.
.
.
ตัวนู๋มิ๊วเอง เค้ามี GPS ค่ะ จากโนเกียอะไรไม่รู้
ตัวเรามีโทรศัพท์ active แบตใกล้หมดเครื่องเดียวค่ะ
ตอนนั้น ทุ่มกว่าๆ แล้วมั้ง พอถึงสามแยก เราเลยใช้ป้ายบอกทางเป็นที่ตั้ง

เมื่อเราจะไปนครสวรรค์ เราก็ดูป้ายนครสวรรค์เอาค่ะ
สิงห์บุรีเป็นทางผ่านไปนครสวรรค์ ยังไงก็เจอ
อย่างที่เคยบอก ว่าป้ายบอกทางเป็นอะไรที่ดูยาก
แป๊บๆ ป้ายหาย จะไปที่นั่น มีป้ายชี้บอกประมาณ 3-4 ป้าย
แล้วจะเชื่อป้ายไหนดีล่ะ ทำงง และหลงก็มีนะ

พอเราออกถนนใหญ่ได้ เราก็ปั่นอย่างเดียวเลยค่ะ
บางช่วงมีไฟ โล่งใจ บางช่วงมืด ภาวนากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยคุ้มครองเรากับนู๋มิ๊วด้วย
ดูสิ ขนาดทะเลาะกันนะ ยังจะ....


ด้วยแรงแห่งความแค้น คับใจ เราปั่นเร็วมาก
คือ กลัว มันมืด รถบรรทุกเยอะ แต่ทิฐิเราเยอะกว่า
ข้าวก็ไม่ได้กิน ไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากไหน
ร้องไห้ด้วยนะ

ร้องไห้ไป ด่านู๋มิ๊วไป ด่าเสียงดังด้วย
คือแค้นอ่ะ แล้วทำไรไม่ได้ไง
เลยต้องระบายออกมาวิธีนี้ พอได้ร้อง ได้ตะโกนด่า
ก็พอจะโล่งใจไปบ้าง
ที่เหลือ ก็ดูป้ายจากไฟรถส่อง แล้วก็ปั่นๆๆๆๆๆๆ อย่างเดียวค่ะ
ปั่นแบบไม่ลืมหูลืมตา แล้วมันเป็นช่วงที่ฝนหยุดตกใหม่ๆ
ถนนเปียก ไฟหน้าเป็นไฟกระพริบเบาๆ เหมือนหิ่งห้อย
โห.. ดราม่าสุดๆ ถามว่ากลัวมั้ย บอกเลยว่า สุดๆ ในชีวิต

จากอ่างทองไปสิงห์บุรีอ่ะ กี่กิโลก็ไม่รู้ จำไม่ได้ รู้แต่ว่า น่าจะไม่ต่ำกว่า 50 กิโล
หรือน้อยกว่านั้น แต่สำหรับเรา มันก็เยอะอยู่ดี

ที่ปั่นไว เพราะคิดว่า ตามนู๋มิ๊วอยู่
อยากตามให้ทัน ก็เลยปั่นไว แรงเท่าไร ลงขาหมด
จนในที่สุด เราก็เจอทางเข้าสิงห์บุรี โห โค่ดจะมืด
ไฟซูมมี แต่คิดว่าอยู่กับนู๋มิ๊ว จริงๆ อยู่ในกระเป๋าเราเอง

อย่างที่บอกว่าทิฐิเยอะ เราโทรไปยืมตังค์เพื่อนเพื่อเตรียมค่าที่พักเรียบร้อย
คิดดูละกัน

หัวเราะซะหน่อย ตอนนั้นหัวเราะไม่ออก
คือเงินหมดแล้ว เราต้องพึ่งพาเค้า แต่ยังทำทิฐิใส่
ทีนี้พอถึงทางเข้า เราเลยตัดสินใจโทรหา...

ซึ่งนู๋มิ๊วก็รับสายนะ เค้าถามว่าเราอยู่ไหน
เราบอกอยู่สิงห์บุรี เค้าบอก แล้วมันส่วนไหนล่ะโว้ย
เราเลยบอกไปว่า อยู่ปากทางเข้าสิงห์บุรีโว้ย แล้วพี่อยู่ไหน?
เค้าบอกว่า อยู่บนทางหลวง กำลังปั่นมา เหลือประมาณสิบกิโล
งั้นเรารออยู่ตรงปั๊ม ปตท นะ เข้าสิงห์บุรีมาก็เห็น
นู๋มิ๊วถามว่ากินอะไรหรือยัง ที่ปั๊ม มีเซเว่นมั้ย
ปั๊มเล็กๆ มีแต่เด็กปั๊ม นั่งดูทีวีอยู่ ไม่มีอะไรเลย
เค้าบอกว่าเดี๋ยวจะซื้อข้าวกับนมเข้ามาให้ (เราชอบกินนม ถึงกินแล้วท้องเสีย ก็บ่ยั่น)


โอละหนอ... เค้าปั่นตามหลังเรา ตอนหลังมาคุยกัน เค้าบอกว่า
ทำไมปั่นตามเราไม่ทันสักที เค้าเลี้ยวผิด ไปหลงอยู่ระยะนึง
คงจะเป็นระยะที่เรากำลังทำความเร็วนั่นแหละ

ไอ้เราหรือ ก็คิดว่าตามหลังเขา ก็ซอยขายิกเลยสิ
เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้...

สุดท้ายก็ได้พักด้วยกัน นู๋มิ๊วยังใจดีซื้อข้าวกับนมมาให้
กินข้าว กินนม อาบน้ำ ก่อนนอนกินยา แล้วก็หลับไปแบบไม่คุยกัน...

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ความอดทน คือ สิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่ เอ๊ย ไม่ไจ้ๆ
มันคือสิ่งสำคัญสำหรับการเดินทางต่างหากล่ะ

ความอดทน การเปิดใจ การพูดคุย ทุกอย่างสำคัญหมด
ถ้าไม่พูดกันเลย หรือ มีอะไรในใจ มันจะส่งผลเสียให้เราและเพื่อนร่วมทางนะคะ
ที่สำคัญคือ อย่าคิดเอง เออเอง
นี่ขนาดว่าคบกันมาหลายปีแล้วนะ รู้ใจกันมาระดับนึง
ก็ยังพลาดเอาตอนเดินทางได้เลย ฉะนั้น ต้องค่อยๆ ศึกษานิสัยกันไปอีกค่ะ
เพราะเราต้องร่วมทางกันอีกหลายวัน