Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
อุทาหรณ์การเลือก ป.1 ผิด บริษัท ติดต่อทีมงาน

เรื่องราวต่อไปนี้ขอฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ แก่พนักงานเคลม

หรือเซอเวเยอร์ทุกท่าน และผู้บริโภคที่ทำประกันภัย


ผมขอออกตัวก่อนว่าผมเคยเป็นอดีตพนักงานเคลมของบริษัท

ประกันอันดับ 1 มีชื่อบริษัทเป็นนามสกุลเจ้าของ

วันนี้เวลาประมาณ 13.50 น. ข้าฯ ได้ขับขี่ รถจักรยานยนต์มาคนเดียว

วิ่งช่องทางขวาสุด เนื่องจากถนนมีการทำทาง ช่องทางซ้ายสุด

จนถึงช่องทางกลาง มีพื้นผิวถนนเปียกแฉะ ข้าฯจึงได้เลี่ยงมา

ขับขี่ในช่องทางขวามือสุด เมื่อถึงจุดกลับรถ มีรถยนต์เก๋ง

ทำการเลี้ยวกลับรถ โดยปกติรถที่จะออกมาจากจุดกลับรถ

ต้องมองรถทางด้านซ้าย แต่รถเก๋งคันนั้นไม่ได้หยุดรถ

ได้ขับออกมาตามปกติเฉี่ยวชนรถผมได้รับความเสียหาย แต่ผม

ไม่ได้เสียหลักล้มแต่ประการใด หลังเกิดเหตุ ผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร

ได้ลงมาตรวจดูความเสียหายที่รถผมและตัวผมเป็นประการแรกก็น่าชื่นชม

หลังจากสนทนาสักครู่ก็ทราบว่ามี ป.1 กับบริษัท ส. ที่ลงท้ายหมายถึง

ความแข็งแกร่ง,เป็นปึกแผ่น จึงได้ขยับรถหลบเข้าข้างทาง ระหว่างรอ

พนักงาน บรรยากาศก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย รักษาน้ำใจกัน รอไม่นานครับ

พนักงานเคลมของบริษัทดังกล่าวก็มาถึง ถามถึงลักษณะเหตุกับลูกค้า

ของเค้าอยู่ครู่นึง จนผมเห็นว่าเค้าเหมือนจะไม่เข้าใจสถานการณ์ดีพอ

จึงได้เอาภาพวาดแผนที่เกิดเหตุคร่าวๆ ให้พนักงานท่านนั้นดู

เค้ามองมาครู่นึง แล้วซักลูกค้าของเค้าต่อ ผมหลบมานั่งเงียบๆ

ในใจคิดว่าเคลมหมูๆแบบนี้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ซักครู่พนักงานท่านนั้นเรียกผมไปคุย ถามว่าผมมาอย่างไร

ทำไมถึงใช้ช่องทางขวา ผมให้เหตุผลไปตามที่กล่าวมาข้างต้น

ผมแทบไม่เชื่อหูตัวเองเมื่อเค้าตอบกลับมาว่า "มอไซมาวิ่งขวาทำไม"

ผมก็พยายามบอกไปว่า ถ้าเป็นคุณ คุณจะขี่มอไซเหยียบถนนเปียกน้ำ

ให้เสี่ยงลื่นทำไม เค้าพยายามจะบอกว่า มอไซต้องชิดซ้าย

ผมเลยชักเข้าสู่ประเด็นว่า ผมมาตรง รถคุณออกมาจากจุดกลับรถ

เฉี่ยวชนผม ประเด็นมันไม่มีแล้ว คุณเขียนใบเคลมมา

ประกันชั้น 1 ไม่มีคนเจ็บ จะอะไรนักหนา เค้าก็พยายามจะบอกว่า

มอไซต้องชิดซ้าย ผมฟิวส์ขาดแล้วครับ ตวาดออกไปเลยว่า

ถ้าคุยไม่รู้เรื่องไปคุยกันโรงพัก พนักงานท่านนั้นตอบว่า "งั้นไปเจอ

กันที่โรงพัก" เข้าทางผมซิครับ ผมถ่ายรูปรถคู่กรณี แล้วขับไปรอที่ สภ.

เมื่อถึง สภ แล้ว สิ่งที่เค้าทำคือ เค้าเรียกลูกค้าออกไปคุยข้างนอก

นั่งเขียนเอกสาร แบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ปล่อยให้ คู่กรณีที่ถูกนั่งรออย่าง

ไร้จุดหมาย นั่งเขียนใบบันทึกยอมรับผิดอยู่ข้างนอก ไม่ได้มีทีท่าว่า

จะเข้ามาเจรจาเพื่อผลประโยชน์อันใดแก่ลูกค้าจนกระทั่ง ร้อยเวร

กำลังจะออกเวรกลับบ้าน ผมจึงได้เข้าไปคุยกับท่านและแจ้งความ

กับท่าน หลังจากนั้นพนักงานท่านนั้นก็เข้ามาคุยอีกเป็นคนที่สาม

จนท่านต้องเดินกลับขึ้นมาบนโรงพัก แล้วทางพนักงานท่านนั้นก็อธิบาย

ด้วยตรรกะของตัวเอง พร้อมภาพถ่ายที่ผมเห็นแล้วอยากจะหัวร่อให้ดัง

ไปถึงสำนักงานใหญ่ของบริษัทนี้ ว่าคัดคนแบบนี้มาทำงานได้อย่างไร

ภาพในกล้องที่เปิดคาไว้ให้ร้อยเวรดูคือภาพ เกาะกลางถนน มีเพียงมุม

กล้องเล็กน้อยที่บ่งบอกว่าเป็นถนน และพยายามชี้ว่าจุดชนมันอยู่ในจุด

กลับรถ คล้ายกับว่าผมได้ขี่เข้าไปชนในจุดกลับรถ ผมสวนไปเลยครับว่า

อย่าตลก ชนตรงนี้ พร้อมถามความเห็นของคนขับรถคู่กรณี คนขับก็

พยักหน้าเห็นด้วย ร้อยเวรเห็นว่าเป็นเคสที่ไม่น่าจะถึงมือท่าน เลยเปรย

ออกมาว่า รถก็มีประกัน การใช้ช่องทางก็เสียเปรียบอยู่แล้ว ประกันคุณ

จะพาลูกค้ามาให้ผมชี้ประมาททำไม ทำไมไม่รับผิดชอบให้เรียบร้อย

พนักงานท่านนั้นแย้งว่า แต่ท่านครับ "มอไซควรที่จะขับชิดซ้ายไม่ใช่เหรอ

ครับ" กูอยากจะบ้าตายยย คิดไปถึงโฆษณาที่ บริษัทนี้พยายามทำให้ติด

หูด้วยความเร็วที่มอบให้ลูกค้า เออ เร็วจริงครับ แต่โคตรมั่วเลย

สุดท้ายลำบากร้อยเวรต้องอธิบายหลักการทางด้านกฎหมาย

จนมาถึงประโยคนึงที่ว่า "คุณรู้มาถึงจุดนี้หรือยังเนี่ย ประกัน"

ลูกค้าบริษัทนั้นก็หน้าเจื่อนกันเป็นแถว สุดท้ายก็โดนไล่ให้ไปเสียค่าปรับ

400 แล้วรอลงบันทึกประจำวัน ระหว่างที่อยู่กันพร้อมหน้านั้น

ผมพยายามบอกคนขับเก๋ง อย่างพินอบพิเทาว่า ถ้าตกลงกันได้ที่จุดเิิกิดเหตุ

เราคงไม่ต้องเสียเวลา และเสียค่าปรับที่โรงพัก พนักงานท่านนั้นสวนขึ้นมา

แบบน่าถีบให้ร่วงจากเก้าอี้ว่า "แหม ดีนะครับเนี่ยที่เสีย 400 ท่านยังกรุณา

ไม่ปรับ 1,000 บาท" โอ้วววว ไม่ ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากพนักงานเคลม

สุดท้ายที่เด็ดดวงมาก ใช้ให้ลูกค้านำบันทึกประจำวันไปหาร้านถ่ายเอกสาร

ข้างนอกเอง เพียงเพื่อจะนำไปเบิกค่าใช้จ่ายกับ บ. และแนบเคลม

ผมอยากจะกรีดร้อง จากตอนแรกที่เข้าใจว่าไอ้นี่มันเก๋า กลายเป็น มันเข้า

มาทำงานได้กี่วันกันวะเนี่ย จนมาถึงขั้นตอนรับผิดชอบรถผม พยายามยัดเยียด

ให้ผมนำรถซ่อมอู่ในโครงการ แต่ผมขอนำเข้าซ่อมศูนย์มาตราฐานที่ผมออกรถ

โดยเข้าใจว่าระบบนี้เราต้องสำรองจ่ายก่อน แต่ในขั้นตอนเป็นจริง

ไม่จำเป็นต้องจ่ายก่อนครับ แค่ทำใบเสนอราคามาก็ดำเนินการทำเรื่องเบิกจ่าย

รอได้เลย รถซ่อมเสร็จ ผมก็สามารถนำเงินไปจ่ายค่าซ่อมเอารถ

ออกมาได้พอดี แต่ขั้นตอนนี้ถ้าอยากไว ผมจ่ายก่อนได้

มาเด็ดตรงที่ขณะพนักงานท่านนี้ตรวจความเสียหายรถ

พยายามจะตลก คุยไปถ่ายรูปรถไปอธิบายเรื่องการทำเรื่องจ่าย

ผมจึงบอกเค้าว่า คุณถ่ายให้เสร็จ เขียนให้เสร็จแล้วคุยทีเดียว

เค้าบอกว่า "ผมแยกประสาทคุยได้" เจดดดดโด้

สุดท้ายก่อนจากกัน เค้าบอกผมว่า "รับปากผมอย่างนึงได้มั้ยครับ

สัญญานะว่าต่อไปจะขับชิดซ้าย" ผมเดินหนีออกมาพร้อมกับความเงียบ


ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ เพียงเพราะลึกๆแล้วอยากให้ สนง ใหญ่ ของบริษัท

นี้ได้เข้ามาพบการทำงานของพนักงานของท่าน ผมพร้อมจะแสดงหลักฐาน

ประจำวัน และใบเคลมให้ท่านได้ดูว่าเป็นความจริงทุกประการ

และหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เบี้ยประกันที่ทุกท่านจ่ายไป กับบริษัทต่างๆ

ค่าเบี้ยของแต่ละที่จะสูงกว่าชาวบ้าน แต่ถ้าแลกกับมารยาทและความรู้

ของพนักงานเคลม ลองชั่งน้ำหนักเอาเองเถิดว่า "คุ้มกันมั้ย"

ถ้าวันนึงท่านขับรถไป แล้วมีมอไซเลี้ยวตัดหน้าท่าน แล้วถึงแก่ความตาย

เรื่องราวมันคงจะตลก น้ำหูน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว

จากคุณ : ibennn
เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 00:43:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com