ความคิดเห็นที่ 8
บทความนี้ เขียนแล้ว ยังไม่เคยได้ลงพิมพ์ซะที
ทดลองขับเปรียบเทียบทั้ง 3 คัน
เอาทีละคันนะครับ
ซาฟิร่า ก่อน -------------------- *** การทดลองขับ และวัดอัตราเร่ง*** การทดลองอัตราเร่ง ใช้ทางยกระดับบางนา-บางปะกง เป็นสถานที่ทดลอง โดยมีผู้เขียน น้ำหนักตัว 85 กิโลกรัม เป็นผู้ขับ และมีผู้ร่วมทดสอบซึ่งคอยจดบันทึกและจับเวลา อีก 1 คน น้ำหนักตัว 65 กิโลกรัม รวม 150 กิโลกรัม อุณหภูมิภายนอก 30.องศาเซลเซียส เติมลมยางไว้ คู่หน้า 28 ปอนด์/ตารางนิ้ว คู่หลัง 29 ปอนด์/ตารางนิ้ว ผลทีได้มีดังนี้
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง ครั้งที่ 1...13.14 วินาที ครั้งที่ 2...13.08 วินาที ครั้งที่ 3...13.58 วินาที ครั้งที่ 4...12.90 วินาที
เฉลี่ย...13.17 วินาที (สเป็กจากโรงงานระบุว่า ทำได้ในระดับ 10.5 วินาที)
อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง ครั้งที่ 1...9.09 วินาที ครั้งที่ 2...9.31 วินาที ครั้งที่ 3...9.05 วินาที ครั้งที่ 4...9.48 วินาที
เฉลี่ย...9.23 วินาที
เมื่อเหยียบคันเร่งจนสุด เพื่อเร่งความเร็วจาก 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทอร์ก คอนเวอร์เตอร์ จะเปลี่ยนเกียร์จาก 4 ลงสู่เกียร์ 2 และจะคงไว้อย่างนั้น ก่อนเปลี่ยนขึ้นเป็น เกียร์ 3 ให้เมื่อเข็มความเร็วผ่านหลัก 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง พอดี
ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ "อ่านจากมาตรวัด" (เกียร์จะเปลี่ยนเอง ณ รอบเครื่องยนต์ประมาณ 6,250 รอบ/นาที) เกียร์ 1 70 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที เกียร์ 2 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที เกียร์ 3 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที เกียร์ 4 197 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,700 รอบ/นาที
ความเร็วสูงสุด อ่านจากมาตรวัดได้ 197 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,700 รอบ/นาที ขณะที่ข้อมูลจากทางโรงงานระบุว่า เวอร์ชันไทยทำได้ 192 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนเวอร์ชัน ยุโรป ทำได้ 188 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ความเร็ว 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่องยนต์ 2,250 รอบ/นาที
เครื่องยนต์ ECOTEC 2,200 ซีซี ของซาฟิรา ให้อัตราเร่งที่น่าพอใจ ช่วงออกตัวด้วยเกียร์ 1 อาจจะช้าไปเล็กน้อย แต่เมื่อเข้าสู่เกียร์ 2 และ 3 นั้น เรียกพละกำลังออกมาได้ ดี ความเร็วขึ้นจากระดับ 80 - 160 กิโลเมตร/ชั่วโมงในเวลาไม่นานนัก และยังมีทีท่าจะขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆจนถึงระดับ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง หลังจากนั้นต้องใช้เวลานาน พอสมควรถึงจะไต่ไปถึงระดับความเร็วสูงสุด
เกียร์อัตโนมัติ ของซาฟิรา เป็นแบบ 4 จังหวะ พร้อมปุ่ม SPORTMODE หรือตัว S อยู่บนคันเกียร์ หากใช้โหมดนี้ สมองกลจะคอยเปลี่ยนเกียร์ในรอบเครื่องยนต์ที่สูงกว่า ปกติ เพื่อเรียกอัตราเร่งให้ได้ดังใจ แต่เมื่อใช้งานจริงกลับพบว่า หากต้องการเรียกอัตราเร่งสูงสุดในเวลาอันสั้น ผู้ขับควรจะเปลี่ยนคันเกียร์เอาเองจะดีกว่า เพราะการตอบสนอง ยังไม่ทันใจนัก (แต่ต้องระวังอย่าปล่อยรอบเครื่องยนต์พุ่งทะลุเกินขีดแดง REDLINE ณ 6,500 รอบ/นาที โดยไม่เปลี่ยนเกียร์ในตำแหน่งสูงขึ้น )
ส่วนปุ่มรูปเกล็ดหิมะ หมายถึงระบบช่วยออกรถบนทางลื่น โดยจะออกตัวด้วยเกียร์ 3 นอกจากนี้ยังมีระบบเอนจิน เบรก โดยใช้วิธีเลื่อนตำแหน่งเกียร์จาก 3 ลง 2 และ ลง 1 แต่ถ้าใช้เกียร์ 1 ที่ความเร็วสูงเกินไป เกียร์จะค้างอยู่ที่เกียร์ 2 จนกว่าความเร็วจะลดต่ำลงจนถึงระดับที่เหมาะสม จึงจะเปลี่ยนลงสู่เกียร์ 1 ให้ นอกจากนี้ยังมีระบบ แทร็กชันคอนโทรลเสริมให้ในกรณีที่ล้อข้างใดข้างหนึ่งเกิดหมุนฟรี โดยไฟสัญญาณของระบบนี้จะเตือนขึ้นเมื่อระบบทำงาน
ระบบกันสะเทือนอาจจะแข็งจนถ่ายทอดความรู้สึกจากผิวถนนขรุขระอยู่บ้างเล็กน้อยในช่วงความเร็วต่ำ แต่ให้กลับความมั่นใจได้ดีมากช่วงความเร็วระดับเดินทางปกติจนถึง ย่านความเร็วสูงไม่เกิน 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อเจอคอสะพาน ที่ระดับความเร็วไม่เกิน 130 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่ปรากฎอากาศโยนตัวแต่อย่างใด ดังนั้นหากผู้ขับเกิด เบรกไม่ทันเมื่อเห็นคอสะพานข้างหน้า แค่เพียงลดความเร็วลงต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ และถือพวงมาลัยให้นิ่งๆ ที่เหลือ ปล่อยให้ระบบกันสะเทือนได้ทำหน้าที่ของมันอย่าง สมบูรณ์ นอกจากนี้ ยังให้ความมั่นใจในขณะเข้าโค้ง ในช่วงความเร็วระดับ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับมุมองศาของทางโค้ง การหักหลบสิ่งกีดขวาง ทำได้อย่างคล่องตัว แต่ไม่ถึงกับเฉียบคม
โครงสร้างตัวถังถุกออกแบบมาค่อนข้างดี แน่นหนาตามแบบฉบับรถยุโรป ในช่วงเปลี่ยนเลนกระทันหัน แทบไม่รู้สึกถึงการบิดตัวหรือให้ตัวของตัวถังมากนัก ถือว่า TORSION STIFFNESS ค่อนข้างดีแต่ พอจะมีอาการวูบอยู่บ้างเล็กน้อย หากมีลมปะทะเมื่อใช้ความเร็วสูง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของรถที่มีจุดศูนย์ถ่วงอยู่สูง และถึงแม้ว่าน้ำหนักพวงมาลัย อาจจะยังถือว่าเบาไปเล็กน้อย แต่ภาพรวมทั้งหมด ยังให้ความมั่นใจได้ในการเดินทาง
การตอบสนองของระบบเบรก ให้ความมั่นใจได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นภาวะปกติ หรือเบรกกระทันหัน การหน่วงความเร็วเกิดขึ้นอย่างฉับไว แต่ไม่ใช่แตะเบรกแล้วระบบจะทำงาน ฉับพลันจนหน้าทิ่ม หากแต่หยุดรถได้อย่างนุ่มนวล
ทัศนวิสัยรอบคันโปร่งตา มองเห็นได้ชัดเจน ยกเว้นบริเวณเสาหลังคาคู่หลังสุด D-PILLAR ซึ่งบางครั้งอาจจะบดบังไปบ้างเล็กน้อยขณะจะเร่งแซง หรือเตรียมเลี้ยวซ้าย แต่ด้วยขนาดกระจกมองหลังที่ยาว สามารถปรับให้ผู้ขับมองเห็นได้ทั้งรถที่มาจากด้านหลังและด้านข้างได้ในตำแหน่งเดียวกัน จึงช่วยลดอุปสรรคตรงนี้ไปได้บ้าง
(ต่อ)
จากคุณ :
JIMMY
- [
29 มิ.ย. 47 23:20:28
]
|
|
|