ความคิดเห็นที่ 1 มีน้องคนหนึ่งใช้รถ Civic VtiE ปี 96 ได้ทดลองวัดค่า A/F ได้ผลดังนี้ เมื่อเติมเบนซิน 95 ค่า A/F จะอยู่ที่ 14.3 เมือเติมโซฮอล 95 ค่า A/F จะอยู่ที่ 14.4-14.5 ซึ่งหมายความว่า  รถรุ่นนี้ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อ E10 เพราะเมื่อเติมไปแล้ว  กล่องไม่ยอมปรับส่วนผสม   จากข้อมูลที่ผมได้มา E10 ต้องการส่วนผสมที่ 14.1 แต่คันนี้กลับอยู่ที่ 14.4-14.5 A/F บางเกินไป แรงตก และก็กินน้ำมันเพิ่มขึ้นแน่ รถรุ่นนี้ทาง Honda ระบุว่าสามารถใช้ E10 ได้ แต่ดูจากรูปการณ์แล้ว  สามารถใช้ได้ก็จริงแต่ไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ จากคุณ : ton99 - [ 13 มิ.ย. 48 00:32:41 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รถรุ่นอื่นยี่ห้ออื่นไม่รู้ว่าเมื่อเติม E10 ไปแล้ว กล่องจะยอมปรับส่วนผสมให้ได้ 14.3 เท่ากับตอนที่เติมเบนซิน95 หรือเปล่า ถึงปรับได้ 14.3 จริง  ค่านี้ก็ยังไม่ใช่ค่า A/F ที่เหมาะสมสำหรับ E10 อยู่ดี เพราะค่า A/F สำหรับ E10 มันอยู่ที่ 14.1 ถ้าต้องการให้ได้ 14.1 คงต้องโปรแกรมกล่องมาตั้งแต่โรงงาน ปัญหาเรื่อง กาซโซฮอลเริ่มวุ่นแล้ว ที่วุ่นเพราะไม่ใช้นาย Ton99 ไปนอนขวางรถบรรทุก ethanol หรอก แต่วุ่นเพราะ เมื่อยกเลิก เบนซิน95 ไปแล้ว จะทำยังไงกับรถเป็นล้านๆคันที่มีค่า A/F อยู่ที่ 14.3 รถใหม่คงไม่มีปัญหา  เพราะสามารถโปรแกรมกล่องให้อยู่ที่ 14.1 ได้อยู่แล้ว จากคุณ : ton99 - [ 13 มิ.ย. 48 00:42:39 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ.ศิริบูรณ์  ได้บอกอะไรที่ผมชอบใจหลายๆอย่าง เรื่องนึงที่โดนใจมากๆคือ  เรื่องการสนับสนุนวิทยาศาสตร์ไทย ผมอยากจะบอกว่า งบประมาณที่สนับสนุนการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ไทย มันกระจุกอยู่ที่บางจุด  บางจุดสูญเงินไปเปล่าๆโดยไม่ก่อประโยชน์อะไรเลย ถ้าเจียดเงินที่สูญไป มาให้คนที่จำเป็นได้สักนิดหน่อย   ประเทศไทยคงจะได้เห็นอะไรที่มันดีๆกว่านี้แน่ ผมขอบอกว่านักวิยาศาสตร์ไทยเก่งๆมีเยอะนะครับ แต่บางคนก็ไม่มีงบส่งมาให้  บางคนก็โดนขัดแข้งขัดขัดขา บางทีไปทะเลาะกันโชว์ต่างชาติกันถึงต่างประเทศ พวกต่างชาติดูแล้วถึงกับตาค้างเลย  คนไทยเจ๋งจริงๆ จากคุณ : ton99 - [ 13 มิ.ย. 48 00:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อย่าเพิ่งงงที่ค่าเอเอฟที่ต่างกัน ให้มองที่ระบบกล่องโคลสลูป ในเรื่องของออกซิเจนที่เหลือในไอเสีย นั่นหมายความว่า เมื่อใช้อีเท็น ซึ่งในตัวเองมีออกซิเจนผสมอยู่ ถ้าฉีดเท่าเดิม น่นคือ จะมีออกซิเจนเหลือในท่อไอเสีย ให้ออกซิเจนเซนเซอร์ บอกกล่องว่า เฮ้ยออกซิเจนมันเหลือ ให้ฉีดเชื้อเพลิงเพิ่มหน่อย ในโคลสลูป นั่น คือที่มาที่ทำให้กินมากขึ้นนิด แต่แรงไม่ตกมาก เพราะค่าความร้อนของเอธานอลน้อยกว่าเอ็มทีบีอีก็จริง แต่พอฉีดเพิ่ม ก็มีเรี่ยวแรงดันลูกสูบไม่น้อยกว่ากันมากนัก แต่พอโอเพ่นลูป แน่นอนว่า ถ้าฉีดเท่าเดิม แรงจะตกนิดหน่อย เพราะบางกว่าที่เคย และมีค่าความร้อนน้อยลงนิด อย่า งงเรื่องเอเอฟเรโช ที่ต่างกัน เพราะในโคลสลูป ระบบเน้นที่ว่าออกซิเจนในไอเสียต้องเหลือออกมาเท่าเดิม ไม่ได้ปรับให้เอเอฟพอดีตามเชื้อเพลิง ถ้าออกซิเจนเหลือในท่อ ฉีดเพิ่ม ถ้าเหลือน้อย  ลดการฉีด การที่เอธานอลมีออกซิเจนในเนื้อมากกว่าเบนซิน ไม่ใช่มีแต่ข้อเสีย เพราะเราต้องการออกซิเจนในการช่วยเผาไหม้ ในเมื่อมีในเนื้อเชื้อเพลิง ก็ไม่ต้องกวักมือเรียกมาจากข้างนอก พอร์ทเล็กได้ อย่างไนโตรมีเทน ใช้เอเอฟโครตหนา ถ้าจุดไม่ติดล่ะ พัง เพราะก้านคดแหง แต่แรง และไม่ต้องทำเครื่องให้กวักอากาศมาก เพราะในเนื้อเชื้อเพลิงมีออกซิเจนอยู่แล้ว เอธานอลไม่ห่วย ถ้าไม่นับเรื่องกินมาก ออกเทนก็สูง มีออกซิเจนในตัวเองก็พอตัว ถ้าเซ็ตโปรแกรมมาพอดี อาจแรงกว่า เบนซินได้ อินดี้คาร์ ปีนี้ ปีหน้า ปรับกฎให้ใช้เอธานอลเก้าสิบ เมธานอลสิบ จากเดิมที่เล่นเมธานอลกัน แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:48:21 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:16:25 จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 01:04:23 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ยกมา จากที่ผมได้อ่านได้จำจากคนอื่นมา เบนซินมีตะกั่วในสมัยก่อน  A/F อยู่ที่ 14.7:1 เบนซินไร้สารตะกั่ว A/F อยู่ที่ 14.3:1 กาซโซออล (E10)  A/F อยู่ที่ 14.1:1 +++++ ถ้าเป็นไปตามนั้น ก็คือที่มาที่ทำให้รถส่วนใหญ่ ใช้อีเท็นแล้วเฉยๆ เพระเอเอฟมันเพี้ยนจากเดิมนิดเดียว แต่มีรถบางรุ่นหรือบางคน ยอมรับไม่ได้ไงครับ +++++ อ้อ เรื่องเอเอฟ เรโช ตัวเลขจะต่างกันนะครับ ระหว่าง เพียวแกซโซลีน รีฟอร์มูเลท แกซโซลีน บวก เอมที่บีอี รีฟอร์มุเลทแกซโซลีน บวกอีเท็น ไล่ลำดับกันลงมา สิบสี่จุดเจ็ดต่อหนึ่ง น่าจะเป็นเพียวแกซโซลีน ไม่ใช่รีฟอร์มูเลทที่มีออกซิเจนผสมบ้าง ส่วนรีฟอร์มูเลทแกซโซลีนที่เริ่มออกซิเจนผสมอยู่บวกกับเอมทีบีอีที่มีออกซเจนนิดนึงเช่นกัน จะเริ่มใกล้กับเมื่อผสมเอธานอลสิบ นั่นคือที่มา ที่ทำให้อีเท็น ใช้กับแม็บเดิมเพี้ยนแบบยอมรับได้ เพราะรีฟอมูเลทบวกเอมทีบีอี ไมได้ต้องการสิบสีจุดเจ็ดต่อหนึ่ง แต่เริ่มใกล้กับอีเท็น นั่นเอง ปล .ผมเคยใช้รถในเมกาหลายคัน รถเก่าแล้ว ปีหนึ่งเก้าแปดกว่า ถึงเก้าต้นๆ เกิดมาไม่ได้เพื่ออีเทน แม็บก็ไม่ได้เพื่ออีเท็น แต่ต้องเติม อีแท็น อีไฟว์ (จริงๆ แล้วเลขอาจไม่ลงตัวแบบนี้ มีเศษ) ผมก็เติมๆ ไปขับไป จะมีอาการมาก สตัมเบิล ตอนนอนคันเร่งสุดๆ ช่วงแรกบ้าง นอกนั้นเฉยๆ ยอมรับได้ครับ ถ้ามองตามหลักวิทย์ ในเมื่อรีฟอรมูเลทบวกเอมทีบีอีต้องการเอเอฟต่างจากอีเท็นไม่มาก แล้วเมื่อใช้อีเทนในแม็บเดิม มันจะเกิดผลต่างมากได้ไง นี่คือ วิทย์ ถ้าเกิดมาก จากความรู้สึก ทำไมไม่มองว่า มันเกิดเพราะคนบางคนยอมรับไม่ได้ หรือรถรุ่นนั้นห่วย ไม่ปรับตัวในกล่อง และถ้าสรุปว่ารถรุ่นนั้นห่วย อย่าถามว่า จะทำไง โวยไหม คงไม่ต้อง ถึงขนาดนั้นครับ เพราะรถที่ขายออกมาก็มีความห่วยในบางจุด ที่แตกต่างกันอยู่แล้ว คงยากที่จะโวยว่า ทำไมรถผมเพี้ยนเยอะ แต่รุ่นอื่นเพี้ยนน้อย เหมือนกับไม่ต้องโวยว่า ทำไมรถอื่นหนึบ แต่ทำไมรถผมยวบยาบ ทำไมระยะเบรกรถผมยาวกว่ารถรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน เพียงแต่พอรถตัวเองเพี้ยนมาก จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ก็อย่ารีบโวยว่า อีเทนมันห่วย นายต้นคงพอเข้าใจนะครับ ว่า ถ้าวิทย์บอกว่าเอเอฟ มันใกล้เคียงกัน ถ้าคนออกแบบเครื่องเจ๋ง จะเกิดความเพี้ยนแบบยอมรับได้ ในเมื่อเอเอฟที่ดี มันต้องการไม่ห่างกันมากตามที่นายต้นยกมา แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:52:08 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:50:28 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:46:12 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:29:06 จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 01:25:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 จากที่ผมได้อ่านได้จำจากคนอื่นมา เบนซินมีตะกั่วในสมัยก่อน  A/F อยู่ที่ 14.7:1 เบนซินไร้สารตะกั่ว A/F อยู่ที่ 14.3:1 กาซโซออล (E10)  A/F อยู่ที่ 14.1:1 ตอบ ลำดับ ความหนาบาง ถูกต้อง แต่ตัวเลขอาจเพี้ยนไปบ้าง และการคุยกับอ. และดร. อีกคน บางทีคนเรา (หมายถึงสองคนนั้น) ก็จำเพี้ยนได้บ้าง หรือคุยแล้วเพลินนะครับ ที่สำคัญ คือ การคุย และเนื้อหา อาจทำให้สับสน ว่าน้ำมันที่เราเคยบช้ มันต้องสิบสี่จุดเจ็ดต่อหนึ่ง ซึ่งนั่นคือเพียวแกสโซลีน ในขณะที่เราใช้รีฟอร์ฯ บวก เอมทีบีอี มาตลอด ตัวเลขย่อมลดจากสิบสี่จุดเจ็ดต่อหนึ่ง นั่นเป็นที่มาว่า ทำไมอีเท็น ถึงใช้แทนรีฟอร์ฯ บวกเอมทีบีอีได้แบบเพี้ยนแบบยอมรับได้ (แต่บางคนยอมรับไม่ได้) ปล. ผมเคยใช้รถหลายคันในเมกา รุ่นปีหนึ่งเก้าแปดกว่า ถึงเก้าต้นๆ ในกล่อง แม็บไม่ได้เกิดมาเพื่ออีเท็น แต่ปีนั้น ผมต้องเติมอีเท็น อีไฟว์ (เลขโดยประมาณ) แบบไม่ได้คิดอะไร ผ่านที่ไหนก็เติม มั่วไป ผสมไป ไม่ได้สนอะไร ก็ใช้งานได้แบบไม่รู้สึกอะไร (อาจรู้สึกบ้าง แต่มักสตัมเบิลตอนนอนคันเร่งแรกๆ เท่านั้น นอกนั้นปกติ) แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 02:03:54 แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 01:53:00 จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 01:52:21 ]

ความคิดเห็นที่ 7 สงสัยอีกหน่อยคงมีคุยกันเอง 2 สอง คนอื่นไม่กล้ายุ่งเดี๋ยวบาดเจ็บไปด้วย จากคุณ : ทีระ - [ 13 มิ.ย. 48 05:51:03 A:203.113.33.8 X:203.151.140.117 TicketID:072386 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เข้ามา งง ?????? จากคุณ : นกน้อยในไร่ส้ม - [ 13 มิ.ย. 48 07:00:02 A:58.10.88.41 X: TicketID:087386 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เล่มที่มีเรื่องแก็สโซฮอล์นี่หน้าปกเป็นรถอะไรครับ จะไปหาซื้อมาอ่านบ้าง จากคุณ : V.Putin (V.Putin) - [ 13 มิ.ย. 48 07:52:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ช่วยแปลกเป็นภาษาไทยด้วย จะขอบพระคุณมากครับ อยากรู้เรื่องด้วยอีกคน จากคุณ : Mr-32 - [ 13 มิ.ย. 48 08:06:46 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ปัญหาคือจะทำไงกับรถเก่าอีกเต็มบ้านเต็มเมือง จะฟ้องรัฐบาลได้ไม้ รัฐบาล น่าจะออกตังคืซื้อรถใหม่ให้นะ อิอิ (ถ้ายังเหลือ 95 ให้เติมบ้างจะไม่ว่าเลย) คุณTon กัด ต่อไปเรื่อยๆ ผมชอบ จากคุณ : . (เสี่ยวจับกัง) - [ 13 มิ.ย. 48 08:25:03 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เมื่อรัฐบาล ยกเลิก ไร้สาร95 แล้ว น่าจะบังคับรถใหม่ให้ต้องเติม E10 E20 ส่วนรถเก่าไม่เกิน 10 ปีก็สนับสนุนเงินให้ บริษัทรถ แก้โปรแกรมกล่องซะหน่อย คงดี ส่วนตัวแล้วคิดว่าน่าจะสนับสนุนให้ผลิต E80 ไปซะเลย เกษตกรไทย จะได้ลืมตาอ้าปากได้สักที จากคุณ : VVT-i Team - [ 13 มิ.ย. 48 09:30:50 A:192.168.20.164 X:202.142.216.250 TicketID:056252 ]

ความคิดเห็นที่ 13 รถในไทย ไม่ว่าปีไหน แม้แต่รุ่นที่ระบุให้ใช้อีเท็นได้ โปรแกรมในกล่อง ไม่ได้เกิดมาเพื่ออีเท็น รุ่นที่ไม่ได้ระบุให้ใช้ ไม่ได้หมายถึงว่าใช้แล้วเครื่องจะพัง เราต้องแยกสองอย่าง คือ ในเครื่องกับนอกเครื่อง เรื่องการเผาไหม้ ไม่ว่าเครื่องอะไร เก่าแค่ไหน การใช้อีเท็น ไม่มีพังครับ มีแต่เพี้ยนแบบยอมรับได้ อืดลงบ้าง กินมากขึ้นบ้าง กดคันเร่งสุด สตัมเบิลบ้าง แต่นอกเครื่อง เรื่องท่อยาง ถ้ารถที่ไม่ได้เกิดมาเพื่ออีเท็น ท่อยางจะเปื่อยเร็วขึ้นบ้าง เน้นว่าเร็วขึ้นบ้าง จากเจ็ดแ อาจเหลือหกหรือห้าปี ถ้ารถเก่าอยู่แล้ว ก็ถือโอกาสเปลี่ยนท่อยางซะ เมตรละร้อยกว่าบาท รถเก่า ท่อยางก็เก่าอยู่แล้ว สรุปว่า เรื่องการเผาไหม้ รถเก่า ใหม่ ไม่มีพัง ไม่มีอะไรจะทำให้พัง ในเมื่อออกเทนเท่าเดิม ส่วนเรื่องท่อยาง ถ้าท่อยางไม่ได้เกิดมาเพื่ออีเท็น จะเปื่อยเร็วขึ้นบ้าง ไม่ใช่จะขาดในเดือนเดียว เพราะมันไม่ใช่อีร้อย มันแค่เท็น ถ้าเปลี่ยนก็ไม่น่าเกิน ห้าร้อยบาท ปะเก็นหรือยางในคาร์บู แทนทื่จะเคยอยู่ได้ แปดปี มันอาจเหลือเจ็ดปี ไม่ใช่หดเหลือปีเดียว รถในบางสถานที่ กลางเมือง แถวๆ สนามมานางเลิ้ง ใช้เอธานอล มาตั้งแต่คนทั่วไป ยังไม่ได้ใช้ รถไม่ได้เกิดมาเพื่อเอธานอล แต่ก็ใช้งานปกติ และทุกวันนี้ก็ใช้อยู่ รถใหม่หลังมกรา 2550 กล่องจะเกิ ดมาเพื่ออีเท็น สำหรับรุ่นที่ใช้95 ครับ จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 09:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณ ton99  ครับ ถ้าเป็นไปได้ช่วยถ่ายรูปเครื่องวัด A/F ratio ที่น้องเค้าใช้มาให้ดูและลงรายละเอียด specification หน่อยครับ หรือเป็นลิงค์ก็ได้ ผมสนใจและอยากทราบหลักการวัดว่าเป็นอย่างไร วัดเฉลี่ยต่อช่วงเวลาที่ตั้งไว้ หรือเรียลไทม์ การบอกค่าเป็นตัวเลขดิจอตอลหรือเข็ม แล้วการต่อเป็นยังไงครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : Craftsman - [ 13 มิ.ย. 48 10:11:28 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้ามันเป็น close loop ทำไมถึงวัดได้ค่า 14.1 14.3 หรืออะไรๆที่ไม่ใช่ 14.7 ล่ะครับ ในเมื่อถ้า O2 sensor ส่งแรงดันไฟไปให้ ECU เพื่อฟ้องว่า O2 ในท่อไอเสียมันน้อยเกินไปนะ ECU ก็ต้องสั่งฉีดน้ำมันเพิ่มจน O2 sensor ส่งแรงดันไฟที่ค่า 14.7 อยู่ดี O2 Sensor ไม่น่าจะรู้ว่าเรากำลังใช้น้ำมันชนิดไหนนะครับ ดูเหมือนมันจะสนแต่ O2 ในท่ออย่างเดียว จากคุณ : Ontjung - [ 13 มิ.ย. 48 10:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เอ๊ะ หรือ A/F มิเตอร์ใช้ Sensor ที่ต่างออกไปครับ จากคุณ : Ontjung - [ 13 มิ.ย. 48 10:41:14 ]

ความคิดเห็นที่ 17 นั่นสิ กำลังงงว่า วิธีการวัดคลาดเคลื่อนรึเปล่า เพราะถ้าเราจะคุยกันแบบ"วิทย์" ก็น่าจะใช้ Standard Test Method คุยกันนะ เพราะถ้ากลายเป็นว่าใช้เครื่องวัดแบบลูกทุ่ง หรือเครื่องที่ไม่ใช่ Lab Class เดี๋ยวก็เถียงกันไม่ลงอีก เหนื่อย จากคุณ : Gunn_Sap - [ 13 มิ.ย. 48 10:59:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 สงสัยหลายท่านไม่เข้าใจความหมาย ของ close loop จากคุณ : CORONA ECT - [ 13 มิ.ย. 48 10:59:54 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ได้ความรู้เพิ่มอีกเยอะเลยคับ....แฮ่ อย่าพึ่งทะเลาะกันนะคับ อิอิ จากคุณ : Lerpong13 - [ 13 มิ.ย. 48 11:05:21 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตอบคุณ Craftsman ค่า A/F อ่านเอาจากจอฟ้าครับ ค่าจะแสดงผลออกมาเป็นตัวเลข แบบ realtime ส่วนความแม่นยำคงมีไม่มากสักเท่าไหร่ จากคุณ : ton99 - [ 13 มิ.ย. 48 11:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ตอบคุณ ont ค่า 14.1  14.3  14.7  นั้นเป็นค่า A/F ที่เหมาะสมของน้ำมันต่างๆที่ผมยกมา ค่าที่อ่านได้ ตอนเติม เบนซิน 95 อยู่ที่ 14.3 ตอนเติม โซออล 95 อยู่ที่ 14.4-14.5 ครับ จากคุณ : ton99 - [ 13 มิ.ย. 48 11:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ตามหลักการแล้ว ในโคลสลูป เครื่องไม่สนและไม่รู้ว่าน้ำมันเป็นอะไร แต่สนว่า ไอเสียมีออกซิเจนเหลือมากไหม ถ้ามาก ก็ฉีดเพิ่ม ถ้าน้อย ก็ลดการฉีด นั่นทำให้กินมากขึ้นนั่นเอง แต่ความแรงอาจไม่ลดมาก เพราะฉีดเพิ่ม ค่าความร้อนน้อย แต่ปริมาณที่ฉีดมาก ชดเชยกัน ส่วนการแสดงผลจากจะเอามาจากโอทูเซนเซอร์โดยตรงหรือจากตรงไหน อีกเรื่องหนึ่ง และอย่าลืมว่าที่เราใช้ คือ แนโรว์แบนด์ โอทู เซนเซอร์ ที่ทำงานหยาบหน่อยนะครับ ว่าแต่ว่า ตอนที่อ่านนั้น ลูปไหน ถ้าโอเพ่นลูป การใช้แกสโซฮอล์ จะทำให้เหลือออกซิเจนมากกว่าเดิม เพราะในเนื้อมันมีออกซิเจนอยู่แล้ว เผาตัวเองนั่นเอง จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 12:06:31 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถามต่อนิดนะครับ ถ้ารถที่ใช้โซฮอล์ แล้วLean สามารถใช้พวกกล่อง Adjustable อย่าง Motec หรือ Power FC มาจูนเพื่อแก้ปัญหาได้ไหมครับ ขอสงสัยอีกอย่างนึงคือเรื่องการชิงจุดครับ ไม่ทราบว่าโซฮอล์นี่ ต้านการชิงจุดได้เทียบเท่า 95 เลยหรือเปล่าครับ ถ้ารถยนต์เครื่องเทอร์โบ ทำแยะ+บูสท์หนัก (2 Bar) ถ้ามีกล่อง Adjust ที่จูนได้เหมาะสม ก็สามารถใช้งานได้ปกติเทียบเท่า 95 เลย ถูกต้องไหมครับ ข้อสุดท้ายนะครับ ได้ยินมาบ่อยมากๆเรื่องโซฮอล์ถ้าเติมแล้วจอดทิ้งนานๆจะไม่ดี เพราะส่วนที่เป็นแอลกอฮอล์จะระเหยหมด และทำให้กลายเป็น 91 ความเข้าใจนี้ถูกต้องไหมครับ ขอบคุณล่วงหน้าครับ แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 14:55:41 จากคุณ : walongkorn - [ 13 มิ.ย. 48 14:43:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 // ค่าที่อ่านได้ ตอนเติม เบนซิน 95 อยู่ที่ 14.3 ตอนเติม โซออล 95 อยู่ที่ 14.4-14.5 ครับ // ตัวเลขข้างบนนี้อ่านตอนรถวิ่งนิ่งๆนะครับ ซึ่งก็น่าจะอยู่ใน close loop แน่ๆ แต่ระบบคงไม่ละเอียดพอที่จะปรับน้ำมันให้หนาขึ้นได้ในขณะที่เติม E10 A/F ที่เหมาะสมของ E10 อยู่ที่ 14.1 แต่เครื่องทำได้แค่ 14.4-14.5 ผมว่ามันบางไปเยอะนะ น้ำมันบาง knock ง่าย และ NOX ก็สูงด้วย แต่ CO ต่ำนะ น้องคนนี้บอกว่า ลองปรับให้น้ำมันหนาจากจอฟ้าช่วยก็เพิ่มได้แค่ 0.1 เอง สำหรับ Honda Civic รุ่นนี้ถ้าจะเติม E10 จริงๆผมว่าคงต้องโปรแกรมลง ROM กันใหม่ จากคุณ : ton99 - [ 13 มิ.ย. 48 17:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เท่าที่ทราบฮอนด้ารุ่นเก่าๆ ดีตรงที่ทำรอมเหรือเปลี่ยนรอมได้ ก๊อปปี้ได้ เขียนใหม่และเบิร์นลงไปได้ รอมตัวไม่กี่ร้อย เห็นก็อปปี้กันเกลื่อน น่าจะเป็นรถที่แก้โปรแกรมด้วยวิธีที่ง่ายสุด ในขณะที่หลายยี่ห้อ จะเล่นกับน้ำมัน ต้องใช้กล่องพ่วงพิกกี้แบ็ค อย่าเพิ่งรีบมองในแง่ร้ายว่า ใครใช้ฮอนด้าแล้วซวย อาจมองในแง่ดีว่า มันแก้ไขง่ายกว่าชาวบ้านเขา ผมว่าไม่นานอาจจะมีเซียนขายรอมตัวละพันสองพันที่ใช้อีเท็นได้ดี ปล. ต้นทุนรอมเปล่าฮอนด้าประมาณ 200 บาทเครื่องเบิร์น 1000 บาท แต่คนแก้โปรแกรมต้องมีค่าวิชาหน่อยนะจ๊ะ และผมหรือใครที่เป็นเพือนผม คงไม่ทำ เพราะผมคุยว่า น่าจะทำรอมอีเท็นขายพวกฮอนด้า เขาเป็นมือจูนเนอร์โมเทคระดับต้นๆ ของไทย เขาบอกว่า ไม่อยากทำ เพราะไม่ได้ผลอะไรขึ้นมามาก และไม่อยากให้คนรู้สึกว่า อีเท้น ใช้แล้วมันเพี้ยนมากจนต้องจูน เพราะตัวเขาใช้อีเท็นแข่งเป็นประจำ และก็ชนะบ่อยๆ ในรถเอ็นเอ จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 18:07:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 23   ถามต่อนิดนะครับ ถ้ารถที่ใช้โซฮอล์ แล้วLean สามารถใช้พวกกล่อง Adjustable อย่าง Motec หรือ Power FC มาจูนเพื่อแก้ปัญหาได้ไหมครับ ++ ได้สบายครับ ทำได้มากกว่านั้นซะด้วย อาจจูนให้การใช้อีเท็นแล้วแรงกว่าในเบนซินนิดๆ ได้ในบางเครื่องด้วยซ้ำ ขอสงสัยอีกอย่างนึงคือเรื่องการชิงจุดครับ ไม่ทราบว่าโซฮอล์นี่ ต้านการชิงจุดได้เทียบเท่า 95 เลยหรือเปล่าครับ ถ้ารถยนต์เครื่องเทอร์โบ ทำแยะ+บูสท์หนัก (2 Bar) ถ้ามีกล่อง Adjust ที่จูนได้เหมาะสม ก็สามารถใช้งานได้ปกติเทียบเท่า 95 เลย ถูกต้องไหมครับ ++ แอลกอฮอล์ ออกเทน 130 นะครับ ถ้ารถผมจูนกล่องได้ สะดวก และมีแอลกอฮอล์ขายปลีกในราคาไม่แพง ผมซื้อมาใช้ และทำให้แรงกว่าเบนซินได้ ผมก็ใช้ในสัดส่วนมากกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ บูสต์เพิ่มได้ ปรับนำมันให้พอดี ก็แรงขึ้นแน่ๆ ข้อสุดท้ายนะครับ ได้ยินมาบ่อยมากๆเรื่องโซฮอล์ถ้าเติมแล้วจอดทิ้งนานๆจะไม่ดี เพราะส่วนที่เป็นแอลกอฮอล์จะระเหยหมด และทำให้กลายเป็น 91 ความเข้าใจนี้ถูกต้องไหมครับ ++ เบนซิน ก็ระเหยเร็ว เอมทีบีอีก็ระเหยเร็ว แอลกอฮอล์ก็เร็ว ลองเอาใส่แก้ว ตั้งตากแดดสิครับ มันก็ระเหยหมดช้าเร็วต่างกันไม่มากหรอกครับ ถ้าอะไรหมดก่อน ก็ไม่ใช่ว่าอีกตัวจะต้องรอสองวันแล้วถึงจะระเหยหมด จากคุณ : walongkorn  - [ 13 มิ.ย. 48 14:43:24 ] จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 18:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 เบนซินไร้สารตะกั่ว A/F อยู่ที่ 14.3:1 กาซโซออล (E10)  A/F อยู่ที่ 14.1:1 จากคุณ : ton99   ค่าที่อ่านได้ ตอนเติม เบนซิน 95 อยู่ที่ 14.3 ตอนเติม โซออล 95 อยู่ที่ 14.4-14.5 ครับ จากคุณ : ton99 ถ้าตัวเลขนี้จริงทั้งการวัดและหลักการ เครื่องยนต์น่าจะทำงานในแบบเพี้ยนน้อยมาก และ สำหรับผมแล้ว การใช้อีเท็นในเครื่องนี้ จะให้ความเพี้ยนแบบยอมรับได้ในการใช้งานทั่วไปครับ กินก๋วยเตี๋ยวก็ไม่ได้ปรุงอร่อยสุดยอดทุกจาน ขาดโน่น เกินนี่ในแต่ละวัน ก็ยังกินได้อร่อย ส่วนใครจะรับไม่ได้ เป็นสิทธิส่วนตัวครับ จากคุณ : CEDRIC - [ 13 มิ.ย. 48 18:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เอ สงสัยผมคงจะเข้าใจผิดอะไรซักอย่างแน่ๆ รบกวนช่วยตรวจการบ้านผมหน่อยนะครับ ว่าผิดตรงไหน สมมุติว่าเจ้าจอฟ้า(APEXi ?) มันเอาแรงดันไฟจาก O2 sensor ที่ติดมากะเครื่องมาคำนวณเป็น Lamda สมมุติว่า 200mV-850mV ได้ค่า Lamda = 14.7... ถ้าอยู่ใน Closed loop mode...กล่องมันก็ต้องจูนปริมาณเชื้อเพลิง(ไม่ว่าจะเป็นอะไร) จนกระทั่ง O2 Sensor มันส่งแรงดันที่ช่วง 200mV - 850 mV ไม่ใช่หรือครับ แล้วทำไมถึงไปวัดได้ 14.3-14.5 ล่ะครับ... จากคุณ : Ontjung - [ 13 มิ.ย. 48 19:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 29 Typical O2 sensor waveform.... Top = Pre (before cat) Bottom = Post (after cat) What kind of calculation method being used by the APEXi to give just ONE value? จากคุณ : Craftsman - [ 13 มิ.ย. 48 20:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณครับผม จากคุณ : walongkorn - [ 13 มิ.ย. 48 20:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 31 กระจ่างแล้วครับ ขอบคุณครับทุกท่าน จากคุณ : Shandy - [ 13 มิ.ย. 48 21:12:53 ]

ความคิดเห็นที่ 32 APEXi อาจใช้ค่าตรงยอดคลื่นเลยก็ได้นะครับ...ดูเหมือนจะเป็นค่าเดียวกับกราฟอันล่าง เพียงแต่ค่าแรงดันมันเปลี่ยนไวมากเพราะไม่มี buffer(ออกทะเลแล้วเรา) เออ แล้วทำไมต้องใช้ O2 sensor สองตัว Closed loop ที่โหลดต่างๆกัน ค่า A/F ratio เท่ากันหรือไม่...โอ้ย ยังไม่เข้าใจอีกมากครับ... แก้ไขเมื่อ 13 มิ.ย. 48 21:49:47 จากคุณ : Ontjung - [ 13 มิ.ย. 48 21:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 33 To me, the A/F ratio should be calculated from  duty cycle over a period of time may be 10seconds (FIFO Not real time) based on voltage from the Pre-CAT O2S. Assume the O2S is good. 50% duty cycle = 14.7:1 K.Ontjung... newer vehicles use 2 O2S for Pre-CAT and Post-CAT to evaluated the efficiency of the CAT and will set the CODE if the CAT is inefficiency. Older EFI only use one O2S. That's why some of the newer vehicles can't totally bypass the CAT any more. จากคุณ : Craftsman - [ 14 มิ.ย. 48 00:53:08 ]

ความคิดเห็นที่ 34 กระจ่างดีครับ สำหรับรถผม ผมว่า มันไม่ได้เพี้ยน แต่มันกำลังตก.. อย่างเดียวเลย ไม่ใช่รถชาดก๋วยเตี๋ยว แต่เป็น ปริมาณ ก๋วยเตี๋ยว ที่น้อยลง กล่องผมคงรับไม่ได้ เอง และคงมีคนแบบผมอีกมาก แปลกครับ ตอนเป็น E5 ผมรู้สึกดีกว่านี้มากๆ ตอนนี้คิกดาวบางจังหวะ แล้ว มีสะดุด ถือว่า อันตรายเวลาเร่งแซงครับ (ซึ่ง 95 ไม่เป็น) ถ้าตายไป จะให้ญาติฟ้องรัฐบาล(อีกแล้ว) แก้ไขเมื่อ 14 มิ.ย. 48 08:23:04 จากคุณ : . (เสี่ยวจับกัง) - [ 14 มิ.ย. 48 08:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 35 งงครับ จากคุณ : maxibon - [ 14 มิ.ย. 48 10:27:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อยากเห็นหน้าคุณ Cedic จัง ถ้าวันไหนไป Meeting อะไร โพสบอกไว้ด้วยนะครับ จากคุณ : Just Comment - [ 15 มิ.ย. 48 07:31:59 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ในแง่สิ่งแวดล้อมโอเค ดีมาก ในแง่สิ้นเปลืองมันเปลืองกว่าง่ะ ยกเว้นว่าก่อนใช้ จูนมาหนานิดๆ ก็พอดีกับโซฮอลเลย จากคุณ : MitsuGrandis - [ 16 มิ.ย. 48 00:22:43 ]

ความคิดเห็นที่ 38 /// เขาเป็นมือจูนเนอร์โมเทคระดับต้นๆ ของไทย เขาบอกว่า ไม่อยากทำ เพราะไม่ได้ผลอะไรขึ้นมามาก และไม่อยากให้คนรู้สึกว่า อีเท้น ใช้แล้วมันเพี้ยนมากจนต้องจูน เพราะตัวเขาใช้อีเท็นแข่งเป็นประจำ และก็ชนะบ่อยๆ ในรถเอ็นเอ /// ขอถามหน่อยนะครับ มือจูนคนนี้ตอนทำรถแข่งใช้ E10 จูน A/F ไว้ที่เท่าไหร่? 14.4 หรือ 14.5 หรือเปล่า? จากคุณ : ton99 - [ 16 มิ.ย. 48 17:31:50 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ความคิดเห็นที่ 9   น้ำมันบาง ความร้อนที่ได้จาการเผาไหม้สูง NOxมาก แรงตก แต่ CO ลดลง จากคุณ : CORONA ECT  - [ 29 พ.ค. 48 22:10:47 ] จากคุณ : ton99 - [ 16 มิ.ย. 48 17:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ตอนแข่ง โอเพ่นลุปเกือบตลอด เขาจูนที่ แถวๆ 12 โคลสลูปเขาจูนที่ 14 ต้นๆ ต่อ 1 จากคุณ : CEDRIC - [ 19 มิ.ย. 48 13:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เห็นไหมก็ไม่ใช่ 14.4-14.5 อย่างที่ผมเจอมา ถ้าส่วนผสมมันพอดี  มันก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่อย่างที่ทฤษฎีว่าไว้ ต่างกันแค่นั้นผมยอมรับได้ รถพวกผมอาจจะมีปัญหาก็ได้ ฉะนั้นอย่าพึ่งเชื่อผมมาก(อย่าพึ่งด่าผมด้วย) ผมว่าเราลองมาวัด A/F รถคันอื่นๆดูจะดีกว่า ได้ผลยังไงค่อยมาว่ากันใหม่  จะดีกว่าหรือเปล่าครับ จากคุณ : ton99 - [ 19 มิ.ย. 48 18:16:59 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ลองนึกตามอย่างนี้นะนายต้น ถ้าเครื่องไม่ได้จุนมาสำหรับอี 10 เครื่องจะมีค่าๆ หนึ่งที่โอทูเซนเซอร์ อ่านและรักษาไว้ สมมุติ 14.5  ต่อ 1 สมมุติการทีเกจ์จะอ่าน 14.5 ต่อ 1 ได้ จะต้องเป็นไฟ 0.55 โวลต์ นั่นคือไม่ว่าจะเติมเบนซิรนหรืออีเท็ การที่เป็นโคลสลูป เครื่องต้องพยายามจ่ายน้ำมันจนออกซิเจนเหลอืเท่าเดิม จนโอทูเซนเซอร์ จ่ายไฟได้ 0.55 โวลต์เท่าเดิม นั่นเป็นที่มาของการกินน้ำมันเพิ่ม แต่นั่นคือ ในอุดมคติ เพราะเครื่องถนน อาจไม่ไวขนาดนั้น โอทูเซนเซอร์ แนรโรวแบนด์ อาจไม่ไวหรอืแม่นขนาดนั้น พวกโปรแกรมเอเบิลอีซียู เขาเลือกได้นี่ครับ จะเอาเอเอฟเท่าไร รีฟอรืมูเลท+เอมทีบีอี ต้องการเอ/เอฟ 14 กลาง ๆ อีเท็น ต้องการ 14 ต้น ในโคลสลูป ถ้าน้ำมันฉีดเท่าเดิมเมื่อใช้อีเท็น ออกซิเจนในไอเสียจะเหลือ  ก็ฉีดเพิ่ม จนกว่าออกซิเจนจะเหลือเท่าเดิม ได้กระแสไฟออกจากโอทูเซนฯ ตามกำหนดเดิม เมื่อโอเพ่นลูป ฉีดเท่าเดิม ย่อมบางลง (แต่บางแล้วดีหรือแย่ แล้วแต่เครื่อง) และที่คุย คือ เครื่องในอุดมคตินะ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 48 19:32:42 จากคุณ : CEDRIC - [ 20 มิ.ย. 48 19:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 43 เอเอฟมิเตอร์ คือ โวล์ต มิเตอร์ ตามหลักแล้ว ในโคลสลูป เครื่องจะต้องจ่ายน้ำมันยังไงก็ได้ เพื่อให้โอทูเซนเซอร์มีไฟออกมาเท่าเดิม ไม่ว่าจะใช้นำมันอะไร ลองดูเพิ่มง่ายๆ ที่ http://www.ntklambdasensors.co.uk/main/pic/graph.gif จากคุณ : CEDRIC - [ 20 มิ.ย. 48 19:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 44 14.3 กับ 14.4 มันต่างกันแค่ 0.1 จะว่าน้อยก็ได้นะ รถพวกผมใช้ O2 sensor รุ่นเก่า ที่มีแค่ 2 สาย จะว่ามันไม่ละเอียดพอที่จะจับได้  ก็ไม่น่าใช่ เพราะค่า A/F ที่อ่านจากกล่องพ่วง  ก็รู้ว่ามันเปลี่ยน ผมเดาว่ากล่องอาจจะโปรแกรมเอาไว้ไม่ให้มันเปลี่ยน เช่นต่างแค่ 0.1 ไม่เปลี่ยน แต่ถ้าเกิน 0.2 ถึงจะเปลี่ยน อะไรประมาณนี้ รถรุ่นใหม่ๆที่มีสาย O2 sensor  หลายๆเส้น ผมยังไม่ได้ลองวัดนะครับ จากคุณ : ton99 - [ 21 มิ.ย. 48 17:22:24 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ถ้านายต้นดูจากกราฟ ใน http://www.ntklambdasensors.co.uk/main/pic/graph.gif จะเห็นว่า กราฟแถว14.7 ต่อ 1 นั่นชันมาก นั่นคือ จะมีช่วงที่เกิดกระแสไฟ ในเรนจ์ที่กว้าง สมมุติ 250ถึง 750 มิลลิโวลต์ ก็ยังอ่านได้ว่าเป็น 14.7 ต่อหนึ่ง มิเตอร์เป็นโวลต์มเตอร์ที่มีความหยาบพอสมควร มีเรนจ์ที่จะจับและแสดงว่ากว้าง โอทู เซนเซอร์ เป็นแนโรว์แบนด์ นายต้นคิดว่าจะมีความแม่นในการอ่านเหลืออยู่มากไหม ลองเอามิเตอร์ ดิจิตอล จากบ้านหม้อตัวละสามสี่ร้อย จับแบบเรียลไทม์ ดูสิ จะเห็นว่า โอทู แนโรว์แบน มันแสดงผลเป็นมิลลิโวลต์ น่าปวดหัว หรือก้าวกระโดดยังไง จากคุณ : CEDRIC - [ 21 มิ.ย. 48 23:06:38 ]

ความคิดเห็นที่ 46 39 น้ำมันบาง ความร้อนที่ได้จาการเผาไหม้สูง >>>>>>>>>>>>>> ผิดครับ น้ำมันบางความร้อนไอเสีย=สูง ...... จริง แต่ไม่ใช่ ความร้อนจากการเผาไหม้น้ำมันบาง = สูง ....... ผิด ครับ ถ้าน้ำมันบางความร้อนจากการเผาไหม้สูง=จริง ทำไมเราไม่หรี่เตาแก็สให้บางๆ ข้าวจะได้สุกเร็วละครับ ไปเร่งไฟ ทำไมให้มันเปลืองตังเปล่าๆ เรื่องนี้ Mr Moon อธิบายแล้ว จากคุณ : ช่างกล - [ 22 มิ.ย. 48 08:39:54 A:203.113.37.12 X:203.151.140.119 TicketID:001962 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เคยมีคนยกสัญญาณที่อ่านได้จาก O2 sensor มาให้ดู พบว่าสัญญาณมันมาเป็นคลื่นเลย ถ้ามันมาเป็นคลื่นแบบนั้น  กล่องคงไม่ได้อ่านค่าด้วยวิธีปกติแล้ว อันนี้ผมไม่รู้จริงๆว่า กล่องมันจะเริ่มทำงานยังไง จากคุณ : ton99 - [ 22 มิ.ย. 48 10:44:09 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เอ่อ............... ถ้าอยากรู้จิงๆว่า a/f ต่างกันเท่าไหร่ ต้องใช้ไฟ 0.5v ไปเสียบเข้ากล่อง แทน o2 sensor เพื่อหลอกว่าตอนนี้ ทุกอย่าปกติ แล้วใช้เซ็นเซอร์วัดอีกทีตอนทดลอง เชื้อเพลิงทั้งสองตัว จะรู้ว่า ค่า a/f ต่างกันยังไง โดยที่กล่องไม่ได้ adjust ที่คุณต้น วัดได้ เป็นค่าที่กล่องได้ adjust แล้ว มันไม่ถูกต้องเท่าไหร่ และค่าที่ได้ซึ่งต่างกันที่ +/-0.1 กล่องมันไม่เอามาคิดหรอกครับ กล่องรถบ้านครับ ไม่ใช่ motec จากคุณ : ฟหกด - [ 22 มิ.ย. 48 19:11:09 A:203.113.51.132 X:203.151.140.117 TicketID:037651 ]

ความคิดเห็นที่ 49 สัญญาณ o2 จะส่งมาเป็นพักๆครับ ไม่ได้ส่งนิ่งๆตลอด ส่งเป็นคลื่นแบบที่คุณว่านั้นแหละ และกล่องก็จะจับมา แล้วหาค่าอีกที ลองเอา โวลท์มิเตอร์ ต่อสาย o2 แล้วติดเครื่องดูก็ได้ครับ เข็มไม่เคยนิ่งเลย จากคุณ : ฟหกด - [ 22 มิ.ย. 48 19:16:39 A:203.113.51.132 X:203.151.140.118 TicketID:037651 ]

ความคิดเห็นที่ 50 สิ่งหนึ่งที่เรามองข้าม รวมถึงนายต้นคิดไม่ถึง คือ โอทู เซนเซอร์ มันมีอายุครับ ขนาดไวด์แบน ยังไม่กี่ชม. พัง แนโรวแบนด์ หยาบกว่า ทนกว่า แต่ไม่ใช่ไม่มีเพี้ยนหรือไม่เสีย ในต่างประททศมีขายกันเกลื่อน เมื่อมันเพี้ยน แต่ทนใช้ ผลเกิดขึ้นได้สารพัด คนไทย ใครเคยเปลี่ยนโอทูเซนเซอร์ บ้าง ถ้าเช็คเอนจิ้นไม่ขึ้น ไม่เปลี่ยน ทั้งที่มันเพี้ยนไปมากแล้วก็เป็นได้ ว่าแต่ว่า ผมยังไม่ได้เปลี่ยนบ่อยๆ เลย มีบ้างที่หยิบของเชียงกงสภาพสวยๆ ถูกๆ ไม่ใส่แทนในรถบางคัน (ถ้าเจอ) จากคุณ : CEDRIC - [ 22 มิ.ย. 48 19:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 39   ความคิดเห็นที่ 9   น้ำมันบาง ความร้อนที่ได้จาการเผาไหม้สูง NOxมาก แรงตก แต่ CO ลดลง จากคุณ : CORONA ECT  - [ 29 พ.ค. 48 22:10:47 ] จากคุณ : ton99  - [ 16 มิ.ย. 48 17:32:00 ] น้ำมันบาง ความร้อนที่ได้จาการเผาไหม้สูง NOxมาก หมายถึง  ช่วง A/F  ประมาณ16 ถึง16.5 ถ้าA/F  มากกว่า16.5 ความร้อนและ NOx จะตกเมื่อ A/F  เพิ่มขึ้น (ความร้อนที่ได้จากการสันดาปสูญเสียไปกับอากาศส่วนเกิน) หารายละเอียดได้ใน http://www.autoshop101.com/ Technical Articles 55 Emission#1 - Chemistry of Combustion.pdf   file size 301KB จากคุณ : CORONA ECT - [ 22 มิ.ย. 48 22:34:13 ]

ความคิดเห็นที่ 52 โอวมายก้อดดดดด คุยอะไรกันเนี่ย ฟังไม่รู้เรื่องเลยซักอย่าง ปวดเฮ้ดดดดดดดดดดด จากคุณ : modeller - [ 24 มิ.ย. 48 10:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 53 test จากคุณ : Ontjung - [ 13 ก.ค. 48 08:37:03 ]