 |
ก่อนอื่น ขอออกตัวก่อนเลยว่าผมมีส่วนได้เสียกับไอ้กรองไฟ DC KWT ที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้โดยตรง แต่ที่จะตอบเจ้าของกระทู้ จะขอตอบในถานะของคนที่ตอนแรกสงสัย และคนที่ได้ลองใช้มันมาแล้วครับ จริงๆก็พอมีความรู้ด้านอิเล็คฯอยู่บ้างเพราะจบวิศวะคอมฯมา เรียนอิเล็คฯไฟฟ้ามาก็หลายตัวกว่าจะจบมาได้แบบทุลักทุเล ฮ่าๆ
ที่ผมจะพูดถึงต่อไปนี้เป็นเรื่องของกรองไฟ DC อย่างเดียวไม่ใช่ Volt Stabilizer(จีนแดง/ ไต้หวัน) ที่ขายกันเกลื่อนตอนนี้นะครับ
ที่เจ้าของกระทู้ถามว่ามันเกิดขึ้นได้จริงรึป่าว ก็มันเกิดขึ้นจริงๆแล้วกับเจ้าของกระทู้และทุกคนที่ได้ลองใช้มันนี่ครับ ผมก็สงสัยแบบเจ้าของกระทู้เลย แต่พอเอามาลองกับรถหลายคันมันก็ให้ผลไปในทิศทางเดียวกันหมด ลองถอดใส่สลับกันกับน้ำมันแต่ละถัง ก็เห็นถึงความแตกต่าง ส่วนตัวเลข 0-100 ก็ดีขึ้น (วิ่งซ้ำๆ 8 รอบ ถอดใส่สลับกัน)
คำถามที่ว่า "แค่ใส่วงจรเข้าไป ทำไมถึงดีขึ้นได้" ตามความเห็นของผม ไฟนิ่งกว่าอุปกรณ์อิเล็คฯทำงานได้ผิดพลาดน้อยกว่า ปกติพวกเซนเซอร์ หรืออุปกรณ์อิเลคฯแบบต่างๆ ตามสเปคมันจะมีค่าผิดพลาดบอกอยู่ครับ ซึ่งจะเป็นค่าที่ผู้ใช้ยอมรับได้ แต่ถ้าเราช่วยทำให้อุปกรณ์พวกนี้มันทำงานแบบผิดพลาดได้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันจะไม่ดีกว่าเหรอครับ ยิ่งผิดพลาดน้อยเท่าไหร่ผมว่ามันก็น่าจะยิ่งส่งผลดีกับระบบเครื่องยนต์โดยรวมนะผมคิดว่า
ไฟที่รถใช้เป็นหลักตอนรถวิ่งจะมาจากไดชาร์ต ยิ่งรอบเครื่องยนต์สูงสัญญาณรบกวนจะยิ่งเยอะ เพราะกระแสไฟเกิดจาก การเหนี่ยวนำของขดลวด ไม่เหมือนกระแสไฟที่มาจากแบตฯตอนดับเครื่องที่แทบจะไม่มีสัญญาณรบกวน ไม่ใช่แค่ไดชาร์ตอย่างเดียวที่สร้างสัญญาณรบกวนมาในระบบ ยังมีไฟสูงตอนจุระเบิด คอมแอร์ พัดลมมอร์เตอร์ต่างๆ ด้วย
ข้างในกล่อง Filter มันใส่ Super Capacitor ไปด้วย ตัวเล็กแต่ทำได้ความจุเยอะ มีค่าเป็น 1,000,000 ไมโครฟารัด คนที่เค้าสร้างวงจรนี้ขึ้นมา โจทย์ของเค้าก็คืออยากได้ไฟที่นิ่ง เหมือนที่ได้จากแบตฯตอนไม่ได้ติดเครื่องยนต์ แล้วทำไมคนเราอยู่ดีๆถึงอยากให้ไฟรถตัวเองนิ่ง เพราะเค้าเป็นคนที่อยู่ในวงการเครื่องรถยนต์ ทดลองทำกันมาเกือบ 10 ปี จนสุดท้ายเค้าก็ได้วงจรที่ทำงานจนที่น่าพอใจคือ กระแสไฟตอนติดเครื่องยนต์ม้นนิ่งพอๆกันตอนดับเครื่อง แต่ว่าจุดเปลี่ยนมันอยู่ตรงที่ใช้กรองไฟแล้วดันรู้สึกว่ารถแรงขึ้น ประหยัดขึ้น แอร์เย็นขึ้น ไฟหน้าสว่างขึ้น เกียร์ Smooth ขึ้น ให้คนอื่นลองก็ได้ผลลัพธ์แบบเดียวกัน มันก็เลยเป็นประเด็นทางการตลาดขึ้นมา เพราะตอนแรกวงจรก็แจกจ่ายฟรี ให้กับคนทั่วไปที่อยู่ในวงการเครื่องเสียงได้เอาไปใช้กันแฮปปี้ทั่วหน้า โดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องการทำการตลาด
หลังจากนี้ไม่ขอเล่าต่อแล้วครับเพราะมันค่อนข้างดร่าม่าและซับซ้อนอยู่พอสมควร สรุปสั้นๆว่าคนออกแบบเป็นคนดังมากในวงการเครื่องเสียง ถ้วยรางวัลเต็มบ้าน มีเปิดคอสอบรมด้านเครื่องเสียง ซึ่งจะลงทะเบียนต่อวันต่อคนต้องควักเงินหลายพันบาท
ส่วนที่ถามว่ามันจะมีผลเสียกับรถเรารึป่าว อันนี้ตามความเห็นของผมนะครับ วงจรประเภท Passive ปกติจะเป็นผู้รับครับ ไม่ได้เป็นส่งหรือขยายสัญญาณรบกวนใดๆออกไปรบกวนวงจรในส่วนอื่นได้ครับ ถ้าตัวมันจะเสียหรือจะมีปัญหา ปกติวงจร R L C ตัวที่จะเสียก็เป็น C นี่แหล่ะ บางทีให้แรงดันเกินก็ระเบิดได้ ทำให้เกิดกรณี Open circuit หรือเสื่อมค่า ก็จะส่งผลให้วงจรกรองไฟไม่ได้ตาสเปคแค่นั้น โอกาสที่จะเกิดกรณี Short circuit จากวงจรประเภทนี้มันแทบจะไม่มี บางกรณีที่ C มันเกิดการ Shot circuit แล้วกระแสไหลผ่านตัวมันได้เต็มที่จนทำให้ R รับกระแสเกินกำลังวัตต์ที่มันจะรับได้ เจ้า R ก็จะขาดแล้วเกิดการ Open circuit อยู่ดี ก็จะเหมือนกับการไม่ได้ต่อวงจรอะไรเข้าไปในรถก็แค่นั้น
ท่านสมาชิกห้องรัชดาท่านอื่นๆจะมีความคิดเห็นว่าอย่างไรกันก็สุดแล้วแต่ครับ ส่วนผมจะขอออกความเห็นแค่นี้แหล่ะครับ อาจจะมีมั่วบ้างดำน้ำไปบ้างก็ต้องขออภัยครับ เพราะความรู้มันได้เข้าหม้อไปแทบจะหมดแล้ว ก็จบมา 10 กว่าปีแล้วนี่หว่า ฮ่าๆ
จากคุณ |
:
~@แมงม่วนแมน@~
|
เขียนเมื่อ |
:
12 ต.ค. 55 01:32:28
|
|
|
|
 |