ความคิดเห็นที่ 1 แบตเตอรี่เป็นแบบลิเธียม-ไออ้อนทันสมัยกว่าของเดิม และถูกเคลมว่าสามารถขับด้วยพลังงานไฟฟ้าสะสมเปล่าๆ ได้ถึง 5 กิโลเมตรโดยไม่ต้องพึ่งน้ำมัน เครื่องยนต์จะทำงานในต้องเร่งความเร็ว หรือการขับความเร็วสูงคงที่ และเครื่องยนต์จะหยุดทำงานหากขับที่ความเร็วช้าๆ ไปจนถึงเร็วแบบกลางๆ แบบความเร็วคงที่ และเกียร์ก็จะตัด จากเครื่องยนต์ขณะที่ลดความเร็วและช่วยสะสมพลังงานไฟฟ้า นั่นหมายถึงการติดตั้งมอเตอร์ไว้ที่เกียร์ Dual Clutch 7 speed ลูกนี้ด้วย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:32:36

ความคิดเห็นที่ 2 ความประหยัดเคลมเอาไว้ว่าดีขึ้น 30% ดีกว่าระบบ Hybrid ที่มีมอเตอร์เพียงอันเดียว และเกียร์ Dual clutch เพียงอย่างเดียวก็ทำให้มีสมรรถนะความประหยัดดีกว่า CVT 10% และยังทำงานได้เร็วกว่า อัตราเร่งก็จะดีกว่าถึง 15% Dual Clutch ที่พัฒนาโดย Honda บ่งบอกถึงเส้นทางของค่ายที่จะเปลี่ยนแปลงจากการไปจากการใช้เส้นทางของ CVT ต่างกับ Nissan ที่พยายามมุ่งไปที่หนทางของ CVT มาโดยตลอด เกียร์ลูกใหม่น่าจะมาพร้อมๆ กับ Honda Jazz Hybrid รุ่นใหม่ CR-Z และ Insight เป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูกันต่อไป จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:32:55

ความคิดเห็นที่ 3 Renault นำ Dacia Logan มาแปลงโฉมขายในนาม Renault Symbol เหมือนกับรถ Nissan หลายๆ รุ่นที่ถูกจำแลงเพื่อนำไปขายเป็นยี่ห้อ Renault ซึ่งประสบความสำเร็จสำหรับ การทำให้คนที่ไม่คุ้นเคยกับรถแบรนด์นั้นๆ แต่ตอบรับกับแบรนด์ Renault มากกว่าซื้อไปใช้ Symbol รุ่นปัจจุบันที่สร้างบนพื้นฐาน Clio รุ่นเก่า จะถูกแทนที่ด้วยรถที่แปลงมาจาก Dacia Logan แทนที่จะลงทุนพัฒนาใหม่มากมาย แต่อาจจะปรับ option ให้มีมากขึ้นกว่าเดิม เหมือนกับเคสตอนที่ทำกับ Almera และ March ที่พยายามจะทำให้ดูหรูขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการออกแบบเน้นการเพิ่มความโดดเด่น มากกว่ายึดติดกับสัดส่วน มาตรฐานเดิม อาจทำให้สัดส่วนบนใบหน้าดูเพี้ยนไปบ้าง แต่ได้มาซึ่งความโดดเด่น เตะตากว่ารุ่นเดิม ขอแนะนำให้ดูจาก Focus ซึ่งสัดส่วนเพี้ยนไปจาก Mazda 3 ทั้งคัน แต่ดูเตะตาและคนทั่วไปที่ไม่แม่นเรื่องศิลปะด้านสัดส่วนและโครงสร้าง จะชื่นชอบ รวมไปถึงคนหมู่มากจะชอบรถที่มีความเตะตามากกว่ารถอีกคันที่สัดส่วนดีแต่ไม่เตะตา จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:34:24

ความคิดเห็นที่ 4 Symbol ใหม่ใช้เครื่องยนต์เบนซินรหัส TCe90 สามสูบ 898 cc พ่วงกับเทอร์โบชาร์จเจอร์ที่เรียกว่า Ultra-low-inertia turbocharger กับระบบวาล์วแปรผัน VVT ทำให้เครื่องยนต์จิ๋วๆ เครื่องนี้ ผลิตแรงม้าได้ถึง 90 HP และแรงบิดสูงสุดถึง 135 นิวตัน-เมตร ซึ่ง 90% ของแรงบิดสามารถทำได้ตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ เพียง 1,650 รอบ/นาทีเท่านั้นเอง ความประหยัดอยู่ที่ 18.9 km/l และโดดเด่นเรื่องการปล่อยไอเสียที่ต่ำเพียง 122g C02/km เท่านั้น เครื่องยนต์ดีเซลมีสองตัวคือ dCi 75 และ dCi 90 ที่มีความประหยัดถึง 25.6 km/l จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:34:47

ความคิดเห็นที่ 5 Symbol จะวางจำหน่ายในตรุกีต้นปี 2013 และถัดจากนั้นจะขายในอัลจีเรียและตูนีเซีย มองดูแล้ว trend การแปลงโฉมและเพิ่ม option กับเครื่องยนต์สมรรถนะดีๆ น่าจะมีประโยชน์กับตลาดเอเชีย ได้เหมือนกัน อย่าง Isuzu D-Max กับ Chevrolet Colorado แต่ที่ Renault ไม่มีโปรเจ็ค แบบนี้ในตลาดเอเซียอาจจะเป็นเพราะ ล่วงรู้ว่าจะไม่ประสบความสำเร็จแน่นอนเพราะไม่เคยมาบุกตลาดนี้มาก่อน หรือ ผลตอบรับอาจจะเป็นเรื่องที่ยากจะคาดเดาเกินไปก็ได้ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:35:06

ความคิดเห็นที่ 6 เวอร์ชั่นพิเศษ Lexus ที่น่าสนใจใน SEMA show 2012 SEMA show ที่จัดขึ้นในลาสเวกัส Lexus ได้นำชุดแต่งพิเศษหรือเวอร์ชั่นพิเศษมาอวดแสดง ที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็น "New Project LS 460 F Sport" โดยค่าย Five Axis "Supercharged GS 350 F Sport" โดยค่าย VIP Auto Salan และ "IS FCCS-R race car" โฉมรถแข่งสำหรับ IS และในงานยังมีรุ่น "LFA supercar" กับ "LF-CC concept" มาร่วมแสดงด้วย LS 460 F Sport โดย Five Axis ตบแต่งด้วยชุด aero body kit รอบคัน ใช้ ล้อขนาด 22 นิ้วสวมเข้ากับยาง Yokohama Advan Sport จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:36:59

ความคิดเห็นที่ 7 Supercharged GS 350 F Sport ใช้เครื่องซุปเปอร์ชาร์จเจอร์ CG SPL ของ Apexi ใช้เบรกสมรรถนะสูงจาก Brembo และล้อ 20 นิ้วของ Vossen รุ่น CV7 และ สวมใส่ชุดแต่งจาก Wald จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:37:22

ความคิดเห็นที่ 8 IS FCCS-R race car ที่ชนะเป็นอันดับที่สองในคลาสจากสนามแข่ง Pikes Peak International Hill Climb เมื่อต้นปีที่ผ่านมาใน Colorado ด้วยเครื่องยนต์ V8 5.0L 416 bhp เดิมๆ จากโรงงาน เสริมแต่งบอดี้ด้วยชุดแต่งคาร์บอนไฟเบอร์ รอบคัน ล้อ SSR ขนาด 18 นิ้ว เบรกสำหรับรถแข่ง และทำระบบท่อไอเสียเป็นแบบพิเศษ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:37:41

ความคิดเห็นที่ 9 Toyota จะสวมร่าง Mazda 2 สำหรับตลาดอเมริกา นับว่าเป็นข่าวที่สร้างความงุนงงให้กับแวดวงรถยนต์ เพราะในอเมริกาก็มีรถ supermini อย่าง Yaris รุ่นใหม่ อยู่แล้ว ที่สลัดคราบกลมๆ ของรุ่นที่แล้วออกไป จนดูผอมเพรียวพอๆ กับ Mazda 2 มากขึ้น ข่าวนี้เป็นที่ยืนยันโดยการแถลงข่าวของทั้งสองบริษัทที่จะร่วมมือกันสร้างรถรุ่นใหม่ให้กับตลาดสหรัฐ โดยรถรุ่นใหม่จะถูก สร้างบนพื้นฐานของ Mazda 2 และขายในนามรถยนต์ของ Toyota ที่จริงในตลาดอเมริกา Mazda 2 นั้น เริ่มขายช้ามาก ช้ากว่าประเทศไทยที่นับว่าช้าอยู่แล้ว จนเรียกได้ว่าช้าที่สุด นี่ก็เป็นนัยว่า Mazda 2 โฉมที่ขายอยู่ใน ประเทศที่เปิดตัวช้า อาจจะมีอายุตลาดอยู่ที่ 3-4 ปีเท่านั้น สำหรับรูปร่างของ Mazda 2 ปัจจุบันยังนับว่าดูทันสมัยและเป็นหนึ่งใน benchmark ในการออกแบบสำหรับ รถระดับ B segment และยังเป็นรถที่ครองอันดับที่ 1 World car of the year ในปี 2008 ถึงจะผ่านมาร่วม 5 ปี ก็ยังมีรูปทรงที่ดูทันสมัย หาก Toyota จะมองว่าการปรับแต่งให้เป็นรถรุ่นใหม่สำหรับปี 2015 คงจะไม่มีปัญหามากนัก แต่ก็ยังไม่มีคำยืนยันว่า รถที่สร้างบนพื้นฐานจะเป็น Mazda 2 รุ่นใหม่ไปเลยรึเปล่า หรือว่า เป็นรุ่นปัจจุบัน สำหรับรุ่นปัจจุบัน เพียงแก้แนว belt line ซะใหม่ ซึ่ง Mazda 2 รุ่นปัจจุบัน มี belt line ที่ทำให้ดูเป็นรถสำหรับผู้หญิงมากเกินไป (ซึ่งเดิม Demio เป็นรถสำหรับลูกค้าผู้หญิงเป็นหลัก) ก็จะสามารถทำให้รถดู มีรูปทรงที่เป็น unisex มากขึ้น ดูสปอร์ตเร้าใจมากขึ้นได้ไม่ยาก จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:38:59

ความคิดเห็นที่ 10 โดยรถรุ่นใหม่จะผลิตจากโรงงานที่กำลังก่อสร้างใหม่ในรัฐกวานาคัวโตของเม็กซิโก เริ่มต้นการผลิตในปี 2015 วาง เป้าหมายผลิต 50,000 คันต่อปี Toyota ได้ลงทุนในส่วนของเครื่องมือการผลิตและการวิจัยพัฒนา และลงทุน สำหรับการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานใหม่ การร่วมมือในครั้งนี้เป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดนึกฝัน แต่ทางเรากำลังมองว่า Toyota กำลังมองไปที่ผู้ผลิตรถยนต์ที่เน้น สมรรถนะการขับขี่มากขึ้น ตามนโยบายของ Akio Toyoda ถึงแม้ว่าจะไม่เป็นที่แน่ชัดก็ตาม แต่ดูเหมือน Toyota กำลังต้องการรวมผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นไว้ด้วยกันเหมือนกับการผนึกกำลัง มากกว่าที่จะเอาชนะคู่แข่งให้ได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้อง เข้าไป takeover แต่เน้นการร่วมมือเป็นหลักเพื่อให้อุตสาหกรรมรถญี่ปุ่นไปได้ไกลกว่าเดิม นอกจากนั้นยังจับมือกับ ผู้ผลิตเยอรมันก่อนหน้านี้ด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นการเพิ่มเติมสมรรถนะของรถยนต์ในค่ายอย่างเห็นได้ชัด จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:39:23

ความคิดเห็นที่ 11 ในการทับซ้อนกันกับ All-new Toyota Yaris ที่กำลังขายอยู่ในปัจจุบัน ทำให้มองว่าอาจจะเป็นแผนการขาย Yaris Hybrid ในสหรัฐ ซึ่งรถ Hybrid มีจำหน่ายอยู่หลายรุ่น แต่ยังขาดรุ่นน้องอย่าง Yaris ซึ่งการเปิดตัว รถ B segment ใหม่ อาจหมายถึงการขยับ Yaris ขายเป็นรถ Hybrid เป็นหลักก็ว่าได้ ตามแผนการที่จะขยาย ขอบเขตการขายรถ Hybrid ในโลกให้ได้มากที่สุด สำหรับบ้านเราก็ยังน่าจับตาดูว่า Toyota จะแทรกไลน์ Hybrid เข้าไปในรถรุ่นไหนอีก และ product lineup หลังจากการสอดแทรก Eco car เข้ามา จะมีหน้าตาเป็นรูปแบบไหน นอกเหนือจากกำลังการผลิต 50,000 คันที่เตรียมไว้สำหรับผลิตรถให้ Toyota Mazda ยังตั้งมั่นที่จะผลิต Mazda 2 และ Mazda 3 ให้ได้ 140,000 คันต่อปีที่โรงงานนี้เช่นกัน โดยโรงงานจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในปี 2014 ในการร่วมมือในครั้งนี้ Toyota มี product line-up ที่แข็งแกร่งขึ้น และในส่วนของ Mazda ก็จะมีผลกำไรมากขึ้น และมีการผลิตที่เต็มประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับ Mazda นั้นเพิ่งยุติการผลิตที่โรงงาน AutoAlliance International Plant ใน Flat Rock ที่ Michigan เป็นการสิ้นสุด 20 ปีของการผลิตรถในสหรัฐ เศรษฐกิจอเมริกากำลังแย่จริงๆ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:39:42

ความคิดเห็นที่ 12 ทดลองขับ Almera 1.5 CVTC จาก Melaka และชุดแต่งพิเศษจาก Impul ที่เมืองไทยไม่มี รถยนต์ญี่ปุ่นในมาเลย์เซียเป็นรถที่ราคาแพงเนื่องจากมีภาษีคอยปกป้องรถยนต์แห่งชาติของตัวเอง Almera เพิ่งเปิดตัวในมาเลย์เซียไม่นานจึงเป็นสัญญาณนัยๆ ว่า Almera ในเมืองไทยน่าจะมีอายุ ตลาดไม่น้อยกว่า 5-6 ปีแน่นอน ราคาของ Almera 1.5 ในมาเลย์เซียเริ่มต้นที่ 670,800 บาท ถ้าขายในไทยน่าจะเริ่มต้นราคา ราวๆ Vios, City ครับ ซึ่งราคานี้ในมาเลย์เซียถึงว่าถูกมากเลยทีเดียว จนสามารถการันตีได้ว่า Almera 1.5 จะต้องเป็น best selling car ในกลุ่มรถญี่ปุ่นได้อย่างง่ายดาย ซึ่งในปีหน้า Vios รุ่นใหม่ก็จะ ต้องปรับตัวสำหรับ Almera 1.5 ด้วยสำหรับตลาดมาเลย์เซีย Almera ที่มาเลย์เซียได้ชุดแต่ง Impul ติดตัวมาด้วย ซึ่งถือว่าออกแบบมาดี เราชื่นชอบชุดแต่งแบบนี้ และ เสียงตอบรับจากสื่อก็ดีด้วย Almera มีจุดอ่อนที่ภายนอกยังดูอ่อนเบาในด้านสไตลิ่ง ในขณะที่ภายในก็ทำได้ล้าหลัง ในเคส Sylphy ก็เช่นกัน นับเป็นการออกแบบ global car ที่จงใจลดทอนในส่วนของรายละเอียด แต่ เพิ่มคุณค่าในส่วนของตัวถังแทน ทำให้รถของ Nissan มีดีในตัวมันแบบที่ค่ายอื่นไม่มี นี่คือจุดที่ขาดหายจากรถ global ราคาไม่แพงที่ Nissan ตั้งใจผลิตออกมาในช่วง 2-3 ปีมานี้ แต่ทุกอย่างจะเป็นคนละเรื่องกับ Nissan Teana ใหม่ ที่จะเป็นเรือธงในการข่มขวัญคู่แข่ง D-segment ในทุกๆ ด้าน ไม่มีส่วนใดที่ทำ ด้อยกว่าที่ควรจะเป็น เรียกได้ว่าทำเต็มที่เต็มฝีมือ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:41:25

ความคิดเห็นที่ 13 การ set up พวงมาลัย ที่เหมือนกับของไทยทำให้ Almera เป็นรถที่ขับง่ายสำหรับทุกเพศทุกวัย ไม่ได้จำกัด เฉพาะสำหรับผู้ชายที่ชอบพวงมาลัยหนักๆ ดังนั้นคนที่ชินกับพวงมาลัยหนักๆ มา ต้องทำความคุ้นเคยซักระยะ แต่เมื่อ ชินแล้ว ในด้านของการบังคับเลี้ยวและการควบคุมทิศทาง ความคม ถือว่าใช้ได้ ช่วงล่างเน้นสบายๆ เหมือนของไทย โดย Nissan พยายามจะตัดความรู้สึกโต้ตอบจากพื้นถนนที่ส่งผ่านมาถึงพวงมาลัยออก ซึ่งคนส่วนใหญ่จะพบว่ามัน สบายกว่า แต่สำหรับคนกลุ่มเล็กๆ ที่ชอบซิ่งจะต้องการ feed back ตรงนี้ แต่ความตั้งใจของ Nissan ในการ ทำรถยนต์ในอนาคตตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะตัดขาดจากสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด ด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด Drive-by-Wire ที่กำลังจะเริ่มใช้กับ Infiniti รถหรูของค่ายก่อน เมื่อเข้าใจดังนี้ก็อย่าเพิ่งเอะอะโวยวายจนเกินเหตุหากพวงมาลัยไม่ได้ เป็นแบบที่บางคนชอบ ไม่ใช่ว่าวิศวกร set up มาไม่ดี แต่ Nissan ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นอย่างแน่วแน่ พวงมาลัย ที่มีการ feed back จากพื้นผิวบนท้องถนนหมายถึง แขนของผู้ขับต้องคอยใช้กำลังต้านทานแรงเหวี่ยงของพวงมาลัย ไม่ว่าจะเป็นเวลาเข้าโค้ง เวลาเจอทางขรุขระ การโยนตัว การเจอลอนคลื้น ที่ทั้งหมดสามารถทำให้เกิดอาการสะบัดของพวงมาลัย คงจะมีเฉพาะผู้ชายเอเชียร่างใหญ่หรืออ้วน หรือผู้ชายฝรั่งร่างใหญ่ ที่ชอบการซิ่งแบบเถื่อนๆ ที่จะชอบอาการ feed back จากพวงมาลัยเยอะๆ ส่วนใหญ่นักวิจารณ์รถก็จะชอบกันแบบนั้น เพราะความเคยชินที่ติดมาจากรถประเภทเน้นสมรรถนะใน การขับนั่นเอง แต่มันไม่ได้เหมาะกับผู้บริโภคในวงกว้างเท่าไหร่นัก จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:41:49

ความคิดเห็นที่ 14 ในการขับขี่ของสื่อมาเลย์เซีย ซึ่งข่าวนี้นำมาจากเว็บ Paultan.org ที่รักของเรา เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรจากนิสสัน ทำอัตราสิ้นเปลืองออกมาได้ไม่เลวร้าย ซึ่งทำสถิติดีที่สุดที่ 24.8 กม./ลิตร สำหรับผู้ทดสอบที่ขับแบบ eco ค่อนข้างเก่ง และแย่ที่สุดอยู่ที่ 14.5 กม./ลิตร ที่คาดว่าน่าจะเป็นผู้ทดสอบที่ขับแบบหนักหน่วงซักหน่อย ที่นั่งด้านหลังที่กว้างมหาศาลเกินระดับ B segment และข้ามไปถึง D segment บางรุ่นยังคงเป็นที่รอคอยของ ลูกค้าในทุกประเทศจริงๆ และเป็นจุดเด่นของรถมากมายในฐานะที่เป็นหนึ่งเดียวในโลก เรียกได้ว่า ถ้าสามารถมีรถได้มาก กว่าหนึ่งคันในบ้าน ก็ควรจะสแปร์ Almera ไว้เป็นตัวเลือกไว้ซักคัน แต่ถ้าเป็นบ้านที่สามารถมีรถได้เพียงคันเดียว ก็คง ต้องซีเรียสในเรื่องของอารมณ์การขับขี่ที่ถูกใจตัวเองเป็นหลักซึ่งข้อนี้ทำให้ไม่มีรถรุ่นไหนใน segment ได้เปรียบหรือ เสียเปรียบกันเนื่องจากความชอบในเรื่องสมรรถนะและการบังคับควบคุมเป็นรสนิยมส่วนตัว Paultan.org บรรยายเอาไว้ว่า เครื่องยนต์ HR15DE ที่มีกำลังด้อยกว่าคู่แข่งอยู่ที่ 102 แรงม้า (PS) และแรงบิด 139 นิวตัน-เมตร สามารถทำให้รถออกตัวได้ไวกว่าที่คิด ซึ่งเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นกับ HR12DE ที่อยู่ใน Almera ของไทยเช่นกัน นิสสันทำได้ดีที่สามารถทำให้การออกตัวไม่รู้สึกอืดอย่างตั้งใจ แม้ว่าในบางช่วงความเร็วอื่นๆ จะถูกทำให้ช้าขึ้นบ้างอะไรบ้าง แต่นับว่าทำให้การใช้การในย่าน 0-80 กม./ชม.ในการขับขี่ในเมืองไม่อืดยืดยาด ซึ่ง Swift eco ถึงแม้ว่าจะครองตำแหน่งในใจของ mewminorchange.com ก็ยังทำให้รู้สึกว่าการเริ่ม เดินทางทุกครั้งช้ามากไป เหมือนตั้งใจให้รถค่อยโชว์เรือนร่างให้ผู้อื่นได้มองตามก่อนที่จะเครื่องยนต์จะค่อยๆ เร้าใจขึ้น ตามลำดับ จนเวลา 0-100 กม./ชม. ทำได้ดีมากก็จริง แต่สำหรับการขับในเมือง อาจจะขัดใจที่ต้องออกตัวแบบ สโลว์ซบ 1 2 3 4 ทุกๆ ครั้ง (จังหวะของลีลาศ) จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:42:13

ความคิดเห็นที่ 15 ราคาเริ่มต้นที่ถูกตั้งให้ถูกกว่ารถอื่นๆ ทำให้ Almera ได้ใช้เพียงเกียร์ออโต้ 4 สปีดมาตรฐาน แต่ก็ถือว่าทำงานได้ดีใน ทุกสถานการณ์ และมีความเรียบลื่นแทบไม่สัมผัสจังหวะเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งเกียร์ออโต้ 4 สปีดที่ Toyota ชอบใช้ก็ทำงาน ได้แบบนั้นเช่นกัน จนไม่รู้ว่าจะมีเกียร์เกียร์ Dual clutch ที่ยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่มาให้ลองกันทำไม ต้องรอดู ว่า Dual clutch ของ Honda จะลบคำสบประมาทเกียร์ประเภทนี้ที่อยู่ในรถบ้านได้หรือไม่ สรุป Nissan Almera 1.5 ลิตร ที่ไม่มีจำหน่ายในบ้านเรา ด้วยราคาที่เป็นมิตร ความใหญ่โต การใช้ง่าย สบายๆ และความประหยัด ทำให้มันเป็นรถพื้นฐานที่น่าสนใจ รุ่น 1.2 ที่ถูกนำไปขายที่ญี่ปุ่นในชื่อ Latio อาจจะสร้างความ ผิดหวังเพราะราคาที่แพง จนคนญี่ปุ่นเปรียบเทียบว่ามันไม่สามารถเทียบได้กับ Sunny แต่สำหรับประเทศอื่นที่มันมีราคา ที่ถูก ก็สามารถทำให้นึกย้อนไปถึงรถดังประจำบ้านในอดีตอย่าง Sunny ได้อยู่เหมือนกัน ลองชมภาพชุดแต่ง Impul ที่บางมุมก็มองคล้าย SKYrender อยู่เหมือนกัน ส่วนสปอยเล่อร์หลังนั้นทำได้ดูดีกว่าสปอยเล่อร์จากโรงงานปัจจุบันอย่างอักโข หวังว่าคงจะได้เห็นมันมาอยู่ในรุ่นไมเนอร์เชนจ์นะครับนิสสันซัง ! จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:42:36

ความคิดเห็นที่ 16 Cruze minor change เริ่มเปิดตัวก่อนในมาเลย์เซีย แม้แต่ Cruze ก็ยังหนีทรงช่องดักลมแบบปากบึ้งไม่พ้น กันชนหน้าใหม่ของ Cruze อาจจะดูมีเอกลักษณ์น้อยลงกว่า ตอนเริ่มต้น แต่ก็ได้การแต่งหน้าทาปากที่เปลี่ยนอารมณ์ให้แปลกใหม่ไปจากเดิม กรอบไฟตัดหมอกมาใช้ทรงเดียวกับ Captiva minor change มีขอบโครเมี่ยมเพิ่มความหรูอีกนิดหน่อย สเป็คหลักๆ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่มีสิ่งหนึ่งที่แก้ไขให้ดูเข้าที่เข้าทางซะทีกับปุ่ม Push-start ที่เป็นทรงกลมแบบ ค่ายรถอื่นๆ เป็นการพิสูจน์อย่างชัดเจนแล้วว่า ความพยายามที่จะทำให้ดูแปลกใหม่ในส่วนนี้ยังเป็นความตั้งใจที่ไม่เข้าท่า สำหรับคนใช้รุ่นเดิมที่เคยเถียงขาดใจหรือภาคภูมิใจคงต้องยอมรับซะทีว่า ปุ่มกดกลมๆ มาตรฐานยังไงๆ ก็ยังเข้ากับรถปัจจุบัน มากกว่า จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:43:22

ความคิดเห็นที่ 17 ปรับเปลี่ยนใหม่เป็นพิเศษสำหรับปุ่ม Push start สิ่งเล็กๆ ที่มีความสำคัญ จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:44:55

ความคิดเห็นที่ 18 Honda Brio Amaze Debut in Thailand Honda Brio Amaze ได้เริ่มเปิดตัวในวันนี้ซะที เป็นที่แรกในโลก โดย Brio Amaze นั้นจะทำตลาด ในประเทศอินเดียเป็นที่ต่อไป โดยการตั้งชื่อว่า Amaze นั้นอาจจะถูกอกถูกใจฝั่งตลาดอินเดียซึ่งเป็นตลาดสำคัญ มากกว่าบ้านเรา และสิ่งที่พิเศษในตลาดอินเดียอีกอย่างก็คือการได้ใช้ เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 1.5 ลิตร Earth Dreams i-DTEC turbo diesel เป็นตัวชูโรง แต่ไม่มีในบ้านเรา จนรู้สึกว่ารัฐน่าจะออกกฎหมาย เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์ดีเซลในรถเก๋งนั้นเกิดได้ แต่ทฤษฎีนี้คงเป็นไปไม่ได้ Honda Brio Amaze ถูกพัฒนาต่อยอดจาก Brio โดยดัดแปลงตั้งแต่ช่วงหลังเสา B เป็นต้นไปในการเปลี่ยนให้ เป็นรูปแบบของรถซีดาน เพื่อเป็นรถซีดานรุ่นที่สองที่เป็น eco car ต่อจาก Nissan Almera ที่ตั้งหน้าตั้งตาโกย ยอดขายทั่วโลกในขณะนี้ไปกว่า 500,000 คันแล้ว การออกแบบ Brio Amaze อยู่ภายในแนวคิด Smart Micro Limousine ซึ่งแนวคิดของ Honda มี ความสำคัญในการออกแบบทุกครั้งและสามารถนำมาเป็นจุดขายได้ตลอด และอยู่ภายใต้หลักการการออกแบบ man maximum, machine minimum ที่เวลานั่งจะรู้สึกถึงความกว้างขวางสะดวกสบาย ทุกอย่างมีความใกล้เคียงกับ Brio รุ่นปกติทั้งหมด เรือนไมล์มีสีต่างกันเล็กน้อย ล้อแม็กมีลายแตกต่างกัน Brio Amaze มีที่เก็บสัมภาระถึง 400 ลิตรเท่าๆ กับ B segment ย่อมๆ และยังมีที่เก็บของซ่อนอีก 20 ลิตรอยู่ระหว่างยางอะไหล่กับ บอร์ดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย และมีที่วางแก้วน้ำถึง 9 ตำแหน่ง ราคาของ Brio Amaze Honda Brio Amaze S เกียร์ธรรมดา ราคา 454,000 บาท Honda Brio Amaze S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 493,000 บาท Honda Brio Amaze V เกียร์ธรรมดา ราคา 482,000 บาท Honda Brio Amaze V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 521,000 บาท จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:46:17

ความคิดเห็นที่ 19 เปรียบเทียบ Nissan Almera Nissan Almera S เกียร์ธรรมดา ราคา 429,000 บาท Nissan Almera e เกียร์ธรรมดา ราคา 455,000 บาท Nissan Almera E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 489,000 บาท Nissan Almera ES เกียร์อัตโนมัติ ราคา 523,000 บาท Nissan Almera V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 563,000 บาท Nissan Almera VL เกียร์อัตโนมัติ ราคา 599,000 บาท เปรียบเทียบรุ่นต่อรุ่นที่ราคาใกล้เคียงกัน Brio Amaze S เกียร์ธรรมดา ราคา 454,000 บาท Nissan Almera e เกียร์ธรรมดา ราคา 455,000 บาท Honda Brio Amaze V เกียร์ธรรมดา ราคา 482,000 บาท Honda Brio Amaze S เกียร์อัตโนมัติ ราคา 493,000 บาท Nissan Almera E เกียร์อัตโนมัติ ราคา 489,000 บาท Honda Brio Amaze V เกียร์อัตโนมัติ ราคา 521,000 บาท Nissan Almera ES เกียร์อัตโนมัติ ราคา 523,000 บาท เปรียบเทียบด้านอื่นๆ -ตัวถัง Brio Amaze ดัดแปลงเพิ่มด้านท้ายจาก Brio / Amera พัฒนาตัวถังใหม่เฉพาะสำหรับซีดาน -ขนาดภายนอก Brio Amaze : A segment / Almera : B segment -ขนาดภายใน Brio Amaze : กว้างขวางพอๆ กับ B segment / Almera : กว้างขวางพอๆ กับ C segment -ขนาดพื้นที่เก็บสัมภาระ Brio Amaze : กว้างขวางพอๆ กับ B segment / Almera : กว้างขวางพอๆ กับ C-D segment -เครื่องยนต์ Brio Amaze : สี่สูบจัดจ้านช่วงต้น เครื่องยนต์เดินเรียบแบบ 1.5L แต่ว่าถูกจำกัดความเร็ว / Almera : สามสูบทำงานทันใจ ยังรู้สึกเป็นแค่สามสูบอยู่แต่ใช้งานดี -อุปกรณ์ความปลอดภัย Brio Amaze : Airbag คู่ และ ABS EBD ทุกรุ่น / Almera : รุ่น ES ลงไปไม่มี และ ES มี Airbag 1 ข้างเท่านั้น -การขับขี่ Brio Amaze : บุคลิกแคล่วคล่อง ไม่เน้นสบาย อาจจะเก็บเสียงไม่ดีแบบ Brio / Almera : เชื่องช้ากว่า เก็บเสียงดี เน้นความสบาย จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:46:44

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับการตั้งราคาออกมาในระดับนี้ เท่ากับ Honda ตั้งใจที่จะแลกหมัดกับ Almera รุ่นต่อรุ่นตามที่เปรียบเทียบไว้ ข้อเสียของ Brio หลักๆ อยู่ที่การถูกจำกัดความเร็วจนแทบจะทำให้คุณงามความดีของเครื่องยนต์ที่ดีมากเครื่องนี้หมดความหมายไปเลย และบอดี้มีการเก็บเสียงที่ไม่ดี แต่ทั้งสองข้อกลับไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อรถนัก ประเด็นสำคัญนั้นอยู่ที่ว่า Brio Amaze นั้นมีความสวยงามในระดับไหนในสายตาของคนซื้อ ซึ่งเป็นสิ่งที่นานาจิตตัง ข้อนี้คงทำให้ Honda หวาดเสียวอยู่ไม่น้อย สำหรับภาพถ่ายโปรโมตนั้น ยังตั้งใจถ่ายเฉพาะมุมเฉียง และพยายามเอียงตัวรถ (ทุำกภาพ) ให้หลอกตาดูเหมือนว่าเส้น Belt line ไม่สูงทางด้านท้ายมากเกินไป อันเป็นสิ่งที่แสดงถึงความกลัวอย่างชัดเจน โดยมุมต้องห้ามที่ไม่สามารถถ่ายออกมาให้เห็นชัดๆ ก็คือภาพถ่ายด้านข้างตรงๆ ซึ่งจะเป็นจุดที่ชัดเจนที่สุดว่ารถรุ่นนั้นสมส่วนหรือไม่ ส่วนมุมมองด้านหลังตรงที่ถ่ายภาพออกมาจัด ว่าสามารถออกแบบมาได้ดี และมีองค์ประกอบดีกว่า City ด้วยซ้ำ เพียงแต่ว่าจะสามารถเข้ากับด้านหน้าได้มากแค่ไหน และ ขึ้นอยู่กับความชอบของผู้บริโภค จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:47:12

ความคิดเห็นที่ 21 สำหรับรูปโปรโมทให้ผ่านได้ในความสวย แต่มุมมองด้านข้างจะเป็นตัวชี้วัด ว่าสัดส่วนของรถมีความเสียหายหรือไม่จากการดัดแปลงเป็นรถซีดาน ส่วน Brio นั้น รูปร่างถือว่าดีเพียงแต่ว่าด้ายท้ายควรจะต้องมีการปรับปรุงเพิ่มเติม อีกหน่อยเท่านั้นซึ่งมีเพียงสองจุดเท่านั้นก็คือฝาท้ายและกันชนหลัง ถ้าทำให้ดูมี มิติขึ้น ไม่แบนเหมือนถูกตัดลงมาตรงๆ ทื่อๆ ครับ ^^ แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 55 18:57:51 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 18:55:11

ความคิดเห็นที่ 22 วิเคราะห์ได้ดีมากครับ ติดตามกระทู้ของคุณมาโดยตลอด จากคุณ : Matzz99 เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 20:44:47

ความคิดเห็นที่ 23 ได้ภาพด้านข้างมาแล้ว มีความสวยงามกว่าที่คิดไว้ เรียกได้ว่าผู้ที่ออกแบบต้องพยายามอย่างสุดความสามารถมากทีเดียว เพราะหมิ่นเหม่สัดส่วนเพี้ยน ถึงจะไม่ใช่ซีดานที่สวย แต่เมื่อมองจากภาพนี้ถือว่า มองเห็นว่า Honda นั้นตั้งใจทำมาเป็นอย่างดีครับ สัดส่วนยังคงเพี้ยนหน่อยๆ มาในแบบรถซีดานน่ารัก ที่เหลือรอดูตัวจริงอีกทีนึง แก้ไขเมื่อ 23 พ.ย. 55 21:21:43 จากคุณ : เน็ดคุง เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 21:08:15

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณครับ จากคุณ : babysang เขียนเมื่อ : 23 พ.ย. 55 23:28:13

ความคิดเห็นที่ 25 เก็บกระทู้เข้าคลังเรียบร้อยแล้วครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ชัยนาม เขียนเมื่อ : 24 พ.ย. 55 07:38:21