ความคิดเห็นที่ 1 ไม่น่าจะเสียถ้าเปลี่ยนตอนรถหยุดนิ่งแล้วแต่ถ้าวิ่งอยู่เร็วๆแล้วเปลี่ยนเกียร์อาจเสียได้ จากคุณ : k.โรจน์ - [ 25 เม.ย. 48 09:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วถ้าเปลี่ยน D>N เพื่อชลอรถอ่ะครับ จากคุณ : -OmegA- - [ 25 เม.ย. 48 09:54:15 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ดูตามลักษณะการใช้งานนะครับ เกียร์ออโต้ ไม่ได้ออกแบบไว้ ให้เอามาชะลอรถไม่ใช่เหรอครับ เค้าให้ใช้เบรคในการชะลอรถไม่ใช่เหรอ?? งง.....ทำไมคนไทยชอบใช้ของผิดประเภท แล้ว ก็มาบ่นว่าของเสีย และทำไมเสียเร็ว.....กรำ หงะ จากคุณ : JoeKraB - [ 25 เม.ย. 48 10:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แหะ แหะ ต้องเปลี่ยนนิสัยซะแล้วเรา จากคุณ : -OmegA- - [ 25 เม.ย. 48 10:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ได้ยินมาว่าเปลี่ยนเกียร์บ่อยๆเกียร์จะพังอ่ะครับ จริงรึป่าวครับ สงสัยจะได้ฟังมาจากคนรู้แบบ งู งู ปลา ปลา ถ้าไม่เหยียบคันเร่งขณะเปลี่ยนเกียร์ไม่พังครับ มีทรอตเติลมอดดูเลเตอร์คุมแรงดันในระบบ จากคุณ : CORONA ECT - [ 25 เม.ย. 48 11:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้ารถวิ่งอยู่แล้วเปลี่ยนจาก D เป็น N ล่ะเกียร์พังเร็วแน่ครับ แต่ถ้าจอดนิ่งๆผมว่าไม่น่าจะพังเร็วกว่านะครับ จากคุณ : mongolia - [ 25 เม.ย. 48 11:43:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ผมใช้เกียร์ออโต้ มาโดยเปลี่ยน D>N และ N>D บ่อยๆ ผมก็ยังไม่เห็นพังเลยนะ จากประสบการณ์จริง AE111 335000 กิโลเมตร ใช้ 8 ปีแล้วขายต่อ ผมว่าความจริง ถ้าเราไม่ได้ใช้มันโหดเกิดไป มันไม่เสียง่ายหรอกครับ ดูเรื่องน้ำมันหล่อลื่น อย่าให้ขาดดีกว่าครับ จากคุณ : Sorn มาคับ - [ 25 เม.ย. 48 12:10:50 ]

ความคิดเห็นที่ 8 D ไป N มันจะชะลอรถได้ไง? จากคุณ : อากง - [ 25 เม.ย. 48 12:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ใช้มา 10 ปี วิ่งในเมืองเป็นหลัก ใช้ไป 1.7 แสนกม. ไม่เห็นพังสักที รถมิตซู รุ่นผมขึ้นชื่อเรื่องเกียร์พังเสียด้วยสิ จะมีเพิ่งเปลี่ยนไปก็บู๊ชคันเกียร์ เพราะเกียร์หลวมโยกไปโยกมาได้ เสียไปรู้สึกจะ 200 กว่าบาทเองครับ..... จากคุณ : เด็กบูรพา - [ 25 เม.ย. 48 12:47:34 ]

ความคิดเห็นที่ 10 สงสัยจะได้ฟังมาจากคนรู้แบบ งู งู ปลา ปลา ถ้าไม่เหยียบคันเร่งขณะเปลี่ยนเกียร์ไม่พังครับ มีทรอตเติลมอดดูเลเตอร์คุมแรงดันในระบบ >>>>>>>>>>> ผมรังเกียจเจ้าโง่ CORONA นี่จริง ชอบหาว่าคนอื่น งูๆ ปลาๆ แล้วตัวมันเอง ไม่รู้ตัวว่า โง่ Throttle modulator เขาเอาไว้เป็น Load sensor ใช้ทำหน้าที่ควบคุมการเปลี่ยนขึ้นเกียร์สูงว่า เมื่อไรสมควรเปลี่ยนสูง ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการป้องกันการสึกหรอ แต่อย่างใดทั้งสิ้น จากคุณ : ช่างกล - [ 25 เม.ย. 48 13:21:13 A:203.113.36.11 X:203.151.140.117 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เมื่อ วานขับตาม มิซู ซีเดีย ตัวใหม่  ขับตามไป เอ๊ะ รถอะไร พอติดไฟแดง ไฟถอยกระพริบ พอ ออกตัวกระพริบอีก อันนี้แสดงว่า พี่แกเล่น เข้า P ทุกครั้งเวลาจอด  สุดยอดจริงๆ จากคุณ : ท่านอ๋อง - [ 25 เม.ย. 48 13:39:56 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 25 เม.ย. 48 13:46:09 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ที่ผมบอกใช้ชลอรถคือแบบ ถ้ารถติดข้างหน้าไกลๆผมก้อจะเอาเท้าออกจากคุนเร่งแล้วเข้าเกียร์ n ให้มันไหลไปเองอ่ะครับ เหมือนลดกำลังส่ง(คิดไปเองว่ามันช่วยลดกำลังส่ง) แล้วก้อค่อยๆเลียเบรคไปอ่ะครับ จากคุณ : -OmegA- - [ 25 เม.ย. 48 14:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ความคิดเห็นที่ 10 ผมรังเกียจเจ้าโง่ CORONA นี่จริง ชอบหาว่าคนอื่น งูๆ ปลาๆ แล้วตัวมันเอง ไม่รู้ตัวว่า โง่ ใครกันแน่ที่รู้งูๆ ปลาๆ Throttle modulatorใช้ควบคุม ไพรแมรีเรคกูเลเตอร์ Load sensorใช้ แรงเคลื่อนไฟฟ้าจากทรอตเติลวาวล์ หรือเครื่องรุ่นเก่าใช้แรงดันจากทรอตเติลวาวล์ สำหรับสั่งเปลี่ยนเกียร์(และสั่งThrottle modulatorด้วย) น่าจะซื้อหนังสือ เกียร์ออโต สำหรับ ปวช มาประดับความรู้ น้อยของท่าน สงสัยจะเป็นช่างกล สมชื่อ จากคุณ : CORONA ECT - [ 25 เม.ย. 48 15:07:54 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 13 ที่ผมบอกใช้ชลอรถคือแบบ ถ้ารถติดข้างหน้าไกลๆผมก้อจะเอาเท้าออกจากคุนเร่งแล้วเข้าเกียร์ n ให้มันไหลไปเองอ่ะครับ เหมือนลดกำลังส่ง(คิดไปเองว่ามันช่วยลดกำลังส่ง) แล้วก้อค่อยๆเลียเบรคไปอ่ะครับ จากคุณ : -OmegA- - [ 25 เม.ย. 48 14:51:46 ] ถ้าต้องการลดความเร็ว คาไว้ที่ D ยังจะช่วยลดความเร็วได้ดีกว่าเปลี่ยนไป N เลยครับ เวลาถอนคันเร่ง เครื่องยนต์จะหน่วงการหมุนของล้อไปด้วยในตัว ถ้าไป disengage เกียร์ซะแรงต้านส่วนหนึ่งแม้เพียงเล็กน้อยก็หายไปด้วยครับ จากคุณ : ภูมิ - [ 25 เม.ย. 48 15:58:49 A:161.200.89.52 X: TicketID:035419 ]

ความคิดเห็นที่ 16 แล้ว เกียร์อัจฉริยะของโอเปิลล่ะ ที่จะเข้าเกียร์ว่างโดยอัตโนมัติ เมื่อรถหยุดนิ่งเกินกว่า3วินาทีขึ้นไป แล้ว ถ้าเปลี่ยนเกียร์DไปNบ่อยๆ แล้วเกียร์พังเร็ว ในเวปพันทิพ คงมีกระทู้ซาฟิร่า เกียร์พัง เต็มเวป แต่ ก็ ไม่เห็นกระทู้ดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้น จากสมมุติฐานนี้ ทำให้ ผม ไม่เชื่อว่า เปลี่ยนเกียร์จากDไปNบ่อยๆ ทำให้เกียร์พังเร็ว จากคุณ : เรารักบัตรผ่าน - [ 25 เม.ย. 48 17:41:00 A:203.130.133.210 X: TicketID:006959 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เชื่อผมเหอะ เรื่องนี้มันก็ยังไม่มีข้อพิสูจน์ที่แน่ชัด เอาเป็นว่า ใช้งานไปตามปกติ อย่าเลี่ยนเกียร์ขณะรถเคลื่อนบ่อยๆ ถ้าไม่จำเป็น ยกเว้นการขับรถลงเขา ที่ต้องมีการดึงจาก D เป็น 3 2 เพื่อช่วยในการชะลอรถ หน่วงระบบไม่ให้ต้องใช้งานเบรคหนักจนอันตราย ดูแลน้ำมันหล่อลื่น เปลี่ยนถ่ายสม่ำเสมอ ใช้เบอร์ให้ถูกต้อง เปลี่ยนชุดกรองน้ำมันเกียร์ตามระยะ เกียร์ออโตเกือบทุกลูก มี Filter Unit นะครับ อย่ามันแต่ถ่ายน้ำมันอย่างเดียว ดูแลกรองให้ด้วย แล้วสุดท้าย มันจะอยู่กับท่านๆ ได้นานเท่าที่มันอยู่ได้ ซึ่งไม่มีใครบอกได้ว่านานแค่ไหน ขึ้นกับ สภาพถนน คนขับ สภาพอากาศ ความร้อน ความชื้น การใช้งาน มันเอามาคำนวณไม่ได้หรอกครับ ทำให้ดีที่สุด แล้วก็เรื่อง Throttle ไม่ต้องตีกันนะ มันเป็นแค่ Sensor ตัวนึง อย่าให้มันมาสร้างความร้าวฉานเลย มันก็มีหน้าที่แค่เก็บค่า แล้วส่งไปกล่อง ส่วนกล่องยี่ห้อไหนเอาไปทำอะไรมั่ง มันก็แล้วแต่รถหน๋ออออ รถผมมันยังเอาไปทำงานมากกว่าเกียร์เลย เอาไปสัมพันธ์กับ ISC ในการควบคุมการจ่ายน้ำมันทั้งในรอบเดินเบาและไม่เบาเลยแหละ จากคุณ : BigA - [ 25 เม.ย. 48 17:57:08 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เปลี่ยนเกียร์จากDไปNบ่อยๆ ทำให้เกียร์พังเร็วบางส่วน ส่วนที่พังเร็วได้แก่ คันเกียร์ สายเคเบิล สวิทช์บอกตำแหน่งเกียร์ ส่วนชิ้นส่วนภายในสึกหรอน้อยมากเมื่อเทียบกับจังหวะมันเปลี่ยนเกียร์โดยอัตโนมัติ Throttle valveสร้างแรงดันสัมพันธ์Throttle  pressure (ในเกียร์รุ่นเก่า) Throttle  pressure แทนแรงบิดและภาระ ของเครื่อง Throttle  pressure ส่งแรงดันไปควบคุมThrottle modulator (ช่วงแรกกราฟจะ ชันกว่า) และไปควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วย Throttle modulator สร้างแรงดันสำหรับควบคุมไพรแมรีเรคกูเลเตอร์ สำหรับควบคุมแรงดันในระบบต่อไป เชื่อหรือไม่  คนที่รู้งูๆ ปลาๆ แต่ขยัน ฮิตเลอร์ยังกลัวเลย จากคุณ : CORONA ECT - [ 25 เม.ย. 48 19:42:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่ถึงกับพังหรอก แต่การสึกหรอจะเพิ่มขึ้น ซึ่งถือเป็นการสึกหรอตามการใช้งาน จากคุณ : Aop - [ 25 เม.ย. 48 21:27:57 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าก้อม่ายเหนเปนรายนี่นา  ถ้าจาชลอก้อถอนคันเร่ง  พอติดไฟแดงก้อเปี่ยนเปน N แร้วดึงเบรคมือ ก้อชั้ยปกติ  แร้วถ้าติดไฟแดงม่ายเข้า N เค้าจามี N วั้ยเพื่อ . . . ? จากคุณ : Cruise Control - [ 25 เม.ย. 48 21:58:24 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ใช้มา 16xxxx กว่าและ ยังปกติดี จากคุณ : aabb - [ 26 เม.ย. 48 00:28:35 A:61.90.68.89 X: TicketID:042216 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เจ้านี่โพสข้อความทำนองหลายกระทู้ โดยกล่าวหาคนอื่น ดูถูกผู้อื่นรู้งูๆปลาๆ ทั้งที่มันไม่มีความรู้ ผมไม่อยากจะสร้างความร้าวฉานหรอกคุณ BigA อีกทั้งไม่ได้เถียงเพี่อตัวเอง ผมเถียงแทนคนอื่นที่ถูกกล่าวหา เห็นไอ้โง่นี้โพสแล้ว ยิ่งแสดงความโง่ของมันให้ปรากฏชัดเจน ผมไม่ต้องอ้างหนังสือ เอาข้อความของมันเองมาอ้าง ดังนี้ .. Throttle valveสร้างแรงดันสัมพันธ์Throttle pressure (ในเกียร์รุ่นเก่า) Throttle pressure แทนแรงบิดและภาระ ของเครื่อง >>>>>>>>> อ่านแล้ว เข้าใจว่าอย่างไร ? ตกลง Throttle pressure แทนแรงบิดและภาระ นี่คืออะไร ? มันเป็นอย่างที่ผมบอกว่าเป็น load sensor ใช่ไหม ?? ----------------- Throttle pressure ส่งแรงดันไปควบคุมThrottle modulator (ช่วงแรกกราฟจะ ชันกว่า) และไปควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ด้วย >>>>>>>>>>>>>> แล้วมันก็ไปควบคุม Shift point การเปลี่ยนเกียร์ ... ตามที่ผมบอกหรือเปล่า ? ---------- Throttle modulator สร้างแรงดันสำหรับควบคุมไพรแมรีเรคกูเลเตอร์ สำหรับควบคุมแรงดันในระบบต่อไป >>>>>>>>>>>>>> ไม่ใช่ควบคุมแรงดันระบบ ควบคุมแรงดันที่ shift valve ทำหน้าที่เปลี่ยนช่องทางเดินไฮโดรลิก เพื่อจะสั่งให้เปลี่ยนเกียร์ อย่างที่ผมบอกใช่ไหม ? ทั้งหมดที่ CORONA ECT บรรยายมา ไม่เกี่ยวกับการป้องกันการสึกหรอ ตอนเข้า N > D แต่อย่างใดทั้งสิ้น จากคุณ : ช่างกล - [ 26 เม.ย. 48 04:42:18 A:203.113.36.6 X:203.151.140.114 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เกียร์ออโต ใช้ friction plate เป็น multi-disc เป็นตัวกำหนดให้เป็นเกียร์อะไร เช่น 1 2 3 4 friction plate มีชื่อเรียก 2 อย่าง ตามหน้าที่ของมันที่แตกต่างกัน คือ 1) แผ่น Clutch ==> เมื่อจับจะหมุนไปด้วยกัน 2) Brake มีทั้ง disc และ brake band ==>เมื่อจับจะหยุด เมื่อเราเข้า D shift valve จะเปลี่ยนช่องทางให้น้ำมันไฮโดรลิคไหลไปกดแผ่นคลัช"ที่ต้องการ" ให้ engage คือ จับแน่น เช่น คลัช 1 คลัช 3 และ/หรือ เบรก ลองนึกภาพ เมื่อเราขับเกียร์ธรรมดา เราค่อยๆปล่อยคลัช "จังหวะ" ที่แผ่นคลัช "กำลังจะ" จับแน่น แผ่นคลัชทั้งสองจะต้องถูกันเอง เกิดการเสียดสี.... ซึ่งความสึกหรอตรงนี้ เป็นสิ่งที่"ห้าม" ไม่ได้ (ตามที่คุณ Aop พูดถูกต้องแล้ว ) ดังนั้น คำถามกระทู้นี้ ที่ว่า เข้า N>D บ่อยๆ เกียร์จะพังไหม ? จะตอบว่า ไม่พัง ก็ได้ แต่จะต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนด้วยว่า การเข้า N>D ทุกครั้ง แผ่นคลัชจะเกิดการสึกหรอ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนยางรถยนต์ ลงดิน ก็เริ่มสึก จะมีใครมาบอกว่า ไม่สึกไม่ได้ บอกว่า สึกหรอ ก็ต้องบอกด้วยว่ารู้ได้ยังไง ? เขามีวิธีวัดการสึกหรอได้ โดยทำ oil analysis โดยใช้วิธี particle count คือ นับจำนวนชิ้นส่วน(เล็กๆ) ของ non metal หรือเศษสิ่งที่สึกหรอจาก friction plate ครับ ส่วนข้ออ้างที่ว่า "ขับมานาน 10 ปี 20 ปี เกียร์ยังดีอยู่เลย" ข้ออ้างนี้ ไม่ได้รับรองว่ามัน "ไม่สึกหรอ" ข้ออ้างอย่างนี้เหมือนคนขับรถที่เติมลมยางผิดๆ อ่อนไปหรือ แข็งไป เขาก็โม้ว่า "ผมเติมลมยางผิดๆ ผมยังขับได้ หลายปี ไม่เห็นมันพังเลย" เพราะเขานั่งขับบนรถ ไม่เคยก้มดูดอกยางนี่ครับ เราควรจะบอกว่า การเข้า N>D บ่อยๆ เกิดการสึกหรอ"เพิ่มมากขึ้น" ตามจำนวนครั้งที่ทำ... เพราะ ทุกครั้งก่อนที่คลัชจะ"จับแน่น" จะต้องมีการสึกหรอเกิดขึ้นเสมอ แต่ ถ้าแผ่นคลัชจับแน่นแล้ว การเสียดสีไม่มี==>ก็ไม่สึกหรอเลย เมื่อหลีกเลี่ยงได้ ทำไมเราไม่หลีกเลี่ยงครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 26 เม.ย. 48 05:12:58 A:203.113.36.6 X:203.151.140.114 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ทั้งหมดที่ผมพูดนี้ ผมไม่ได้อ้างตำรามาชี้นำให้น่าเชื่อถือ ผมเอาข้อเท็จจริงที่เข้าใจง่าย มีเหตุผลมาพูดกัน ผู้อ่านก็เข้าใจได้ด้วยตัวเอง รู้ที่มาที่ไปและสรุปได้ว่า ควรจะเลือกทำอะไรที่ดีกว่า จากคุณ : ช่างกล - [ 26 เม.ย. 48 05:26:58 A:203.113.36.6 X:203.151.140.114 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เอ่อ ใจเย็นๆครับ - -' จากคุณ : -OmegA- - [ 26 เม.ย. 48 08:28:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 สึกหรอมากขึ้น แต่ยังไม่พังทันตาเห็น ไปลำบากพวกซื้อต่อจากเรา จากคุณ : arku - [ 26 เม.ย. 48 09:55:28 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มาอีกแล้ว คนรู้ งูงูปลา ปลา แต่หาว่าคนอื่นโง่ คราวแรก เจอคำว่า stop light (ไฟเบรค) แปลว่าไฟแดง ต่อมา ด่าคนล้างเกียร์ว่าใช้ flushing oil แนะนำให้ซื้อหนังสือมาอ่าน และซื้อปากากสี ไว้เน้นทางเดินของน้ำมันด้วย จะได้เข้าใจขึ้น ดูดีๆจังหวะปล่อยคันเร่งจะลดแรงดันในทอร์คและแรงกดfriction plateด้วย จากคุณ : CORONA ECT - [ 26 เม.ย. 48 09:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าไม่มีหนังสือ บรรบยายในนี้ เข้าใจยาก เหมือนสีซอให้กระบือฟัง หนังสือของโตโยต้าก็มีขาย ที่ถนนสุวินทวงศ์ ดูข้อความนี้แสดงว่าเข้าใจผิดแล้ว Throttle modulator สร้างแรงดันสำหรับควบคุมไพรแมรีเรคกูเลเตอร์ สำหรับควบคุมแรงดันในระบบต่อไป >>>>>>>>>>>>>> ไม่ใช่ควบคุมแรงดันระบบ ควบคุมแรงดันที่ shift valve ทำหน้าที่เปลี่ยนช่องทางเดินไฮโดรลิก เพื่อจะสั่งให้เปลี่ยนเกียร์ อย่างที่ผมบอกใช่ไหม ? จากคุณ : CORONA ECT - [ 26 เม.ย. 48 10:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถ้าไม่มีหนังสือ บรรบยายในนี้ เข้าใจยาก เหมือนสีซอให้กระบือฟัง ------------------------------------------ โอ้ เหมือนด่าชาวรัชดาที่ฟังเรื่องที่คุณอธิบายไม่เข้าใจ เป็นกระบือ  เศร้าใจจริงครับพี่น้อง จากคุณ : Sorn มาคับ - [ 26 เม.ย. 48 12:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ใครเป็นกระบือครับ ? จะให้ภาพลักษณผมไปเหมือนพ่อแม่คุณใช่ไหมครับ ? เพื่อนๆครับ ขอสักวันเถอะนะ อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย กวน Teen เหลือเกิน ขอเล่นอย่างนี้เลย "ประเด็นอยู่ที่ว่า modulator pressure เขาเอาไปใช้ในการเปลี่ยนแปลง shift point ไม่ใช่เอาไว้ป้องกันการสึกหรอ แต่อย่างใดทั้งสิ้น" มันเล่นพูดวกวน ยกไอ้โน่นไอ้นี่มาพูดให้สับสน มอมเมาให้คนอื่นเข้าใจผิด ผมท้าให้ใครก็ได้ ไปหาหนังสือเล่มที่มันอ้างถึง เอามาเปิดดู ผมรับรองผู้เขียนจะต้องบอกว่า throttle modulator คือ Load sensor อย่างที่ผมบอก ช่วยดูซิครับว่า ผู้เขียนเขาบอกอย่างผม ใช่ไหม ? จากคุณ : ช่างกล - [ 26 เม.ย. 48 12:07:07 A:203.113.36.11 X:203.151.140.114 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอ่อ ใจเย็นๆครับ อย่าทะเลาะกัน  - -'' จากคุณ : -OmegA- - [ 26 เม.ย. 48 12:18:10 ]

ความคิดเห็นที่ 32 throttle modulator คือ Load sensor อย่างที่ผมบอก มั่วอีกแล้วครับท่าน แนะนำให้ซื้อหนังสือมาอ่าน และซื้อปากากสี ไว้เน้นทางเดินของน้ำมันด้วย จะได้เข้าใจขึ้น จากคุณ : CORONA ECT - [ 26 เม.ย. 48 13:25:15 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นกระทู้เรื่องนี้ออกมาที่ไร มันทุกที่เลย  แต่มุมมองผมนะครับ เกียร Auto มันมีครัชแยกตามแต่ละเกียร ตอนเราขับรถมันก็มีการเปลี่ยนเกียร จาก 1-2-3-4 จำนวนครั้งนับไม่ถ้วนมากกว่า D->N เสียนอีก  ฉะนั้นบาทท่านที่เปลี่ยน จาก D->N ใช้มาเป็น 10ปีจึงไม่พัง และการสึกหล่อก็ไม่มากเพราะ D->N เปลี่ยนที่รถหยุด จากคุณ : dir/w - [ 26 เม.ย. 48 13:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 34 จากปีกผีเสื้อมีสายเส้นหนึ่งคือ Throttle cable ไปดึงThrottle valve Throttle valve จะสร้างแรงดันThrottle  pressure   ถ้าเป็นเกียรรุ่นเก่า(hydraulic control)Throttle pressure จะไปควบคุมshift pointและไปควบคุม throttle modulator,regulator, line pressure ด้วย line pressure มีผลต่อคุณภาพ ความนุ่มนวลขณะเปลี่ยนเกียร์ ถ้าเป็นเกียรรุ่นelctonicl control  Throttle pressure  ไปควบคุม throttle modulator,regulator, line pressure ด้วย เกียร์รุ่นใหม่บางรุ่น(คู่แข่งโตโยต้า) ไม่มี Throttle cable แต่มีสายไฟไปคุมline pressureให้เหมาะสมกับคันเร่ง จังหวะเปลี่ยนเกียร์ ฯลฯ จากคุณ : CORONA ECT - [ 26 เม.ย. 48 13:54:33 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ใช่แล้วครับ ตอนเราขับรถมันก็มีการเปลี่ยนเกียร จาก 1-2-3-4 จำนวนครั้งนับไม่ถ้วนมากกว่า D->N เสียอีก และรุนแรงกว่าตอน D->N (ไม่เหยียบคันเร่งอีก) แม้บางรุ่นจะมีการลดองศาไฟเพื่อลดแรงบิดจากเครื่องยนต์  หรือลด line pressur อยากรู้เหมือนกัน ความเชื่อแบบ งูงู ปลา ปลา นี้มาจากรถยีห้ออะไร รถบางยี่ห้อเช่นรถประจำทางจะมีฟังชั่น Neutral at Bus Stop โดยไม่ต้องโยกคันเกียร์ จากคุณ : CORONA ECT - [ 26 เม.ย. 48 14:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 36 รูป Gear Auto ใส้ใน ของ Mitsu แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 48 17:30:15 จากคุณ : dir/w - [ 26 เม.ย. 48 17:28:42 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Throttle valveและThrottle pressure เขาเรียกว่าเซนเซอร์บอกตำแหน่งคันเร่ง ไม่น่าเรียกLoad sensor Load sensor ในวงการยกของหนักเช่นเครน รถยกจะใช้ strain gage ต่อวงจรในรูปบริดจ์ เคยเรียนมาเปิดสอนรุ่นแรกในคณะวิศว จุฬาฯ เจอของจริงงานแรกคือโอเวอร์เฮดเครน Load sensor ในรถยนต์คือระยะยุบตัว เช่น ,เซนเซอร์ระบบควบคุมความสูงของรถ วาวล์LSPVคุมเบรคล้อหลัง , หรือเซนเซอร์จับว่ามีคนนั่งที่เบาะ ขอขอบคุณ ความคิดเห็นที่ 36 จากคุณ : CORONA ECT - [ 26 เม.ย. 48 21:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ดีมาก เถียงกันแบบนี้ผมชอบ ความรู้เยอะดี (ไอ้ตรงที่อธิบายประกอบเรื่องอื่นน่ะ) แต่สุดท้ายไอ้ตรงที่เถียงกันเรื่อง Throttle modulator เป็น Load sensor รึไม่น่ะ อยากรู้เหมือนกัน ยังไงถ้าจะให้ดี scan หนังสือ หน้าที่อ้างอิงได้มาก็ดีครับ ตกลงคุณ CORONA ECT เป็น อจ. ที่นั่นเหรอครับ จากคุณ : RT - [ 27 เม.ย. 48 00:18:16 A:203.155.190.6 X: TicketID:039076 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คุณช่างกล เหนื่อหน่อยนะครับ เจอพวกเล่นบาลี เลี่ยงบาลี แบบนี้ ผมก็พึ่งเจอไปคน ดูจากการพูดแล้วคุณ CORONA ECT คงไม่ใช่อาจารย์หรอกครับ จากคุณ : ton99 - [ 27 เม.ย. 48 01:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ยืนยัน Throttle modulatorใช้ควบคุมline pressureให้เหมาะสมกับคันเร่ง load ของเครื่องยนต์ไม่มีเซนเซอร์หรือไดนาโมมิเตอร์วัด แต่ ECUสามารถประมาณมาจากตำแหน่งคันเร่ง และรอบเครื่อง ฯลฯ ได้ จากคุณ : CORONA ECT - [ 27 เม.ย. 48 09:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 41 โถๆ ยิ่งยืนยันมากเท่าไร ยิ่งแสดงความไม่รู้มากเท่านั้น อ่านหนังสือยังไง ถึงไม่รู้จัก load sensor ผมด่ามันแล้ว ผมอับอายตัวเองจน...ไม่อยากเข้ามาดู จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 13:22:55 A:202.57.178.53 X: TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 42 Load sensor ในวงการยกของหนักเช่นเครน รถยกจะใช้ strain gage ต่อวงจรในรูปบริดจ์ เคยเรียนมาเปิดสอนรุ่นแรกในคณะวิศว จุฬาฯ เจอของจริงงานแรกคือโอเวอร์เฮดเครน Load sensor ในรถยนต์คือระยะยุบตัว เช่น ,เซนเซอร์ระบบควบคุมความสูงของรถ วาวล์LSPVคุมเบรคล้อหลัง , หรือเซนเซอร์จับว่ามีคนนั่งที่เบาะ >>>>>>>>>> บอกคำเดียวว่า .... ฮา อย่าเที่ยวไปพูดอวดใครนะ เขาจะ.... ฮา ลูกเดียว เรากำลังพูดถึงเกียร์ออโต้ จะพาไปไหน ????? //gage ต่อวงจรในรูปบริดจ์ เคยเรียนมาเปิดสอนรุ่นแรกในคณะวิศว จุฬาฯ เจอของจริงงานแรกคือโอเวอร์เฮดเครน // >>>>>> ไปเรื่อง วงจง วงจรในรูปบริดจ์ เจอของจริงโอเวอร์เฮดเครน แมวที่ไหนเจอครับ ????? ผมเตือนไว้ก่อน เที่ยวอ้างซี้ซั้ว เดี๋ยวจุฬาเขาเสียชื่อ เขาจะฟ้องเอาไม่รู้ด้วย จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 13:29:23 A:202.57.178.53 X: TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ถ้าไม่รู้ อยู่เฉยๆ เงียบเสียดีกว่า ผมไม่หาว่าเป็นใบ้หรอกครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 13:31:24 A:202.57.178.53 X: TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เดี๋ยวจะสแกนหนังสือมาให้อ่าน .... ของจริง ครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 13:33:30 A:202.57.178.53 X: TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 45 http://www.autoshop101.com/forms/h17.pdf จากคุณ : CORONA ECT - [ 28 เม.ย. 48 15:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 46 Load sensor  ในรถมีอีกแห่ง คือตัววัดกระแสไฟฟ้าที่บอกว่ามีการใช้ไฟเพิ่ม เพื่อปรับ รอบเดินเบา ฮา จากคุณ : CORONA ECT - [ 28 เม.ย. 48 15:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เข้ามาอ่านก็นานแล้ว เพิ่งเคยเห็นพี่ช่างกลโมโหก็คราวนี้แหละนะ ผมชอบพี่แกมานานแล้วนะขยันเขียนดีมากเลย ให้ความรู้ดี แต่สำหรับคุณ corona เนี่ยผมขี้เกียจตามลิ้งแกแฮะ ขยันหาความรู้จากเน็ตมากๆเลยนับถือๆ จากคุณ : bomz - [ 28 เม.ย. 48 16:59:57 ]

ความคิดเห็นที่ 48 กรุณาอ่านหน้า 154  167  594 Throttle valveและThrottle pressure สัญญานแทนโหลดเครื่องยนต์ เป็น Load demand (สัญญานแทนตีนคนขับ)มิใช่Load sensor จากคุณ : CORONA ECT - [ 28 เม.ย. 48 17:55:25 ]

ความคิดเห็นที่ 49 Throttle valveและThrottle pressure สัญญานแทนโหลดเครื่องยนต์ เป็น Load demand (สัญญานแทนตีนคนขับ)มิใช่Load sensor >>>>>>>>>>> เอ้า เอาเข้าไป ยิ่งดิ้น ยิ่งพันคอตัวเองนะจะบอกให้ demong demand อะไรกัน ครับ ??? เล่นเปิดดิ๊กทีละคำอย่างนี้ จะไหวหรือ ยิ่งดูๆ ไม่ใช่งูๆปลาๆ เสียแล้ว จำไว้ให้ดี จะบอกให้ สัญญานแทนโหลด นี่แหละ load sensor ไม่ใช่ demand จะไป demand ทำบ้าอะไร จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 19:40:27 A:203.113.37.6 X:203.151.140.112 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขออภัยคุณ bomz นะครับ ผมหยาบคายไปหน่อย ไม่เคยเป็นอย่างนี้ ผมขอสักวันเถอะ เล่นด่าคนอื่นงูๆ ปลาๆ ต้องเคลียร์กันหน่อย วันนี้เนตไม่ดี เดี่ยวจะกลับมาอธิบายวงจรนี้ให้ฟัง จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 19:44:11 A:203.113.37.6 X:203.151.140.112 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เกียร์ ZF ที่ว่าปลด N เมื่อหยุดนานๆ ผมติดต่อโรงงาน ได้รับคำตอบยืนยัน .... จะค้นมาให้ดู มันไม่ใช่ N อย่างที่เข้าใจกัน .... รู้อะไร ถ้ารู้จริงผมไม่กลัว ที่ไม่รู้ แล้วขยันนี่ซิ น่ากลัว ตอนหลังโรงงานเขาเปลี่ยนชื่อระบบนี้เป็น NIC nuetral idle control เกียร์ยังเป็น D อยู่เหมือนเดิม ไม่ได้ปลดเป็น N จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 19:48:25 A:203.113.37.6 X:203.151.140.112 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ไอ้เรื่อง stop light ผมเขียนผิดตรงไหน ภาษาอังกฤษต้องดูทั้งประโยค จึงจะได้ความหมาย ไม่ใช่เปิดดิ๊กทีละคำ สงสัยไปเปิดดิ๊กมาไม่ตรงกับผมอีกแล้ว ....ฮา จากคุณ : ช่างกล - [ 28 เม.ย. 48 19:51:13 A:203.113.37.6 X:203.151.140.115 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อธิบายวงจรนี้ให้ฟัง กรุณาอ่านให้ละเอียด แล้วจะรู้ว่า่ของจริงคืออะไร สัญญานจาเท้าคนขับ จะบอกลักษณะนิสัยของคนขับ ไม่ว่าควบคุมโดยไฮดรอลิค หรืออิเลคโทรนิค เกียร์จะเปลี่ยนตามจังหวะเท้า แต่ขอโทษ เท้านอกจากให้สมองกลของเกียร์เรียนรู้นิสัยคนขับแล้ว ยังใช้ประโยชน์อย่างอื่นด้วย โดยเฉพาะคนที่รู้ภาษาอังกฤาแบบงูงู ปลา ปลา จากคุณ : CORONA ECT - [ 28 เม.ย. 48 21:16:57 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ระบบควบคุมเกียร์อัตโนมัติ ที่ใช้ Engine load sensor ก็มีคนจดสิทธิบัตร ไว้ จากคุณ : CORONA ECT - [ 29 เม.ย. 48 19:53:47 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ระบบควบคุมเกียร์อัตโนมัติ ที่ใช้ Engine load sensor ก็มีคนจดสิทธิบัตร ไว้ จากคุณ : CORONA ECT - [ 29 เม.ย. 48 19:53:47 >>>>>>>>>>> ยิ่งดิ้น ยิ่งแสดง ความไม่รู้ ออกมาฟ้องตัวเอง มีหนังสือดี ต้องอ่านให้แตกฉาน จึงจะเข้าใจ จากคุณ : ช่างกล - [ วันแรงงาน 06:22:30 A:203.113.37.11 X:203.151.140.116 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เข้ามาดู load sensor จากคุณ : ton99 - [ วันแรงงาน 21:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 57 (เนตไม่ค่อยดี ถ้าหลุดไปจะมาต่อทีหลัง) load sensor นี่จะต้องพูดยาวหน่อย load sensorเป็นของจำเป็นที่เกียร์ออโต้จะขาดไม่ได้ !!! การเปลี่ยนเกียร์ ขึ้นอยุ่เซนเซอร์ 2 ตัวหลัก คือ 1) ความเร็ว และ 2) โหลด -ความเร็ว ใช้สัญญานจาก governor pressure เป็น speed sensor -load ก็ใช้สัญญานจาก modulator pressure เป็น load sensor คือ ตัวบอกว่า "เครื่องยนต์ออกแรง มากหรือน้อย" (อ่านต่อ) ... ประวัติความเป็นมาของ modulator และชนิดของ modulator จากคุณ : ช่างกล - [ 3 พ.ค. 48 06:04:42 A:203.113.37.11 X:203.151.140.112 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 58 (2) ประวัติความเป็นมาของ modulator และชนิดของ modulator --เดิมทีประมาณปี 7x say 80 ก็แล้วกัน ยุคนั้นเกียร์ออโต้เป็นแบบ full hydraulic control คือควบคุมด้วยไฮโดรลิก --ยุคต่อมาจึงเป็น electronic control modulator เกียร์ full hydraulic control มี 2 ชนิด 1) vacuum modulator รถที่ใช้แบบนี้คือ Benz /8 , Nissan เครื่อง L Volvo ดีเซลก็ใช้แบบนี้ 2) mechanical modulator ใช้สาย ภาษาตลาดเรียก สายคิ๊กดาว เช่น Honda / Allison รถอมก. ใช้แบบนี้ ข้อเสียของ การควบคุมด้วย vacuum (vacuum modulator) vacuum ได้จากท่อไอดี การเปลี่ยนแปลงแรงดันในท่อนี้ "ไวมาก" แค่ขยับคันเร่งนิดเดียว แรงดันก็เปลี่ยน"วูบวาบ" จุดนี้คือปัญหาสำคัญของ vacuum modulator เพราะการสั่งเปลี่ยนเกียร์ไม่จำเป็นต้องไวขนาดนั้น ผมคุยกับผู้เชี่ยวชาญของ Allison ซึ่งเป็นเกียร์ชั้นนำของอมก. เขาบอกว่าที่ Allison ใช้ mechanical modulator ก็เพราะปัญหานี้ มาถึงยุคปัจจุบัน เป็นยุคของ Electronic Control Transmission คือ ควบคุมด้วยไฟฟ้า modulator ก็เปลี่ยนไปใช้สัญญานจาก "ตำแหน่งลิ้นผีเสื้อ" Throttle Position Sensor คือ ตำแหน่งลิ้นคันเร่ง พูดง่ายๆก็คือ เราใช้ Throttle Position Sensor เป็น Load Sensor คือ ตัวบอกว่า เครื่องยนต์มีโหลดมากหรือน้อย บอกได้ยังไง ? บอกได้จาก Load/ rpm -Map เช่นเดียวกับ ECU ของหัวฉีด โดยการเปรียบเทียบว่า เหยียบคันเร่งลึกแค่นี้ vs rpm ถ้า rpm สูง ===> แสดงว่า เครื่องเบาแรง ==> Load น้อย ถ้า rpm ต่ำ ===> แสดงว่า เครื่องออกแรงมาก ==> มี Load มาก นี่คือ ข้อแตกต่างของ load sensor เปรียบเทียบระหว่างเกียร์ไฟฟ้า กับไฮโดรลิค electronic controll vs full hydraulic control ต่อ ...(3) ข้อแตกต่างที่สำคัญของ Electronic Control Transmission VS Full hydraulic control จากคุณ : ช่างกล - [ 3 พ.ค. 48 06:39:34 A:203.113.37.11 X:203.151.140.114 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 59 Throttle Position Sensor This sensor is mounted on the throttle body and electronically senses how far the throttle is open and then sends this data to the ECU. The throttle position sensor takes the place of throttle pressure in a fully hydraulic control transmission. By relaying the throttle position, it gives the ECU ***an indication of engine load*** to control the **shifting** and lock-up timing of the transmission. จากคุณ : ช่างกล - [ 3 พ.ค. 48 11:25:31 A:203.113.37.13 X:203.151.140.112 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คห.ที่ 23 ของคุณช่างกลตอบให้เห็นภาพได้ดีมาก แล้วคุณช่างกลจะอธิบาย คห.ที่ 33 ว่าอย่างไร อยากทราบจริง ๆ เป็นความรู้ จากคุณ : samsmao - [ 3 พ.ค. 48 14:31:04 A:203.149.12.234 X: TicketID:096583 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ตอนเราขับรถมันก็มีการเปลี่ยนเกียร จาก 1-2-3-4 จำนวนครั้งนับไม่ถ้วนมากกว่า D->N เสียนอีก >>>>>>>>>>> ประเด็นของคห. 33 เป็นอย่างนี้ ใช่ไหม "ในการขับขี่ประจำวัน เกียร์มีการเปลี่ยนไปมาบ่อยครั้งกว่า D<->N ก็น่าจะสึกหรอมากกว่าการเข้า D<--> N " เพื่อให้เห็นภาพ ขอย้อนไปดู Def ของคำว่า Clutch ในคห.ที่ 23 ของผม ดังนี้ Clutch เมื่อจับแน่น==> มันจะหมุนไปด้วยกัน นั่นคือ แผ่น *ขับ* กับแผ่น *ถูกขับ* เมื่อจับแน่น มันจะหมุนไปพร้อมกัน .....ตรงนี้สำคัญ ลองนึกถึงคลัช (เกียร์ธรรมดา) เมื่อวิ่งไปแล้ว ด้านที่ถูกขับ กับ ด้านขับ จะหมุนไปพร้อมกัน ทุกครั้งที่เราเปลี่ยนเกียร์ (ถูกจังหวะ) ความเร็วรอบด้านถูกขับ กับด้านขับจะ"ใกล้เคียงกัน" ..... จริงไหม ลองนึกดูให้ดี แล้วจะเข้าใจ การที่ความเร็ว ด้านขับ และด้านถูกขับ ==ใกล้เคียงกันก่อนที่คลัชจะจับแน่น ทำให้เสียดสีมีน้อย ==> การสึกหรอก็น้อย เช่นเดียวกันครับ การที่เราขับขี่รถออโต้ในชีวิตประจำวัน เกียร์ออโต้มีการเปลี่ยนไปมาเป็นว่าเล่น .....จริงครับ ผมไม่เถียง แต่คุณลืมนึกไปว่า การเปลี่ยนเกียร์ทุกครั้ง ความเร็วรอบของแผ่นขับ+แผ่นถูกขับ จะใกล้เคียงกัน ===> การสึกหรอจึงมีน้อย ... ถึงน้อยมาก ดู KickDown เป็นตัวอย่างนะครับ ตำแหน่ง Kickdown Switch (ถ้ามี) เขาจะตั้งไว้ที่ beyond full throttle (หรือ before full throttle ประมาณ 15/16 ) การทำอย่างนี้ เพื่อให้เครื่องยนต์เร่งรอบขึ้นไปรอไว้ก่อนที่เกียร์จะเปลี่ยนลงต่ำ แต่เซียนบางคน ชอบโม้ว่าเปลี่ยนเกียร์ด้วยมือดีกว่า โดยไม่เข้าใจว่าผลที่ทำอย่างนั้น ทำให้เกียร์เปลี่ยนลงต่ำ ในขณะที่รอบเครื่องยังช้ากว่าที่ควรจะเป็น เหมือนรถธรรมดา ที่เราสับเกียร์ 5 ลง 4 แล้วรีบปล่อยคลัชทันที โดยไม่เร่งเครื่องช่วย ===> รถจะกระตุก .....นึกภาพออกใช่ไหมครับ คราวนี้มาดู การเปลี่ยน N --> D เราเปลี่ยนในขณะที่รถจอด ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ ความเร็วด้านขับจะเท่ากับด้านถูกขับ การสึกหรอจึงต้องมากกว่า อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .....ซ ต พ. ตอนต่อไป ผมจะว่าให้ฟังเรื่องเกียร์ ZF ที่คุยนักคุยหนาว่า ตอนที่รถหยุดนานๆ เกียร์เปลี่ยนเป็น N ความจริงไม่ใช่อย่างที่คิดครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 3 พ.ค. 48 20:38:22 A:203.113.36.6 X:203.151.140.114 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ระบบส่งกำลังเกียร์ ZF ไม่เหมือนเกียร์ออโต้ทั่วไป Lock up ก็ต่างกัน (ไม่พูดละเอียดเรื่องนี้) เกียร์รุ่นนี้มี option พิเศษเรียก SBC StandBy Control ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น NIC Neutral Idle Control option นี้เขา**สนับสนุน**ให้ขับแบบ D+Brake ครับ เมื่อเหยียบเบรค+D ชุดคลัชยังคงจับตามปกติ ==> ยังส่งกำลังได้ (transmit small torque) คือ รถยังคลานไปได้ช้าๆ ไม่เชื่อให้ลองดู แต่เขาจะลดแรงดันที่คลัชตัวหนึ่งให้อยู่ใน slip mode ไม่ได้ปลดเป็น N อย่างที่เข้าใจกันนะครับ ------------ SBC StandBy Control NIC Neutral Idle Control LeerLauf คือ N While position D is engaged, the clutch A is put into a slip mode to disconnect the engine from the driveline. In that mode we transmit a small torque value to ensure a good engagement quality when the driver hits the gas pedal. ------- "Leerlauf" means, transmission is in position N and the clutches are open "NIC" means, transmission is in position D, clutches are closed and one clutch is in a slip mode, while the car is in not running จากคุณ : ช่างกล - [ 4 พ.ค. 48 06:58:57 A:203.113.36.10 X:203.151.140.116 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 63 กลับมาที่ประเด็นของกระทู้นี้ "เกียร์ออโต้ถ้าเปลี่ยน D>N และ N>D บ่อยๆเกียร์จะพังจริงๆหรอครับ" คำตอบคือ เข้า D>N บ่อยๆ ทำให้สึกหรอมากกว่าปกติ ถ้าจะบอกว่า "มาก/น้อย"อย่างไร ก็จะไม่เห็นภาพ ลองดูเกียร์ธรรมดา ดีกว่า เข้าใจง่าย เอาให้สุดโต่งไปเลย จึงจะเห็นภาพชัดเจน ถ้าเราปล่อยคลัช (engage) คือให้คลัชมันจับแน่น ....เข้าใจนะครับ แผ่นคลัชทั้งสองด้านจะหมุนไปด้วยกัน โดย"ไม่มีการเสียดสีเลย" เราขับอย่างนี้ 100ปี ให้สุดโต่งหลุดโลกเป็น 1000ปี เอ้า ===> คลัชก็ไม่มีการสึก ...... ใครจะเถียงบ้าง คราวนี้ เราหยุดรถ ปลดเกียร์ว่าง คือ N แล้วไปจ้างเด็กมาเหยียบคลัช ปล่อยคลัช ต้องจ้างเพราะเราจะเมื่อย ถ้า เหยียบปล่อย อยู่อย่างนี้บ่อยๆเข้า ===> มันจะพังไหมครับ เมื่อความจริง เห็นๆอย่างนี้ เราควรจะยอมรับความจริง แต่เราจะทำหรือไม่ นั่นมันเรื่องของเรา เพราะ no body is perfect จากคุณ : ช่างกล - [ 4 พ.ค. 48 07:14:37 A:203.113.36.10 X:203.151.140.116 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คห.ที่61 ตอบได้แจ่มแจ้ง เข้าใจแล้วครับ ขอบพระคุณมาก ผมตามหาคำตอบนี้มานานแล้ว จากคุณ : samsmao - [ 4 พ.ค. 48 07:16:53 A:203.149.12.234 X: TicketID:096583 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เวรกรรม รู้แบบ snake snake fish fish  งูงู ปลา ปลา ใช้คำว่า Load sensor พร่ำเพรื่อ Throttle pressure  หรือ Throttle Position Sensorจึงเป็นแค่สัญญานแทนโหลดเครื่องยนต์ indication of engine loadในแง่เหยียบคันเร่งมาก โหลดมาก (เช่นเหยียบ30%แต่โหลดไช่30%)แต่ไม่ได้แม่นถึงขั้นที่จะเป็น engine load sensor เกียร์รุ่นที่ควบคุมด้วยอิลคโทรนิค Throttle Position Sensorจึงไม่สามารถเรียกว่าเป็น engine load sensor ได้ engine load sensor(kilowatt) ที่แม่นยำพอ สามารถคำนวณมาจากแอร์โฟล  แวคคัมเซนเซอร์ ความร้อนอากาศ ผลการทดสอบ ฯลฯ -ความเร็ว ใช้สัญญานจาก governor pressure เป็น เป็นแค่สัญญานแทนความเร็วรถ ในแง่รถเร็วขึ้นgovernor pressure แปรผันตามความเร็วยกกำลังสอง ไม่ได้แม่นยำขนาดขึ้นชั้นที่เรียกว่า speed sensor speed sensorมีครับเป็นแบบอิเลคโทรนิค แม่นยำมาก ใช้วิธีนับพัลส์ เช่น รีด สวิทช์ ฯลฯ modulator ไม่ใช่คำที่ใช้แล้วเทห์ ใช้พร่ำเพรื่อไม่ได้  มีวาวล์บางตัวเท่านั้นที่ได้รับเกียรติ ให้ใช้ได้ Throttle modulator pressure ใช้ควบคุมแรงดันในทอร์คและแรงดันที่จับปล่อยเกียร์ต่างๆ เหยียบคันเร่งน้อยแรงดันน้อย เหยียบคันเร่งมากแรงดันจะมากขึ้น คนที่รู้ไม่จริงมักกลัวไปเรื่อยเหมือนคนที่กลัวน้ำมันแกสโซฮอล หรือ 91 แม้ว่าผู้ผลิตระบุว่าใช้ได้ นึกว่าคลัทช์ของเกียร์อัตโนมัติแห้งเหมือนเกียร์ธรรมดา จริงแล้วมีน้ำมันเกียร์แทรกอยู่ กลับมาที่ประเด็นของกระทู้นี้ "เกียร์ออโต้ถ้าเปลี่ยน D>N และ N>D บ่อยๆเกียร์จะพังจริงๆหรอครับ" จะพังง่ายในกรนีรถหยุดสนิทเหยียบคันเร่งแล้วโยก N>D ในกรณีไม่เหยียบคันเร่ง จะเลียคลัทช์ให้ ลดแรงบิดระหว่าเครื่องและล้อ ในกรณีอื่นจะสึกหรอน้อยกว่าในจังหวะที่เป็นเปลี่ยนเกียร์และเหยียบคันเร่ง เพื่อความมั่นใจกรูณาสอบถามผู้ผลิต หรือศูนย์บริการจะดีที่สุด จากคุณ : CORONA ECT - [ 6 พ.ค. 48 08:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ความคิดเห็นที่ 56   load sensor http://force-measurement.globalspec.com/LearnMore/Sensors_Transducers_Detectors/Force_Sensing/Force_Load_Weight_Sensors จากคุณ : CORONA ECT - [ 6 พ.ค. 48 12:53:07 ]

ความคิดเห็นที่ 67 จนป่านนี้ ไอ้โง่ CORONA ยังไม่เข้าคำว่า load sensor ว่าเขาพูดถึงอะไร การมีหนังสือดี ใช่ว่าจะมีความรู้ ต้องอ่านให้แตกฉานจึงจะเป็นคนเก่ง ที่ผมถามว่า stoplight ผมแปลผิด นั่นผิดยังไง ยังไม่ตอบ การทำอย่างนี้ เป็นวิสัยของคนโง่ อวดฉลาด โดยกำเนิดครับ จากคุณ : ช่างกล - [ 9 พ.ค. 48 09:35:59 A:203.113.36.8 X:203.151.140.119 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ผมไม่รู้เรื่องเกียร์อัตโนมัติหรอกครับ แต่อยากจะบอกว่า sensor มันควรจะหมายถึง "ตัวจับสัญญาณ" ไม่ใช่ "สัญญาณ" นะ หมายเหตุ  ผมไม่เข้าใจประโยคนี้ "engine load sensor(kilowatt) ที่แม่นยำพอ สามารถคำนวณมาจากแอร์โฟล  แวคคัมเซนเซอร์ ความร้อนอากาศ ผลการทดสอบ ฯลฯ" ผลการทดสอบ????? จากคุณ : อากง - [ 9 พ.ค. 48 12:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 69 เอ่อ เดี๋ยว link ในความเห็น 66 นี่มันเกี่ยวกันตรงไหน  มันคนละเรื่อง อุปกรณ์คนละอย่างกันเลย คำว่า load ในนั้น ก็ไม่ใช่ความหมายเดียวกับ load ของเกียร์อัตโนมัติสักหน่อย ส่วน pdf ข้่างบน ขอผมอ่านก่อนนะครับ จากคุณ : อากง - [ 9 พ.ค. 48 13:35:38 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ยังไม่วายมาหาเรื่องผมอีกนะ ใช้ 91 แล้ว น็อค แรงตก กินน้ำมัน โซฮอลก็เหมือนกัน ขับช้าให้ความรู้สึกว่าเร่งดี กดเต็มเร่งอืดคนละเรื่อง กินน้ำมันเพิ่มขึ้นอีกหน่อย อยู่ดีๆแล้วโดนบังคับไปใช้ของที่มันแย่กว่า  ใครบ้างจะชอบ คุณ Corona รู้จริงตอบผมได้ไหมว่าทำไมมันถึงเป็นอย่างนั้น จากคุณ : ton99 - [ 10 พ.ค. 48 01:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ผมใช้รถมาพอสมควร จัดเป็นคนขับแบบเก่าๆ ไม่นิยมการเร่งไปสู่สุขคติ ขอขับแบบปลอดภัยไว้ก่อนแต่ก็ไม่ช้าจนเกินไปนัก คำที่อยู่ในใจระหว่างขับนอกจากปลอดภัยไว้ก่อน ยังมีคำฝรั่งอีกสองคำคือ Traffic Flow และก็ Reasonable speed เกียร์ออโต้ มีข้อดี และก็มีข้อจำกัด และถ้ารู้จักวิธีขับนอกจากง่ายและยังปลอดภัยขึ้นอีกเยอะ ข้อจำกัดมันก็คือ ชิ้นส่วนแยะ และต้องการการหล่อลื่นที่สม่ำเสมอ การเปลี่ยนจาก D>N N>D บ่อยๆก็ย่อมทำให้เกิดการสึกหรอมากกว่าปกติ แต่ถ้าไม่เปลี่ยนมันซะเลยระบบเบรคก็จะทำงานมากว่าปกติ ได้อย่างก็เสียไปอย่าง แล้วไอ้ปกตินี่มันอยู่ตรงไหน? ตอบยากนะครับเพราะมันเป็นบุคลิกของแต่ละคน เอาเป็นแบบกลางๆก็แล้วกัน ถ้ารถติดไม่นานซัก 2-3นาทีก็เหยียบเบรค แต่ถ้านานกว่านั้นก็เปลี่ยนไปที่ N แล้วก็ดึงเบรคมือก็แล้วกัน เกียร์ก็ไม่สึกหรอกว่าที่ควร ระบบเบรคก็ไม่ต้องทำงานหนัก ดีด้วยกันหลายฝ่าย ใช้งานก็ยาวนานพอสมควรแก่เงินที่ซื้อมา เพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยซักนิดนะครับ รถเกียร์ออโต้สามารถเปลี่ยนจาก D>3 หรือ D>Over Drive แล้วแต่ยี่ห้อ สามารถทำได้นะครับในกรณีที่เราต้องการ Engine break เช่น ก่อนจะเข้าโค้งที่ความเร็ว เบรคขณะถนนลื่นมีน้ำหรือดิน ทรายบนถนน บางกรณืใช้แทน Kick Down ได้ด้วยตอบสนองดีกว่า ใช้น้ำมันน้อยกว่าด้วย 0.0000003% (ตัวเลขเดาครับเพราะมันต่างตรงละอองน้ำมันที่ kickdown มันต้องเสียไปตอนกดคันเร่ง) วิธีนี้เหมาะมากกับรถที่ไม่มี ABS ช่วยให้การทรงตัวดีขึ้นและการควบคุมรถได้ง่ายขึ้น รถที่มีABS ก็ปลอดภัยยิ่งขึ้นไปอีก อย่างที่ผมว่าไว้ตอนต้น ได้อย่างก็เสียไปอย่าง ขับโดยใช้เทคนิดนี้ภาระกรรมจะไปอยู่ที่ระบบเกียร์กับช่วงล่าง แต่ปลอดภัยขึ้นบอกยากจริงๆว่าจะเลือกเอาอะไรแล้วแต่บุคคลครับ ส่วนตัวผมเองมันจะสึกหรอมากกว่าปกติไปซักหน่อยแต่ปลอดภัยกับชีวิตของผมและผู้ร่วมชะตากรรมบนถนนด้วยกัน ผมยอมครับ จากคุณ : C6 - [ 10 พ.ค. 48 16:05:33 A:203.209.28.189 X: TicketID:097465 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แย้งท่าน C6 ในประเด็น engine brake ครับ แรงหน่วงตรงนั้นสู้กดเบรกไม่ได้ครับ และการที่ล้อถูกผูกไว้กับเกียร์ต่ำ ทำให้มีโอกาสเสียการควบคุมรถได้ และการคิกดาว์น ให้อัตราเร่ง และการตอบสนองดีกว่าครับ (จากการที่ไม่ติด Lock Up) และสมองกลยังเลือกเกียร์ให้สัมพันธ์กับการเร่ง และความเร็วได้เต็มที่ น่าจะประหยัดน้ำมันกว่าครับ สุดท้าย ตอนที่หยุดนิ่ง ผ้าเบรกไม่เสียดสีกับจานเบรก การสึกหรอย่อมไม่เกิด (แต่จะเกิดการสึกหรอกับส่วนอื่นในระบบเบรกหรือเปล่า ผมไม่มีความรู้ครับ) แย้ง 3 ประเด็นเท่านี้ครับ จากคุณ : อะธีลาส - [ 13 พ.ค. 48 18:46:10 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เข้ามาดู/ขำ/ปนสงสาร :P จากคุณ : ได้ความรู้กลับไป (S(2)) - [ 14 พ.ค. 48 03:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ความคิดเห็นที่ 67 นอกจากไม่รู้จักความหมายของทรอตเติลมอดดูเลเตอร์แล้ว มีความพยายามมาก ที่จะบอกว่า throttle position sensor หรือthrottle vavle pressure คือ engine load sensor ความหมายคือเป็นแค่สัญญานแทนload เครื่องยนต์ มีsensorหนึ่งที่ใกล้เคียง engine load sensor http://www.autoshop101.com/forms/h34.pdf หน้า 7,8 จากคุณ : CORONA ECT - [ 14 พ.ค. 48 22:15:49 ]

ความคิดเห็นที่ 75 at stoplight คือการเหยียบเบรค ไม่ใช่ป้อมไฟแดง เหลืองเขียว หลายร้อยอำเภอ ไม่มีป้อมไฟแดง เหลืองเขียว อำเภอบางกรวยอยู่ห่างสนามหลวง ไม่ึถึง10 กม. มีป้อมไฟแดง เหลืองเขียว แค่จุดเดียว หนังสือดี จะไม่ใช้คำมั่วๆ แบบคิดเอาเอง จากคุณ : CORONA ECT - [ 14 พ.ค. 48 22:35:36 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ตอบคุณ อะธีลาสนะครับ ข้อ3 ตอนรถหยุดนิ่งจานเบรคไม่มีการสึกหรอใช่ครับ แต่ส่วนที่เป็น อยู่ที่ปั๊มเบรค ท่อ และข้อต่อต่างๆครับที่ต้องรับแรงอัดสูงกว่าปกติตลอดเวลา โดยเฉพาะส่วนที่เป็นยางนั่นหล่ะครับที่จะเกิดการเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่ควร ผมมองที่ภาพรวมทั้งระบบครับ ไม่เน้นเฉพาะส่วน ข้อ2 การKick down หรือจะใช้ over drive ช่วยในการเร่งนี่ขึ้นอยู่กับเทคนิดที่รถแต่ละแบบใช้ครับอยู่ที่อันไหนตอบสนองเร็วกว่าครับ รถรุ่นใหม่ๆส่วนใหญ่ Kickdown ตอบสนองดีกว่า แต่ที่อายุมากหน่อยโดยเฉพาะที่อายุมากกว่า 5ปีนี่มันไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ ก็ทดสอบดูนะครับว่าของใครแบบไหนตอบสนองดีกว่า ผมเองก็ใช้ทั้งสองแบบแหละครับแล้วแต่สถานะการ ส่วนแบบไหนประหยัดกว่ากันไม่ใช่ประเด็นหลักที่ผมพูดถึง ดูที่ตัวเลขนะครับมันไม่เป็นนัยสำคัญ แต่ก็ขอบคุณนะครับที่ทักท้วงมา ข้อ1 ครับมาอันดับสุดท้ายเพราะเกี่ยวเนื่องกับชีวิตและทรัพย์สินมากที่สุด ที่แย้งมาในจุดนั้นถูกต้องครับ แรงหน่วงของ engine break น้อยกว่าเบรคมากครับ แต่สิ่งที่ต้องการในกรณีนี้ก็คือหน่วงความเร็วรถลงเล็กน้อยก่อนที่จะถึงจุดวิกฤติที่จะต้องใช้ต้องใช้เบรคอย่างจริงจังหรือหักโหม โดยไม่เป็นการผลักภาระการชลอรถไปให้ระบบเบรคแต่เพียงอย่างเดียว ขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงที่จะเกิดอาการเบรคแตกลงไปด้วย สิ่งที่ได้มาอีกอย่างนะครับในทางโค้งบางกรณีเรายังได้อัตราเร่งมากกว่าเดิมตอนออกจากโค้งด้วย ที่เรียนมานี่เน้นที่การใช้เกียร์ออโต้นะครับ เพราะถ้าเป็นเกียร์แมนนวล แทคติคบางอย่างมันต้องปรับกันไป เน้นอีกหน่อยนะครับ engine break ใช้หน่วงความเร็วรถก่อนที่จะถึงจุดที่ต้องใช้เบรคนะครับ ใช้เป็นลำดับเพราะไม่เช่นนั้นจะเป็นอย่างที่คุณอะธีลาสทักท้วงมา ฝากข้อคิคซักนิดนะครับ ก่อนขับรถเดินทางไปไหน โดยเฉพาะเดินทางไกล ลองคิดจำลองเหตุการที่อาจเกิดขึ้นได้และก็วิธีการแก้ไขสถานะการไว้นะครับ เพราะถ้าเกิดขึ้นมาจริงๆสมองจะจัดการให้โดยไม่ต้องมาคิดหาวิธีการแก้ไข เสี้ยววินาทีที่คิดเร็วขึ้นอาจจะช่วยรักษาสิ่งที่เป็นที่รักของเราได้นะครับ จากคุณ : C6 - [ 16 พ.ค. 48 10:48:44 A:203.209.28.160 X: TicketID:097465 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ขอเพิ่มเติมการใช้ Engine break นิดนึงครับ กรณ๊ที่เกิดยางแตก ยางแบน ล้อหลุด หรืออะไรที่ทำให้รถเสียสมดุลมากๆ ห้าม !!! ใช้ engine break โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้รถสูญเสียการควบคุมไปได้ ตั้งพวงมาลัยให้ตรงแล้วค่อยๆแตะเบรคเบาๆก่อน จากนั้นจึงค่อยๆเพิ่มน้ำหนักเบรคจนกว่ารถจะหยุด โดยช่วงสุดท้ายก่อนที่รถจะหยุดสนิทพยายามควบคุมให้รถชิดขอบทางด้วยนะครับ จากคุณ : C6 - [ 17 พ.ค. 48 12:18:13 A:203.209.28.226 X: TicketID:097465 ]