ความคิดเห็นที่ 15
สวัสดีครับคุณปู่สีห์
(เห็นตาโอบฯเค้าเรียกเลยเรียกตามมั่ง คริคริ)
ผมเคยยืมรถจาทางโตโยต้ามาทดลองขับ อยู่ 4 วัน 3 คืน
ผลที่ได้เป็นดังนี้ครับ
---------------------
TOYOTA WISH WISH COME TRUE
โตโยต้าซุ่มดูความเคลื่อนไหวของตลาดคอมแพกต์มินิแวนในไทยมาเงียบๆ ตั้งแต่ช่วงที่จีเอ็มเพิ่งเปิดตัวซาฟิรา รวมทั้งการเปิดตัวและกอบโกยยอดขายของสตรีมที่ญี่ปุ่น อย่างสนุกสนานจนสร้างผลกระทบต่อยอดขายโตโยต้าเองในบ้านตัวเองอยู่ไม่น้อย ดังนั้น การที่ฮอนด้าเปิดตัวสตรีมในเมืองไทยนั้น เป็นสัญญาณให้โตโยต้าตระหนักว่า ถ้า คู่แข่งตัวฉกาจอย่างฮอนด้าจะตัดสินใจกระโจนสู่ตลาดกลุ่มนี้นั่นหมายความว่า ฮอนด้าเองคงมองเห็นศักยภาพการเจริญเติบโตของยอดขายมินิแวนในเมืองไทยแน่ๆ ด้วย เหตุนี้ ผู้บริหารโตโยต้าเมืองไทยจึงเจรจาพูดคุยกับบริษัทแม่ในญี่ปุ่นว่า จะปล่อยให้คู่แข่งครองตลาดไปง่ายๆอย่างนี้โดยไม่ทำอะไรเลยหรือ?
เวลาดังกล่าว สอดคล้องกับที่ บริษัทแม่ในญี่ปุ่นกำลังซุ่มพัฒนาคอมแพกต์มินิแวนรุ่นหนึ่ง ที่ไม่เคยมีขายที่ไหนมาก่อน ภายใต้รหัสโครงการ 760N เพื่อตั้งเป้าถล่มสตรีมให้ ราบคาบ งานนี้โตโยต้าถึงขั้นเรียกใช้ TAKESHI YOSHIDA หัวหน้าทีมวิศวกรที่ประสบความสำเร็จจากโครงการพัฒนาโซลูนา รุ่นแรก และโคโรลลา 120 อัลติส รุ่นล่าสุด มาเป็นหัวแรงใหญ่ในตำแหน่ง CHIEF ENGINEER กันเลยทีเดียว
ทันทีที่โตโยต้าเผยโฉมวิชครั้งแรกในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2002 (รถเพื่อการพาณิชย์) นอกจากลูกค้าชาวญี่ปุ่นจะตอบรับเป็นอย่างดีแล้ว ยังได้รับความสนใจจากลูกค้า คนไทยอีกด้วย มีการนำรูปโปรโมทเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต และมีผู้คนจำนวนมาก ชื่นชอบและอยากเป็นเจ้าของ
โตโยต้าเองก็ตอบสนองได้ทันใจมากๆ เพราะในที่สุด งานบางกอกมอเตอร์โชว์ ปีที่แล้ว โตโยต้านำวิช เข้ามาอวดโฉม เพื่อเป็นหารสำรวจตลาดและเสมือนเป็นเครื่องยืนยัน ว่า โตโยต้าจะนำวิชบุกตลาดไทยแน่นอนในช่วงปลายปี
และในที่สุด หลังปล่อยให้ญี่ปุ่นเปิดตัวล่วงหน้าไปก่อน เมื่อ 15 มกราคม 2002 รวม 9 เดือน โตโยต้าเมืองไทยจึงเริ่มปล่อยความเคลื่อนไหวครั้งแรกให้สื่อมวลชนรับรู้ โดยจัด มินิเพรสทอล์ก ขึ้นเมื่อ 30 กันยายน 2003 นำวิชคันจริงมาอวดโฉม ให้ขึ้นไปลองนั่งกัน แต่ยังไม่พร้อมทำตลาดจริง
และใช้เวลาในการเตรียมสายการผลิตเพียง 9-10 เดือนเท่านั้น ซึ่งถือว่าตั้งสายการผลิตได้รวดเร็วมากอีกรุ่นหนึ่งในประวัติศาสตร์ของโตโยต้าเมืองไทย
------------------------------- *** รูปลักษณ์ภายนอก***
วิช รหัสรุ่น ZNE10 และ ZNE14 ใช้รายละเอียดทางวิศวกรรมต่างๆ และพื้นตัวถัง (แพล็ตฟอร์ม) NCV ของโคโรลล่า อัลติส รุ่นปัจจุบันเพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต และลดระยะเวลาเตรียมการในสายการผลิต
จุดขายสำคัญของวิชอยู่ที่ความสดใหม่ของรูปลักษณ์ภายนอก ที่เน้นรูปแบบสปอร์ตโฉบเฉี่ยว ภายใต้แนวคิดการออกแบบ VIBRANT CLARITY ผสานกับความอเนกประสงค์สไตล์ MPV หลายคนที่พบเห็น แทบไม่มีใครบอก ว่าไม่สวย ชุดไฟหน้าแบบ DISCHARGE HEADLAMP ทรงเหลี่ยมเรียว ซ่อนโคมไฟ 3 ดวงรวมทั้งไฟเลี้ยว คล้ายกับที่พบได้ในเซลิกา และแคลดินาใหม่ เสาหลังคาคู่หน้า A-PILLAR ลาดเอียงและโค้งต่อเนื่องไปจนถึงโครงหลังคา กระจกประตูผู้โดยสารตอนกลาง เดินเส้นเป็นแนวยาวต่อเนื่องโอบรอบไปจนถึงประตูห้องเก็บของด้านหลัง คล้ายกับ MPV รุ่นพี่อย่างเอสติมา/พรีเวียโฉมใหม่ และชุดไฟท้ายเป็นแนวตั้งในระดับสายตา พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 บนสปอยเลอร์หลัง
เมื่อเปรียบเทียบมิติตัวถังที่ยาว 4,550 มิลลิเมตร กว้าง 1,745 มิลลิเมตร สูง 1,590-1,600 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,750 มิลลิเมตร แล้ว วิชจะยาวเท่ากับสตรีมพอดี ขณะที่ความกว้างนั้นหากเป็นเวอร์ชันญีปุ่น ซึ่งมีความกว้าง 1,695 มิลลิเมตร และวัดโดยไม่นับรวมโป่งล้อด้านข้าง ถือได้ว่ามีความกว้างเท่ากับสตรีม แต่แคบกว่าซาฟิรา 47 มิลลิเมตร แต่เวอร์ชันไทยนั้น เป็นรุ่นตัวถังกว้าง หรือที่เรียกว่า WIDE BODY ทำให้กว้างกว่าสตรีม 50 มิลลิเมตร และมีความกว้างพอๆกันกับซาฟิรา ต่างกันไม่กี่ มิลลิเมตร ขณะที่ความสูงพอๆกัน อย่างไรก็ตาม ระยะฐานล้อของวิช ยาวที่สุดในกลุ่ม ยาวกว่าสตรีม 30 มิลลิเมตร และยาวกว่า ซาฟิรา 56 มิลลิเมตร
-------------------------------
*** รายละเอียดทางเทคนิก ***
วิชเวอร์ชันไทย วางเครื่องยนต์เพียงแบบเดียว รหัส 1AZ-FE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี ห้องเผาไหม้แบบ SQUARE (กระบอกสูบ x ช่วงชัก 86.0 x 86.0 มิลลิเมตร) พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-i ซึ่งใช้วิธีแปรผันระยะเยื้องที่หัวแคมชาฟต์ ที่ยกมาจากซีดานหรูรุ่นพี่ คัมรี 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.5 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที
เวอร์ชันไทยมีเฉพาะระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ SUPER ECT แบบขั้นบันได พร้อมโหมด บวก-ลบ
ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็กเฟอร์สันสตรัต ด้านหลังแบบปีกนกคุ่ พร้อมเหล็กกันโคลง ทั้งหน้า-หลัง ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส เสริมด้วยระบบกระจายแรงเบรก อีบีดี และระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน BREAK ASSIST ซึ่งถือว่าดีกว่ารุ่น 2.0 ขับล้อหน้า เวอร์ชันญี่ปุ่น ที่ติดตั้งระบบกันสะเทือนแบบคานบิด เหมือนในโคโรลลา อัลติส ขณะที่บ้านเราให้ช่วงล่างหลังมาเป็นปีกนกคู่จากรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อในญี่ปุ่นมาเต็มๆ
พวงมาลัยเป็นแบบแร็กแอนด์พีเนียน พร้อมปั้มเพาเวอร์ และปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วรอบเครื่องยนต์ ------------------------------- *** การทดลองขับ และวัดอัตราเร่ง ***
การทดลองอัตราเร่ง ใช้ทางยกระดับบางนา-บางปะกง เป็นสถานที่ทดลอง โดยมีผู้เขียน น้ำหนักตัว 85 กิโลกรัม เป็นผู้ขับ และมีผู้ร่วมทดสอบซึ่งคอยจดบันทึกและจับเวลา อีก 1 คน น้ำหนักตัว 65 กิโลกรัม รวม 150 กิโลกรัม อุณหภูมิภายนอก 30 องศาเซลเซียส เติมลมยางไว้ คู่หน้า 28 ปอนด์/ตารางนิ้ว คู่หลัง 29 ปอนด์/ตารางนิ้ว ผลทีได้มีดังนี้
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง ครั้งที่ 1...11.77 วินาที ครั้งที่ 2...12.22 วินาท ครั้งที่ 3...12.42 วินาที ครั้งที่ 4...12.23 วินาที
เฉลี่ย...12.16 วินาที
เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลที่ทางโตโยต้าเผยแพร่กับสื่อมวลชน เป็นภาพวีดีโอ ในซีดี-รอม ระบุว่าได้ทำการทดสอบโดยติดตั้งเครื่องมือวัด ตัวเลขอัตราเร่ง 0-100 กิโมตร/ชั่วโมง อยู่ที่ 11.11 วินาที และทำอัตราเร่ง ควอเตอร์ไมล์ 0-400 เมตร ได้ในเวลา 17.89 วินาที
อัตราเร่ง 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทดลองแบบเปิดแอร์ 4 ครั้ง ครั้งที่ 1...9.04 วินาที ครั้งที่ 2...9.67 วินาที ครั้งที่ 3...9.68 วินาที ครั้งที่ 4...9.49 วินาที
เฉลี่ย...9.47 วินาที
เมื่อเหยียบคันเร่งจนสุด เพื่อเร่งความเร็วจาก 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทอร์ก คอนเวอร์เตอร์ จะเปลี่ยนเกียร์จาก 4 ลงสู่เกียร์ 2 และจะยังไม่เปลี่ยนขึ้นเป็นเกียร์ 3 ให้จนกว่าเข็มความเร็วผ่านหลัก 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ความเร็วสูงสุดในแต่ละเกียร์ "อ่านจากมาตรวัด" (เกียร์จะเปลี่ยนเอง ณ รอบเครื่องยนต์ประมาณ 6,250 รอบ/นาที) เกียร์ 1 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที เกียร์ 2 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที เกียร์ 3 165 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 6,250 รอบ/นาที เกียร์ 4 189 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,850 รอบ/นาที
ความเร็วสูงสุด อ่านจากมาตรวัดได้ 189 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ 4,850 รอบ/นาที ขณะที่ข้อมูลจากทางโรงงานระบุว่า เวอร์ชันไทยทำได้ 192 กิโลเมตร/ชั่วโมง ส่วนเวอร์ชัน ญี่ปุ่นถูกจำกัดความเร็วไว้ที่ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามกฎหมายญี่ปุ่น
เครื่องยนต์ 1AZ-FE ของวิช ให้อัตราเร่งค่อนข้างจัดจ้านสมตัว ช่วงออกตัวด้วยเกียร์ 1 ฉับไว ต่อเนื่องจนถึงเกียร์ 2 และ 3 นั้น เรียกพละกำลังออกมาฉับไว ความเร็วขึ้นจาก ระดับ 0 - 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้เวลาไม่นานนัก แต่เมื่อพ้นจากระดับ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ความเร็วจะขึ้นค่อนข้างช้าลง และต้องใช้เวลานานกว่าจะไต่ไปได้ถึง ความเร็วสูงสุด เสียงเครื่องยนต์แผดคำรามในระดับที่สร้างความเร้าใจ แต่ไม่ก่อความรำคาญในห้องโดยสารมากนัก
เกียร์อัตโนมัติ เปลี่ยนเกียร์ได้นุ่มนวล และราบลื่น ไม่มีอาการกระตุกให้เห็น อย่างไรก็ตาม หากคุณต้องการจะเร่งแซง ขอแนะนำให้ใช้วิธีดั้งเดิมที่เคยทำกันมา นั่นคือ เหยียบคันเร่งให้จมมิดเพื่อให้ทอร์ก คอนเวอร์เตอร์ คิ๊กดาวน์ เปลี่ยนเกียร์ให้ต่ำลง ซึ่งจะทำได้ฉับไวกว่าเพราะฟังก์ชัน SPORT MODE บวกลบ นั้น ยังตอบสนองได้ไม่ รวดเร็วพอหากต้องการเร่งแซงในยามคับขัน
ทัศนวิสัยรอบคันโปร่งตา มองเห็นได้ชัดเจน เสาหลังคาคู่หลัง D-PILLAR แทบไม่มีผลต่อทัศนวิสัยแต่อย่างใด เนื่องจากการเดินแนวเส้นตัวถังนั้น จงใจเน้นความโดดเด่นให้ กระจกหน้าต่างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถึงกระนั้น ด้วยความยาวตัวถังที่มากกว่า ดังนั้น การถอยหลังเข้าจอด จึงอาจต้องใช้ความระมัดระวังอยู่บ้าง ตามปกติ
ระบบกันสะเทือนในช่วงความเร็วสูง ถือว่าให้ความมั่นใจได้ดีมาก อาจไม่ถึงกับแน่นเท่าซาฟิรา แต่ก็ด้อยกว่าเพียงนิดเดียวเท่านั้น ช่วงที่เจอคอสะพาน ความเร็วไม่เกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ชุดสปริงและโช้คอัพสามารถรองรับแรงกดและดีดตัวกลับในระดับที่แทบไม่รู้สึกนัก อาจจะเรียกได้ว่าเป็นโตโยต้ารุ่นประกอบในประเทศ ที่ถูกเซ็ตระบบกัน- สะเทือนมาดีที่สุดเท่าที่เคยทำกันมา ก็ไม่ถึงกับกล่าวเกินจริงไปนัก อย่างไรก็ตาม ทุกความรู้สึกจากทุกสภาพผิวถนน ทั้งผู้ขับและผู้โดยสารจะได้ยินชัดเจนมาก ทั้งนี้เป็นผล มาจากยางติดรถยนต์จากโรงงาน เป็นบริดจ์สโตน ตูรันซา ER30 ขนาด 215/50 R17 ซึ่งมีลายดอกยางค่อนข้างถี่ ซึ่งเสียงรบกวนจะชัดเจนมากเมื่อแล่นผ่านรอยต่อผิวถนน
ขณะที่การเข้าโค้งนั้นให้ความมั่นใจได้ในช่วงความเร็วระดับ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับมุมองศาของทางโค้ง การหักหลบสิ่งกีดขวาง ทำได้อย่างเฉียบคม และไม่มีอาการโยนตัว หรือวูบ ปรากฎให้เห็น เพียงแต่อาจรู้สึกได้ถึงการบิดตัวและให้ตัวของโครงสร้างตัวถังอยู่บ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติของโครงสร้างตัวถังที่จะต้องมีความยืดหยุ่นอยู่บ้าง เพื่อทนต่อแรง ทนต่อความ
น้ำหนักพวงมาลัย ให้ความมั่นใจได้ดีในการเดินทางไกล นิ่งและแม่นยำ แต่ในช่วงความเร็วต่ำ หรือในช่วงถอยรถเข้าจอด อาจจะหนักกว่าคู่แข่งอยู่บ้างเล็กน้อย หากใช้มือ เพียงข้างเดียวหมุนพวงมาลัย อาจจะไม่ถนัด แต่ไม่ใช่เรื่องใหญ่
การตอบสนองของระบบเบรก ให้ความมั่นใจได้ดี ไม่ว่าจะเป็นภาวะปกติ อาการหน้าทิ่ม มีไม่มากนัก การหน่วงความเร็วอาจรู้สึกเหมือนช้าอยู่นิดหน่อย แต่แท้จริงแล้วเป็นผล มาจากการปรับปรุงระบบเบรกเพื่อลดอาการหน้าทิ่มนั่นเอง
การเปลี่ยนเลนกระทันหัน พบว่า รู้สึกได้ถึงการบิดตัวและให้ตัวของโครงสร้างตัวถังพอสมควร
(ต่อ)
จากคุณ :
JIMMY
- [
10 ส.ค. 48 12:40:22
]
|
|
|