ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณที่คุณton99ถาม เพราะผมก็สงสัยเกี่ยวกับน้ำมันเฟืองท้ายใช้เบอร์75w-90แทนเบอร์90ได้หรือไม่ครับ เพราะผมไม่ทราบว่าอุณหภูมิใช้งานของเฟืองท้ายกี่องศา รบกวนขอคำแนะนำจากทุกท่านทั้งน้ำมันเครื่องและน้ำมันเฟืองท้าย ขอบคุณครับ จากคุณ : jazzzz - [ 17 มี.ค. 48 16:42:13 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คำถามเปิดกว้างมาก ถ้าคุณ ton99 ถาม คงต้องละเอียดพอสมควร แต่ผมจะกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มาตอบให้แล้วกัน ถ้ายังไม่มีใครตอบ สำหรับน้ำมันเกียร์ SAE 75W-90 และ SAE 90 ในเมืองไทยใช้ทดแทนกันได้ ในแง่ความหนืด ไม่ต่างกันมากเท่าไหร่ แต่เดาว่า SAE 75W-90 น่าจะเป็น synthetic จากคุณ : Mr.Moon - [ 17 มี.ค. 48 20:14:46 A:202.44.7.49 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณคุณ Mr.Moon เอาไว้ก่อนเลยครับ แก้ไขเมื่อ 18 มี.ค. 48 00:31:49 จากคุณ : ton99 - [ 17 มี.ค. 48 23:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 เข้ามาขอบคุณ Mr.Moon ตามคุณ ton99 ครับ และอยากสอบถามเกี่ยวกับค่า TBN ของน้ำมันเครื่อง ว่าเป็นอย่างไร ขอบคุณครับ จากคุณ : jazzzz - [ 17 มี.ค. 48 23:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ความหนืดหรือใสของน้ำมันหล่อลื่นเฟืองมันขึ้นอยู่กับความละเอียดหรือห่างของเฟืองครับ(เคลียเลนซ์)ถ้าเฟืองละเอียดแล้วเอาน้ำมันหนืดไปใส่มันก็ไม่สามารถเข้าไปตามช่องที่ละเอียดของเฟืองได้ทั่วถึงทำให้เกิดความร้อนและก็เฟืองใหม้ครับ ในทางตรงข้ามเฟืองหยาบน้ำมันใสก็มีช่องว่าในการขบของเฟืองมากเกิดการกระแทกน้ำมันความหนืดไม่พอก็ทำให้เฟืองแตกหรือบิ่นได้ครับ  ส่วนเรื่องน้ำมันเครื่องมันต้องแยกกันคนละเรื่องครับ เพราะห้องเครื่องเกิดการสันดาปมันมีก๊าซมีกรอมีด่างเยอะแยะพิมพ์ก็ไม่ค่อยจะเก่งครับ การสันดาปของเบ็นซิน/ดีเซลก็เกิดกรดกำมะถัน/ด่างอะไรๆไม่เหมือกันอีก ดังนั้นจึงใช้ปนกันไม่ได้ แต่จำไว้ว่า  น้ำมันเครื่องดีเซลใช้กับเครื่องเบ็นซีนได้แต่น้ำมันเครื่องเบ็นซินใช้กับเครื่องดีเซลมีโอกาสพังครับ(โดยทั่วไป) 0-18999327  ขี้เกียจพิมพ์ จากคุณ : ปัน.. (m,pan,pan) - [ 18 มี.ค. 48 04:37:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถามบ้าง..จะเปลี่ยนน้ำมันเกียย์ E-Car ปี95 Auto ต้องใช้เบอร์ใหนครับ..แล้วยี่ห้อใหนดี..( ฝากถาม ) จากคุณ : หนุ่ม เมืองนนท์ - [ 18 มี.ค. 48 11:16:13 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เลขมากข้น แลขน้อยใส เลขที่ตามด้วย ดับเบิลยู วัดความหนืดที่ -18 องศาซี เลขเพียวๆ วัดที่ 100 ซี คนที่ชอบบอกว่า เลือกเลขหน้าที่ตามด้วยดับเบิลยู น้อยๆ จะทำให้ตอนสตาร์ทเครื่อง น้ำมันไหลง่าย จริงที่ -18 ซี แต่ไม่จริงหรือจริงก็ได้ที่ 30-40  ซี แบบไทย ในตอนสตาร์ทเครื่อง เลือกน้ำมันใช้ในไทย ดูแต่เลขหลัง เลขที่ตามด้วยดับเบิลยู เมินซะ จากคุณ : CEDRIC - [ 18 มี.ค. 48 14:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมสังเกตุดู  พวกที่มีwนำหน้าเลขน้อยๆมักจะมีความข้นใสที่ 40'C cST น้อยกว่าเลขมาก เช่น                          5W-40                  15W-40 ความข้นใสที่40'C     70                           100 ความข้นใสที่100'C   15                             15 ผมจึงสงสัยว่า ค่าความข้นใสที่40'C ที่ต่างกันระหว่าง70และ100  ค่าข้นใสน้อยกว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อเครื่องยนต์ ในช่วงเช้าที่เครื่องยังไม่ถึงอุณหภูมิทำงานปกติครับ  ถูกผิดอย่างไรรบกวนแนะนำด้วยครับ จากคุณ : jazzzz - [ 18 มี.ค. 48 14:47:02 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณคนที่ 8 ครับ ถ้าจะสังเกตุดูที่ 40 องซา ซี ต้องดูน้ำมันหลายตัวครับ เพระผมยืนยันว่า ไม่แน่เสมอไป ที่น้ำมัน 5 w 40 กับ 10w 40  จะมีความข้นต่างกัน 5 ที่ 40 ซี เหมือนตอนที่ -18 ซี หมายความว่า ที่ -18 ซี นั้นจริงที่ 10w ข้นกว่า 5w อยู่ 5 แต่ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าน้ำมันทุกตัวที่เป็นค่าความหนืดแบบนี้ ที่ 40 ซี จะต้องหนืดต่างกัน 5 หรืออาจจะชิดกัน หนืดใกล้กันมากกว่าตอนที่ -18 ซี ก็เป็นได้ หรืออาจจะหนืดต่างกันกว่าตอน -18 ซี ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะผมเคยเห็นว่า บางยี่ห้อมันเกือบเท่ากันที่ 40 ซี หรือเท่ากัน ทั้งที่ที่ -18 ซี นั้นมันหนืดต่างกัน 5 หรือ 10 จากคุณ : CEDRIC - [ 18 มี.ค. 48 18:30:07 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมว่าเลขอุณหภูมิน้อยๆก็ดีนะ เพราะถ้าใช้ทางเหนือหน้าหนาวคุณได้ start รถที่ต่ำกว่า 10องศาบ่อยเลยล่ะครับ จากคุณ : ....4จุด - [ 18 มี.ค. 48 20:06:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 มาตอบแล้วตามสัญญา หากอธิบายเรื่องนี้ ผมอาจต้องยกตัวเลขขึ้นมาบ้าง เป็น Typical value แต่ไม่ได้หมายความว่าน้ำมันทุกตัวต้องเป็นค่านี้นะ โปรดทำความเข้าใจ SAE 40 หรือ SAE 15W-40 เป็นมาตรฐาน(เบอร์)ความหนืด ครับ ไม่ได้เป็นค่า มาตรฐานความหนืด SAE J300 สำหรับเครื่องยนต์ และ SAE J306 สำหรับเกียร์ยานยนต์ แบ่งเป็น เกรดเดี่ยว และ เกรดรวม เกรดเดี่ยว (summer grade) มี 3 เบอร์ คือ SAE 30 40 และ 50 (หลายท่านคงทราบแต่ต้องกล่าว) เป็นการวัดความหนืด (kinematic viscosity ; centistokes cSt.) ที่อุณหภูมิ 100 C แบ่งเป็น SAE 30 ; 9.3 - 12.5 cSt. SAE 40 ; 12.5 - 16.3 cSt. SAE 50 ; 16.3 - 21.9 cSt. แถม SAE 60 ; 21.9 - 26.1 แต่เนื่องจากธรรมชาติน้ำมันจะหนืดขึ้นที่อุณหภูมิต่ำ และใสลงที่อุณหภูมิสูง ทำให้มีปัญหาที่อุณหภูมิติดลบจึงเกิด winter grade winter grade คือน้ำมันใส ๆ ที่นำมาแก้ปัญหาน้ำมัน summer grade ที่จะหนืดมาก หรือแข็งตัว ที่อุณหภูมิติดลบ จึงทำการวัดความหนืด Dynamic viscosity ที่อุณหภูมิติดลบ ในอดีตจะวัดที่อุณหภูมิ -18 C หรือ 0 F แต่ในปัจจุบัน ขึ้นกับ เบอร์ความหนืดที่วัด และ วิธีวัด เช่น SAE 20W ; CCS max 9500 cP. ที่ -15 C และ pumpability max 60000 cP. ที่ -20 ลองหาตาราง SAE J300 ดูแล้วกัน ว่าอุณหภูมิที่วัดจะต่างกัน(ขึ้เกียจพิมพ์อะ) โดยหน่วยที่วัดเป็น centipoise เป็นความหนืดแบบ Dymamic viscosity (ใช้แรงภายนอกกระทำ ไม่ได้ใช้ gravity เหมือน kinematic) และควบคุมเฉพาะ kinematic vis ที่ 100 C อีกที จากคุณ : Mr.Moon - [ 18 มี.ค. 48 20:56:51 A:202.44.7.49 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ทำไมถึงต้องตั้งเป็นมาตรฐานความหนืด ก็เพื่อให้น้ำมันนั้นมีความหนืดให้เหมาะสมกับเครื่องยนต์ เพราะในอดีตคุณภาพน้ำมันมีหลากหลาย เช่น น้ำมัน 2 ตัว ที่อุณหภูมิ 0 องศา ความหนืดเท่ากัน แต่พอนำไปใช้งานแล้ว ปรากฎว่า A ใช้งานได้ มีความหนืดเทียบเท่าเบอร์ 40 ที่ 100 องศา แต่ B ใสลงมาก ยังไม่ถึง เบอร์ 30 ที่ 100 องศา จึงต้องกำหนดเบอร์ขึ้น เพื่อให้ทราบว่า ที่อุณหภูมิทำงานจะมีความหนืดเหมาะสมกับเครื่องยนต์ และด้วยเหตุนี้จึงเกิดดัชนีชี้วัดตัวหนึ่ง ก็คือ ดัชนีความหนืด Viscosity index VI เป็นตัวชี้วัดคุณภาพของน้ำมันว่ามี Temp range ดีแค่ไหน นั่นคือ ถ้าดัชนีความสูงน้ำมันตัวนั้นมีคุณภาพดี มีช่วงความหนืดใช้งานกว้าง (High temp ไม่ใสมาก และ low temp ไม่หนืดเกิน) และเป็นการวัดเทียบกัน ที่ 40 และ 100 C base oil (group I) ที่มีคุณภาพดีในปัจจุบัน (หรือดีมากในอดีต) VI ประมาณ 95 - 100 แต่เพื่อให้ความหนืดมีการใช้งานกว้างขึ้น และรองรับได้ทั้ง ฤดูร้อน ฤดูหนาว จำเป็นต้องทำให้น้ำมันมี VI สูงขึ้น โดย 1. การเติม VII Viscosity Index Improver (กลายเป็น multi-grade) 2. การใช้น้ำมันสังเคราะห์ ที่มี VI สูงโดยธรรมชาติ PAO VI 130 – 140 3. ปรับปรุงคุณภาพ base oil ให้สูงขึ้นกลายเป็น Group II ( VI < 120 ) หรือ Group III (VI > 120) โดยในปัจจุบัน approximate typical value SAE Base oil type Vis 40/cSt Vis 100/cSt VI 40 Mineral (Gr.I) 142 14.5 100 15W-40 Mineral + VII 107 14.5 140 10W-40 Semi-syn + VII 100 14.5 150 5W-40 Fully-syn + VII 85 14.5 178 แรก ๆ ยาวหน่อย (โม้มาก) แต่หลัง ๆ มันอาจจะรวบรัด (เพราะ 3 ทุ่มแล้วผมอยากกลับบ้าน) ส่วนคำถามที่เหลือ หรือ ถ้าใครอยากถามเพิ่ม ผมมาต่อให้วันจันทร์แล้วกันครับ จากคุณ : Mr.Moon - [ 18 มี.ค. 48 21:02:35 A:202.44.7.49 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขออภัยตารางดูไม่รู้เรื่องเลย ลองพยายามหน่อยแล้วกันครับ เพื่อให้เข้าใจมากขึ้น จากคุณ : Mr.Moon - [ 18 มี.ค. 48 21:04:37 A:202.44.7.49 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สุดยอดครับ Mr.Moon แต่ผมว่ามันน่าเบื่อตอนพิมพ์ครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ จากคุณ : ปัน.. (m,pan,pan) - [ 19 มี.ค. 48 06:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 Mr Moon อธิบายได้ยอดเยี่ยม ;-) จากคุณ : ช่างกล - [ 19 มี.ค. 48 17:24:39 A:203.113.37.13 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห 8 ผมจึงสงสัยว่า ค่าความข้นใสที่40'C ที่ต่างกันระหว่าง70และ100 ค่าข้นใสน้อยกว่าน่าจะมีประโยชน์ต่อเครื่องยนต์ >>>>>>>>> เลขตัวหน้า ไม่ได้ใช้ประโยชน์เพียง cold cranking สำหรับเมืองหนาวเท่านั้น เลขตัวหน้ายิ่งน้อย น้ำมันยิ่งใส มีผลกับ internal friction มีประโยชน์ช่วยประหยัดน้ำมันครับ น้ำมันเครื่องที่ได้เครื่องหมายประหยัดเชื้อเพลิง EC จะมีเลขตัวหน้าต่ำครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 19 มี.ค. 48 17:32:29 A:203.113.37.13 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เลขตัวหน้าเท่ากัน หมายถึง cold cranking และ pumping ไหลได้ดีเท่ากันที่ temperature ต่ำเท่ากัน (วัดที่ x F หรือ -y C) แต่ความหนืด (viscosity) @ temp นี้อาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่ที่ pourpoint additive และ VI ของ base oil ที่ใช้ครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 19 มี.ค. 48 18:03:16 A:203.113.37.13 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 18 หมายความว่า ที่ -18 ซี นั้นจริงที่ 10w ข้นกว่า 5w อยู่ 5 แต่ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าน้ำมันทุกตัวที่เป็นค่าความหนืดแบบนี้ ที่ 40 ซี จะต้องหนืดต่างกัน 5 หรืออาจจะชิดกัน หนืดใกล้กันมากกว่าตอนที่ -18 ซี ก็เป็นได้ หรืออาจจะหนืดต่างกันกว่าตอน -18 ซี ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น >>>>>>>>> ใช่ครับ ขึ้นอยู่กับ pourpoint additive and VI ของ base oil ที่ใช้ จากคุณ : ช่างกล - [ 19 มี.ค. 48 18:05:52 A:203.113.37.13 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ถาม Mr Moon ผมไม่แน่ใจว่า น้ำมันสังเคราะห์ PAO เมื่อทำเสร็จ เป็น parafin ใช่ไหม ? จากคุณ : ช่างกล - [ 19 มี.ค. 48 18:09:20 A:203.113.37.13 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 20 SAE J300 engine oil viscosity classification เขานิยามน้ำมันเกรดรวม (multigrade) ดังนี้ Multivicosity-grades are defined by the following criteria: 1) max low-temperature cranking and pumping viscosities corresponding to W-grade ( เลขตัวหน้า เช่น 0 W หรือ 20w ) 2) HT / HS (high temp / high shear) kin-viscosity at 100 and 150 C corresponding to the non-W grade (เลขตัวหลัง เช่น 50 ) เช่น 1) 0w-40 --เลขตัวหน้า 0w จะทดสอบ cold start ที่ low temp = -30C --เลขตัวหลัง 40 จะทดสอบ HT/HS ที่ 100 และ 150 C min kinematic viscosity ที่ 100C และ max kin viscosity ที่ 150C ค่าตัวนี้จะบอกการใช้งาน light duty หรือ heavy duty light duty : min HT/HS = min 2.9 cP heavy duty : min HT/HS = min 3.7 cP 2) ถ้าเลขตัวหน้าเป็น 20w เช่น 20w-50 จะทดสอบ cold cranking ได้ tempurature ต่ำสุด = -10C จากคุณ : ช่างกล - [ 19 มี.ค. 48 20:31:08 A:203.113.36.12 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อย่างนี้ดีกว่า ;-) เบอร์ของน้ำมัน multigrade ประกอบด้วย เลข2ตัว ตัวอย่างเช่น 0w-40 หรือ 20w-50 -0w เลขตัวหน้า ทดสอบ low-temperature cranking and pumping viscosities ตัวเลขยิ่งต่ำ อุณหภูมิที่ทดสอบได้ยิ่งต่ำ เช่น 20w ==> -10 C 0w ==> -30 C -40 เลขตัวหลัง บอกค่า HT / HS ทดสอบที่อุณหภูมิ 100 และ 150C ต้องการจะใช้ งานหนัก งานเบา เลือกจากค่านี้ จากคุณ : ช่างกล - [ 19 มี.ค. 48 20:44:57 A:203.113.36.12 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ยอดเยี่ยมเลยครับ สำหรับทุกท่านที่นำความรู้ดีๆมาแบ่งปันกัน จากคุณ : A-Z - [ 19 มี.ค. 48 22:25:09 A:210.86.148.58 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ดูๆแล้วน้ำมันคุณภาพยิ่งสูง ค่า Viscosity index ก็จะมีค่าสูงขึ้นด้วย ซึ่งหมายถึงการคงสภาพการข้น-ใส  ในช่วงอุณหภูมิต่างๆได้ดีขึ้น เครื่องแต่ละตัว  จะถูกออกแบบมาให้ใช้กับน้ำมันที่มีค่าความข้น-ใส ค่าหนึ่ง ผมสรุปอย่างนี้จะถูกหรือเปล่าครับ ตอนนี้ผมมีเรื่องสงสัยใหม่คือ Semi 10w-40  กับ Fully 5w-30 ถ้าเอาไปใช้งานที่อุณหภูมิสูง  ตัวไหนจะดีกว่ากันครับ จากคุณ : ton99 - [ 20 มี.ค. 48 18:05:48 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ดูๆแล้วน้ำมันคุณภาพยิ่งสูง ค่า Viscosity index ก็จะมีค่าสูงขึ้นด้วย ซึ่งหมายถึงการคงสภาพการข้น-ใส ในช่วงอุณหภูมิต่างๆได้ดีขึ้น เครื่องแต่ละตัว จะถูกออกแบบมาให้ใช้กับน้ำมันที่มีค่าความข้น-ใส ค่าหนึ่ง ผมสรุปอย่างนี้จะถูกหรือเปล่าครับ >>>>>>>>>>>> สรุปได้ดีมาก base oils แบ่งเป็น group ต่างๆ แตกต่างที่ impurity and viscosity index group ที่มีคุณภาพสูงจะมี VI สูง จากคุณ : ช่างกล - [ 20 มี.ค. 48 20:02:23 A:203.113.37.11 X:203.151.140.112 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนี้ผมมีเรื่องสงสัยใหม่คือ Semi 10w-40 กับ Fully 5w-30 ถ้าเอาไปใช้งานที่อุณหภูมิสูง ตัวไหนจะดีกว่ากันครับ >>>>>>>>>>> เป็นคำถามที่ดี ตอบว่า Fully synthetic ดีกว่า เพราะ fully มี impurity สูง เนื้อน้ำมันเป็น pure paraffin -impurity สูง หมายความว่า มีกลุ่ม unsaturated CH (aromatic) ต่ำ เกิด oxidation น้อย ยืดอายุการใช้งานให้ทนนาน การใช้งานอุณหภูมิสูงมีแนวโน้มจะเกิด oxidation ง่ายครับ -paraffin โดยธรรมชาติมี VI สูงที่สุดในกลุ่ม CH ทั้งหมด โดยที่กลุ่ม aromatic เป็นกลุ่มที่มี VI ต่ำที่สุด เนื่องจาก เลขตัวท้ายไม่เท่ากัน จะต้องดูลักษณะการใช้งานว่าเป็น light duty หรือ heavy duty ดูจากค่า HT/HS เบอร์ 40 จะได้ >= 3.7 cP เบอร์ 30 จะได้ >= 2.9 cP จากคุณ : ช่างกล - [ 20 มี.ค. 48 20:21:10 A:203.113.37.11 X:203.151.140.118 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 26 -paraffin โดยธรรมชาติมี VI สูงที่สุดในกลุ่ม CH ทั้งหมด โดยที่กลุ่ม aromatic เป็นกลุ่มที่มี VI ต่ำที่สุด >>>>>>>>>> fully 5w-30 เนื่องจาก fully synthetic มี VI สูงมาก จึงทำ multigrade ช่วงกว้างกว่าได้ เนื่องจากตัวเลขตัวแรกมีค่าต่ำกว่า มีผลกับการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยครับ //... Lower viscosity multigrades allowed for increased fuel economy by reducing the parasitic load associated with the lubricant itself (internal friction ในเนื้อน้ำมัน)...// จากคุณ : ช่างกล - [ 20 มี.ค. 48 20:28:23 A:203.113.37.11 X:203.151.140.118 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมขอขอบคุณทุกๆท่านๆที่กรุณาให้ความรู้อันเป็นประโยชน์อย่างยิ่ง  และขอสอบถามเพิ่มเติมดังนี้  ถ้าเครื่องยนต์ออกแบบมาสำหรับน้ำมันเครื่องเบอร์40  ถ้าไปใช้เบอร์30มีผลอย่างไรครับ  ถ้าไปใช้เบอร์50มีผลอย่างไรครับ  ถ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ยี่ห้อหนึ่งสามารถใช้ได้2หมื่นกิโล อยากทราบว่าโดยทั่วไปคุณภาพใส้กรองน้ำมันเครื่องจะมีอายุการใช้งานไปถึง2หมื่นกิโลหรือไม่ครับ  ถ้าใช้น้ำมันเกียร์75W-90แทนเบอร์90(ตามคู่มือ) จะสามารถช่วยการประหยัดน้ำมันได้บ้างหรือไม่ครับ  ขอบคุณครับ จากคุณ : jazzzz - [ 20 มี.ค. 48 21:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าเครื่องยนต์ออกแบบมาสำหรับน้ำมันเครื่องเบอร์40 ถ้าไปใช้เบอร์30มีผลอย่างไรครับ ถ้าไปใช้เบอร์50มีผลอย่างไรครับ >>>>>>>>> การเลือกเบอร์น้ำมันดูจากค่า HT / HS ทดสอบที่ 100C and 150C ดังนี้ -HT test@100C (test method ASTM D445) high temperature test: kinematic viscosity @ 100 C have been traditionally used as a guide in selection oil viscosity for use under normal engine operating temperature ... มีหน่วยเป็น cSt และ - HS test@150C ค่า high shear บ่งชี้ลักษณะการทำงาน light duty or heavy duty ทดสอบการทำงานที่ high temp= 150C .... มีหน่วยเป็น cP (หน่วย cSt และ cP แตกต่างอย่างไร มีคำอธิบายของคุณ Mr. Moon ข้างบน) ตามโจทย์ รง.แนะนำให้ใช้เบอร์ SAE 40 ถ้าเราใช้ SAE 30 การปกป้องชิ้นส่วนเครื่องยนต์จะไม่เพียงพอ ทั้ง operatiing and hi-temperature --ที่อุณหภูมิทำงาน ความแตกต่างระหว่างเบอร์ 40 กับ 30 มีผลไม่มากนัก ผลการปกป้องเครื่องยนต์"อาจจะ"ไม่แตกต่างกันชัดเจน --ที่อุณหภูมิสูง จะมีผลกระทบมากกว่า ชิ้นส่วนสำคัญที่มีผลกระทบมาก คือ journal bearing และ between rings and cylinder walls ที่จุดนี้เป็นผลจากลักษณะการใช้งานของเราว่าเป็น light- or heavy- duty สรุป.. -ถ้าใช้เบอร์ 30 จะมีผลกับลักษณะการใช้งานว่า "หนักหรือเบา" การใช้งานตามปกติไม่ค่อยมีผล คือ ใช้ได้ -ถ้าใช้เบอร์ 50 หนืดกว่าที่กำหนด มีทั้งผลดี และผลเสีย ผลเสีย: internal friction ในเนื้อน้ำมันสูงกว่าปกติ ทำให้กินน้ำมันมากขึ้น ผลดี: ถ้าเป็นรถเก่า เครื่องหลวม น้ำมันหนืดช่วย seal ชิ้นส่วนที่หลวม ทำให้รู้สึก ว่าเครื่องยนต์มีแรงอัดดีขึ้น หัวเชื้อน้ำมันเครื่องประเภทเพิ่มความหนืด เขาใช้เป็นจุดขาย ทดลองเติมลงไป แล้วลองเร่งเครื่อง ดูกระฉับกระเฉงขึ้น จากคุณ : ช่างกล - [ 21 มี.ค. 48 10:21:01 A:203.113.37.7 X:203.151.140.113 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ยี่ห้อหนึ่งสามารถใช้ได้2หมื่นกิโล อยากทราบว่าโดยทั่วไปคุณภาพใส้กรองน้ำมันเครื่องจะมีอายุการใช้งานไปถึง2หมื่นกิโลหรือไม่ครับ >>>>>>>>> คำถามข้อนี้ตอบไม่ได้ เพราะ lifetime ของกรอง กับ น้ำมันเครื่องไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ผมตอบจากประสบการณ์ การเผาไหม้ในห้องเครื่องเบนซิน ไม่ได้สกปรก ไม่มีเขม่า หรือสิ่งแปลกปลอมมากมาย ไม่เชื่อลองผ่าไส้กรองน้ำมันเครื่องออกมาดูก็ได้ ตามปกติบริษัทรถก็แนะนำให้เปลี่ยนใส้กรองทุกๆ การเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง 2 ครั้ง ไม่ใช่ครั้งต่อครั้ง ปัจจุบัน oil change interval รถส่วนมากเป็น 10,000 กิโล อาศัยข้อมูลข้างบน มีเหตุผลที่จะเชื่อได้ว่า กรองน้ำมันเครื่องในปัจจุบันมีอายุงานอย่างน้อยเท่ากับอายุน้ำมันเครื่องครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 21 มี.ค. 48 10:29:47 A:203.113.37.7 X:203.151.140.113 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าใช้น้ำมันเกียร์75W-90แทนเบอร์90(ตามคู่มือ) จะสามารถช่วยการประหยัดน้ำมันได้บ้างหรือไม่ครับ >>>>>>>>> คำถามนี้คุณ jazzzz สนใจเป็นพิเศษ ผมก็ไม่มี SAE J3.. ที่เกี่ยวกับน้ำมันเกียร์อยู่ในมือ ถ้าจะเดา ผมเดาว่าใช้ได้ ครับ ข้อสำคัญจะต้องดูค่า API GL-x ด้วยว่า เท่ากันหรือไม่ รถหลายยี่ห้อ เขาจะกำหนดสเปคน้ำมันเกียร์พิเศษกว่าปกติ รถ ISUZU ใช้น้ำมันเครื่อง แทนที่จะใช้น้ำมันเกียร์ รถเบนซ์เกียร์ MT บางรุ่นใช้น้ำมันเกียร์ออโต้ จากคุณ : ช่างกล - [ 21 มี.ค. 48 10:37:51 A:203.113.37.7 X:203.151.140.113 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าใช้น้ำมันเกียร์75W-90แทนเบอร์90(ตามคู่มือ) จะสามารถช่วยการประหยัดน้ำมันได้บ้างหรือไม่ครับ >>>>>>>>> เรื่องประหยัดน้ำมันไม่น่าจะมีผลมากนัก เบอร์ 75W-90 น่าจะมีผลทำให้การเข้าเกียร์ได้คล่องตัวกว่า ครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 21 มี.ค. 48 10:58:45 A:203.113.37.6 X:203.151.140.113 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 32 น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ยี่ห้อหนึ่งสามารถใช้ได้2หมื่นกิโล >>>>>>>>>> ผมชักจะติดลมเสียแล้ว ขออนุญาติต่ออีกหน่อย เห็นคุณ jazzz พูดเรื่อง lifetime ของน้ำมันเครื่องแล้ว ขออนุญาติเล่าให้ฟังว่า ทำไมอายุน้ำมันเครื่องจึงยืดออกไปได้ การยืดอายุการเปลี่ยนถ่ายน้ำมันให้ยาวขึ้นกว่าเดิม เป็นผลจากความร่วมมือ 3 ฝ่าย คือ -โรงกลั่นทำน้ำมัน base oils คุณภาพดีขึ้น -โรงงานผลิตเครื่องยนต์ ออกแบบเครื่องยนต์ให้มีอุปกรณ์ช่วย เช่น ในยุคแรกๆ มีการเพิ่มอุปกรณ์ positive crankcase ventilation เป็นต้น -น้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้ เรื่องราวเหล่านี้หาอ่านได้จากหนังสือ SAE ในห้องสมุด ??? ที่ผมเคยแนะนำ กระทรวง อะไรที่พญาไท ครับ ด้าน base oils มีการพัฒนากระบวนการ refinery จากเดิมใช้ solvent extraction แยก aromatic ออก กลายเป็น ISOSYN (ที่เราได้ยินโฆษณาของ Caltex ในเมืองไทย) ตปท.รู้จักในชื่อ ISODEWAX ing กระบวนการนี้ เป็นลิขสิทธิของ Chevron หลักสำคัญที่แตกต่างจากเดิม คือ เขาใช้กระบวนการ isomerization reshaped unsaturated CH (aromatics) เปลี่ยนโครงสร้างให้เป็น saturated ประเภท Napthenic เอามาใช้ประโยชน์แทนที่จะแยกทิ้งไปแบบโบราณ ตัวนี้มีข้อดีคือ pour point ต่ำ เป็นคุณสมบัติที่ต้องการของ ตัวเลขตัวแรก ที่ลงท้ายด้วย W (ดู def ของ multigrade ประกอบ) กระบวนการ ISOdewaxing จึงเป็นกระบวนการที่ประสบความสำเร็จสูงมาก น้ำมัน base oil group III ทั่วโลกส่วนมากจะมาจากกระบวนการนี้ base oils มี impurity และคุณภาพดีมาก จนได้รับการรับรองให้เทียบเท่า และใช้ชื่อเรียก Synthetic ได้ จากคุณ : ช่างกล - [ 21 มี.ค. 48 11:17:01 A:203.113.37.6 X:203.151.140.113 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สิ่งที่น้ำมัน group III ยังสู้ group IV ( PAO ) ไม่ได้ คือ คุณสมบัติด้าน low temperature cold cranking และ pumping จึงทำ multigrades ช่วงกว้างๆ ไม่ได้ เหตุที่เป็นอย่างนี้ เพราะ PAO มี VI สูงมาก การทำ multigrade ได้โดยไม่ต้องใช้"ปริมาณ" VII viscosity index improver ผสมมาก ตรงนี้มีความสำคัญกับการไหลผ่าน Filter เรียกว่า Flow reduction เขาทดสอบเป็น %max ตาม test method ของ API GM EOFT (Engine Oil Filterability Test) ในอดีต ประมาณปี 197x น้ำมันธรรมดาเคยทำ multigrad ช่วงกว้างมาแล้ว เช่น 10w - 50 น้ำมันนี้ก่อปัญหา การก่อตัว deposit ที่วาว และชิ้นส่วนอื่นก่อความเสียหายให้เครื่องยนต์ หนังสือ Auto Motor Sport และอื่นๆ เคยลงประกาศบริษัทรถยนต์เยอมันหลายยี่ห้อ เช่น Benz Audi VW ฯลฯ ประกาศห้ามใช้น้ำมัน multigrad ช่วงกว้าง ครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 21 มี.ค. 48 11:31:33 A:203.113.37.6 X:203.151.140.113 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 34 Group III หรือ PAO ?? In addition to Group II, Group III base oils also enjoyed a significant boost in visibility and popularity over the last few years. The primary driver for this was an announcement by the National Advertising Division (NAD) of the Council of Better Business Bureaus (CBBB) on April 5, 1999 that Castrol North America could continue to advertise one of its products as “synthetic” motor oil. This announcement was made in response to a challenge by Mobil that the Castrol product was not “synthetic” because it used Group III rather than PAO base oils. The NAD announcement meant that Group III base oils now had the right to wear the elite “synthetic” lubricant label. This was a particularly important milestone for Group III since it’s cost, and therefore, market price was significantly lower than PAO. Many majors quickly replaced PAO with Group III in their synthetic engine oils in an effort to enjoy these cost advantages, จากคุณ : ช่างกล - [ 21 มี.ค. 48 12:13:52 A:203.113.37.6 X:203.151.140.118 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 35 กลับมาอีกครั้ง มาตอบคำถามที่ยังไม่ได้ตอบ หรือข้อคิดเห็นอื่น เพราะส่วนใหญ่ คุณช่างกลได้ให้ข้อมูลไปหมดแล้ว - คุณช่างกล น้ำมันสังเคราะห์ PAO เมื่อทำเสร็จ เป็น parafin ใช่ไหม ? ใช่ครับ แม้ว่าสารตั้งต้นเป็น olefin แต่ product เป็น parafin และ ขอแก้ไขของคุณช่างกลครับ HTHS เป็นวิธีเดียว (ไม่ได้แยก) เป็นการวัด High shear rate Dynamic Vis at 150 C ครับ เพราะวิธีการวัดแตกต่างโดยสิ้นเชิง ASTM D445 กับ D4683 - คุณ ton99 Semi 10w-40 กับ Fully 5w-30 ถ้าเอาไปใช้งานที่อุณหภูมิสูง ตัวไหนจะดีกว่ากันครับ ผมขอตอบในแง่ของความหนืดและการหล่อลื่น แล้วกัน ครับ เพราะในแง่ thermal & oxidation stability คุณช่างกลตอบไปแล้ว แต่ต้องทราบก่อนว่า อุณหภูมิสูงแค่ไหน 100 หรือ มากกว่า 100 ถ้ามากกว่า 100 กรณีนี้ ต้องวัดค่า HTHS ของทั้ง 2 ตัวเทียบกัน ครับ เพราะว่า 2 ความหนืดนี้ base on HTHS เท่ากัน >2.9 cP. แม้ว่า ที่ 100 SAE 10W-40 Vis สูงกว่า แต่ถ้าอุณหหภูมิสูงกว่านั้น SAE 5W-30 Vis อาจแซงได้ เพราะ VI ของ synthetic สูงกว่า (และเป็น natural High VI ด้วย low vis loss) - คุณ Jazzzz อยากสอบถามเกี่ยวกับค่า TBN ของน้ำมันเครื่อง ว่าเป็นอย่างไร TBN หรือ ค่าความเป็นด่างรวม Total Base Number ก็ตามความหมาย เป็นการวัดความเป็นด่างของน้ำมันเครื่อง โดยที่น้ำมันเครื่องที่เป็นด่างนั้น เกิดจาก additve ที่ใส่เข้าไป ต้องทำหน้าที่ 2 อย่างคือ (โดยเฉพาะเครื่องดีเซลจำเป็น และมีค่าความเป็นด่างสูงกว่าเบนซิน) - เป็น detergent เพื่อชะล้างทำความสะอาดเครื่องยนต์ - เป็น alkalinity reserve (หรือ TBN Booster) เป็นการล้างกรดกำมะถันที่เกิดจากการสันดาป คนละหน้าที่ แต่อาจจะเป็นกลุ่ม additive เดียวกัน หรือไม่ก็ได้ - คุณหนุ่ม เมืองนนท์ ถามบ้าง..จะเปลี่ยนน้ำมันเกียย์ E-Car ปี95 Auto ต้องใช้เบอร์ใหนครับ..แล้วยี่ห้อใหนดี..( ฝากถาม ) เกียร์ auto มีเบอร์เดียว ไม่ต้องเลือก ยี่ห้อไม่ทราบครับ แต่ผมเคยทราบมาว่าเกียร์ของ mitsu ต้องใช้น้ำมันของมันเอง ประมาณ diamond อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ เกียร์ auto มัน sensitive ใช้ตามศูนย์ปลอดภัยกว่า จากคุณ : Mr.Moon - [ 21 มี.ค. 48 19:39:50 A:202.44.7.66 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมขอขอบคุณ คุณช่างกล และ Mr.Moon  ครับ จากคุณ : jazzzz - [ 22 มี.ค. 48 00:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เกียร์ auto มีเบอร์เดียว ไม่ต้องเลือก ยี่ห้อไม่ทราบครับ แต่ผมเคยทราบมาว่าเกียร์ของ mitsu ต้องใช้น้ำมันของมันเอง ประมาณ diamond อะไรสักอย่างเนี่ยแหละ เกียร์ auto มัน sensitive ใช้ตามศูนย์ปลอดภัยกว่า >>>>>>>>> E-car รุ่นไหน? ถ้าเป็นรุ่น 3 เกียร์ ไม่ใช่เกียร์ไฟฟ้า ใช้น้ำมันเกียร์ Dexron II รุ่น 4 เกียร์ Invec-II เป็นเกียร์ไฟฟ้า น้ำมันเกียร์ของเขาสเปคเหมือนไครเล่อร์ ต้องการค่าสื่อไฟฟ้า( conductivity) ด้วย ถ้าใช้น้ำมันผิดสเปค เนื้อน้ำมันไม่เป็นสื่อไฟฟ้า sensor การจับคลัชจะได้รับสัญญานผิดพลาด ทำให้เกิดจับ/ปล่อย ด้วยความถี่สูงผิดปกติ เป็นสาเหตุให้เกียร์พังครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 22 มี.ค. 48 09:57:51 A:203.113.36.10 X:203.151.140.117 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอแก้ไขของคุณช่างกลครับ HTHS เป็นวิธีเดียว (ไม่ได้แยก) เป็นการวัด High shear rate Dynamic Vis at 150 C ครับ เพราะวิธีการวัดแตกต่างโดยสิ้นเชิง ASTM D445 กับ >>>>>>>>> คุณ Mr. Moon กับผมก็ดูตำราเล่มเดียวกัน ทำไมดูไม่เหมือนกันกัน อิอิ -High Temp ทดสอบที่ 100 C ได้ค่า min max ออกมาหน่วยเป็น cST test method ASTM D445 -HTHS ทดสอบที่ 150 C ได้ค่า viscosity ออกมาหน่วยเป็น cP test method ASTM D4683 ทั้งสองตัว ใช้ test method คนละตัว ไม่เหมือนกัน จากคุณ : ช่างกล - [ 22 มี.ค. 48 10:04:58 A:203.113.36.10 X:203.151.140.117 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 39 โอ๊ะ โอ ขออภัยครับ ที่เข้าใจคุณช่างกลผิดไป จากคุณ : Mr.Moon - [ 22 มี.ค. 48 17:58:48 A:202.44.7.66 X: TicketID:002682 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ขอบคุณทั้งสองท่านเลยครับ จากคุณ : ton99 - [ 22 มี.ค. 48 23:25:37 ]