ศาลสั่งมาสด้าชดใช้-ไร้ ABS "ครึ่งล้าน" พร้อมดอก รุ่นแลนติส

ข่าวจาก นสพ. ข่าวสด ฉบับวันที่ 11 ก.ย. 2546


ศาลสั่ง"กิจกมลสุโกศล"บริษัทนำเข้ารถยนต์ชื่อดังจ่ายเงินคืน พร้อมดอกเบี้ยกว่าครึ่งล้านให้ลูกค้า หลังซื้อรถยนต์มาสด้า รุ่นแลนติส 2000 ซีซีไปแล้ว พบว่าไม่มีเบรกเอบีเอสตามที่โฆษณาไว้ เมื่อประสบอุบัติเหตุ ทำให้เกิดเบรกล็อก พวงมาลัยบังคับไม่ได้ พบมีการนำอุปกรณ์รถยนต์รุ่นอื่นมาใส่แทน จึงยกเลิกสัญญาการซื้อขาย

เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ อ่านคำพิพากษาคดีที่นายเสถียร ทับมะลิผล เป็นโจทก์ และบริษัทพารา ซูมิ-ไทยลิสซิ่ง จำกัด เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง บริษัท กิจกมลสุโกศล จำกัด ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์มาสด้า แลนติส เป็นจำเลย ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2539 ฐานผิดสัญญาซื้อขาย กรณีที่โจทก์ตรวจพบว่าอุปกรณ์ภายในรถยนต์หลายชิ้นไม่มี หรือไม่ตรงกับคำบอกกล่าวในใบโฆษณาขายสินค้าของบริษัท เพื่อขอยกเลิกสัญญาและขอให้บริษัทคืนเงินค่าซื้อสินค้า

ศาลนำสืบโจทก์และจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด ประกอบกิจการซื้อขายรถยนต์ วันที่ 30 มิ.ย.2539 จำเลยขายรถยนต์มาสด้า แลนติส รุ่น 2,000 ซีซี ให้โจทก์ ราคา 923,000 บาท เป็นรถหมายเลขทะเบียน 4ษ 8280 กรุงเทพมหานคร โจทก์ชำระเงินในวันจอง 1,000 บาท วันที่ 9 ก.ค. 2539 ชำระเงินดาวน์อีก 231,000 บาท ส่วนที่เหลือโจทก์ทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทพารา ซูมิ-ไทยลิสซิ่ง จำกัด ตกลงผ่อนชำระค่าเช่าซื้อเป็นงวดรายเดือนรวม 48 งวดๆละ 19,263 บาท รวม 48 งวด

ต่อมาวันที่ 17 พ.ย. 2539 โจทก์ขับรถคันดังกล่าวไปเกิดเหตุพลิกคว่ำ ได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุบริษัทสินมั่นคงประกันภัย จำกัด ผู้รับประกันภัย ทำการซ่อมแซมรถคันดังกล่าว

หลังประสบอุบัติเหตุ โจทก์ตามไปดูการซ่อม ช่างเบิกชิ้นส่วนล่างมาเปลี่ยน ระบุเป็นรถยนต์มาสด้า แลนติส รุ่น 2,000 ซีซี แต่ปรากฏว่าโช้กอัพ สายเซ็นเซอร์ ผ้าเบรกที่เบิกมาใส่ไม่ได้ เมื่อถอดชิ้นส่วนที่ติดรถออกมาเทียบกับอะไหล่ที่เบิกมา ปรากฏว่าไม่เหมือนกัน ต้องนำชิ้นส่วนที่ติดรถไปประกอบการเบิกอะไหล่ จึงพบว่าชิ้นส่วนที่ติดรถมาเป็นของมาสด้า แลนติส รุ่น 1,600 ซีซี ซึ่งเป็นรุ่นที่ต่ำกว่า และท่อกรองอากาศที่ติดกับรถเป็นของรถรุ่น 1,600 ซีซี มิใช่เป็นรุ่น 2,000 ซีซี ส่วนเพลาขับก็เป็นของที่ใช้กับรถรุ่นเกียร์อัตโนมัติ แต่รถที่โจทก์ซื้อเป็นรุ่นเกียร์ธรรมดา

โจทก์เบิกความด้วยว่า เชื่อว่าเหตุที่เกิดอุบัติเหตุเนื่องจากขณะเกิดเหตุระบบเบรกเอบีเอสไม่ทำงาน เป็นเหตุให้เกิดเบรกล็อก พวงมาลัยบังคับไม่ได้ ทำให้รถไถลไปชนเกาะกลางถนน แล้วพลิกคว่ำจนเพลาหลุด ที่โจทก์ซื้อรถคันดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีระบบเบรกเอบีเอส เชื่อว่าเป็นระบบป้องกันเบรกล็อก ระบบเบรกเอบีเอสจึงจัดเป็นอุปกรณ์ที่เป็นสาระสำคัญ

เมื่อปรากฏว่าระบบเบรกเอบีเอสไม่สามารถใช้งานได้ การที่ซื้อรถยนต์คันนี้เพื่อต้องการใช้งานและได้กรรมสิทธิ์ เมื่อชำระค่าเช่าซื้อครบ แต่เมื่อรถอันเป็นทรัพย์ที่จำเลยส่งมอบมีคุณสมบัติการใช้งานไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์ และเป็นสาระสำคัญในการทำสัญญากับจำเลย โจทก์จึงมีสิทธิบอกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย จึงขอให้บริษัทดังกล่าวคืนเงินมัดจำ เงินดาวน์ และให้ชำระค่าเสียหาย เป็นค่าผ่อนชำระค่าเช่าซื้อที่ชำระไปแล้ว 19 งวด เป็นเงิน 365,997 บาท ค่ารถเสื่อมราคาเป็นเงิน 632,134.40 บาท ค่าเสียหายจากการไม่ได้ใช้รถเป็นเงิน 500,000 บาท ค่าทำประกันภัย 35,051 บาท ค่าจดทะเบียน 4,215 บาท และค่าเสียหายในอนาคตที่จะถูกบริษัทผู้ให้เช่าซื้อฟ้อง 632,134.40 บาท รวมเป็น 1,769,398.40 บาท ให้ชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

ศาลพิเคราะห์แล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายเป็นเงิน 550,160 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 31 มี.ค.2541 เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียม แทนโจทก์และโจทก์ร่วม กำหนดค่าทนายความให้เฉพาะโจทก์เป็นเงิน 15,000 บาท ส่วนคำขออื่นให้ยก

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2539 นายเสถียรขับรถคันดังกล่าวตามหลังรถคันอื่นมาจากจ.กาญจนบุรี มุ่งหน้าเข้ากทม. ระหว่างนั้นมีรถจักรยานยนต์ตัดหน้ารถยนต์ที่แล่นนำหน้า ทำให้รถคันดังกล่าวหักหลบไปทางซ้าย ส่วนนายเสถียรหักหลบไปทางขวา แต่พวงมาลัยล็อก ไม่ทำงานตามปกติ หักได้เพียงเล็กน้อย ทำให้รถยนต์เสียการทรงตัว นายเสถียรจึงเหยียบเบรก เป็นเหตุให้รถยนต์แฉลบไปด้านข้างชนเกาะกลางถนน รถพลิกคว่ำ ได้รับความเสียหาย หลังเกิดเหตุ พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวนำช่วงล่างของรถรุ่นอื่นมาใส่แทนจึงไม่มีประสิทธิภาพ เป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ นายเสถียรจึงบอกเลิกสัญญา พร้อมกับฟ้องร้องต่อศาล