ความคิดเห็นที่ 1 ผมขอสรุปปัญหาที่เกิดจากความไร้คุณภาพและขาดความปลอดภัยอย่างยิ่งของรถรุ่นนี้ ดังต่อไปนี้ 1. ระบบปรับอากาศเสียและมีชิ้นส่วนแตกจากภายใน : เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 19 พ.ย. 2546 (เลขไมล์14,556 กม) ปรากฏว่าชิ้นส่วนภายในระบบแอร์แตกโดยไม่ทราบสาเหตุ ทั้งที่ขับเฉพาะใน กทม.เท่านั้น และไม่เคยมีประวัติการเกิดอุบัติเหตุเลย นับว่าเคราะห์ดีอย่างมากที่ยังอยู่ในระยะประกัน 1 ปี จนกระทั่งปัจจุบัน ยังไม่ได้แจ้งให้ทราบเลยว่าเกิดจากสาเหตุใดและทางเดมเลอร์จะป้องกันแก้ไขอย่างไร หรืออาจไม่มีเวลาไปสนใจหาสาเหตุก็เป็นได้ 2. ระบบควบคุมเซ็นทรัลล็อกเสีย : เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค. 2546 (เลขไมล์ 22,616 กม.) ระบบล็อกทั้งหมดไม่ทำงาน ไม่สามารถล็อกหรือเปิดประตูได้ นำไปเช็คที่ศูนย์เบนซ์ธนบุรี สาขาลุมพินี ปรากฏว่าเสียหายทั้งหมดโดยที่ช่างก็ไม่สามารถหาสาเหตุได้ ต้องเปลี่ยนระบบควบคุมยกชุด ทางเดมเลอร์คงไม่สามารถหาสาเหตุมาปฏิเสธความรับผิดชอบหลังหมดระยะประกันได้ จึงจำเป็นต้องเปลี่ยนให้ไปโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ก็พยายามทำให้เรื่องเงียบไป และไม่เคยรายงานให้ลูกค้าท่านอื่นทราบหรือเรียกรถทั้งหมดเข้ามาตรวจสอบ อันเป็นวิสัยที่บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเบนซ์ควรกระทำ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยกับข้อนี้ในรถยนต์จากญี่ปุ่นหลาย ๆ ค่าย 3. ระบบ ABS ล้มเหลวและไม่ทำงาน : เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2546 (เลขไมล์ 27,000 กม.) ระบบ ABS ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจของความปลอดภัยและเป็นจุดขายของเบนซ์ ได้หยุดทำงาน พบว่าเป็นที่ตัวเซ็นเซอร์ที่ควบคุมเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ ที่ร้ายกว่านั้นก็คือ การเปลี่ยนเซ็นเซอร์ที่ว่านี้ต้องถอดหม้อลมเบรกและอุปกรณ์ร่วมทิ้งทั้งชุดและเปลี่ยนใหม่ เป็นค่าใช้จ่ายรวม 30,000 บาท จากคุณ : Khon Ngo - [ 28 พ.ย. 46 23:09:25 A:203.107.207.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 นี่ย่อมเป็นสิ่งที่ลูกค้าหมดความอดทนอีกต่อไป ผมได้โทรไปแจ้งผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relations) ในวันจันทร์ที่ 1 กันยายน 2546 ช่วงเช้า ว่าได้ส่งรถไปซ่อมที่ศูนย์เบนซ์ธนบุรี สาขาลุมพินี เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ซึ่งทางศูนย์แจ้งว่ามีค่าใช้จ่าย 30,000 บาท รู้สึกช็อกมาก ๆ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาหลักที่จะจ่ายไม่ได้ เงินมากกว่านี้ก็จ่ายให้ได้ในเมื่อมีปัญญา (+ ความ ngo ) ซื้อมาขับ แต่ถามว่า Pay for what? ในเมื่อมันไม่ใช่การเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานปกติ ทั้งยัง เกิดความไม่มั่นใจเพิ่มขึ้นในคุณภาพและความปลอดภัย และอาจจะมีอาการผิดปกติอย่างอื่นเกิดขึ้นตามมาได้อีกในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากทางเบนซ์เองก็ยังล้มเหลวต่อการวิเคราะห์หาสาเหตุว่าความผิดปกติในครั้งก่อน ๆ นั้นเกิดจากสาเหตุใดกันแน่ แถมยังไม่มี Preventive correction program ใด ๆ ออกมาให้ลูกค้ามั่นใจได้เลย ต่อไปนี้ คือ ข้ออ้างที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ยกขึ้นมาปฏิเสธความรับผิดชอบต่อลูกค้า 1. ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์แจ้งว่าเรื่องการยกเว้นค่าใช้จ่าย ต้องแจ้งทางเดมเลอร์ที่เยอรมนีอนุมัติเท่านั้น ผมจึงได้ทราบว่าเดี๋ยวนี้เองว่าเดมเลอร์ ประเทศไทย มีสถานะเป็นแค่บริษัทนายหน้าของเดมเลอร์ เยอรมนีเท่านั้น และคงไม่มีผู้บริหารคนใดที่สามารถตัดสินใจในการจบปัญหาของลูกค้าตนเองให้เกิดความพึงพอใจสูงสุดได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่ควรต้องจ้างผู้บริหารเหล่านั้นเข้ามาให้เปลืองค่าใช้จ่าย และเช่าห้องแถวขนาดเล็กก็พอแล้ว คงลดค่าใช้จ่ายได้มหาศาล แทนที่จะพยายามมาเก็บเกี่ยวเศษเงินจากการขายอะไหล่ที่ไร้คุณภาพให้ลูกค้า 2. ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์เสนอลดให้ได้เพียง 20% หลังจากได้พยายามที่สุดแล้วถึง 3 ครั้ง เพื่อขออนุมัติจากฝ่ายประกันคุณภาพ ผมอยากบอกว่า ต่อให้พยายามถึง 100 ครั้ง แต่ถ้าความพยายามนั้นไม่ได้ตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าเลย มันก็เหมือนกับการปัดสวะนั่นเอง ถ้าหากทางเดมเลอร์คิดว่าฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ทำสามารถหน้าที่ได้ดีที่สุดเท่านี้ ก็ควรจะยุบแผนกเสีย จะได้ลดค่าใช้จ่ายของคุณได้มากกว่านี้ แทนที่จะหารายได้จากการเอาเปรียบกับลูกค้าอย่างที่กำลังกระทำอยู่ ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อขอติดต่อผู้บริหารระดับสูงที่สามารถตัดสินใจได้ ก็บ่ายเบี่ยงและพยายามตัดบทด้วยการวางหูโทรศัพท์ ผมอยากทราบเสียจริง ๆ ว่า ผู้บริหารเหล่านั้นจะรู้สึกอย่างไรว่าความเชื่อมั่นและความภักดีต่อแบรนด์ของลูกค้า กำลังจะถูกทำลายไป โดยน้ำมือของคนของตัวเอง 3. บริษัทเมอร์เซเดสเบนซ์ (ประเทศไทย) หรือเดมเลอร์ไครส์เลอร์ ไม่สามารถช่วยอะไรได้มากกว่านี้ เนื่องจากระบบ ABS เสียหลังจากหมดระยะ 1 ปีของการรับประกัน และบริษัทฯ ไม่รับประกันชิ้นส่วนที่เป็นอิเล็กโทรนิกส์ใด ๆ ทั้งสิ้น จากคุณ : Khon Ngo - [ 28 พ.ย. 46 23:10:43 A:203.107.207.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมจะไม่คัดค้านเลย ถ้าชิ้นส่วนเหล่านั้นเป็นยางปัดน้ำฝนหรือยางรถยนต์ นั่นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับโดยดุษฎีว่ามันควรเสื่อมได้ในระยะการใช้งานดังกล่าวช่วง 1-2 ปี แต่นี่มันเกิดกับเซ็นเซอร์ที่เป็นหัวใจของระบบความปลอดภัยนั้น มันเสื่อมได้ง่ายดายอย่างนี้เลยหรือ เงินลงทุนวิจัยเป็นพันล้าน ไปละลายอยู่ที่ไหนหมด หรือเงินลงทุนวิจัยนั้นแท้จริงเป็นส่วนหนึ่งของการโฆษนาหลอกลวงผู้บริโภคให้หลงเชื่อในคุณภาพของสินค้า และถ้าเป็นอย่างนั้นแล้ว ผู้บริโภคควรจะต้องพิจารณาแล้วว่ารถเบนซ์ก็มีคุณภาพไม่ต่างจากรถกระป๋องที่มีราคาถูกกว่ามาก และยังมีความทนทานของอุปกรณ์และคุณภาพด้อยกว่ารถเหล่านั้นด้วยซ้ำ หรือเดมเลอร์อยากบอกลูกค้าโดยนัยว่าชิ้นส่วนต่างๆ ของรถรุ่นนี้ จะพร้อมใจกันหมดอายุอย่างรวดเร็วหลังจากหมดระยะ 1 ปีของการรับประกัน เหมือนกับพวกสินค้าราคาถูกและด้อยคุณภาพทั้งหลาย คงเร็วไปนิดนะครับ ถ้าจะถอนทุนคืนจากการขายสินค้าคุณภาพต่ำให้ลูกค้า เพื่อหารายได้เพิ่มจากการขายอะไหล่เหล่านั้น และเดมเลอร์จะยังคงยืดอกบอกลูกค้า ได้อีกมั๊ยว่าสินค้าของคุณมีคุณภาพ, ความปลอดภัยและความทนทานสูงสมกับภาพลักษณ์ที่หรูและคุ้มค่าต่อราคาอันแสนแพง เดมเลอร์คงคิดว่าเพียงพอแล้วที่จะโยนเศษเงินให้ลูกค้าเพื่อจบปัญหา แต่มันควรเป็นสิ่งที่ลูกค้าต้องจ่ายหรือ ในเมื่อปัญหาเกิดจากความบกพร่องในการควบคุมคุณภาพของการผลิตเอง ถ้าชิ้นส่วนนั้นเสื่อมจากการใช้งานตามปกติจริง นั่นก็หมายความว่าอย่างน้อย มากกว่า 50% ของรถรุ่นนี้เมื่อใช้งานได้ 2 ปี หรือ 25,000-30,000 กม. เซ็นเซอร์นี้ก็ควรจะต้องเสียในระยะเวลาใกล้เคียงกัน รวมไปถึงรถอีกคันที่ซื้อพร้อมกันด้วย ซึ่งตอนนี้ใช้ไปได้ประมาณ 20,000 กม. แล้ว ลักษณะการใช้งานน้อยเหมือนกัน กลับยังเป็นปกติ ( แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความหวาดวิตกลึก ๆ ว่า เวลาหวยออก กำลังใกล้เข้ามาแล้วและอาจถูกหลายงวดติดต่อกันก็ได้ ) จากคุณ : Khon Ngo - [ 28 พ.ย. 46 23:12:08 A:203.107.207.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 เพื่อยืนยันในข้อนี้ จึงได้ตรวจสอบกับฝ่ายเทคโนโลยี ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เอง พบว่าระบบความปลอดภัยของเบนซ์ได้ผ่านการวิจัยและลงทุนไปนับพันล้านบาท ระบบเซ็นเซอร์ ABS นี้ แม้ว่าจะไม่ได้ระบุไว้ แต่มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 2 ปีของการใช้งานปกติ การเสื่อมสภาพนี้ถือว่าเป็นความผิดปกติประการหนึ่ง และขณะนี้ไม่ปรากฏว่ามีเคสนี้แจ้งเข้ามา นั่นก็หมายความว่า เซ็นเซอร์ตัวนี้ เป็นหนึ่งในเซ็นเซอร์ที่มีคุณภาพผิดปกติไป เดมเลอร์จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อลูกค้าและความจริงใจในการแก้ไขปัญหาให้มากกว่านี้ โดยเฉพาะเงินหลายล้านบาทที่จ่ายให้กับค่าสินค้านั้น ประการสำคัญคือมันจ่ายไปในส่วนของความปลอดภัยที่ได้จากรถ ลูกค้าจ่ายเพื่อซื้อคุณภาพ ไม่ใช่ “ซื้อปัญหา” ของสินค้าที่ส่อแววว่าจะปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ การกระทำของเดมเลอร์ในครั้งนี้ ได้สูญเสียความเชื่อมั่นและศรัทธาของลูกค้าไปแล้วอย่างสิ้นเชิง การแก้ปัญหาของฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ซึ่งเป็นด่านหน้าของเดมเลอร์เองก็ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ยังไม่นับการสูญเสียภาพพจน์ที่ฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ได้ลงทุนไปแล้วอย่างมหาศาล นี่หรือคือ บริษัทข้ามชาติมืออาชีพ ผู้ผลิตสินค้าที่เป็นที่ต้องการของคนทั่วโลก นอกจากนี้ความล้มเหลวของการทำงานของฝ่ายที่ได้ชื่อว่า “ ลูกค้าสัมพันธ์ “ ของบริษัทข้ามชาติที่มีชื่อเสียงเอง เป็นสิ่งที่น่าตกใจมาก ๆ แต่เนื่องจากความภักดีต่อแบรนด์ที่พวกเราได้ประเคนมอบให้เบนซ์ จนคนที่นี่ลืมหมดสิ้นไปแล้วว่า หน้าที่ของลูกค้าสัมพันธ์ต้องทำอย่างไร งานบริการที่ดีเป็นอย่างไร และลูกค้ามีความสำคัญอย่างไร ทิ้งให้ลูกค้าจมอยู่กับปัญหาโดยไม่พยายามแจ้งความคืบหน้าให้ทราบ จนต้องโทรไปตามเองตลอด สุดท้ายผมต้องยอมให้ทางธนบุรีซ่อมไป เนื่องจากได้ทิ้งรถไว้เกือบสัปดาห์แล้ว โดยที่ทางเดมเลอร์แทบจะไม่ได้ให้ความสนใจเลย ผมขอตอกย้ำว่า ผมไม่เชื่อว่าระบบ อิเล็กโทรนิกที่กระหน่ำเติมเข้าไปในรถรุ่นหลัง ๆ ของเบนซ์มีความสมบูรณ์แบบและเชื่อมั่นได้ 100% รวมทั้งไม่เชื่ออย่างที่คนของเบนซ์พยายามชวนให้เชื่อว่านี่คือผลงานวิจัยที่ลงทุนเป็นพันล้าน แต่มันได้ผลออกมาแค่นี้เองหรือ คุณภาพ ความทนทาน ความมั่นใจในความปลอดภัย ตลอดจนบริการหลังการขาย “SERVICE MIND” และ “ CUSTOMER SATISFACTION & INTAMACY ” คงไม่ได้รวมอยู่ในงบการลงทุนครั้งนี้ด้วยกระมัง และขอเน้นชัด ๆอีกครั้งว่า ผมไม่สามารถยอมรับได้โดยเด็ดขาดกับการต้องจ่ายเงินที่เกิดจากการผลักภาระให้ลูกค้าอย่างไร้ความรับผิดชอบและขาดสามัญสำนึกของการบริการหลังการขายอย่างร้ายแรง และนี่คือ “การปล้น” ที่แฝงมาในคราบของการเอาเปรียบทางการค้าข้ามชาติ. จากคุณ : Khon Ngo - [ 28 พ.ย. 46 23:13:20 A:203.107.207.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ผมได้พยายามติดต่อทางเยอรมนีโดยตรง ทาง e-mail ผ่านทาง web site หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ เลย จนถึงวันนี้ ขอรับรองว่าทั้งหมดนี้เป็นความจริงและมิได้ต้องการก่อให้เกิดการแตกแยกใดๆ แต่ต้องการให้ผู้บริโภคได้มีความระมัดระวังมากขึ้นในการซ้อสินค้า เนื่องจากเพียงเพราะชื่อเสียงและโฆษณา สามารถตรวจสอบยืนยันได้กับทางเบนซ์ธนบุรี สาขาลุมพินี ตามใบเสร็จที่ post นี้ (ขออนุญาตลบข้อมูลส่วนตัวออกครับ) สุดท้ายนี้ เป็นข้อความโฆษณาของประธานใหญ่ของกลุ่มเดมเลอร์ไครส์เลอร์ (ประเทศไทย) Mr. Karl-Heinz Heckhausen ได้แถลงไว้ใน official website ดังนี้: “One of our biggest challenges is and will always be to offer the best and most attractive automobiles. Safety, quality, innovation and design underline the success of our automobiles and we are convinced that the present successes will continue into the future as well. “ จากคุณ : Khon Ngo - [ 28 พ.ย. 46 23:14:50 A:203.107.207.36 X: ]

ความคิดเห็นที่ 6 เบนซ์ รุ่นใหม่ๆ เดี๋ยวนี้ ไม่ทนทานอย่างรุ่นเก่าๆ แล้วครับ นี่เพื่อนผมกำลังจะถอย E270 CDI จะเป็นอย่างไรหว่า ไม่จุกจิกต้อง W123 W124 ครับ ทนทานอะไหล่ถูก จากคุณ : แป่วแว้ด - [ 28 พ.ย. 46 23:22:29 A:202.28.9.67 X:10.7.251.13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 โอ้โห ผมคงทำได้แค่แสดงความเห็นใจครับ ออกความเห็นไม่ถูกเหมือนกัน จากคุณ : Tombstone - [ 28 พ.ย. 46 23:47:06 A:202.133.162.39 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 โอย อ่านแล้วมึนแทนครับ แต่การแบ่งให้อ่านของคุณนี่ยอดเยี่ยม ไม่งั้นผมคงอ่านไม่รู้เรื่องแหงๆ ผมเคยอีเมล์ไปหา อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน เนเธอร์แลนด์ สั่งซื้ออะไหล่รถน่ะครับ ทุกประเทศคุยกับผมยกเว้นเยอรมัน แปลกดี จากคุณ : นายลุงหมี - [ 29 พ.ย. 46 00:03:28 ]

ความคิดเห็นที่ 9 หนูว่าคุณไม่ต้องซ่อมกับ 0 หรอกค่ะ แพงเปล่าๆ ซ่อมกับอู่ที่เก่งๆ ไว้ใจได้จะดีกว่านะ ไม่งั้นทีสึงหมดหลายหมื่นแน่ จากคุณ : นู๋นัน - [ 29 พ.ย. 46 05:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 10 อยากฟังคำชี้แจงจากทางบริษัทฯบ้างครับ จากคุณ : ss2498 - [ 29 พ.ย. 46 06:44:44 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ผมรู้สึกว่าถ้าในเรื่องความทนทานนะ รถญี่ปุ่นอย่างโตโยต้า ไม่ค่อยจะเสียจะงอแงเท่าไหร่ เพียงแต่ค่านิยมคนไทยจะรู้สึกว่าขี่เบ็นซ์ แล้วดูภูมิฐานกว่า มีเพื่อนเคยใช้ ซีคลาสตัวล่าสุดก็บอกว่าไปเคลมตัวควบคุมที่เป็นคอมไปบอกว่าราคาแสนกว่าบาท ตอนนี้ไม่ค่อยกล้าใช้รถเลยกลัวพัง แล้วเสียเป็นแสน ผมว่ารถญี่ปุ่นทนกว่านะ จากคุณ : พี.ออโต้ - [ 29 พ.ย. 46 08:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ทีหลังถ้ารถมีปัญหาที่ไม่ได้เกิดจากการใช้งานและมีหลักฐานจริง ให้ ร้องเรียนถึง 1. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 2.ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม 3.เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม 4.เลขาธิการสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค จากคุณ : ขอคารวะ - [ 29 พ.ย. 46 08:48:23 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ยอมเสียอีก 3 หมื่น เอาเรื่องที่คุณเขียนเนี่ย ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์รายวัน (ไม่ต้องยักษ์ใหญ่หรอก) แค่ครึ่งหน้า ก็พอแล้วครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 29 พ.ย. 46 10:03:25 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ทำไมเวลานำรถเข้าศูนย์ จึงเสียยิบเสียย่อย เปลี่ยนน้ำมันเคริ่องก็คิดค่าแรงเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่องก็คิดค่าแรงเปลี่ยนกรอง แล้วมีรายการอื่นๆอีกจิปาถะ จริงอยู่ รถคนรวย คนรวยเค้าไม่ร้องหรอก เสียฟอร์ม แต่แหมๆๆขอทีเหอะ คนรวยโง่รึงัย ถึงได้ฟันเอ๊าฟันเอา จากคุณ : ก็คนมันอยากขับเบนซ์นี่นา - [ 29 พ.ย. 46 12:38:44 A:203.114.224.45 X:203.114.224.1 ]

ความคิดเห็นที่ 15 บอกแล้วให้เล่น Toyota ฮี่ๆๆๆ ล่อเล่นนะครับ จากคุณ : NismoO - [ 29 พ.ย. 46 12:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ที่บอกว่าลงทุนเป็นพันล้าน มันรวมทุกอย่างรวมทั้งค่าน้ำค่าไฟด้วยครับ555555 และมันไม่ได้บอกว่าขายรถได้กี่หมื่นล้าน มันคุยทุกบริษัทค้ารถแหละครับ ให้ดูยิ่งใหญ่เข้าไว้..ไอ้เอบีเอสนี่ มันลงทุนที่ไหน มันซื้อจากผู้ผลิตมาใส่แค่นั้น!!!! จากคุณ : 5555 - [ 29 พ.ย. 46 14:15:45 A:203.144.143.250 X:203.118.117.87 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณครับ คุณได้ซื้อรถ New C200 Kompressor จำนวน 2 คัน เมื่อเดือนกันยายน 2541 เสียครั้งที่ 1 วันที่ 19 พ.ย. 2546 (เลขไมล์14,556 กม) เสียครั้งที่ 2 12 พ.ค. 2546 (เลขไมล์ 22,616 กม.) เสียครั้งที่ 3 29 ส.ค. 2546 (เลขไมล์ 27,000 กม.) และจากการอ่านข้อความของคุณ คุณบอกว่า ครั้งที่ 1 และ 2 อยู่ในระยะประกัน 1 ปี ครั้งที่ 3 ไม่อยู่ในระยะประกันแล้ว ตัวเลข และวันที่ มันยังไงๆ อยู่นะครับ เขียนอะไรผิดหรือเปล่า แล้วทำไม 5 ปีใช้รถไปแค่หมื่นสี่กว่าๆ พออีกไม่กี่เดือน ไมล์พุ่งกระฉูดเลย จากคุณ : งง (อากง) - [ 29 พ.ย. 46 19:40:40 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ซื้อ ก.ย 41 พังครั้งที่ 1 เมื่อ 19 พ.ย. 2546 (เลขไมล์14,556 กม) พังครั้งที่ 2 เมื่อ 12 พ.ค. 2546 (เลขไมล์ 22,616 กม.) พังครั้งที่ 3 เมื่อ 29 ส.ค. 2546 (เลขไมล์ 27,000 กม.) ผมก็งงตรงนี้เช่นกัน จากคุณ : ton99 - [ 29 พ.ย. 46 20:49:33 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เพื่อนผมก็เพิ่งถอยรุ่นนี้มาได้ไม่ถึงปีแต่ก็ยังไม่มีอะไร มันบอกว่า รถรุ่นนี้แปลกดี เจ้าของแทบไม่ต้องทำอะไร เพราะทำไม่ได้ อะไรๆก็ต้องเข้าศูนย์หมด ก้านวัดน้ำมันเครื่องก็ไม่มี (จริงเหรอ?) เขากะจะให้เข้าศูนย์อย่างเดียวแม้แต่การเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ต่อคอมพิวเตอร์เข้าเครื่องแล้ว cpu ในเครื่องจะรายงานทุกอย่างออกมาให้ดูเองว่าต้องมีอะไรต้องดูแลบ้าง รถสมัยนี้เป็นคอมพิวเตอร์หมดแล้ว มันอาจจะเป็นข้อดีก็ได้มั้งแต่ผมยังนึกไม่ค่อยออก แต่ที่แน่ๆข้อเสียคือ อะไรที่ไฮเทคมากๆ ก็มีโอกาสที่จะรวนได้มากขึ้นเพราะส่วนประกอบมันเยอะ แต่บ่นไปก็เท่านั้นแหละ รถในอนาคตก็มีแต่จะไปในแนวทางนี้ทุกยี่ห้อละครับ ช่างข้างนอกศูนย์จะซ่อมยากขึ้นทุกที --==NICK==-- จากคุณ : NICK (||ic|<) - [ 30 พ.ย. 46 04:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วตกลงซื้อปีไหนกันแน่ ชัก งงเหมือนกัน คนซื้อเบนซ์อาจคาดหวังเกินไปกับเม็ดเงินที่ลงไป จนละเลยการใช้วัสดุ และเทคโนโลยี่ ที่พี่งระบบไฟฟ้ามากขึ้นของรถปัจจุบัน เมอร์ซิเดส เบนซ์ ในไทย ตั้งราคาไว้สูงแต่ไหนแต่ไร จนทำให้คิดว่าราคาเป็นตัวกำหนดความพรั่งพร้อมของรถ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ศักดิ์ศรี ค่านิยม สมรรถนะ ตลอดจน ความทนทาน ทั้งๆที่ในต่างประเทศ ช่องว่างเรื่องราคาระหว่างรถเบนซ์เมื่อเทียบกับรถยี่ห้ออื่นในคลาสเดียวกัน ก็ต่างกันไม่มาก เพราะความเป็นดาวสามแฉก กับคนไทย ถูกครอบงำมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปความเจริญทางด้านเทคโนฯ กับความคิดทางการทำรถ เปลี่ยนไป มีการแข่งขันกันทางด้านราคาและการลดต้นทุนการผลิต เพื่อให้แข่งขันกันได้ในตลาดรถยนต์ จึงเห็นว่า ทาง เมอร์ซิเดส จึงต้องเปลี่ยนโมเดลของรถในรุ่นต่างๆ ให้เร็วขึ้น แทนที่จะเป็น 8-10 ปี อย่างเช่นหลายทศวรรษที่ผ่าน ก็มาเป็นไม่เปิน 5 ปี ตามตลาดรถญี่ปุ่น ปรัชญาในการทำรถจึงต้องเปลี่ยนไป เพราะมองว่า ต่อไปผู้บริโภคการใช้รถเกิน 5 ปีจะลดน้อยลง จึงไม่จำเป็นต้องทำอุปกรณ์ ให้แข็งแรงทนทาน อย่างแต่ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส่วนที่ทำมากจาก พลาสติก รีไซเคิล เพื่อการลดต้นทุนให้มากที่สุด ซึ่งสวนทางกับเทคโนฯ ที่มีมากขึ้นในรถปัจจุบัน ที่บางส่วนต้องมีระบบกันฉนวนอย่างดี เพื่อป้องกัน ระบบไฟฟ้า ที่สลับซับซ้อนมากขึ้น เลยเป็นที่มาของระบบไฟฟ้าในรถ ที่เสื่อมสภาพเร็วขึ้น แทนที่จะต้องเสียหรือเปลี่ยน ภายในเวลา 3 ปี ก็กลายเป็น ปีกว่าๆ บางชิ้น ก็หมดสภาพแล้ว เมื่อเจอกับสภาพรถติด กับ ความร้อนในบ้านเรา ดังนั้นผู้บริโภค ต้องชั่งใจแล้วอย่าเพิ่งคาดหวัง ว่ารถดาวที่เราใช้อยู่หรือที่กำลังจะซื้อนั้น เป็นรถที่ยอดเยี่ยมอย่างที่สุด อุปกรณ์จะเสียหาย ภายใน สองสามปี ไม่ได้ หรือ เสียในปีนั้นเลยไม่ได้ ระบบอิเลคโทรนิค อย่างเครื่องคอมฯเราเปิดเครื่องมาใหม่ๆ การ์ดจอ หรือ แรม เสียขึ้นมายังมีให้เห็นเป็นประจำ ซึ่งก็ไม่ต่างกับระบบอิเลคฯ หรือระบบไฟฟ้า ในรถเท่าไร ....... จากคุณ : HUE-E - [ 30 พ.ย. 46 14:18:43 A:202.57.168.162 X: ]

ความคิดเห็นที่ 22 ยืนยันครับว่า วัสดุรถสมัยมีความทนทานน้อยกว่ารถสมัยเมื่อ 10 ปีก่อนเยอะ แม้ว่าจะทำมาสวยหรูเพียงใด อายุการใช้งานจะสั้นกว่ารถรุ่นเก่าๆ ท้งนี้เพื่อลดต้นทุน ดังนั้นการที่รถจะมีปัญหาบ้างคงจะเป็นธรรมดา อย่างรถรุ่นนี้ C 200 K ใช้อยู่ก็ปีเดียว พัดลมแอร์เริ่มดังเหมือนจะมีอะไรคลอนๆ ตัวไวนิลบุคอนโซลก็โครตบางเจอเล็บจิกหน่อยก็ขาดซะแล้ว :-)เลยรถรุ่นนี้ อย่าไปซื้อเลย ไม่คุ้มหรอก กับค่าตัว 3 ล้านกว่าๆ ตัวเลือกมีอีกแยะ อัตราเร่งช่วงปลาย ก็ยังสู้รถกระบะดีเซลยังไม่ได้อีก เครื่องแค่ 2 ลิตร ราคา 3 ล้าน ผมว่าถอยแอคคอรด์ V6 มา2 คันดีกว่า ขับ 2 สี 2 วัน คุ้มกว่าเยอะ จากคุณ : R - [ 30 พ.ย. 46 16:06:08 A:203.146.89.72 X: ]

ความคิดเห็นที่ 23 รถรุ่นนี้ รู้สึกจะมีก้านวัดนะครับ แต่ จะมีวิธีวัดทางหน้าจอคอมพิวเตอร์ดิสเพลย์ในรถ เช้คได้ตอนดับเครื่องและอยู่บนพื้นราบๆ เลยไม่จำเป็นต้องเปิดกระโปรงรถเลย แต่จะเช็ดได้แค่ว่าระดับถูกต้องรือไม่ถูกต้องเท่านั้น ไม่เหมือนกับการดูก้านวัดที่จะทราบว่าอยู่ขีดไหน ติดขอบบนหรือกลางหรือติดขอบล่าง จะทราบได้ละเอียดกว่า จากคุณ : R - [ 30 พ.ย. 46 16:11:23 A:203.146.89.72 X: ]

ความคิดเห็นที่ 24 ก้านวัดไม่มี เพราะวัดได้จากในเครื่อง ผมใช้งานมาสองปี ไม่เคยเห็นมีปํญหา จากคุณ : รน - [ 30 พ.ย. 46 17:42:31 A:203.148.252.233 X:210.203.176.129 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ความเห็น22. ถูกใจผมจัง ผมจะถอย HONDA JAZZ มา5สี5คัน ขับไปทำงานวันละคัน จากคุณ : มม - [ 30 พ.ย. 46 20:17:30 A:203.113.67.5 X: ]

ความคิดเห็นที่ 26 เหมือนเล่นรัสเซียน รูเล็ต โป้ง แชะ โป้ง ไม่เดท แต่เซ็ง จากคุณ : Double07 - [ 30 พ.ย. 46 20:52:40 ]

ความคิดเห็นที่ 27 honda smile ครับ ของผม 30 กม. ลิตร จากคุณ : nuno4 - [ 30 พ.ย. 46 21:09:21 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เอ....สอบถามเรื่องกุญแจรถหน่อยครับ เวลาซื้อมานี่เขาให้กุญแจมา 3 อันใช่ไหมครับ 2 อันเป็นรีโมท อีกอันเป็นเหล็กธรรมดา ตามที่คู่มือบอก คือผมได้มาแค่รีโมท 2 อันแต่ตัวกุญแจเหล็ก ไม่ได้อะครับ อยากรู้ว่าได้เหมือนผมไหม จะได้ไปทวงที่ศูนย์ต่อไปครับ จากคุณ : R - [ 1 ธ.ค. 46 03:33:59 A:203.113.51.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 29 ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาให้คำแนะนำ และขอโทษอย่างมากที่พิมพ์ผิด ที่ถูกต้องขอแก้ไขดังนี้ครับ 1. รับรถคันแรกเมื่อ ก.ย. 2544 และคันที่สอง (คันที่มีปัญหา) เมื่อ พ.ย. 2544 (ไม่ใช่ 2541 ซึ่งรถรุ่นนี้ยังไม่ได้ผลิต) 2. ปัญหาครั้งแรก เกิดขึ้นเมื่อ 19 พ.ย. 2545 (ไม่ใช่ 2546) ต้องขอขอบคุณคุณอากง และคุณ คห 18 มากครับที่ช่วยตรวจให้ สงสัยตอนที่เขียนสมองกำลังสับสนมากนะครับ ยังนึกอยากจะเอารถไปประจานหน้างานมอเตอร์โชว์ด้วยซ้ำ แต่ติดที่ความหนายังไม่พอครับ จากคุณ : Khon Ngo - [ 1 ธ.ค. 46 07:09:16 A:209.64.21.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 30 เรื่องกุญแจนี่ตอนซื้อที่ศูนย์ก็มีปัญหามาก เนื่องจากคันแรกผมซื้อผ่านไฟแนนซ์ แต่ได้กุญแจรีโมทมา 1 ดอก จึงต้องไปทวงถามที่ศูนย์ (BKK) หลังจาก 3 อาทิตย์ จึงได้แบบรีโมทมาอีก 1 ดอก รวมเป็น 2 ดอก แต่ไม่ได้ดอกที่ไม่มีรีโมท ส่วนคันที่สองซื้อเงินสด ก็ได้กุญแจรีโมทมาเพียง 2 ดอก เท่าที่จำได้ทาง BKK แจ้งว่าทางเดมเลอร์จะเก็บดอกที่ไม่มีรีโมทไว้เพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน คุณ R ลองเช็คอีกทีก็ได้ครับเพื่อคอนเฟิร์ม มีอีกเรื่องหนึ่งที่ถูกทางศูนย์โกง คือ เรื่องแถมประกันภัยชั้นหนึ่ง ช่วงที่ซื้อ ไม่มีแถม แต่จ่ายในราคาต่ำ คือ 40,000 บาทต่อคัน จนผ่านไปเกือบปีแล้วยังไม่ได้รับใบเสร็จรับเงินสักใบ เลยไปทวงถามที่บริษัทประกันภัยคุ้มภัย ปรากฏว่าเบี้ยประกันแค่ 30,000 บาท เท่านั้น ส่วนเซลล์ที่ขายได้ชิงลาออกไปแล้ว (เป็นพนักงานที่ได้รับรางวัลท้อปเซลล์ด้วยครับ) ตามเรื่องทางศูนย์ เขาก็ไม่รับผิดชอบ ให้ไปจัดการเอาเอง แต่เนื่องจากต้องเดินทางบ่อยและไม่มีเวลา จึงไม่ได้ดำเนินการใด ๆ นี่คงเป็นอุทาหรณ์อีกอย่างหนึ่งสำหรับคนไทยที่ไม่ค่อยรักษาสิทธิ์ของตัวเอง ยอมให้คนอื่นเอาเปรียบตลอด แล้วคิดว่าช่างมัน เป็นเวรกรรมของตัวเอง บ้านเราถึงได้มีเรื่องให้คนอื่นสมน้ำหน้าอยู่ตลอด เรื่องนี้ผมมีหลักฐานทุกอย่าง อยากนำมาโพสต์ให้ดู แต่เนื่องจากผมใช้บัตรผ่าน พยายามโพสต์แล้ว ทำไม่ได้ครับ อีกอย่างหนึ่ง บางทีก็โพสต์ข้อความใดๆไม่ได้เลยเพราะจะมีข้อความว่ายังไม่ได้ sign in ขึ้นตลอดทั้งทีที่ sign in เรียบร้อยแล้วครับ จากคุณ : Khon Ngo - [ 1 ธ.ค. 46 07:51:51 A:209.64.21.132 X: ]

ความคิดเห็นที่ 31 อยากเรียนว่า เจ้าของกระทู้ไม่ใช่ "คนโง่" ตามชื่อที่ post ไว้หรอกครับ พบคนที่ประสบปัญหาเช่นเจ้าของกระทู้ ผมไม่สมน้ำหน้าเช่นกัน แต่อยากขอบคุณที่ช่วย share ประสบการณ์ วันหน้าหากมีโอกาสซื้อสินค้าราคาสูง ๆ จะได้ระวังไว้ แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 09:52:25 แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 09:52:16 แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 46 09:52:13 จากคุณ : ไม่ใช่ผู้วิเศษ - [ 1 ธ.ค. 46 09:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขอออกความเห้นเรื่องศูนย์บริการเท่านั้น ถ้ารถอยู่ในประกันจริง Benz ไม่น่าปฏิเสธการรับประกันทุกชิ้นส่วนยกเว้นของใช้สิ้นเปลืองอย่างผ้าเบรคหรือยางอะไรแบบนี้แน่นอน ถ้าสมมติว่าอยู่ในประกันเวลาเคลมอะไหล่เสียเขาจะเปลี่ยนให้เลยแต่ไม่บอกว่าเสียเพราะอะไร ยกเว้นจะถาม บางครั้งบอกตรงๆช่างก็ไม่รู้ว่าทำไมเสีย รู้แต่ว่าชิ้นนี้เสียถ้าเปลี่ยนแล้วจะหายเท่านั้นเอง แต่เคสของเจ้าของกระทู้ไม่ออกความเห็นดีกว่าเพราะ รถเลยระยะรับประกันแล้ว Benzซ่อมให้แต่ก็ไม่ฟรีอยู่แล้ว อย่างกรณีของ ABS ไม่ทำงานหรือพังเร็ว จะบอกให้เขาเคลมฟรีมันก็ลำบากเพราะ ถ้าเป็นปัญหาของสินค้าจริง รถร่นนี้ต้อง ABS เสียอยู่บ่อยและหลายคัน แบบนั้นเชื่อว่าเบนซ์ต้องเรียกกลับไปเปลี่ยนให้ฟรีทุกคันอยู่แล้ว ถ้าเป้นเฉพาะบางคันแบบนี้ มันเป้นเรื่องโชคร้ายของลูกค้าแต่อย่างไรเขาก็ซ่อมให้ จากคุณ : ... - [ 1 ธ.ค. 46 10:42:29 A:210.1.34.226 X: ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยกับ กระทู้ 21 ดูซิ e200 Kom อยู่ดีๆ ราคาขึ้นไป อีก 200,000 บาท เพิ่งออกมาได้ไม่นานนี่เอง และก็ไม่มีอะไรเพิ่ม ก็ไอ้คันเดิมๆนี่หละ โหดดดดดดดด ไหม? จากคุณ : w140 (tee-off) - [ 1 ธ.ค. 46 12:15:36 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณคุณเจ้าของกระทู้มากครับ จากคุณ : R - [ 1 ธ.ค. 46 14:00:51 A:203.146.89.61 X: ]

ความคิดเห็นที่ 35 ตำนานแห่งดวงดาว จากคุณ : `rieb revolutions (จอห์นนี่ ฮะตู) - [ 1 ธ.ค. 46 15:10:07 ]

ความคิดเห็นที่ 36 สินค้าอิเล็คโทรนิกส์ มักมีโอกาสเสียได้จากหลายประการ ยังไงก็ขอบคุณที่เล่าให้ฟังครับ แต่ของผมเคยไปเคลมตู้แอร์ เมื่อ 2 -3 ปีที่แล้ว ตอนนั้นใช้รถมา 40,000 กว่า ในระยะ 5 -6 ปี (น่าจะหมดประกันแล้ว) ซึ่งก่อนเคลมได้เปลี่ยนมาทุกอย่างแล้วเช่น releyคอนเดนเซอร์ จำได้ว่าประมาณ 2- 3 หมื่นบาท รวมค่าแรง ค่าซ่อมและค่าอะไหล่ ประมาณ 3 รอบ เกือบทุกอย่างในระบบเลยก็ว่าได้ (ยกเว้นตู้แอร์) ทางหัวหน้าช่างแจ้งว่าอย่างไรจะเรียกช่าง ซึ่งเป็นชาวเยอรมันมาดูรถให้ว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เพราะช่างชาวไทยไม่สามารถวิเคราะห์อาการได้แล้ว สรุปตกลงจะเปลียนตู้แอร์ให้ฟรี (จำไม่ได้ว่าค่าแรงฟรีหรือไม่ฟรี) นับตั้งนั้นมาไม่เคยมีปัญหากับระบบแอร์อีกเลยครับ 2-3 ปีมาแล้ว จากคุณ : wichairue - [ 1 ธ.ค. 46 15:18:33 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คคห33 --------------------- และก็ไม่มีอะไรเพิ่ม --------------------- ผมยอมรับว่า เบ็นซ์ mang' ตั้งราคาฟันกำไร แต่ว่ารุ่นที่เพิ่มตังค์นี่ มี option เพิ่มนะครับ จากคุณ : 7 - [ 1 ธ.ค. 46 16:24:13 A:203.148.252.235 X:210.203.180.116 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ลองติดต่อรายการ ถึงลูกถึงคนดูครับ เผื่อจะเป็นกรณีตัวอย่างครับ จากคุณ : to_lucky2002@hotmail.com (to_lucky) - [ 1 ธ.ค. 46 18:09:35 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมเองซื้อมา ใกล้เคียงกับเจ้าของกระทู้ครับ เจออันแรกเลย ไฟเลี้ยวหลอดขาด เอาเข้าราชดำเนินเขาทำให้ฟรี และแจ้งว่ารุ่นนี้ต้องนำมาเปลี่ยนขั้ว ไฟใหม่หมดจะหมดปัญหา ผมเลยทิ้งให้เปลียน ฟรีครับ สอง แอร์มีเสียงดัง ป๊อก ๆ ตอนเปิดใหม่ ๆ เอาเข้าราชดำเนิน เขาบอกว่ารุ่นนี้ แผงสายพาน เป็นทุกคัน จะนานหรือไม่นานเท่านั้น เขาเปลี่ยนให้ฟรีเช่นกัน สาม ถัดมาอีกไม่กี่เดือน ไฟเตือนเป็นรูปเครื่องขึ้น ผมเปิดดูในคู่มือ บอกห้ามใช้ด่วน เลยไปเข้าราชดำเนิน เขาบอก คอมมันรวม ทำให้ฟรีเช่นกัน เมื่อสามอาทิตย์ก่อน เดมเลอร์โทรมา แจ้งว่า จะตรวจทุกชิ้นให้ฟรี ไม่คิดตังค์ แต่ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ และจะให้รถมาทดแทนให้ แต่ผมไม่เอาครับ กลัวจะตรวจแล้วบอกว่า ต้องเปลี่ยนนั่น นี่ ไม่อยากเสี่ยงครับ แต่ช่วงครึ่งปีหลังมานี่ ดีตลอดนะครับ ไม่เสียเลย บางที ต้องทำใจเหมือนกัน รถก็เหมือนเครื่องใช้ทั่วไปหละครับ มีดี มีไม่ดี บางทีก็หาสาเหตุยาก เพียงแต่รถมันราคาแพง ซ่อมแพง จะให้เขารับผิดชอบหมดคงลำบากครับ เพราะเขาก็ไม่รู้ว่า เราเอาไปใช้ในลักษณะใดมา จากคุณ : ริบบอนจัง (ริบบอนจัง) - [ 1 ธ.ค. 46 19:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เบนซ์ ประกัน3 ปีคับ ไม่ใช่ ปีเดียว 3ปีไม่จำกัดระยะทางด้วย แล้วก็ประกัน 3 ปี มาตั้งนานแล้วคับ อย่างน้อย คันแรกที่บ้านเราซื้อ ก็ปี 92 ก็ยังรับประกัน ทุกชิ้นส่วน 3 ปี ในนี้บอก ว่า ประกันแค่ ปี เดียว มั่วแล้ว คิดเอาเองละกัน จากคุณ : PluMMy - [ 1 ธ.ค. 46 21:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ซื้อ พ.ย 44 พังครั้งที่ 1 เมื่อ 19 พ.ย. 2545 (เลขไมล์14,556 กม) พังครั้งที่ 2 เมื่อ 12 พ.ค. 2546 (เลขไมล์ 22,616 กม.) พังครั้งที่ 3 เมื่อ 29 ส.ค. 2546 (เลขไมล์ 27,000 กม.) ผมไม่แน่ใจว่า Benz รับประกันกี่ปี แต่รถสมัยนี้รับประกันอย่างต่ำ 3 ปี กันหมดแล้ว ถ้ารถคุณขับไม่ถึง 3ปี แล้วมีปัญหาต้องซ่อม (ที่อยู่ในเงื่อนไขการรับประกัน) แล้วเขามาคิดค่าอะไหล่เราตรงนี้อย่ายอมครับ ส่วนเรื่องมันจะเสียไม่เสียตรงนี้มันกำหนดไม่ได้ครับ มันขึ้นอยู่กับดวง จากคุณ : ton99 - [ 1 ธ.ค. 46 23:38:35 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เห้ออออ ดูแล้วเหนื่อยแทนเลย ขนาดรถหรูราคาแพงนะนี่ เสียใจด้วยที่ ซวยจริงๆ เพราะฉะนั้น ผมว่าคุณเจ้าของกระทู้น่าจะมีทางออกในใจแล้ว จากคุณ : malldeff - [ 2 ธ.ค. 46 08:42:48 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ตอบคุณความเห็นที่ 28 คุณจะได้กุญแจรีโมท 2 ดอก ถูกแล้วค่ะ แต่กุญแจเหล็กจะเสียบอยู่ที่กุญแจรีโมทนั่นแหละ กรุณาดูให้ดี ๆ จะดึงออกมาได้จากตัวรีโมท เป็นเหมือนแท่งเหล็กสี่เหลี่ยม ๆ แล้วจะมีรูร้อยพวงกุญแจด้วย จากคุณ : ... - [ 2 ธ.ค. 46 12:34:15 A:202.57.132.173 X: ]

ความคิดเห็นที่ 45 ผมว่าสคบ หรือ ภาครัฐ ควรเข้ามาดูแลเรื่องนี้บ้างแล้ว ไม่ได้เป็นแค่ Daimler หรอกครับ ค่ายอื่นก็ไม่หนีกันหรอก ผมใช้ Honda Accord VTIE รุ่นปี 97 ตอนนั้นซื้อมาใหม่ๆ ล้านนึงมีทอนนิดหน่อย จุดขายของรุ่นนี้ตอนนั้นคือ มี ABS ซึ่งรุ่นที่ต่ำกว่าไม่มี ใช้ไปได้ไม่กี่เดือน ABS เสีย Sensor บอกว่ามีความผิดปกติในระบบ ABS ผมเอาเข้าศูนย์ ทางศูนย์แจ้งว่า อาการนี้ ทาง Honda รับทราบว่าเป็น defect ของ pump break จะเปลี่ยนให้ทุกคัน ตอนนั้นผมรู้สึกประทับใจในความรับผิดชอบของ Honda มาก แต่ที่ใหนได้ครับ พอผมโทรไปติดตามเรื่อง ศุนย์ก็บ่ายเบี่ยงบอกว่าอะไหล่ยังไม่มาบ้าง หมดบ้าง ผมพยายามติดตามอยู่ 2 ปี จนหมดประกันก็ยังไม่ได้เปลี่ยนซักที ถามหนักๆเข้า ศูนย์บอกว่าอะไหล่มาเดือนละ 2 ตัวแต่คิวเปลี่ยนเป็นร้อยๆ ฮ่วย!! มันแสดงถึงความไม่รับผิดชอบชัดๆ สุดท้ายผมก็ต้องขับรถ แบบไม่มี ABS จนขายไป ผมหมดศรัทธากับ HONDA อย่างมาก ไม่เคยใช้ HONDA อีกเลย ที่แปลกคือเรื่องเหล่านี้ในต่างประเทศเป็นเรื่องปกติที่ค่ายรถจะต้องประกาศให้เป็นที่รับทราบ แต่บ้านเราไม่ทำ ผมยังนิยม Chevrolet อยู่ในใจ ที่ยอมรับความจริงประกาศ Recall เมื่อรถมีปัญหาในช่วงต้นๆของสายการผลิต และเปลี่ยนให้ลูกค้าโดยไม่มีข้อแม้ ส่วน HONDA นั้นเมินไปเถอะ ยิ่งเดี๋ยวนี้หันไปประกอบในอินโด เข้ามาขาย ผมยิ่งไม่กล้าเสี่ยง จากคุณ : ผิดหวัง - [ 2 ธ.ค. 46 17:01:50 A:202.183.253.231 X: ]

ความคิดเห็นที่ 46 เดี๋ยวนี้เบ๊นซ์ตั้งราคาขายเว่อร์ไป ราคาค่าบริการ อะหลั่ยก็ไม่ใช่ถูกกว่ารถยุโรปยี่ห้ออื่น และไม่ได้ลด % เลย เมื่อก่อนเบิกอะหลั่ยยังลดที เกือบ 30 % ตอนนี้ที่บ้านรถเบ๊นซ์ใช้ Slk 98 ใช้มา 2 หมื่นโล ตั้งแต่ใช้มาไม่มีปัญหาเลยนะ แต่ภายในคอนโซลถลอกเพียบ มันพ่นคล้ายๆยางเคลือบคอนโซลไว้ ถลอกง่ายมากๆ แต่ท่านพ่อยังตัดใจขายไม่ได้สักที จากคุณ : Too Much Junkie Business - [ 2 ธ.ค. 46 19:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 47 อาทิตก่อนไปศูนย์เบนที่เชียงไหม่มาครับ เห็นอีคราสตัวไหม่ออกได้แค่ไม่กี่อาทิตย์เจ้าของขับมาจากกรุงเทพ มาเที่ยวเข้ามาในศูนย์เสื้อเปียกหมดปรากฎว่าแอร์เสียครับซวยจริงๆ ป้ายแดงอยู่เลยช่างบอกว่าตู้แอร์รั่วครับ แหมๆแบบนี่ซื่อโตย้าขับดีกว่าครับไม่ไหวกำลังเลงๆอีไหม่อยู่ชักลังเลแล้วครับ จากคุณ : fluke (fluke1991) - [ 3 ธ.ค. 46 16:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เอ่อคือว่า ที่กล่าวว่ารถเบนซ์สมัยก่อนแข็งแรงกว่า ดีกว่า เราไม่ปฏิเสธ แต่ขอให้เห็นใจบริษัทเราหน่อยว่าคนยุคนั้น ตายไปหมดแล้วครับ เราเลยผลิตรถลวก ๆ มาขายไปพลาง ๆ น่ะครับ (อย่าซีเรียสครับ) จากคุณ : ใหญ่ (yaimark) - [ 3 ธ.ค. 46 22:46:57 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ตอบคุณ คคห # 44 ยืนยันครับว่า ได้แค่ 2 ดอกที่มีรีโมท ส่วนอีกดอกที่ไม่เป็นรีโมตไม่ได้มา ซึ่งเป็นคนละตัวที่เสียบไว้กับตัวกุญแจรีโมทที่ให้มา 2 ดอก ตัวเหล็กรูปเหมือนค้อนเล็กๆ นั้นผมเข้าใจ มันก็มีติดมากับกุญแจรีโมทอยู่แล้วซึ่งเป็นคนละอย่างกับกุญแจดอกที่ 3 ที่ไม่เป็นรีโมท หากผมจะคิดว่าตัวก้านเหล็กที่เสียบมันคือกุญแจดอกที่ 3 นั้นก้คงไม่ถูกต้อง ถ้าคิดอย่างนี้ รวมๆ จะมีกุญแจอยู่ 4 อันอย่างงั้นหรือ จริงๆแล้ว ถ้าคิดแบบนี้จะต้องคือ 5 อันทั้งหมดครับ คือ 2 อันรีโมท 2 อันคือเหล้กที่เสียบอยู่ท้ายรีโมท และ อีก 1 คือดอกธรรมดาไม่ใช่รีโมท คุณเจ้าของกระทู้คงจะเหมือนผมใช่ไหมครับ จากคุณ : R - [ 4 ธ.ค. 46 02:44:33 A:203.113.51.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 50 ตามคู่มือมี 3 อัน รีโมท 2 อันกับไม่รีโมทอีก1 C ของเพื่อนผมก็มีปัญหาเหมือนกันถอยมาได้ไม่กี่วันไฟเตือนรูปเครื่องโชว์ซะแล้ว เข้าศูนย์ก็แก้ไม่ได้ ต้องส่งกลับโรงงานโน่นเลย(แต่ไม่เปลี่ยนคันใหม่ให้นะ) เห็นบอกเอาเข้าไปรื้อเครื่องเปลี่ยนอะไหล่ข้างในใหม่ เพื่อนผมเซ็งสุดๆ สามล้านกว่าทำไมคิวซีห่วยยังงี้ก็ไม่รู้ จากคุณ : Slow - [ 4 ธ.ค. 46 19:28:20 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ตกลงแล้วเนี่ย ไม่ได้ดอกที่ 3 ที่ไม่เป็นรีโมทตามที่คู่มือบอก ว่างๆจะไปทวงซะหน่อยแล้ว แล้ว คุณ SLOW ได้ครบไหมครับ 3 ดอก ผมได้ 2 ดอกเท่านั้นอะครับ จากคุณ : R - [ 5 ธ.ค. 46 00:22:45 A:203.113.51.103 X: ]

ความคิดเห็นที่ 52 เอ่อ รถเพื่อนผมครับ เค้าได้ 2 ดอกเหมือนกันครับ จากคุณ : Slow - [ 5 ธ.ค. 46 20:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 53 หลังจากที่โพสต์ลงพันทิพย์แล้ว ปรากฏว่าทางเดมเลอร์ได้ติดต่อมาเพื่อดำเนินการให้ โดยขอให้แฟกซ์ใบเสร็จรับเงินไปให้ ทั้งที่เวลาผ่านไป 2 เดือนกว่าแล้ว ผมส่ง e-mail ไปยังเดมเลอร์เกือบสิบประเทศในเวปไซต์ รวมถึงบริษัทแม่ที่เยอรมนี แต่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์บอกว่าไม่ได้รับแจ้งเลย สงสัยว่าทางเดมเลอร์คงต้องไปปรับปรุงระบบเมล์และการบริการหลังการขายแบบบูรณาการขนานใหญ่แล้วมังครับ คุณคิดจะขายแต่สินค้า แต่ไม่ยอมฟังความเห็นกลับและ complaint ของลูกค้าเลยหรือ ถ้าหากลูกค้าไม่โวยผ่านเวทีกลางนี้ ไม่ทราบว่าจะให้รอถึงชาติไหนครับ ทางฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ยังขอให้ผมเปิดเผยชื่อคนของฝ่ายเทคโนโลยีที่แจ้งเรื่องอายุการใช้งานของ ABS sensor แต่ผมตอบกลับไปว่าคงไม่สามารถทำได้ และคนนั้นจะต้องได้รับผลกระทบแน่นอนฐานเอาความจริงมาบอกลูกค้า ผมต้องขอขอบคุณฝ่ายเทคโนโลยีที่ช่วยให้ภาพพจน์ของบริษัทคุณดูดีขึ้นมาบ้าง เหมือนแสงของหิ่งห้อยในคืนเดือนมืด แม้ว่าจะไม่มากนัก แต่ก็ยังมีความรำไรที่ตัดกับความมืดดำนั้นอยู่ และ ต้องขอโทษฝ่ายเทคโนโลยีด้วยครับ ถ้าหลังจากนี้ทั้งแผนกอาจจะต้องเข้าไปรับการติวเข้ม เรามักจะถูกพ่อค้าข้ามชาติที่มีทุนมหาศาล รังแกและเอาเปรียบหลอกขายสินค้าคุณภาพต่ำ โดยที่ลูกค้าได้แต่นั่งตาปริบๆ รับชะตากรรม ร้องจนลูกกระเดือกหลุดก็ไม่มีใครฟัง ผมต้องขอกราบขอบคุณเพื่อนสมาชิกทุกท่านและพันทิพย์ที่เปิดโอกาสและช่วยออกความเห็นเพื่อทวงถามความยุติธรรมกลับคืนมา และขอขอบคุณคนพัฒนาระบบอินเตอร์เน็ตที่ช่วยในการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ แม้ว่าจะเป็นดาบสองคม แต่ก็ช่วยให้ผู้บริโภคได้มีหูตาที่สว่างขึ้น ได้รับข่าวสารรวดเร็วขึ้น ผมจะรอคำตอบจากทางเดมเลอร์อีกครั้งในวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคมนี้ หลังจากถูกหลอกให้รอมาแล้วครั้งหนึ่ง แล้วจะมาแจ้งความคืบหน้าให้ทราบครับ จากคุณ : Khon Ngo - [ 7 ธ.ค. 46 08:31:38 A:203.107.202.47 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 ถ้าทางเดมเลอร์ยังเงียบหายไปไม่ตอบกลับในวันจันทร์ รบกวนโทรแจ้งสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคนะคะ ที่นั่นเขาบริการดี ฉับไว ตามตั้งแต่ผู้บริหารจนถึงดีลเลอร์มาคุยเลยอ่ะ แถมเชิญนักข่าวมาเป็นสักขีพยาน ถ้าไม่ยุ่งนัก เรื่องนี้ น่าจะเป็นบทเรียนราคาแพง สำหรับ ผู้นิยมลงทุนกับรถ และึคนทั่วไปด้วยนะ จากคุณ : babie - [ 7 ธ.ค. 46 10:54:24 ]

ความคิดเห็นที่ 55 แล้วทำไมทีแรกไม่คิดจะดูแลลูกค้า ต้องมาให้เค้าสุดที่จะระบาย.. แบบนี้เห็นได้ชัดๆ ว่าละเลย เค้าจะรู้หรือเปล่าว่าคนที่จ่ายเงินซื้อ ของมาแล้วใช้ไปซ่อมไป เนี่ยมันทุกข์ใจขนาดไหน ต้องคนที่เคยโดนแบบนี้ถึงเข้ากัน เราอ่านแล้ว get มากค่ะ... ยังไงขอให้สู้ต่อไป อย่าเพิ่งหมดความอดทน ไม่ได้มีคุณคนเดียว ที่โดนเอาเปรียบ ยังมีเราอีกคน ที่เป็นเพื่อน... เห่อๆ จากคุณ : Fresh Girl - [ 7 ธ.ค. 46 11:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมาแม้แต่ประการใดจากทางเดมเลอร์เลยครับ คิดว่าทางเดมเลอร์คงกำลังเอาระบบราชการที่ล้าหลังในสมัยก่อนมาปรับใช้ในองค์กร จึงมั่นใจได้ว่าต่อไปนี้ทุกเรื่องจะต้องมีการผ่านและดองเค็มอีกหลายขั้นตอน หากไม่ได้รับการดำเนินการใดๆ ที่ให้ความเป็นธรรมแก่ลูกค้า ผมคงต้องพิจารณาดำเนินการขั้นต่อไปทั้งทางด้าน สคบ. และ นสพ. ต่าง ๆ ตามที่ได้แนะนำมาครับ จากคุณ : Khon Ngo - [ 9 ธ.ค. 46 00:48:40 A:203.107.205.26 X: ]

ความคิดเห็นที่ 57 ระวังเจอปล่อยให้รอจนหมดประกันนะครับ จากคุณ : ton99 - [ 9 ธ.ค. 46 18:53:37 ]

ความคิดเห็นที่ 58 นั่งรออะไรอยู่ละครับ เป็นผมลุยแล้วนะนั่น จากคุณ : `rieb revolutions (จอห์นนี่ ฮะตู) - [ 15 ธ.ค. 46 08:54:23 ]