|
ปัญหามันอยู่ที่ "การบังคับใช้กฏหมาย" ครับ
กฏหมายมันมีอยู่แล้ว แต่การนำมาบังคับใช้มันหย่อนยาน
หากผู้บังคับใช้กฏหมาย ไม่สามารถนำกฏหมายมาควบคุมสังคมได้ ผมว่าวันใดวันหนึ่งอาจเกิดศาลเตี้ยในสังคมก็เป็นได้ครับ
ผมจำได้ว่าไม่กี่ปี่ี่ผ่านมา เรื่องของเด็กแว๊นซ์สร้างความเดือดร้อนให้สังคมมาก
เดือดร้อนจนคนธรรมดาทนไม่ไหว
ก็เลยมี "ฟอร์จูนเนอร์" คันหนึ่งเป็นพระเอก
คุณพี่ฟอร์จูนเนอร์ทำตัวเป็น "บรู๊ซ เวนย์" ออกตระเวณ "เก็บแต้ม" เป่าไอ้พวกแว๊นซ์ด้วยลูกปืน ประมาณว่ายิงโครมเข้าไปในกลุ่มพวกมันที่กำลังแว๊นซ์นั่นแหละ
ตายซิครับ.....จะเหลืออะไรละ โดนลูกปืนเข้าไปแบบนั้น
ตำรวจก็ออกตามสืบ แต่ท้ายที่สุดก็จับมือใครดมไม่ได้ ได้แค่เบาะแสว่าคนทำคือรถฟอร์จูนเนอร์เท่านั้นเอง
ช่วงนั้นเล่นเอาแว๊นซ์แถวสมุทรปราการซาไปพักใหญ่ๆ
ผมไม่ได้สนับสนุนศาลเตี้ย แต่หากตำรวจบังคับใช้กฏหมาย เพื่อดูแลจัดระเบีนยให้สังคมสงบสุขไม่ได้ การจะเกิด "บรู๊ซ เวนย์" คนที่สอง คนที่สาม มันก็มีความ้ป็นไปได้
ถึงตอนนั้น ผมเชื่อว่าเราคงได้เห็นข่าว ประมาณว่าพ่อแม่ของไอ้พวกแว๊นซ์ ต้องออกมารำพันหน้าจอทีวีว่า "ลูกชั้นเป็นคนดี มันเชื่อฟังพ่อแม่ ตั้งใจเรียน"
จากนั้นก็จะอ้าง รำพันเรื่อง "ความจน" ไม่รู้ว่ามันจะอ้างกันไปทำไมให้ทุเรศ อ้างเหมือนกับว่าความจนทำให้มันมีสิทธิ์ในการแว๊น ในการระรานคนสุจริตอื่นๆ
กรณีของซาเล้งมันผิดทุกมุมครับ เพราะมันคือรถดัดแปลงที่ไม่สามารถมาวิ่งบนถนนได้ ไม่ได้มีการเสียภาษี ไม่ได้มีการทำ พรบ.เพื่อคุ้มครองคนอื่น
แถมยังทะลึ่งออกมาวิ่งบนถนน ให้คนอื่นเขาแบกความเสี่ยงไปพร้อมๆกับมัน
ผมเชื่อว่าหากเกิดอุบัติเหตุ แล้วซาเล้งดันเป็นฝ่าย "ถูก" ขึ้นมา รถคู่กรณีอาจถึงขั้นโดนมันเรียกร้องค่าเสียหายจนแทบหมดตัว
แต่ถ้าซาเล้งมันผิด มันก็แค่ยกมือไหว้เรา และอ้าง "ความจน" "ความจน" ที่จะเป็นปัจจัยให้มันเอารัดเอาเปรียบคนอื่น และสามารถละเมิดกติกาสังคมได้โดยที่ไม่รู้สึกผิดอะไร
ในประเทศพัฒนาแล้ว การบังคับใช้กฏหมายอย่าจริงจังตามบทบัญญัติ เพื่อให้ทุกคนอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขเป็นเรื่องสำคัญ
กฏหมาย หรือ ข้อห้ามหลายๆอย่าง ก่อนที่เขาจะคิดออกมาเขาก็ผ่านกระบวนการคิดมาแล้ว ว่าหากนำออกมาใช้มันจะช่วยควบคุมสังคมให้อยู่ในระเบียบ
คนละเมิดก็ละเมิด ส่วนคนคอยควบคุมก็ต้องทำหน้าที่ของตน
เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ในสิงคโปร์ครับ
เพราะประเทศที่เข้มงวดและเป็นนิติรัฐอย่างสิงคโปร์ เขาลงโทษอย่างจริงจังแม้กระทั่งการคายหมากฝรั่งลงพื้นครับ !!!!!!
เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ผมจำๆได้ว่ามีกรณีวัยรุ่นอเมริกัน ที่รู้สึกว่าโดนจับข้อหาทำลายทรัพย์สินสาธารณะที่สิงคโปร์
เด็กเปรตนั่นชื่อ ไมเคิล เฟย์ ครับ ถ้าผมจำไม่ผิดน่าจะเป็นการเอาสีสเปรย์ไปพ่นสาธารณะวัตถุ
การบังคับใช้กฏของเขาเข้มแข็งมาก ศาลสั่งลงโทษไมเคิลด้วยการ "โบย" ครับ....จำนวนทั้งสิ้น 8 ที
เขาไม่สนหรอกว่าเป็นฝรั่งหัวแดงมาจากไหน รู้แต่ว่าหากทำผิดกฏผิดระเบียบของเขาก็ต้องโดนจัดการ
บิล คลินตัน ถึงขนาดต้องออกโรง ด้วยการส่งสารขอร้องให้ปราณี เพื่อเห็นแก่มิตรภาพ
สิงค์โปร์เขาก็ปราณีครับ ปราณีด้วยการลดโทษลงครึ่งนึง กลายเป็นโบย 4 ที เรียกว่าถึงจะเห็นแก่มิตรภาพยังไง ก็ยังต้องโดนโบย
เพราะกฏมันต้องมีการบังคับใช้ให้ศักสิทธิ์
เขาไม่สนหน้าอินทร์ หน้าพรหม ไม่สนด้วยว่าคลินตันจะลงทุนขอร้อง แต่สำหรับพวกเขา กฏหมายมันคือกฏหมาย
และต้องถูกนำมาบังคับใช้ครับ
หลังการโบยเด็กอเมริกัน สิงคโปร์ออกแถลงการอย่างองอาจ
ผมจำข้อความได้ไม่แม่นนัก แต่เนื้อความของแถลงการณ์ประมาณว่า
"เรามีสังคมที่เข้มแข็ง และไม่อดทนต่อการทำลายสาธารณะวัตถุ กติกา และ มาตรฐานที่เรารักษาไว้ ช่วยทำให้สังคมของเราอยู่กันแบบมีระเบียบ ถ้าเราไม่บังคับใช้กฏหมายได้เข้มแข็งแบบนี้ ประเทศเราคงไม่เจริญอย่างที่เห็นหรอก"
อะไรแบบนั้นเลยครับ.......
แม้จะไม่ชอบสิงคโปร์ แต่ผมนิยมวิถีของพวกเขาครับ
เพราะการเคารพกฏที่ตราไว้ และการดูแลไม่ให้ใครละเมิด คือ พื้นฐานที่จะทำให้สังคมเรามีระเบียบครับ
จะซาเล้ง,มอเตอร์ไซด์, รถเก๋ง, รถกระบะ, สิบล้อ, รถพ่วง, ตุ๊กตุ๊ก หรือ แท็กซี่ หากทำผิดกฏหมายก็ต้องโดนลงโทษ
แต่ไม่ใช่ปล่อยปะละเลย จนกลายเป็นเรื่องปกติ ที่คนที่ไร้ความรับผิดชอบสามารถละเมิดกฏหมาย และโยนความเสี่ยงไปให้กับคนร่วมสังคมได้ในแบบที่เป็นอยู่ครับ
แก้ไขเมื่อ 14 พ.ย. 55 11:35:11
จากคุณ |
:
ตุ้ม (Toom McCartney)
|
เขียนเมื่อ |
:
14 พ.ย. 55 11:30:55
|
|
|
|
|