ความคิดเห็นที่ 1 27 เกียร์ ใช้เต็มที่เลยก็ 15 เกียร์ครับ เพราะมันจะมีกลุ่มเกียร์ที่ไม่ควรใช้ และเกียร์ต้องห้ามอยู่ เนื่องมาจากแนวการเยื้องของโซ่ครับ เกียร์เยอะข้อดีคืออัตราทดยิ่งถี่ขึ้น ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกเวลาเปลี่ยนเกียร์ กำลังขาไม่ตกมาก ถ้าอัตราทดห่างมาก เวลาเริ่มทำความเร็วแล้วเปลี่ยนเกียร์สูงขึ้น คงหนักอึ้งเลย จากคุณ : Tomato_Rezz เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 03:57:53

ความคิดเห็นที่ 2 เพิ่มจุดขาย จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 05:20:32

ความคิดเห็นที่ 3 จักรยานรุ่นใหม่ไม่ได้มีแค่ 27 เกียร์.. แต่มีถึง 30 เกียร์แล้ว.. การมีเกียร์เยอะๆ จะช่วยให้การปั่นใช้กำลังได้ต่อเนื่อง ช่วงเกียร์แต่ละช่วงไม่โดดกันมาก.. แต่ก็เหม่ะสำหรับใช้ในการแข่งขันเท่านั้น.. ถ้าซื้อจักรยานมาไม่ได้มีวัตถุประสงค์ในการแข่งขัน จักรยานแม่บ้านเกียร์เดียวก็พอแล้ว หรือจะเลือซื้อแบบ 3 เกียร์ก็ได้... มีเกียร์ 1 สำหรับขึ้นเนิน เกียร์ 2 สำหรับทางเรียบ ออกรถ เกียร์ 3 สำหรับทางเรียบ ขี่มาสักพักหนึ่งแล้ว.. ต้องการให้ความเร็วสูงขึ้นก็เปลี่ยนเป็นเกียร์โอเวอร์ไดรฟ์ มีให้เลือกหลายยี่ห้อ .. โดยเฉพาะพวกจักรยานแม่บ้าน พวกเกียร์ดุม 3 เกียร์ แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 55 07:57:14 จากคุณ : pakakaew เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 05:30:23

ความคิดเห็นที่ 4 ถ้าไม่ได้ขึ้นเขาชัน ๆ ก็ไม่จำเป็นหรอกครับ จากคุณ : nine_m เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 06:58:01

ความคิดเห็นที่ 5 ตาม คห.1 ครับ ใช้ได้จริงแค่ 12-15 เกียร์เท่านั้น จำนวนเกียร์ยิ่งมาก ก็ทำให้คนปั่นสบายขามากขึ้น ความแตกต่างของแต่ละเกียร์ไม่มาก ทำให้ใช้กำลังได้ต่อเนื่องมากกว่ารถที่มีเกียร์น้อย จากคุณ : ลุงเต่า เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 06:58:32

ความคิดเห็นที่ 6 ประหยัดน้ำมันมั้งครับ เกียร์สูงๆๆ อัตราทดยิ่งต่ำๆๆ ฮร่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : เข้ามาดู เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 07:03:01 A:49.49.51.197 X: TicketID:371812

ความคิดเห็นที่ 7 ที่มีเกียร์เยอะ เพราะมันต้องใช้กำลังคนในการปั่นงัยครับ ยิ่งเกียร์เยอะ ความต่อเนื่องในการส่งกำลังยิ่งดี แต่ไม่จำเป็นต้องไปสับสน ว่าต้องใช้เกียร์อะไรดี อยู่ที่กำลังของเราเป็นหลักครับ เกียร์มันเป็นเพียงตัวช่วยผ่อนแรง และไมจำเป็นต้องใช้ทุกเกียร์ก็ได้ ใช้เดินทางทั่วไปอาจใช้แค่ 3-4 เกียร์เอง เช่นขึ้นเนินสั้นๆ หรือสะพานไม่ใหญ่ อาจไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์เลยก็ได้ถ้ามีแรงส่ง และกำลังขาดี กำลังของเราเองมันจะเป็นตัวบอกเอง ว่าเราควรจะเปลี่ยนเกียร์หรือยัง ลองใช้ไป แล้วจะทราบด้วยตนเองครับ จากคุณ : E22QV เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 07:35:24

ความคิดเห็นที่ 8 รถที่บ้านมี 27 เกียร์ ของ shinmano ไม่เคยเปลี่ยนเลย เกียร์ไหน ก็เกียร์นั้นตลอด (ใช้ไม่เป็นอ่ะ) จากคุณ : สไรินนื เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 07:55:55

ความคิดเห็นที่ 9 เพราะกำลังของคนขี่ไม่เท่ากัน ก็เลยออกแบบมาเพื่อช่วยให้ขี่ได้สบายขึ้น จากคุณ : kittip เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 08:05:58

ความคิดเห็นที่ 10 ผมวิ่งแต่เกียร์ 6 มาพันกว่า กม.แล้ว แทบไม่ได้เปลี่ยนเป็นเกียร์อื่นเลย ขนาดมีแค่ 8 จากคุณ : NAGOYA เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 08:14:57

ความคิดเห็นที่ 11 คนที่ไม่ได้เปลี่ยนเกียร์ ส่วนใหญ่เพราะใช้ไม่เป็น ถ้าใช้เป็นมันจะช่วยให้การขี่ของคุณนุ่มนวล เบาสบายขึ้น แต่ 27 เกียร์มันก็เยอะเกินไป ผมใช้อยู่ประมาณ 12 เกียร์ จากคุณ : nranee เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 08:37:40

ความคิดเห็นที่ 12 เสือหมอบผมมี 20 เกียร์ ใช้ครบ ยกเว้นเกียร์ที่ไม่ควรใช้ แถวที่ผมอยู่มีเขาชันๆ ให้เล่นเยอะ... จากคุณ : Lawเก้อ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 08:48:20

ความคิดเห็นที่ 13 "   เห็นเดี๋ยวนี้จักรยานรุ่นใหม่ มีถึง 27 เกียร์ ก็เลยสงสัยว่าทำไมต้องมีหลายเกียร์ขนาดนั้น จริงๆแล้ว เวลาปั่นได้ใช้ทุกเกียร์หรือไม่  ทำไมไม่ทำให้มีเฉพาะเกียร์ที่ต้องใช้จริงๆ เช่น เกียร์ปั่นแบบชิลๆ  เกียร์ปั่นขึ้นเนิน หรือเกียร์ปั่นเอาความเร็ว  อะไรแบบนี้   " ก็ที่คุณต้องการน่ะ  เขาก็ทำมาให้หมดแล้วนี่  คุณจะขึ้นเขาลงห้วยใต่เขา ก็มีในนั้นหมดแล้ว หรือ คุณต้องการแบบ ต้องซื้อรถไว้หลายๆ คัน เวลาจะขึ้นเขา ก็เอาคันหนึ่งไป? เวลาทางเรียบก็เอาอีกคันไป?  เวลาเข้าป่า ก็เอาอีกคันไป? จักรยานที่เขาทำมาหลายๆ เกียร์ ก็เพราะการนี้แหละครัับ  เพราะการปั่นออกไปจากบ้านไกลๆนั้น หนทางมันมีหลากหลายแบบ  จึงต้องใช้เกียร์ให้ถูกต้องตามที่เขาให้มา แต่ ถ้าคุณไม่ชอบหลายเกียร์  ก็ซื้อรถซิงเกิลสปีด หรือฟิกเกียร์ มาใช้ก็หมดเรื่อง เพราะมันมีแค่เกียร์เดียว   แล้วถ้าคุณปั่นไปที่ต่างๆ  เดี๋ยวได้มานั่งบ่นอีกว่า ทำไม ไม่ทำมาหลายๆ เกียร์? จากคุณ : หนึ่งจุดแดง เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:02:02

ความคิดเห็นที่ 14 กลุ่มเกียร์ที่ไม่ควรใช้ และเกียร์ต้องห้ามมีอะไรบ้างอ่ะครับ ผมอยากรู้ ทุกวันนี้ผมใช้ 27 สปีด ใส่จานหน้าเบอร์ใหญ่สุดตลอด เฟืองหลังก้อกลางๆ 4-8 แบบนี้ จะมีปัญหารึเปล่าอ่ะครับ อยากรู้ จากคุณ : ของมีคม เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:12:25

ความคิดเห็นที่ 15 ก็มีเยอะๆไว้อวดเพื่อนเนี่ยแหละ ใครมีเยอะกว่าได้เปรียบ แต่ใช้จริงๆอยู่ 5-6 เกียร์เอง  แล้วก็ถ้าใช้เกียร์ไม่เป็นก็ไม่ต้องเอาก็ได้จะได้ไม่ต้องมาเสียเวลาเซ็ต+ซ่อม จากคุณ : DolPhin (*_*) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:13:21

ความคิดเห็นที่ 16 ปั่นเยอะๆ กล้าๆ ปั่น เดี๋ยวก็ทราบเองว่าทำไมต้องมี 27-30 ขึ้นเขาชันๆ คิดเลยว่าอยากจะมีอีกซักเกียร์ ลงเขา ก็ต้องใช้เกียร์ทดจัดๆ ถ้าอยากมัน คุณจะมีเกียร์เดียวก็ได้ครับ ถ้าคุณเก่งจริง ปั่นได้ทอร์คสูงเวลาขึ้นเขา และรอบขาจัดเวลา ปั่นความเร็วสูงๆ แต่กล้ามเนื้อคุณก็จะไม่ได้การพัฒนาไปแนวที่ควร ลองไปดูขาของพวกปั่นในลู่ กับปั่นถนนดู กล้ามคนละโลกเลย จากคุณ : เฮียเรียกพี่ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:17:08

ความคิดเห็นที่ 17 ตาม #1 ครับ ผมมี 30 เกียร์ ต่ำสุดกับสูงสุด ผมใช้มาแล้ว ทางชันมากๆ ขาขึ้นก็ต่ำสุด ขาลงก็สูงสุด สนุกดี จากคุณ : Pseudonoise เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:22:58

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าปั่นเพื่อสุขภาพ การใช้เกียร์ มันช่วยผ่อนแรง ได้เยอะครับ ปั่นให้รู้สึกสบายขา พอปั่นๆ ไปรู้สึกว่า จังหวะกดบันได มันเบาไป หรือ "วืด" ก็เพิ่มเกียร์ ให้มันมีกำลัง สบายขาไปเรื่อยๆ แต่ถ้ามันเริ่มตึง ต้องออกแรงกดมากๆ ก็ปรับเกียร์ลง อันนี้สำหรับ ประโยชน์ของการมีเกียร์นะครับ.... แต่ที่มันมีเฟืองหลัง สำหรับพวกที่ใช้จานหน้า 3 ใบ ไม่ว่าจะเป็น 7 ชึ้น (21 Speed) / 8 ชั้น (24 Speed) / 9 ชั้น (27 Speed) / 10 ชั้น (30 Speed) ก็อย่างที่หลายๆ ท่านด้านบนบอกไว้ ว่าเพื่อความต่อเนื่อง เพราะถ้าละเอียดๆ การส่งกำลังต่อเนื่องจริงๆ รถผมที่ใช้อยู่ 7 ชั้น ไปปั่นรถเพื่อน 10 ชั้น ขนาดเฟือง เล็กสุด กับใหญ่สุดเหมือนๆ กันไม่มีผล ต่อความเร็ว แต่ปั่นยาวๆ 10 โลขึ้นไป อันนี้จะรู้สึกเลยครับ... เพราะยังไง อุปสรรค์ ระหว่างทางใน กทม. มันทำให้ความเร็ว ต้องมีการปรับขึ้นลง ตลอดเวลา จากคุณ : คนเก็บแสง เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:28:37

ความคิดเห็นที่ 19 ผมยังอยากให้มังกรผม มีซัก ๒๐ กว่าเกียร์เหมือนกันครับ เกียร์เยอะ ก็ใช้งานได้ง่ายขึ้น มีโอกาสเลือกเกียร์ให้เหมาะ สมกับภาระงาน และรอบเครื่องที่เหมาะสมได้มากขึ้นครับ มีซักร้อยเกียร์ ผมก็ใช้หมด เพราะ มันเข้าข้ามได้นี่ครับ เคยเจอปัญหา หาเกียร์ที่เหมาะสมไม่ได้ไหมครับ เช่น เกียร์นี้หนักไป อีกเกียร์ก็เบาไป หาที่พอดีไม่ได้ จากคุณ : สยึมกึ๋ย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:37:01

ความคิดเห็นที่ 20 เอาไว้เพิ่มราคาขาย เอาไว้คุยทับกัน เอาไว้โชว์ แต่ไม่ได้ใช้ จากคุณ : tom3 เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:57:44

ความคิดเห็นที่ 21 ลองทัวริ่งสักทริป แล้วท่านจะได้รับคำตอบครับ จากคุณ : ช่างวิทยุ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 09:57:56

ความคิดเห็นที่ 22 ทำไมต้องมีเกียร์เยอะๆ   ผมอยู่เชียงใหม่ เส้นทางปั่นมีทุกรูปแบบ  ทางราบ  ทางชันมาก ชันน้อย  ใช้หมดทุกเกียร์แล้วแต่สภาพของถนนที่ปั่น   ลองปั่นเส้นทางแบบผม แล้วจะเข้าใจว่าทำไมต้องมีเกียร์เยอะๆ ยิ่งดี จากคุณ : ส่วนหนึ่งของประเทศไทย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:07:29

ความคิดเห็นที่ 23 เพื่อให้เหมาะ กับการปั่น ตามสถานการณ์ ความเร็ว ครับ เช่น ทางราบ ทางขึ้นเขา ทางลงเขา จากคุณ : love_vinai เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:10:27

ความคิดเห็นที่ 24 ผมมีรถพับ 6 เกียร์ ใช้เกียร์ 4 เกียร์เดียว เคยลองเปลี่ยนแบบรถยนต์ ไล่จาก 1-2-3-4-5-6 ขอบอกว่าเหนื่อยแทบขาดใจ เกียร์ต่ำๆปั่นจนขา จะพันกันรถขยับไปได้ไม่เท่าไหร่ ตอนหลังเลยใช้เกียร์ 4 เกียร์เดียว ขับเพลินๆพอขึ้นเนินจะออกจากหมู่บ้าน ปั่นขึ้นไม่ไหวซะงั้น ต้องลดลงมาเกียร์ 1 มหัศจรรย์จริงๆเกียร์จักรยาน จากคุณ : yakutew รูปหล่อ เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:12:48

ความคิดเห็นที่ 25 อย่างที่"ช่างวิทยุ"บอกเลยครับ แสดงว่าผู้ถาม,จขกท.ยังไม่เป็นนักปั่นจริงๆหรือไม่ก็อยู่ในกทม.ที่มีแต่ทางลาบ-เอ๊ย-ทางราบและเรียบ ผมเคยไปอยู่จ.ตรังเกือบปี..ปั่นรถโบราณเที่ยวทั่วเมืองสบายๆ แต่บ้านผมที่ภูเก็ต..แค่ออกจากบ้านก็ต้องใช่เกียร์แล้ว..ยิ่งอยากไปเส้นทาง-ชมวิว นั่นยิ่ง"ยิกๆด้วยเกียร์ต่ำตลอด"หอบซี่โครงบานตลอดทาง จากคุณ : ตาสาน เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:25:52

ความคิดเห็นที่ 26 เกียร์ยิ่งเยอะ มีสองแบบ 1.แบบช่วงอัตราทดกว้างขึ้น แบบนี้จะช่วยให้ขึ้นทางชันได้ดีขึ้น หรือปั่นทางราบได้ไวขึ้น(ถ้าแรงถึงนะ) 2.แบบช่วงอัตราทดเท่าเดิมแต่ซอยละเอียดขึ้น ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้แหละ จะช่วยให้รอบขาคงที่มากขึ้น คนที่ปั่นต้องการรอบที่ 90รอบ/นาที แต่เวลาปั่นจริง ช่วงเวลาเปลี่ยนเกียร์ ก่อนเปลี่ยนต้องเร่งรอบเพื่อเพิ่มความเร็ว อาจจะขึ้นไปเป็น 100 แล้วเปลี่ยน พอเปลี่ยนแล้วรอบขาตก อาจจะเหลือ 80 ต้องอัดแรงเพิ่มความเร็วให้ได้รอบ ถ้ามีช่วงอัตราทดที่ถี่ขึ้น อาจจะทำให้ไม่ต้องเร่งรอบมากขึ้น อาจจะเหลือแค่ช่วง 85-95 รอบ/ นาที ซึ่งทำให้ไม่ต้องใช้แรงกระชากมากขึ้น จากคุณ : Redrum เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 10:30:59

ความคิดเห็นที่ 27 ตามช่างวิทยุเลยครับ   คำถาม ต้องแก้ด้วยการลองด้วยตัวเอง จากคุณ : นิ้วจิ้ม เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 11:15:06

ความคิดเห็นที่ 28 เค้าออกแบบมาให้ใช้ให้พังไปทีละเกียร์ครับ ซื้อมาตั้งแพง  27เกียร์ก็ใช้ได้หลายปีครับ ...ผมล้อเล่น จากคุณ : Nikonism เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 11:32:32

ความคิดเห็นที่ 29 1. ต้องลองไปขึ้นเขาลงเขาดูครับ แล้วจะรู้ว่าจาน 1 เฟืองท้าย 28-34 มีประโยชน์ อย่างไร (แต่ส่วนใหญ่ผมก็ไม่รอดลงเข็นตลอด) 2. ต้องลองปั่นทางไกลดูครับ แล้วจะรู้ว่าการเรียงเฟืองชิดๆ แบบต่างกัน 1 ฟันมีประโยชน์อย่างไร บางทีเราอยากจะปั่นหนัก-เบา ขึ้นแค่นิดหน่อย โดยความเร็วไม่ต่างจากเดิมมาก 3. ลองใช้จาน 3 ปั่นลงเขาดูแล้วจะรู้ว่ามันส์ อย่างไร เฟืองเยอะไม่ใช่แค่การตลาดหรอกครับ เพียงแต่ว่ามันต้องเลือกใช้ให้มันเหมาะกับเรามากกว่า ไม่งั้นก็ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : vicious เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 12:19:31

ความคิดเห็นที่ 30 จากคำถามจขกท.เหมือนคนไม่เคยขี่จักรยานมีเกียร์เลยด้วยซ้ำไปครับ จักรยานทั่วไปมีเฟืองเกียร์ที่ล้อหลังแค่ไม่เกิน 11 ระดับ(รุ่นท๊อปสุดของโลก) และที่จานหน้าอีกไม่เกิน 3 ชิ้น (เสือภูเขาหรือทัวร์ริ่ง)  เวลาเปลี่ยนเกียร์ที่ล้อหลังยังไงมันได้ไม่เิกิน 11 ระดับหรอกครับ บวกกับเปลี่ยนที่จานหน้าได้อีกไม่เกิน 3 ระดับ ไล่เกียร์ยังไงมันก็ไม่เกิน 11+3 ครั้ง  แต่ทีนี้ในวงการจักรยานนิยมเอาตัวเลขมาคูณกันแทน ก็เลยเป็น 24,27,30 สปีดแทน จากอัตราทดที่มันจับคู่มาต่างๆกัน ดูๆให้มันเยอะดี จริงๆแล้วผมอยากให้มีแค่เกียร์เดียวนะครับ แต่อัตราทดแปรผันแบบเกียร์ cvt แปรผันอัตโนมัติไม่ต้องมีชิฟเตอร์ ;p แก้ไขเมื่อ 05 ก.ย. 55 13:21:57 จากคุณ : babyonboard เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 13:14:20

ความคิดเห็นที่ 31 คำถามจ.ข.ก.ท.น่าสนใจครับ แต่มันเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ สำหรับรถจักรยานที่ต้องการประสิทธิภาพสูงๆ การมีเกียร์น้อยๆนั้นดี ทำให้ราคาอุปกรณ์ไม่แพง ใช้งานง่าย บำรุงรักษาง่าย รถจักรยานถูกๆสมัยก่อนก็ใช้หลักการนี้ แต่เวลาไปใช้งานงานจริงๆ ถ้าต้องการประสิทธิภาพของการปั่นสูงๆ การมีเกียร์น้อยๆจะทำให้ต้องออกแรงมากกว่าปกติ ทำให้เหนื่อยเร็ว ทำความเร็วไม่ได้มาก ไปไม่ได้ไกล ดังนั้นจึงเหมาะกับรถที่ปั่นเล่นชิวๆน่ะครับ เอาง่ายๆ แค่ปั่นบนทางเส้นเดิมยังใช้เกียร์ไม่เหมือนเดิมเลยครับ เวลาเจอลมกับไม่เจอลมสวนก็ใช้คนละเกียร์ ขึ้นสะพานแต่ละสะพานก็ใช้คนละเกียร์  มีแรงมากกับแรงน้อยก็ใช้คนละเกียร์ ทั้งๆที่เป็นคนขี่คนเดียวกัน เวลาปั่นจักรยานเขาจะพยายามออกแรงให้น้อยที่สุดเท่าที่จะไปได้เร็วที่สุดในความเร็วที่ต้องการ  ยกตัวอย่าง ตอนออกรถใช้เกียร์เบาพอขี่เร็วขึ้นก็เปลี่ยนเกียร์ให้หนักขึ้นเพื่อให้ได้ความเร็วมากขึ้นขณะที่ออกแรงเท่าเดิม ทีนี้ถ้าระดับแต่ละเกียร์มันห่างกันมากเวลาเปลี่ยรเกียร์อัตราทดมันจะกระชากทำให้ออกแรงมากกว่าเดิมทุกครั้งซึ่งก็จะทำให้หมดแรงเร็ว  ดังนั้นวิธีถนอมแรงของนักปั่นไว้ก็คือทำระดับเกียร์ไว้เยอะๆให้ต่างกันน้อยๆแล้วค่อยๆไล่ขึ้นไปทีละนิดมันจะออกแรงไม่ต่างกันมาก ทั้งไล่เกียร์ขึ้นและลง ทำให้สามารถขี่ได้ไกลโดยไม่เหนื่อยมากน่ะครับ เทียบกับรถเกียร์เดียวให้เห็นชัดๆก็คือ รถฟิกซ์เกียร์หรือรถ single speed ซึ่งเหมาะจะเอาไว้ปั่นทำความเร็วในสนามแข่งเท่านั้นเพราะไม่ค่อยมีการเร่งความเร็วหรือลดความเร็วบ่อยๆ  แต่ถ้าเอามาปั่นใช้ความเร็วในเมืองละ่ก็ออกตัวทีคนปั่นยืนโยกกันขาปูดเลยล่ะครับ จากคุณ : <SportivO> เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 13:41:43

ความคิดเห็นที่ 32 กลุ่มเกียร์ที่ไม่แนะนำให้ใช้ก็กลุ่ม"เกียร์มัว" แหละ นอกนั้นใช้โลด ฟิ้วววววววววววววววว ........>>>>>> ใส่เกียร์ฟ้าว !!! จากคุณ : chem chem เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:06:37

ความคิดเห็นที่ 33 ขี่แล้วเดี๋ยวทราบเองนะครับถ้าใช้เป็น เหมือนรถแหละครับ เมื่อก่อนสี่เกียร์ เดี๋ยวนี้หก เจ็ดเกียร์ ก็เร็วขึ้น ประหยัดแรง และความต่อเนื่องก็มีมากกว่าเดิม จากคุณ : หมาส้มสมหวัง เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:11:48

ความคิดเห็นที่ 34 ผมขี่รถพับ 9 เกียร์ ใช้แค่เกียร์ 5-9 ใจจริงอยากได้เกียร์ 10 - 11 เพราะรู้สึกอัตราทดยังต่ำไป สงสัยต้องหาจานหน้าเฟือง 55 มาใส่ เกียร์ 5-6 ไว้ออกตัว เกียร์ 7 ไว้ไต่ความเร็ว เกียร์ 8 ไว้ทำความเร็วคงที่ เกียร์ 9 ไว้สปรินท์ ส่วนที่เหลือถ้าไม่ได้ขึ้นสะพานชันโคตรๆไม่คิดจะแตะเลยครับ แต่ถ้าขี่หมอบเมื่อไหร่ ใช้แทบจะทุกเกียร์เลยครับ อัตราทดมันไล่กันทั้งชุดเฟือง ขี่แล้วไล่รอบขาง่าย จากคุณ : Rey เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:22:31

ความคิดเห็นที่ 35 ผมใช้ประจำแค่ 3 เกียร์ จากคุณ : พาหุง (seree.t) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 14:53:13

ความคิดเห็นที่ 36 ยิ่งเยอะยิ่งดีครับ จากคุณ : kanidsorn เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 15:32:33

ความคิดเห็นที่ 37 ขี่ในกรุงเทพใช้ไม่เกิน 3 เกียร์เหมือนกัน จากคุณ : โจ้ ปากเกร็ด เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 15:43:22 A:58.137.189.2 X: TicketID:115119

ความคิดเห็นที่ 38 จขกท. เพิ่งเริ่มสนใจอยากจะเป็นนักปั่น ตอนนี้ก็หาข้อมูลไปเรื่อยๆ จักรยานก็เคยขี่เมื่อตอนเด็กๆ หลายสิบปีมาแล้ว แต่ก็เป็นแบบเกียร์เดียวเพียวๆเลย เห็นเกียร์ของจักรยานรุ่นใหม่ ก็เลยเอ๋อว่าเกียร์ทำไมต้องแยะขนาดนั้น พอดีไปนึกเทียบกับเกียร์ของรถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ด้วย  ก็เลยไม่เข้าใจเท่าไร  ตอนนี้เข้าใจขึ้นแยะแล้วครับ จากคุณ : ชาชินจัง เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 16:15:29

ความคิดเห็นที่ 39 เพราะจักรยานใช้แรงมนุษย์โดยตรงแล้วมนุษย์มีการรับรู้ความรู้สึกที่ละเอียดมาก ต่างกับเครื่องยนต์ที่ไม่ละเอียดและมีช่วงที่กว้างกว่า จากคุณ : Yunome (Winone) เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 16:26:23

ความคิดเห็นที่ 40 อยู่เชียงใหม่ได้ใช้ทุกเกียร์ 1-1 แล้วยังขึ้นไม่ไหวก็มี ต้องใช้เกียร์เข็น จากคุณ : mynameism เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 19:19:26

ความคิดเห็นที่ 41 มีเกียร์เยอะ มันตอบสนองทุกสภาพการขับขี่มากกว่า เหมือนออฟโร๊ดที่มีเกียร์ LOW จักรยานก็มีจานหน้าเล็กเพิ่ม เหมือนรถแข่งที่มี 7 Speed จักรยานก็มีจานหน้าใหญ่เพิ่ม จากคุณ : หอยทากตัวน้อย เขียนเมื่อ : 5 ก.ย. 55 21:37:53

ความคิดเห็นที่ 42 ของผม 30 เกียร์ก็ใช้ไม่หมด   แต่ก็มีเยอะไว้ดีกว่าไม่มีเวลาขึ้นเขาใหญ่ช่วยได้เยอะมาก จากคุณ : SGT.AIRMAN เขียนเมื่อ : 6 ก.ย. 55 07:03:26