CafeTech-ExchangePantip MarketChatTrendyMobilePantown


    >>>>เปิดบันทึก : เซลแมน <<<<

    สวัสดีครับ ผมเป็นเซลครับ วนๆ เวียนๆแถวรัชดามานาน
    โดยมากจะเป้นการหลบอยู่ในมุมมืดบ่อยๆ เพราะไม่มีสมาชิก นานๆครั้ง จึงจะโพส จะตอบที

    แต่ช่วงนี้ผมคึกครับ ประกอบกับหลายๆครั้งเจอกระทู้พาดพิงถึงอยู่บ่อยๆ เลยอยากจะเล่าอะไรๆ ที่เกี่ยวกับอาชีพของตัวเองให้ชาวรัชดา ได้อ่านกันบ้าง ถือว่าแลกเปลี่ยนประสบการณ์แล้วกันนะครับ

    ก่อนอื่นขอบอกว่า สิ่งที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ


    //////////////////////////

    @@@ เริ่มอาชีพเซล @@@

    แรกเริ่มเดิมทีมันเกิดจากความ "บ้า" ครับ ผมเป็นคนบ้ารถ
    ซึ่งก็คงคล้ายๆกับใครหลายๆคนในที่นี้
    พอผมเรียนจบมหาวิทยาลัยก็เข้าสู่การหางานเหมือนคนทั่วไปครับ
    แล้วผมก็เล็งไปที่งานเกี่ยวกับรถอีกนั่นแหละทั้งๆที่ไม่ได้เกี่ยวกับที่เรียนมาเลย
    แลกเริ่มผมไปสมัครงานตามนิตยสารรถครับ แต่ก็เงียบไร้การตอบกลับ

    ช่วงนั้นบ้านผมกำลังจะซื้อรถใหม่พอดี เลยได้แวะเวียนไปตามโชว์รูมรถบ่อยครั้ง
    ด้วยนิสัยช่างคุยรวมทั้งกำลังตกงาน เลยรู้สึกว่างานนี้มันน่าสนใจดีเหมือนกัน
    ผมเลยตระเวนสมัครครับ หลายยี่ห้อ หลายบริษัท ทั้งยุโรป ญี่ปุ่น
    แล้วก็มีตอบรับกลับมา 3 ยี่ห้อครับ เป็นรถยุโรป 1 ญี่ปุ่น 2
    ผมตัดสินใจเลือกบริษัทที่คิดว่าน่าจะขายง่ายที่สุด คิดว่าคงทราบกันนะครับ ขอไม่บอกแล้วกัน

    วันที่เข้าไปทำสัญญา รายละเอียดการทำงานนั้น ผมต้องทดลองงานก่อน 3 เดือน
    โดยมียอดว่า ต้องขายได้ 11 คัน ภายใน 3 เดือน โดย 3 เดือนนี้เงินเดือน ได้ 4 พันครับ
    ถ้าพ้นโปรก็จะบรรจุ เงินเดือนจะขึ้นเป็น 5 พันแต่งานเป็นสัญญาปีต่อปี
    ซึ่งผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรเพราะผมคิดว่ามันคงได้ค่าคอมมากอยู่
    แต่พอรู้ค่าคอมแล้วผมก็ งงเลยครับ ไหนใครว่าขายรถคันนึงได้เป็นหมื่น
    ค่าคอมต่อคันนี่รวมกับเงินเดือนผมแล้วยังไม่ถึงหมื่นเลยครับ ( ถ้าขายได้คันเดียว )

    พอเข้าไปที่โชว์รูมวันแรก ผมค่อนข้างโชคดีที่เพื่อนร่วมงานดี บรรยากาศการทำงานดีมาก
    แต่ผมก็โชคร้ายที่โชว์รูมที่ได้เป็นโชว์รูมเล็ก ถึงจะมีศูนย์บริการอยู่ด้านหลัง
    แต่ด้านหน้านี่ผมขับรถไปวันแรกยังขับเลยเลยครับ
    และที่สำคัญ เขาไม่ให้ผมขายครับ 15 วันแรกผมมีหน้าที่นั่งท่องๆ เสปคอย่างเดียว
    ซึ่งมันน่าเบื่อมากๆ เพราะผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ผมรู้อยู่แล้ว เพราะผมเองก็ศึกษาเรื่องรถพอสมควร
    แต่พอเอาเข้าจริงๆ มันยุบยิบ มาก ทำให้ผมรู้ว่ายังมีอีกหลายส่วนที่ผมยังไม่รู้และมองข้ามไป
    อย่างเรื่องรถกระบะนี่ ผมไม่รู้เรื่องเลยครับ ต้องท่องกันยาวเลย
    ยอมรับว่า จนทุกวันนี้ก็ยังไม่แม่นครับ บางรุ่นผมเองก็ยังต้องเปิดดูอยู่เลย

    ในระหว่างการท่องนั้น 15 วันแรกผมก็ดูเขาขายครับ ไม่มีสิทธิ์รับลูกค้า
    ยกเว้นแต่ลูกค้าของตัวเองประเภทไปเสาะแสวงหาเอา
    ในระหว่างนั้นพวกรุ่นพี่ที่ทำงานก็จะทดสอบโดยสุ่มถามเสปคเรื่อยๆ
    ผมอดคิดไม่ได้ว่า ถ้า 15 วันนี้ผมไม่ได้ขายเลยนี่คงไม่ได้การแน่ๆ เพราะยอดคงจะทำไม่ถึงง่ายๆ
    ยิ่งเห็นตัวเลขบนบอร์ดแสดงยอดแต่ละคนผมยิ่งถอดใจ
    เพราะยอดสูงสุดของพี่ในโชว์รูมอยู่ที่ 7-8 คัน
    จริงๆ มันก็ไม่น่าแปลกเพราะ ขนาดของโชว์รูมนี่ ลูกค้าแถบจะมองไม่เห็น
    แถมถัดไปอีกไม่เท่าไหร่ก็มีโชว์รูมของรถยี่ห้อเดียวกันแต่คนละบริษัท ใหญ่เบ่อเริ่ม

    @@@ รถคันแรก @@@

    ลูกค้าคนแรกของผม มาจากแฟนครับเป็นสมาชิกในห้องรัชดานี่แหละ
    แฟนผมหามาให้ ตอนนั้นผมเพิ่งขายใหม่ๆ สปิริตสูงมากครับ
    อยากได้ยอด อยากผ่านโปร มาร์จิ้นเขามีมาให้เท่าไหร่แถมลูกค้าหมด
    ขนาดแถมให้จนหมดมาจิ้นท์ลูกค้ายังไม่ค่อยพอใจเลยครับ อย่างว่าคู่แข่งผมมันเยอะครับ
    บริษัทอื่นบางทีเค้ามีมาจิ้นท์รถรุ่นนี้มากกว่าผม ในที่สุดผมก็ต้องเฉือนคอมตัวเองแถมไปอีก
    เบ็ดเสร็จคันนั้นผมเหลือเงิน ประมาณเกือบๆพันบาทครับ ดีใจมากๆ กับรถคันแรกครับ
    แต่พอมาคิดตอนนี้ หักลบค่าน้ำมัน ค่าโทรศัพท์ อะไรๆแล้ว ผมว่ามันไม่คุ้มเลยครับ

    ผมขายรถแถมมาจิ้นท์เต็มตลอดอยู่ประมาณ เกือบ 3 เดือนครับ
    แถมกินค่าคอมอีกด้วย บางคันเหลือ 450 เดือนนึงขายได้ไม่เกิน 5 คัน
    แล้วผมก็รู้สึกว่าทำไมอาชีพนี้เงินเหลือมันน้อยจังวะ แต่เห็นพวกพี่ๆ ดูเขาได้เงินกันเยอะจัง
    ในที่สุดผมก็รู้ครับว่าถ้าผมยังขายแบบเดิมผมไม่พอกินแน่ๆ
    ในที่สุดผมก็เริ่มขายโดยการดึงมาจิ้นท์ครับ อย่างที่คนในรัชดาชอบด่าเซลบ่อยๆนั่นแหละครับ

    แล้วพอเริ่มทำอะไรๆเข้าที่เข้าทาง ผมก็เริ่มมีเงินเหลือมากขึ้น
    รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของผมอยู่ราวๆ 25000 - 30000 ครับ
    บางเดือนเคยได้สูงถึง 5 - 6 หมื่นก็มี แต่หลักแสนยังไม่เคยครับ ( ถ้าผมอยู่โชว์รูมใหญ่กว่านี้ก็ไม่แน่ )
    แต่บางเดือน แค่หมื่นต้นๆก็มีครับ ตัดรถออกไปได้แค่คันเดียวเอง
    จะว่าไปงานนี้มันก็เลยเหมือน ลูบหน้าปะจมูกไปเรื่อยๆแหละครับ
    เดือนไหนได้เยอะก็ต้องเผื่อเดือนที่ไม่ได้ด้วย

    รายได้ของผมไม่ได้เป็นเงินก้อนเหมือนคนอื่นครับ
    เงินเดือน 5 พันของผมนั้นจะออกวันที่ 1 แต่ค่าคอมจะออกวันที่ 15
    ซึ่งไอ้เจ้าค่าคอมนี้ตอนนี้มันเหลือเดือนนึงไม่ถึง 5 พันครับ น้อยกว่าเงินเดือนเสียอีก
    นอกจากนั้น รายได้หลักๆ คือ รายได้จากมาจิ้นท์ที่เหลือเวลาปล่อยรถครับ

    เนื่องจากเงินมันมาเป็นเบี้ยหัวแตก การจัดการเงินก็ทำได้ค่อนข้างลำบาก
    ตามประสาผู้ชายที่ไม่ค่อยเรียบร้อยเป็นทุนเดิม ได้มาใช้ไป แต่รวมๆแล้วก็เหลือพอประมาณแหละครับ

    ในที่สุดพอครบ 3 เดือนผมขายรถได้ประมาณ 7 คันครับ ผลก็คือ ไม่ผ่านไงครับ
    แต่ด้วยความใจดีของผู้จัดการแกเลยต่อให้ผมอีกเดือน เป็นเดือนที่ 4 ผมได้เพิ่มมาเป็น 9 คัน
    แล้วแกก็เซ็นผ่านให้ผม ด้วยความเมตตา ในที่สุดผมก็ได้เป็นเซลจนได้ครับ

    อ้อ ลืมเล่าไปนิดครับ ไอ้พี่คนที่ขายรถให้ผมนั่นหนะ
    พอผมมาเป็นเซลผมเลยรู้ว่ามันแdก ของผมซะอิ่มเลยครับ
    ผมเจอหน้าแก เพราะดันทำงานบริษัทเดียวกัน ก็เลยแซวแกไป

    แกตอบว่า
    " ช่วงนั้นยอดมันน้อย ถ้าพี่ไม่ได้จากคันของน้องนะ พี่ไม่มีกินแล้ว ไปเอาคืนจากลูกค้าคนอื่นแล้วกันนะ "..... เอากับแกดิครับ

    แต่ผมเห็นเป็นเรื่องตลกมากกว่าครับกับการที่แกกินของผม
    เพราะในเมื่อตอนนี้ ผมก็กำลังเป็นเซลเหมือนกันนี่ครับ ....





    ......เอาไว้วันหลังผมจะมาเล่าเรื่องลูกค้าแสบๆให้ฟังครับ เรียกได้ว่าแทบจะต่อยหน้าไปหลายรอบเลยแหละครับ......

    จากคุณ : สุดหล่อ พ่อไม่รวย - [ 14 ส.ค. 47 14:56:32 A:203.113.34.10 X: TicketID:070218 ]