย  อันนี้ปกติครับ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:19:06

ความคิดเห็นที่ 13 ลองใส่แบตเตอร์รี่เพื่อทำการเทสก่อนครับ เดี่ยวงานเข้า ส่วนการใส่แบตเตอร์รี่ก็ใส่ให้ถูกแบบครับ โดย 1.ในการถอดแบตเตอรี่ ต้องถอดขั้วลบ (-) ออกก่อนเสมอ เพื่อป้องกัน การลัดวงจร 2.ใส่แบตเตอรี่ ต้องใส่ขั้วบวก (+) ก่อนเสมอ   ถ้าจะให้จำง่ายๆก็คือ “ถอดลบ (-) ใส่ (+)” เพื่อป้องกันการลัดวงจรและก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถของคุณ แล้วลองบิดกุญแจไปที ON ต้องได้ยินเสียงหัวฉีดเตรียมแรงดันน้ำมัน ดัง แกร๊กๆๆๆๆๆ เบาๆ ถ้าไม่มีเสียงอะไร แส้งว่างานเข้า  เช็คสายโซลินอยล์ สายแบตเตอร์รี่ให้ดีๆ ส่วนของผมก็ลุ้น  ปรากฏว่า ใช้งานได้ครับ  โล่งใจไป อิอิ แล้งลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู ต้องติดครับ ถ้าไม่ติดแสดงว่างานเข้า แต่ของผมก็ไม่ติดครับ งานเข้ากรูแล้ว!!!!!!!!!! แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 19:45:25 จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:25:12

ความคิดเห็นที่ 14 เอาแล้วไง ต่อๆๆ จากคุณ : pao666 เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:32:30

ความคิดเห็นที่ 15 ต้องเติมน้ำมันเข้าไปก่อน เพราะก่อนหน้านี้เราถ่ายน้ำมันออกมาเก็บไว้ก่อนแล้ว  อิอิ  ลืมเติมน้ำมันไปซะงั้น เสร็จแล้วก็ทำการประกอบร่างเป็นแองกรี้เบิร์ดซะ (มันช่างคล้ายดีแท้ ว่าจะทำเจลาโต้เป็นแองกรี้เบิร์ดซะหน่อย อิอิ) แล้วก็พร้อมใช้งานครับ เป็นอันเสร็จ จากชิ้นส่วนที่ถอดออกมา เราจะเห็นว่าชิ้นส่วนหลักๆของหัวฉีดมีแค่ 3 ชิ้นแค่นั้นเอง ชิ้นส่วนที่จะเสียก็ดูกันไม่ยาก  และน่าจะแยกขายด้วย ไม่จำเป็นต้องเบิกทั้งชิ้น ประหยัดงบได้บานถ้าเสียขึ้นมาจริงๆ  เพราะชิ้นส่วนไม่ซับซ้อน ช่างๆบ้านๆถ้าได้รื้อก็ทำเป็นหมด ทีนี่ใครจะโมนมหนูหัวฉีด ก็ดูไว้เป็นแนวทางได้ครับ อิอิ แล้วก็ไปทะเลาะกับ ECU เอากันเองก็แล้วกัน อิอิ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:32:56

ความคิดเห็นที่ 16 ตั้งแต่ได้จเ้านี่มา 1 ปีวิ่งไปกว่า 36000 กม. ยังไม่เคยงอแง นอกจากเจ้าของมันเองมากกว่า  อัตราเพี้ยนของระยะทางน้อยมากๆ ประมาณ 5% เท่านั้นเอง เคยรื้อออกมาจะตั้งวาล์วถึงสองครั้ง เพราได้ยินเสียงดังแกร็กๆ คิดว่าเสียงวาล์ว แต่ไม่ใช่ครับเป็นประกันท่อซะงั้น อิอิ  ทุกวันนี้ยังไม่เคยไปยิ่งกับวาล์วมันเลย ยังปกติดี แก้ไขเมื่อ 17 เม.ย. 55 19:50:25 จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:35:13

ความคิดเห็นที่ 17 ใช้จนลืิมเจ้าหนูเวฟของผมไปเลย อิอิ จอดมาปีนึงละ  กลายเป็นที่วางของไปแล้วซะงั้น เสร็จแล้วครับผม ใครที่ใช้ ซูซูกิก็เอาไปทำกันเองได้ครับ  ยังไงก็อย่าให้ไทยซูเขารู้เด้อ อิอิ เดี่ยวหมดประกัน 555 ขอบคุณทุกกท่านที่รับฟังรับชมครับ   ขออภัยที่ภาพมันกากมากๆ ขัดอารมณ์คนดู จริง แล้วพบกันใหม่กับ D.I.Y ฉบับหน้าครับ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:38:46

ความคิดเห็นที่ 18 หัวฉีดขายยกชุด เกือบๆ 3000  อิอิอิ  ล้างง่ายสบายๆ ตัวปั๊มไม่ต้องไปยุ่งกับมัน... จากคุณ : papu เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:42:18

ความคิดเห็นที่ 19 อยากทำแต่กัวงานจะงอกนี่สิยิ่งบ้าพลังอยู่ จากคุณ : MeanZa เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:44:22

ความคิดเห็นที่ 20 ทำง่ายจริงๆครับ ทำเองได้ และง่ายกว่าคาร์บูเรตอร์ที่ผมเคยแกะเคยรื้อมาทุกรุ่นอีกครับ ชิ้นส่วนไม่ซับซ้อน เพราะเรือนโซลินอยล์อันสีดำๆไม่ต้องไปยุ่งกับมันอยู่แล้ว มันแกะไม่ได้อยู่แล้วครับ ก็จะเหลือแค่นมหนูหัวฉีดกับหัวพ่นน้ำมันเท่านั้นเอง  ยอมรับว่าชิ้นส่วนน้อยมาก และออกแบบมาให้เซอร์วิสได้ง่ายมากๆ( ทำมามักง่ายมั๊ง 555+ ) ถ้าอย่างที่ท่าน papu บอก ราคานี้หายห่วงไปได้เลย  ไม่แรงอย่างที่คิด  และทุกวันนี้ยังไม่ได้ยินเคสหัวฉีดมีปัญหาเลย  หรือมีแต่เราไม่ทราบเองก็ไม่รู้สิ อิอิ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 19:56:40

ความคิดเห็นที่ 21 หวัฉีดรถ Suzuki มีสองแบบคือ 1.EPI 2.DCP-Fi ซึ่งแบบที่ 1 ใช้ในรถ Shogun EPI , Shogun Axelo ครับ ลักษณะของตัวหัวฉีดเหมือน PGM-Fi ของ Honda ส่วนแบบที่ 2 ใช้ในรถออโต้ของ Suzuki ทุกรุ่นในตลาดบ้านเรา โดบอาศัยหลักแรงโน้มถ่วงของโลกในการดันน้ำมันเข้าหัวฉีดครับ การรื้อออกมาทำความสะอาดก็เลยง่าย เหมาะสำหรับคนชอบแงะที่สุด ฮิฮิ เพราะถ้าเป็นแบบ EPI (PGM-Fi) เข้าศูนย์อย่างเดียว 55+ ================================= แถมราคาหัวฉีด (ของปี 2009 และรวมภาษีแล้ว) ชุดเรือนลิ้นเร่ง  ราคา 2,100.00 บาท ชุดหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง  ราคา 2,007.00 บาท  << เจ้าของกระทู้รื้อส่วนนี้ จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:01:54

ความคิดเห็นที่ 22 หัวฉีด DCP-Fi เครดิต : ท่านหนึ่งในบอร์ด SPSuzuki (ปิดตัวไปแล้ว) จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:04:02

ความคิดเห็นที่ 23 เครดิต : ท่านหนึ่งในบอร์ด SPSuzuki (ปิดตัวไปแล้ว) จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:04:43

ความคิดเห็นที่ 24 หัวฉีด EPI (คล้าย PGM-Fi ของ Honda) เครดิต : ท่านหนึ่งในบอร์ด SPSuzuki (ปิดตัวไปแล้ว) จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:05:54

ความคิดเห็นที่ 25 การทำงาน เครดิต : ท่านหนึ่งในบอร์ด SPSuzuki (ปิดตัวไปแล้ว) จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:06:12

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี้ครับ http://www.suzukibikeclub.in.th/board/index.php?topic=5.0 จากคุณ : popzeta เขียนเมื่อ : 17 เม.ย. 55 21:07:03

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณหลายๆ แต่ผมมีปัญหากับเจ้า Jelato ผมครับ ทุกครั้งที่ล้างรถ รถจะมีอาการสตาร์ทไม่ติด หรือติดยากมาก ผมถอดสาย O2 sensor ออกมาเช็คๆ เป่าๆ ถึงจะติด แต่พอติดแล้วก็เครื่องมีอาการกระตุก ขี่แล้วเหมือนรถไม่ค่อยมีแรง เป็นอย่างนี้อยู่ 1-2 วัน ถึงจะหายเป็นปกติ ขอวิธีเช็คเบื้องต้นหน่อยครับ กลัวว่าพอพาเข้าศูนย์แล้วมันจะกลัวช่าง เลยไม่เห็นอาการนี้อีก ... จากคุณ : The Titan เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 09:21:38

ความคิดเห็นที่ 28 บ้าพลังจริงๆ เอากิฟไปด้วยความเต็มใจครับ จากคุณ : โอ๊ยเจ็บ เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 13:11:04

ความคิดเห็นที่ 29 #27 เอาปัญหาที่ว่า ไปเคลมศูนย์  เพราะรายงานทางเทคนิกของเจลาโต้รุ่นแรก มีออกมาแล้วว่า สามารถเปลี่ยนใหม่ได้เลย ครับ  หรือถ้าไปคลอง 3 ได้ เอาเข้าไปเคลมได้เลย  ไม่เสียสักบาทครับ ปัญหาเกิดจาก ตัว O2 ซีลกันน้ำมาไม่ดีทำให้น้ำเข้าได้เป็นสาเหตุให้เครื่องยนต์ดับ  รุ่นหลังๆแก้ไขแล้ว คันของผมยังไม่เจออาการเลยยังไม่ได้เคลม... แก้ไขเมื่อ 18 เม.ย. 55 18:07:04 จากคุณ : papu เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 17:48:31

ความคิดเห็นที่ 30 ของผมก็เจอครับ ตอนเช้าๆสตาร์ทยาก เพราะอากาศและความชื้นมันแอบเข้าไปตามเกลียวของ O2 Sensor ได้ครับ  เลยจัดการด้วยกาวทรีบอนด์ โดนไปซะอยู่หมัด  3  เดือนแล้ว ยังไม่เจออาการนั้นอีกครับ จากคุณ : oil_metal เขียนเมื่อ : 18 เม.ย. 55 21:22:26

ความคิดเห็นที่ 31 น่าจะเอาไปเคลมนะ  ไม่ควรแก้ไขปัญหากันเอาเอง  เซ็นเซอร์ตัวนี้เบิกใหม่ 900 กว่าบาท  เคลมไม่เสียเงิน  เพราะตัวใหม่มันซีลส่วนหัวบริเวณสายไฟกันน้ำเข้าเรียบร้อยไปแล้ว... เวลาปัญหามันเกิดไฟ fi จะเตือนด้วย  รถผมก็จะเคลมใหม่แล้วเหมือนกัน  ก่อนที่จะเคลมไม่ได้... จากคุณ : papu เขียนเมื่อ : 19 เม.ย. 55 09:51:16

ความคิดเห็นที่ 32 #31 เพิ่งเอาเข้าศูนย์เมื่อวันเสาร์ครับ ช่างบอกไม่พบอาการ ให้เอาไปก่อน เลยยังไม่ได้เคลมเซ็นเซอร์ สงสัยต้องเอารถไปล้างก่อนเข้าศูนย์ซะแล้ว ... จากคุณ : The Titan เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 08:20:35

ความคิดเห็นที่ 33 เถียงไปเลยครับว่า  มาศูนย์แล้วไม่เป็น  แล้วตอนไหนจะเป็น  ต้องให้ไปดูอาการที่บ้านเลยหรือเปล่า ถ้าเอาไปเคลมกับ dealer อย่าไปหวังกับมันเลยครับต้องไปคลอง 3 เลย เจอแบบท่านแสดงว่าช่างมันขี้เกียจเคลมให้ ถ้ามีปัญหาจริง ๆ หลังไมค์มาครับ  เดี๋ยวผมจะถามเพื่อนที่เป็นหัวหน้าศูนย์ซูให้ ว่าต้องการอะไรบ้างถ้าจะเคลม... ถ้าเคลม ตจว. ได้นี่แสดงว่าศูนย์บริการที่ กทม. นี่ห่วยจริงๆ ติดต่อไปเบอร์ในรูปแล้วแจ้งอาการไปเลยครับ  เคลมผ่าน dealer ไม่ได้ แจ้งตรงๆฝ่ายเขาเลย  บอกอาการเขาไป เดี๋ยวเขาแนะนำเองครับ แก้ไขเมื่อ 23 เม.ย. 55 19:43:02 จากคุณ : papu เขียนเมื่อ : 23 เม.ย. 55 19:40:48

ความคิดเห็นที่ 34 ^ ^ ^ ขอบคุณครับ พอดีเพิ่งเห็น เดี๋ยวจะลองโทรดู ... จากคุณ : The Titan เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:13:32