 |
1. มันเป็นความเชื่อผิด ๆ ครับ ที่สีบทอดกันมา เช่น
- รถใหม่ ต้องเหยียบเยอะ ๆ ในช่วงแรก ถ้าไม่เหยียบ มันจะเร่งไม่ขึ้น
- รถใหม่ ต้องรันอิน ห้ามใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง ห้ามใช้เบรกอย่างรุนแรง ห้ามใช้รอบสูง
- รถสมัยนี้ ไม่ต้องรันอินแล้ว
ที่ได้ยินบ่อย ๆ ก็ 3 ข้อนี้เหละครับ แต่ในความเป็นจริง ข้อ 2 ที่ผมยกตัวอย่าง ในคู่มือ ก็จะบอกไว้ตามนี้อยู่แล้ว ว่า ในช่วงแรกนั้น ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วสูง ไม่ควรออกรถกระชาก ไม่ควรใช้เบรกอย่างรุนแรง ไม่ควรใช้รอบสูงอย่างต่อเนื่อง
ส่วนเรื่องที่บอกว่า รถใหม่ไม่ต้องรันอิน เพราะรันอินมาจากโรงงานแล้ว อันนี้ ผมเองก็ยังอยากจะให้มีการรันอินอยู่นะครับ เพราะอย่างน้อย หากเราเพิ่งเริ่มต้นขับรถคันใหม่ มันก็ควรจะทำความรู้จักกับรถคันใหม่ เรียนรู้ลักษณะคันเร่ง เรียนรู้ลักษณะเบรก เรียนรู้ลักษณะการทรงตัวของรถ มันก็เหมาะสมกับการขับขี่ในช่วงแรก ที่ไม่เห็นมีความจำเป็นต้องใช้ความเร็วสูง ๆ เลย
จริงอยู่ว่า รถของเรา ไม่ใช่เราที่เป็นคนขับคนแรก อย่างรถบางรุ่นที่มีการขับไปเก็บไว้ อย่างเช่น ยี่ห้อหนึ่ง ไม่ขอเอ่ย เมื่อก่อนเห็นบ่อยมาก เขาจะขับจากแถว ๆ ปู่เจ้า ไป แบริ่ง
พูดด้วยความจริงคือ พนักงานขับกันอย่างกะ แข่งแรลลี่ ออกตัว ล้อฟรีกันอย่างสนุกสนาน ไม่รู้จะรีบไปตายกันหรือไง
พอเราไปอ่านคู่มือ บอกว่า ในช่วงแรก ห้ามใช้รอบเครื่องสูง หารู้ไม่ว่า พวกนี้ซัดกัน 5 6000 รอบมาเรียบร้อยแล้ว
2. อันนี้ จริงครับ รถใหม่ อะไรก็ยังใหม่ เครื่องยนต์ประกอบมาใหม่ การสึกหรอช่วงแรกย่อมมีสูง เอาเป็นว่า พ้นสัก 1,000 กม แรก น่าจะดีขึ้นครับ หรือ เข้าศูนย์เช็คระยะ 6 เดือน หรือ 10,000 กม อย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งมาถึงก่อน น่าจะเห็นความแตกต่างชัดเจนครับ
3. จริง ๆ รถยนต์สมัยนี้ ออกแบบมา แทบไม่ต้องดูแลอะไรเลยครับ แต่คุณต้องเข้าศูนย์ทุกระยะตามที่เขาบอกนะครับ แต่ก็ควรจะเรียนรู้เอาไว้บ้างก็ดีว่า ก้านวัดน้ำมันเครื่องอยู่ตรงไหน ก้านวัดน้ำมันเกียร์อยู่ตรงไหน น้ำมันเบรกอยู่ตรงไหน น้ำฉีดกระจกเติมตรงไหน แต่จริง ๆ ก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันครับ
จะมีก็แค่ น้ำฉีดกระจกนั่นเหละครับ ที่คุณน่าจะต้องเติมบ่อย ๆ
ข้อแนะนำคือ หมั่นดูพื้นโรงรถที่เราจอดประจำครับ ถ้ามันมี หยดของของเหลวประหลาด ๆ ที่ไม่ใช่น้ำแอร์นะครับ เช่น รอยหยดของน้ำยาหล่อเย็น รอยหยดของน้ำมันต่าง ๆ ซึ่งหากมีรอยหยดของเหล่านี้ เป็นสิ่งไม่ดีแน่ครับ
โดยปกติแล้ว หากไม่มีรอยหยดพวกนี้ ของเหลวก็ยังหมุนเวียนอยู่ในระบบครับ ไม่น่ามีปัญหาอะไรกับรถใหม่
อย่างที่ผมบอกว่า รถสมัยนี้ ออกแบบมาแทบไม่ต้องทำอะไร อย่างรถสมัย 20 ปีที่แล้ว เช้า ๆ มาก็ต้องดูน้ำหม้อน้ำ เติมน้ำหม้อน้ำ ส่วนปัจจุบัน JAZZ คณนี่ น้ำหม้อน้ำไม่ต้องยุ่งเลยครับ HONDA ให้เปลี่ยนถ่ายที่ 10 ปีหรือ 200,000 กมโน่นเหละครับ
4. น้ำยาเคลือบเงาหนัง มันก็ไว้เคลือบเงาหนังสิครับ คุณจะมาเคลือบสีรถยนต์มันคนละหน้าที่ครับ เหมือน คุณเอา ยาขัดรองเท้าไปขัดตู้เย็นอะไรแบบนี้ครับ มันใช้แทนกันไม่ได้
คุณสมบัติมันก็ต่างกันแล้ว อย่าง ยาเคลือบหนัง ก็จะออกแบบมาเพื่อปกป้องหนัง ทำให้หนังนิ่ม ไม่แตกง่าย กันความร้อน กัน UV อะไรแบบนี้ ส่วน น้ำยาเคลือบสีรถ ก็จะปกป้องผิวแล็กเกอร์ ให้มีความคงทนต่อแสงแดด หรือ มลภาวะต่าง ๆ
จริง ๆ ร้าน คาร์แคร์ปัจจุบัน มีเยอะมากครับ มันง่ายที่สุดเลยครับ ที่คุณจะเข้าคาร์แคร์ให้เขาทำดีกว่า สัก 3 เดือนครั้งก็ได้ครับ
ก็บอกเขาว่า ล้างรถ ดูดฝุ่น ลูบดินน้ำมัน เคลือบสี อะไรก็ว่าไปครับ
จริง ๆ แค่การล้างรถเนี่ย บางคนคิดว่าง่ายนะครับ ใคร ๆ ก็บอกว่า แค่ล้างรถมันจะยากตรงไหน
ถ้าบางคนที่เขาพิถีพิถันมาก ๆ แบบผมเนี่ย ขั้นตอนการล้างรถผมจะเยอะมากเลย ถ้าล้างด้วยตัวเอง
- ผมจะมีผ้าเช็ดรถ อย่างน้อย 3 สี เพราะแต่ละสี จะใช้เช็ดพื้นผิวต่างกัน ในขณะที่บางคนมีผืนเดียว
- บางคนมาถึง ฉีดน้ำบนรถให้เปียก แล้วก็เอา ฟองน้ำจุ่มแชมพูด ลูบทั้งคัน แต่ผมไม่ทำอย่างนั้น
ผมจะเอา มือปล่าว ๆ ลูบรถทั้งคันก่อน เพื่อเอาฝุ่น หินก้อนเล็ก ๆ ที่เรามองไม่เห็นลูบออกให้หมดก่อน เพราะ การใช้ฟองน้ำลูบลงไปเลยบนผิวที่เต็มไปด้วยฝุ่น หรือเม็ดทรายเล็ก ๆ มันก็ไม่ต่างอะไรกับคุณเอากระดาษทรายล้างรถครับ
การล้างรถ ก็ต้องล้างไล่จากหลังคาลงมาด้านล่าง ซึ่งผม จะใช้ผ้าคนละผืน เช็ด บริเวณซุ้มล้อ และชายล่าง เพราะ บริเวณนั้น จะยังมีส่วนของโคลนหรือเม็ดทรายติดอยู่
เชื่อมั้ยว่า ผมใช้วิธีนี้ 1 ปี รอยขนแมวรถผมมีน้อยมาก ในขณะที่บางคน 3 เดือนแรก เต็มคัน
อย่างที่บอกครับ ถ้าคุณไม่ถนัดทำเอง ให้คาร์แคร์ทำดีกว่าครับ
จากคุณ |
:
Mr.VTEC
|
เขียนเมื่อ |
:
5 ส.ค. 55 12:24:20
|
|
|
|
 |