ความคิดเห็นที่ 1 ที่รู้สึกได้คือ มันเบาครับ เมื่อเกิน 120 รถยุ่นมันจะหวิวๆครับ(ผมชอบนะ สนุกดี เหมือนบินได้) พวงมาลัยก็เบาขึ้นครับ รู้สึกได้เลย(ก็ชอบอีกผมตัวเล็กพวงมาลัยหนักเมื่อยมือ) ยกเว้นรถยุ่นบางรุ่นหนักตามความเร็ว รถยุ่นของเล่นตกแต่งในบ้านเราเยอะดี(ชอบครับ) รถ 4-5 ปี มีปัญหาทั้งนั้นแหละครับ ตามสภาพ ก็อู่ หรือ 0 ก็ดูราคาเอาละกัน ปัจจุบันใช้รถยุโยปครับ อยากกลับไปใช้รถญี่ปุ่นอีกอะ จากคุณ : เด็กแก้มป่อง - [ 20 ม.ค. 47 18:31:19 A:210.86.194.127 X: ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขับวอลโว่ 940 ของพ่อมาก่อน แล้วค่อยขับซีเดีย.. สิ่งที่สังเกตได้ 2 อย่างก็คือ การซดน้ำมันที่ต่างกันราวฟ้ากับเหว วอลโว่จะซดกว่าเยอะ ประสิทธิภาพในการเกาะถนน วอลโว่จะทรงตัวดีกว่า อย่างขับบนโทลเวย์ จะรู้สึกว่าซีเดียมันแกว่งๆ ยิ่งพอโดนรถคันอื่นแซง จะรู้สึกว่าโดนแรงลมปะทะแรงกว่าตอนขับวอลโว่มาก อ้อ อีกอย่างแต่เวลาแซงซีเดียจะสปีดต้นดีกว่า (เพราะมันเบากว่าล่ะมั้ง) ปลอดภัยกว่าก็รถยุโรป (แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารถญี่ปุ่นไม่ปลอดภัยนะ เดี๋ยวนี้ออฟชั่นต่างๆก็มีพอๆกันแหล่ะ มันขึ้นอยู่กับคนขับ และคนที่ขับอยู่ข้างๆเราด้วย) ก็เท่านี้แหล่ะครับ จากคุณ : สรพงษ์... - [ 20 ม.ค. 47 20:06:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมก็เป็นอีกคนครับที่เปลี่ยนจากรถยุโรปเป็นยี่ปุ่นใช่มาหลายคันครับทั้งbmw318e36 วอลโว่940 เชอโรกี ต้องบอกว่าขับดีทุกคันครับ นิ่งหนักแน่น เสียแต่ว่าเวลาซ่อมบำรุงและค่าใช่จ่ายต่างๆหากเกิดเสียขึ้มามันมากจริงๆครับรู้สึกรำคาญและผิดหวังมากๆก็เชอโรกีนี่แหละครับถอยมาขับได้ไม่ถึงอาทิตย์แอร์ก็ไปซะแล้วไม่เย็นเลยเปลี่ยนคอมไปหนึ่งลูกถึงแม้จะมีประกันก็เสียความรู้สึก ส่วนคันอื่นๆก็ดีครับมาเสียหลังจากปีที่5-6ไปแล้ว กลับมาซื้อรถยี่ปุ่นใช้สบายใจกว่ามากๆครับแอร์เย็น เพลงเพราะเข้าศูนย็ที่เสียตังนิดเดียวสบายใจอยากจะเปิดจะปิดอะไรก็ไม่ต้องถนอมมากนักแต่เวลาขับจะเบาๆนิดนึงครับเข้าโค้งต้องเบรดนิดหนึ่งรถยุโรปนี่ไปสบายเลยเกาะสุดๆสุดท้ายสูงสุดคืนสู่สามัญครับตอนนี้ไม่ยึดติดเท่าไรละรถไรก็ใช้หมดครับว่าแต่ อีคลาสไหม่เครื่องดีเซลนี่อยากลองมากๆครับ น่าจะทนทานดี จากคุณ : ฟลุ๊ค (fluke1991) - [ 20 ม.ค. 47 20:50:03 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความรู้สึกในการขับขี่ควบคุมรถคงต่างกัน จะรู้สึกแย่ๆในช่วงแรก แต่หลังจากนั้น จะค่อยๆดีขึ้น เพราะ มีเงินเหลือจากค่าน้ำมัน ที่จ่ายน้อยลง จากคุณ : คนแก่ - [ 20 ม.ค. 47 21:17:44 A:68.100.205.88 X: ]

ความคิดเห็นที่ 5 ต่างกันครับ ถ้าค่าใช้จ่ายรับได้ (จริงๆก็ไม่ได้ต่างจาก ญึ่ปุ่นเยอะ) ก็ใช้ยุโรบดีกว่าครับ ความรู้สึกในขณะขับขี่เดินทาง ต่างกันครับ ค่อนข้างมากด้วย จากคุณ : ธนูไฟ - [ 21 ม.ค. 47 02:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 6 คนละ feeling แล้วแต่สภาพเงินในกระเป๋าเป็นหลักด้วยแหละ ช่วงล่าง ที่อย่างไรรถญี่ปุ่นก็ทำสู้ยุโรปไม่ได้ นอกจากจะใส่ ชุด performance ทั้งหมดแต่ราคาก็หลายอยู่ ตีนต้นญี่ปุ่นดีแต่ปลายหายไปหมดเลย ทางไกล ญี่ปุ่นเหนื่อยครับ แต่ก็ประหยัดน้ำมันกว่า ฯลฯ เยอะแยะ แต่ผมขับรถยุโรปแล้วไม่อยากกลับไปขับรถญี่ปุ่นเลยอะ แบบชอบขับหลังมากๆๆๆๆๆๆ อย่าลืมครับความแรงสวนความประหยัด [กรณียุโรปเครื่องใหญ่อะ] จากคุณ : ....4จุด - [ 21 ม.ค. 47 07:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 มีความแตกต่างอีกบ้าง เช่น ความปลอดภัย -ดูว่ารถยุโรปจะให้มากว่า ต้องยอมแม้ค่าใช้จ่ายจะมากกว่า ความสะบาย -เบาะนั่งหนา/บาง แคบ/กว้าง นั่งไกลจะเมื่อยก้น -บางคันนั่งตอนหลังเวียนหัว เหมือนเมารถ ยังไงๆ..ก็เอารถยุโรปไว้ก่อนครับ จากคุณ : คนเมืองเก่า - [ 21 ม.ค. 47 07:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ที่บ้านใช้วอลโว่รุ่นเก่า GLT ซึ่งนับถึงปัจจุบันอายุรถน่าจะยี่สิบกว่าหน่อยๆ แล้วคะ เอาไปเปลี่ยนเครื่อง J มาเป็นที่เรียบร้อย กำลังเครื่อง 6 สูบ 2500 ซีซี...คันนี้พ่อเอาไว้ขับเอง รถอีกคันในบ้านคือ ฮอนดา แอคคอร์ด เครื่อง 2000 ซึ่งโดยส่วนตัวดิฉันจะขับคันนี้เป็นหลักคะ สลับมือกับวอลโว่เป็นบางช่วง ถ้าให้เทียบความรู้สึก คิดว่าไม่ต่างกันมากนัก ยกเว้นเรื่องน้ำหนักรถ เพราะรถยุโรปรุ่นเก่าขนาดนี้เหล็กหนาเป็นดุ้นจริงๆ ^^" ที่ว่าไม่ต่างเพราะมันเป็นรุ่นที่มีขนาดและกำลังเครื่องที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันหน่ะคะ ถ้าคุณไปเทียบรถยุโรปกำลังเครื่อง 2000 ขึ้น (น้อยกว่านี้ไม่เคยเห็นแหะ) กับรถญี่ปุ่นขนาดเล็กที่กำลังเครื่องไม่เกิน 1500-1800 เนี่ย แน่นอน ความรู้สึกในการขับมันต้องต่างกันมหาศาลอยู่แล้วคะ ขนาดรถญี่ปุ่นด้วยกัน แต่ขนาดและกำลังรถต่างกัน เวลาขับยังให้ความรู้สึกที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยคะ จากคุณ : น้อง(ของ)หมา - [ 21 ม.ค. 47 08:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 9 I use 3 kinds of cars , MBc2000, Lexus RX300 and Wish . I like Rx300 the best . จากคุณ : nm - [ 21 ม.ค. 47 09:25:50 A:211.8.239.133 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าคุณขับรถที่ความเร็วเฉลี่ย 100-140 ใช้รถญี่ปุ่นเถอะ แต่ถ้าเร็วกว่านั้น ยุโรปดีกว่า ต่างกันชัดเจน จากคุณ : NotAtAll - [ 21 ม.ค. 47 11:03:54 A:203.156.91.41 X: ]

ความคิดเห็นที่ 11 มีความรู้สึกว่ารถยุโรปมันอึดว่า รถที่บ้านvolvo ตอนนี้ ประมาณ 7 ปี ยังดูดี วิ่งดี ไม่เยิน เคยมี Toyota อายุ 5 ถึง 6 ปี ก็รู้สึกอะไรมันหลวม มันเยินไปหมด ไม่ได้มีอุบัติเหตุอะไรด้วย ใช้ก็วิ่งในเมืองธรรมดา จากคุณ : T5 - [ 21 ม.ค. 47 12:15:17 A:202.28.169.165 X:unknown ]

ความคิดเห็นที่ 12 รถญี่ปุ่นจะคล่องตัวกว่าเวลาขับในเมือง เพราะส่วนใหญ่พวงมาลัยเบากว่า อัตราเร่งดีกว่า แต่พอขับตจว.จะรู้สึกว่ารถยุโรปเกาะถนนกว่าเยอะ ขับแล้วไม่เหนื่อยหรือเกร็งมากอย่างรถญี่ปุ่น (แต่ถ้าคุณขับไม่เกิน120-130 ก็ไม่ต่างกันมาก) จากคุณ : ok - [ 21 ม.ค. 47 16:34:44 A:202.57.181.109 X: ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อก่อนใช้ 190E ตอนนี้ก็ยังใช้อยู่ ปัจจุบัน มี camry ความรู้สึกที่ต่างคือ รถญี่ปุ่น เร่งแรงในช่วงต้น พอ ปลาย ไม่ได้เรื่อง ความแข็งแรงของตัวรถก็เทียบไม่ได้ การเกาะถนน ก็ไม่ได้ความ ถ้าเทียบ 190E 1.8 กับ camry 2.4 camry ประหยัดน้ำมันกว่าเห็นๆ แต่เบาะ รถยี่ปุ่นนั่งยังไงก็ไม่สบาย ช่วงนี้ พ่อซื้อ 220cdi มาใหม่อีกคัน คันนี้ทิ้งรถยี่ปุ่นลิบ ทั้งอัตราเร่ง ตีนต้น ก็มาแรง ตีนปลายยิ่งแรง ประหยัดน้ำมันกว่าครึ่งๆ เกาะถนนกว่าหลายเท่านั่งสบายสุดๆ ยังไง รถยุ่น ก็ตาม ยุโรป ไม่ทัน ขนาดญาติซึ่งเคยบอกว่า lexus ดีกว่าเบนซ์ แต่ปัจจุบัน ก็ต้องซื้อ e ตัวใหม่มาใช้ เพราะว่า มันดีกว่า lexus เห็นๆ จากคุณ : plummy (PluMMy) - [ 21 ม.ค. 47 17:22:33 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ก่อนเล่นแต่รถยี่ปุ่นมาเหมือนกันครับ แต่ปัจจุบันเล่นรถยุโรปแล้ว ตอนนี้ใช้ Saab9000CD กับเปอร์โย 405 ใครว่ารถยุโรปอะไหล่แพงคงต้องเถียงแล้วหล่ะครับ เปอร์โยเป็นรถยุโรปที่อะไหล่ถูกครับ ! ถูกพอๆ กับรถยี่ปุ่นเลย ถ้าไม่เข้าศูนย์นะ คือไปซื้ออะไหล่แท้แล้วทำนอกศูนย์น่ะ แถมน้ำมันก็พอๆ กันด้วย รถผมเครื่อง 1.6 เกียร์ธรรมดา วิ่งในเมืองได้ 10 - 11 กิโลลิตรแหละ หล่อป่าว ( แต่ไม่แรงเลย วิ่งไปเรื่อยๆ ) แต่ที่ต่างกันคือ ฟิวในการขับ และความปลอดภัยครับ แค่ประตูก็หนักต่างกันเห็นๆ แล้ว ปิดประตูเปอร์โยนี่ดังพลีบ ไม่เหมือนรถยี่ปุ่นรุ่นราวคราวเดียวกัน มันไม่แน่นเหมือน และช่วงล่างก็ไม่เหมือนกัน ยุโรปจะเสถียรกว่าทั้งความเร็วต่ำ หรือสูง แต่เปอร์โยเสียทีเบาะนั่งไม่ค่อยสบายนะ เล็กๆ แคบๆ แต่ saab นั่งสบายมากๆ เหมือนวอลโวเบาะกว้างใหญ่ไพศาลดี นั่งแล้วสบายตูดมาก จากคุณ : คุณพ่ออาการดีขึ้นตามลำดับ (i_force) - [ 21 ม.ค. 47 19:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ i_force คือผมอยากจะ ทราบ การใช้งานของ Saab น่ะคับ ความจุกจิก ราคาอะไหล่ เป็นอย่างไรบ้าง คือสนใจ 9000 Aero อยู่ตัวนึง ได้ลองขับแล้ว อู้วววววว...... สุดยอดคับ จากคุณ : FyGI - [ 21 ม.ค. 47 23:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 16 สวัสดีครับคุณ FyGI แนะนำว่า ให้ลองเข้าไปเวปของชาว SCOT Saab Club of Thailand ตามลิงค์ดังนี้น่ะครับ http://www.saab-scot.com/ ลองถามหาพ่อเลี้ยง เตเต้ดู รับรอบว่าตอบได้เคลียร์หมดครับ อิอิอิ ส่วนผมใช้เป็นตัว ซีดานน่ะครับ เครื่อง 2.3 Turbo ฝาแดงเหมือนกันเลย แต่เห็นเพื่อนๆ พี่ๆ บอกว่า Aero แรงกว่า....อันนี้อยู่ที่ใจหรือเปล่าไม่รู้ ส่วนราคาอะไหล่ก็ต้องทำใจนิดนึง เพราะหานอกศูนย์ยากเหมือนกัน มีอีกที คือพี่ปุ้ม แอฟบอร์ท ก็ทำซาปเหมือนกัน ราคาอะไหล่อาจจะถูกกว่าศูนย์ ถ้าคิดจะเล่นซาปต้องหมั่นดูแลและเอาใจใส่มากหน่อย อ่อ ก่อนจะซื้อ แนะนำว่า ให้จดเลขทะเบียน เลขตัวถังรถ ไปเช็คกับศูนย์ได้เลยครับ จะทราบการเซอร์วิสจากเจ้าของเดิม ว่าทำอะไรไปบ้าง ( ถ้าเจ้าของเดิมดูแลดีนะ ) ส่วนการใช้งานถ้าได้ขับจะติดใจทั้งนั้นอ่ะครับ เว้นตอนเติมน้ำมัน รถผมเติม 900 วิ่งได้ประมาณ 400 โลในเมือง ตอนนี้เลยใช้สลับกับเปอร์โย ซึ่งราคาอะไหล่ ค่าซ่อมบำรุง ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ความแรงก็ต่างกัน ความประหยัดก็ต่างกัน เปอร์โย เติม 400 วิ่งได้เป็นอาทิตย์เลย เฉลี่ย ในเมือง 10 โล/ลิตร ขอให้มีความสุขกับการใช้ SAAB ครับ อ่อ ถ้าได้มาแล้ว มาเข้าแก๊งค์กันนะครับ อิอิอิ จากคุณ : i_force - [ 22 ม.ค. 47 08:26:00 ]

ความคิดเห็นที่ 17 - ถ้าคุณเอารถระดับพรีเมี่ยมอย่างเบนซ์ บีเอ็ม วอลโว่ ซาบมาเทียบกับรถระดับชาวบ้านของญี่ปุ่นเช่น โตโยต้า ฮอนด้า นิสสัน มิตซูล่ะก็อาจได้ผลของการเปรียบเทียบที่ไม่ตรงกันครับเพราะมันเจาะตลาดลูกค้าคนละระดับกัน - พวกเบนซ์ บีเอ็ม ทำนองนี้เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางไปหาสูง ระดับมีกะตังพอสมควร ส่วนพวกโตโยต้า ฮอนด้ามักจะเน้นลูกค้าระดับกลางถึงล่าง ว่าไปแล้วมันคนละคลาสครับ - ถ้าจะเปรียบก็ต้องไปเปรียบกับรถยุโรปที่เน้นกลุ่มลูกค้าประเภทเดียวกันซึ่งก็มีเช่น โฟล์ค เซียท สโกด้า เปอโยต์ ซีตรอง ( อันนี้ก็ยังถือว่าคนละประเภทกะเบนซ์ ) ซึ่งความประหยัดมีให้มากและจะมากกว่ารถญี่ปุ่นด้วยซ้ำ เกาะถนนกว่า ค่าซ่อมถ้ารู้แหล่งอะไหล่กะอู่ซ่อมดี ๆ ไม่ฟัน ยังไงก็ไม่น่าจะต่างกันมาก ดีไม่ดีถูกกว่าด้วยซ้ำ การทรงตัวก็ดีกว่า เปอโยต์เกาะถนนมากเป็นที่รู้กัน โฟล์คก็ใช่ย่อย ขับสนุกมาก แต่สมรรถนะอาจด้อยไปนิดนึงเพราะทำมาใช้งานทั่วไปเท่านั้นเลยไม่แรงมาก - ข้อเสียของรถยุโรปก็คงจะเป็นวัสดุสังเคราะห์แหละครับ เพราะเปราะ แตกง่าย แต่นอนนั้นบอกได้เลยว่าทนพอกะรถญี่ปุ่น จะทนกว่าด้วยซ้ำ - เคยใช้วอลโว่ 244 GL และบีเอ็ม 318i E 30 บอกได้เลยว่าไม่มีปัญหาอะไรมากมายโดยเฉพาะวอลโว่ ส่วนบีเอ็มต้องดูแลมากนิดนึงแต่โดยรวมผมกล้ารับรองว่าทนทานมาก - ถึงยังไงรถยุโรปก็ดีกว่าครับ จากคุณ : ดยุคแห่งออสเตรีย - [ 22 ม.ค. 47 11:11:05 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมใช้เบนซ์มาตั้งแต่ทับแปด 300E E230ตากลม รู้สึกถึง คันเร่งหนัก ออกตัวอืด กินน้ำมันก็ ต่ำสุด6กิโลลิตร รถยุโรปหลังๆ วิ่งไม่นิ่งที่ความร็วสูงๆ 140ก็ออกอาการแกว่ง 300อีเคยขับบนโทเวย์230กม/ชมยังนิ่งๆกว่า พอมาขับตากลม พอวิ่งกลางคืนทีเดียว ไฟซีนอนบาลลาส พังเสียที15000บาท ขับ30000โลแรครั่ว(อาการประจำของบอดี้นี้) แต่พอได้ขับรถแฟน ซีอาวี ขับไงก็ไม่ต่ำกว่า 8กิโลลิตร 4ปีวิ่ง150,000กิโล ขายได้6.5แสนวันเดียวก็มีคนมาซื้อไปแล้ว วิ่งในเมืองก็พุ่งดี พอกิน120ก็หวิวๆ แต่พอมาขับรถestima ประกอบนอก ลืมเบนซ์เลยครับ เร่ง3000รอบเสียงเครื่องไม่ครวญครางเลย คันเร่งก็เบา ประหยัดระดับ9กิโลลิตรอีกต่างหาก แต่เคยยืมขับเบนซ์รุ่นใหม่ๆ เห็คันเร่งก็เป็นไฟฟ้าเบามาก เหมือนกัน มันก็พุ่งดีเหมือนกัน แต่ราคาก็ระดับสี่-ห้าล้านแล้ว ซื้อไม่ลง สู้เล่นรถญี่ปุ่น3-4ปีเปลี่ยนก็น่าจะดีกว่า ขาดทุนน้อยดี จากคุณ : maan - [ 23 ม.ค. 47 09:04:24 ]