ตาม #23 เรื่องระยะพวงมาลัยถูกต้องแล้วครับ อันนั้นคือวิธีการนั่งขับให้มีระยะห่างจากพวงมาลัยที่ถูกต้อง ส่วนที่ผมให้นั่งชิดๆมันเป็นเทคนิคที่ผมใช้ตอนหัดขับแรกๆ อย่างที่กล่าวไว้โพสแรก #19
เทคนิคที่ผมบอก เป็นเทคนิคที่ผมเคยทำเองตอนหัดขับแรกๆครับ ซึ่งมันทำให้ กะระยะเร็วขึ้น ควบคุมรถง่ายขึ้น หากยังกะระยะรถไม่เป็นแต่นั่งเหมือนคนขับเป็น มันจะจิ้มตูดเค้าครับ เพราะเรายังกะระยะรถไม่เป็นไง ซึ่งพอขับเป็นแล้ว เราจะทำทุกอย่างตรงกันข้ามกับที่ผมแนะนำ
เรื่องตาสัมพันธ์กับทางเลี้ยว ผมขอเสริมเค้านิดนึง เวลาผมจะเลี้ยวซ้าย ผมจะหยุดรถก่อน พวงมาลัยเตรียมหมุนไปทางซ้าย ตาผมมองไปทางซ้ายดูว่าโล่งป่าว แล้วค่อยมองไปทางขวา เพื่อดูว่ามีรถไหม ถ้าว่างก็หมุนพวงมาลัยซ้าย พร้อมหันซ้าย แต่ถ้าเกือบๆว่าง แต่ไปได้ ก็หมุนซ้าย แต่ตายังดูขวาอยู่
หากเรามองทางขวานาน ก็ยังไม่ว่าง ก็ควรจะมองทางซ้ายซ้ำอีก เพราะเวลาที่เปลี่ยนไป วัตถุที่เคลื่อนไหวได้ มันเปลี่ยนที่แล้วครับ เพราะฉะนั้นเราต้องทำซ้ำก่อนที่เราจะกระทำเสมอ(มองซ้ำ) ไม่ใช่ว่ามองไปเมื่อ 30 วิก่อนมันว่าง ก็คิดว่ามันยังว่างอยู่ แบบนี้มีเฉี่ยวชนแน่นอนไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ถามว่าสัมพันธ์กันไหม ตากับมือ มันไม่สัมพันธ์กันเสมอนัก เช่นจะ u-turn คุณคงไม่มองไปทางที่คุณจะเลี้ยว แต่คุณจะมองไปทางตรงกันข้ามเพื่อดูรถ ส่วนที่ตาจะสัมพันธ์กับมือ คือตอนจะเปลี่ยนเลน ตอนจะเปลี่ยนเลนผมจะใช้กระจกหลัง และกระจกข้างที่จะเลี้่ยว ตามลำดับ หากใช้กระจกข้างอย่างเดียว คุณอาจจะเลี้ยวพร้อมกับพี่คันที่ตามเรามาก็ได้ เพราะบางทีกระจกมองข้างอาจให้มุมมองที่ทำให้เราไม่เห็นรถคันหลัง เช่นเค้าขับรถตรงกับเราเป๊ะ ระยะใกล้ๆกับรถเรา เป็นต้น และถ้าพี่คันหลังเรา เร่งเพื่อเปลี่ยนเลนพร้อมเรา ซ้ำร้ายเร่งแรงกว่าเรา มันก็จะชนกัน
เวลาขับรถจะดูว่าอยู่ที่เลนหรือป่าว ผมดูที่ช่องถนนครับ ที่เข้าตีเส้นไว้นะ เค้าตีไว้ให้เรากะ เส้นซ้าย เส้นขวา ห่างพอๆกัน ก็คือเราขับตรงเลน
ส่วนจะไม่ให้เบรคหัวทิ่ม จิ้มตูดคนอื่น นอกจากจะขับทิ้งระยะให้ห่างแล้ว เราต้องอ่านใจคนขับคันหน้าให้ออก ดูสภาพแวดล้อมอย่างอื่นด้วย นอกจากรถคันหน้าเรา เช่น ด้านหน้ารถคันหน้าเรา กำลังจะมีคนวิ่งข้ามถนน เราก็สัณนิฐานไว้ก่อนว่า คันหน้าเราจะเบรค เราก็ควรผ่อนคันเร่ง เตรียมเบรคด้วยเช่นกัน เหมือนเล่นเกมส์อ่านใจนั่นแหละ อ่านผิดก็ชน เค้าถึงทำสัญญานไฟให้เราใช้ไง แต่ก็มีคนใช้มั้ง ไม่ใช้มั้ง ชอบให้เราเดาใจเค้า ^.^
ในความคิดเห็นส่วนตัวผมนะ ถ้าให้ทำถูกวิธีในการขับรถจริงๆ แล้วขับนะ มันจะขับเป็นยากขึ้น ช้าขึ้น แต่ถ้าเป็นแล้วก็ควรขับแบบที่ถูกวิธี ค่อยๆปรับมันก็ไม่ยากแล้ว วิธีในการขับรถที่ถูกวิธีมันมีเป็นมาตราฐานอยู่แล้ว แต่วิธีที่ขับรถแล้วตัวเราถนัดมันไม่มี เราต้องรู้เอง เช่น บางคนปรับเบาะซะเหมือนนอนขับ ไม่รู้มองเห็นรถได้ไง แต่ก็ขับได้ (พ่อตาผมเอง *0*) เป็นต้น
ทฤษฎี มันก็ดี แต่บางทีมันปฎิบัติไม่ได้
เช่น ทฤษฎีบอกว่าให้คุณขับรถช้าๆจะไม่เกิดอุบัติเหตุ มันไม่จริงครับ!การขับรถ มันต้อง
"เร็วในตอนที่ควรเร็ว และช้าในตอนที่ควรช้า ในจังหวะที่ถูกต้อง"
การขับช้ามันไม่ได้ช่วยให้ไม่เกิดอุบัติเหตุครับ แต่ทำให้ความรุนแรงของอุบัติเหตุนั้นไม่มาก เหมือนอย่างที่ #23 ตั้งกระทู้
สำหรับผมสิ่งที่ถูกต้องในการขับรถคือ "รวมทฤษฎีและปฎิบัติเข้าด้วยกัน"
ปล. พิมพ์ซะยาว สั้นเดียวไม่เคลียร์ อ่านจบเคารพ 1 จอก