ความคิดเห็นที่ 1 (ในภาพ Mitsubishi Mirage รุ่น GLS Limited) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:24:50

ความคิดเห็นที่ 2 ที่มาของชื่อมิราจ ในภาษาฝรั่งเศส มิราจแปลว่า ลึกลับ และโรแมนติก ส่วนในภาษาอังกฤษมีความหมายว่าภาพลวงตา ในการเปิดตัวตอนแรกสุดจะมีเพียงเครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 3สูบ มีระบบ start-stop engine แต่ถูกตัดออกในตลาดเมืองไทย พร้อมกับเกียร์ CVT ประหยัดน้ำมัน 22 กม./ลิตร ส่วนเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร 3 สูบสำหรับตลาดญี่ปุ่นสามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 27.2 กม./ลิตร ตามมาตรฐาน JC08 mode และยังมีราคาต่ำกว่า 1 ล้านเยน (ประมาณ 4 แสนบาท) จะเปิดตัวถัดไปในเวลาไม่นาน การออกแบบภายนอก มิราจยังคงเป็นรถแบบ 2BOX ที่มีความเพรียวลมมากกว่า Colt เดิม มีเส้นสายหลังคาลู่ลมต่อเนื่องไปจนถึงสปอยเลอร์หลังที่จะติดตั้งจากโรงงาน ในรุ่นท๊อปและรองท๊อป เพื่อความประหยัดเชื้อเพลิง เป็นรถยนต์ที่เน้นการออกแบบเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:26:03

ความคิดเห็นที่ 3 "Mitsubishi Global Small Concept" จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:28:04

ความคิดเห็นที่ 4 Yoshimine Norihiko Chief designer จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:28:53

ความคิดเห็นที่ 5 Yoshimine Norihiko โยชิมิเนะ โนริฮิโกะ Chief designer จากฝ่าย Mitsubishi Design Division เป็นผู้ที่รับผิดชอบการออกแบบ Mirage project , รถต้นแบบมิราจ Global small concept, และ Lancer Evolution X เมื่อ 5 ปีก่อน  ตอนที่อายุ 32 ปีเท่านั้น ถือว่าเป็น chief designer ที่อายุน้อยมากของวงการออกแบบรถยนต์ญี่ปุ่น (ปัจจุบัน 37) ในการออกแบบมิราจ โยชิมิเนะ มี concept ในใจที่อ้างอิงถึง Dieter Rams นักออกแบบยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลสูงในศตวรรษที่ 20 ที่ทำงานในบริษัท Braun A.G.(บริษัทที่ผลิต consumer product ในเยอรมัน) ไอเดียที่มีชื่อเสียงของเค้าคือ "Less, but better" (น้อยกว่า แต่ดียิ่งกว่า) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:30:14

ความคิดเห็นที่ 6 Mirage Interior design จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:30:54

ความคิดเห็นที่ 7 ใน Lancer Evolution X โยชิมิเนะเป็นคนที่เปลี่ยนแปลงให้แลนเซอร์ไม่ใช่รถที่รูปลักษณ์เหมือนกับ taxicab อีกต่อไป ด้านหน้าเค้าได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินเจ็ทขับไล่ (Jet Fighter) ของมิตซูบิชิ 'A6M zero' เค้าตั้งใจให้เห็น intercooler เมื่อมองไปที่กระจังหน้า เหมือนกับที่มองเห็นเครื่องยนต์ เจ็ทในเครื่องบิน และมังงะการ์ตูนญี่ปุ่นก็ยังมีอิทธิพลต่อการออกแบบของเค้าด้วย หน้าของ EvoX คือหน้าที่เค้าได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Gundam กันดั้มด้วย เช่นกันกระจังหน้าแบบ Jet Fighter เป็นที่มาที่เค้าตั้งใจใส่ลงไปในรถต้นแบบ Global Small ของมิราจด้วยเช่นกัน จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:41:10

ความคิดเห็นที่ 8 เพราะอะไรถึงคิดรื้อฟื้นชื่อ "มิราจ" ทำไมเอาตอนนี้ โยชิมิเนะ อธิบายว่า มิราจรุ่นใหม่จะกลับไปสู่แนวคิดเดิมของมิราจ โดยการออกแบบขนาดรถที่ไม่ใหญ่มากนักแต่กว้างมากขึ้น คุณลักษณ์ในการใช้งานที่ง่าย และให้ลูกค้าใช้งานได้นานทนทาน  ทั้งหมดเป็นสิ่งที่สอดคล้องกับความเป็นมิราจ นอกจากนี้ โยชิมิเนะ ยังพูดถึง Coltว่า มิราจจะมีจุดมุ่งหมายของการผลิตที่สูงกว่า ใช้แนวคิดที่มี spec ลดน้อยลงกว่า เพราะพยายามที่จะให้ผู้ใช้ได้ใช้รถที่มีราคาถูก และยังมีตลาด เศรษฐกิจเกิดใหม่ที่เน้นการลดราคาให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าน้ำหนักเบา และราคาถูกกว่า แถมยังทำให้ผู้ใช้ประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้นตรงกับความคุ้มค่า ของชื่อมิราจ ทีมงานออกแบบได้สนับสนุนแนวคิดของโยชิมิเนะในการปรับปรุงวัสดุพื้นผิวเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย 30 กม.ต่อลิตร เมื่อเทียบกับนิสสันมาร์ช มันมีความสูงต่ำกว่า 25 มม. ที่ว่างภายในจะดีกว่ามาร์ช เน้นความสะดวกสบายมากขึ้น ซึ่งเป็นความเชื่อมั่นตั้งแต่เริ่มต้น Mirage project โยชิมิเนะอยากให้มิราจออกมาจากความอ่อนนุ่ม (ตรงข้ามกับมาร์ช) จะมีการควบคุมในส่วนของเส้นสายด้านข้างมากกว่าปกติ เป็นมุมมองด้านข้างที่สวยงาม มีเส้นสายที่สะอาด และเชื่อว่าจะเป็นนวัตกรรมของรถขนาดเล็กของมิตซูบิชิในอนาคต จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:42:07

ความคิดเห็นที่ 9 (Less is more) มิตซูบิชิมอเตอร์ได้ประกาศแนวคิดพื้นฐาน "การใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำ" "ต้นทุนไม่แพง" "ความเล็ก" ได้มีการทดลองในอุโมงค์ลมจนเป็นที่น่าพอใจ ถึงแม้ว่าจะไม่มีค่า CD ที่ได้แน่ชัดก็ตาม (จากคำพูดของโยชิมิเนะ) ในรุ่นเครื่องยนต์ 1000cc นั้น มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 27.2 กม./ลิตร ถือว่า ดีกว่า Honda Fit Hybrid และ Mazda 2 Demio Skyactiv  มีมิติด้านนอกดูเล็กแต่ภายในไม่รู้สึกแคบ ข้อมูลเบื้องต้นของมิราจ มิติ (มม) : 3,710 x 1,665 x 1,490 ฐานล้อ (มม) : 2,450 ภายใน (มม) : 1,870 x 1,390 x 1,220 เครื่องยนต์ : 3A92 1,193cc 3สูบ กำลังสูงสุด 78 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที, แรงบิดสูงสุด 100 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ระบบส่งกำลัง : INVECS-III CVT (ผลิตโดย Jatco) ช่วงล่าง : ด้านหน้าแม็คเฟอร์สันสตรัท ด้านหลังทอชั่นบีม ระบบเบรก : หน้าดิสก์เบรกแบบมีช่องระบายความร้อนขนาด 13 นิ้ว, หลังดรัมเบรกขนาด 7 นิ้ว ขนาดล้อ : 165/65R14 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:43:26

ความคิดเห็นที่ 10 Mirage เปรียบเทียบสัดส่วนขนาดกับ Nissan March มีความสั้นกว่า 7 ซม. จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:45:17

ความคิดเห็นที่ 11 การออกแบบภายนอก เมื่อเทียบกับ Nissan March ที่มีมิติภายนอก 3,780 x 1,665x 1,515 ภายใน 1905 x 1370 x 1270 ฐานล้อ 2450 มิราจมีฐานล้อที่เทียบเท่ากับมาร์ช มีความกว้างที่เท่ากัน แต่มิราจมีขนาดเตี้ยกว่าถึง 25 มม. โดยมีเสาเอที่ลาดเอียงกว่า กันชนหลังของมาร์ช ป่องออกมาเยอะกว่า ขณะที่มิราจแนบไปกับตัวถัง ธีมของการออกแบบจึงดูเหมือนกับ เวอร์ชั่นสปอร์ตของมาร์ช หรืออาจจะเป็น รูปร่างของมาร์ชฟูลโมเดลเชนจ์ในรุ่นถัดไปก็ว่าได้หากนิสสันใช้ธีมการออกแบบที่สปอร์ตขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน นอกจากนั้นเมื่อเทียบขนาดพื้นที่กระจกของมิราจพบว่ามีขนาดที่เล็กกว่ามาร์ชอย่างเห็นได้ชัด มีความลาดเอียงด้านล่างเท่าๆ กัน แต่ขอบด้าน บนถูกบีบให้เตี้ยลง มิราจมีเสาซีที่ขนาดใหญ่กว่ามาร์ช แต่ปลายแหลมของกระจกยื่นออกไปข้างหน้ามากกว่ามาร์ช บีบ เรียว และเล็กกว่าซึ่ง เป็นธีมการออกแบบที่เน้นความสปอร์ต จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:47:04

ความคิดเห็นที่ 12 มิราจเปรียบเทียบกับมาร์ชในฐานะคู่แข่งที่ใกล้เคียงกัน จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:48:56

ความคิดเห็นที่ 13 กันชนหน้าเป็นพลาสติกขึ้นรูปเป็นชิ้นเดียวกันแบบนิสสันมาร์ช กรอบไฟตัดหมอกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นคนละชิ้นส่วนกับกันชนแต่ที่จริง เป็นชิ้นเดียวกัน ช่องดักลมล่างก็น่าจะเป็นชิ้นเดียวกันกับกันชนไม่ได้แยกชิ้นส่วน ใช้เทคนิคเดียวกับนิสสันมาร์ช มิติของไฟหน้ามิราจมีความใกล้เคียงกับมาร์ชมาก ถ้ามองไกลๆ อาจจะมองแยกรุ่นลำบาก แต่มิราจเป็นทรงที่มีเหลี่ยมคม แต่มาร์ชเป็นทรงกลมรี มีเส้นลากผ่านฝากระโปรงเหนือโคมไฟหน้าทำให้ดูนูนมีมิติขึ้น ไฟตัดหมอกมิราจอยู่ชิดกับซุ้มล้อแต่ว่ามาร์ชอยู่ชิดกับช่องดักลมกลาง ช่องดักลมของมิราจเป็นทรง Jetfighter ดีไซเนอร์เล่นกับเส้นที่เดินตามด้านล่าง กรอบไฟตัดหมอก แล้วลากเส้นต่อไปข้างบนตามซุ้มล้อ (อนาคตอาจมีคนเล่นกับเส้นนี้มากขึ้น) กระจังหน้าบนช่องเล็กแคบ ยาว ทำให้นึกถึงการเปลี่ยน กันชนหน้าเพื่อให้กระจังหน้าใหญ่ขึ้นหากมีรุ่นเครื่องยนต์แรงๆ อย่าง มิราจ อีโวลูชั่น จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:49:18

ความคิดเห็นที่ 14 มีสปอยเลอร์พร้อมไฟเบรก LED แต่มีเฉพาะสองรุ่นท๊อปเท่านั้น จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:51:20

ความคิดเห็นที่ 15 มิราจติดตั้งสปอยเล่อร์หลังเพื่อช่วยในเรื่องแอโรไดนามิกประหยัดน้ำมัน ด้านข้างรถมีเส้นคมเริ่มต้นจากไฟเลี้ยวที่แก้มหน้าลากเฉียงขึ้น ไปถึงปลายโคมไฟท้าย โดยจะมีที่เปิดประตูอยู่ใต้เส้นข้างประตูพอดี ที่เปิดประตูเป็นแบบงัดขึ้น มีช่องเสียบสำหรับกุญแจเปิดประตูต่างหาก ไม่แน่ใจ ว่าเป็นส่วนหนึ่งของการลดต้นทุนการผลิต หรือช่วยเรื่องน้ำหนักด้วย ยังมีเส้นที่ลากด้านล่างพาดบนประตูหน้าหลังคล้ายกับมาร์ช แต่มีความคมกว่า ถัดจากขอบล่างประตูเป็นกรอบตัวถัง แต่ใช้พื้นที่เนื้อเหล็กน้อยกว่ารถทั่วไป กรอบประตูด้านบนเป็นส่วนหนึ่งของเสาเอแบบโตโยต้ายาริส ด้านหลังมีโคมไฟท้ายทรงสวยน่ารักมีไฟเบรก ไฟเลี้ยว ไฟถอยหลังและแถบทับทิมสะท้อนแสงอยู่ภายในโคมเดียวกัน ประตูที่ 5 มีแนวสันขนาดใหญ่ มีที่เปิดแบบงัดขึ้นกับรูกุญแจเป็นแบบเดียวกับที่ประตู ป้ายทะเบียนอยู่บนกันชนด้านล่าง ที่เป็นกันชนทรงเรียบๆ และยังมีไฟเบรกดวงที่ 3 เป็น LED อยู่บนสปอยเล่อร์ด้านหลังด้วย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:52:26

ความคิดเห็นที่ 16 โคมไฟท้ายของมิราจตอนเปิดไฟ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:52:59

ความคิดเห็นที่ 17 การออกแบบมิราจจึงเป็นแบบเรียบกลมกลืนทั่วทั้งคันแต่มีรูปทรงสปอร์ตที่ดูดุดันกว่ามาร์ช แต่คาแรกเตอร์ยังสู้มาร์ชที่มีไฟตากลมไม่ได้ มีคำพูดเคย บอกไว้ว่ารถที่แรงต้องไฟกลม อันเป็นคำพูดที่พูดถึงรถพอร์ชเป็นต้น โดยคอนเซ็ปท์ที่เน้นความเป็นมิตรกับผู้ใช้ การใช้งานง่าย และประหยัดต้นทุนทำให้ การออกแบบดูลดทอนลงจากรถต้นแบบ Global small เยอะ แต่มิราจก็นับว่ามีพื้นฐานที่ดีในการที่จะต่อยอดในการเป็นรถ EV ในปี 2013 และอาจจะมี ตัวแรงออกมาในอนาคต ซึ่งจะต้องมีการปรับหน้าตาให้เหมือนกับ Global small มากขึ้น ในขณะที่รุ่นปัจจุบันยังเป็นร่างทรงของรถอีโค่คาร์อยู่ เมื่อมองด้านหน้าตรง หรือมองด้านหลังตรงๆ มีจุดอ่อนในเรื่องของล้อที่มีขนาดเล็กมากเกินไป ขนาดของล้อ 165/65R14 ทำให้มีหน้ากว้างของยางที่แคบ มาก และด้วยรถที่ใหญ่กว่ารถขนาด Brio หนึ่งขั้น ทำให้ล้อรถดูเล็กมากเกินไป และยังมีผลต่อการบังคับควบคุมรถอีกด้วย ขนาดล้อ 185/60R15 หรือ 195/55R16 จึงน่าจะเป็นขนาดยางที่เหมาะสมกว่า แต่ก็จะทำให้มีอัตราสิ้นเปลืองที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็น option ที่มิตซูบิชิอาจจะเพิ่มในอนาคตพร้อมกับ กำลังเครื่องยนต์ที่มากขึ้นมากกว่า จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:54:16

ความคิดเห็นที่ 18 หน้ากว้างล้อที่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับลำตัว จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:55:20

ความคิดเห็นที่ 19 ออฟชั่นและอุปกรณ์ภายใน มิราจรุ่นท๊อปมีจุดเด่นที่มีการใส่หน้าจอ DVD ที่สามารถเล่นหนังและมีนาวิเกเตอร์ในตัวเหนือกว่ารถคู่แข่งทั้งหมด มีรถเล็กที่ใส่หน้าจอมาให้ก็เป็นรุ่น ท๊อปของรถ 1500cc ที่มีราคา 6 แสนปลายๆ หรือข้ามไป 7แสนต้นทั้งนั้น แต่การใช้งานค่อนข้างยาก ต้องทำความคุ้นเคย และยังมีปุ่ม start stop engine, keyless entry system ที่เรียกว่าระบบ KOS ใช้การกดปุ่มที่ฝั่งประตูคนขับได้ด้านเดียว กับกดเปิดที่ประตูด้านท้ายรถ ไม่ต้องกด 2 ครั้งเพื่อ ปลดล็อคทุกบานแบบ Swift แต่ทุกครั้งที่ล็อครถมิราจ หูกระจกจะปิด และจะเปิดเมื่อปลดล็อค ซึ่งดูไม่ฉลาดเท่ากับ มาร์ชเท่าไหร่  แอร์ออโต้ ครบถ้วนแบบนิสสันมาร์ช / อัลเมร่า จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:56:15

ความคิดเห็นที่ 20 การจัดวางอุปกรณ์ต่างๆ มีความลงตัว จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:57:05

ความคิดเห็นที่ 21 มีหน้าจอ MID บอกข้อมูลต่างๆ เช่น อัตราสิ้นเปลือง real time กับ average, ระยะทางเหลือที่สามารถขับได้, trip A-B และยังมีเตือนระยะเข้าศูนย์ อีกด้วยแบบหน้าจออัจฉริยะของมาร์ช (แต่ยังไม่สามารถเตือนวันเกิดได้) สิ่งที่ตัดออก สัญญาณเตือน 120 ระบบ esp , esp off, idling, idling off, cruise control ตัดออกไป ทั้งหมดนี้อยู่ในมาตรวัดของมิราจแล้ว แต่ถูกตัดออกไป ในการเปลี่ยนเลน แค่แตะที่ก้านไฟเลี้ยว ก็จะกระพริบไฟ 3 ครั้ง ทำให้สนุกในการเปลี่ยนเลนมากขึ้น และรถญี่ปุ่นควรจะมีแบบนี้ทุกๆ รุ่น (ยังมี Swift ใหม่ที่ทำได้เช่นกัน และเริ่มมีแล้วในอีกหลายรุ่น) มีไฟอ่านแผนที่ด้าน หน้าแต่ว่าไม่มีตรงกลางห้องโดยสาร ส่วนกระจกแต่งหน้ามีเฉพาะฝั่งคนขับ มี dual airbag ในสองรุ่นบน (GLS limited, GLS) ส่วน 3 รุ่นล่าง (GLX CVT, GLX MT, GL MT) มีถุงลมนิรภัยด้านคนขับเพียงด้านเดียว มีที่จับภายในเหนือประตูคนนั่งข้างเพียงด้านเดียว อีก 3 ฝั่งที่เหลือไม่มีที่จับ ส่วนประตูหลังสามารถลดกระจกลงได้สุด จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:58:03

ความคิดเห็นที่ 22 ออฟชั่นที่ถูกตัดออกไป น่าจะมาในรุ่น EV จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 14:59:40

ความคิดเห็นที่ 23 ความแตกต่างระหว่างหน้าปัดไทย (บน) และของญี่ปุ่น (ล่าง) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:01:18

ความคิดเห็นที่ 24 การออกแบบภายในเน้นความเรียบง่าย แต่ก็มีการตกแต่งมากพอสมควรสำหรับรุ่นท๊อป มีความโดดเด่นที่ใช้สีดำเปียโนแบล็กตรงตำแหน่งวิทยุ/หน้าจอ DVD มีการเลือกใช้แอร์ออโต้เพื่อเพิ่มความสวย แต่เสียดายที่มีเฉพาะในรุ่นท๊อป ซึ่งรุ่น GLS ควรที่จะมีแอร์ออโต้ด้วย ทำให้ภายในมิราจดูยังไม่สมบูรณ์ เมื่อมอง ไปที่หน้าจอ DVD ที่สเป็คของจอก็ยังออกแบบไม่สวยงามเท่ากับของมิราจที่ขายในประเทศญี่ปุ่น วิทยุในรุ่นล่างดูมีความสวยมากกว่า แต่ก็จับคู่กับแอร์แมนน่วล ที่มีความจำกัดในเรื่องของการออกแบบเกินไป ช่องลมแอร์สี่เหลี่ยมตรงกลางอยู่ในตำแหน่งที่ดีและมีการตกแต่งขอบเงินที่สวยงามโดดเด่นมากกว่ามาร์ช อัลเมร่า จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:02:07

ความคิดเห็นที่ 25 พวงมาลัยใช้สเป็คเดียวกับ Mitsubishi Outlander รุ่นใหม่ล่าสุด แต่เลือกมาใช้เป็นทริมต่ำสุด เป็นยูรีเธนล้วนไม่มีการตกแต่ง อาจจะพอดูสวยงามพอๆ กับยาริส/วีออสก่อนไมเนอร์เชนจ์ปี 2006-2007 แต่ปัจจุบันปี 2012 แล้ว รถคู่แข่งต่างมีพวงมาลัยที่ตกแต่งอย่างสวยงามในรุ่นสูงๆ รวมไปถึง ควรจะมี ปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัยอีกด้วย มาตรวัดหลังพวงมาลัยถูกแบ่งเป็น 3 วง มีการตกแต่งขอบเงินที่วงกลางซึ่งเป็นมาตรวัดความเร็ว ด้านซ้ายเป็น วัดรอบเครื่องยนต์ ด้านขวาเป็นพื้นที่แสดงสัญญาณเตือนต่างๆ เช่นไฟ eco ที่จะโชว์เวลาที่ขับช้า หรือตอนที่ถอนเท้าออกจากคันเร่ง (จึงไม่ค่อยมีประโยชน์ ต่อการช่วยการขับแบบอีโค่ของคนขับนัก) ตอนเปิดไฟมาตรวัดทั้งหมดจะเรืองแสงเป็นสีส้ม มาตรวัดมีตัวเลขที่จัดวาดดูง่ายกว่า เลขเอียงที่เรียงเป็นวงกลมตาม กรอบมาตรวัดแบบของ Swift มาตรวัดของมิราจจึงดูง่ายมากๆ อย่างน่าชมเชย (รูปภายในสีทูโทนของมิราจญี่ปุ่น) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:05:55

ความคิดเห็นที่ 26 แตกต่างจากเวอร์ชั่นไทย ที่มีสีมากกว่า หน้าจอ DVD ที่ดูมีคุณภาพมากกว่า และตกแต่งพวงมาลัยที่นำของ Outlander มาใช้งานได้อย่างสวยงาม แต่ที่เปิดประตูโครเมี่ยมจะมีเฉพาะในประตูคู่หน้าเท่านั้น จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:08:21

ความคิดเห็นที่ 27 แผงประตูดูเรียบๆ มีส่วนที่เป็นชิ้นส่วนตกแต่ง แต่ของไทยใช้สีดำทั้งหมด ไม่ได้ตัดสีทูโทน หรือหุ้มผ้ามาให้แบบ มาร์ช ที่วางแขนบนแผงประตู 180องศา ไม่มีการลาดเอียงทำให้วางแขนตรงแผงประตูได้สบายภายในใช้พลาสติกเนื้อแข็งทั้งหมด มีบางส่วนอาจจะไม่ทนต่อรอยขีดข่วน ที่เท้าแขนบนแผงประตูที่ไม่ มีการกัดลาย ดู look cheap และเป็นรอยข่วนได้ง่ายที่สุด แต่ก็ประกอบแน่หนาเป็นอย่างดี ทนต่อการใช้งานปกติทั่วไป ดูรวมๆ แล้วภายในให้อารมณ์เดียว กับมาร์ช แต่มีหลายส่วนที่ดูดีกว่า และน่าเสียดายที่ยังจับคู่ไม่ถูกใจนัก ทั้งสเป็คจอ DVD กับแอร์ออโต้ที่ไม่ได้จับคู่กับวิทยุมาตรฐานที่ออกแบบสวยเลย แต่การ ตกแต่งภายในก็ยังสู้กับ Swift ไม่ได้อย่างแน่นอน ที่ดูเป็นเกรดการออกแบบที่เหนือกว่า จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:09:43

ความคิดเห็นที่ 28 รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ตะขอเล็กๆ สำหรับแขวนถุง ติดตั้งไว้ตรงนี้เลย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:12:19

ความคิดเห็นที่ 29 เก๊ะด้านหน้า ขนาดพอประมาณ และมีสายสำหรับเสียบ USB สำหรับฟังเพลงได้สะดวก จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:14:36

ความคิดเห็นที่ 30 พื้นที่ภายในของมิราจ ภายในก็นั่งได้โปร่งสบาย ไม่มีความอึดอัดในที่นั่งคนขับ แผงประตูหนาประมาณกลางๆ ไม่เบียดแขน เห็นได้จากตัวเลขมิติภายในที่ มีขนาดกว้างกว่ามาร์ชอยู่ 2 เซนติเมตร แผงประตูวางแก้วน้ำได้ วางของได้เล็กน้อย การออกแบบเน้นเพื่อให้มิราจดูโปร่งสบาย ส่วนด้านหลังนั่งได้สบายพอ สมควร คล้ายๆ มาร์ช จุดเด่นของความกว้างคือ มีขนาดเท่าๆ กับ B segment แต่ว่า น้ำหนักรวมของตัวรถเบากว่า และหนักเท่าๆ กับ A segment เท่านั้น ตำแหน่งเกียร์ พวงมาลัย อยู่ในตำแหน่งที่จับถนัดมือดี เนื้อที่เหนือหัวมีเพียงพอ ประมาณ 2 กำมือ ทั้งๆ ที่การออกแบบดูเหมือนตัวรถเตี้ยกว่าคู่แข่งมาก เบาะนั่งสบายพอสมควร แต่เบาะรองนั่งน่าจะยาวขึ้นอีกนิด นั่งแล้วไม่เมื่อย นั่งแล้วรู้สึกกระชับ ไม่ลื่นดูมั่นคง แต่ Swift ยังมีเบาะที่นั่งแล้วรู้สึกดีกว่า คุณภาพดีกว่า หนาและแน่นกว่า สำหรับที่ปรับความสูงขึ้นลงของเบาะ เป็นแบบมือหมุน ยังไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ มิราจให้เบาะที่พับ 60/40 ได้ตั้งแต่รุ่นล่าง ทำให้ดูเหนือกว่า Brio ตรงนี้ ที่ยังไม่มีเบาะที่พับได้เลย กับ Almera ที่ยังไม่สามารถพับได้เลยเช่นกัน การพับเบาะ ต้องไปดึงเชือกที่อยู่ด้านหลังเบาะเท่านั้น ทำให้การเปิดเบาะจากภายในรถทำให้ยากกว่าที่ควรจะเป็น ควรจะมีปุ่มกดที่เปิดได้ง่ายๆ จากภายในตัวรถ เพื่อหยิบจับของเวลาที่ต้องการได้  แผงที่ปิดอยู่บนล้อ อะไหล่เป็นแผ่นไม้อัดที่มีผ้าสักหลาดแปะอยู่ข้างบนธรรมดาแล้ววางทับล้ออะไหล่ไว้เฉยๆ ไม่มีอะไรล็อก แล้วก็ทำให้เกิดเสียงเพราะแผ่นไม้อัดมีการโก่งแล้วมี การให้ตัว อันเป็นการลดต้นทุนมากเกินไปเพราะเป็นแผงที่ต้องใช้งานวางของซึ่งต้องการความแข็งแรงเพื่อการวางของ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:17:26

ความคิดเห็นที่ 31 น่าตำหนิ ที่ดูลดต้นทุนเกินไป จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:19:41

ความคิดเห็นที่ 32 ภายในรถมีแสงสว่างเรืองแสงน้อยเกินไป เมื่อขับเข้าไปในที่มืด ภายในรถ หน้าปัด ปุ่มแอร์ทุกอย่างจะมืดมากๆ จนต้องเปิดไฟหรี่ ที่จริงไม่ใช่แย่มากอะไร แต่ว่าของคู่แข่งบางรุ่นจะมีไฟเรืองๆ เล็กน้อย ทำให้เห็นปุ่มกด หน้าจอแสดงผล ในที่มืดได้โดยไม่ต้องเปิดไฟหรี่ ส่วนแสงไฟจากหน้าจอ DVD ตอนเป็นจอมืด นั้นยังดูเป็นสีเทาๆ ไม่ดำสนิท ถึงแม้จะปรับแสงหน้าจอยังไงก็ตาม อยากให้ปรับปรุงจะทำให้มองแล้วรู้สึกถึงคุณภาพหน้าจอที่ดีกว่า จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:21:13

ความคิดเห็นที่ 33 หน้าจอ DVD ของมิราจมีปุ่มกด เพิ่มลดเสียง กับปุ่มเรียกเมนู เน้นปุ่มน้อยแบบ ipad เลย แต่ว่า ก็เป็นปุ่มกดขนาดจิ๋วที่ให้สัมผัสไม่ดีนัก และมีขนาดเล็กเกิน ไป ส่วนที่ต้องกดบ่อยๆ คือบนหน้าจอ touch screen ระบบ navi มี เมนูการใช้งานคล้ายๆ กับnavi ทั่วๆไป เสียงของนาวิ เลือกภาษาได้หลายภาษา แต่ยัง มีเสียงของคนพากเสียงที่ดูห้วนไม่ค่อยจะดีนัก วิทยุปกติของมิราจนั้นดูดี ปุ่มกดให้ความรู้สึกดี ใช้งานง่าย หน้าจอ DVD น่าจะใช้ดีไซน์ร่วมกันจะได้มีปุ่มกดที่ดู น่าใช้มากขึ้น แผงแอร์ออโต้เองนั้นยังใช้ดีไซน์ร่วมกับวิทยุเลยนะ ในขณะที่แอร์ออโต้นั้นดูดี และเป็นการออกแบบแนวเดียวกับ Outlander ใหม่ แต่แอร์ แมนน่วลกลับออกแบบมาเพื่อทำให้บรรยากาศในห้องโดยสารรุ่นล่างดูแย่ เพราะใช้ดีไซน์จากรถสมัยก่อน (นานมาก) เฉือนแอร์แมนน่วลของ Swift ไปเล็ก น้อย ตรงที่ ของ Swift ยังใช้ปุ่มบิด 3 ปุ่มแบบรถรุ่นล่างปัจจุบันทั่วไป แต่ของมิราจนั้นกลับไปใช้แบบคล้ายๆ กับของ Sunny B11 รุ่นปี 1991 เลยขนาดนั้น แอร์ออโต้ของมิราจ ถ้าปรับอุณหภูมิให้ร้อนขึ้นระดับนึง ระบบจะบังคับให้เอาลมร้อนข้างนอกเข้ามาเพื่อปรับอุณภูมิภายใน แต่น่าแปลกใจที่ดูเหมือนมีกลิ่นลอด เข้ามาน้อยกว่ารถรุ่นอื่นๆ ทั่งๆ ที่ขับอยู่ในท้องถนนที่มีรถเยอะ แต่ก็แทบไม่มีกลิ่นไอเสียเข้ามา และในตอนที่ขับรถเร็วๆ ก็ไม่มีกลิ่นไหม้เข้ามานัก แต่กับ Swift รุ่นที่แล้ว หรือมาสด้า 2 ก็ต่างมีกลิ่นไหม้จากห้องเครื่องเข้ามาภายในห้องโดยสารทั้งคู่ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:23:02

ความคิดเห็นที่ 34 เก๊ะหน้ามีอันเดียวอยู่ข้างหน้าคนนั่งข้าง ขนาดใหญ่พอใส่ของพอประมาณ ขณะที่ March เพิ่งปรับสเป็คขยับเพิ่มขึ้นเป็น 2 อัน เพราะเดิมออกแบบไว้แบบ นั้นอยู่แล้ว ในเก๊ะ มีสายสำหรับเสียบ USB เล่นเครื่องเสียง (เสียงเพราะใช้ได้ครับ) สามารถเสียบแล้วปล่อยห้อยๆ ได้เลย เพราะลองเอาเหน็บกับที่เหน็บเหนือ เก๊ะแล้ว ปรากฎว่า จะมีเสียงสายตีกับผนังพลาสติกตลอดทางที่ขับ ไม่ว่าจะขับช้าแค่ไหน ก็ยังมีเสียงสั่งกระทบกระเทือน แม้ว่าจะพยายามเหน็บให้แน่นแล้วก็ตาม เก๊ะเก็บของที่น่าชมเชยคือของยาริสที่มีถึง 3 เก๊ะด้วยกัน (ยากที่จะมีรุ่นที่มีที่เก็บของเยอะขนาดนั้น) ฐานเกียร์เป็นแบบขั้นบันไดทำให้คุ้นเคยได้ง่าย และเข้าเกียร์ได้ง่ายมากจนแทบจะไม่มีผิดพลาดในขณะที่ Swift ยังคงเป็นรางตรงอยู่ ยังต้องจำตำแหน่ง หรือ นับตำแหน่งเอา จาก P ลงไป 3 แกร็ก ระหว่าง D กับ R อยู่ที่ 2 แกร็ก แถมระบบเกียร์แบบนี้หลายๆ รุ่น ต้องกดปุ่มเพื่อขยับเกียร์จาก P ลงมาด้วย ซึ่งระบบ รางเกียแบบขั้นบันไดสะดวกกว่ามาก ของมิราจฐานเกียเป็นสีเงินกัดลายให้เป็นรอยได้ยาก และมีความนุ่มในการเปลี่ยนเกียมาก (อย่างน่าประทับใจ) ตำแหน่ง ของเบรคมือ ออกแบบได้ดี ใช้งานได้ใกล้มือและไม่เกะกะในเวลาที่ไม่ใช่งาน มีที่เท้าแขนตรงคอนโซลกลางขายเป็น accessories เพื่อเพิ่มความสบายใน การขับอีกด้วย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:24:41

ความคิดเห็นที่ 35 ทัศนวิสัยด้านหน้าดี เสาเอที่ลาดเอียงทำให้รถดูมีความทันสมัย แต่ยังคงมีความหนาไปนิด เมื่อมองเฉียง อาจจะถูกเสาเอ และกระจกมองข้างที่มีขนาดใหญ่ บังคนที่กำลังเดินข้ามถนนหรือมอเตอร์ไซค์ได้ เสาซีดูมีขนาดใหญ่ เพราะต้องการหดขนาดของพื้นที่กระจกลง แต่ยังดีที่หมอนรองศรีษะด้านหลังออกแบบมา ดีไม่บังทัศนวิสัยด้านหลัง ดูเหมือนมาร์ชจะมีทัศนวิสัยรอบคันที่ดีกว่ามิราจเล็กน้อย แต่ว่า มีความรู้สึกว่า กระจกมองหลังของมาร์ชมีการหลอกตามากกว่า ทำให้ อึดอัดเวลาถอยหลัง แต่มาร์ชสามารถทำให้คนขับมองเห็นฝากระโปรงหน้าได้ทำให้กะระยะด้านหน้าง่ายกว่ามิราจเล็กน้อย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:25:23

ความคิดเห็นที่ 36 สำหรับการทดลองขับ ได้มีการทดลองขับทางไกล เพื่อดูสมรรถนะคร่าวๆ กับอัตราสิ้นเปลืองในวันศุกร์ก่อนหน้าวันหยุดยาว เริ่มต้นจากบางนาไปทางเส้นทางชลบุรี  ซึ่งในระหว่างทาง ได้เจอกับสภาพรถติดบ้างพอสมควรจึงอาจจะทำให้อัตราสิ้นเปลืองตกลงไปบ้าง แต่การวัดถือว่าเป็นการวัดคร่าวๆ เพื่อให้ทราบคาแรกเตอร์ของรถมากกว่าที่ จะบันทึกไว้เป็นสถิติอย่างเป็นทางการเพราะสภาพจราจรมีตัวแปรเยอะมาก และในวันเดียวกัน ได้มีการพยายามวัดอัตราสิ้นเปลืองอีกครั้งตอน 4 ทุ่มถึงเที่ยงคืน แต่ว่าก็มีพายุฝนขนาดหนักบริเวณแถวสุวรรณภูมิทำให้มิราจต้องวิ่งฝ่าลม ฝ่าฝน และแอ่งน้ำที่เจิ่งนองมากมาย อันเป็นต้วขัดขวางการวัดอัตราสิ้นเปลืองทั้งนั้น แต่ก็ทำให้รู้ถึงความสามารถ และสมรรถนะของช่วงล่างรถคันนี้ได้เป็นอย่างดี จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:29:34

ความคิดเห็นที่ 37 ช่วงล่างของมิตซูบิชิยังคงสำแดงพลังออกมาได้ดี ที่ในทุกๆ ย่านความเร็ว สามารถบังคับควบคุมได้ดีกว่า มาร์ช และอัลเมร่า อย่างเด่นชัด แต่ว่าอีกฝ่ายก็มีความ นุ่มสบายที่มากกว่าเช่นกัน ความนุ่มของอัลเมร่ายังคงทำให้ประทับใจมาตลอด และขับเร็วได้ดีในทางตรง แต่มิราจจะเป็นในแนวทางของการขับในสนามแข่ง มากกว่า ความรู้สึกในการขับมิราจนั้น มีล้อที่ดูดกับถนน อย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นยางขอบ 14 นิ้วแก้มหนา และช่วงล่างสามารถควบคุมอาการโยนตัวเป็นอย่างดี ในความเร็วสูงสามารถซับแรงสะเทือนได้ แต่อัลเมร่าทำได้ดีกว่าในความเร็วระดับกลางๆ ลงมา ช่วงล่างของมิราจมาในแนวทางเดียวกับแลนเซอร์ แต่เป็นระดับ จูเนียร์ของแลนเซอร์ ไม่มีการเด้งแบบโยนตัวมากนัก ช่วงล่างเอาอยู่ ไม่มีการเด้งแบบสะเทือนตึงตังแบบรถเล็ก Honda แต่เด้งแล้วมีอาการออกนุ่ม เหมือนมี การรองรับที่ดีกว่า ไม่มีการนุ่มและเด้งแบบไม่มีเหตุผล เวลาขึ้นสะพานจนรถโยนตัวขึ้น แต่สามารถลงมาได้นุ่มๆ ก็ทำให้รู้สึกสนุกได้เหมือนกัน แต่ข้อเสียของยางหน้าแคบเพียง 165/65R14 ก็ส่งผลให้ตัวรถมีอาการส่าย เนื่องจากหน้ากว้างของยางยังแคบเกินไป แล้วก็ยังเป็นยางสเป็คอีโค่เน้นการ ประหยัดน้ำมันจากโรงงานจึงไม่เน้นหนักในสมรรถนะการขับนัก ตรงจุดนี้และภาพรวมๆ ทำให้ช่วงล่างขับไม่สนุกเท่ากับ Swift eco car แต่ว่าการขับขี่ ก็ถือว่ายางของมิราจยังเกาะถนนใช้ได้ และวิ่งได้ดี ที่ความเร็วมากกว่า 120 กม./ชม. ขึ้นไป จะเริ่มรู้สึกออกอาการ ดังนั้นจึงต้องหวังพึ่งการเปลี่ยนเป็นล้อที่มี หน้ากว้างของยางมากกว่านี้เป็นขนาด 185/60R15 หรอื 195/55R16 เป็นต้น ก็น่าจะก็น่าจะเป็นขนาดที่กำลังพอดี แต่สำหรับการใช้งานเฉพาะในเมืองส่วน มาก ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเพราะก็ยางเดิม ก็ขับได้ดี สามารถซุกซน ซอกแซกได้ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:35:12

ความคิดเห็นที่ 38 เกียร์ทำงานได้อย่างไร้ที่ติ เกียร์เดียวกับมาร์ช แต่ให้อารมณ์ความมั่นคง การเปลี่ยนเกียร์ การทำงานที่สมูธของ CVT ทำออกมาได้เหนือชั้นกว่า มาร์ช อัลเมร่า ที่ไม่มีจังหวะสะดุดสมกับความเป็น CVT รอบเครื่องนั้นป้วนเปี้ยนอยู่ที่ประมาณ 1 พันปลายๆ ถึง 2 พันกว่า กำลังเหมาะกับความประหยัดน้ำมัน แต่ก็สามารถ เลี้ยงให้อัตราเร่งค่อยๆ เพิ่มขึ้น การบังคับเลี้ยวมีความคมน้อยกว่า Brio แต่เหมาะสมกับการขับมากกว่า มีความคม น้อยกว่านิดๆ มีความฟรีหน่อยๆ แตมี ความหนืดที่เหมาะสมกับความเร็ว ในขณะที่ Brio มีแต่ความคมอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ค่อยมีความหนืด จึงทำให้มิราจดูผ่อนคลายและดูเฟิร์มกว่าของ Brio และเป็นคนละเรื่องเมื่อเทียบกับพวงมาลัยของอีโค่คาร์นิสสัน ที่ไม่เน้นความสนุกในการการบังคับควบคุมทิศทางพวงมาลัยซึ่งเป็นจุดที่ต้องปรับปรุง พวงมาลัย ของมิราจดีเหมือนกับการได้ขับรถใหญ่ๆ และยิ่งเปลี่ยนเป็นล้อใหญ่ขึ้น ก็น่าจะยิ่งเฟิร์มมากขึ้น สรุปแล้ว มิราจเป็นรถที่ขับสนุกได้ดีมากคันนึง อัตราเร่ง 0-100 ทดลองจับเวลา 6 ครั้ง เป็นดังนี้ครับ 14.886 14.935 15.399 15.006 15.646 14.945 เฉลี่ยแล้ว 15.136 วินาที อัตราเร่ง 80-120 ทดสอบ 5 ครั้ง 10.584 10.248 11.035 10.781 10.149 เฉลี่ยแล้ว 10.559 วินาที ด้วยน้ำหนักที่หนักสูงสุดเพียง 870 กก. และต่ำสุด 830 กก. น้ำหนักน้อยกว่ารุ่นอื่นในพิกัดเดียวกันร่วม 100 กก. ทำให้เครื่องยนต์ 3A92 พาร่างของ มิราจพุ่งไปได้อย่างรวดเร็วมากกว่ามาร์ชที่มีกำลังเครื่องยนต์พอๆ กัน แต่ยังด้อยกว่าบริโอ้ที่มีกำลังเครื่องเยอะกว่าอยู่เล็กน้อย ในขณะที่อัตราเร่งแซง ที่ 80-120 ทำออกมาได้ตัวเลขที่ดีมากๆ ดีพอๆ กับกลุ่มรถ H/B 1500cc ด้วยน้ำหนักที่เบาของตัวรถนี่เอง และยังมีผลไปถึงอัตราสิ้นเปลืองที่น่าประทับ ใจอยู่ที่ 21.015 กม./ลิตร ที่ระยะทางวิ่งทั้งหมด 163.5 กม. วิ่งที่ความเร็วประมาณ 100 กม./ชม. และได้ 26.617 กม./ลิตร วิ่ง160.9 กม.ที่ความเร็ว ประมาณ 70-80 กม./ชม. ซึ่งเป็นการวิ่งทดสอบในการวิ่งตอนกลางวันที่เจอรถติดเป็นระยะ และ ในการวิ่งตอนกลางคืนขณะฝ่าพายุฝนตามลำดับ อัตราน้ำหนัก กก. ต่อหนึ่งแรงม้า มิราจ : 870 กก. / 78 แรงม้า = 11.15 กก.ต่อ 1 แรงม้า บริโอ้ : 950 กก. / 90 แรงม้า = 10.55 กก.ต่อ 1 แรงม้า มาร์ช : 965 กก. / 79 แรงม้า = 12.22 กก. ต่อ 1 แรงม้า สรุปแล้ว กำลังเครื่องยนต์ของ Honda นั้น ดีที่สุดอยู่ดี แต่มิราจที่เบากว่านั้นได้เปรียบตอนช่วงเร่งแซงมากกว่าอยู่เล็กน้อย ปัญหาใหญ่ของมิราจก็คือเสียงภายในรถที่ดังกว่าคู่แข่งทุกค่าย อาจจะสูสีกับ Brio แต่ดูแย่กว่าอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ ในท้องตลาดทั้งหมด เสียง ของเครื่องยนต์ดังกระหึ่มเมื่อมีการกดคันเร่ง ยิ่งเกิน 100-120 ขึ้นไป อาจจะต้องตะโกนคุยกันในรถถึงจะรู้เรื่อง แม้ว่าจะนั่งข้างๆ กัน ก็คงต้องตะเบงเสียงมากขึ้น  ส่วนกลิ่นจะเริ่มเข้าแรงขึ้นเมื่อเกิน 140 ไป เสียงที่ดัง ทำให้เข้าใจว่า เครื่องยนต์ยังมีกำลังไม่พอ ทั้งๆ ที่เรื่องแรงบิด ถือว่ามีอัตราเร่งแซงที่เร็วใช้ได้ ถือว่า น้ำหนักตัวมิราจช่วยให้ เครื่องยนต์ 1200cc 3 สูบ รับภาระน้อยมากๆ การเร่งจาก 80 ไป 100 หรือ 100 ไป 120 ทำได้อย่างสบายๆ ที่ 140 รถยังนิ่งๆ และ น่าจะไปถึง 160 อย่างไม่มีปัญหา แต่ว่ายังมีรถเยอะอยู่จึงไม่ได้มีการลองความเร็วสูงสุด จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:37:56

ความคิดเห็นที่ 39 สรุปแล้วนั้น อารมณ์ความรู้สึก ของมิราจ ทำให้ผมคิดไปถึงรถขนาด c segment สมัยก่อน ประมาณ 20 ปีที่แล้ว ที่มีน้ำหนักประมาณเท่าๆ กันนี้ และเครื่องยนต์ที่มีแรง ม้าแรงบิดประมาณเท่าๆ นี้ การเก็บเสียงก็เหมือนรถสมัยก่อนเช่นกัน คือเก็บเสียงได้ไม่ดีเท่าไหร่ ไม่เงียบเหมือนรถยุคสมัยปัจจุบัน การขับจากกรุงเทพไป ราชบุรี แล้วก็ไปเพชรบุรี เป็นการขับทางไกล กับรถอีโค่คาร์ ที่สนุกกับการใช้ความเร็ว พวงมาลัยให้ความรู้สึกผ่อนคลายในการควบคุมมากกว่า มาร์ช brio ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรถก็สามารถสัมผัสได้ เครื่องยนต์เหมาะมากกับขนาดน้ำหนัก อาจจะต้องปรับแรงม้าขึ้นอีกนิดในอนาคต เพื่อให้สมบูรณ์ขึ้น แต่ ณ ปัจจุบันก็ถือว่าสมบูรณ์มากแล้ว  และยิ่งเป็นรถที่ ประหยัดอย่างยิ่ง และสมรรถนะที่มีก็ถือว่าคุ้มเมื่อเทียบกับราคา สามารถใช้ทดแทนกับ B segment ได้ทั่วไป โดยมี option ที่ไม่ด้อยกว่ากันเลย ถึงแม้จะ มองออกถึงการลดต้นทุนในหลายๆ จุด แต่ถ้าไม่แคร์นัก ก็สามารถใช้งานเป็นอย่างดี มีรูปโฉมที่สวยงามใช้ได้ มีการประกอบที่เนี้ยบไม่หลุด QC ง่ายๆ รูปร่าง รูปร่างทันสมัยแบบ HB 2BOX ท้ายตัดแนว ยาริส มาสด้า 2 ช่วงล่างที่อาจจะดีกว่ารถบางรุ่นในกลุ่ม 1500cc ด้วยซ้ำ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:41:09

ความคิดเห็นที่ 40 มิราจในย่าน ภายใน 110-120 ถือว่า ทำได้เป็นอย่างดี สมบูรณ์แบบ จนดูเหมือนกับว่า ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมี มิราจ 1500 เมื่อดู packaging ตัวรถด้วย แล้ว กำลังเครื่องยนต์และระดับราคามีความเหมาะสมกันมาก บางทีสำหรับการขับขี่เฉพาะในเมืองเพียงแค่เครื่องรุ่น 1000cc ที่มีความประหยัดยิ่งกว่ารถ ไฮบริดก็คงจะเพียงพอแล้วมั้ง เพียงแต่ว่าการใช้งานรถของคนไทยนั้นมีความหลากหลาย เพราะใช้ทั้งในเมืองและนอกเมือง ใช้ขึ้นเขาหรือเดินทางไกลด้วย คุณงามความดีของ Mirage 1.2L จึงมีมากเพียงพอจนไม่จำเป็นที่จะต้องนึกถึงการวางเครื่องใหญ่ๆ ถึงยังไงก็ตามก็ยังมีปัญหาที่ต้องแก้ไขก็ยังมีหลายจุด อย่างเข็มขัดนิรภัยปรับสูงต่ำไม่ได้เหมือนกับ eco car ทุกๆ รุ่นที่ปรับไม่ได้ ถ้าโชคดีตำแหน่งเหมาะก็ คงไม่ต้องปรับแต่สำหรับคนที่เข็มขัดบาดคอจำเป็นต้องปรับแต่ทำไม่ได้ เท่ากับว่าพวกเค้าไม่สามารถที่จะซื้อรถ eco car ได้งั้นรึเปล่า ? หรือว่าต้องพยายาม โมดิฟายแก้ไขเอาเอง จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:43:15

ความคิดเห็นที่ 41 จุดสำคัญที่ต้องปรับปรุงก็คือเรื่องของเสียงดังรบกวน แค่ความเร็วระดับ 80 กม./ชม. ขึ้นไปก็เริ่มมีเสียงที่ดังมากแล้ว การเหยียบคันเร่งยิ่งกดมากยิ่งเพิ่มเสียง มากตั้งแต่แรกเลยทีเดียว ดังนั้น การเดินทางไกลๆ ที่ใช้ระยะเวลานานๆ จุดนี้จะทำให้การขับไม่สนุก และรู้สึกอึดอัด ตรงกันข้ามกับเครื่องยนต์พลังสูงที่มีเสียง ตามมาในขณะวิ่งความเร็วสูง มิราจจะมีเสียงดังเมื่อกดคันเร่งหนัก แต่ความเร็วไม่ได้เร็วมากเท่าๆ กับเสียงที่ดังกระหึ่มมาก ระบบนาวิเกเตอร์ยังไม่สมบูรณ์ ยังใช้งานยากในการหาตำแหน่งต่างๆ ที่พยายามหาแล้วก็ยังหาไม่ได้ เหมือนลิสท์รายการสถานที่ต่างๆ ยังไม่สมบูรณ์ ไม่สามารถเปิดหาจากเมนูลัดได้ และการ search จากชื่อ ก็ยังเป็นเรื่องลำบากอยู่ดี หากไม่รู้ชื่อสถานที่แบบเดียวกับที่ store ไว้ในเครื่องถูกต้อง 100% เมื่อมองจากคู่แข่งแล้ว หากมิราจสามารถเพิ่มกำลังเครื่องขึ้นอีกนิด ซัก 90 แรงม้า และลดเสียงดังลง จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากๆ ในกลุ่ม eco car ปัญหา อาจจะคล้ายๆ กับ Lancer EX แต่ว่าน้ำหนักตอนเปิดปิดประตูของมิราจถือว่าใช้ได้ ทำให้ปิดง่ายขึ้นและรู้สึกดี สำหรับพื้นถนนที่เรียบนั้น จะทำให้ช่วงล่างมี เสียงจากยางน้อยลง แต่จากคุณสมบัติของยางน่าจะเกิดเสียงหลังจากใช้งานไปซักระยะ เรื่องของเสียงนั้น เป็นเรื่องน่าแปลกที่ยิ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยไปนานๆ มีโอกาส ที่จะทำให้รำคาญมากขึ้นๆ ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้รู้สึกชิน และอาจจะเป็นข้อเสียที่ทำให้ความชื่นชอบในด้านอื่นๆ น้อยลงไป ซึ่งการทดลองขับเพียงเวลาไม่นานอาจจะ ทำให้รู้สึกไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้ แต่รถนั้นยิ่งใช้ ก็จะยิ่งมีเสียงดังมากขึ้น คนที่ใช้งานจริงๆ ถึงจะรู้สึกเครียดและกังวลกับเรื่องนี้ อาจจะไม่กับทุกๆ คน แต่ถ้าแก้ได้ ก็จะทำให้รถสมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ -ขอบคุณที่อ่านรีวิวนะครับ- จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 15:44:50

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ จากคุณ : M_kun เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:23:27

ความคิดเห็นที่ 43 กระทุ้นั้นพังไปแล้ว ลงทุน โพสใหม่ให้อีกรอบเลยเหรอเนี่ย จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:33:13

ความคิดเห็นที่ 44 ขอบคุณครับ คุณ เน็ดคุง เยี่ยม จากคุณ : o_okub เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 16:51:19

ความคิดเห็นที่ 45 ละเอียดดี จากคุณ : FFK-KZ@Fiesta เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:05:47

ความคิดเห็นที่ 46 ละเอียด จนลายตา ;P จากคุณ : Mistake3884 เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 17:07:38

ความคิดเห็นที่ 47 ว่าแต่ตอนพับเบาะหลังนี่ยังต้องไปเปิดฝาท้ายเพื่อดึงล็อกออกอีกมั้ยครับ ถ้าฝนตกก็เปียกแน่ๆ ไม่เหมือนมาร์ชที่พับเบาะจากภายในรถได้เลย ปล.เผื่อหยิบของท้ายรถโดยที่มีแผ่นกัันบังอยู่ จากคุณ : คนแดนแก่นคูณ เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 18:20:31

ความคิดเห็นที่ 48 อยู่ในเมืองทองเหรอครับ จากคุณ : sagurahi เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 18:36:56

ความคิดเห็นที่ 49 เอ่อ โทษนะครับ อยากทราบว่า 1 เรื่องเสียงเครื่องยนต์เข้ามาในรถเนี่ย มันดังมากกว่า วีออสมั้ยครับ 2. เเล้ว เครื่อง DVD ที่ติดรถเนี่ย เปิดดูหนังในขณะขับรถได้มั้ยครับ จากคุณ : วิ (hikky the kid) เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 19:31:16

ความคิดเห็นที่ 50 ตอบ คห. 49 ข้อสองนะคะ ถามเซลมาแล้วว่า ไม่ได้ค่ะ นอกจากจะให้ร้านข้างนอกทำให้ก็จะดูได้ ศูนย์ตามปกติแล้วจะไม่ทำให้ค่ะ จากคุณ : CuteBaby เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:19:43

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณสำหรับรีวิวค่ะ^^ จากคุณ : เด็กดอย เจ้าแม่ปาเงิน เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:21:37

ความคิดเห็นที่ 52 ผมว่า มิราจ เป็นรถที่บอดี้สวย แต่ดูขัดตาตรงส่วนควบ อย่าง กันชนหน้า กันชนหลัง และไฟท้าย โชคดีที่ว่า ส่วนที่ขัดหูขัดตาทั้งหมด (โดยเฉพาะกันชนท้าย ที่เหมือนเนยโดยปาดข้างๆออกไปนั่น และไฟท้ายที่ดูขุ่นๆ ไม่สดใส) ที่ผมพอจะจับผิดได้ มันดันอยู่ในส่วนควบที่เราสามารถถอดเปลี่ยนได้ทั้งหมด อีกไม่นานถ้ามีร้านผลิตกันชนแต่งไฟเบอร์ และถ้ามีไฟท้ายโดนัทมาเมื่อไร น่าจะทำให้มันเป็นรถที่สวยพอฟัดเหวี่ยงกับswiftได้ จากคุณ : panitant@hot เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 20:29:37 A:1.20.0.161 X: TicketID:252991

ความคิดเห็นที่ 53 Review . . ได้เยี่ยม . . สุดยอด ครับ . . . เป็นกลางดี นำประสบการณ์ที่มีกับรถหลายยี่ห้อ มาเปรียบเทียบให้เห็นภาพได้ชัดเจน ทำให้เห็นจุดเด่นจุดด้อยของแต่ละแบรนด์ แสดงข้อมูลเทียบกันแบบใช้เหตุผล ทำให้งาน Review ดูเป็นมืออาชีพมาก เยี่ยม ครับ จากคุณ : 9_pennie เขียนเมื่อ : 21 มิ.ย. 55 23:09:34

ความคิดเห็นที่ 54 # 49 วิ (hikky the kid) ขอโทษครับ ยังไม่ได้ลองเลย    เสียงดังกว่าครับ Vios จะเริ่มดังช้ากว่า ในช่วงความเร็วสูงๆ ดังพอกันทั้งคู่ครับ #48 sagurahi อยู่ศรีนครินทร์ครับ โพสท์ซ้ำแค่รอบสองครับ คิดว่า กระทู้คงจะพังในอีกไม่นาน ขอขอบคุณสำหรับคำติชมทุกข้อความนะครับ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 22 มิ.ย. 55 00:51:11

ความคิดเห็นที่ 55 เครื่องยนต์แค่3สูบ จะไปไกลไหวหรอครับ จากคุณ : ด้านมืดในใจคุณ เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 10:03:26

ความคิดเห็นที่ 56 ไปไกลน่ะไหวอยู่แล้วครับ ไปแค่ไหนก็ไหว ขึ้นเขาก็ยังสบาย เค้าพิสูจน์กันมาตั้งแต่สมัย Nissan March แล้วครับ แต่แน่นอนว่า สำหรับรถที่มีกำลังเครื่องยนต์สูงกว่่า ขับทางไกล ก็ยิ่งรู้สึกดีกว่าอยู่แล้ว แต่ถ้าถามว่าไหวมั้ย ไหวแน่นอน และผมก็เห็น March วิ่งทางไกลกันเกลื่อนถนนเลย จากคุณ : แตงโมสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 23 มิ.ย. 55 23:56:01

ความคิดเห็นที่ 57 รถนะไหวไปไกลได้สบายๆคนนะไหวไหมไปหาอ่านตามคลับต่างได้ คลับมาร์ชมีคนรีวิวนี่มีขึ้นเหนือล่องใต้ขึ้นเขาสบายๆๆ ความคิดเก่าๆโบราณมากที่ว่าไม่ไหวนะ จากคุณ : ชายคนนั้น เขียนเมื่อ : 24 มิ.ย. 55 16:33:37

ความคิดเห็นที่ 58 พาร์คแลนด์ ศรีนครินทร์ นี่หน่า +1 ครับ จากคุณ : legacy_newba เขียนเมื่อ : 29 มิ.ย. 55 18:29:24

ความคิดเห็นที่ 59 แล้วสรุปมาร์ช หรือมีราจน่าเล่นกว่าคะ จากคุณ : Lonelylove141 เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 12:40:21

ความคิดเห็นที่ 60 ขอบคุณครับ อ่านแล้วสนุกดี ได้ใจความ เข้าใจง่าย ให้กิ๊บครับ จากคุณ : เหลืองชมพู เขียนเมื่อ : 3 ก.ค. 55 13:24:32