ความคิดเห็นที่ 4
4. ช่วงล่าง 4.1 ตรวจ สอบไต้ท้องรถ เริ่มตรวจตั้งแต่ห้องเกียร์ ช๊อคอัพ แหนบ พวงมาลัย เฟืองท้าย และช่วงล่างในส่วนอื่น ๆ ถ้ามีสิ่งใดที่สังเกตผิดจากธรรมดา เช่น มีน้ำมันไหลออกมาจากบางแห่งมีส่วนหัก บิด งอ แหนบซ้อนกันไม่เป็นระเบียบ ลองตรวจดูว่าการใช้งานเป็นเช่นไร (อาจนำไปที่ร้านที่มีที่ยกรถให้ช่างตรวจ)
4.2 เพลากลาง ท่านต้องลองเอามือจับเพลากลางและลองหมุนขยับกลับไปกลับมาว่ามีระยะหมุนฟรีมากเพียงใด ถ้ามีระยะฟรีมากนั่นแสดงว่าชิ้นส่วนต่าง ๆ เกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนหลวม หรือหมดอายุการใช้งาน
4.3 ตรวจดูยางทั้ง 5 เส้น ซึ่งหมายถึงยางอะไหล่ด้วยว่ามีการใช้งานมากน้อยเพียงใด ดอกยางสึกมากหรือน้อย จะต้องซื้อใหม่หรือไม่
4.4 ตรวจระบบเบรก ด้วยการลองเหยียบเบรกหรือย้ำเบรกดูถ้าเหยียบเบรกจมมิดหายไปแสดงว่าเบรกไม่อยู่ หรือต้องย้ำเบรกหลายครั้งจึงจะเบรกอยู่ในส่วนนี้ต้องทดลองขับดู
4.5 ตรวจดูลูก ยางกันฝุ่นต่างๆ ว่า มีการฉีกขาดหรือไม่
4.6 ตรวจดูเข็มไมล์ว่ารถใช้งานมามากน้อยเพียงใด ตรวจดูการสึกหรอของยางเบรกและคลัตซ์เปรียบเทียบกับตัวเลข ซึ่งอาจถูกแก้ไขจำนวนกิโลเมตรที่วิ่งก็ได้
4.7 ตรวจพวงมาลัย ด้วยการหมุนกลับไปกลับมา เพื่อที่จะดูช่วงฟรี ของพวงมาลัยว่ามีมากน้อยเพียงใด ถ้ามีช่วงฟรีมากอาจจะเกิดจากชิ้นส่วนต่าง ๆ ของระบบบังคับเลี้ยวหลวม ก็ต้องเสียเงินเพิ่มมากขึ้นในการซ่อม
4.8 มุดดูพวกลูกยางกันฝุ่น-กันโคลง-ยางหุ้มเร็คพวงมาลัยว่ามีจุดไหนชำรุดเสียหายหรือจาระบีรั่วหมดบ้าง(พอรับได้ก็เก็บข้อมูลไว้)
4.9 ทุกอย่างเช็คการยุบตัวของโช้คต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไปและต้องไม่มีเสียงกระทบกันของเหล็ก(เก็บข้อมูลไว้)
5. เครื่องยนต์ ห้องเครื่องในส่วนนี้ค่อนข้างเน้นมากถ้าเจอตรงไหนจะหยุดทันทีอันแรกก็เปิดฝาหม้อน้ำทิ้งไว้(บางรุ่นไม่มีก็เปิดที่พักน้ำแทน) เปิด ไฟหน้า สูง แล้วสตาร์ทเครื่อง พร้อม เปิด แอร์ แรงสุด
5.1 ในส่วนนี้ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดตามจุดต่าง ๆ ฝาครอบลิ้นด้านบน, ปะเก็บฝาสูบ,อ่างน้ำมันเครื่อง,เพลาข้อเหวี่ยงหน้าเครื่อง,ก๊อกถ่ายน้ำมันเครื่องซึ่งอยู่ในอ่างและตามท่อต่าง ๆ หม้อกรองน้ำมันเครื่องและอื่น ๆ อีก การเช็ดก็เพื่อจะตรวจดูรอยรั่วของส่วนประกอบด้านบนว่ามีน้ำมันเครื่องหรือน้ำมันหล่อลื่นไหลซึมออกมาหรือไม่ แล้ว ทำการ สตาร์ทเครื่อง ไว้ซักพักพัก แล้วดับ เครื่อง เพื่อครวจสอบ การใหลซึมของน้ำมัน ควรตรวจให้ละเอียดอย่างช้า ๆ ถ้ามีควรตรวจดูว่าเป็นส่วนไหนของเครื่องยนต์เป็นส่วนสำคัญหรือไม่ และรั่วมาจากสาเหตุใด เพราะแตกร้าว หรือประกันไม่ดีเพื่อจะได้คิดราคาค่าซ่อมได้ถูกต้อง
5.2 ก็เริ่มฟังเสียงและใช้มือกับที่ตัวเครื่องดูการสั่นเสทือนที่จะบอกถึงความเรียบของเคื่องยนต์ในรอบเดินเบาต้องไม่มีการกระตุก การสั่นต้องต่อเนื่องอย่างสม่ำเสมอ(ไม่ใช่สั่นบ้างหยุดบ้าง)
5.3 ฟังเสียงสายพาน-ลูกรอก-พัดลมต้องไม่ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวเกินพอดี
5.4 ตรวจสอบ การสตาร์ท ว่าติดยากหรือไม่
5.5 ทดสอบการเร่งเครื่องโดย เหยียบคันเร่ง แล้ว ดูที่เข็มไมล์ ว่าการขึ้นของรอบนั้น ปรกติหรือไม่ หรือ ช้า
5.6 ดู เสียงวาล์วไม่ควรดัง
5.7 ตรวจระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ อย่างเช่น หม้อน้ำ ตรวจดูรอยรั่วต่าง ๆ ข้อต่อที่มีปลอกเหล็กรัดดูว่ามีน้ำรั่วซึมหรือไม่ จุดที่ต้องตรวจดูก็คือ หม้อน้ำหรือรังผึ้ง,ท่อยางต่อเข้าเครื่องยนต์เพื่อถ่ายเทน้ำ,ท่อยางด้านล่างที่ต่อเข้าตัวปั๊ม มีพัดลมหมุนได้ด้วยสายพานจะต้องมีความตึงพอดี ไม่อย่างนั้นแล้วจะระบายความร้อนได้ไม่ดี
5.8 ถ้าผ่านก็กลับมาที่รถดึงสายคันเร่งๆเครื่องดูว่าเร่งดีหรือไม่ต้องไม่มีสดุดหรือสำรักน้ำมันและเสียงแขกของวาล์ว(แก๊กๆ)ต้องไม่ดังจนน่าเกลียด
5.9 ตอนนี้เครื่องร้อนแล้วก็จะมาดูน้ำหม้อน้ำหรือหม้อพัก(ที่เปิดฝาทิ้งไว้แต่ทีแรก)การไหลวนต้องไม่มีฟองอากาศ(ยิ่งเร่งเครื่องฟองยิ่งใหญ่ขึ้น)ถ้ามีแสดงว่าเครื่องเคยโอเวอร์ฮีตมาจนฝาสูบโก่งไม่ควรคบ
5.10 ก้มดูด้านล่างว่ามีน้ำแอร์หยดอย่างสม่ำเสมอดี(ถ้าไม่มีหยดเลยก็ไม่เอา)และต้องไม่มีอย่างอื่นหยดนอกจากน้ำแอร์
5.11 ก็ไปปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เปิดไว้แล้วดับเครื่องที่สำคัญคือระหว่างที่เช็คอยู่ถ้าคนขายไปดับเครื่องผมก็จะไม่ดูต่อเช่นกัน (แสดงว่าต้องการปกปิดบางอย่าง)
5.12 แล้วก็มาดูรอยรั่วของน้ำตามท่อน้ำหรือน้ำมันในระบบว่ามีใหม่ๆออกมาตรงไหนบ้าง(อันนี้พอรับได้บ้างแต่เก็บข้อมูลไว้)ดูตามจุดประกบต่างๆเช่นฝาครอบวาล์ว-เครื่อง-หัวเกียร์ว่ามีร่องรอยของสารซีลป้องกันรั่วหรืไม่(สีส้มหรือสีขาว)ถ้ามีก็แสดงว่าจุดนั้นๆมีการถอดซ่อมมาแล้ว(เก็บเป็นข้อมูลไว้)
5.13 จากนั้นก็ปิดฝาหม้อน้ำหรือหม้อพักเช็คระดับของเหลวทุกอย่าง
6. ทดลองวิ่ง 6.1 ตรวจสอบ ว่า เมื่อปล่อยพวงมาลัยแล้วรถวิ่งได้ตรงแต่ใหน
6.2 ระบบกันสะเทือนใช้ได้ดีหรือไม่ การทำงานอยู่ในสภาพใดเมื่อตกหลุมหรือเลี้ยวมีอาการผิดปกติหรือไม่ ถ้ามีการสะเทือนมากแสดงว่าช็อคอัพหรือแหนบไม่ดี
6.3 ลองเบรกห้ามล้อดูว่าใช้งานได้ดีหรือไม่ ระยะทำการเบรกกับการเหยียบเบรกมีความสัมพันธ์กันมากน้อยเพียงใด ถ้าเหยียบเบรกจมหายต้องย้ำหลาย ๆ ครั้งแสดงว่าเบรกมีปัญหาต้องตรวจเช็คเบรก
6.4 ระบบส่งกำลังยังให้แรงดีหรือขัดข้องประการใด เมื่อขณะเร่งให้สังเกตว่าเครื่องยนต์ส่งกำลังมีความแรงขนาดไหน ทันอกทันใจหรือไม่การเข้าเกียร์ยากหรือเปล่า
6.5 พวงมาลัยหนักเบาแค่ไหน สาเหตุอาจจะมาจากยางแบน แต่ถ้ายางไม่แบนก็อาจจะมาจากการเสียหายของชิ้นส่วนภายใน อันนี้ต้องตรวจเช็คให้ละเอียด
6.6 จากนั้นก็ทดลองขับ(ถ้าไม่ให้ลองขับก็หยุดเช่นกัน)ดูความสม่ำเสมอของอัตราเร่งต้องไม่กระตุก
6.7 รอบเครื่องกับความเร็วต้องสัมพันธ์กันไม่ใช่รอบสูงแล้วแต่รถไม่วิ่งก็ใช้ไม่ได้
6.8 พยามหาถนนที่โล่งอัดและลากเกียร์ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ที่ดีที่สุดคือต้องไม่มีการสดุดของเครื่องเลยและการสับเปลี่ยนเกียร์(ธรรมดา)จะต้องลื่นเข้าง่ายไม่มีเสียงโครกครากให้ได้ยินอันหมายถึงความเสื่อมสภาพของครัทช์หรือครัทช์ที่เคยไหม้มาก่อน
6.9 จากนั้นก็รักษาความเร็วไว้ที่100-120แล้วเบรคแรงๆที่ดีต้องไม่มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด-อาการปัด-พวงมาลัยสั่น-รถสั่นทั้งคันต้องไม่มีให้เห็นถ้าเล็กน้อยก็ไม่เป็นไรพอรับได้(เก็บข้อมูลไว้) ถ้าเป็นเกียร์ออโต้ก็จะเบรคจนรถหยุดเลยเครื่องต้องไม่ดับด้วย
6.10 ด้วยจากนั้นผมก็จะเลี้ยวเข้าปั๊มน้ำมันหาที่โล่งหมุนพวงมาลัยซ้าย-ขวาสุด(ทีละด้าน)แล้วเร่งเครื่องออกตัวแรงๆต้องไม่มีเสียงก๊อกๆแก๊กๆของเพลาหรือลูกหมาก(ถ้ามีก็เก็บข้อมูลไว้)
6.11 ตลอกเวลาที่ลองขับที่หน้าปัดต้องไม่มีสัญญานอะไรกระพริบขึ้นมาและเกร์ความร้อนต้องนิ่งประมาณกลางๆ(หรือที่ใดที่หนึ่ง)โดยไม่เลื่อนขึ้นลงจึงจะถือว่าเยี่ยม
6.12 เมื่อออกจากปั๊มมาก็จะมองหาหมู่บ้านจัดสรรเจอปุ๊บก็เลี้ยวเข้าไปเลยหาช่องที่มีเนินปูนต์กันรถวิ่งเร็วหรือแมงกะไซค์แล้วจะอัดประมาณ60ลุยทดสอบช่วงล่างซัก2-3จุดเพื่อทดสอบช่วงล่างจะต้องไม่มีเสียงดังของเหล็กกระทบกันให้ได้ยินแต่ถ้าเป็นเสียงทึบๆของโช้คหรือสปริงก็ปกติ
6.13 จากนั้นก็เอารถไปคืนแล้วลงจากรถมาดูสภาพของยางว่าจะยังสามารถใช้งานต่อไปได้มากน้อยเพียงใด(เพื่อเป็นข้อมูล)ถ้ายางมีกลิ่นเหม็นไหม้หนือสึกแบบดำอย่างเห็นได้ชัดและกดดูที่ดอกแข็งๆ(ทั้งที่ยังร้อนอยู่)แสดงว่าหมดสภาพเพราะถึงแม้จะไปเซาะร่องยางมาการวิ่งดังกล่าวจะแสดงผลทันที
ข้อมูลพวกนี้ผม ก็อาศัยจากเวบต่างๆเอานะครับ ขอโทษทีที่ไม่ได้ให้เครดิต เพราะจำไม่ได้ ที่เหลือรอท่านอื่น มาตอบบ้างแล้วกันนะครับ
จากคุณ :
[PeTeR]
- [
12 ก.ค. 47 10:42:56
]
|
|
|