หลังจากซ่อมรถครั้งสุดท้ายไปประมาณ 1 เดือน ที่ผมใช้รถคันนี้ และ Toyota Motor บอกว่ารถผมอยู่ในมาตราฐานแล้ว ผมเห็นว่าไม่เป็นความจริง รถผมที่ขับอยู่ทุกวัน ผมรู้ว่ารถมีสภาพการใช้งานที่ผิดไปจากเดิมหลังการซ่อม และเพื่อเป็นการพิสูจน์ ผมจึงขับรถไปที่ศูนย์ประชาอุทิศอีกครั้ง และให้คุณพนม ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายซ่อม ให้นั่งรถผมไปด้วยและพาวิ่งเพื่อให้ฟังเสียงที่เกิดขึ้นที่พวงมาลัยซึ่งผมถามทางคุณพนมว่าได้ยินเสียงหรือเปล่าซึ่งคุณพนมก็ตอบว่าได้ยินเสียงเหมือนกับที่ผมได้ยินคือกล็อกๆที่พวงมาลัย ดังนั้น คุณพนมจึงบอกว่าจะกลับไปที่0นำรถคันใหม่ออกมาเทียบว่าดังเหมือนกันไหม ซึ่งกลับมาที่0แต่ที่0ไม่มีรถคันใหม่ จึงได้นำรถลูกค้ารุ่น 1.8G ที่วิ่งไปแล้ว20,000กว่าโลออกมาแทนซึ่งผมได้ขับรถคันนี้ก็ปรากฏว่าไม่มีเสียงดังแต่อย่างใด และพวงมาลัยก็ไม่สั่น ดังนั้นผมจึงถามคุณพนมว่าตกลงคันนี้ดังไหมละ คุณพนมก็ตอบว่าไม่ได้ยินเสียงเหมือนรถผม แต่ก็ปฏิเสธที่จะบอกว่ารถผมเป็นปกติ หรือผิดปกติเพียงแต่บอกว่าได้ยินเสียงดังที่พวงมาลัยรถผมแต่กับรถลูกค้านั้นไม่ได้ยิน ทั้งๆที่รถลูกค้าคันนี้วิ่งไปแล้ว 20,000 กว่าโล แต่รถผมเพิ่งวิ่งไปไม่กี่พันโล ซึ่งคุณสมศักดิ์ เค้าภูทัย เคยบอกว่าถ้ารถเคยใช้งานไปบ้างแล้ว จะทำให้เกิดเสียงดัง แต่ดังไม่มาก ซึ่งจะไม่เหมือนรถใหม่ที่ยังไม่ได้ใช้งาน ซึ่งคำพูดนี้ผมคิดว่าฟังไม่ขึ้น และเป็นการแก้ตัวเพราะถ้าเป็นจริงทำไมรถลูกค้าซึ่งวิ่งไปมากกว่าผมตั้งมากมายทำไมไม่ดังผมจึงถามทางToyotaประชาอุทิศว่าจะทำอย่างไรกับรถคันนี้ผมซื้อรถกับทางคุณ
และรถมีปัญหาก็ให้คุณดำเนินการซ่อมแล้วคุณซ่อมไม่หายจะให้ทำอย่างไรทางประชาอุทิศอ้างว่า ประชาอุทิศจะไม่รับผิดชอบใดๆ เพราะว่ารถคันนี้ทาง Toyota Motor ประเทศไทย เป็นผู้รับเรื่องนำรถไปซ่อมต่อแล้ว และเป็นผู้ซ่อมรถให้ผมเป็นครั้งสุดท้าย จึงต้องให้ทาง Toyota Motor เป็นผู้รับผิดชอบ ผมจึงแจ้งเรื่องไปยัง Toyota Motor ประเทศไทยว่าจะรับผิดชอบรถผมอย่างไรซึ่งอีก1อาทิตย์ได้รับการติดต่อกลับมาจากทางคุณวันชัย กันตะสิริพิทักษ์ ซึ่งเป็นผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ว่าจะลงมาดูที่รถผมเอง ผมก็ตกลงวันนัดคุณวันชัยมาพร้อมคุณสมศักดิ์และได้ดำเนินการอัดเทปเสียงที่เกิดขึ้นที่พวงมาลัย ช่วงที่คุณวันชัยอัดเทป คุณวันชัยซึ่งนั่งหน้าด้านซ้ายบอกว่าไม่ได้ยินเสียงเลย ส่วนคุณสมศักดิ์ซึ่งนั่งด้านหลังซึ่งมีระยะทางที่นั่งไกลกว่าคุณวันชัยอีกแต่คุณสมศักดิ์ บอกได้ยินจริงแต่แผ่วๆไม่ดังมาก ซึ่งผมคิดว่าเสียงที่เกิดขึ้น ขนาดทำให้คนนั่งด้านหลัง ได้ยิน ผมคิดว่ามันดังมากแล้ว และก็ไม่ควรที่จะปกติพอกลับมาที่0เปิดเทปฟังปรากฏว่ามีเสียงดังที่พวงมาลัยได้ยินอยู่ในเทปชัดเจนมาก ซึ่งพอคุณวันชัยได้ยินเสียงในเทป จึงบอกว่าจะขอกลับไปให้ที่ประชุมพิจรณาอีกที ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งผมได้ขอ Copy เทปม้วนนี้ จากทางคุณวันชัยก่อน เพื่อที่จะนำเทปม้วนนี้เป็นหลักฐานให้ทาง สคบ ได้ฟังด้วย ซึ่งคุณวันชัยปฏิเสธ และบอกว่าให้ไม่ได้เพราะเป็นสมบัติของทาง Toyota อีก 2 อาทิตย์ต่อมาผมได้รับการติดต่อกลับจากพนักงานของบริษัท Toyota Motor ว่า
รถผมไม่เป็นอะไร เสียงที่ได้ยินเป็นปกติ ดังนั้นผมจึงบอกกับพนักงานว่าให้คุณวันชัย ติดต่อกลับหาผมเอง และบอกถึงสาเหตุด้วยว่าทำไมรถผมมีเสียงดัง แต่คันอื่นไม่ดัง และไม่ใช่ให้พนักงานมาบอกแค่ว่าปกติ ซึ่งผมต้องการให้คุณวันชัยมาชี้แจงด้วยตัวเอง ซึ่งหลังจากนั้นผมไม่เคยได้รับการติดต่อกลับจากทางคุณวันชัยเลยทั้งๆที่ผมโทรไป
บริษัท Toyota Motor ทุกๆวัน ย้ำว่าทุกวัน เพื่อจะคุยกับคุณวันชัย แต่มีแต่พนักงานรับ สายและแจ้งว่า คุณวันชัยไม่อยู่บ้าง ติดประชุมบ้าง ไปธุระบ้าง ซึ่งพนักงานบอกว่าเขียนNote ไว้ให้ที่โต๊ะให้ติดต่อกลับหาผมทุกวันแล้ว แต่คุณวันชัยก็ไม่เคยติดต่อกลับมาเลย ซึ่งการกระทำแบบนี้กับลูกค้าเห็นว่าเป็นสิ่งสมควรแล้วหรือ ถือเป็นการทอดทิ้งลูกค้า หลบหลีกความจริง ไม่ดูแลลูกค้ายามลูกค้ามีปัญหาและไม่ยอมชี้แจงถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงให้แป๊ะช่วยเดินเรื่องนี้ให้ ซึ่งแป๊ะโทรไปที่ Toyota Motor และได้คุยกับทาง คุณวันชัยถึงเรื่องรถผมและคุณวันชัยบอกว่าจะรับผิดชอบรถผมแต่ไม่บอกว่าจะรับผิด ชอบอย่างไร และบอกว่าจะให้คุณสดใสเป็นผู้ลงมารับผิดชอบ โดยทางคุณวันชัยไม่ยอม ลงมารับผิดชอบเอง ซึ่งผมเห็นว่าคุณวันชัยบอกว่าจะรับผิดชอบแล้ว จึงตกลงที่จะนัด เจราจากับคุณสดใสอีก วันนัดคุณสดใสได้ชี้แจงว่ารถผมเป็นปกติไม่มีปัญหา ที่เสียงดัง เป็นปกติบางคันดังมากดังค่อยไม่เท่ากันและต้องดังทุกคันเพียงแต่รถผมดังมากเท่านั้น เอง และยืนยันว่าจะไม่ดำเนินการซ่อมใดๆกับรถผมแล้ว ซึ่งตอนแรกคุณวันชัยบอกว่าจะ รับผิดชอบ แต่ความจริงไม่รับผิดชอบใดๆเลย แค่ให้ผมมานั่งฟังว่ารถผมเป็นปกติ ดังนั้นจึงถามไปว่าถ้าไม่เป็นอะไรทำไมต้องซ่อมไปตั้ง 80,000กว่าบาท แล้วรถก็เพิ่งใช้ไป 5900 กว่าโล เป็นใคร ใครก็คิดว่ามีปัญหา ทางคุณสดใสแจ้งว่าซ่อมไป 80,000กว่าก็เพราะว่าซ่อมเพื่อความพึงพอใจของลูกค้ารถไม่เป็นอะไรแต่แรกแล้วแต่ซ่อมเพราะว่าลูกค้าสั่งให้ เปลี่ยนนู้น เปลี่ยนนี้ เป็นความต้องการลูกค้าเอง ซึ่งผมได้ยินคำตอบเช่นนี้ ผมก็ทึ่งในคำตอบมาก ที่ไม่คิดว่าคุณสดใสจะกล้าพูดออกมาได้ ผมต้องนับถือในการตอบคำถามมาก ซึ่งถ้าพูดตามหลักความจริง ตัวผมไม่ได้เรียนจบมาทางด้านช่างซ่อมรถผมไม่รู้ว่าช่วงล่างมีอะไรยังไงตัวนี้มีหน้าที่อะไรเปลี่ยนตรงไหนถึงจะหายแล้วผมจะไปสั่งให้คุณเปลี่ยนได้อย่างไรถ้าพวงมาลัยดังผมสั่งให้คุณเปลี่ยนท่อไอเสียคุณจะเปลี่ยนให้ผมมั้ยล่ะ ถ้าคุณบอกว่าผมสั่งให้เปลี่ยน ผมทำตามคำแนะนำของศูนย์ตลอด ศูนย์บอกอย่างไร ผมก็รับฟัง แล้วให้ศูนย์จัดการ ตอนที่คุณ สมศักดิ์ บอกว่าจะเปลี่ยนแร็คและผมไปดูอะไหล่ซึ่งชิ้นค่อนข้างใหญ่ ผมก็คิดว่าต้องรื้อกันยกใหญ่แน่ ผมยังไปช่างถามว่า รถใหม่ๆมารื้อช่วงล่างแบบนี้จะไม่ทำใหรถผมชำ้เหรอแล้วพูดจริงๆคงไม่มีใครอยากที่ซื้อรถใหม่มาแล้วต้องมาจอดให้ 0 รื้อรถเป็นว่าเล่นแน่นอน แล้วมาหาว่าผมสั่งให้เปลี่ยนนู้นเปลี่ยนนี้เองซึ่งไม่เป็นความจริงแน่นอนแล้วที่บอกว่าซ่อมเพราะเป็นการสร้างความ
พึงพอใจให้ลูกค้า ผมบอกได้เลยว่าผมไม่มีความพึงพอใจเลยที่ผมซื้อรถป้ายแดงคันเกือบล้าน วิ่งแค่ 5900 กว่าโล แล้วต้องมาจอดให้ 0 รื้อรถผมเป็นเดือนๆ แถมยังซ่อมให้แย่กว่า เดิมอีกเหตุผลที่ซื้อป้ายแดงเพราะผมต้องการซื้อขับไปทำงานทุกวันโดยที่รถไม่มีปัญหาอย่างน้อยก็ 3-4 ปี ที่ไม่ต้องซ่อมใดๆ แต่คันนี้ใช้มา 5 เดือนก็มีปัญหาแล้ว จนเป็นต้นเหตุที่ต้องยอมตัดสินใจออกจากงาน เพราะผมเป็น เซลล์ต้องใช้รถวิ่งหาลูกค้าทุกวัน ถ้าไม่มีรถก็แสดงว่าวันนั้นไม่ต้องทำงาน ถ้าเป็นเช่นนี้ผมคิดว่าสู้ซื้อรถมือ 2 ยังดีซะกว่า
สรุปแล้วทางคุณสดใส ก็ยืนยันแน่นอนว่าจะไม่ซ่อมรถผมอีกแล้ว ทั้งๆที่รถผมก็ยังมีปัญหาอยู่ และผมสังเกตว่ารถผมเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ศูนย์ประชาอุทิศเปลี่ยนชุดแร็คให้ผมและช่างชื่อคุณอดุลย์ที่เปลี่ยนให้ผมหลังจากเปลี่ยนเสร็จและนำไปขับก็เป็นคนบอกกับผมเองว่า อาการชัดกว่าเดิมอีกหลังจากเปลี่ยน ดังนั้นผมจึงคิดว่าเจ้าตัวแร็คอาจจะเป็น
ตัวที่ทำให้รถผมแย่ลง เพราะก่อนเปลี่ยนพวงมาลัยก็ไม่สั่น แต่เป็นแค่ความคิดผม ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะใช่ตัวนี้หรือเปล่า ดังนั้นผมจึงบอกกับคุณสดใสว่า ทำไมไม่ลองเปลี่ยนแร็คให้ผมดูอีกที เผื่อจะหาย ซึ่งทางคุณสดใสบอกว่า เปลี่ยนให้ไม่ได้แล้วเพราะเคยเปลี่ยนให้แล้วครั้งนึง จะเปลี่ยนอีกครั้งไม่ได้แล้ว ทั้งๆที่รถผมยังอยู่ในระยะการรับประกัน และรถผมก็ยังไม่หาย แต่กลับบอกว่าเคยเปลี่ยนให้ตัวนึงแล้ว เปลี่ยนอีกไม่ได้
และคุณสดใสบอกว่าแร็คตัวที่ติดมากับรถตอนแรกเป็นของญี่ปุ่นส่วนตัวที่2ที่เคลมไปเป็นของฟิลิบปินส์แต่เหมือนกันผมจึงบอกว่าผมต้องการแร็คตัวใหม่ที่เป็นของญี่ปุ่น
ดีกว่าเพราะแร็คที่ติดมากับรถผมก็เป็นของญี่ปุ่น แล้วทำไมคุณเคลมของฟิลิบปินส์ให้ผม ซึ่งคุณสดใสบอกเหมือนกันและยืนยันที่จะไม่เปลี่ยนให้อีกแล้วตอนนี้เท่ากับว่าผมไม่มีทางเลือกใดๆเลยหรือนอกจากต้องทนใช้รถคันนี้ผมจึงคิดว่าถ้าอย่างนั้นก็คงต้องลองเสี่ยงนำแร็คตัวเก่าที่ถูกถอดทิ้งไว้เป็นเดือนๆ มาใส่คืนเพราะคิดว่าถ้าอย่างไรก็คงไม่แย่ลง และเป็นของญี่ปุ่น รวมถึงยังดีกว่าทนใช้แบบนี้ และผมไม่มีทางเลือกแล้วเพราะ Toyota ปฏิเสธงานซ่อมทั้งหมด ทั้งที่รถผมยังไม่หาย และก็เป็นสิ่งที่ยืนยันด้วยว่า รถผม ยังไม่หายเป็นปกติเหมือนรถคันอื่น ถ้ารถผมเป็นปกติดีตามที่ Toyota บอกผมก็คงไม่บ้าหรือประสาทพอที่จะนำอะไหล่เก่าถูกถอดมาตั้งหลายเดือนมาใส่รถผม เหตุที่ทำเพราะไม่มีทางเลือก และเป็นทางเดียวที่ลูกค้าที่ถูกปัดความรับผิดชอบอย่างผม ต้องเลือกที่จะเสี่ยง เพื่อหวังเอาไว้ว่ามันน่าจะดีขึ้น หรือหายได้ ผมจึงต้องทำช่วยพิจารณาตามหลัก
ความเป็นจริงด้วย ซึ่งก่อนเปลี่ยนผมก็ได้ขอความเห็นจากคุณสมศักดิ์ก่อนว่ามันจะดีขึ้น หรือเปล่า ซึ่งคุณสมศักดิ์บอกว่าดีขึ้นแน่นอน เพราะเขาเป็นคนทำกับมือ เพราะตอนเปลี่ยนตัวที่2 ช่างประชาอุทิศทำอาจประกอบไม่ดี และแร็คก็ใส่เข้าไปเลย ไม่ได้ปรับตั้งก่อน แต่ตัวเก่านี้ผมเป็นคนปรับตั้งเองกับมือแล้ว เดี๋ยวดูกันตอนเสร็จดีกว่า
รับรองได้ เอาชื่อเป็นประกัน ผมก็บอกว่าขอบคุณมากครับ ช่วยทำให้มันหายด้วยนะครับคุณสมศักดิ์บอกไม่ต้องห่วง ผมจึงมั่นใจขึ้นมาว่าคราวนี้หายแน่ ซึ่งพอเสร็จคุณสมศักดิ์นำไปขับก่อนแล้วกลับมาบอกผมว่ารู้สึกจะเหมือนเดิม และแย่ลงกว่าเดิมหน่อย ซึ่งผมก็ผิดหวังอีกแล้ว ในการที่ต้องเสียเวลาอีกแล้วโดยที่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย แถมแย่กว่าเดิมมากคือพวงมาลัยหนักมาก และมีเสียงดังกว่าเก่ามาก พอเป็นดังนี้คุณสมศักดิ์และคุณสดใส แจ้งว่าแร็คตัวนี้เสียแล้ว เพราะถูกถอดไว้นาน แต่มองด้วยตาไม่รู้ ต้องใส่ถึงรู้ ซึ่งก่อนจะเปลี่ยนพูดให้ผมเชื่อมั่นมากว่าจะหาย ซึ่งทำให้ผมผิดหวังมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วในคำพูด ดังนั้นคุณสดใสก็ได้บอกให้คุณสมศักดิ์เปลี่ยนแร็คที่เคลมตัวที่ 2 ใส่คืนไปซึ่งพอใส่คืนให้แล้วลองขับเสียงดังก็ยังเหมือนเดิมแต่รู้สึกจะสั่นน้อยลงหน่อย ซึ่งผมก็ต้องทำใจที่เสียเวลามาร่วม 9 เดือน รถผมก็ยังแย่เหมือนเดิม วันรุ่งขึ้นนำรถมาใช้ก็พบว่าพวงมาลัยสั่นเหมือนเดิมอีกแล้วรวมถึงได้ยินเสียงเพิ่มขึ้นมาอีก 1 เสียง เสียงคล้ายอะไรมากระทบกัน แถมเพิ่มมาให้ผมอีกเสียง ซึ่งผมก็ประทับใจจริงๆกับฝีมือของ
ช่าง Toyota ที่ผมให้ซ่อมเสียงดังเสียงเดียวแต่ซ่อมไม่หายแถมยังเพิ่มเสียงให้ผมอีกเสียง
และพวงมาลัยจากไม่เคยสั่นก็สามารถทำให้สั่นได้ วันที่ 3 กันยายน 2546 ผมก็ได้เข้าไป ที่ 0 อีกครั้งว่าแถมเสียงให้ผมอีก ซึ่งช่างที่ซ่อมไม่อยู่ผมก็ต้องมาวันหลังอีก ทาง 0 โทรมานัดวันที่ 6 กันยายน 2546 อีก ผมก็เอาเข้าไปตั้งแต่บ่ายนั่งรอถึงเกือบ 6 โมงเย็น ไม่ต้องไปธุระเลยทั้งวัน ช่างบอกว่ายังหาสาเหตุของเสียงที่ 2 ไม่เจอ ต้องมาวันใหม่ ทิ้งรถตั้งแต่ เช้าอีก ทำให้ผมเบื่อและเหนื่อยเสียเวลามาก ที่ใช้รถคันนี้ ต้องวิ่งเข้าออกที่ 0 นี้ไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งแล้ว ไม่ต้องทำอะไรกันเลย
สรุปว่าตอนนี้รถผมมีเสียงดัง 2 เสียง และสั่นที่พวงมาลัยก็ไม่หาย ซื้อมาตั้งแต่มกราคม ปัจจุบันกันยายน ร่วม 9 เดือน และนัดครั้งสุดท้ายอีกวันที่ 24 กันยายน 2546
แล้วต้องให้ผมนำรถเข้า 0 อีกกี่ทีถึงจะจบสิ้นซะที หวังว่าสำนักงานคณะกรรมการคุ้ม
ครองผู้บริโภคซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐที่มีความยุติธรรมสูง และเป็นที่พึ่งพิงของประชาชน
จะช่วยดำเนินการมอบความยุติธรรมให้กับผมนะครับ ขอบพระคุณเป็นอย่างสูง
(ถ้าหากคุณเป็นผม คุณจะทำอย่างไร)
ผมชื่อ นาย ธนจักร สกุลศรีสัจจะ เบอร์ติดต่อ 09 1656536
จากคุณ :
ธนจักร
- [
10 ต.ค. 46 17:30:19
A:203.209.8.60 X:
]