ความคิดเห็นที่ 1 เศษโลหะส่วนนี้จะไปกองอยู่ที่ก้นแครงค์ หากถูกดูดออกมา ก็จะถูกดักไว้โดยไส้กรองน้ำมันเครื่องครับ รถสมัยนี้ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องการruninมากนัก ผิดกับสมัยก่อน เพราะความก้าวหน้าทางด้านโลหะวิทยามันก้าวล้ำกว่าสมัยก่อน แต่อย่างไรก็ตาม การRun In ก็ยังเป็นconceptที่เหมาะสมอยู่ดี เพราะถึงแม้ว่าโลหะสมัยใหม่จะดีอย่างไรก็ตาม ความพอเหมาะพอเจาะระหว่างชิ้นส่วนต่างๆ เช่น แหวนสูบ กับ กระบอกสูบ ชุดชาพท์ต่างๆซึ่งยังอาจจะไม่เข้าขากันดีนัก การค่อยๆใช้งานในช่วงแรกตามคำแนะนำนั้น จะช่วยให้การสึกหรอที่เกิดขึ้นเป็นไปในลักษณะที่กลมกลืนกัน จากคุณ : lucifer - [ 1 ธ.ค. 46 08:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 2 run-in เครื่องยนต์ อย่างที่ ว่า ทางโรงงานที่กำหนดให้ เข้าศูนย์ ครั้งแรก ระยะ 10000 กม. จะทำมาให้แล้ว โดยเดินเครื่อง ตัวเปล่า ทดสอบ เร่ง อะไรต่าง ๆ จนผ่านมาตรฐานแล้ว ถ่ายน้ำมันเครื่องให้ ใหม่ ก่อนส่งมอบลูกค้าครับ ปัจจุบันงานโลหะวิทยาและ เทคนิก การหล่อ เจาะประกอบเครื่องดีกว่าเดิม มากผงโลหะที่กลัว ๆ กัน นั้นถ้ามีอยู่จริง การถ่ายน้ำมันเครื่องหลังทดสอบ จัดการไปหมดแล้ว เรื่องจริงสมัยก่อนคือ พนักงานรับรถ ของบริษัท รับรถจากโรงงาน มาโชว์รูม ก็ ตะบี้ตะบันอัดกันเกือบถึงขีดแดงเกือบทุกคันเพื่อทำเวลา จะได้หลายรอบ เจ้าของรถใหม่ รับรถแล้ว ก็ค่อย ๆ รันอิน ทะนุถนอมตามทฤษฎีไป อีกหมื่นกิโล โดยไม่รู้หรอกว่า ก่อนจะถึงมือนั้น มีคนถลุงไปอย่างไร บ้าง ปัจจุบันจะกลับกันคือ รถแทบจะไม่ต้องรันอิน ประคองแค่ 1000 กม.แรกพอ และมีการบรรทุกรถ เทลเลอร์มาส่งถึงโชว์รูม (สิ่งที่บริษัทรถมอบให้กับลูกค้าในปัจจุบันจะดีกว่าเดิมเนื่องจากตลาด เป็นของผู้ซื้อ ไม่ใช่ผู้ขายแบบเมื่อก่อนโน้น) จากคุณ : 701ls - [ 1 ธ.ค. 46 10:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รันอิน อยู่ที่ 1,000 กม. จากคุณ : สมศักดิ์ - [ 1 ธ.ค. 46 11:48:08 A:203.155.50.1 X: ]

ความคิดเห็นที่ 4 ผมเคยถามช่างเขาบอกว่ารถยนต์สมัยใหม่ไม่ต้อง run-in แล้วครับ เพราะการ run-in จะใช้กับรถสมัยก่อนที่กระบวนการผลิตยังไม่ได้มาตรฐาน ถ้าคุณชื้อรถใหม่แล้วทางศูนย์บอกว่าต้อง run-in ละก็รถยี่ห้อนั้นอย่าไปซื้อแสดงว่ากระบวนการผลิตมีปัญหา น้องผมออกรถใหม่เมื่ออาทิตย์ที่แล้วโทรไปถามทางศูนย์เรื่อง run-in นี้แหละครับ ทางศูนย์ก็พูดทำนองเดียวกันนี้แหละครับ จากคุณ : vars - [ 1 ธ.ค. 46 16:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 อย่ามั่ว มีรถอะไรที่ไม่ต้องรันอิน มีโรงงานไหนที่กลึงกระบอกสูบ ลูกสูบได้เท่ากันเป๊ะ มีโรงงานไหนที่ขัดกระบอกสูบจนเรียบสนิท ซื้อ โตโยต้า โคโรนา มา มีรันอินช่วง1000กม.แรกไม่เกิน4000 รอบต่อนาที และซื้ออีซูซุมา ออโต มีรันอินช่วง1000กม.แรกไม่เกิน3000 รอบต่อนาที จากคุณ : อย่ามั่ว - [ 1 ธ.ค. 46 17:51:57 A:203.149.16.200 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 6 เครื่องยนต์สมัยใหม่ ประกอบแล้วทางโรงงาน จะทดสอบ ติดเครื่อง เร่งรอบให้ถึงกำหนด ติดเครื่องทิ้งไว้ ระยะเวลาหนึ่ง เมื่อไม่มีปัญหาใด ๆ เครื่องก็ผ่านการทดสอบ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ให้ใหม่ แล้วจีงนำไปประกอบเข้ากับรถ ดังนั้นระยะเวลา รันอิน จึงแทบไม่มี แต่ในช่วง 1000 กม.แรก เบรค ระบบส่งกำลัง และ ล้อ ต้องการเวลาปรับตัวทำให้ไม่แนะนำให้ขับกระชากเร่งแรง เบรคแรง (โดยไม่จำเป็น)หรือใช้ความเร็ว สูงสุด เป้นเวลานาน ๆ เท่านั้นพอ คงไม่เกียวกับ มั่วหรือไม่มั่ว แต่เป็น up-to-date concept vs. early-20-century concept จากคุณ : 701ls - [ 1 ธ.ค. 46 20:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่ว่ารถจะดีเลิศขนาดไหนก็ต้อง run in ครับ S350L ราคา 8 ล้านปลาย แต่งไปอีกหลายแสน รถระดับนี้ยังมีบอกให้ run in เลยครับ จะยกข้อความบางส่วนให้ลองอ่านดู The first 1000 mite if you treat the engine wite sufficient care from the very start, it will reward you with excellent performance for a very long period afterwards. ข้อความนี้อยู่ในหน้า 246 เล่มที่ปกเขียนว่า S-Class Owner's Manual ด้านหลังมี order no. xxxx xxxx xx and Part no. xxx xxx xx xx EN Edition B/1 05/02 ผมไม่ได้ต้องการจะอวดอะไรครับ แต่เห็นคุณ *** ชอบตอบกระทู้มั่วๆแบบนี้มาหลายครั้ง ทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิด คุณน่าจะรับฟังคคห.คนอื่นบ้างนะครับ จากคุณ : คุณยังไม่ได้ระบุชื่อของคุณ - [ 1 ธ.ค. 46 23:35:11 A:203.113.36.9 X: ]

ความคิดเห็นที่ 8 การ รันอิน คือการทำให้ชิ้นส่วนต่าง ๆ ค่อย ๆ ปรับสภาพให้ทำงานสัมพันธ์กันครับ ระยะเวลาที่เหมาะสม ก็ราว 1000 กม แรกน่ะครับ การรันอินที่เหมาะสมก็คือ ไม่ควรเร่งเครื่องอย่างรุนแรง ออกตัวอย่างรุนแรง และเบรกกระทันหัน โดยไม่จำเป็น ย้ำ โดยไม่จำเป็นนะครับ ถ้าฉุกเฉิน ก็ทำได้ เพื่อความปลอดภัย ส่วนใครที่บอกว่า ทางโรงงานเขารันอิน เครื่องยนต์มาให้แล้ว อันนี้คงต้องเถียงแล้วล่ะครับ เครื่องยนต์ตัวหนึ่ง ต่อให้โลหะวิทยาดีแค่ไหน อย่างน้อย ก็ต้องใช้ระยะเวลาในการปรับสภาพแหวนลูกสูบให้เข้าที่กับตัวกระบอกสูบ อย่างน้อย ๆ ก็ใช้เวลาสักพักล่ะครับ ไม่ใช่แค่ติดเครื่องทดสอบแค่ไม่กี่นาที แล้วบอกว่า รันอินแล้ว อย่างนี้ เลิกซื้อยี่ห้อนี้ได้เลย คงไม่มีโรงงานไหน ติดเครื่องทดสอบกันทีเป็นชั่วโมงหรอกครับ แค่ค่าใช้จ่ายในการติดเครื่องทิ้งไว้ จะเป็นเงินเท่าไรครับ ยิ่ง ถ้ารถขายดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึง แค่เวลาประกอบเครื่องเพื่อส่งมอบ ยังไม่ค่อยจะมีเลย เอาเป็นว่า อย่าไปเชื่อใคร รวมทั้งผมด้วย หาข้อมูลให้มาก ๆ แล้วสรุปด้วยตัวเองจะดีกว่า จากคุณ : ป้ายแดง - [ 1 ธ.ค. 46 23:39:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 จะเถียงกับผมก็ได้ ผมเอาเครื่องขึ้นแท่นบนโรงงานมากับมือ ยืนยันว่าทุกเครื่องจะต้องขึ้น dyna test นับสิบชั่วโมง ไม่ใช่น้อยนะครับ การทำอย่างนี้มีขั้นตอนตั้งแต่ no load / partial load จนถึง full laod เป็นระยะ ช่างทั่วไปที่เห็นจะเข้าใจเขาลองโหลด แต่ความจริง ไม่ใช่ เขาต้องการทำการ run-in เป็นระบบที่ทำมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งทำ และการ run-in หรือไม่ต้องทำ ไม่เกี่ยวกับโลหะวิทยาจะพัฒนาขึ้นหรอกครับ จุดประสงค์สำคัญของการ run-in ต้องการให้ หน้าสัมผัสของแหวน และกระบอกสูบ สัมผัสกันเข้าที่ มันจะระบายความร้อนและซีลแรงดันได้ดี แรงดันในกระบอกสูบมีมาก ลองนึกดู ถ้าแหวนสัมผัสไม่ดีมันจะรั่ว และถ้าสัมผัสไม่ดี การระบายความร้อนก็จะไม่ดี ไม่มีเครื่องจักรทันสมัยอะไร จะทำให้หน้าสัมผัสเข้าที่ได้เท่ากับการ run-in ระหว่าง run-in ชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น ลูกสุบ/ ชาร์ป "ไม่มีการสึกหรอ" ครับ และไม่ควรจะสึก ลูกสูบอะไรจะเสียดสีกันครับ ? ผิวหน้าของแบริ่งเรียกว่า boundary surface ของแบริ่งนั้น บางขนาดทองคำเปลว ขนาดเอามือลูบจะเช็ดทำความสะอาดยังต้องใช้ความระวังมาก ไม่มีการ run-in ให้ชาร์ป หมุนคล่อง ลูกสุบไม่สึกครับ โปรดเข้าใจให้ถูกต้อง การ run-in ในโรงงานทำได้ประมาณ 80-90% ส่วนที่เหลือเขาให้เจ้าของรถทำบนถนน 10% ผมยืนยัน 701ls พูดถูกต้อง จากคุณ : ช่างกล - [ 2 ธ.ค. 46 05:46:34 A:203.113.36.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 10 ช่างกล มั่วอีกแล้วครับท่าน สงสัยจะจบช่างกลสมชื่อ ทุกเครื่องจะต้องขึ้น dyna test นับสิบชั่วโมง จะเอาค่าใช้จ่ายและเวลา มาจากไหน จากคูมือ โตโยต้า โคโรนา ออโต มีรันอินช่วง1000กม.แรกไม่เกิน4000 รอบต่อนาที และอีซูซุ ออโต มีรันอินช่วง1000กม.แรกไม่เกิน3000 รอบต่อนาที สงสัยไม่เคยมีรถป้ายแดง จากคุณ : ฮา - [ 2 ธ.ค. 46 07:57:18 A:203.149.16.203 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีอีกวิธี ถ้าเป็นรถเช่าประจำตำแหน่ง ไม่ใช่รถตัวเอง ไม่ต้องรันอิน อัดไปเลย รถจะลื่นชั่วนิรันดร์กาล เพราะเครื่องหลวมถาวรแล้ว จากคุณ : 555 - [ 2 ธ.ค. 46 13:36:50 A:203.149.16.205 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 12 คงไม่เกียวกับ มั่วหรือไม่มั่ว แต่เป็น up-to-date concept vs. early-20-century concept ทำไมไม่บอกรายละเอียดต่อเล่าครับ ว่าจริง ๆ แล้ว ช่วง 1000 กม แรก บริษัท ไม่ได้ ห้าม ขับเกิน 3000 -4000 รอบเหมือนสมัยศตวรรษที่ 20 แล้ว แต่ ไม่ควรขับรุนแรง เบรครุนแรง และ แช่ ที่ความเร็วใด ความเร็ว หนึ่งนาน  ๆ แก้ไขเมื่อ 02 ธ.ค. 46 14:22:21 จากคุณ : 701ls - [ 2 ธ.ค. 46 14:10:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 up-to-date concept vs. early-20-century concept ทำไมไม่บอกรายละเอียดต่อเล่าครับ ว่าจริง ๆ แล้ว ช่วง 1000 กม แรก บริษัท ไม่ได้ ห้าม ขับเกิน 3000 -4000 รอบเหมือนสมัยศตวรรษที่ 20 แล้ว แต่ ไม่ควรขับรุนแรง เบรครุนแรง และ แช่ ที่ความเร็วใด ความเร็ว ----------------------------------------------------- ถูกแล้วครับ ที่ 1000 - 1500 กม ผมได้บอกแล้วว่า ที่เหลือ 10% เจ้าของรถ run-in บนถนน ไม่ได้ห้ามขับเกิน 3000-4000 รอบ รง.แนะนำให้ work คือเร่งแล้วผ่อน "ห้ามแช่ที่รอบเดียว" ทำไมจึงห้ามแช่ที่ความเร็วเดียว นายฮา(ไม่เลิก) ช่วยอธิบายให้เพื่อนๆรู้บ้างซิครับ เห็นเปิดแต่หนังสือ ในหนังสือมีบอกไหมครับ ? ให้เวลาไปถามพรรคพวก พรุ่งนี้ค่อยมาตอบก็ได้ ถ้าตอบไม่ได้ ทีหน้าทีหลังเลิก ฮา เสียที :-) จากคุณ : ช่างกล - [ 2 ธ.ค. 46 18:14:34 A:203.113.36.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความเชื่อ ทุกวันนี้่เพื่อนผมคนนึง ยังคงเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องทุกๆ3.000กม. ไม่ยอมรับรู้ความก้าวหน้าใดๆทั้งสิ้น มันบอกว่าพ่อกรูสอนไว้ตั้งแต่กรูเด็กๆแล้ว กรูทำของกรูแบบนี้มาตลอด พวกมรึงไม่ต้องมาเจือก ดูมันพูดดิ จากคุณ : Land Speed - [ 2 ธ.ค. 46 19:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องไม่จบซักทีนะครับ เอาเรื่องเครื่องก่อนละกัน ถ้าของ S350L และ S500 เป็นคนละเล่ม แต่บอกเหมือนกันว่า ห้ามขับเกิน 2/3 ของไลน์แดง เส้นแดงอยู่ที่เกือบ 6 พันรอบครับ เท่ากับว่าห้ามเกินเกือบ 4 พันรอบ ห้าม kick down ห้าม chand down ใช้เครื่องเบรก ผมมีเครื่องโรตารี่ 2สูบ สูบเรียง 4,6 สูบV 6,8 ทั้งเคื่องวางหน้า กลาง และหลัง ทุกรุ่นมี run in ครับ เรื่องล้อช่วง run in ห้ามเกิน 60 miles ผมไม่ได้เอ่ยชื่อว่าใครมั่ว จะยอมรับเองก็เรื่องของคุณครับ พูดความจริงไปเรื่องก็คงไม่จบ ต่อไปนี้ผมจะอยู่เฉยๆละกัน ขี้เกียจเถียง จากคุณ : คุณยังไม่ระบุชื่อของคุณ - [ 2 ธ.ค. 46 22:31:36 A:203.113.36.10 X: ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทุกเครื่องมี run-in จากรง.แล้ว 90% และ owner จะ run-in อีก 10% ผมยกตัวอย่าง Owner's MBenz ให้ดูว่าควรขับอย่างไร ...during 1500 km you "should drive" at varying speeds and engine revolution ส่วน Avoid high engine speed แปลว่า หลีกเลี่ยง ไม่ได้ "ห้าม" และแนะนำไกด์ไลน์คือ 2/3 of permissible speed in any gear Avoid แปลว่า หลีกเลี่ยง ไม่ใช่ ห้าม Owner's Manual ไม่ใช่ตำรา เขาไม่มีเวลาอธิบายละเอียด การที่รง.เขาทำ run-in แล้วหรือไม่ และทำอย่างไร Manual ไม่จำเป็นต้องเขียนบอกรายละเอียด ที่บอกให้ขับ varying speed ด้วยเหตุผลอะไร เขาก็จะไม่บอก ในทำนองเดียวกัน เมื่อบอกให้ avoid high speed เขาก็ไม่จำเป็นต้องบอกเหตุผล แต่ อ่านแล้วถ้าต้องการจะอ้าง ควรจะทำความเข้าใจสักหน่อยก็จะดี จากคุณ : ช่างกล - [ 3 ธ.ค. 46 06:37:46 A:203.113.36.14 X: ]

ความคิดเห็นที่ 17 โอ้โห กราบขอบพระคุณทุกท่าน มากๆ ครับ ที่แสดงความเห็น ผมได้คำตอบแล้วครับ จากที่ทุกท่านช่วยครับ ขอบคุณมากครับ จากคุณ : เจ้าของกระทู้ครับ (nuclearmedicine) - [ 3 ธ.ค. 46 06:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สรุปแล้ว ไม่มีใครมั่ว แต่ภาษาอังกฤษไม่แตกฉาน มีคนบอกว่า ความสามารถในการใช้ภาษานี่บ่งบอก อะไรบางอย่างนะครับ จากคุณ : 701ls - [ 3 ธ.ค. 46 07:40:41 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เวลา Test Drive ในโรงงาน น่าจะช่วยรันอินแล้วล่ะ บางที่ ซัดกันเป็น 140 ถึง 150 แถบทุกโรงงาน 555555555555 ขับรถแถวระยอง เจอ พวกนี้ แล้วยังหดหู่เลย แม่ม ไม่บันยะบันยังรถลูกค้าเลย ที่ท่านช่างกลพูดไว้ก็ถูกต้องครับ ต้องขึ้นเครื่องเทศ เครื่องนึง ประมาณ 20 นาที ถึง 30 นาที แล้วแต่สถานะการ ส่วน Audit test รันเครื่อง มากกว่า 15 ชั่วโมง ส่วนข้างล่างนี้ มั่วนิดหน่อย มีรถอะไรที่ไม่ต้องรันอิน ( ต้องรันมั่งนิดหน่อย ไม่รันก็ไม่เสียหาย ) มีโรงงานไหนที่กลึงกระบอกสูบ ลูกสูบได้เท่ากันเป๊ะ (ไม่เท่าหรอก แต่เค้าจะจับคู่ให้มีความเผื่อ พอดี) มีโรงงานไหนที่ขัดกระบอกสูบจนเรียบสนิท (ไม่มีใครต้องการให้กระบอกสูบเรียบหรอกครับ ต้องมีรอบทะแยงประมาณ 60 องศา เพื่อ ดักน้ำมัน ) จากคุณ : ท่านอ๋อง - [ 3 ธ.ค. 46 09:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ว่าจะไม่เถียงแล้วเชียว..... ผมยอมรับว่าอังกฤษไม่แตกฉานครับ ไว้จะพยายามอ่านให้รู้เรื่อง ตอนนี้ผมพึ่งอยู่ปี 1 ครับ แต่บ้านมีรถซื้อมาจอดเก็บหลายคัน คันที่ผมใช้ประจำเป็นรถเก่าเกือบ 20 ปีครับ ชอบรถคลาสสิก ราคามือ 2 ตอนนี้เหลือแค่ 4 แสนกลางเอง เพื่อนยังบอกอยู่บ่อยๆว่าทำไมไม่เอารถคันอื่นมาใช้ มันอยากนั่ง มหาลัยผมมันพวกโชว์หญิงเยอะครับ คุณ 701ls ขับรถอะไรอยู่ครับ เรียนอยู่ที่ไหน เห็นที่ห้องกอล์ปบ่อยๆ เล่นมากี่ปีแล้วครับ จากคุณ : คุณยังไม่ระบุชื่อของคุณ - [ 3 ธ.ค. 46 12:38:02 A:203.113.37.11 X: ]

ความคิดเห็นที่ 21 ทุกเครื่องมี run-in จากรง.แล้ว 90% 555 แค่หมุนแป็บเดียว วันหนึ่งผลิตหลายร้อยเครื่องนะคุณ จากคุณ : 555 - [ 8 ธ.ค. 46 12:49:44 A:203.149.16.202 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 22 น้ำมันเครื่องจากโรงงาน ส่วนใหญ่ประมูลมา ถูกสุด ใช้เบอร์40 ธรรมดา หลังจากออกรถ ขับเข้าปั้ม เปลี่ยนน้ำมันเครื่องมัลติเกรด กึ่งสังเคราะห์ 10W-30 หรือที่ดีกว่า จากคุณ : 555 - [ 8 ธ.ค. 46 12:55:03 A:203.149.16.202 X:unknown ]