ความคิดเห็นที่ 1
วัฒนา เมืองสุข "ถ้า ACES car จะกระทบปิกอัพก็ให้มันกระทบไป" สัมภาษณ์
หลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมประกาศความชัดเจนเกี่ยวกับสเป็กรถยนต์ประหยัดพลังงาน (ACES car) หรืออีโคคาร์ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ถึงการเอื้อประโยชน์ให้กับใครบางกลุ่ม รวมถึงมาตรการส่งเสริมการผลิตอีโคคาร์ ซึ่งรัฐจะใช้วิธีปรับภาษีสรรพสามิตรถกระบะซึ่งทำให้เกิดมุมมองว่าต้องการไปอุดหนุนรถยนต์เซ็กเมนต์ใหม่หรือไม่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้ ได้ชี้แจงผ่าน "ประชาชาติธุรกิจ" อย่างละเอียดยิบ ถึงหลักการที่มาและนโยบาย "อีโคคาร์" ที่รัฐต้องการผลักดันให้คนไทยได้ใช้รถยนต์ราคาคันละไม่เกิน 3.5 แสนบาท
- ค่ายรถกลัวว่า ACES car จะไปส่งผลกระทบกับรถปิกอัพ
หาก ACES car จะส่งผลกระทบต่อรถปิกอัพก็ต้องปล่อยให้กระทบไป เพราะวัตถุประสงค์หลักในการผลักดันโครงการดังกล่าว ประการแรกจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกในการซื้อรถราคาประหยัด เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน โดยเฉพาะในเขตเมือง ลดการใช้พลังงาน ลดปัญหามลพิษ อีกทั้งจะเป็นผลดีในด้านการจราจรอีกด้วย
ดังนั้นก็มีความจำเป็นต้องมีการปรับอัตราภาษีในส่วนของรถปิกอัพ space cab จากเดิมเก็บ 3% เป็น 5% คิดเป็นมูลค่า 8,000 บาท คาดว่าจะทำให้มีรายได้ภาษีสรรพสามิตปี 2548 มีมูลค่าถึง 2,000 ล้านบาท และรถปิกอัพแบบ 4 ประตู double cab จาก 12% เป็น 15% มูลค่าประมาณ 15,000 บาท ซึ่งเราประเมินว่าจะมีรายได้จากภาษีสรรพสามิตอีกราวๆ 1,656 ล้านบาท คิดเป็นเม็ดเงินทั้งหมดกว่า 3,656 ล้านบาท
ที่เราต้องปรับครั้งนี้ก็เพราะต้องการลดปัญหาการใช้รถปิกอัพผิดประเภทและขาดประสิทธิภาพ การใช้น้ำมันดีเซลผิดวัตถุประสงค์ และเพื่อลดระดับการบิดเบือนโครงสร้างภาษีที่เกินความเป็นจริง ทั้งนี้เชื่อว่าไม่ได้มีผลต่อเรื่องราคารถยนต์มากนัก ซึ่งในส่วนของรถปิกอัพแท้ๆ อย่าง single cab และรถยนต์นั่งกึ่งบรรทุก (PPV) นั้นจะไม่มีการปรับเปลี่ยนแต่อย่างใด เราจะไม่ไปแตะต้องอย่างแน่นอน นี่คือข้อเท็จจริงทั้งหมด
ซึ่งค่ายรถต่างๆ ได้พยายามดิ้นรนกันสุดฤทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นโตโยต้าและอีซูซุ เนื่องจากเป็นค่ายรถ ที่สูญเสียผลประโยชน์โดยตรง การปรับราคาครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่มีรายได้ต่ำ ส่วนใหญ่ใช้รถประเภท "single cab" หรือรถปิกอัพเพื่อการบรรทุก ตรงนั้นยังคงใช้ภาษีในอัตราเดิม ที่ 3%
ส่วนการหารือกับกระทรวงการคลังนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการหารือกับกระทรวงการคลังแต่อย่างใด กระทรวงอุตสาหกรรมเพียงแต่ทำในส่วนของรายละเอียด ว่าทางเลือกของรถประเภทนี้คืออะไร ซึ่งมีการกำหนดขนาดไว้อย่างแน่นอนแล้ว คือ กว้าง 1.63 เมตร ยาว 3.6 เมตร เป็นการปรับขนาดเพิ่มขึ้นมาอีก 3 ซ.ม. เพื่อรองรับรถ "โตโยต้า อายะโก้" (Aygo) และมีอัตราการสิ้นเปลืองพลังงาน 5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง อาจส่งผลกระทบต่ออัตราภาษีอยู่บ้าง ไม่มีผลต่อการใช้รถอย่างแน่นอน
- อัตราภาษีที่จะมีการปรับขึ้น
สำหรับ ACES car หากมีการปรับอัตราภาษีแล้ว อัตราใหม่โดยไม่มีการลดราคาภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 470,000 บาทต่อคัน หากมีการลดภาษีลง 20% จะเหลือ 400,000 บาทต่อคัน หรือเก็บภาษีเพียงแค่ 10% ราคารถยนต์จะเหลือเพียง 350,000 บาทต่อคัน กระทรวงอุตสาหกรรมมั่นใจว่าจะสามารถทำได้อย่างแน่นอน
วันนี้มีค่ายรถเสนอตัวและให้ความสนใจต่อโครงการนี้แล้วคือ "ฮอนด้า" ทำหนังสือยืนยันมาแล้วว่า สามารถผลิตรถตามสเป็กดังกล่าวได้อย่างแน่นอน ทั้งในส่วนของสเป็กเก่าและสเป็กใหม่ที่ปรับเพิ่มขนาดขึ้นอีก 3 ซ.ม. หากค่ายรถรายใดไม่สนใจเข้าร่วมโครงการก็ไม่เป็นไร กระทรวงอุตสาหกรรมพร้อมทั้งยืนยันว่าสเป็ก ACES car ไม่ได้ออกมาเพื่อผู้ผลิตรายใดทั้งสิ้น ค่ายโตโยต้าได้จากประเทศไทยมาพอสมควรแล้ว
ส่วนกระแสการต่อต้านจากกลุ่มผู้ผลิตบางส่วนนั้น ผมไม่สนใจ เนื่องจากเราต้องการเปิดสินค้าตัวใหม่ออกมา เพื่อประเทศชาติของเรา ซึ่งผู้ผลิตบางรายอาจจะต้องลดราคาของรถยนต์เพื่อแข่งขัน แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีผลกระทบใดๆ ทั้งสิ้น
และผมก็เชื่อว่าภาษีปิกอัพที่ปรับขึ้นเฉลี่ยคันละ 8,000 บาทนั้น ไม่น่าจะส่งผลกระเทือนต่อตลาดรถมากนัก ผู้ประกอบการอาจจะลดกำไรลงมาคันละ 8,000 บาท ซึ่งถือว่าไม่ได้มากเลย หรือเพียงแค่ 1% กว่าๆ เท่านั้น เห็นได้จากเวลาไปซื้อรถยนต์มีการลดราคามากกว่า 8,000 บาทเสียอีก
ส่วนบางรายที่ไม่ต้องการให้โครงการดังกล่าวเกิด น่าจะมีเหตุผลมาจากกลัวจะเกิดการลงทุนแข่งขันกับธุรกิจเดิม แต่หากประเทศไม่มีการลงทุนใหม่ๆ ก็จะส่งผลเสียต่อไปในอนาคต
ดังนั้น กระทรวงอุตสาหกรรมจึงจำเป็นต้องเปิดตลาดใหม่ในเมืองไทยให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น หากโครงการสำเร็จ ผู้ที่มีรายได้น้อยก็จะมีโอกาสใช้รถในราคาที่ถูกลง
- ตอนนี้ฮอนด้าแสดงทีท่าที่ชัดเจน ฟอร์ดก็พร้อมที่จะเอาแน่
ผมเชื่อว่าทุกค่ายจะต้องหันมาให้ความสนใจและเข้าร่วมโครงการอย่างแน่นอน รวมทั้งค่ายรถที่กำลังมีกระแสต่อต้านอย่างโตโยต้า ทั้งนี้ฮอนด้าได้ทำหนังสือยืนยันตอบกลับมาแล้วว่าทำได้ในราคา 350,000 บาทนั้น ยิ่งถ้ามีภาษีรองรับอย่างนี้ วันนี้ผมไม่กลัวว่าจะมีผู้ผลิตรายใดไม่ร่วมโครงการ โดยผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมโครงการอย่างน้อย 1 รายแล้ว คือ "ฮอนด้า"
ทั้งนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมผู้ผลิต ACES car โดยจะทำแคมเปญหรืออื่นๆ มาช่วย เช่น อนาคตจะผลักดันให้เป็นรถแท็กซี่ เนื่องจากมีขนาดที่เล็ก ทำให้มิเตอร์ถูกลง มีอัตราการประหยัดน้ำมัน หรืออาจจะมีรถแท็กซี่มิเตอร์ให้เลือกทั้ง 2 แบบคือ รถเล็ก, รถขนาดใหญ่
วันนี้รถแท็กซี่ในประเทศไทยจำนวน 10,000 กว่าคัน ถึงเวลาที่จะต้องเลิกใช้แล้ว จากเดิมที่กำหนดระยะเวลาใช้งานไว้ 7 ปี ขยายไปขยายมาเป็น 12 ปี ซึ่งหากโครงการ ACES car สำเร็จน่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีจากแท็กซี่แน่นอน
รวมทั้งรถที่ใช้ในหน่วยงานราชการต่างๆ ก็จะหันมาใช้ ACES car ให้มากขึ้น จะสามารถช่วยให้ประหยัดงบประมาณของประเทศได้อีกมหาศาล ซึ่งมีหลายหน่วยงานมากที่ไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้รถขนาดใหญ่และมีความเร็วสูง
ผมจะเอาเรื่องนี้ไปคุยกับท่านนายกฯทักษิณก่อน ส่วนภาษีจะต้องดูว่ากระทรวงการคลังจะเห็นด้วยมากน้อยแค่ไหน ถ้ากระทรวงการคลังไม่เห็นด้วย เราจะใช้ BOI เป็นตัวช่วย ทั้งเรื่องการยกเว้นภาษีเครื่องจักร, ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี และลดหย่อนวัตถุดิบ ในความเป็นจริงแล้วโครงการดังกล่าวไม่ได้เกิดผลเสียหายต่อประเทศ กระทรวงการคลังน่าจะเห็นด้วย ประชาชนก็จะได้ใช้รถราคาถูก
- ก่อนหน้านี้โตโยต้าเคยขอพบมีประเด็นอะไรพิเศษ
แน่นอนว่าในฐานะของแชมป์คงไม่อยากให้มีใครมาชิงแชมป์ โตโยต้ากลัว เพราะหาก ACES car เกิดจริง ตลาดก็ต้องมาเริ่มนับหนึ่งและมีการแข่งขันกันใหม่ ซึ่งค่ายรถอื่นๆ ก็จะมีโอกาสเข้ามาแข่งขันมากขึ้น เนื่องจากไม่มีฐานการผลิตในประเทศเหมือนกัน คงจะต้องมาสู้กันที่แคมเปญ โปรโมชั่น คุณภาพต่างๆ ซึ่งแตกต่างจากปัจจุบันที่มีผู้ผลิตบางรายครองตลาดอยู่เพียงรายเดียว
ถ้ามีการเปิดตลาดใหม่ รถบางยี่ห้อในตลาดก็จะมีโอกาสนับหนึ่งพร้อมกันหมด ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายเกิดความไม่พอใจและไม่เห็นด้วย วันนี้ไม่มีที่อยู่สำหรับรถอื่นๆ รถเต็มตลาด แล้ว ถ้าไม่มี ACES car เกิดขึ้นประชาชนก็จะไม่มี ตัวเลือก
- โตโยต้า-อีซูซุขยายการลงทุนเพิ่มสำหรับรถปิกอัพ ตรงนี้จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่
การที่ผู้ผลิตมีการขยายการลงทุนเพิ่มผลผลิตในส่วนของรถปิกอัพ กระทรวงอุตสาหกรรมเชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นคนละตลาด
แต่หากจะมีผลกระทบก็ต้องยอมรับ เราทำเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ เราไม่ได้ทำเพื่อผู้ผลิตรายใดรายหนึ่ง ตลาดของรถปิกอัพก็ใกล้จะอิ่มตัว เราคงไม่รอแล้วค่อยเริ่มตัวใหม่ ซึ่งกลุ่มผู้ผลิตนั้นจะไม่เดือดร้อนเนื่องจากสามารถย้ายฐานการผลิตไปยังประเทศอื่นได้ และประเทศไทยก็จะไม่ได้อะไรจากตรงนี้
โดยกลางเดือนมิถุนายนนี้กระทรวงอุตสาห กรรมจะไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่น เรามีความพร้อมทันที เพียงแต่รอคุยกับนายกรัฐมนตรีก่อนเท่านั้น ถ้าโครงการนี้ไม่รีบดำเนินการให้เกิดขึ้น แล้วไปเกิดขึ้นยังประเทศอื่นๆ เราไม่สามารถนำกลับเข้ามาได้ เราไม่สามารถย้ายประเทศไทยไปที่อื่นได้ ซึ่งเราจะต้องทำ ACES car ให้เกิดขึ้นให้ได้
ผมไม่คิดว่าใครจะคัดค้านในวิธีคิดของผม ถ้าเห็นแก่ชาติบ้านเมืองด้วยกัน เพราะสิ่งที่จะเกิดนั้นรัฐบาลไม่ได้เอาเงินไปลงทุน แต่ถ้าไม่ประสบผลสำเร็จ เราก็จะได้รู้ว่าผิดแล้วจะได้มาเริ่มนับกันใหม่
วันนี้โครงการนี้ควรเกิดมากที่สุด เพราะเท่ากับว่าเรามีสินค้าตัวใหม่สำหรับประเทศไทย แต่ถ้าไม่ประสบความสำเร็จก็ถือว่าเท่าทุน เนื่องจากเราไม่ได้เป็นผู้ลงทุนเอง แต่หากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ เราคือเจ้าโลกรายใหม่ในด้านการผลิตรถยนต์ประเภทนี้ทันที เท่ากับว่าวันนี้เรามีรายได้เพิ่มขึ้น 10%
ทุกวันนี้คนไทยใช้รถยนต์ผิดประเภท การขยับภาษีปิกอัพขึ้นมา 3% รับรองไม่ส่งผล กระทบแต่อย่างใด เป็นการปรับโครงสร้างทางภาษีให้โครงการใหม่เกิดขึ้นโดยให้ตลาดเป็นตัวชี้วัด ผู้ผลิตรถปิกอัพเกิดความวิตกว่าประชาชนจะหันมาให้ความสนใจใช้รถ ACES car แทนรถปิกอัพมันคนละเรื่องกัน
http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat.php?show=1&selectid=02car01060648§ionid=0210&select_date=2005/06/06
จากคุณ :
HOMY DEMIO sport mpv
- [
8 มิ.ย. 48 15:40:24
]
|
|
|