ความคิดเห็นที่ 1 ไม่ขอตอบเป็นข้อๆ แต่ขอพูดภาพรวมๆ การซื้อขายสังหาริมทรัพย์ (รถยนต์ก็จัดอยู่ในสังหาริมทรัพย์ด้วย) การซื้อขายตั้งแต่ 500 บ.ขึ้นไปถ้าไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือจะฟ้องร้องมิได้ การซื้อขายนั้นกระทำโดยการส่งมอบทรัพย์สินให้แก่กันก็เพียงพอแล้ว ไม่ต้องทำตามแบบแต่อย่างใด การที่คุณได้มอบรถยนต์ ให้ผู้ซื้อนั้น ทรัพย์สินย่อมตกเป็นของผู้ซื้อทันที ( อาจจะมีการวางมัดจำ หรือชำระเงินจนครบ แล้วแต่กรณี ) ส่วนเรื่องการเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนนั้น เป็นเพียงให้สะดวก และง่ายต่อการตรวจสอบ และติดตาม ในกรณีบางประการเท่านั้น ส่วนการโอนลอย ก็เป็นเพียงการไม่ระบุตัวผู้ครอบครอง หรือ ถือกรรมสิทธิ์ ในทรัพย์ตามระเบียบของขนส่ง ที่ประสงค์จะเปลี่ยนแปลงทางทะเบียน เช่น ผู้ซื้อ อาจจะเป็นตัวแทนในการดำเนินการเป็นชื่อของตนเอง หรือ อาจเป็นชื่อบุคคลอื่น ก็ได้ โดยที่คุณมอบอำนาจในการจัดการแทนเท่านั้น... ส่วนการโอนปกติ ก็ไม่ต่างอะไรกับการโอนลอย เพียงแต่คุณอาจต้องเสียเวลาไปขนส่ง เพื่อจัดการให้เสร็จเรียบร้อยในทันที ทั้งนี้เพื่อความสบายใจทั้งสองฝ่าย ( แต่จริงๆแล้ว ไม่ใช่ปัญหา ว่าทรัพย์นั้นจะเป็นของใคร เพราะเป็นของผู้ซื้อตั้งแต่ได้ตกลงซื้อขายกันแล้ว ) แต่ถ้ามีการซื้อขายกัน และไม่ไปเปลี่ยนแปลงทางทะเบียนภายใน 15 วัน(ไม่แน่ใจจำนวนวัน ) ก็จะมีโทษปรับเท่านั้น ล่าสุดจำไม่ได้ว่า 200 หรือ เท่าไรกันแน่ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ หรือแม้กระทั้งปืน ที่ต้องมีทะเบียน ก็เพื่อสะดวกในการตรวจสอบ ในกรณีที่นำไปใช้กระทำความผิดด้วย ถ้าผลออกมา ถึงแม้ว่าจะเป็นชื่อเราอยู่ก็ตาม แต่เมื่อข้อเท็จจริง เป็นเพียงแค่ ผู้ซื้อไม่ยอมไปแจ้งเปลี่ยนทะเบียน เราคงโดนแค่ปรับ เท่านั้น ( 200 บ. อย่างที่บอกตอนต้น ) ถ้าผมยังขาดส่วนที่สำคัญไป ท่านใดทราบกรุณา เติมให้ด้วยนะครับ จากคุณ : ชชนน - [ 11 พ.ย. 47 18:04:04 ]

ความคิดเห็นที่ 2 1 การโอนลอยลอยคืออะไร คือการโอน จากเจ้าของรถ ไปยังอีกบุคคลหนึ่งแบบยังไม่รุบุชื่อผู้รับโอน ได้ (ขายรถให้เต้นท์ มักจะโอนลอย) 2 ต่างกับการโอนปรกติอย่างไร ไม่ต้องไปแจ้งเปลี่ยนชื่อ เจ้าของรถ ที่ กรมขนส่งทางบก และในสมุดคู่มือรถ ก็ยังไม่ถูกแก้ไข 3 มีประโยชน์อย่างไร ใช้ในกรณี ไม่อยาก ให้มีชื่อเจ้าของหลายมือ และลดขั้นตอนลง เพื่อความสะดวก แก่เต้นท์รถ 4 แล้วต่างหรือเหมือนกับจดทะเบียนลอยหรือไม่ ตอบไปแล้วครับ แต่จดทะเบียนลอย ไม่สามารถทำได้ครับ 5 ถ้าเป็นบุคคลธรรมดาควรทำหรือไม่ และทำได้หรือไม่ ทำได้ แต่ควรมีหนังสือสัญญาซื้อขาย เพิ่มเพื่อ กันกรณีนำรถไปกระทำความผิด 6 แล้วถือเป็นทรัพย์สินของคนที่ซื้อรถไปหรือถือเป็นทรัพย์สินของเจ้าของเดิม ถ้ามี สัญญาซื้อขาย ก็เป็นกรรมสิทธิเจ้าของใหม่ (แต่ในทางกฎหมาย เจ้าของเดิมยังถือสิทธิอยู่) แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 47 10:57:25 จากคุณ : หมูมู่ - [ 12 พ.ย. 47 10:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คุณหมูมู่ ช่วยอธิบาย ข้อ 6 ของคุณหน่อยครับว่า "เจ้าของเดิมยังถือสิทธิอยู่ " มันความความว่าอะไร แล้วที่บอกว่า ในทางกฎหมายนั้นน่ะ... กฎหมายข้อไหนครับที่เจ้าของเดิมยังถือสิทธิอยู่ ผมไม่ได้มาจับผิดนะครับ แค่อยากรู้ว่า มันเป็นจริงอย่างที่คุณอ้างหรือไม่ เพราะเป็นสัญญาต่างตอบแทน และ หนี้ ย่อมมีวัตถุแห่งสิทธิ เป็นหนี้ที่ต้องชำระต่อกัน ดังนั้นเจ้าของเดิม ไม่มีกรรมสิทธิ์ หรือ ถือสิทธิในทรัพย์ ตั้งแต่ได้ตกลงซื้อขายกันแล้วนะครับ ส่วนการชำระเงินต่อกัน มันเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สมมุติว่า คุณเป็นเจ้าของรถยนต์คันหนึ่ง แล้ว ขายให้ผม แต่ยังไม่โอนมาเป็นชื่อผม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมถามคุณหมูมู่ว่า คุณยังเป็นเจ้าของรถคันนี้อยู่อีกหรือ...? คุณจะอ้างสิทธิอะไร...อ้างว่าตราบใดที่ยังไม่โอน รถยนต์ยังเป็นของคุณ หรือครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ย. 47 11:32:01 จากคุณ : ชชนน - [ 12 พ.ย. 47 11:31:02 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตามมาอธิบายให้เคลียร์ครับ ในทางกลับกัน หาก คุณ ขับรถชนคนตาย คุณคิดว่า ตำรวจและ กรมขนส่ง คิดว่า รถคันนั้น เป็นรถ ของคุณหรือของผมล่ะครับ (หากว่า รถนั้น ยังไม่ได้โอน) จนกว่าผม จะมี สัญญาซื้อขายมาเป็นข้อ หักล้าง ในทางเดียวกัน หาก ผมอ้างสิทธิ ดังกล่าว คุณมีสัญญาซื้อขาย คุณก็ได้สิทธินั้น เดี๋ยวนี้ ครับ จากคุณ : หมูมู่ - [ 23 พ.ย. 47 15:04:33 ]