Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ความคืบหน้าคดีสาว 17 กับ Civic ติดต่อทีมงาน

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1326777928&grpid=03&catid=03

อุบัติเหตุสยองโทลล์เวย์ เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร เฉี่ยวชนรถตู้โดยสารสาย 118 ทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร บนทางด่วนโทลล์เวย์ เป็นเหตุให้คนขับรถตู้และผู้โดยสารเสียชีวิต 9 คน เกือบทั้งหมดเป็นบุคลากรระดับหัวกะทิ

ส่วนคนขับรถยนต์ฮอนด้าซีวิค เป็นเด็กสาวอายุแค่ 17 ปี ไม่ถึงเกณฑ์ทำใบอนุญาตขับขี่ ถูกดำเนินคดีฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัสและทรัพย์สินเสียหาย และขับรถขณะใช้โทรศัพท์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง

ด้านคดีความทางแพ่ง เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 ญาติผู้เสียชีวิต ยื่นฟ้องต่อศาลแพ่งเรียกค่าเสียหาย 11 คดี ให้ชดใช้ยอดรวม 116,327,425.72 บาท

โดยเนื้อหาคำฟ้องคดีแพ่ง มีความน่าสนใจ เพราะนอกจากจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากคนขับรถซึ่งมีอายุ 17 ปีแล้ว ยังเรียกค่าเสียหายจากพ่อแม่และผู้เกี่ยวข้องกับรถยนต์ที่นำไปขับจนเกิดอุบัติเหตุด้วย

โดย "มติชน" ยกคำฟ้อง 1 คดีตัวอย่าง ที่ นางกษมน มั่นศิลป์ นายแพทย์กฤช รอดอารีย์ มารดาและบิดาของ นายเกียรติมันต์ รอดอารีย์ เจ้าหน้าที่ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) หนึ่งใน ผู้เสียชีวิตเป็นโจทก์ยื่นฟ้องเด็กสาวอายุ 17 ปี คนขับรถ คู่กรณี บิดามารดาของเด็กสาว ผู้ที่ยินยอมให้เด็กสาว นำรถยนต์ไปขับ ผู้ครอบครองรถ ผู้เช่าซื้อรถ และ บริษัทประกันภัยรถยนต์ จำเลยที่ 1-7 ฐานละเมิด ดังนี้

เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2553 เวลา 21.40 น. จำเลยที่ 1 กระทำประมาทปราศจากความระมัดระวังตามวิสัยและพฤติการณ์ ทราบดีอยู่แล้วว่าตนเองไม่มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ ย่อมต้องตระหนักว่า หากขับรถยนต์อาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ชีวิตหรือทรัพย์สินของบุคคลอื่นได้ เนื่องจากไม่มีทักษะความสามารถในการขับขี่ และความรู้เกี่ยวกับกฎจราจรมากพอ แต่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ที่อยู่ในความครอบครองของจำเลยที่ 4 ครั้นถึงทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนโทลล์เวย์) ขาเข้าจากดอนเมืองมุ่งหน้าไปทางดินแดงถึงใกล้ทางแยกลงจากทางพิเศษบางเขน ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ถนนมี 3 ช่องทาง มีกำแพงคอนกรีตขอบทาง มีช่องทางเบี่ยงพิเศษซ้ายมือ เพื่อออกจากทางด่วนลงสู่เส้นทางปกติได้

จำเลยที่ 1 ต้องใช้ความระมัดระวังในการควบคุมรถ ซึ่งวิ่งอยู่บนทางด่วน ต้องขับรถใช้ความเร็วพอสมควรในช่องทางเดินรถด้านซ้าย ไม่เปลี่ยนช่องทางเดินรถ และต้องทิ้งระยะห่างจากคันหน้าพอสมควร เพื่อชะลอความเร็ว เพื่อหยุดรถหรือหลบหลีกรถคันหน้า หากประสงค์จะแซงรถซึ่งวิ่งช้ากว่า ต้องให้สัญญาณแก่รถคันหน้า หรือเห็นว่าปลอดภัยจึงจะแซงได้ จำเลยอาจใช้ความระมัดระวังเช่นว่านั้นได้ แต่หาได้ใช้เพียงพอไม่ กลับขับรถมาในช่องทางขวาสุดด้วยความเร็วสูง

ใกล้ที่เกิดเหตุมีทางแยกเบี่ยงลง รถตู้วิ่งอยู่ในช่องทางกึ่งกลางถนน จำเลยที่ 1 กลับเปลี่ยนช่องทางเดินรถจากขวามือมาทางซ้ายมือ และกลับหักเลี้ยวไปทางขวากะทันหัน เป็นเหตุให้หัวรถของจำเลยที่ 1 ทางด้านขวาเฉี่ยวชนกับท้ายรถตู้ทางด้านซ้าย ทำให้รถทั้ง 2 คันเสียการทรงตัว รถตู้แฉลบชนกำแพงคอนกรีตด้านซ้ายมืออย่างแรง และครูดไถลไปตามขอบกำแพงถูกเสาไฟฟ้าและเสาป้ายบอกทางกระเด็นตกบนพื้นทาง ทางด้านทางเบี่ยงออกจากทางด่วนบางเขน

ส่วนรถของจำเลยที่ 1 เสียหลักชนกำแพงคอนกรีตด้านขวา และหมุนกลับมาชนรถตู้ก่อนแฉลบไปจอดขวางอยู่ในช่องทางเดินรถด้านซ้าย หลังเกิดเหตุพนักงานสอบสวนศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ สอบสวนแล้ว ลงความเห็นว่าอุบัติเหตุเกิดจากความประมาทของจำเลยที่ 1

การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้นายเกียรติมันต์ กระเด็นออกจากรถตู้ตกลงพื้นถนนวิภาวดีรังสิตเสียชีวิต จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

ทั้งนี้ นายเกียรติมันต์ รับจ้างทำงานวิจัย จาก สวทช. มีสิทธิได้ค่าจ้าง 60,075 บาท แต่เนื่องจากยังไม่ได้ส่งมอบงานวิจัย ผู้ตายจึงไม่ได้รับเงินดังกล่าว นอกจากนี้ยังได้รับทุนรัฐบาล (กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี) ศึกษาในต่างประเทศระดับปริญญาเอก ณ Massachusetts Institute of Technology (MIT) เมื่อสำเร็จการศึกษาในปี 2559 จะได้บรรจุแต่งตั้งเป็นพนักงานของ สวทช. ได้เงินเดือนระดับปริญญาเอกเดือนละ 37,000 บาท จะเกษียณอายุราชการในปี 2591 คงเหลืออายุงานอีก 33 ปี หากคำนวณการขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยในอัตราก้าวหน้าร้อยละ 5 ต่อปี ผู้ตายจะได้รับเงินเดือนทั้งสิ้น 35,541,600 บาท เฉลี่ย 89,227.26 บาทต่อเดือน หักรายจ่ายส่วนตัวครึ่งหนึ่ง จะเหลืออีก 44,613.63 บาท

โจทก์ที่ 1 และ 2 ขอเรียกค่าขาดไร้อุปการะคนละ 22,306.81 บาทต่อเดือน รวมเป็นเงินคนละ 8,900,417.19 บาท ค่าใช้จ่ายในการปลงศพ 129,023 บาท รวมค่าสินไหมทดแทนเป็นเงิน 17,932,007.38 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันละเมิดถึงวันฟ้องจำนวน 1,109,082 บาท

จำเลยที่ 2 และ 3 ในฐานะบิดามารดาของจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ควบคุมดูแลความประพฤติ ว่ากล่าวสั่งสอนจำเลยที่ 1 ให้ประพฤติตนตามกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคม กลับเพิกเฉยละเลยต่อหน้าที่ ไม่ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแก่หน้าที่ในการปกครองดูแล ทั้งที่ทราบดีอยู่แล้วว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ให้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ฝ่าฝืนกฎหมายและไม่ไยดีควบคุมปกครองดูแล ไม่ให้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมาย กระทั่งจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสอง จำเลยที่ 2 และ 3 จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดของจำเลยที่ 1 ด้วย

จำเลยที่ 4 รับมอบการครอบครองรถยนต์จากจำเลยที่ 5 ทราบอยู่แล้วว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีใบอนุญาตขับขี่ หากขับรถอาจเสี่ยงต่อการเกิดอันตรายแก่ชีวิตหรือทรัพย์สินได้ แต่ยังยินยอมให้นำรถยนต์ไปขับจนเกิดความเสียหายแก่โจทก์ จึงต้องร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดด้วย

จำเลยที่ 6 ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์โดยได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ 5 ก่อนเกิดเหตุจำเลยที่ 6 มิได้ใช้ความระมัดระวังในฐานะวิญญูชนผู้เช่าซื้อที่จะต้องครอบครองรถด้วยตนเอง ย่อมเล็งเห็นว่าผู้รับมอบครอบครองรถเป็นทอดๆ อาจนำรถไปก่อความเสียหายแก่บุคคลอื่นได้ จึงต่างมีส่วนปล่อยปละละเลยไม่ไยดีติดตามดูแลรถคันเกิดเหตุ จำเลยที่ 5 และ 6 จึงต้องร่วมรับผิดชอบในผลแห่งละเมิดด้วย และจำเลยที่ 7 ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์ ต้องร่วมรับผิดชดใช้ค่าเสียหายด้วย

โดยศาลนัดชี้สองสถาน ในวันที่ 5 มีนาคม 2555 นี้

ขอบคุณหนังสือพิมพ์มติชนค่ะ

จากคุณ : Juki_black
เขียนเมื่อ : 12 มิ.ย. 55 15:04:05




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com