ความคิดเห็นที่ 1 เคยใช้ขวดนึง นานมาแล้ว ต่อมาไม่อยากเรื่องมากก็ใช้แบบธรรมดา ดีหรือเปล่าไม่ทราบ แต่ไม่มีผลเสียแน่นอน จากคุณ : K.Senior - [ 3 พ.ย. 46 20:02:31 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมเพิ่งเปลี่ยนแบต ที่เริ่มต้นเมื่อปี 2542 ครับ เป็นยี่ห้อ GS ตลอดเวลาที่ผ่านมาก็ใช้น้ำสีชมพูที่ว่านี่ละครับ ไม่รู้ว่าอยู่ได้ทนเพราะน้ำสีชมพูหรือไม่ เพราะไม่เคยปล่อยไว้จนกระทั่งน้ำกลั่นแห้งตลอดอายุการใช้งาน และใช้งานรถเกือบทุกวัน จากคุณ : นายลุงหมี - [ 4 พ.ย. 46 00:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ไร้สาระครับ จากคุณ : ท่านอ๋อง - [ 4 พ.ย. 46 09:43:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รู้สึกสว่ามันแห้งเร็ว แต่เอาเหอะ แพงกว่า 7 บาทเอง ช่างมันเหอะ จากคุณ : เอก (webdeejung) - [ 4 พ.ย. 46 11:02:30 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พวกไม่มีความรู้ก็พูดไปต่างๆนานา ทำความเข้าใจกันใหม่ครับ น้ำยาสีชมพูอะครับ ชื่อน้ำยา รีไวว์ แบตเตอรี่รถยนต์นั้น จะมีการสูญเสียพลังงานไฟฟ้าออกไปตามระยะเวลา ไม่ต้องอธิบายอะไรเป็นหลักวิชาการให้ยุ่งยากหรอกครับ เอาเพียงว่า ถอดแบตเตอรี่ที่ดีมีไฟเต็มเปี่ยมออกจากรถ หรือไม่ใช้รถ ปล่อยทิ้งไว้สักเดือนหนึ่ง ไฟในหม้อแบตเตอรี่ก็จะลดต่ำลง จนมักจะใช้ติดเครื่องยนต์ไม่ได้อยู่แล้ว การไม่ชาร์ทไฟให้แบตเตอรี่ใหม่หลังเติมน้ำกรด จะทำให้ไฟในหม้อแบตเตอรี่สดนั้นมีไม่เต็ม เหมือนโอ่งใส่น้ำที่มีน้ำเพียงประมาณเศษหนึ่งส่วนสามของโอ่ง เมื่อเราใช้ไฟฟ้าในการติดเครื่องยนต์ ไฟก็จะหายไปมาก กว่าจะชาร์ทกลับมาเต็มหม้อ ก็ใช้เวลานาน อีกทั้งการชาร์ทไฟของระบบไฟชาร์ทของรถยนต์นั้นเร็วและแรงกว่าการค่อยค่อยชาร์ทก่อนใช้งาน โอกาสที่แบตเตอรี่จะเสื่อมเร็วมีมากขึ้น การชาร์ทเร็ว น้ำในหม้อแบตเตอรี่ร้อนมากกว่าชาร์ทช้า ความร้อนเป็นอันตรายกับอายุของแบตเตอรี่ ไฟชาร์ทแรงและเร็ว น้ำกลั่นร้อนก็ระเหยและลดระดับลงเร็ว น้ำกลั่นลด การให้กระแสออกมาเพื่อใช้งานก็ลดประสิทธิภาพลงไป ทุกอย่างมาเกี่ยวกันตรงความร้อนจะบั่นทอนอายุของแบตเตอรี่ ตรงนี้ รีไวว์ น้ำกลั่นผสมโดย REVIVE International ซึ่งผลิตตามสูตรที่ได้รับอนุญาตจาก Interchem Agencies Ltd. Aucland น่าจะมีบทบาทในรูปแบบอาหารเสริมให้กับแบตเตอรี่ได้ครับ เพราะรีไวว์ช่วยลดความร้อนในการทำงานของแบตเตอรี่ ทำให้เก็บกำลังไฟฟ้าได้เต็มที่ขึ้นมาจากที่เป็นกันทั่วไป จะเห็นได้จากการอัดแบตเตอรี่โดยร้านจำหน่ายที่รับผิดชอบ และมุ่งหวังให้ลูกค้าได้ของดีไปใช้ มักจะเลือกการเติมน้ำกรดทิ้งไว้สักพัก ก่อนจะอัดไฟเข้าแบตเตอรี่ใหม่ไปสองสามชั่วโมง แล้วนำแบตเตอรี่ลงแช่ในอ่างน้ำเพื่อให้คลายความร้อน อัดไฟต่อไปจนครบกำหนดเวลา แน่นอนครับ ร้านแบบนี้ อาจจะขายแบตเตอรี่ได้กำไรน้อยลง แต่ผู้ใช้บริการของเขา จะเสียค่าบำรุงรักษารถยนต์น้อยลงไปด้วย เพราะแบตเตอรี่จะมีอายุใช้งานยืนยาว หากระบบชาร์ทไฟของรถดีอยู่แล้วด้วย ผลที่ได้ ก็คือหลังการขับรถใช้งานปกติแล้ว กำลังไฟในแบตเตอรี่มีมากพอ ที่การสูญเสียกำลังไฟตามปกติของแบตเตอรี่ในระยะเวลาสามวัน ไม่ทำให้มีปัญหาในการติดเครื่องยนต์เลย หมายความว่า รีไวว์ทำให้แบตเตอรี่ของผมมีการเก็บไฟมากขึ้น ถึงจะไม่ได้ช่วยลดการสูญเสียพลังงานไฟฟ้า หากแต่เมื่อเก็บไฟไว้ในตัวได้มากกว่า การสูญเสียไฟตามปกติก็ไม่ทำให้กำลังไฟในหม้อแบตเตอรี่ลดต่ำจนสตาร์ทเครื่องยนต์ 8 สูบของแคดิลแลคไม่ได้ ข้อมูลนี้ผมได้มาจากคุณอา ธเนศ เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา ครับ จากคุณ : จิ๊บ - [ 4 พ.ย. 46 11:21:22 A:203.146.98.225 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 ใครชอบก็ใช้ สำหรับ ผมไม่ใช้ เพราะแบตมีอายุ ถึงเวลามันก็เสียเหมือนกัน จากคุณ : เดา - [ 4 พ.ย. 46 15:15:15 A:203.148.187.196 X: ]

ความคิดเห็นที่ 7 เคยใช้มาก็เหมือนๆกัน แพงกว่าปล่าวๆ ใช้มาปีเดียวแบตก็พังเหมือนๆก้น จากคุณ : เบิด (berd) - [ 4 พ.ย. 46 17:59:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมไม่มีความรู้ทางเคมีมากพอ แต่มีความเห็นว่า น้ำกลั่นสีขมพู คาดว่าต้องมีสารละลายอะไรลงไปแน่นอน ซึ่งเมื่อน้ำกลั่นเหล่านี้ระเหยตัวออกไปกลายเป็นสารละลายเข้มข้น อาจจะเกิดการตกผลึก และ/หรือตกตะกอน จะเป็นผลเสียต่อแผ่นธาตุหรือไม่ จะลัดวงจรระหว่างแผ่นธาตุหรือเปล่า ขอทราบจากผู้รู้ช่วยชี้แจงแถลงไขหน่อย ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ คห.5 ในเรื่องการระบายความร้อนในการชาร์จครั้งแรก ทำให้ผู้บริโภคได้ใช้แบตเตอรี่นาน ๆ แต่การใช้น้ำยาสีชมพู โดยส่วนตัวผมค่อนข้างขัดแย้ง เพราะยังไม่ได้รับข้อมูลที่ดีพอ จากคุณ : Mr.Moon - [ 4 พ.ย. 46 19:05:46 A:202.44.4.24 X: ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมไม่ได้เป็นเซลขายของนะครับ และไม่ได้ชวนทะเลาะแต่ขอเล่าให้ฟัง สมัย Revive (สีชมพู) ออกมาใหม่ๆ ยี่ห้ออื่นๆที่สีชมพูเหมือนกันยังไม่มีขายเลย มันสีชมพูก็จริง แต่พอใส่ลงไป ไม่เห็นน้ำกรดในแบตจะเป็นสีชมพูเลย Revive ทุกขวดจะแนบผลการทดสอบจากภาควิชาเคมี คณะวิทยาศาสตร์ พระจอมเกล้าลาดกระบัง ว่ามีส่วนช่วยในการลด อิออนหลายๆอย่างที่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมลง จำไม่แม่นแล้ว พวกซัลเฟตหรืออะไรนี่ละครับ ผมไม่มีความรู้มากพอที่จะบอกว่า จำนวนที่ลดได้นั้นมีนัยสำคัญต่ออายุแบตหรือไม่ มันอาจจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาเลยก็ได้ ถูกต้องคร้าบบบบบ Revive ไม่ใช่น้ำกลั่น แต่เป็น electrolyte คือสารละลายนั่นแหละ เป็นสารละลายที่มีประจุ(ชาวเคมีเรียกว่า อิออน มีทั้งอิออนบวกและอิออนลบ) ถูกต้องคร้าบ การชาร์จ หรือ ดิสชาร์จ มันมีไอระเหยออกมา แสบจมูกเลย แปลว่ามันเสียอิออนออกมาด้วย ไม่ได้เสียแต่ไอน้ำกลั่นเท่านั้น อิออนพวกนี้ก็มาจากแผ๋นธาตุนั่นเอง นานๆไปแผ๋นธาตุจึงเสื่อมสภาพ จากความเข้าใจทางเคมีอันน้อยนิดของผม น้ำยาพวกนี้จะไปทดแทนอิออนที่สูญเสียไปกับการระเหยในอัตราที่พอเหมาะพอดี (เขาคงคิดคำนวณมาแล้ว หรือ มันอาจจะเป็นสารละลายบัฟเฟอร์ก็น่าจะได้) จากที่ผมใช้มา แบตอายุประมาณ 3 ปี หรือมากกว่านั้น กว่าจะเสีย (ลูกล่าสุดตั้งแต่ปี 2542) แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้น้ำกลั่นแห้ง จึงทำให้แบตทนทานขึ้นอยู่แล้ว คิดเรื่องราคา แพงกว่าน้ำกลั่นเท่าตัวเลย คือขวดละ 15 หรือ 20 บาท แล้วแต่ร้าน ผมก็เลยใช้มาตลอด ไม่ได้สนใจเรื่องราคาครับ แบตลูกละพันกว่าบาทจะมาเหนียวกับเงิน 20 บาททำไม กินก๋วยเตี๋ยวยังไม่พอเลย แถม ก่อนแบตเสียจะต้องเติมน้ำบ่อยมาก จากเดิมที่เป็นเดือนๆก็ไม่ต้องเติมเลย คุณอ่านถึงตรงนี้ด้วยเหรอ อดทนจังเลย ขอบคุณที่ทนอ่านครับ จากคุณ : นายลุงหมี - [ 4 พ.ย. 46 20:31:19 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ในความเห็นของผม การเติมน้ำกลั่นที่จะไม่มีอิออนไปทดแทนเลย น่าจะไม่มีประโยชน์อะไรมากไปกว่า ป้องกันไม่ให้แผ่นธาตุโผล่พ้นระดับน้ำครับ จากคุณ : นายลุงหมี - [ 4 พ.ย. 46 20:40:37 ]

ความคิดเห็นที่ 11 น้ำยานั่น คือ สารละลาย EDTA จ้ะ แบตเสื่อม เพราะตะกั่ว Pb มันทำปฏิกิริยากับน้ำกรด (H2SO4, กรดกำมะถัน) กลายเป็น PbSO4 ไปเคลือบตัวแผ่นธาตุ .. กรดน้อยลง แถม PbSO4 ละลายน้ำยาก เป็นฉนวนด้วย EDTA เป็น chelating agent จับกับพวกนี้ดีนักแรง เมื่อจับออกมา ก็เท่ากับคืน SO4 ให้มาทำปฏิกิริยาเคมี-ไฟฟ้า ต่อไป เคมีพื้นฐาน ม.5 ครับ ลองหาอ่านดูนะ มีเรื่องของ Pb +H2SO4 <-> PbSO4 + e ให้อ่าน แต่ไม่มีเรื่องของ EDTA EDTA ไปซื้อศึกษาภัณฑ์เอาก็ได้ แต่เติมลงไปตรงๆไม่ได้ เพราะไม่ละลายในกรด เขาถึงต้องละลายก่อน ส่วนการเติมน้ำกลั่น ไม่ใช่แค่ให้ท่วมแผ่นธาตุ แต่ปฏิกิริยาข้างบน มันต้องการความเข้มข้นของ H2SO4 ที่**พอดี** น้ำ ระเหยได้เพราะความร้อน จากห้องเครื่อง เมื่อระเหย H2SO4 มันก็จะเข้มข้นเกินไป ... ทำร้ายตัวเอง และแผ่นธาตุ ถึงต้องเติมน้ำกลั่นให้ความเข้มข้นเท่าเดิม .. วัดได้จากเครื่องวัด ถพ. แบตซื้อมาใหม่ๆ หลังจากเติมน้ำกรด ต้องรอ 2-3 ชม. เพื่อให้น้ำกรด ซึมซาบเข้าทุกผิวพื้นของแผ่นธาตุก่อน เพราะแผ่นธาตุมันไม่ใช่แผ่นโลหะเฉยๆ แต่ประกอบซ้อนกันหลายชั้น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำปฏิกิริยาเคมีไฟฟ้า เมื่อซึบซาบเข้าที่ ชาร์จไฟเข้าไป ทุกผิวพื้นก็จะเปลี่ยนแปลงทั่วถึงกันหมด ... เคมี-ไฟฟ้า **พื้นฐาน** แท้ๆ เถียงกันทำไม?? จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 4 พ.ย. 46 21:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จะว่าเถียงก็ไม่ว่ากัน แต่ผมชอบที่จะถกเรื่องที่ได้ใช้ความรู้ เหตุผล แบบนี้ครับ สนุกดี เออ จริงแฮะ อย่างน้อยน้ำกลั่นมันก็ควบคุมความเข้มข้นของกรดอย่างนึง ผมลืมคิดไป เรื่อง EDTA ไม่เคยรู้มาก่อนครับ จำได้เลาๆเรื่อง เซลไฟฟ้าเคมีเหมือนกัน ว่าผลที่สุดมันทั้งสองครึ่งเซลพอจ่ายไฟไปแล้วจะกลายเป็น PbSO4 ทั้งสองข้าง จากคุณ : นายลุงหมี - [ 5 พ.ย. 46 07:43:29 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ผมเคยใช้ "รีไวว์" กับแบตเตอรี่ยี่ห้อโบลิเด้นท์ ได้ไม่ถึง 2 ปีแบตฯก็ไปซะแล้ว ปัจจุบันใช้ GS กับน้ำกลั่นธรรมดา (ที่ร้านแถมมาให้) 2 ปีกว่าแล้ว ไม่มีปัญหา For Your Information. จากคุณ : SSS L - [ 5 พ.ย. 46 12:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผมละโชคดีจริงๆ แบตที่เปลี่ยมาใหม่ตัวถังมันรั่วซึม น้ำกรดหายหมด เพิ่งเคลมลูกใหม่มา เจ้าของร้านใจดีจัง จากคุณ : นายลุงหมี - [ 5 พ.ย. 46 16:12:56 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วรถคุณลุงหมี เป็นอะไรมั้ยครับ แบบว่าน้ำกรดมันรั่วออกมาอ่ะครับ จากคุณ : ds30482 - [ 5 พ.ย. 46 21:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ยังไม่เห็นมีอะไรครับ กลัวแต่น้ำกรดไปกัดท่อโลหะในระบบไฮดรอลิกเท่านั้นเองครับ สำหรับซีตรองถ้าท่อโลหะหักหรือขาดก็จบเห่ จอดข้างถนนรอท่อใหม่อย่างเดียว ที่หกลงไปก็ราวๆ 200 cc เชียวละ หวาดเสียวครับ จากคุณ : นายลุงหมี - [ 5 พ.ย. 46 21:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ใช้ตอนแบตเตอรี่ใกล้จะเสียอ่ะครับ เติมแล้ว รู้สึกว่า ยังช่วยยืดอายุได้อีกนิดนึงน่ะ จากคุณ : กล้วย910 - [ 6 พ.ย. 46 11:29:56 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ประสบการณ์ของผม คิดว่า ดีกว่าน้ำกลั่นธรรมดา น่าจะ ยืดอายุแบต ได้ มากกว่าปรกติ จากคุณ : 701ls - [ 7 พ.ย. 46 06:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 19 EDTA มันราคาถูกมากๆๆๆ ครับ เพราะเป็นสารเคมีสามัญประจำแล็บ ที่ รพ. ทุก รพ. ต้องใช้ และห้อง lab แทบทุกแห่งต้องมี :-) ซื้อที่ศึกษาภัณฑ์ได้ครับ จำราคาไม่ได้ รู้สึกว่า ขวดนึง (1 ปอนด์) ราวๆ 500 บาท ขอให้เป็น Sodium EDTA, lab grade ใส่ประมาณ 1 ช้อนชา ต่อช่อง ต้องละลายน้ำก่อนใส่นะ เพราะ EDTA เป็นกรดอ่อนๆ ไม่ละลายในกรดแก่อย่างกรดกำมะถัน ... ก็ผสม 6 ช้อนชา กับน้ำกลั่นธรรมดาๆ แล้วแบ่งใส่ทุกช่องเท่าๆกัน แบตใหม่ ไม่ควรเติมครับ แต่แบตเก่าเกิน 1 ปี เติมไป จะช่วยยืดอายุได้พอสมควร เนื่องจากการทำงานของ EDTA นั้น คือ จับกับ PbSO4 (ตะกอนซัลเฟต) ซึ่งเคลือบอยู่บนผิวแผ่นธาตุ (Pb) ... ให้ละลายออกมา จึงต้องใช้เวลาพอสมควร (เกิน 2 อาทิตย์) SO4 นั้น คือ กรดกำมะถัน (H2SO4) .. ซึ่งเมื่อละลายน้ำ และทำงานเหมาะ จะมีความถ่วงจำเพาะ (Sp.Gr.) อยู่แถวๆ 1.265-1.285 ถ้าน้อย (1255-1265) แสดงว่า น้ำกลั่นมาก (เป็นไปได้ยาก) หรือ SO4 หายไป ... ไปจับกับ Pb เป็นตะกอน PbSO4 .. ถ้าเป็นอย่างนี้ การเติม EDTA จะได้ผลดีมาก ... มากน้อยแค่ไหน ไปหาร้านแบต วัด SpGr ก่อนเติม แล้ว วัดหนึ่งเดือนให้หลัง ถ้ามันขึ้นมาแถวๆ 1.270-1.275 .. ใช้ได้อีกนานหลายปีเลยแหละ ถ้าต่ำกว่า 1200 ได้ผลไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เพราะถึงจะแยก PbSO4 ออกมาจากแผ่นธาตุได้ Pb-EDTA มันไม่เสถียร ... แยกตัวเป็น Pb กับ EDTA ตามเดิม EDTA ก็ไปทำปฏิกิริยากับ PbSO4 ใหม่ ส่วน Pb ที่แยกตัวออกมานั้น ไม่ได้อยู่ที่แผ่นธาตุเหมือนเดิม แต่ตกตะกอนอยู่ก้นหม้อแบต ไม่ได้ทำหน้าที่เก็บกักไฟเหมือนแต่ก่อน ถ้าต่ำกว่า 1175 ... เปลี่ยนแบตได้แล้วครับ ถ้าเกิน 1300 ควรเปลี่ยนน้ำกรดก่อนดีกว่าครับ เติมวันจันทร์ ดีที่สุด เพราะจะได้วิ่งรถเขย่าๆๆๆๆ ให้ EDTA ทำปฏิกิริยากับ PbSO4 ได้เต็มที่อีก 5 วัน เสาร์-อาทิตย์ ยกหม้อแบต ไปให้ร้านเขาอัดไฟให้เต็มที่ (ตอนนี้ แผ่นธาตุมันจะสะอาด ไม่มีขี้เกลือซัลเฟตเกาะ) คราวนี้ ... ใช้งานได้อีกนานปี :-) เนื่องจาก EDTA เป็นกรดอินทรย์ โดนความร้อนมากๆ จะสลายตัว หมดอายุได้ ปีนึงเติมหนนึงก็ดี พิมพ์จนเหนื่อย :-) จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 7 พ.ย. 46 09:32:29 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เอาแค่น้ำกลั่นแท้ๆ จะซื้อได้ที่ไหนครับ !!! มีแต่ของเก้ทั้งนั้น แล้วยิ่งน้ำชมพูจะไปเหลืออะไร .ผมเคยทดสอบน้ำกลั่นเองอยู่ 14-15 ยี่ห้อ มี 2 ยี่ห้อที่เป็นน้ำกลั่นแท้ มีค่าประมาณ 5 PPM คือมีสารละลาย 5 ส่วนจากล้านส่วน ส่วนยี่ห้อที่เหลือก้อประมาณ เกือบ 200 PPM เข้มข้นพอกับน้ำสิงห์ พอโทรไปถามโรงงานโรงงานบอกว่า "เรามีเครื่อง-กรอง-อย่างดีทั้งนั้น"(แล้วเรียกกลั่นได้ไงฟะ) ตอนหลังเลยใช้น้ำกรอง (RO Reverse Osmosis) 20 PPM เติมทั้ง Batt และหม้อน้ำ แทบไม่มีตระกอนสนิม หม้อน้ำเหมือนใหม่ ไม่ต้องเปลืองตังค์โดนน้ำกลั่นเก้ แหกตาอีกต่อไป จากคุณ : เสี่ยวจับกัง - [ 7 พ.ย. 46 10:12:27 A:202.56.159.237 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 .: Clock :. จากคุณ : gf - [ 7 พ.ย. 46 10:26:39 A:203.114.224.45 X:203.114.224.1 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมใช้นํ้าจากเครื่องกรองดื่มที่บ้าน เติมแบ๊ตมาหลายลูกแล้ว ลูกที่ใช้นานที่สุดถึง4ปีก็ใช้นํ้ากรองนี้ตลอดครับ ส่วนลูกที่ใช้สั้นที่สุดก็1.5ปีครับ จากคุณ : จริงนะ - [ 7 พ.ย. 46 10:59:18 A:202.57.182.186 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 จากคุณ : เกิดมาจน - [ 7 พ.ย. 46 11:03:00 ]

ความคิดเห็นที่ 24 จะลองใช้ดูครับ จากคุณ : d4b - [ 7 พ.ย. 46 11:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แปลกดีนะ ผู้ผลิตแบตเตอรี่ ทั่วโลก เช่น เดลฟาย จอนสันคอลโทรล และ อื่นๆ อีกมากมาย กลับไม่ใช้ น้ำยาสีชมพูดังกล่าว แต่อย่างใด กลับ feed back ให้ผู้ผลิตรถ ใส่ฉนวนกันความร้อนให้แบตเตอรี่แทน ตอนที่ รีไวย์ ฮิตๆ เคยส่งให้ ผู้ผลิต แบตเตอรี่ ในไทย เจ้าหนึ่ง ทดสอบ ก่อนตัดสินใจ ใช้ในรถ ที่ประกอบออกจากโรงงาน และ ขณะเดียวกัน ก็ได้ติดต่อไปยังบริษัทแม่ และ ผู้ผลิตแบตที่เมืองนอก คำตอบที่ผมได้รับ เหมือนกัน คือ มันคือแฟชั่นครับ หลักการที่ทำให้แบตเย็นแล้วแบตเตอรี่ อายุยาวเป็นเรื่องถูกต้องครับ แต่เติม รีไวย์ แล้ว แบตไม่ได้เย็นขึ้น จนเห็นได้ชัด แลกเปลี่ยนข้อมูลกันเฉยๆ นะครับ จากคุณ : ท่านอ๋อง - [ 7 พ.ย. 46 14:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ใช้น้ำกลั่นที่ทำขึ้นมาเองครับ เป็นน้ำที่ได้มาจากการกลั่นตัวของ บอยเล่อร์ที่โรงงาน ไม่ทราบว่ามีข้อเสียอะไรหรือเปล่า จากคุณ : ds30482 - [ 8 พ.ย. 46 12:49:31 ]

ความคิดเห็นที่ 27 EDTA จะมีผลดี ก็ต่อเมื่อรถจอดมากกว่าขับครับ รถใช้ในเมือง จะเห็นผลมาก เพราะว่า โอกาสที่ไฟจะชาร์จเข้านั้น น้อย (ยิ่ง กทม. รถติดเป็นตังเม จะชาร์จไฟตอนไหน?) เมื่อไม่ชาร์จเข้า sulphate จะ build up ได้ง่ายและได้มาก รวมกับการที่เครื่องร้อนๆ เข้าไปอีก .. ยิ่งแย่ รีไวว์ตัวเดียว ช่วยไม่ได้มากหรอกครับ ส่วนพวกวิ่ง ตจว. ไกลๆ สม่ำเสมอ .. ไม่ค่อยได้ผล เพราะไฟชาร์จ/ดิสชาร์จเต็มที่สมบูรณ์ เติมไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 9 พ.ย. 46 16:15:02 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เมื่อวันก่อนน้ำกลั่นในแบตผมแห้ง ผมเติมด้วยน้ำ กปน. พอรุ่งเช้า รถSTART ติดดังใจนึก ต้องขอขอบคุณ ผู้ว่า กปน.ด้วยครับ ที่ห่วงใย ทุกครัวเรือน และทุกเส้นทาง อย่าคิดมากครับพี่น้องชาวไทย รักกันไว้เถอย....ง อายเด็กมัน. จากคุณ : ถั่วแระ เชิญออก - [ 10 พ.ย. 46 01:39:28 A:203.148.128.120 X:172.16.2.112 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมไม่เคยสนใจเรื่องน้ำกลั่นแบตว่ามีสารหรืออะไรหรือเปล่าเลย ที่บ้านรถเก๋งทั้งญี่ปุ่น3 สามแฉก 2 คัน เติมน้ำประปาตลอดครับไม่เคยใช่น้ำกลั่นเลยไม่ว่ามีสีชมพูหรือเปล่าก็ตาม เติมจากก็อกน้ำหน้าบ้านทั้งนั้น ใช้แบตยี่ห้อ พานา,เนชันแนล, 3K , ยูคอน ทุกคันใช้เกิน 2.5 ปีเป็นอย่างน้อยแล้วแต่ยี่ห้อ วิ่งแต่ในกรุงเทพ 95 % ยิ่งมีสามแฉกคันนึงใช้ตั้งแต่เรียนยังไม่จบจนจบแล้วยังไม่ต้องเปลี่ยนแบตเลย ตอนเปลี่ยนมาดูวันที่ตอกตัวเลขไว้ตั้งแต่ 11/38แต่เปลี่ยน 1/46 ครับ เรื่องนี้ผมว่ามันอยู่ที่สภาพดูแลและไดรถคุณด้วยครับ ดูแลดีอยู่ได้นานไม่จำเป็นต้องใส่สารพิเศษหรือน้ำกลั่นอะไรเลย รถผมทุกคันจอดกลางแจ้งจนสีซีดร้อนสุดๆทุกคันครับ จากคุณ : เชื่อพิสูจน์ตัวเองดีที่สุด - [ 12 พ.ย. 46 15:54:16 A:203.149.42.156 X: ]