ขับรถอยู่บนทางด่วน แล้วจู่ๆ ก็เหยียบคันเร่งไม่ไป รอบค้างที่ 2,000 ประสบการณ์ระทึกครั้งแรกค่ะ ^^"
|
 |
ขอเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เพื่อนๆ พี่ๆ ฟังนะคะ โดยเฉพาะสาวๆ ที่ขับรถคนเดียว เผื่อเป็นประสบการณ์และยังไงจะได้ระมัดระวังกันค่ะ ^^
เมื่อเช้าเราขับรถขึ้นทางด่วนสุขุมวิท 62 ไปกลับรถตรงสาธุประดิษฐ์ และกำลังมุ่งหน้าไปทางที่จะลงพระรามสี่ ขณะอยู่เลนกลางและกำลังจะเปลี่ยนเลนก็เลยเหยียบคันเร่ง แต่เหยียบแล้วรู้สึกได้ว่ารถผิดปกติ เพราะเครื่องมันเร่งไม่ขึ้นเลยค่ะ เหมือนค้าง เหลือบดูหน้าปัทม์ตอนนั้นเข็มรอบเครื่องค้างอยู่ที่ 2,000 ส่วนความเร็วอยู่ที่ 120 แต่คือความเร็วค่อยๆ ลดลง
ยอมรับว่าใจหายแว๊บเลยค่ะ เพราะตอนนั้นรถโล่งและรถที่ตามหลังก็มาเร็วด้วย จึงไม่ได้เหยียบเบรค ค่อยๆ หาทางเบี่ยงเข้าซ้าย และเปิดไฟฉุกเฉินให้สัญญาณรถที่ตามมา (ซึ่งจ่อตูดอยู่ ^^") ซึ่งตรงจุดนั้นเนี่ยมันเป็นทางโค้ง คิดว่าคงอันตรายมากถ้ามันไปจอดตายอยู่ตรงนั้น ภาวนาแทบตายค่ะให้มันเลยมาอีกหน่อย และก็โชคดีมันมาหยุดสนิทตรงเลยโค้งมานิดนึงและมีโทรศัพท์สีส้มของทางด่วนพอดี
โทรแจ้งเจ้าหน้าที่เสร็จ ก็มีตำรวจขี่มอเตอร์ไซค์มาจอดสอบถามอาการ ตอนแรกเค้าจะให้เราขยับรถเพราะอยู่ในจุดทางโค้งที่อันตราย เราเลยเปลี่ยนเกียร์จาก P ที่จอดอยู่มาเป็น D แล้วลองเหยียบคันเร่งดู ก็เหยียบไม่ลงอ่ะค่ะ แข็งมาก คุณตำรวจเลยต้องเข็นให้รถขยับไปข้างหน้าให้พ้นจากตรงนั้น
ซักพักรถลากก็มาค่ะ เจ้าหน้าที่ชุดส้มก็มาช่วยลากไปลงทางด่วนท่าเรือ ต้องขอบคุณพี่เค้าจริงๆ จากจุดนั้นก็โทรเรียกรถลากมาลากไปที่ศูนย์นิสสันใกล้บ้าน เป็นประสบการณ์ที่ระทึกพอสมควรตั้งแต่ขับรถมา สิ่งที่ได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ครั้งนี้คือ...
1. รถเสียกลางทางด่วน อย่าออกมาจากรถสุ่มสี่สุ่มห้า ให้โทร. 1543 (เราถามพี่เจ้าหน้าที่ค่ะ ไม่น่าเชื่อขับรถมาหลายปี ขึ้นทางด่วนทุกวันแต่ไม่เคยรู้เบอร์ - -)
2. เบอร์ช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง มีติดไว้บ้างก็ดี เพราะอาจจำเป็นต้องใช้ได้ทุกเมื่อ ตอนแรกเราดีใจมากเพราะมีเบอร์ของ Nissan Roadside Assistance ค่ะ แต่โทรไปแล้วแอบเซ็ง เพราะดันเกิน 3 ปีมา 2 เดือน เลยมีค่าใช้จ่ายที่ 2,000 บาทสำหรับรถลาก เค้าบอกว่าถ้าไม่เกิน 3 ปีถึงจะฟรี (ในโบรชัวร์บอกฟรีไม่จำกัด แต่ไม่เห็นบอกเลยว่าต้องไม่เกิน 3 ปี ^^!)
3. รอเจ้าหน้าที่ทางด่วนมาช่วยลากก่อนค่ะ พอมาถึงแล้วให้ถามจุดที่เค้าจะลากรถเราลงไป จากนั้นค่อยโทรหาเบอร์ช่วยเหลือ เพราะต่อให้โทรไปก่อน แต่ยังไม่รู้จุดลง เค้าก็ยังส่งรถมาลากไม่ได้ค่ะ ต้องโทรไปใหม่อีกรอบอยู่ดี
4. ค่าใช้จ่ายรถลากที่จะมาลากรถเราหลังลงจากทางด่วนแล้ว ถ้าไม่แน่ใจราคาก็ลองถามเจ้าหน้าที่ทางด่วนได้นะคะ อย่างของเราพอรู้ราคา 2,000 เลยหันไปถามพี่เค้า พี่เค้าบอกแพงไป แล้วก็ให้นามบัตรที่นึงมาบอกว่าไม่น่าเกิน 1,000 นึง เลยประหยัดไปอีกหน่อยค่ะ ^^ (แต่แอบเจ็บใจนิดนึง เพราะศูนย์ที่เราเอารถไปเข้า เค้าบอกว่าทีหลังให้โทรมาเช็คที่ศูนย์ก่อน ถ้าไม่ไกลเค้าอาจจะส่งคนมาช่วยดูแลและลากมาที่ศูนย์ให้ฟรี T T)
5. อุปกรณ์ลากรถห้ามหายเลยนะคะ เก็บไว้ในรถให้ดีๆ พึ่งจะรู้เนี่ยแหละค่ะว่าถ้าไม่มีนี่ถึงกับลากไม่ได้เลยนะคะ เพราะตอนเจ้าหน้าที่ทางด่วนถามหาอุปกรณฺ์ เราตอบไปว่าไม่มีค่ะ เค้าบอกต้องมีสิ ไม่งั้นก็ลากไม่ได้ เราก็ไม่รู้จักอ่ะค่ะ เลยถามว่ามันหน้าตาเป็นไง พี่เค้าหน้ากลุ้มเลยค่ะ 555 เค้าเลยให้เราไปเปิดท้ายรถ เจอแต่รองเท้ากองเต็มท้าย พี่เค้าส่ายหัวเลยอ่ะ อิอิ แต่จริงๆ มันอยู่ตรงที่เก็บยางอะไหล่ คงมีมาตั้งแต่ซื้อรถแหละค่ะ แต่ไม่เคยคิดจะเปิดดูเลย ฝากเตือนสาวๆ ที่อาจจะไม่เคยรู้เหมือนเรานะคะ ><
ยาวมากเลย แต่หวังว่าจะเป็นประโยชน์ให้กับสาวๆ ที่ขับรถคนเดียวนะคะ เพราะบางทีเราก็อาจจะติดต่อใครไม่ได้เลย เช่นเราวันนี้ค่ะ โทรหาพ่อ หาน้องชาย ไม่มีใครรับซักคน โทรหาแม่ แต่แม่ก็ไม่รู้เรื่องพอๆ กับเราอ่ะค่ะ ^^
ปล. ตะกี้ช่างที่ศูนย์โทรมาบอกว่าต้องเปลี่ยนปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาเฉพาะอุปกรณ์อย่างเดียว 5 พันบาท ซึ่งจำเป็นต้องเปลี่ยนก่อนและเติมน้ำมันให้ 500 บาทเพื่อให้รถสตาร์ทติด แล้วถึงจะเช็คเพิ่มเติมได้อ่ะค่ะว่ามีอย่างอื่นเสียรึเปล่า แอบงงเหมือนกันเพราะ...
1. พึ่งเติมน้ำมันเต็มถังไปเมื่อเย็นวันที่ 18 ก.ค. เติมเสร็จก็เข้าบ้าน และหลังจากนั้นจนถึงวันนี้ก็ใช้รถน้อยมาก ยังไงก็ไม่มีทางน้ำมันหมดแน่ๆ แต่ช่างยืนยันว่าหมดจริงๆ และสันนิษฐานว่าลูกลอยอาจจะเสีย ทำให้เกจ์น้ำมันเสีย มีผลทำให้ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงเสีย (อันนี้ฟังจับใจความแบบงงๆ เพราะไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์เลยนะคะ)
2. ศูนย์บอกลูกลอยอายุใช้งานประมาณ 80,000 โล แต่ขับมาแค่ประมาณ 46,000 ยังไม่ถึง 50,000 โลเลยค่ะ แถมรถก็เพิ่ง 3 ปี แต่ที่ศูนย์บอกไม่อยู่ในระยะรับประกันเพราะเกิน 3 ปีแล้ว โดยครบ 3 ปีไปเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมาค่ะ กลุ้มเลย... T T
จากคุณ |
:
MaRiMeKKo
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ก.ค. 55 18:03:03
|
|
|
|