ความคิดเห็นที่ 15
เรีกว่าร Highside ถูกต้องแล้วค่า มาดูกันก่อนว่ามอไซค์นั้นมีอะไรแปลกๆอยู่เยอะเลย อย่างแรกคือในทางตรงนั้นล้อหน้ามอไซค์จะมีพื้นที่สัมผัสผิวถนนน้อยกว่าล้อหลัง และในโค้งล้อหน้าของมอไซค์จะยึดเกาะถนนดีกว่าล้อหลัง อันนี้เนื่องมาจากการออกแบบยางรถ ถ้าสังเกตุดีๆจะเห็นว่าล้อหลังของมอไซค์นั้นจะกลมเสมอกันหมดทั่วทั้งหน้ายาง แต่ล้อหน้านั้นจะมีทรงค่อนไปทางแหลม ก็เพื่อให้มีพื้นที่สัมผัสผิวถนนเป็นเส้นเล็กๆขณะวิ่งทางตรง รถจะไม่ส่าย ถ้าใครเอายางหลังรถ 150 บ้านเรามาทำยางหน้ารถใหญ่จะเห็นช้ดเลยว่าพอใช้ความเร็วหน่อยมันจะส่ายและออกอาการสะบัด และเมื่อเบรค น้ำหนักที่กดลงข้างหน้าจะทำให้ยางยุบตัวลงเพิ่มผิวสัมผัสกับถนน ไม่ได้เพิ่มความฝืดแต่เพิ่มพื้นที่รับแรงมากขึ้น ผิวหน้ายางจะไม่ฉีกขาดเมื่อโดนกระทำจากแรงเบรคมากๆ ทำให้มอไซค์ใช้เบรคหน้า 90 เบรคหลังแค่ 10 ในขณะที่ต้องการเบรคอย่างรุนแรงเหมือนในสนามแข่ง เป็นวิธีที่ลดความเร็วได้เร็วที่สุด แล้วรูปทรงนี้ก็ยังช่วยในการเข้าโค้ง ขอบยางด้านที่จะเอียงลงสัมผัสถนนในโค้งจะมีพื้นที่มากกว่า ทำให้แรงกดต่อพื้นที่มีน้อยลง แรงเหวี่ยงหนีศูนย์ที่ส่งผลต่อผิวสัมผัสนั้นก็จะไม่มากพอที่จะทำให้ผิวยางไถลไปหรือฉีกหลุดออกมา เราจึงได้เห็นว่ายางที่ลื่นไถลในโค้งมักจะเป็นยางหลังมากกว่ายางหน้า ทั้งที่มันเส้นใหญ่กว่า ดังนั้น ยางหน้าเอามาใส่ข้างหลังได้ แต่ยางหลังห้ามใส่ข้างหน้าเด็ดขาด
แล้วก็มาที่ Highside เป็นปรากฎการณ์ที่เกิดจากการที่ยางสูญเสียการยึดเกาะกับถนน ไม่ว่าจะเนื่องจากการเปลี่ยนเกียร์ในโค้ง -.-" เบรคหลังแรงเกินไปจนล้อหลังช้ากว่าล้อหน้า เดินคันเร่งมากไปในรถที่แรงบิดสูงๆ หรือเลียเบรคหน้าขณะเข้าโค้งแรงเกินไปจนทำให้ล้อหลังเร็วกว่าล้อหน้า
อย่างที่บอกมาข้างต้นว่าล้อหน้ามีการยึดเกาะถนนในโค้งเหนือกว่าล้อหลัง เมื่อความเร็วล้อหน้ากับล้อหลังไม่สัมพันธ์กัน ล้อหน้าจะเคลื่อนที่ไปตามปกติ แต่ล้อหลังจะสไลด์แบบกวาดออก
ถ้ามันกวาดออกแล้วลงนอนแต่โดยดีเหมือนอย่างที่พูดถึงอยู่บ่อยๆนั่นก็คือ Lowside อย่างที่คุณ duritz97บอกล่ะค่ะ ค่อนข้างจะปลอดภัยถ้าไม่ไถลไปชนอะไรหรือโดนรถอื่นตามมาเหยียบซ้ำ
ทีนี้ถ้ามันไม่เป็นอย่างนั้น ถ้าเกิดเราตกใจถอนคันเร่งเหมือนอย่างคุณ ton99 หรือปล่อยเบรคหลังในกรณีที่เบรคหลังแรงเกินไป สิ่งที่จะตามมาก็คือแบบใน #10 คุณ SoloFIGHT ว่าไว้ คือล้อรถที่กำลังสไลด์อยู่นั้นจะปรับความเร็วจนเข้ากับการเคลื่อนที่จริง เมื่อถึงตอนนั้นแล้วความสามารถในการยึดเกาะถนนก็จะกลับมาอีกครั้ง แต่ว่าก่อนหน้านั้น ล้อหลังสไลด์จนตัวรถหมุนกวาดออกขวางกับทิศทางการเคลื่อนที่ ลักษณะเหมือนกับรถยนต์ดริฟท์หรือพวกรถแข่งแรลลี่เข้าโค้งกันอย่างนั้นแหละ แต่ฐานล้อในขณะนั้นก็คือความกว้างของผิวยางที่สัมผัสถนนกว้างประมาณ 2 นิ้วเท่านั้น มันจึงไม่สามารถจะรักษาสภาพการเคลื่อนที่ต่อไปได้ ลองดูก็ได้ค่ะ เอียงฝ่ามือแล้วใช้สันมือไถไปกับโต๊ะแบบขวางๆเหมือนกับรถเข้าโค้งแล้วสไลด์ แล้วออกแรงกดให้สันมือติดกับโต๊ะ ถ้าออกแรงดันไปในทางเดิมมือจะพลิกไปอีกข้างหนึ่ง
รถก็เหมือนกัน เมื่อยางกลับมาเกาะถนนในลักษณะที่ตัวรถขวางอยู่ ตรงจุดที่ยางสัมผัสถนนจะเป็นเหมือนจุดหมุน โดยมีตัวรถเป็นคานดีด ดีดคนขี่ออกไปด้วยความเร็วเท่ากับการเคลื่อนที่ของรถในตอนนั้น!!!
คนเราจะบินได้โดยไม่ใช้ปีกก็ตอนนี้แหละ เหมือนโดนดีดด้วย Catapult ในหนังสงครามโบราณเลยเชียว นักแข่งหลายคนอย่าง Carl Forgaty ที่เลิกแข่งก็เพราะ Highside นี่แหละ ข้าเจ้าก็เคยอยู่สองสามครั้ง แต่มาไม่เร็วเลยบินสูงไม่ถึงสองเมตร แค่พอเคล็ดขัดยอก แต่อย่างในสนามแข่งนั่นเขาเหาะกันเป็นสิบเมตรเลย *.*
โชคดีจริงๆแฮะ ขี่รถมาตั้งกะ 9 ขวบยังไม่เคยเกิดอุบัติเหตุแบบสาหัสถึงกับแตกหักเสียหายเลยซักครั้ง ทีตอนขับเก๋งล่ะจอดติดไฟแดงอยู่ดีๆโดนรถขนปูนชนท้ายจนมือเดี้ยงไปเป็นอาทิตย์ ขี่มอไซค์ปลอดภัยกว่ารถยนต์อีกนะเนี่ย
ส่วนที่ว่าออกตัวแรงๆแล้วล้อหลังสะบัดนั่นมักจะเรียกกันว่าอาการ "เลื้อย" ค่ะ เป็นบ่อยๆในรถที่แรงบิดสูงๆอย่างพวกครูสเซอร์, Naked Bike หรือสปอร์ท V-Twin ใหญ่ๆและฐานล้อยาวๆ ที่เคยลองก็ Firestorm ของเพื่อน เดินคันเร่งแรงๆหน้ามันไม่ยกเหมือนพวกสี่สูบแต่ล้อหลังจะสลิปแล้วก็เลื้อยอย่างที่บอกน่ะค่ะ
ปล. เด๋วนี้หลายๆวันจะเข้ามาดูซะที นั่งนานไม่ไหว แล้วก็เอาแต่นอน ร้อนๆยังงี้ยังง่วงได้ทั้งวันเลย -.-"
จากคุณ :
หกขาสองหางสี่ปีก
- [
28 เม.ย. 48 19:31:34
]
|
|
|