 |
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ของ คุณ คห ที่ 8 กับ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของ CRV มันต่างกันโดยสิ้นเชิงครับ
ผมเจอมาเยอะครับ ประเภทที่ออก D MAX ขับ 4 VIGO ขับ 4 มา ขับเท่ห์ ๆ พอถึงเวลาก็บ่น เพราะไม่ได้ใช้งาน แน่นอนว่า ค่าบำรุงรักษามันมากขึ้นแน่นอน
และที่ผมทราบก็คือ รถดังกล่าวที่เป็น 4WD นั้น ต้องมีการใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อบ้าง อย่างน้อย เดือนละ 1 ครั้ง หรือ ถ้าเป็นไปได้ก็อาทิตย์ละครั้ง เพื่อเป็นการถนอมระบบเกียร์ต่าง ๆ
แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อใน CRV นั้น มันมีชื่อว่า Real Time 4WD ซึ่งมันต่างกัน
Real Time 4WD แปลตรง ๆ คือ เวลาจริง หรือ เวลาที่จำเป็นเท่านั้น
ดังนั้น CRV ก็จะไม่มีปุ่มเกียร์ ให้เลือก ว่าจะเป็นขับ 4 หรือ ขับ 2 พูดง่าย ๆ ว่า มันทำงานเป็นอัตโนมัตินั่นเองครับ
ดังนั้น คุณไม่ต้องไปสนใจเลยครับ บางคนคิดว่า มันจะขับเหมือนรถทั่วไปไหม มันจะต้องไปเรียนรู้อะไรเพิ่มหรือปล่าว
ขอบอกเลยว่า ไม่ต้องไปทำอะไรทั้งสิ้นครับ
และด้วยความที่มันเป็น Real Time 4WD ค่าบำรุงรักษาของมันที่เพิ่มขึ้นมา ก็แค่ น้ำมันเฟืองท้าย แค่ 3xx กว่าบาทเท่านั้น ต่อการเปลี่ยนครั้งแรกที่ 20,000 และหลังจากนั้น เปลี่ยนทุก ๆ 80,000 กม
นั่นคือ ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากกว่า รุ่นที่ขับ 2
นั่นก็หมายความว่า คุณแทบไม่ต้องไปยุ่งยากอะไรกับระบบของมันเลย หากคุณใช้งานขับขี่อย่างปกติ
คุณอาจจะมีคำถามต่อว่า อ้าว แล้ว Real Time 4WD มันดีกว่าอย่างไร แล้วจำเป็นหรือไม่
ขออธิบายแบบนี้ครับ
โดยปกติ อย่างที่ผมบอกว่า มันเป็น Real Time ดังนั้น ในสภาวะปกติ รถคุณจะขับเคลื่อนด้วยล้อหน้าเท่านั้น
แต่หากสถานะการขับขี่เปลี่ยนไป เช่น เมื่อล้อหน้าหมุนฟรี ซึ่งเมื่อปั๊มไฮโดรลิคที่เป็นระบบปั๊มคู่ ตรวจพบสภาวะการขับเคลื่อนที่ผิดปกติ หรือนั่นก็คือ มีความแตกต่างของระบบปั๊ม เนื่องจากล้อหมุนไม่พร้อมกัน มันจึงทำให้ ระบบไปจับคลัชเพื่อให้ส่งกำลังไปยังล้อคู่หลังทันที
ดังนั้น หากคุณขับขี่บนถนนเรียบปกติ มันก็จะขับเคลื่อนแค่ล้อหน้า แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ล้อมันหมุนไม่พร้อมกันเช่น ยูเทิร์นกลับรถ ล้อหน้าหมุนฟรี รถเสียการทรงตัว รถเกิดอาการเหินน้ำ การขับขี่บนถนนเปียกลื่นมีน้ำเกาะบนผิวถนน หากเกิดสภาวะที่ผมยกตัวอย่างเนี่ย ระบบ 4 ล้อจะทำงานครับ
ไม่รู้นะครับ แต่ผมรู้สึกว่า ผมมั่นใจว่า ในขณะฝนตกหนัก หรือ ขับเข้าไปบนถนนที่ลื่น ๆ หรือ ทางลูกรัง ผมว่า CRV ขับ 4 มันมั่นใจกว่า
บางที ฝนตกหนัก ถึงแม้เราจะขับรถไม่เร็ว แต่บางที เราจะเจอแอ่งน้ำ ซึ่งมันอันตรายมาก
ดังนั้น เมื่อเราขับผ่านแอ่งน้ำ ที่ความเร็วระดับนึง ล้อหน้า มันก็จะหมุนช้าลง เนื่องจาก มันลอยอยู่บนผิวน้ำ ซึ่ง มันก็เข้าสภาวะ ที่จะทำให้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทำงาน เพราะ ล้อหน้าสูญเสียการทรงตัว และหมุนไม่พร้อมกับล้อหลัง
มันรู้สึกได้เลยว่า รถไม่เสียการทรงตัว ซึ่ง มันต่างจากการขับรถที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกัน สำหรับ รถเก๋งทั่วไป
เมื่อเกิดอาการเหินน้ำ พวงมาลัยจะควบคุมไม่ได้ แต่นี่ พวงมาลัยยังควบคุมได้ปกติ แทบไม่มีอะไรต้องกลัวเลย
อีกอย่างนะครับ ด้วยความที่มันเป็นรถเก๋งยกสูง ดังนั้น แน่นอนว่า มันก็ย่อมจะมีโอกาสเกิดการพลิกคว่ำได้ง่ายกว่ารถเก๋งทั่ว ๆ ไป ซึ่งในคู่มือ ก็จะมีคำเตือนตรงนี้บอกอยู่แล้ว
ถ้าดูถึง ความเหมาะสมสำหรับ การใช้งานของคุณนะครับ แน่นอนว่า 2WD มันก็เพียงพอแล้ว เพราะคุณเน้นใช้งานในเมือง มีออกต่างจังหวัดบ้าง ดังนั้น แน่นอนว่า 2WD มันเหมาะสมในตัวมันอยู่แล้วครับ
แต่บางที คนเราก็ไม่ได้ซื้อเพราะความเหมาะสม เพราะ การจะซื้อรถมันมีเหตุผลร้อยล้านเหตุผล มันไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก
บางคนซื้อ CRV 2.4 ตัวท็อป มาขับในกรุงเทพ 100 % มันก็ไม่ผิด
บางคนซื้อ CRV 2.0 ขับ 2 มาวิ่งต่างจังหวัด 100 % มันก็ไม่ผิด
แต่ในความคิดผมนะ ผมว่า ระบบ Real Time 4WD มันจำเป็นนะ ดังนั้น หากคุณไม่ติดปัญหาเรื่องเงินนะครับ ผมว่า มันก็เป็นทางเลือกที่ดีนะครับ
ถึงแม้ส่วนต่างจะต่างกัน 110,000 อย่างที่คุณบอก แต่หากคุณลอง หักออฟชั่นส่วนต่าง ระหว่าง 2WD กับ 4WD ที่ได้ออฟชั่นเพิ่ม ไม่ว่จะเป็น เบาะไฟฟ้า ไฟตัดหมอก BLUETOOTH แอร์ออโต้แยกฝั่งซ้ายขวา กล้องถอยหลัง
ผมว่า ตีเป็นเงิน สมมติสัก 50,000 บาท เท่ากับว่า คุณเสียเงินให้กับระบบ Real Time ประมาณ 60,000 บาทเท่านั้นเอง
ไม่รู้นะครับ อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัว การซื้อรถ มันอยู่ที่คุณเลือกครับ อย่าให้คนอื่นมามีอำนาจในการตัดสินใจซื้อรถครับ แต่ คุณสามารถใช้ความเห็นของคนอื่นเป็นแนวทางได้ครับ
แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 55 20:17:31
จากคุณ |
:
Mr.VTEC
|
เขียนเมื่อ |
:
24 ก.ย. 55 20:07:08
|
|
|
|
 |