CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangGameRoom


    l+_+l+_+l+_+l+_+l โตโยต้าหัวชนฝาค้านสเป็ก"ECOCAR" ดึงปธ.ญี่ปุ่นล็อบบี้"วัฒนา"อีกรอบ l+_+l+_+l+_+l+_+l

    ค่าย "โตโยต้า" เดินหน้าค้านแหลกไม่เห็นด้วยกับการกำหนดสเป็ก ACES car เล็กเกินไป หวั่นเรื่องความปลอดภัย เตรียมส่งทีมล็อบบี้ "วัฒนา" อีกครั้ง ช่วงเดินสายโรดโชว์ดึงนักลงทุนญี่ปุ่น พร้อมสั่งเบรกแผนปรับราคาหลังรัฐลอยตัวดีเซล

    รายงานข่าวจากบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า หลังจากที่นายวัฒนา เมืองสุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ประกาศความชัดเจนถึงสเป็กรถประหยัดพลังงาน ACES car หรืออีโคคาร์ โดยให้มีขนาดไม่เกิน 3.6X1.63 เมตร สามารถใช้พลังงานแบบ E 20 ได้ ทั้งนี้ให้มีอัตราการสิ้นเปลืองไม่เกิน 5 ลิตรต่อ 100 ก.ม. และผ่านมาตรฐานไอเสียยูโรสเต็ปที่ 4 ไปเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว ส่งผลให้โตโยต้าต้องเตรียมรับมือกับเรื่องนี้เป็นการด่วน

    โดยเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2548 ที่ผ่านมา นายเรียวอิจิ ซาซากิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้เรียกประชุมฝ่ายบริหารทั้งหมดเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งที่ประชุมไม่เห็นด้วยกับสเป็กและกำลังหามาตรการที่สร้างความเข้าใจที่ชัดเจนกับทางกระทรวงอุตสาหกรรมอีกครั้ง

    รายงานข่าวแจ้งอีกว่า โตโยต้าเคยเข้าไปชี้แจงว่ารัฐไม่ควรกำหนดสเป็กให้นายวัฒนาทราบหลายครั้ง พยายามชี้ให้เห็นถึงข้อเสียว่า รถที่มีขนาดเล็กเกินไปจะเกิดผลเสียทางด้านความปลอดภัย และการล็อกขนาดตัวรถเท่ากับเป็นการปิดกั้นบีบบังคับให้ผู้บริโภคต้องเลือกใช้รถไซซ์เล็ก ที่ถูกควรกำหนดแค่อัตราการกินน้ำมันเท่านั้น แต่ก็ไม่สามารถทานแรงล็อบบี้จากค่ายรถยนต์อื่นๆ ได้

    ดังนั้นในจังหวะที่นายวัฒนามีกำหนดจะเดินทางไปโรดโชว์ที่ประเทศญี่ปุ่นเพื่อชักชวนค่ายรถยนต์มาลงทุนผลิตรถประหยัดพลังงานใน ประเทศไทย โตโยต้าก็จะขอเข้าชี้แจงอีกครั้งซึ่งอาจจะให้ประธานโตโยต้ามอเตอร์ญี่ปุ่นช่วยสนับสนุนอีกทาง

    ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานว่า มูลเหตุที่ทำให้โตโยต้าไม่สามารถยอมรับสเป็กใหม่ของรถประหยัดพลังงาน (ACES car) แม้ว่าก่อนหน้ากระทรวงอุตสาหกรรมจะแก้ไขปรับปรุงเพิ่มเติมสเป็กให้รองรับกับรถโตโยต้ารุ่น Ayco แล้วก็ตาม เนื่องจาก Ayco ไม่ใช่รถที่โตโยต้าอยากจะใช้เป็นตัวทำตลาด ACES car

    ผู้บริหารโตโยต้าเคยชี้แจงหลายเที่ยวว่า Ayco มีขนาดเล็กเกินไปไม่เหมาะสมกับตลาดบ้านเรา ในยุโรปเรียกว่าเป็น "เอ แพลตฟอร์ม" ขนาดจะเท่ากับรถรุ่นสมาร์ตของเดมเลอร์ไครสเลอร์ ซึ่งยังไม่เป็นที่นิยมเท่าที่ควร จากการสำรวจตลาดในยุโรป เอ แพลตฟอร์ม มีขนาดตลาดที่เล็กมาก ส่วนแบ่งตลาดเพียงแค่ 7-8% เท่านั้น ขนาดที่เล็กเกินไปจะมีปัญหาเรื่องความปลอดภัยตามมา วิ่งต่างจังหวัด หรือขึ้นทางด่วนสัมผัสลมแรงๆ ก็เสียการทรงตัวได้ง่าย มีการยกตัวอย่าง ไดฮัทสุ มิร่า ซึ่งก่อนหน้าเคยขายดิบขายดีในบ้านเราแต่ก็มีปัญหาเรื่องความปลอดภัยและสมรรถนะที่ต่ำต่างกับ บี แพลตฟอร์ม ซึ่งโตโยต้าตั้งใจใช้เป็นตัวทำตลาด

    สำหรับรถในรุ่นนี้ บี แพลตฟอร์ม นี้ ถ้าเป็นโตโยต้าจะตรงกับรุ่นยาริส ถ้าเป็นฮอนด้า ตรงกับฟิตหรือแจ๊ซ กลุ่มนี้จะมีความปลอดภัยมากกว่ากันเยอะ ดังนั้นโตโยต้าจึงคัดค้านประเด็นการกำหนดสเป็กมาตลอด

    "ผมว่าเป็นความไม่เข้าใจของภาครัฐ ไม่ใช่ว่าเราไม่แฮปปี้ เพราะสเป็กที่คลอดออกมาไม่ตรงกับรุ่นรถที่เรามีอยู่ มันเป็นคนละเรื่องกัน โตโยต้ามีโมเดลรถมากมายในตลาดที่สามารถนำมาปรับใช้ได้ทั้งนั้น เพียงแต่เรามองด้านความปลอดภัยและที่สำคัญ ACES car ไม่ใช่การผลิตเพื่อทำตลาดในประเทศเท่านั้น เราต้องมองถึงตลาดส่งออก ถ้ารถไม่เป็นที่นิยม ตลาดยุโรปมีแค่ 7-8% เท่านั้น ทำเท่าไรก็ไม่คุ้มทุน ใครล่ะอยากจะลงทุน แต่ถ้าเป็นบี แพลตฟอร์ม ตลาดใหญ่กว่ากันเยอะ มีมากถึง 50% ของตลาด การลงทุนก็มีความเป็นไปได้มากกว่า" แหล่งข่าวกล่าว

    อีกประเด็นซึ่งถือเป็นความยุ่งยากของโตโยต้า ก็คือ รถยนต์ในรุ่น "เอ แพลตฟอร์ม" นั้น เป็นข้อตกลงกันระหว่าง 3 ยักษ์ใหญ่ ซึ่งประกอบด้วย โตโยต้า เปอโยต์ และซีตรอง ที่จะร่วมมือกันผลิต และข้อตกลงยังได้กำหนดให้มีแหล่งผลิตเพียงแห่งเดียว คือ สาธารณรัฐเช็กเท่านั้น ดังนั้นถ้านำเอ แพลตฟอร์ม มาผลิตในบ้านเราอาจจะต้องมีการปรับปรุงข้อตกลงบางอย่างซึ่งค่อนข้างยุ่งยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าสเป็กนี้โตโยต้าจะทำไม่ได้เลย ยังมีรถอีกหลายรุ่นที่สามารถนำมาปรับใช้ได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สเป็ก ACES car ที่คลอดออกมาล่าสุด เป็นสเป็กที่ได้รับการผลักดันจากรถยนต์หลายค่าย โดยเฉพาะคˆายฮอนด้า เพราะขณะนี้เท่าที่ทราบฮอนด้ามี ออร์เดอร์ที่จะผลิต "ฮอนด้าไลฟ์" ส่งกลับไปจำหน่ายที่ญี่ปุ่น โดยล่าสุดฮอนด้าได้ทำหนังยืนยันอย่างเป็นทางการแจ้งต่อนายวัฒนา เมืองสุข ว่า สเป็กดังกล่าวฮอนด้าพร้อมที่จะประกอบ ACES car เพื่อขายในประเทศในราคา 3.5 แสนได้ทันที ส่วนอีกค่ายหนึ่งได้แก่ค่ายฟอร์ด ที่เครื่องยนต์สามารถใช้กับน้ำมันประเภท E 20 โดยรัฐบาลจะมีกลไกสนับสนุนหลายส่วน อาทิ คิดอัตราภาษีสรรพสามิตลดลงจากอัตราปกติ 10% หรือ 20% แล้วแต่ว่าจะใช้เชื้อเพลิงแบบไหน ถ้าใช้เอทานอล 10% เดิมเคยเก็บภาษีสรรพสามิตสำหรับรถประหยัดพลังงาน 20% ก็จะเหลือเพียงแค่ 10% ส่วนถ้าใช้เอทานอลได้ถึง 20% ภาษีก็เหลือ 0%

    นอกจากนี้ รัฐบาลยังมีกลไกการช่วยเหลือด้านการลงทุนในทุกเขตการลงทุน อาทิ ยกเว้นภาษีเครื่องจักร, ยกเว้นภาษีเงินได้ 8 ปี, รวมถึงการลดหย่อนภาษีวัตถุดิบ

    อย่างไรก็ตาม ในกลไกของรัฐที่จะสนับสนุนให้ผู้บริโภคหันกลับมาใช้รถประหยัดพลังงานก็มี มาตรการที่จะปรับโครงสร้างภาษีรถปิกอัพเพื่อให้การใช้รถถูกประเภทมากขึ้น ลดการใช้พลังงาน ลดปัญหามลพิษ อีกทั้งจะเป็นผลดีในด้านการจราจรอีก โดยจะปรับภาษีปิกอัพแบบเอ็กซ์ตร้าแค็บ จากเดิมเก็บ 3% เก็บเพิ่มเป็น 5% และดับเบิลแค็บจากเดิมเก็บ 12% เก็บเพิ่มเป็น 15% ซึ่งมีผลให้ราคารถสูงขึ้นอีก 8,000-15,000 บาท

    ประเด็นนี้ทางผู้บริหารโตโยต้ามองว่า อาจจะส่งผลกระทบถึงภาพรวมต่อการที่รัฐบาลต้องการให้ประเทศไทยเป็นดีทรอยต์ออฟเอเชีย ตลาดปิกอัพบ้านเรากำลังไปได้สวย ไม่ควรมีอะไรมากระทบ แต่อย่างไรก็ตามหากเป็นนโยบายรัฐ โตโยต้าก็พร้อมที่จะทำตามเงื่อนไขและข้อบังคับทุกอย่าง

    "เดิมเรากำลังจะประชุมกันเรื่องปรับราคารถ เนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น เมื่อคราวที่คลังปรับวิธีจัดเก็บภาษีใหม่ เลิกราคาหน้าโรงงานแล้วใช้วิธีคิดจากราคาขาย แต่บังเอิญตรงกับช่วงที่รัฐบาลประกาศราคาน้ำมันลอยตัวพอดี เรื่องปรับราคาจึงต้องเบรกไว้ก่อน ส่วนผลที่จะกระทบกับตลาดก็มีบ้าง เพราะเราขายเอ็กซ์ตร้าแค็บกับดับเบิลแค็บเยอะ"

    แหล่งข่าวยังกล่าวอีกว่า ประเด็นเรื่องการจัดเก็บภาษีน่าจะมีการพูดคุยกันในที่ประชุมสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยอีกครั้ง โดยจะให้กรมสรรพสามิตไปหาสูตรคำนวณภาษี รวมทั้งกำหนดค่า "K" ที่จะเอามาหักให้มีความชัดเจนมากกว่านี้ ไม่ใช่เซตขึ้นมาเฉยๆ ไม่รู้ที่มาที่ไปอย่างที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้ โดยคำนวณต้นทุนที่ 76% ของราคาขาย

    http://www.matichon.co.th/prachachat/prachachat.php?show=1&selectid=02p0109060648&sectionid=0201&select_date=2005/06/06

    จากคุณ : HOMY DEMIO sport mpv - [ 8 มิ.ย. 48 15:30:30 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป