ขายรถให้เต๊นท์ต้องทำใจเรื่องราคาก่อนครับ โดยเฉพาะรถที่ไม่ใช่กลุ่มพิมพ์นิยม คนขายต้องไม่เอาราคาตลาดมาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจขายหรือไม่ขาย เพราะผมบอกได้เลยว่า รถราคา 1 ล้าน เค๊าต้องมีหรือเก็งกำไรไว้ที่ 2 แสนขึ้นไปครับเค๊าถึงจะซื้อ
ตัวอย่างเช่น หากราคารถ (ไม่ยอดนิยม) ในตลาดขณะนั้น 1 ล้านบาท เต๊นท์จะซื้อคุณในราคาราวไม่เกิน 7.5-8 แสนบาทเท่านั้น แต่หากเป็นรถยอดนิยมสภาพดีมาก มี Pre-Order ล่วงหน้าในมือ อาจขยับขึ้นมาเป็น 9 แสนบาทได้ แต่ก็จะมีตัวแปรอื่นๆที่ทำให้ราคาเพิ่มลดได้เช่น สี อุปกรณ์ตกแต่ง ชนมาหรือไม่ ฯลฯ
แต่...ก็ไม่ได้หมายความว่าเต๊นท์จะได้กำไรเท่านั้นเสมอไป การถ่างช่วงราคาซื้อเข้ากับราคาขายออกให้มากๆเข้าไว้ มันเป็นการประกันความเสี่ยงทางธุรกิจ เพราะรถที่ซื้อเข้ามาบางคัน บางรุ่น บางช่วงนั้น ต้องจอดรอเนื้อคู่กันข้ามปีเลยทีเดียว ซึ่งราคารถมันลดลงทุกปี ขายไม่ได้ใน 6 เดือนนี่ราคาก็ตกลงมาตามตลาดตามปีประมาณ 5%-10% หักต้นทุนค่าอาบน้ำแต่งตัวใหม่ ค่าเช่าที่ ค่าจ้างงานแล้ว กำไรจะเหลือเท่าไหร่กัน
แต่ส่วนใครที่ทำเต๊นท์แล้วบอกว่ากำไรเล็กน้อยคันนึง 2-3 หมื่นนั้น "เค๊าโกหกครับ" เพราะถ้าคิดว่าจะมาจับธุรกิจรถมือสองแล้วทำกำไรแค่ล้านละ 4-5 หมื่น "เค๊าเจ๊งไปตั้งแต่คิดจะทำเต๊นท์แล้ว"
เมื่อสัก 2-3 ปีก่อนผมเคยขาย Toyota Camry ให้เต๊นท์แห่งนึงซึ่งสนิทกันไปในราคาใกล้เคียงกับราคาตลาดที่ซื้อขายกันเอง ผมส่งรถไปวันนี้ตอนสายๆ รุ่งขึ้นรถหายไปแล้ว ทีแรกนึกว่าเค๊าเอาไปอาบน้ำ แต่รถเรามันก็ไม่มีอะไรต้องทำนี่หว่า มารู้ทีหลังว่าเค๊ามีออเดอร์รออยู่แล้ว เค๊าแค่ "ผ่านมือ" ไปเฉยๆ ไม่ต้องลงทุนอะไร ได้กำไรราว 4-5 หมื่น
มันจะมีอีกกลุ่มนึงคือพวกพ่อค้าที่ไม่มีเต๊นท์ เป็นพวก "ซื้อมาขายไป" พวกนี้จะให้ราคาดีกว่าเต๊นท์นิดหน่อยเนื่องจากไม่มีต้นทุนเรื่องหน้าร้าน พวกนี้จะคอยดักรถบ้านตามหน้าเว็บต่างๆแล้วโทรเข้าไปแบบอาศัยใจกล้า หน้าด้าน เผื่อฟลุ๊คแบบว่าเจ้าของอยากรีบปล่อย หรือเอาไปตีราคาทีเต๊นท์มาแล้วได้ราคาต่ำ เค๊าให้สูงกว่าเล็กน้อย พวกนี้ก็จะช้อนรถมาเก็บไว้แล้วประกาศขายตามเว็บอีกที
ผมขายรถผ่านเว็บตลาดรถไปหลายคัน เจอพวกนี้บ่อย จนตอนหลังต้องลงในประกาศว่า "งดเต๊นท์และพ่อค้า" เพราะรำคาญและไม่รีบ