ความคิดเห็นที่ 1 BTS ไปให้มันทั่วถึง  รถก็น่าจะน้อยลงมั่งแหละ ภาษีปีละ 50000   เดือนละ 4000 กว่าไปแล้ว ต้องมีเงินเดือนเท่าไหร่ละนั่น edit อีกที ตอนนี้รอ BTS ตรงบางแคให้เสร็จ  เวลาไปสยาม ไป  ctw สบายเลย  นั่งมันอย่างเดียว ไม่ต้องมาเบื่อรถติดสะพานสาทร แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 16:30:23 แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 16:28:25 จากคุณ : installation เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:26:15

ความคิดเห็นที่ 2 เ็ห็นควรครับ...ที่สำคัญอยากให้ภาครัฐหันมาจริงจังกับระบบขนส่งสาธารณะซักที จากคุณ : คนมีตังค์ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:28:24

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่าก็เป็นอีกความคิดที่น่าสนใจครับ แต่ต้องควบคุมจำนวนรถอย่างอื่นด้วย เช่น taxi มอเตอร์ไซต์ อื่นๆ ครับ จากคุณ : bowen เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:28:44

ความคิดเห็นที่ 4 Public transport ดีๆ ทุกคนอยากได้ครับ ตรงนี้ใครๆ ก็รู้ แต่การควบคุมปริมาณรถ ก็ต้องทำควบคู่กัน!!! ดูอย่าง ต่างประเทศ ที่พื้นที่เมืองหลวงจำกัด ไม่ว่าขนส่งสาธารณะ จะดีแค่ไหน การควบคุมปริมาณรถยนต์ ก็ยังต้องมีอยู่ดี จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:33:08

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเอาแบบนี้ แสดงว่า คนจน ไม่มีสิทธิ์ขับรถสิครับ ทางแก้ ผมว่า ควรกระจาย ตัวเมืองดีกว่า บอกตรงๆผมก็ไม่ได้อยากอยู่กรุงเทพนักหรอกครับ สงสารรถ ที่จอดก็ลำบาก โอกาสโดนเฉี่ยวชนก็เยอะ ที่จอดในร่มก็ไม่ค่อยมี จากคุณ : via Android เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:36:06

ความคิดเห็นที่ 6 ขนส่งมวลชน มันยังไม่ได้เรื่องอะดิครับ แต่ผมเคยคิดนะ ไอรถคันแรกอะ มันน่าจะเป็นรถคันที่สองมากกว่า คนที่ใช้รถนานกว่า 15 ปี เจ้าของเดิมมาตลอด ต้องการเปลี่ยนรถ ให้นำคันเก่ามาแลกซื้อคันใหม่ได้ กฎก็คล้ายคล้ายรถคันแรกแหละ น่าจะดีกว่า รถเก่ากินน้ำมัน แถมปล่อยมลพิษมากอีก จำกัด Taxi ด้วยก็ดีนะครับ [แก้ไข] ผมกดไม่เห็นด้วยนะ แก้ไขเมื่อ 24 ส.ค. 55 16:55:28 จากคุณ : MonoEye เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:44:07

ความคิดเห็นที่ 7 ประเทศไทยสนับสนุนการลงทุนด้านการประกอบรถยนต์ ไม่มีทางที่จะมาจำกัดการใช้รถหรอกครับ อีกอย่างถ้าใช้รถน้อยลงน้ำมันก็ขายไม่ได้ คงไม่มีบริษัทรถยนต์และบริษัทน้ำมันสนุบสนุนนโยบายจำกัดรถยนต์หรอกครับ จากคุณ : denkmit เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:46:20

ความคิดเห็นที่ 8 คิดว่าอยากขับรถเข้าเมืองมากหนักหรอ ถ้ามีทางเลือกที่ดีกว่านี้ ก็ว่ามาสิ ถ้าขนส่งสารธารณะ มันเข้าถึง คนเขาก็มีทางเลือกมากขึ้น นี่อะไร รถเมล์ รถตู้ เรือ กว่าจะถึงบ้าน กว่าจะออกจากบ้าน ต้องใช้เวลาเดินทางกี่ชั่วโมง ผมแนะนำ ไม่อยากรถติดตอนเช้า ออกเช้า ๆ ถ้าออกเช้าไม่ได้ ขึ้นทางด่วน ช่วยได้เยอะ ผมใช้ทางด่วนทุกวัน ติดแค่ตอนจ่ายตัง ไม่อยากรถติดตอนเย็น ออกดึกหน่อย ทางด่วนบางช่วยได้พอสมควร จากคุณ : RadXlll เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:49:30

ความคิดเห็นที่ 9 #7 ประเทศ ที่ขายรถยนต์ เบอร์ 1 ของโลก  เขายังดูแลปัญหาในประเทศ เขาได้เลยครับ สนับสนุน ธุรกิจด้านรถยนต์ กับ ปัญหา รถติด ใน  กทม มันคนละเรื่องกันครับ จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:57:40

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้ามองเฉพาะใน กทม. ต้นเหตุของปัญหาการจราจรติดขัดมีมากเกินไปครับจะมาโทษเฉพาะปริมาณรถอย่างเดียวคงไม่ได้ เรียกได้ว่าเกือบทุกคนที่ต้องสัญจรไม่ว่าจะเดินเท้า หรือใช้รถก็สร้างปัญหาการจราจรกันทั้งนั้น เริ่มจากคนเดิน นี่ใกล้ตัวเลย การเดินริมถนนเพราะทางเท้ามีแต่ของมาขาย ก็ทำให้เสียช่องการจราจรแล้ว ไหนจะนิสัยการข้ามถนนที่คิดอยากจะเดินตัดหน้ารถตอนไหนก็ได้ โดยเฉพาะในซอยทั้งหลายทุกคนอยากข้ามตรงไหนที่สะดวกตัวเองก็เดินไปหมด รู้หรือเปล่าว่ามันเป็นเหตุให้รถต้องชะลอหรือหยุดเป็นระยะ ส่งผลระยะยาวนะครับ ขายของริมทาง  วินมอเตอร์ไซค์ เบียดบังทางเดิน บางทีก็ตั้งของริมถนนเลย ไหนจะพวกจอดรถซื้อของ หรือจอดเปิดท้ายขายของกันอีก สังเกตุเลยผ่านตลาดตอนเช้ารถจะเคลื่อนสลับหยุดนิ่ง พอเลยไปก็โล่งหน่อย แท็กซี่ สามล้อ อันนี้ก็สร้างปัญหาทั้งผู้โดยสารและคนขับ อยากเรียกอยากจอดตรงไหนตามสบายไม่ได้มองกันเลยว่าทำให้การจราจรสะดุดแค่ไหน รถเมล์ สองแถว รถตู้ จอดแช่รอผู้โดยสาร บางทีก็รับส่งคนนอกป้าย รถที่ตามมาก็ต้องหยุดให้คนเดินลงขึ้น กันอีก รถส่วนตัว อันนี้ตัวหลักเลย สร้างปัญหาได้ทุกอย่าง รวมถึงการขับขี่อย่างไร้วินัยที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน เห็นชัดเลยนะครับว่าทุกคนมีส่วนทำให้การจราจรมันติดขัดเริ่มจากเรื่องเล็ก ๆ แล้วก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ จากคุณ : อิติคุง เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 16:58:30

ความคิดเห็นที่ 11 ออกกฏใช้รถวันคู่-วันคี่ ตามเลขคู่-คี่ของทะเบียนครับ ลดจำนวนรถยนต์บนถนนได้ 50% และตรวจจับง่ายมากครับ แค่มองเลขคู่-คี่ เก็บภาษีค่าการปล่อยไอเสียครับ กำหนด Range ของภาษีการปล่อยไอเสีย ตามมาตรฐานโลก ช่วยลดจำนวนรถเก่าได้ จากการเก็บภาษีปล่อยไอเสียเกินได้ กำหนดผู้ขับขี่รถยนต์ต้องอบรมการขับขี่รถยนต์ที่กรมการขนส่ง เพื่อเก็บชั่วโมงขับขี่ตามอายุการใช้งาน เช่น ใบขับขี่อายุ 1 ปี ต้องอบรม อย่างน้อย 24 ชม. อายุใบขับขี่ 2 ปี อบรม 18 ชม. เป็นต้น ถึงจะสามารถใช้รถยนต์เพื่อการขับขี่บนทองถนนได้ (และเสริมสร้างมารยาทการขับขี่ที่ดีบนถนน) จากคุณ : ใต้ร่มเงาขาว-กรมท่า เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 17:01:47

ความคิดเห็นที่ 12 # 11 เป็นอีกแนวความคิดที่ดีครับ แต่คงมีพวก สลับป้ายทะเบียน หรือ ป้ายปลอม กันให้วุ่นครับงานนนี้ หรือ พวกก็ออกรถ มา 2 คัน  ขับสลับกัน อยู่ดี จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 17:08:13

ความคิดเห็นที่ 13 ความคิดเห็นที่ 11 ออกกฏใช้รถวันคู่-วันคี่ ตามเลขคู่-คี่ของทะเบียนครับ ลดจำนวนรถยนต์บนถนนได้ 50% และตรวจจับง่ายมากครับ แค่มองเลขคู่-คี่ ***รถจะมากขึ้นอีกเพราะคนจะซื้อรถมากกว่า1คันครับ*** เก็บภาษีค่าการปล่อยไอเสียครับ กำหนด Range ของภาษีการปล่อยไอเสีย ตามมาตรฐานโลก ช่วยลดจำนวนรถเก่าได้ จากการเก็บภาษีปล่อยไอเสียเกินได้ ***รถเท่าเดิมเพราะคนจะขายรถเก่าซื้อรถใหม่ครับ**** กำหนดผู้ขับขี่รถยนต์ต้องอบรมการขับขี่รถยนต์ที่กรมการขนส่ง เพื่อเก็บชั่วโมงขับขี่ตามอายุการใช้งาน เช่น ใบขับขี่อายุ 1 ปี ต้องอบรม อย่างน้อย 24 ชม. อายุใบขับขี่ 2 ปี อบรม 18 ชม. เป็นต้น ถึงจะสามารถใช้รถยนต์เพื่อการขับขี่บนทองถนนได้ (และเสริมสร้างมารยาทการขับขี่ที่ดีบนถนน) ***ทุกวันนี้ก็อบรมครับ*** แค่เดานะครับว่ามันจะเป็นแบบนี้ จากคุณ : ใต้ร่มเงาขาว-กรมท่า เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 17:01:47 จากคุณ : t (chat725) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 17:11:55

ความคิดเห็นที่ 14 วันนี้วันที่ 31 อีกวันวันที่ 1 คนทะเบียน 4072 ก็ซวยสิครับ ใช้รถไม่ได้ตั้งสองวัน จากคุณ : shikima เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 17:26:25

ความคิดเห็นที่ 15 ขอให้มีผู้นำประเทศที่อ่านชื่อเดือนใด้ถูกทั้งสิบสองเดือนก่อนดีมั้ย จากคุณ : Grasshopper เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 17:36:22

ความคิดเห็นที่ 16 เราต้องช่วยกันครับ เริ่มที่ตัวเราก่อน ประเดิมที่ จขกท เลยคนแรก โดยการขายรถทั้งหมด ทิ้งแล้ว นั่งรถ เมย์เอาครับ ช่วยๆ กัน เดี๋ยวรถบนถนน ก็ว่างเองแหละ จากคุณ : noname เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 17:46:08 A:210.213.58.64 X: TicketID:111907

ความคิดเห็นที่ 17 ผมว่าควบคุมปริมาณคนดีกว่าครับ ทำได้มั๊ยล่ะ มันมาคู่กัน ในเมื่อคนมันเยอะขึ้นรถมันจะน้อนลงได้ยังไง แล้วการกีดกันด้วยเงินก็เป็นอะไรที่ ทุเรศ ที่สุดเท่าที่จะคิดได้แล้วเพราะไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นการแบ่งแยกวรรณะชัดๆ ถ้าหาทางควบคุมโดยที่พนักงานอ๊อฟฟิสจะต้องมารถสาธารณะก็ต้องทำให้ระดับผู้บริหารต้องมาทางสาธารณะเหมือนกัน ทำได้มั๊ยล่ะ ทางที่ดีที่สุดหาทางควบคุมปริมาณคนใน กทม ซะถ้าทำไม่ได้อย่าไปพยายามควบคุมรถเลย มันเป็นธรรมชาติของมัน ง่ายๆก็ กระจายเมืองซะ อย่าให้มากระจุกที่ กทม. จากคุณ : ไม่ใช่อินเดีย เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 18:01:04 A:110.164.127.190 X: TicketID:309862

ความคิดเห็นที่ 18 บอกให้ลองเสนอหาวิธี  ..... พอเสนอวิธีที่ เขาทำกันทั่วโลก ก็บอกว่า แบ่งชนชั้นบ้างละ เอาเปรียบบ้างละ เครรพ ประชาธิปไตย ครับในเมื่อ คนส่วนมากบอกว่า ไม่เหมาะสม ก็ปล่อยให่มันเน่าต่อไป ฮ่าๆๆๆ #16 เลิกประชด แล้วรู้จักโต ได้แล้วครับ ผมไม่ได้บอกให้ไม่ขับครับ  บอกให้จำกัดจำนวนรถครับ จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 18:31:20

ความคิดเห็นที่ 19 เอาแค่นี้ก่อนครับ รับรองรถจะติดน้อยลงเยอะ 1. ห้ามรถบรรทุกตั้งแจ่ 10 ล้อขึ้นไป เข้าเขต กทม. ตลอดเวลา 2. จัดการมาเฟียวินรถตู้ รถกะป๊อ รถสองแถว ที่ชอบจอดกีดขวางการจราจรให้หมด 3. นอกจากข้อ 2 แล้ว พวกรถรับจ้าง ทั้งtaxi และสามล้อ ต้องห้ามจอดเรี่ยราด จากคุณ : Bug Gerd เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 18:34:04

ความคิดเห็นที่ 20 คิดไปก็เท่านั้น ในเมื่อสำนึกส่วนรวมของคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่เกิด ท่องแต่ประชาธิปไตยๆ แต่ไม่คิดอะไรให้เป็นประโยชน์ พอจะทำอะไรที่กระทบตัวเองเข้าบ้าง ก็ว่าไม่ประชาธิปไตย โลกในอุดมคติที่ทุกคนเท่าเทียมจริงๆ ไม่มีรวย ไม่มีจน มันไม่มี เพราะมันยังมีคำว่าฉลาด-โง่ , ขยัน-ขี้เกียจ จากคุณ : iNFeRNaL เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 18:38:18

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเห็นด้วยกับการจำกัดรถโดยที่จอดรถเพราะว่าไม่ว่าจะเป็นบ้ายเดี๋ยวทาวเฮาส์ตึกแถวคนที่มีก็มีมากว่าหนึ่งคนที่ไม่ก็โดนเบียดปิดทางเข้าออก และควรใช้คู่กับภาษีไอเสีย จากคุณ : chulanop_m เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 18:46:35

ความคิดเห็นที่ 22 สำหรับผม เป็นความคิดที่แย่ๆ ครับ จะไปจำกัดมันทำไม ? ทำแบบนี้ จะง่ายกว่า ... เลิกทำอะไรที่เป็นการพัฒนาทั้งหมดที่กรุงเทพ ซ่อมตาม สภาพเท่านั้น ที่เหลือ งบเดิมนั่นแหละ เอาไปพัฒนาต่าง จังหวัด เดี๋ยวคนก็ย้ายไปเอง ไม่ต้องทำอะไรรุนแรงด้วย ซ้ำไป จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 18:51:16

ความคิดเห็นที่ 23 #17 "ผมว่าควบคุมปริมาณคนดีกว่าครับ ทำได้มั๊ยล่ะ มันมาคู่กัน ในเมื่อคนมันเยอะขึ้นรถมันจะน้อนลงได้ยังไง " กรุงโซล ฮ่องกง โตเกียว  ประชากรเขา  หนาแน่นกว่าเราอีกครับ...แต่เค้ารู้จักควบคุมปริมาณรถไงครับ  การมีรถคือภาระ ไม่ใช่ทุกคนจะมีได้ ประเด็น "การกีดกันด้วยเงิน"  ไม่มีใครเขาคิดแบบนั้นหรอก...  แต่ในในโลกแห่งความจริงมันก็เป็นแบบนี้ ทั่วโลก สมมุติคุณหิวเข้า แล้วคุณไม่มีตังซื้อ  ใครเขาจะให้คุณกิน?? แบบนี้เรียกกีดกันด้วยเงินมั้ย? วันนี้อยากนอนโรงแรม 6 ดาว คืนละ 2 หมื่น แต่พอดีมีตัง แค่ 800 เลยหมดสิทธิ์ แบบนี้เรียกกีดกันด้วยเงินมั้ย? เอาง่ายๆเลย ถ้า พ่อแม่ คุณ ไม่มีเงิน เขาคงมองว่าคุณเกิดแล้วมาเป็นภาระสังคม   คุณคงไม่ได้เกิดมานั่งเล่น Pantip แบบตอนนี้หรอก !!!! แบบนี้เรียกกีดกันด้วยเงินมั้ย??? *ผมไม่ได้รวย แต่เข้าใจ และเคารพ แนวทางร่วมในการแก้ปัญหาร่วมกัน ไม่ใช่พอเจออะไรที่กระทบตัวเอง แล้วหันหน้าหนีอย่างเดียว จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 18:53:26

ความคิดเห็นที่ 24 ถ้า Taxi จะลดลงซักครึ่งนึง (โดยเฉพาะพวกที่ชอบปฏิเสธ ผดส) ถนนน่าจะโล่งกว่านี้เยอะ   จากคุณ : FriDay Nice เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 19:11:15

ความคิดเห็นที่ 25 จับปรับ taxi รถเม รับผู้โดยสารนอกจุดจอด อย่างเคร่งครัด  ปรับผู้โดยสารด้วยถ้ามันโง่ไปเรียกรถบนถนน ทําให้รถชลอตัว ฮ่องกง สิงกโป ทําได้หน้าห้างรถไม่ติด(เท่าไหร่) ติดกล้องทุกแยก ใครทําผิด ใบสั่งส่งตรงถืงบ้าน ไม่ต้องให้พีรวดตั้งด่าน(ต้นเหตุให้รถติด) และสุดท้ายจะซื้อหมูปิ้งก็ควร หาทีจอดแล้วเดินลงมาซื้อ ไม่ใช้จอดแมร่งซ้อนคัน ขวางถนน แล้วเรียกคนขายมาทีรถ จากคุณ : gowest เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 20:06:17

ความคิดเห็นที่ 26 จำกัด ก็จับฉลากสิครับ / จะไปปิดกั้นคนที่พอมีเงินแล้วซื้อรถไม่ได้ได้ไง ผิด รธน นะ จากคุณ : แมวรักแมว เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 20:25:01

ความคิดเห็นที่ 27 ควบคุมปริมาณ....แต่ส่งเสริมให้ซื้อด้วยการคืนภาษี.....??? จากคุณ : ฟัก อยู่แม้น เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 20:27:11 A:1.0.156.39 X: TicketID:149505

ความคิดเห็นที่ 28 โครตจะตลกเลยเอาส่วนไหนคิดหรือครับ ข้อ2-3นะ จขกท. 2. ขึ้นภาษีป้ายทะเบียน รถยนต์ เริ่มต้น ปีละ 5 หมื่นบาท 3. กำจัดรถเก่า อายุเกิน 10 ปี ห้ามวิ่งใน กทม 2ความคิดนี้คือความคิดที่โครตจะสิ้นคิดเลย เปลี่ยนเป็นครอบครัวนึงออกรถได้แค่1คันพอแบบนี้ดีกว่าไหมจะมีทำไมรถหลายๆคัน แบบนี้ซิถึงจะไม่กีดกันเพราะทุกครอบครัวสามารถมีรถได้แต่แค่ครอบครัวละคันเท่านั้น ไอ2ความคิดบนนี้ถ้าคนมีเงินไม่เยอะก็อย่าได้คิดฝันจะได้มีรถเลย 10ปีเปลี่ยนคันใหม่ บางครัวครัวมันทำแบบนั้นได้ที่ไหนในสังคมไทยนะ ให้ระบบขนส่งมันครอบคลุมทั่ว กทม.เหมือนสิงค์โปรนะรับรองถนนจะโล่งขึ้นเยอะ อย่างน้อยก็ผมคนนึงละที่จะไม่ใช้รถทุกวันแน่ๆ จากคุณ : yaฮู้ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 21:10:19 A:58.11.43.251 X: TicketID:198493

ความคิดเห็นที่ 29 ที่ทำงานยังกระจุกตัวอยู่ในเมือง คนทำงานจะอยู่ไหน ก็ต้องไปทำงานในเมือง ทุกเช้า ทุกคนต่างมุ่งหน้าเข้าเมือง ถ้าให้บริษัทย้ายที่ทำงาน ไม่มีบริษัทไหนอยากย้ายหรอกค่ะ เป็นเรื่องที่คิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะลงเอยแบบไหนดี จากคุณ : yim_peemy (yim_peemy) เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 21:24:19

ความคิดเห็นที่ 30 ขนาดผมอยู่เชียงใหม่ยังอยากให้มีขนส่งคมนาคมดีๆ เลยครับ อย่างรถไฟ รถราง รอบเมืองก็ได้ เพราะถ้ามีผมจะเอารถเก็บไว้บ้านเลย ละจะโดยสายระบบนี้ จากคุณ : silverstein เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 21:29:30

ความคิดเห็นที่ 31 #26 เป็นแนวความคิดที่ดีครับ จับสลาก แปลกใหม่ ดีครับไม่หมือนใครในโลก #28 ตลกยังไม่มิทราบครับ ที่ญี่ปุ่น และ หลายๆ ประเทศ ภาษีและค่าใช้จ่ายประจำปีสำหรับรถยนต์ สูงมากๆ ครับ โดยเฉพาะรถ เก่า  ยิ่ง เก่า ภาษี ยิ่งแพง  ไม่ได้คิดเองครับ   แต่แนวความคิดที่ว่า จำกัด ครอบครัวละคันก็น่าสนใจครับ จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 21:34:54

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าตั้งด่านเก็บแบบด่านทางด่วนก็ได้ครับ เห็นที่เจริญแล้วเขาทำกัน เช่นเขตไหนติดมากๆ ก็ทำด่านเก็บเงินซะ ใครจะผ่านต้องจ่าย ออไม่เป็นการแบ่งชนชั้นหรอก เพราะพวกรวยๆมันจ่ายมากๆเดี๋ยวก็จน ขอบคุณ จขกท. จากคุณ : ชาวหลังสวน เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 22:01:01

ความคิดเห็นที่ 33 เจ้าของกระทู้ เลิกขับก่อนคนแรกเลยครับ จากคุณ : จิงๆนะ เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 22:26:34 A:115.67.65.26 X: TicketID:372428

ความคิดเห็นที่ 34 ย้อนไปดูประวัติศาสตร์ของประเทศที่อ้างอิงก่อนดีไหม ว่า ระหว่างการพัฒนาระบบขนส่งมวลชน กับการจำกัดปริมาณรถยนต์ส่วนบุคคล อะไรเกิดก่อนกัน ถ้าทุกที่แห่งในเมืองเศรษฐกิจ สามารถเข้าถึงได้ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ที่ไม่ใช่แบบ BTS ยามเย็น ...ที่คนตัวใหญ่เบียดได้แรงกว่าเท่านั้นที่เข้าไปในตัวรถได้ ไม่ใช่รถเมล์ที่รอเป็นชั่วโมงกว่าจะมาแบบแน่นถึงประตู ..รถตู้อนุสาวรีย์ชัยไปสารพัดแห่งที่ต่อคิวยาวตลอดแนวฟุตบาธ ทบไปมาได้ 2 แถว และต่อให้ฝนตหนักก็ต้องยืนต่อไปถ้าอยากกลับบ้าน ถามว่าคนปกติทั่วไปใครจะอยากขับรถ มีรถให้เป็นภาระ??? และในทางกลับกัน ประเทศที่มีระบบขนส่งสาธารณะดีๆ แล้ว แถมยังมีด่านตั้งเก็บเงินค่าเข้าเขตเมือง เพื่อจำกัดปริมาณรถ อาทิ สิงคโปร์   ... ถามว่าช่วงเวลาเร่งด่วนรถติด? ก็ติดอยู่ดี ไม่ใช่ไม่ติด เพราะมันก็มีคนรวยที่.. ตรูมีปัญญาจ่ายมีอะไรหรือเปล่า หรือ... ก็มันจำเป็นต้องใช้รถนี่หว่า? จะให้ทำไง ฉะนั้นสิ่งที่ต้องเร่งทำคือการสร้างระบบขนส่งมวลชนที่ดี ส่วนสิ่งที่ต้องเร่งทำควบคู่กันไป... ไม่ใช่การออกมาตรการควบคุมรถ แต่คือการสร้างจิตสำนึกให้คนคิดถึงส่วนรวม สิ่งแวดล้อม ฯลฯ และลงมือปฏิบัติอย่างจริงจัง ย้ำ! ทำจริงจัง ไม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรกับพวกทำตัว "รักโลก" รณรงค์ลดโลกร้อน ที่ยังนอนห้องแอร์ ไม่เคยแยกขยะ ไม่เคยหยุดคิดก่อนจะใช้สรรพสิ่ง ที่สำคัญคือ "ตูดยังติดเบาะรถ" แม้จะไปซื้อของแค่ปากซอย เพียงเพราะมันร้อน เดินแล้วเหงื่อออกเหม็น สำหรับสิ่งที่อยากได้ตอนนี้ นอกจากระบบขนส่งมวลชน คือ ...เลนรถจักรยาน .... ที่ต้องทำอย่างจริงจัง และทำได้ง่ายแต่ไม่เคยทำได้ เพราะเรายินดีที่จะปั่นจักรยานไปทำงานไปกลับ 50 กิโล ดีกว่าจะต้องใช้เวลารอรถเมล์เป็นชั่วโมง แถมใช้เวลาเดินทางกว่า 5 ชั่วโมงต่อวันกับระยะทางแค่นี้ ไม่รวมค่ารถเมล์+รถตู้หลายต่อรวมเกือบ 200 บาท ซึ่งเชื่อว่าคนในห้องรัชดาหลายคนอาจจะไม่เคยสัมผัสประสบการณ์นี้ หรือไม่ก็... ลืมมันไปแล้ว ว่ารสชาติชีวิตแบบนี้เป็นยังไง จากคุณ : เสียงลมหนาว เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 22:36:08

ความคิดเห็นที่ 35 ที่จริงอยากถ้าจะแก้ มันต้องโละกม.เก่า โละจนท.เก่า โละนิสัยแบบเก่าๆให้หมดเลยค่ะ เคยแอบคิดว่าถ้าประเทศเราโดนปกครองแบบระบอบคอมมิวนิสต์(ที่ผู้นำทำเผื่อพัฒนาประเทศจริงๆจังๆ และมีเหตุผล)สัก 20 ปีน่าจะดีนะ เพราะทุกวันนี้รู้สึกว่าคนสอบตกเรื่องมารยาทในที่สาธารณะแล้วก็ทำอะไรตามใจตัวเองกันมากๆ ทีนี้มันก็สืบทอดกันมาประหนึ่งเป็นทายาทอสูรรุ่นต่อรุ่น ไม่ต้องอะไรมาก เราไปดูหนังเจอคนพาลูกเล็กๆมาด้วยบ่อยมาก แล้วก็คุมลูกตัวเองไม่อยู่ พอเสียงดังก็ยังไม่พาออกไป ลูกซนก็ไม่ห้ามไม่ปราม ถึงเวลายืนเคารพพระบรมฉายาลักษณ์ก็บอกลูกไม่ต้องยืนก็ได้ นี่แค่ยกตัวอย่างนะคะ ยังไม่รวมนิสัยเรื่องอื่นๆ ก็ถ้าปลูกฝังกันมาแบบนี้ โตขึ้นจะทำไงอ่ะคะ??? จากคุณ : -0- เขียนเมื่อ : 24 ส.ค. 55 22:46:24 A:180.180.103.214 X: TicketID:172388

ความคิดเห็นที่ 36 #34 ครับ ผมเพียงแค่เสนอ ว่าปัญหาจราจรติดขัด ตอนนี้มันแย่ลงทุกวัน ควรแก่เวลาแล้วหรือไม่ ที่เราทุกคนควรจะยอมรับและ ช่วยกันแก้ไข การสร้างจิตสำนึก  นั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่ เมื่อไรละครับ 10ปี 20ปี ...50ปี ??? เรื่อง ขนส่งมวลชน ดีๆ อันนี้ใครๆ ก็เห็นตรงกันครับ ทุกคนรู้ว่ามัน สำคัญที่สุด แต่ก็อย่างที่บอกละครับ อีก 20 ปี เป็นอย่างต่ำ ปัญหามันเกิดตอนนี้ เวลานี้.... ก็ต้องแก้ตอนนี้ มัวแต่ปฎิเสธแนวทางแก้ไข ที่เป็นรูปธรรม อ้างโน้น อ้างนี้... โน้นก็ไม่ดี นี่ก็ไม่ได้ สรุป ว่า ก็ไม่ต้องแก้ครับ ปล่อยให้มันเน่าต่่อไป เดือนร้อนร่วมกัน ฮ่าๆ ไปละ จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 00:02:20

ความคิดเห็นที่ 37 อันดับแรก ควบคุมปริมาณ Taxi ให้เห็นเป็นตัวอย่างก่อนสิ มีเยอะแยะ เปิดไฟว่างแต่ไม่รับผู้โดยสาร จากคุณ : Can you MMS? เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 00:07:56

ความคิดเห็นที่ 38 ไม่้ต้อง วันคู่ วันคี่หรอกครับ ง่าย ๆ เลย แบบสีลมเมื่อก่อน ขับคนเดียว ห้ามเข้าถนนเส้นนั้น ผมใช้เส้นสาทรทุกเช้า  เห็นที่เยอะที่สุดก็พวกขับรถมาคนเดียว พวกรถสาธารณะ อย่างรถเมล์ รถแท็กซี่น้อยกว่า ครึ่งต่อครึ่ง จากคุณ : Bugtoi เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 00:13:39

ความคิดเห็นที่ 39 ขอให้ท่านผู้นำคนสวย รู้ข่าวสารบ้านเมืองก่อนนักข่าวดีกว่ามั่ง และเลิกตีมึนไปด้วยประโยคคลาสสิค "ยังไม่ได้รับรายงาน" T_T........เอาอยู่อีกตามเลย จากคุณ : NumFai เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 00:20:25

ความคิดเห็นที่ 40 ผมมีรถในครอบครอง 4 คันครับ แต่ใช้ทีละคัน เพราะไม่สามารถขับพร้อมกันเกิน 1 คันได้ ต้องเข้มงวดกับคนขับครับ คนขับน้อย รถในท้องถนนก็น้อยตามไปด้วย ต่อให้มีรถจดทะเบียนหลายล้านคัน แต่ควบคุมปริมาณคนขับได้ รถในท้องถนนก็ไม่มาก ประเทศไทยสอบใบขับขี่ได้ง่ายเกินไปครับ จากคุณ : Henry (henry96) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 00:25:07

ความคิดเห็นที่ 41 ผมไม่คิดเลยว่า วิธี"บังคับ"จำนวนรถยนต์ จะช่วยแก้ปัญหารถติดได้เลยสักนิดเดียว บ้านผมมีรถ 3 คัน ทะเบียน กทม หมด มีที่จอดพร้อม ไม่ขวางใคร ถามหน่อยว่า จขกท คิดว่า ผมสามารถแยกร่างเหมือนเจ้านารุโตะ มาขับรถคนละคันบนท้องถนนได้มั้ยล่ะ ???? ต้นเหตุของรถติดโดยหลักแล้ว จริงๆ มันนิดเดียวเอง คือ "คนไม่เคารพกฎจราจร" สิ่งที่ผมเห็น คือ ไฟเหลืองกรุเหยียบคันเร่ง ย้อนศร ปาด เบียด แทรกคอสะพาน สัญญาณไฟเลี้ยวไม่ใช้ ภาพแบบนี้เจอได้ทุกวัน โดยเฉพาะ รถโดยสารมารยาททราบทุกชนิด ส่วนวิธีแก้ไข ผมว่าวิธีทำไม่ยาก แต่ยากที่จะให้ทำทุกคน คือ "เคารพกฎจราจร" แค่นี้เอง แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 55 01:09:42 จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 00:58:36

ความคิดเห็นที่ 42 จขกท #34 เขาเสนอวิธีแก้ปัญหา แต่คุณกลับไปพูดประชดเขา โดยเฉพาะใจความนี้ "สรุป ว่า ก็ไม่ต้องแก้ครับ ปล่อยให้มันเน่าต่่อไป เดือนร้อนร่วมกัน ฮ่าๆ ไปละ " ดูเหมือน คุณไม่เข้าใจ ใจความที่ #34 สื่อนะ มันเข้าใจง่ายมากเลยนะ แก้ปัญหาระยะสั้น - เพิ่มเลนสำหรับรถจักรยาน แก้ปัญหาระยะยาว - พัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้มีมาตรฐาน เท่าที่อ่าน ความคิด จขกท ดูเหมือนจะชอบประชด คนที่ไม่เห็นด้วยนะครับ ทั้งๆที่ไปว่าคนอื่น (#18) ว่าประชดเหมือนกัน รู้ตัวรึเปล่า เปิดใจฟังคนอื่นบ้างเหอะ อย่าให้โลกหมุนรอบตัวเองครับ จากคุณ : ชายหลอน เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 01:07:57

ความคิดเห็นที่ 43 วันก่อนไปแถว CTW รถติดน่ากลัวมาก ถ้าไม่จำเป็นต้องทำธุระไม่เข้ามาเด็ดขาด.... จากคุณ : นายHUT เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 01:13:24

ความคิดเห็นที่ 44 #42 ครับ  ผมเข้าใจ 34 ครับ แต่ตรงนั้น มันไม่ใช่ ทางออกสำหรับวันนี้ วินาทีนี้ ปัจจุบัน ครับ "คนไม่เคารพกฎจราจร" อันนี้ก็อย่างที่บอกไงครับผมเห็นด้วย  การสร้างจิตสำนึก  นั้นเป็นสิ่งที่ดีครับ แต่มันเป็นทางแก้แบบ นามธรรม  ทำยังไงละครับ ใช้เวลาเท่าไรละครับ ..ให้คนเคารพกฎจราจร เมื่อไรละครับ อีก 50 ปี รุ่นลูก รุ่นหลาน ...หรอครับ เหมือนกับ "รักโลก" รณรงค์ลดโลกร้อน เห็น  รณรงค์ กันมาเป็น ทศวรรษ แล้วครับ ... แล้วปัจจุบันเป็นยังไง ถามตัวคุณเองก่อน เถอะครับ ว่า ไปห้าง หิ้วถุงผ้าไปเองรึเปล่า ไม่เอาถุงพลาสติกจากห้าง!!! เพิ่มเลนสำหรับรถจักรยาน อันนี้ผมเห็นด้วยครับ..... แต่ผมมั่นใจว่ามันไม่ใช่ทางแก้ครับ มองโลกแห่งความเป็นจริงนะครับ คนปั่น จักรยานไปทำงาน  มันจะมีซักกี่คนครับ??? ตอบแบบ แมนๆ ไม่เข้าข้างตัวเองนะครับ 0.1% ถึงรึเปล่า?? ครับ  บ้านไกล แดดร้อน เหม็นควัน ฝนตก เหนื่อย  เหงื่อออก เหม็นควัน  แก่ปั่นไม่ไหว แต่งหล่อ ปั่นไม่ได้ ส่วน ญ ไม่ต้องพูดถึง แทบจะไม่มีเลย..... ส่วน พัฒนาระบบขนส่งมวลชนให้มีมาตรฐาน ผมเห็นด้วยครับ ผมบอกตั้งแต่ ตั้งกระทู้แล้ว อย่างที่บอกไงครับ อีก 20 ปีอย่างน้อย มันเป็นเรื่องของอนาคต * ไม่ได้ประชดครับ แต่หลังจากที่ได้ฟังความเห็นหลายๆคนในนี้ ผมหมดหวังครับ กับการแก้ปัญหานี้ตลอดกาล............. จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 01:34:52

ความคิดเห็นที่ 45 น่าจะทำต้องนานแล้ว อย่าอ้างว่าการขนส่งไปไม่ทั่วถึงหรือจะให้รถเมล์ไปรับถึงหน้าบ้านเลย จากคุณ : MeanZa เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 06:15:07

ความคิดเห็นที่ 46 พวกค่าใช้จ่าย ป้ายทะเบียน หรืออะไรก็ตามที่เป็นการเสียตังค์ ผมอยากให้คิดเปอร์เซนของรายรับครับ จากคุณ : ขันทีหัวขาว เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 08:07:25

ความคิดเห็นที่ 47 หลังจากที่ทำงาน กทม มา4ปี ขับรถไปทำงาน 15 กิโล ใช้เวลาแค่ 2 ชม.เอง ตอนนี้ย้ายออกไปทำงานต่างจังหวัด ขับรถ 20 กว่าโล ใช้เวลาไม่ถึง 20 นาที สบายใจ อิอิ จากคุณ : จ้าวแห่งการซุ่มยิง เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 09:39:08

ความคิดเห็นที่ 48 ต้องควบคุมอัตราการเกิด เก็บภาษีทะเบียนเพิ่ม ทุกประเภท เอาเงินตรงนั้นไปพัฒนาขนส่งสาธารณะ ยิ่งอายุรถมาก ยิ่งเสียแพง http://www.nationejobs.com/content/career/catrend/template.php?conno=883เริ่มต้นปีละ 6,000 สำหรับรถต่ำกว่า 1500 cc แล้วก็เพิ่มเป็นขั้นบันไดทีละสเต็ป เช่น 1800 cc เริ่มต้นจ่ายภาษี ปีละ 8,000 3 ปีแรก เรตคงที่ ปีที่ 4-5 เพิ่มขึ้นปีละ 10% ปีที่ 6-7 เพิ่มปีละ 20% ปีที่ 7 เป็นต้นไป เพิ่มขึ้นปีละ  25% หมายเหตุ เพิ่มจากปีที่แล้วนะ ไม่ใช่เพิ่มจากปีแรก ดังนั้น รถอายุ 10 ปีจ่ายภาษีปีละเท่าไหร่ลองคิดดู คนก็จะโละทิ้งเพราะไม่คุ้มค่าภาษี ค่าบำรุง นอกจากใจรัก ไปออกคันใหม่แทน คันเก่าทิ้ง แต่ทุกวันนี้มันไม่ใช่ ออกคันใหม่ ส่วนคันเก่าคนอื่นเอาไปใช้ต่ออีก ภาษีก็ถูกลงๆ กลายเป็นคันใหม่ออกมา แต่คันเก่าก็ยังวิ่งอยู่ กลายเป็นเพิ่มแบบไม่มีสิ้นสุด จากคุณ : Mr.Submarine เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 10:42:41

ความคิดเห็นที่ 49 จำกัดจำนวนออฟฟิศ บริษัท ห้างร้าน หลังจากนี้ให้ไปอยู่ชานเมืองน่าจะง่ายกว่า จากคุณ : t (chat725) เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 10:49:48

ความคิดเห็นที่ 50 แวะมาดูอีกที .... ผลโหวต ดีใจครับที่เห็นคนส่วนใหญ่ ยังเห็นประโยชน์ส่วนรวมมากกว่า ประโยชน์ส่วนตัว และพร้อมที่จะยอมรับแนวทางแก้ไข ที่เป็น รูปธรรม ร่วมกัน ขอบคุณครับ จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 15:51:09

ความคิดเห็นที่ 51 อย่างที่เกาหลีเค้าจะจำกัดไว้ว่า สมมุติรถคันนี้เอาออกมาวิ่งวันจันทร์ไม่ได้อะไรงี้ แต่เมืองไทย transportation มันไม่ดีครับ คือไม่เหมือนประเทศอื่นที่สามารถนั่งใต้ดินไปได้ทุกที่ แต่นี่ไปได้ไม่ทุกที่แถมนั่ง BTSต้องไปต่อใต้ดินอีกก็มี มันลำบากครับ คนเลยเลือกขับรถมากกว่า และอีกอย่างการวางแผนผังเมืองของไทยไม่ดีครับ ไม่เหมือนเมืองนอกเค้าจะวางเป็นบลอคๆ สมมุติขับรถมาแล้วอยากกลับรถก็เลี้ยวบลอคนี้ ออกบลอคโน้น ถ้าในไทยมันไม่เป็นแบบนั้น คือขับไปจะกลับรถกันอย่างเดียว บางทีเค้าห้ามก็ยังจะฝืนกันอีก ดูเส้นลาดพร้าวสิครับ ติดระเบิด ไม่อยากจะผ่านเลยแต่จำเป็น จากคุณ : mystery99 เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 15:52:06

ความคิดเห็นที่ 52 จากความเห็นที่ 34 เองแหละ จริงๆ ไม่ได้ว่างพอจะมาถกกันเรื่องนี้กับเจ้าของกระทู้หรอก เพราะอ่านดูแล้ว คุณเจ้าของกระทู้มี "ธง" ไว้ในใจอยู่แล้ว และดูจะมีเงื่อนไขมากมายที่จะเป็นอุปสรรคกับสิ่งที่เสนอมาไม่ตรงใจ เพราะเชื่อว่า "มันเป็นไปไม่ได้" โดยใช้ตัวเองเป็นตัวชี้วัด ซึ่งก็ให้บังเอิญว่า "ปณิธานในการใช้ชีวิต" ของคูณเจ้าของกระทู้ กับเราซึ่งเป็นคนเสนอและพ้องเพื่อนหลายๆ คน ไม่ตรงกัน ที่กลับมานี้ก็เพื่อจะตอบในหลายประเด็น เพื่อยืนยันว่า มนุษย์เผ่าพันธุ์อย่างเรานั้น  "มีอยู่จริง" เหตุที่เราเสนอเรื่อง "เลนจักรยาน" ซึ่งทำได้ง่ายและทำได้จริงนั้น ก็เพราะมีสหายเราหลายคนที่แม้ไม่มีเลนจักรยาน แต่ก็เสี่ยงตายปั่นจักรยานไปทำงาน ซึ่งที่พวกเขาทำได้นั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะที่ทำงานไฮโซ มีฟิตเนสเป็นของตัวเองหรือไม่ก็เป็นสมาชิกฟิตเนสอยู่แล้ว การปั่นไปแต่เช้าแล้วอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเข้าทำงาน เป็นสิ่งที่มีสหายเราหลายคนทำมาเป็น 10 ปีแล้ว และพวกเขาเหล่านั้น ไม่ได้กระจอก จักรยานที่ใช้คันเป็นหมื่น จบปริญญาเอกจากเมืองนอก เงินเดือนทะลุแสนบาท ซึ่งคนที่รักจะใช้จักรยานเป็นพาหนะ ทุกวันนี้ก็เห็นได้ว่ามีเยอะขึ้นมาก ขณะที่กลุ่มเพื่อนๆ หลายคนก็อยากทำตาม แต่... ความเสี่ยงจะตายคาล้อรถเมล์มันพุ่งปริ๊ดดดด... ทำให้เกือบทุกคนชะงัก ทั้งๆ เลนจักรยาน แม้ในบ้านเมืองที่เจริญแล้ว มีระบบขนส่งมวลชนที่ดี อย่างในญี่ปุ่น เขาก็มี และจักรยานก็เป็นพาหนะที่คนญี่ปุ่นใช้กันเยอะ (อย่าบอกว่า ก็เมืองเขาเป็นเมืองหนาว เพราะญี่ปุ่นถ้าร้อนก็ตับแตกกว่าไทยด้วยซ้ำ) เพียงแต่ที่ในไทยไม่เคยทำได้สำเร็จ ก็เพราะมีคนกลัวลำบาก กลัวไม่สวย กลัวเหม็น อยู่เยอะ และคิดว่าคนอื่นๆ ก็จะเป็นเหมือนกันตัวเอง ฉะนั้น...อย่าทำมันเลย ป.ล. ขอตอบคำถามคุณเจ้าของกระทู้นอกเรื่องนิดหนึ่งเกี่ยวกับ ถุงผ้าลดโลกร้อนกับการไปซื้อของในห้าง ...ขอตอบว่าเราเป็นคนไม่ใช่ถุงผ้าไปซื้อของในห้าง เพราะถุงผ้า 1 ใบ กว่าจะมาเป็นถุงผ้าได้ ต้องใช้พลังงานไม่ใช่น้อย กว่าจะปลูกฝ้าย กว่าจะย้อมสี   และถ้ามันเปื้อนแล้ว จะต้องใช้ผงซักฟอก และน้ำ ซักมันให้กลับมาสะอาดอีกครั้ง ดูๆไป อาจจะสร้างมลภาวะให้โลกได้ อาจจะไม่ต่างจากถุงพลาสติก 1 ใบเท่าๆ กัน ฉะนั้นสิ่งที่เราทำคือ การใช้กระเป๋าพลาสติกใบใหญ่ใบเดิม พกไปซื้อของในห้างตลอด 1 ใบใช้มาหลายปีแล้วก็ยังไม่พัง ขณะที่ชีวิตประจำวันซื้อของ 7-11 ก็ไม่ต้องใส่ถุง (ถ้าไม่จำเป็น อาทิ ของร้อนโคตรๆๆๆ) เพราะทุกอย่างจับยัดลงเป้หมด ที่สำคัญบ้านเรา แยกขยะสดเพื่อทำปุ๋ยชีวภาพใช้มา 20 ปีแล้ว แม้บ้านที่อยู่จะมีพื้นที่แค่ 26 ตารางวา ร่ายยาวนอกเรื่องมากมายก่ายกอง เพียงเพื่อจะบอกว่า ถ้าคนเรามีปณิธานบางอย่างในชีวิต มันก็ทำให้เรายินดีที่จะใช้ชีวิตยากกว่าคนอื่นเล็กน้อย เพื่อให้บรรลุปณิธานนั้น โดยไม่ได้รู้สึกว่าต้องใช้ความอดทนอะไรมากมาย และเราเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงคนอื่นนั้น ยากกว่าเริ่มทำที่ตัวเอง เพราะมันทำได้ทันที โดยไม่ต้องรออะไรเลย ก็รัฐบาลไม่ใช่ต้นกัลปพฤกษ์นิ จะได้คว้าไม้มาสอยๆ เอาเมื่ออยากได้อะไร จากคุณ : เสียงลมหนาว เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 21:10:44

ความคิดเห็นที่ 53 #52 ครับ คุณไม่ต้องเถียงกับผมหรอกครับ เท่าที่ฟังมาคุณ เป็นคนดีครับ รักษ์โลก ครับ เอาเป็นว่า ผมขอบคุณ ครับ ถ้าประเทศ เรามีคนแบบคุณ เยอะๆ  ประเทศเราคงดีกว่านี้เยอะครับ จากคุณ : lamborghini_th เขียนเมื่อ : 25 ส.ค. 55 23:34:17