ความคิดเห็นที่ 1 เป็นไปได้แต่ที่บอกว่า --ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่น้ำมันมีอุณหภูมิต่ำที่สุด ซึ่งก็หมายถึงความหนาแน่นต่ำที่สุดนั่นเอง-- คิดว่า อุณหภูมิต่ำสุดน่าทำให้ความหนาแน่นสูงต่างหากล่ะ เพราะน้ำมันเป็นเป็นสารปิโตรเคมีที่เป็นกิ่งสั้นๆที่อยู่ในsolvent ถ้า temp ต่ำ อาจมีการหดตัวเล็กน้อยทำให้ความหนาแน่นสูงขึ้น ในการเติมให้ได้เนื้อจำนวนที่ดูมากกว่าเติมตอนที่ temp สูงกว่า มั้ง จากคุณ : moomoomimi - [ 2 ก.ย. 46 12:49:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ารถคุณใช้ถัง10000ลิตรละก็เป็นไปได้ แต่ถัง 45-60 ลิตร น่าจะได้ไม่เกิน 5 ซีซี.... จากคุณ : nuinonthaburi - [ 2 ก.ย. 46 13:17:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 กระทู้แบบนี้มาอีกแล้ว จากคุณ : audda - [ 2 ก.ย. 46 13:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 น่าจะจริง แต่คงไม่ได้เยอะเท่าไหร่หรอก จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ - [ 2 ก.ย. 46 14:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 5 จริงครับดังนั้นทุกๆคืน โปรดขับรถท่านไปเติมน้ำมันที่ปั๊มที่ยอดดอยแถวๆ เชียงราย เนื่องจากบริเวณดังกล่าวที่อุณหภูมิที่ต่ำกว่าอุณหภูมิบริเวณกรุงเทพฯ ซึ่งจะทำให้ท่านได้รับความคุ้มค่าจากการเติมน้ำมัน ขอให้ปฏิบัติตามโดยเคร่งครัด จากคุณ : หมูน่ารักจริงๆ - [ 2 ก.ย. 46 15:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 โอ้.. พี่หนุ่ยนนท์ มะเจอตั้งนาน.. จากคุณ : ว่านน้ำ - [ 2 ก.ย. 46 18:07:25 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โห เพิ่มขึ้น 2 ลิตร ต่อถัง เลยเหรอ มากไปมั้ง โดยปกติเก๋งทั่วไป เฉลี่ยเต็มถังจะเติมกันประมาณ 40 ลิตร ได้เพิ่ม 2 ลิตร 5 เปอร์เซ็นต์ เลยเหรอ อัตราการขยายตัวต่ออุณหภูมิยังไงก็ไม่ถึงหรอก เห็นด้วยกับ คห. ข้างต้น ว่าเป็นจริง แต่คงไม่ถึงขนาดนั้น แค่เล็กน้อยเท่านั้น แต่มีอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผล คือการระเหยตัวระหว่างการเติม เพราะว่า อุณหภูมิ สูง ชึ้น อัตราการระเหยตัวก็สูงขึ้นตามโดยเฉพาะเบนซิน แต่ก็ต่างกันเล็กน้อยอีกนั่นแหละ แต่จะว่าเล็กน้อยก็ไม่ได้นะครับ เพราะว่าเคยมีงานวิจัยในประเทศไทย วัดไอระเหยของน้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งจากคลังเก็บ รถขนส่ง หัวจ่ายน้ำมัน ตัวรถยนต์ ฯลฯ มีปริมาณการระเหยสูงมากหน่วย ล้านลิตรต่อปี ( จำตัวเลขไม่ได้ บอกไปเดี๋ยวผิด liquid ด้วย convert แล้ว น่าเสียดายมากน้ำมันเบนซินเป็นหลัก เพราะระเหยง่าย) แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อยกับปริมาณการใช้รวม แต่ส่งผลเสียต่อสิ่งแวดล้อมมาก โดยการระเหยระหว่างเป็นเติมเป็นสัดส่วนสำคัญ เพราะว่ามีการเติมบ่อยครั้ง น้ำมันมีการเคลื่อนตัว จากคุณ : Mr.Moon - [ 2 ก.ย. 46 19:47:09 A:202.44.4.24 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 กำไรต่อลิตรยังไม่ถึง 50 สตางค์เลย.. ถ้าคนเติมกำไรถึง 2 ลิตร ..เจ๊ง..ครับ temp ต่ำลง density เพิ่มขึ้น..(มันไม่ใช่.น้ำเชื่อม.นะ) แต่จะต่างกันที่ ทศนิยมหลักที่ 4.. ถ้าเติมทีละ 10000 ลิตรก็ OK.. อย่าคิดมากครับ..เติมตอนไหนแล้วแต่สะดวกดีกว่า.. จากคุณ : jaodd - [ 2 ก.ย. 46 20:46:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ตั้งกระทู้แบบนี้ระวังโดน 701 ยิงพรุน ในกระทู้เก่าเห็นเค้าบอกว่าเติมน้ำมันดับเครื่องเงินจะหาย 30 บาทเพราะกินน้ำมันตอนสตาร์ท พึ่งไปอ่านกระทูเก่ามายังงงอยู่เลย เติมในกรุงเทพอุณหภูมิใต้ดินมันไม่ค่อยเปลี่ยนครับ ความหนาแน่ของน้ำแทบไม่เปลี่ยน เห็นโต๊ะหว้ากอเค้าเลิกเถียงกันมาจะ 3 ปีแล้วครับ ตั้งแต่ตอนที่เซฟิโรกำลังจะออกแล้วจะใช้เครื่องตัวเดิม กระทู้เกี่ยวกับเครื่อง v6 จะกินน้ำมันจะทำไงให้ประหยัด ลองไปค้นดูสิเผื่อยังอยู่ จากคุณ : .... - [ 2 ก.ย. 46 21:40:02 A:203.113.37.8 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 555 คงจะได้มากขึ้นแต่นิดเดียวครับ เมืองไทยตอนไหนก็ร้อนคงไม่ต่างกันมากหรอกครับ จากคุณ : tt (mongolia) - [ 2 ก.ย. 46 22:38:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topicstock/V2097881/V2097881.html จากคุณ : 701ls - [ 2 ก.ย. 46 22:40:48 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เคยอ่านมาตั้งนานแล้วในห้องนี่แหละครับ จากคุณ : ข้าวฟ่างหวาน - [ 3 ก.ย. 46 08:38:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เป็นไปได้ ครับเพราะเด็กปั๊มจะง่วงมาก ถ้าเผลอ เราอาจเติม 900 แต่จ่าย 800 เด็กปั๊มอาจเมาขี้ตารับไว้ได้ เราได้น้ำมันฟรี 100 บาท.......ก็หลายลิตรอยู่นา....อิอิ ล้อเล่นน้าาาาา จากคุณ : z00z - [ 3 ก.ย. 46 09:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เห็นด้วยกับความเห็นที่ 13 ครับ...555 คิดได้ไงเนี่ย...สงสัยเคยทำมาแล้วมั้ง...555 จากคุณ : เทพสุรา - [ 3 ก.ย. 46 12:47:07 A:203.107.212.151 X: ]

ความคิดเห็นที่ 15 คือ ผมก็ ไม่เชื่อ ว่าจะได้ถึง 2 ลิตร ครับ แต่ แน่นอน ได้แน่นอน ครับ ตอนเช้าๆ ดังนั้น ผม จะเติม น้ำมันช่วงเช้าๆ ครับ และ เลือก ปั๊มที่มีของแถม คุ้มค่า และ ราคา ต่อลิตร ถูกสุด ช่วงนี้ ก็ TPI ครับ ผม เติม หลัง 5 ทุ่ม ถึง ตี 5 ลด 40 สตางค์ ครับ ผม ช่วงปกติ ลด 30 สตางค์ ครับ ผม จากคุณ : peera-พีระ - [ 3 ก.ย. 46 14:15:28 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มีอีกวิธีครับ เวลาเติมนํามัน เราจอดรถให้ห่างๆจากตัวเครื่องมากที่สุด คือทำไงก็ได้ให้สายมันตึงๆ เพราะเวลานํามันไหลออกมาจะได้ไม่ค้างอยู่ในสายครับ ซึ่งวิธีนี้นอกจากจะได้จำนวนนํามันของที่เราเติมอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว เรายังได้นํามันของรถคันที่เติมก่อนหน้าเราด้วยอีกนิดนึง ปล.แต่ยังไงคงไม่ถึง2ลิตรหรอกนะครับ จากคุณ : Diesel - [ 3 ก.ย. 46 18:26:19 A:203.144.144.136 X:203.144.171.126 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ได้น้ำมันค้างสายด้วยเหรอครับ....นึกไม่ออกเลยว่า จะได้ได้ไงครับ ก็วาล์วมันตัดแค่ไหนแค่นั้นกับรถทุกคันไม่ใช้เหรอครับ จากคุณ : Ont - [ 3 ก.ย. 46 19:37:59 A:202.133.131.71 X: ]

ความคิดเห็นที่ 18 น้ำมัน จะ คำนวนจากหัวจ่ายมั้งครับ ถ้าจำไม่ผิด เพราะSensor มันอยู่ตรงนั้น (รึเปล่าว) จากคุณ : Meuk - [ 4 ก.ย. 46 17:03:19 A:202.57.134.34 X: ]

ความคิดเห็นที่ 19 เออนั่นซิ เซนเซอร์มันอยู่ตรงไหนอ่ะ ตรงหัวจ่าย หรือในตัวปั๊ม จากคุณ : อากง - [ 4 ก.ย. 46 20:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อีกอย่างนึง ถ้าปริมาตรถังเท่าเดิม แล้วเราเติมเต็มถัง มันจะได้มากขึ้นได้ยังไง? งง?! จากคุณ : อากง - [ 4 ก.ย. 46 20:28:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เซนเซอร์อยู่ตรงไหนคงไม่สำคัญ สำคัญที่วาล์วตัดอยู่ตรงไหนมากกว่า ลองนึกภาพดูสิครับ คุณได้น้ำมันค้างสายของคนอื่น แต่คนที่เขาเข้ามาเติมต่อจากคุณ เขาก็ได้น้ำมันค้างสายของรถคุณแหละครับ ปริมาตรถังเท่าเดิม เติมเต็มถังตอนอุณหภูมิต่ำ ได้ปริมาณ(น้ำหนัก)มากกว่าเติมเต็มถังตอนอุณหภูมิสูงครับ(นิดนึง) เรียกว่า ถ้าเราไม่ใช้น้ำมันในถังนั้นเลย แล้วเติมเต็มพอดีเป๊ะ มันจะล้นออกเมื่ออุณหภูมิน้ำมันสูงขึ้นล่ะครับ จากคุณ : Ont - [ 5 ก.ย. 46 00:10:39 A:202.133.132.170 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่มีน้ำมันค้างสายหรอกครับ เพราะคันที่แล้ว เขาก็จอดห่างเหมือนกัน 555 จากคุณ : กรุณาใช้บริการช่องถัดไป - [ 5 ก.ย. 46 06:38:28 ]

ความคิดเห็นที่ 23 น่าจะเป็นดีเซลมากกว่า เพราะดีเซลเติมกลางวันฟองมันเยอะ จากคุณ : เบิ้ม99 - [ 10 ก.ย. 46 22:28:49 ]