ความคิดเห็นที่ 1 ขอบคุณมาก ครับ คุณton99 จากคุณ : โตโต้น้อย - [ 10 ส.ค. 48 07:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 2 จริงเหรอครับ ช่วยๆกันระวังหน่อยก็แล้วกัน จากคุณ : DLR - [ 10 ส.ค. 48 07:46:47 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเคยตอบกระทู้บอกว่าโซฮอลกินกว่าปกติอย่างน้อย 1 ก.ม. ลิตร  ครับ หลังจากที่สังเกตุไปเรื่อย ๆ มันกินเท่ากันแล้วล่ะครับ (เท่ากับ 91) แต่เรื่องอืดอย่างคุณต้นว่า ก็มี "นิด นิด นิด หน่อย " ครับ จากคุณ : แม่ฮ่องสอน - [ 10 ส.ค. 48 08:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 4 จริงแน่นนอน ผมอ่านบทความในนิตยสาร อ.ศิริบูรณ์ แกก็ว่าไว้ทำนองนั้นเรื่องเร่งแซง ส่วนรถผม ทั้งวิ่งธรรมดาทั้งเร่งแซง จะอืดไปเลย ใครมาขับรถผม ระหว่าง 95 และ E10 แล้วบอกว่าเหมือนกัน ถือว่าประสาทสัมผัสเลวมาก เฉพาะ ตอน e5 ตอนนั้น แทบไม่ต่างครับ เป็นไปได้ว่า ECU รถผมไม่มีปัญญาสั่ง น้ำมัน ให้อากาศต่ำกว่า 14 ต่อ 1 อัลกอฮอลยิ่งมากยิ่งต้องลดส่วนผสมอากาศ มากกว่า เบนซินปรกติ อยากจะเหน็บคนที่ใช้แล้ว บอกว่า เหมือนกันน่ะครับ ว่ารถมันมี่อยู่กี่สิบรุ่น แล้วทดสอบแกสโฮอลอยู่กี่รุ่น แล้วบอกว่าเหมือนกันไม่แตกต่าง ทุกวันนี้ก็มีคนบอกว่าเหมือนกันอยู่ครับ โดยเหมาชาวบ้านไปด้วย แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 08:38:02 แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 08:30:57 จากคุณ : . (เสี่ยวจับกัง) - [ 10 ส.ค. 48 08:24:34 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอ... ทุกวันนี้รถผมก็เติมสลับกันระหว่าง ก๊าซโซฮอลกับเบนซินปกตินะครับ ไม่เห็นมีอาการอย่างที่ว่าเลยครับ จากคุณ : รวมดาวสาวสยาม - [ 10 ส.ค. 48 08:24:35 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมก็คงเติม 95 ไปจนกว่าจะไม่มีเติมละครับ อยากให้มีการทดสอบอย่างเป็นการเป็นงานซักหน่อย ว่ามันดีหรือไม่ดีอย่างไร ถ้ามันดีจริงๆผมเติมอยู่แล้วละครับ ของถูกใครๆก็ชอบ จ่ายแพงกว่าทำไม(ถ้ามันดีจริงๆ) จากคุณ : ku_comsci - [ 10 ส.ค. 48 08:24:42 ]

ความคิดเห็นที่ 7 อ้อ! อ่านความเห็นคุณเสี่ยวฯแล้ว ร้อนตัวกลัวเป็นคนมีประสาทสัมผัส "เลวมาก" ครับ อิอิ.. เลยต้องชี้แจงเพิ่มเติมหน่อย ว่า เรื่องอืดนั้น อืดจริงครับ แต่เรื่องคิกดาวน์แล้ววูบนี่ ไม่เคยครับ อาจเป็นเพราะว่า เดี๋ยวนี้ขับรถแบบค่อยๆเหยียบก็ได้... (มั๊ง) จากคุณ : รวมดาวสาวสยาม - [ 10 ส.ค. 48 08:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 -ใครพอจะทราบข้อเสีย แก๊สโซฮอล หรืออธิบายหรือบอกแหล่งที่สามารถยื่นยันได้ว่า ใช้แล้วไม่เป็นอันตรายกับเครืองยนต์ได้บ้าง คืออย่างนี้ครับ ผมได้อ่านเจอข้อความหนึ่ง ซึ่งมีข้อความดังนี้ "ถ้าถามว่าแล้วมันจะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือเปล่าจากการใช้แก๊สโซฮอล์ ตอบเลยว่า มีดังต่อไปนี้ รถยนต์ในประเทศไทยที่ผลิตตั้งแต่ปี 1995 เป็นต้นมา ถังน้ำมันในรถยนต์ตลอดจนท่อทางเดินน้ำมันจากถังน้ำมันเข้าสู่เครื่องยนต์จะทำจากวัสด ุที่ทำจากยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษเพื่อแก้ไขปัหาน้ำมันไร้สารตะกั่วทำปฏิกริยากับถังน้ำมันเหล็กข องรถยนต์รุ่นก่อนหน้านี้ (รถยนต์รุ่นเก่ากว่าปี 1994 ลงไป) ซึ่งไม่สามารถจะใช้น้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่วได้เนื่องจากถังน้ำมันและท่อทางเดินจากถ ังน้ำมันเป็นสนิมอย่างรวดเร็วหากใช้น้ำมันไร้สารตะกั่ว ทำให้ถังน้ำมันและท่อทางเดินน้ำมันรั่วซึมก่อนเวลาอันควร แต่เมื่อรัฐบาลมารณรงค์ให้ใช้แก๊สโซฮอล์ ซึ่งมีส่วนผสมของเอธานอล 10 % และน้ำมันเบนซิน 91 90% หรือ E10 ที่คุยนักหนาว่าเติมได้ ปรากฏว่าเจ้าเอธานอล 10% ที่ว่านี้มันไปทำปฏิกริยากับถังน้ำมันรถยนต์และท่อทางเดินน้ำมันรถยนต์ที่ผลิตจากวัส ดุที่ทำจากยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษทำให้เกิดการกัดกร่อนยาง หรือพลาสติกชนิดพิเศษกลายเป็นตะกอนสะสมในถังน้ำมันไปเรื่อยๆ ทีละน้อย เมื่อปริมาณตะกอนมากขึ้นเรื่อยๆ ก็จะเกิดผลกระทบดังต่อไปนี้ 1.ปั๊มน้ำมันไฟฟ้าจะต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อดูดเอาน้ำมันเข้าไปเผาไหม้ในห้องเค รื่องยนต์ทำให้อายุการใช้งานของปั๊มน้ำมันไฟฟ้าสั้นลงอย่างรวดเร็ว 2. ไส้กรองน้ำมันเชื้อเพลิงหรือกรองเบนซินจะอุดตันเร็วกว่าปกติทำให้อัตราการสิ้นเปลือง น้ำมันเชื้อเพลิงของรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น และทำให้เครื่องยนต์กำลังตกลงเนื่องจากปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงไม่ได้สัดส่วนกับปริมา ณของอากาศ เมื่อ ECU สั่งจุดระเบิดจะทำให้กำลังของเครื่องยนต์ต่ำกว่ามาตรฐานของมันส่งผลให้เกิดอาการที่เ รียกว่าเร่งไม่ขึ้น 3. ห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์จะมีตะกอนของยางและพลาสติกชนิดพิเศษไปเกาะตามบ่าวาล์วลูกส ูบ แหวนลูกสูบ หากมีปริมาณไม่มากก็จะทำให้แหวนลูกสูบสึกหรอไปทีละน้อย แต่หากมีปริมาณมากๆ แล้วแหวนลูกสูบจะบิ่น ทำให้เครื่องยนต์เริ่มมีปัหาเนื่องจากแหวนลูกสูบไม่สามารถกวาดน้ำมันเครื่องลงก้นอ่า งได้หมด ทำให้รถยนต์คันนั้นมีปัหาการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์สะสมทีละน้อยๆ เครื่องก็จะค่อยๆ หลวมไปทีละนิด ทีละนิด 4. คาตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ หรือตัวกรองไอเสียของรถยนต์ในปัจจุบันไม่ได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับการใช้งานกับเ ชื้อเพลิงชนิดเอธานอลเบลนด์ การใช้งานเชื้อเพลิงชนิดอื่นนอกจาก RON (น้ำมันไร้สารตะกั่ว) ย่อมทำให้อายุการใช้งานของอุปกรณ์ชนิดนี้ลดลงกว่าที่ควรจะเป็น (คาตาไลติกคอนเวอร์เตอร์อายุใช้งานเฉลี่ยประมาณ 10 ปี) 5. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ที่ใช้กันในปัจจุบัน บริษัทผู้ผลิตเอธานอลในประเทศไทยแต่ละรายยังไม่สามารถส่งมอบเอธานอลได้มาตรฐานตามข้อ กำหนด ทำให้คุณภาพของน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในปัจจุบันยังไม่นิ่ง และแปรเปลี่ยนไปตามวัตถุดิบของแต่ละโรงงานผลิต ส่งผลให้การผสมน้ำมันเบนซินไม่ได้สัดส่วนที่แน่นอนอย่างที่ควรจะเป็นเนื่องจากมีบางโ รงงานลดคุณภาพเอธานอลลงเนื่องจากไม่สามารถปรับราคาจำหน่ายขึ้นจาก 12.75 บาท มาเป็น 14.90 บาทได้ จนกระทั่งปัจจุบันรัฐบาลต้องให้ราคาสูงถึงลิตรละ 15.00 บาทในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเพื่อจูงใจให้โรงงานผลิตเอธานอลเหล่านี้ไม่เกเร 6. น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 ไม่สามารถให้พลังงานได้เทียบเท่าน้ำมันเบนซิน 95 เดิม ทำให้ต้องเติมจำนวนมากกว่า เพื่อให้ได้ระยะทางการขับขี่ที่เท่าๆ กัน" เท็จจริงเป็นไงช่วยตอบด้วยคับ http://www.vios-club.com/phpbb2/viewtopic.php?t=1854&sid=9be3ad0485f34b373b1e9ae8f7585479 จากคุณ : benn (benn) - [ 10 ส.ค. 48 08:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 9 None of my cars at home, Toyota, Benz and Saab, have any problems mentioned above. We'll keep using Gasohol as long as they have them. จากคุณ : Mainee - [ 10 ส.ค. 48 08:48:52 A:58.136.71.163 X: TicketID:086737 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เของกระทู้ โม้หรือ เปล่า นี่คือหลักฐาน การทดสอบ http://pttinternet.pttplc.com/th/ptt_core.asp?page=ps_pr_fu_gs_08 ผลการทดสอบอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Fuel Time (0 - 100 km/hr) (sec)             test 1 test 2 test 3 Average Gasoline 11.02 10.93 11.02 10.99 Gasohol  10.78 10.61 10.95 10.79 จากคุณ : CORONA ECT - [ 10 ส.ค. 48 08:51:41 ]

ความคิดเห็นที่ 11 รถมีอยู่กี่รุ่น มีปัญญาทดสอบรถเก่าๆหมดทุกรุ่นเหรอ เวลาทดสอบจับเวลาทำอยู่สองสามรุ่น ไอ้ที่ทดสอบเยอะๆรุ่นก็แค่ทดสอบว่า "ใช้ได้" แต่ถามว่า  "ใช้ดี "เท่าเดิมไม้ เงียบ..... (สงสัยต้องฟ้องศาลข้อหาหลอกลวงประชาชนมั้ง) เวลาประกาศใช้ โหย ยิ่งใหญ่ ใช้ได้ทุกรุ่น เรื่องอัตราเร่ง เอาเร่งแซง 80-100 ก็พอ 0-100 คงไม่ใช่อัตราเร่งเซงแน่ ครับ ยิงต่อเนื่องตั้ง 3 เกียร   แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 09:59:08 จากคุณ : . (เสี่ยวจับกัง) - [ 10 ส.ค. 48 09:04:34 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เหมือน คคห.ที่ 6 ครับผม จากคุณ : notstudio - [ 10 ส.ค. 48 09:10:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 กรรมจริงๆ.... นี่ตรูก็เข้าข่ายความรู้สึกเหลวแน่ๆเลย.... การทดสอบเขาทดสอบกับรถคันเดียวหรือ.... เอาเถอะต่างคนต่างความคิดถ้าผมเติมแล้วค่าใช้จ่ายลดลงในสถานการ์ณอย่างนี้ผมก็จำเป็นต้องเติมครับ... มันจะอืดบ้างก็ช่างมัน ขับแบบใจเย็นๆ ไม่เร่งแซงใครก็คงไปได้เรื่อยๆล่ะนะ... จากคุณ : คนแก่...ผี (nobitong2002) - [ 10 ส.ค. 48 09:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เรื่องอื่นไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าท่อยางส่งน้ำมันที่ทนแอลกอฮอล์มีใช้มาเกือบยี่สิบปีแล้ว ส่วนรถคนอื่นจะไปหาท่อโบราณจากไหนมาใช้ก็ไม่ทราบ รู้แค่ว่ารถผมไม่มีปัญหา เร่งก็ไม่อืด และประสาทสัมผัสผมไม่เลวเหมือนที่เขาคิดด้วย จากคุณ : คิดไปเองทั้งนั้น - [ 10 ส.ค. 48 10:20:31 A:203.145.13.41 X: TicketID:085399 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ความคิดเห็นที่ 11 ใช่แล้ว ครับ ปตท เลือกทดสอบ แต่ รถยอดนิยม ที่มีอนาคต เช่น โตโยต้า อีซูสุ ความคิดเห็นที่ 4 น่าจะนำข้อมูล จากการทดลองจับเวลารถของท่านมาบอกด้วย ไม่ใช่ใช้ความรู้สึก ขอให้ทำใจกับรถที่กำลังใช้อยู่ จากคุณ : CORONA ECT - [ 10 ส.ค. 48 10:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 16 อย่าลืมควบคุมปัจจัยอื่นๆ นะครับ อากาศก็มีผลเหมือนกันนะ เห็นชัดด้วย จากคุณ : อากง - [ 10 ส.ค. 48 10:33:01 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมเติมโซฮอล์มาจะ 3 ปี แล้ว ไม่เห็นมันจะเป็นอะไรอย่างที่ใครๆเค้าพูดกัน  อุปโลก ! จากคุณ : Crazy_Jib_Gforce - [ 10 ส.ค. 48 11:03:38 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่รู้โชคดีหรือเปล่า รถที่บ้านผม ตอนนี้เติม gasohol ทั้งหมด มี benz, bmw, honda, vw ตู้, alphart เครื่องเดินปกติ อัดตราเร็งปกติ มีบางช่วงเติม gasohol สลับ กับ 95 ก็ไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง จากคุณ : jetman - [ 10 ส.ค. 48 11:12:46 A:202.57.136.181 X: TicketID:097540 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ประเด็นปัญหา ไม่ใช่อยู่เรื่องทำใจครับ ผมมี อีก สอง คัน ที่เอามาใช้บ้าง เติมโซฮอล ก็ไม่เป็นไรครับ คล้ายๆกัน ปัญหาคือ ทดสอบไม่ครบรุ่นแล้วเหมา ครับ ปัญหาคือบิดเบือนครับ โดยบอกว่าใช้ ดี เหมือนเดิม (ทดสอบทางวิศวกรรมนะครับ ไม่ใช่ทำโพล รายการสรยุทธ "ฉันใช้ดี" "ฉันก็ใช้ดี" แล้วสรุป บอกว่าดี ขนาดกลุ่มตัว ถึงไม่ต้องครบทุกคน(รุ่น)ก็ได้) ประธาน Intel เคยท้าผู้บริโภค เรื่อง P75 รุ่นแรกคำณวนผิด ผลปรากฎว่า ต้องสั่งเก็บ CPU ทั้งตลาด รัด-ถะ-บาน เรา น่าจะกล้าท้าผู้บริโภค อย่างนี้บ้างนะครับ เห็นมั่นใจกันมากใจกันมากกว่า มันดีเท่าเดิม (เติมได้น่ะรู้อยู่แล้ว) ผมว่าไม่กล้า นายกยังกินไก่ทอดไม่ติดเชื้อไข้นก ไม่กล้ากินไก่ติดเชื้อ รถของแกก็ยังเติม 95 อยู่ หลายแสนคัน ใช้ ดี เป็น true true true true มี หมื่นคัน ใช้ห่วยลง เป็น False False แค่ ทดสอบจริง มี False อยู่ไม่กี่คัน แบบมีนัยคัญ แคมเปญนี้ของรัฐบาลก็ False แล้วครับ (แต่ไม่กล้าพิสูจน์) แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 11:24:30 แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 11:21:18 จากคุณ : . (เสี่ยวจับกัง) - [ 10 ส.ค. 48 11:13:02 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เอ่อ.... แล้วผมจะ ประสาทสัมผัส "เลวมาก" ไหมครับเนี่ย ผมก็ใช้สลับกันนะครับ ระหว่างน้ำมันเบนซิน95 กับน้ำมันเบนซินก๊าสโซฮอลล์ ก็คิดว่าโซฮอลทำให้เครื่องอืดไปบ้างเล็กน้อย แต่ไม่มากจนรู้สึกแตกต่างอย่างชัดเจนแบบกรณีเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง+กรองใหม่ หรือสภาพอากาศที่ร้อนหรือเย็นต่างกัน ผมชอบอ่านหนังสือที่คนเก่งๆเขียนนะครับ แต่ไม่ค่อยชอบเอามาอ้างอิงหนะ เจ้าตัวเค้าไม่รู้เรื่องด้วย จากคุณ : superpock - [ 10 ส.ค. 48 12:14:13 A:203.146.9.27 X: TicketID:002731 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แล้วรถรุ่นเก่าที่ใช้กับgasoholไม่ได้จะทำยังไงดีค่ะ จากคุณ : หนอนผัก - [ 10 ส.ค. 48 12:17:02 A:203.113.51.137 X:203.151.140.115 TicketID:102605 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พวกคุณๆคุยกันอย่างกับว่าไอ้เจ้า gasohol E10 นี่มันเป็น product ใหม่ที่คนไทยเพิ่งคิดทำกันขึ้นมา ประเทศอื่นเขาใช้กันมาเป็นสิบๆปีแล้ว ก็ไม่เห็นมีปัญหา ในหลวงท่านเห็นประโยชน์กับประเทศชาติจึงมีดำริให้ทำการศึกษาและท่านก็ได้ผลิตใช้กันมาตั้งเป็นสิบปีแล้ว เผอิญราคาน้ำมันที่ผ่านมามันไกล้เคียงกว่าต้นทุนเอทานอลที่เอามาผสมโครงการมันถึงไม่เกิด แต่ตอนนี้ราคาน้ำมันปาเข้าไปยี่สิบกว่าบาทแล้วมันถึงทำได้ แล้วที่บอกว่าจะไปฟ้องร้องว่ารัฐหลอกลวงประชาชนนี่ ประชาชนประเทศประเทศอื่นที่เขาต้องใช้มาโดยที่ไม่ได้ดัดแปลงเครื่องยนต์ เขาคงฟ้องร้องกันไปนานแล้ว ดูที่ California ที่เปลี่ยนมาใช้ Gasohol E10 ทั้งหมด (แต่ไม่ต้องบอกหรือแยกแยะว่ามันคือ Gasohol) รถตั้งกี่สิบล้านคันทั้งเก่าใหม่ไม่เห็นมีใครออกมาโวยเลย เขาช่วยชาติกันทั้งนั้น (อุตสาหกรรมข้าวโพด) ส่วนพวกคนไทยเราพอมีโอกาสช่วยกลับมีปัญหา แต่ผมก็ไม่แปลกใจหรอกเพราะคนไทยไม่ค่อยไว้ใจรัฐบาล(ทุกชุด) และขอบอกว่าที่โครงการนี้เกิดยากเพราะผู้ประกอบการเอทานอลไปแย่งส่วนแบ่งธุรกิจน้ำมันของคนอื่น biodiesel หรือพลังงานทดแทนอื่นก็เหมือนกัน ก็เหมือนกัน เกิดยาก บ.น้ำมันหรืออยากจะแบ่งรายได้ไปให้คนอื่น? ข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่งที่ว่ารถในต่างประเทศที่เขาใช้ gasohol E10 ได้โดยไม่มีปัญหา อาจเป็นเพราะว่ารถที่ผลิตที่ต่างประเทศหรือที่ส่งไปต่างประเทศต้องมีและได้มาตรฐานที่ดีกว่ารถที่ขายในประเทศไทยเองเพื่อประหยัดต้นทุน สรุปคือว่า นีแหละคือประเทศไทย...ผลประโยชน์ส่วนตัวมาก่อน ชาติไว้ทีหลัง...คงจะเจริญแน่ จากคุณ : One More Time - [ 10 ส.ค. 48 12:31:47 A:58.136.71.163 X: TicketID:086737 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ทำใจ หรือไม่ก็เปลี่ยนรถใหม่เลยครับ จากคุณ : หนุ่มCity (Samartkl) - [ 10 ส.ค. 48 12:42:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ CORONA ECT เคยบอกไว้เองไม่ใช่หรือครับว่า ปตท ก็ผิดได้เหมือนกัน จากคุณ : ton99 - [ 10 ส.ค. 48 15:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ใครไม่ใช้ก็เรื่องของเค้า แต่ผมใช้เพราะผมประสาทสัมผัสเลว จากคุณ : ++พ่อ_ไข่ต้ม++ - [ 10 ส.ค. 48 15:33:34 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 24   คุณ CORONA ECT เคยบอกไว้เองไม่ใช่หรือครับว่า ปตท ก็ผิดได้เหมือนกัน ในกรณีใช้ ภาษาอังกฤษ มิใช่การทดสอบที่มีการเก็บข้อมูลละเอียด เรื่องนี้ผมว่าเจ้าของกระทู้ผิด เพราะไม่มีข้อมูล ใช้ความรู้สึก จากคุณ : CORONA ECT - [ 10 ส.ค. 48 15:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ผมบอกไปแล้วว่า รถบางรุ่นมีปัญหาจริง และบางรุ่นก็แทบจะไม่มีปัญหาเลยก็มี ถ้าขับรุ่นที่มีปัญหาแล้วแยกความต่างไม่ออกจะว่า ประสาทสัมผัสเลว ก็ได้ แต่ถ้าไปขับรุ่นที่แทบจะไม่มีปัญหาเลยแล้วก็ความแตกต่างไม่ออกก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ อย่างคุณ เสี่ยวจับกัง เขาบอกว่า // ใครมาขับรถผม ระหว่าง 95 และ E10 แล้วบอกว่าเหมือนกัน ถือว่าประสาทสัมผัสเลวมาก // ลองอ่านแล้วแปลกันใหม่ให้ดีก่อนที่จะทะเลาะกันครับ จากคุณ : ton99 - [ 10 ส.ค. 48 15:46:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 // ผลการทดสอบอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Fuel Time (0 - 100 km/hr) (sec)            test 1 test 2 test 3 Average Gasoline 11.02 10.93 11.02 10.99 Gasohol  10.78 10.61 10.95 10.79 // ทำไมกาซโซออลถึงแรงกว่ากาซโซลีนได้ละครับ ช่วยอ้างอิงทฤษฎีมาให้ดูหน่อยจะได้ไหม เรื่องการตอบสนองต่อคันเร่ง  ผมยังไม่เคยเห็น ptt ทดสอบให้ดูเลย ผมก็ไม่มีเครื่องมือราคาชุดละแสน  มาคอยวัดซะด้วยสิ เอาเป็นว่าถ้าไม่อคติ หรือมีประสาทสัมผัสเลวมาก มาขับรถผม  ผมรับรองว่าต้องแยกแยะกันได้แน่นอน ปล. ไปฟัง limo เติม 91 แล้วเครื่องน็อคมาแล้วหรือยัง จากคุณ : ton99 - [ 10 ส.ค. 48 15:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่ค่อยได้เร่งแซงเลยครับ รถติดจังเลย จากคุณ : เช็งเม้งแมน - [ 10 ส.ค. 48 17:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ได้ข้อมูลจากเพื่อนมา แคมรี่ท้ายหงส์ ปี 93 เครื่องอืดขึ้น กินน้ำมันใกล้เคียงเดิม จากคุณ : TauRuZ_PaSSeRBy - [ 10 ส.ค. 48 17:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 31 แต่ที่แน่ ดีเซลใช้ร่วมกับ NGV ตอนนี้เพื่อนผมบ่นแล้ว(สปอร์ดไรเดอร์เครื่อง 5L) เพิ่งเข้าโครงการกับ ปตท.ไม่นานมานี่เอง อัตราการจ่ายเชื้อเพลิง NGV 3ส่วน DIESEL 1ส่วน (ยังไม่ได้ถามเรื่องการสิ้นเปลือง(ค่าใช้จ่ายเชื้อเพลิงต่อระยะทางที่วิ่ง) แต่ปํญหาคือวิ่งทางไกลไม่ได้ เพราะเติมครั้งนึงวิ่งได้ไม่เกิน 150 กม.ต้องคลานกลับบ้านด้วยดีเซลล้วนๆเกือบทุกวัน ก่อนไปติดใช้รถในเส้นทางประจำซึ่งคิดว่าไม่มีปัญหาในการเติมแก๊ส แต่ตอนนี้งานเปลี่ยนเลยยุ่ง แก้ไขเมื่อ 10 ส.ค. 48 18:18:46 จากคุณ : mod15 - [ 10 ส.ค. 48 18:16:55 ]

ความคิดเห็นที่ 32 แต่ตอนที่ใช้โซฮอลก็เกือบเจออุบัติเหตุจากการเร่งแซงเหมือนกันเนื่องจากมันเสียจังหวะไปนิดนึง คณต้น คุณเอาสภาพการทดลองแบบนั้นไปให้คนในครอบครัวคุณ ทั้งๆที่คุณคิดอยู่ส่วนตัวคุณแล้วว่า แกซโซฮอลล์ ให้อัตราเร่งที่ตำกว่าเบนซิน95 ธรรมดา ไปให้คนในครอบครัวคุณใช้ คุณไม่กลัวเขาเร่งแซงไม่พ้นแล้วชนประสานงาบาดเจ็บล้มตายหรือไงครับ ? ไม่ทราบขับรถแซงกะทันหันขนาดนั้น เอานิสัยนักแข่งมาลงถนนด้วยเหรอ ? ผมขับรถชนิดที่ผู้คนธรรมดาเขาขับ ถึงมันจะช้าไปบ้าง ความรู้สึกผมมันก็ไวพอ จะใช้สติกะระยะแซงที่สมควรให้เหมาะสมได้นะครับ เลยไม่ทราบว่า ที่คุณบอกว่า สะดุด นั่น รถคุณได้มีการจูนให้ใช้น้ำมันไฮออคเทนมากไปหรือเปล่า ? ไม่ใช่รถบ้านทั่วๆ ไป ? จริงๆ แกซโซฮอลล์ ไม่ใช้น้ำมัน ไฮเพอร์ฟอมานซ์ สำหรับรถที่ผ่านการปรับแต่งเครื่องยนต์เพื่อไว้ซิ่ง หรือติดเทอร์โบ เหมือนรถยนต์ทุกวันนี้แน่ๆครับ ผมไม่เถียง แต่คนที่จะใช้ หรือคิดจะใช้ควรจะรู้ หรือจำใส่กะโหลกกะลาไว้ด้วยว่า เขาวิจัยไว้ มีค้นคิดไว้ใช้ เพื่อ ให้ประหยัด ลดการพึ่งพาโอเปค เท่าที่จะทำได้ เป็นการรณรงค์เพื่อผลทางจิตวิทยา และเพื่อผลทางลดการพึ่งพาน้ำมันดิบจากกลุ่มประเทศโอเปคดังกล่าวแล้วข้างต้น ส่วนผลจะได้มากน้อยแค่ใหน หรือได้น้อยมากจนไม่คุ้มทุน ผมไม่ทราบ ทราบแต่ว่า โครงการผลิตเอธานอลยังไงก็ยังช่วยให้เงินไหลเวียนอยู่กับคนในประเทศ ตอนนี้กลายเป็นว่า มีคนบางประเภทสนใจแค่ว่า รัฐบาลหรือคนในรัฐบาลสนใจแต่ผลประโยชน์จากโครงการเอธานอล มัวแต่คิดในแง่ลบอยู่ว่า คนเหล่านั้นจะได้อะไร แต่ทำไมไม่ลองคิดกันดูในแง่บวกบ้างละครับว่า ถ้ารณรงค์จนรถทุกคัน หรืออนาคต ที่จะผลิตออกมา ลดการพึ่งพาเบนซินร้อยเปอร์เซนต์ลงได้ บริษัทรถหันมาพัฒนารถ ที่มีชิ้นส่วนและระบบ กลไกรองรับ การใช้พลังงานทางเลือกที่หลากหลาย ดีกว่าจะมามัวพึ่ง ตลาดเบนซินจากกลุ่มประเทศโอเปคอย่างเดียว แบบนี้จะดีกว่าหรือไม่ ? เท่าที่ผมเห็น ทุกคนสนใจแต่ รถจะพังพินาศไปในเร็ววัน เอาเข้าจริงแล้ว ทุกวันนี้ รถแต่ละคัน เครื่องพัง เพราะกระทืบและอัดกัน ก่อนเวลาอันสมควรไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร โรงงานผลิตรถออกมาให้มีความทนทานอายุการใช้งานในระดับหนึ่ง ก็มีพวกวิศวกรที่สนใจแต่จะหากินกับการที่มีคนไปแต่งรถ เอารถไปให้แต่งให้จูนกัน จนเลยขีดที่ระบบจะรองรับ เสร็จแล้ว ก็เครื่องพัง ! ถามว่าเงินตรงนั้น !? ที่คุณจ่าย คุณรู้หรือทราบหรือไม่ครับ ว่า คุณใช้จ่ายเงินตรงนั้น ออกนอกประเทศเสียดุลย์การค้าให้กับประเทศผู้ค้าเครื่องยนต์เก่าอย่างญี่ปุ่นเท่าไร ???? บวกลบคูณหารกันเองบ้างนะครับ อย่ามัวแต่มากังวลว่าใครจะได้อะไรจากโครงการเอธนานอล แต่ใครเสียอะไร และมากแค่ใหนกัน ถ้าโครงการเหล่านี้ล้มเหลว คุณได้ หรือ ประเทศชาติเสียโอกาส ? คิดจะเติมกาซโซฮอลล์ ก็กรุณาเปลี่ยนนิสัยในการขับด้วยครับ ถ้าคิดแต่จะอัดอย่างเดียว แล้วกลัวเครื่องพัง ก็อย่าขับ ตะบี้ตะบันขับรถเทอร์โบกับน้ำมัน 95 ต่อไป วันใหนไม่มีน้ำมัน 95 ให้เติม เพราะรัฐจำกัดการนำเข้า โอเปคส่งมอบน้ำมันให้ประเทศไม่ได้ วันนั้น คุณค่อยขี่จักรยานสองล้อ เติมกาซโซฮอล์ไปทำงานก็ได้ครับ คนญี่ปุ่นเคยทำแบบนั้นมาแล้วสมัยสงครามโลก จากคุณ : วช. - [ 10 ส.ค. 48 19:36:16 A:202.142.217.130 X: TicketID:010996 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เห็นด้วยอย่างมากกับคคห.32ครับ โดนใจดีครับ จากคุณ : Slow - [ 10 ส.ค. 48 20:50:35 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ตอนแรกอยากเข้ามา comment เรื่องวิธีการขับเหมือนกัน แต่กลัวว่าผมจะตีความผิด พอมาอ่าน #32 ถึงได้เห็นว่า ผมคงไม่ได้ตีความผิด คุณต้นคงจะขับรถออกตัวรุนแรงกว่าชาวบ้านเขาสักหน่อย และอาจจะขับรถแบบวัยรุ่น ซึ่งบางทีเอาตัวเองเข้าไปอยู่สถานการณ์เสี่ยงโดยไม่จำเป็น การเสียจังหวะแม้เพียงเล็กน้อยจึง "อาจจะเกิดอันตรายได้" ในขณะที่หลายๆ คน ขนาดเครื่อง "กระตุก" ยังไม่เสียจังหวะจนอาจจะเกิดอันตรายเลยครับ ถ้าผมถูก  แนะนำให้คุณเปลี่ยนวิธีขับเถอะ จากคุณ : อากง - [ 10 ส.ค. 48 21:04:42 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อย่างกรณีที่ผมเจอปัญหา  เป็นกรณีที่ขับคลานอยู่ที่เกียร์ 2 ที่รอบต่ำๆแล้วเร่งแซงขึ้นไป ขอย้ำว่าความเร็วไม่ได้สูง เพราะขับไม่เกิน 30km/h ถ้าเป็นเบนซินก็จะเร่งได้ตามปกติ  แต่ถ้าเป็นกาซโซฮอลมันจะมีอาการสะดุดอยู่เล็กน้อยในช่วงที่เริ่มเร่ง   พอเร่งไปแล้วความแตกต่างจะมีเพียงเล็กน้อย ตรงนี้ถ้าบอกคนขับก่อนว่าตอนนี้ใช้น้ำมันอะไรอยู่   คนขับที่ดีเขาจะรู้ทันทีว่าควรต้องเปลี่ยนแปลงการขับยังไง โดยปกติการเปลี่ยนไปใช้กาซโซฮอล  จะต้องใช้รอบเครื่องยนต์ให้สูงขึ้นอีกเล็กน้อย การเสียจังหวะแบบนี้  ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องเจออุบัติเหตุร้ายแรงเสมอ ผมเพียงแค่มาเตือน  ท่านอื่นๆที่จะลองเติมเบนซินกับโซฮอลสลับกัน และเหตุการณ์ที่คนในบ้านผมเจอก็ไม่ใช่เหตุการณ์อะไรร้ายแรง เนื่องจากผู้ที่ขับมีทักษะและประสบการณ์สูง  จึงก็แก้สถานการณ์ได้สบายๆ เพียงแต่ว่าผมฟังแล้วไม่รู้สึกสบายใจ จากคุณ : ton99 - [ 10 ส.ค. 48 21:39:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผลการทดสอบอัตราเร่งจาก 0 - 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Fuel Time (0 - 100 km/hr) (sec)           test 1 test 2 test 3 Average Gasoline 11.02 10.93 11.02 10.99 Gasohol  10.78 10.61 10.95 10.79 // ทำไมกาซโซออลถึงแรงกว่ากาซโซลีนได้ละครับ ช่วยอ้างอิงทฤษฎีมาให้ดูหน่อยจะได้ไหม ขอให้ดูข้อมูล ผลการทดสอบปริมาณไอเสียและ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง  และใช้กฎ ทรงพลังงาน (conservation of energy) จากคุณ : CORONA ECT - [ 10 ส.ค. 48 21:50:48 ]

ความคิดเห็นที่ 37 /// คณต้น คุณเอาสภาพการทดลองแบบนั้นไปให้คนในครอบครัวคุณ ทั้งๆที่คุณคิดอยู่ส่วนตัวคุณแล้วว่า แกซโซฮอลล์ ให้อัตราเร่งที่ตำกว่าเบนซิน95 ธรรมดา ไปให้คนในครอบครัวคุณใช้ คุณไม่กลัวเขาเร่งแซงไม่พ้นแล้วชนประสานงาบาดเจ็บล้มตายหรือไงครับ ? ไม่ทราบขับรถแซงกะทันหันขนาดนั้น เอานิสัยนักแข่งมาลงถนนด้วยเหรอ ? ผมขับรถชนิดที่ผู้คนธรรมดาเขาขับ ถึงมันจะช้าไปบ้าง ความรู้สึกผมมันก็ไวพอ จะใช้สติกะระยะแซงที่สมควรให้เหมาะสมได้นะครับ เลยไม่ทราบว่า ที่คุณบอกว่า สะดุด นั่น รถคุณได้มีการจูนให้ใช้น้ำมันไฮออคเทนมากไปหรือเปล่า ? ไม่ใช่รถบ้านทั่วๆ ไป ? /// รถผมเอาออกแบบมาให้ใช้กับน้ำมันเบนซินไร้สารตะกั่ว  ไม่ได้ออกแบบมาให้ใช้กับกาซโซฮอล แต่ผมปรับตั้งองศาจุดระเบิดใหม่  เพื่อลดปัญหาเรื่องกำลังตกในขณะที่ใช้กาซโซฮอล เบนซิน95 กาซโซฮอล95 ต่างก็มีค่า RON เท่ากัน ถ้าผมไปจูนให้ใช้กับน้ำมัน high octane เบนซิน95 ก็ใช้ไม่ได้เช่นกัน /// ตอนนี้กลายเป็นว่า มีคนบางประเภทสนใจแค่ว่า รัฐบาลหรือคนในรัฐบาลสนใจแต่ผลประโยชน์จากโครงการเอธานอล มัวแต่คิดในแง่ลบอยู่ว่า คนเหล่านั้นจะได้อะไร แต่ทำไมไม่ลองคิดกันดูในแง่บวกบ้างละครับว่า ถ้ารณรงค์จนรถทุกคัน หรืออนาคต ที่จะผลิตออกมา ลดการพึ่งพาเบนซินร้อยเปอร์เซนต์ลงได้ บริษัทรถหันมาพัฒนารถ ที่มีชิ้นส่วนและระบบ กลไกรองรับ การใช้พลังงานทางเลือกที่หลากหลาย ดีกว่าจะมามัวพึ่ง ตลาดเบนซินจากกลุ่มประเทศโอเปคอย่างเดียว /// รัฐบาลบอกความจริงไม่หมด  กาซโซฮอลด้อยกว่า เบนซิน  ก็ควรจะบอกไปตรงๆ ไม่ใช่บอกว่ามันเหมือนกัน  ใช้แทนกันได้โดยไม่มีอะไรผิดเพี้ยน ถ้าบอกชาวบ้านไปตรงๆว่ากาซโซฮอลมันด้อยกว่าหน่อยนึง แต่เพื่อการลดการนำเข้าชาวบ้านควรช่วยกัน  ทำแบบนี้ถึงจะถูกครับ ส่วนเรื่องช่วยเกษตกร  ตรงนี้เป็นข้ออ้างคำหวานแบบลมๆแล้งๆมากกว่า เพราะการใช้กาซโซฮอล  มันไม่ได้ส่งผลทำให้ราคาผลผลิตมันดีขึ้นเลย /// เท่าที่ผมเห็น ทุกคนสนใจแต่ รถจะพังพินาศไปในเร็ววัน เอาเข้าจริงแล้ว ทุกวันนี้ รถแต่ละคัน เครื่องพัง เพราะกระทืบและอัดกัน ก่อนเวลาอันสมควรไม่รู้เท่าไรต่อเท่าไร โรงงานผลิตรถออกมาให้มีความทนทานอายุการใช้งานในระดับหนึ่ง ก็มีพวกวิศวกรที่สนใจแต่จะหากินกับการที่มีคนไปแต่งรถ เอารถไปให้แต่งให้จูนกัน จนเลยขีดที่ระบบจะรองรับ เสร็จแล้ว ก็เครื่องพัง ! /// มันไปเกี่ยวอะไรกับพวกรถแต่งครับ ตรงนี้พูดกันถึงรถชาวบ้านทั่วไปทั้งนั้นครับ /// ถามว่าเงินตรงนั้น !? ที่คุณจ่าย คุณรู้หรือทราบหรือไม่ครับ ว่า คุณใช้จ่ายเงินตรงนั้น ออกนอกประเทศเสียดุลย์การค้าให้กับประเทศผู้ค้าเครื่องยนต์เก่าอย่างญี่ปุ่นเท่าไร ???? /// เติมกาซโซฮอลแล้วเครื่องมีอายุการใช้งานสั้นลง ก็ต้องเสียดุลการค้าเพิ่มเหมือนกันครับ จากคุณ : ton99 - [ 10 ส.ค. 48 21:55:47 ]

ความคิดเห็นที่ 38 /// ขอให้ดูข้อมูล ผลการทดสอบปริมาณไอเสียและ อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง  และใช้กฎ ทรงพลังงาน (conservation of energy) จากคุณ : CORONA ECT  - [ 10 ส.ค. 48 21:50:48 ] /// ถ้าเครื่องจูนมาเพื่อใช้กับกาซโซฮอล  รับรองว่าแรงกว่าแน่ครับ แต่นี่เป็น 4A-FE นะครับ ตอน open loop ไม่ได้จูน A/F เอาไว้กับกาซโซฮอล ถ้าเติมกาซโซฮอลแล้วแรงกว่า  แสดงว่าของเดิมมีค่า A/F หนาเกินไป A/F ที่หนาเกินไปอาจจะมาจากความไม่สมบูรณ์ของเครื่อง หรือเป็นการจงใจปรับตั้งเพื่อให้ได้ผลทดสอบตามที่ต้องการ เครื่องไม่สมบูรณ์  เอามาทดสอบให้คนทั้งประเทศดูได้ไง ถ้าจงใจปรับตั้ง  ก็แสดงว่า ลวงโลก ดูสิว่าจะตอบชาวบ้านว่ายังไง? แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 48 05:48:49 จากคุณ : ton99 - [ 10 ส.ค. 48 22:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ความคิดเห็นที่ 27   แก๊สโซฮอลล์...ใช่ว่าจะเติมได้ทุกคัน แต่โตโยต้า 4A-FE  ใช้แล้วคุ้มกว่า (ไม่ได้โม้) นี่คือหลักฐาน http://pttinternet.pttplc.com/th/ptt_core.asp?page=ps_pr_fu_gs_08 จากคุณ : CORONA ECT  - [ 10 ส.ค. 48 09:27:17 ] จากคุณ : ton99 - [ 10 ส.ค. 48 22:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 จับอาการวูบได้เหมือนกันในช่วงแรกๆของการใช้ครับแต่คิดว่ามาจากการปรับตั้งองศาไฟมากกว่า เพราะรถผมเป็นคาร์บู แต่พอผมลองลดไฟลงอ่อนลงอาการดังกล่าวก็หายไปและยังใช้จนทุกวันนี้และจะใช้ตลอดไป ส่วนราคาสินค้าเกษตรนั้น ถ้าเราช่วยกันใช้ราคาอ้อยคงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม หรืออย่างน้อยก็ไม่ต้องนำเข้าสารเพิ่มอย่างเมื่อก่อน แต่เราใช้ของที่เราผลิตได้เอง จากคุณ : สายสามสี - [ 10 ส.ค. 48 23:53:27 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 38 ขอให้ดูค่า CO  ที่ทิ้งไปกับท่อไอเสีย CO มีค่าHHV ประมาณ24(MJ/kg) "เครื่องไม่สมบูรณ์  เอามาทดสอบให้คนทั้งประเทศดูได้ไง ถ้าจงใจปรับตั้ง  ก็แสดงว่า ลวงโลก" ผมว่าการทดสอบของปตท.น่าเชื่อถือกว่าข้อความในกระทู้มาก  ในกระทู้น่าจะใช้นาฬิกาจับเวลาก่อนตั้งกระทู้เวลา(นักเรียนคุมองทำการบ้านยังมีนาฬิกาจับเวลาใช้) ตกลงรู้จักความหมายของClosed Loop หรือเปล่า ในรถยนต์มีใช้หลายระบบ จากคุณ : CORONA ECT - [ 11 ส.ค. 48 09:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 42 response time ใช้นาฬิกาธรรมดาจับได้ทันด้วยเหรอ ที่ผมพูดถึงนี้คือ response time ไม่ใช่อัตราเร่ง โปรดเข้าใจเสียใหม่ด้วยครับ ผมปรับตั้งไฟให้แก่ขึ้นเพื่อลดปัญหาในตอนที่ใช้กาซโซฮอล รถผมถ้าตั้งไฟอ่อนกว่านี้ จะสะดุดแรงขึ้นครับ จากคุณ : ton99 - [ 11 ส.ค. 48 13:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ความเห็นที่ 37 "ส่วนเรื่องช่วยเกษตกร ตรงนี้เป็นข้ออ้างคำหวานแบบลมๆแล้งๆมากกว่า เพราะการใช้กาซโซฮอล มันไม่ได้ส่งผลทำให้ราคาผลผลิตมันดีขึ้นเลย" ทำไมถึงคิดว่า ราคาผลผลิตเกษตรไม่ดีขึ้นครับละครับ คุณทราบความเคลื่อนไหวของราคาอ้อย,กากน้ำตาลหรือมันสำปะหลังหรือเปล่า ตัวอย่าง ถ้าคุณรู้ข้อมูลจริง ก็น่าจะทราบว่ากากน้ำตาล ราคาขึ้นไปกว่าเท่าตัวหลังจากมีการเอากากน้ำตาลมาผลิตเอทานอล กากน้ำตาลมีผลโดยตรงต่อราคาอ้อยครับ เพราะรายได้จากการขายกากน้ำตาลอยู่ในสูตรคำนวณราคาอ้อยด้วย หรือถ้าทำจากอ้อยหรือมันสำปะหรังโดยตรง ก็เป็นการเพิ่มอุปสงค์ให้ผลผลิตเกษตรและเป็นทางเลือกให้เกษตรกรในการขายผลิตผลครับ มีคนมาแย่งซื้อผลผลิตกับโรงมันโรงน้ำตาลในขณะที่อุปทานไม่ได้เพิ่ม ราคามันก็ต้องสูงขึ้นครับ เหมือนในกรณีของกากน้ำตาล จากคุณ : jetman - [ 11 ส.ค. 48 17:00:49 A:202.57.136.181 X: TicketID:097540 ]

ความคิดเห็นที่ 44 งั้นขอดูราคาอ้อยและราคาน้ำตาลตามตลาดโลก แบบที่เทียบกันเดือนต่อเดือนระหว่างปีนี้กับกับปีที่แล้วสักหน่อยเถอะครับ จะได้เห็นกันชัดๆว่าราคามันขึ้นตามอะไรกันแน่ ผมเป็นคนนอกวงการ  ข้อมูลจริงๆผมคงไม่ทราบแน่ๆ ที่ทราบก็ไม่ใช่ข้อมูลจริงๆ Ethanol ให้พลังงาน 77,000 Btu/gallon แต่ต้องใช้พังงานในกระบวนการผลิตถึง 77,228 Btu/gallon ตรงนี้ผมยังหาคนมาตอบผมไม่ได้เลย แก้ไขเมื่อ 11 ส.ค. 48 17:09:12 จากคุณ : ton99 - [ 11 ส.ค. 48 17:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 45 รถ Ford ไม่เห็นมีเลยอ่ะ ใช้ได้ป่าวก็ไม่รู้ จากคุณ : sawatcafe - [ 11 ส.ค. 48 17:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ข้องเกี่ยวกับใครนะ.. แค่จะบอกว่า.. ถ้าเติม vios .. ผมสามารถแยกออกระหว่าง 95 และ โซฮอล95 แน่ๆ เหยียบแล้ว"รู้สึก"ต่างกันเห็นๆ แต่ระหว่าง 91 กับ โซฮอล95 ยังไม่สามารถแยกได้ชัดเจน จากคุณ : iNFeRNaL - [ 11 ส.ค. 48 19:14:27 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ความเห็นที่ 44 คุณก็ออกมายอมรับเองว่า คุณเป็นคนนอกวงการแล้วก็ไม่มีข้อมูล แต่ในเมื่อคุณไม่มีข้อมูล แล้วที่ออกมาพูดว่า "กาซโซฮอลมันไม่มีผลต่อราคาผลผลิต" คุณเอาข้อมูลเหตุผลอะไรมาพูดครับ ????? ยิ่งแสดงความคิดเห็นก็ยิ่งทราบว่าคุณไม่ค่อยจะรู้เรื่องจริงๆ ราคาอ้อยไม่มี quote ในตลาดโลกนะครับ มีแต่ราคาน้ำตาล สำหรับ เรื่อง net energy value ผมคิดว่าคุณกำลังเปรียบเทียบตัวเลขไม่ครบถ้วนและบนคนละพื้นฐานนะ ในงานวิจัย เขาก็บอกชัดเจนนะว่าตัวเลข 77,228 btu/gal มันต้องหักด้วย 14,372 btu/gal coproduct energy credit เท่ากับว่า สุทธิ์แล้วใส่พลังงานลงไป 62,856 btu/gal เทียบกับ heating value ของเอทานอลที่ 83,961 btu/gal ฉะนั้นเอทานอลมี energy balace เป็นบวกเท่ากับ 21,105 btu/gal การคำนาณ energy value ของงานวิจัยนี้คำนาณแบบ high heat value ครับ หรือถ้าจะเทียบกับ heat value ของเอทานอลที่ 77,000 btu/gal (ผมสันนิฐานว่าเป็นการคำนวณแบบ low heat value) สุทธิ์ผลก็เป็นบวกอยู่ดี(low heat value ต่างกับ high heat value อย่างไร มีอธิบายในงานวิจัยครับ) http://www.ethanol.org/pdfs/energy_balance_ethanol.pdf จากคุณ : jetman - [ วันแม่แห่งชาติ 00:47:41 A:202.142.216.198 X: TicketID:097540 ]

ความคิดเห็นที่ 48 /// งั้นขอดูราคาอ้อยและราคาน้ำตาลตามตลาดโลก แบบที่เทียบกันเดือนต่อเดือนระหว่างปีนี้กับกับปีที่แล้วสักหน่อยเถอะครับ จะได้เห็นกันชัดๆว่าราคามันขึ้นตามอะไรกันแน่ ผมเป็นคนนอกวงการ  ข้อมูลจริงๆผมคงไม่ทราบแน่ๆ ที่ทราบก็ไม่ใช่ข้อมูลจริงๆ /// สงสัยผมเขียนซับซ้อนเกินไป ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะเขียนใหม่ ผมขอดูราคาอ้อย เทียบระหว่างปีนี้กับปีที่แล้วแบบเดือนต่อเดือน ผมขอดูราคาน้ำตาลตามตลาดโลก  เทียบระหว่างปีนี้กับปีที่แล้วแบบเดือนต่อเดือน แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 48 05:08:24 แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 48 04:42:25 จากคุณ : ton99 - [ วันแม่แห่งชาติ 04:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 49 http://www.ethanol.org/PressRelease71905bhtm.htm // “That claim is just outrageous,” said Ron Lamberty, ACE Vice President / Market Development. “The bottom line is that it takes 35,000 BTUs of energy to turn a bushel of corn into a gallon of ethanol, and that gallon of ethanol contains at least 77,000 BTUs. What kind of math is being used to turn this number into a negative?” // งั้นที่ว่าใช้ 35,000 Btu/gallon  ACE Vice President เขาเอาข้อมูลจากไหนมาพูดละครับงานนี้ เพราะงานวิจัยบอกว่า  ใส่พลังงานไป  77,228 btu/gal   ได้ Ethanol ที่มีพลังงาน 83,961 btu/gal และ Coproduct  ที่มีพลังงาน 14,372 Btu/gallon แก้ไขเมื่อ 12 ส.ค. 48 05:33:59 จากคุณ : ton99 - [ วันแม่แห่งชาติ 05:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผมคิดว่าคุณไม่ได้เขียนซับซ้อนนะ แต่คุณเขียนคลุมเคลือ คิดไว้อยู่แล้วเหมือนกันว่าคุณคงจะตอบออกมาในลักษณะแบบนี้ ในเรื่องราคาอ้อยราคาน้ำตาล ราคากากน้ำตาล กระบวนการผลิตเอทานอล ผมยินดีถกกันต่อครับ แต่ก่อนที่ผมจะอธิบายต่อ คุณช่วยตอบคำถามของผมก่อนได้ไหมครับ ว่าที่คุณบอกว่า คุณเป็นคนนอกวงการแล้วก็ไม่มีข้อมูล แต่ในเมื่อคุณไม่มีข้อมูล แล้วที่ออกมาพูดว่า "กาซโซฮอลมันไม่มีผลต่อราคาผลผลิต" คุณเอาข้อมูลเหตุผลอะไรมาพูดครับ ????? คุณอาจจะถูกผมอาจจะผิดก็ได้ ช่วยอธิบายหน่อย ครับ จากคุณ : jetman - [ วันแม่แห่งชาติ 11:33:18 A:202.142.216.198 X: TicketID:097540 ]

ความคิดเห็นที่ 51 รู้ว่าผมถามแบบนี้ทำไมต้องมาย้อนถามกันให้เสียเวลาครับ ข้อมูลผมก็หาอ่านหาดูเอาแหล่งที่ชาวบ้านพอจะหาได้นั้นแหละครับ แต่ถ้าราคาอ้อยมันขึ้นเพราะกาซโซฮอลจริง  ป่านนี้พวกที่เชียร์เอทานอลคงออกมาคุยโวกันนานแล้ว เอทานอลที่ผลิตได้ในเมืองไทย  เขาใช้กากน้ำตาลไม่ใช่หรอครับ กากน้ำตาลพวกนี้เขาก็ยกให้โรงกลั่นเอทานอลไปฟรีๆ (หรือว่าไม่ฟรี?) แล้วโรงน้ำตาลเขาจะไปรับซื้ออ้อยในราคาที่แพงขึ้นทำไมละครับ จากคุณ : ton99 - [ วันแม่แห่งชาติ 15:52:24 ]

ความคิดเห็นที่ 52 Volvo850ของผมใช้แกสโซฮอล์95มาหลายปีไม่เห็นมีปัญหาครับ จากคุณ : Oldman (Vart) - [ วันแม่แห่งชาติ 17:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 53 อ้างอิงถึงความเห็น 38 เรื่อง A/F ratio closed loop ผมว่าคุณton99 เข้าใจการทำงานของระบบหัวฉีดผิดแล้วครับ ตอนที่ closed loop ตัว cpu จะปรับการฉีดจ่ายน้ำมัน โดยอาศัยข้อมูลแรงดันไฟฟ้าจากออกซิเจนเซนเซอร์ ให้เกิดการเผาไหม้สมบูรณ์มีมลพิษน้อย ซึ่งทางทฏษฎีคืออัตราส่วนที่ 14.7:1 ถ้าใช้น้ำมันเบนซิน แต่ถ้าใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอื่นๆ ตัว cpu ก็จะปรับการจ่ายน้ำมันจนเกิดการเผาไหม้ที่สมบูรณ์เช่นกันแต่ค่า A/F อาจจะไม่ใช่ 14.7:1 ดังนั้นสมรรถนะการทำงานตอน เครื่องยนต์วิ่งรอบคงที่(closed loop)ของเครื่องยนต์ที่ใข้ gasohol กับ เบนซิน ไม่น่ามีความแตกต่าง ยกเว้นแต่ อัตราการสิ้นเปลืองควรจะต้องสูงกว่าเล็กน้อยเนื่องจากอัตรา A/F ที่ให้การเผาไหม้จนสมบูรณ์ของ แกซโซฮอลล ต่ำกว่า 14.7:1 แต่การทำงานตอน open loop เช่นตอนเร่งแซงต่างหากที่น่าจะเป็นปัญหาเพราะ cpu จะถูกโปรแกรมมาให้ฉีดจ่ายน้ำมัน ให้ได้ กำลังสูงสุดโดยยอมให้มีการปล่อยมลพิษออกสู่อากาศภายนอกเพิ่มบ้างโดยจะใช้ A/F ที่ประมาณ 12:1 โดยอาสัยข้อมูลจากแอร์โฟล์เซนเซอร์ และ รอบเครื่องยนต์เป็นหลัก ซึ่งที่อัตราส่วน 12:1 นี้สำหรับเชื้อเพลิง แอลกอฮอล์ล แล้วถือว่าบางเกินไปยังไม่ถึงจุดที่ให้พลังสูงสุด แต่อย่างไรก็ดีในระบบหัวฉีดรถยนต์รุ่นใหม่ๆโดยเฉพาะรถค่ายยุโรป จะมีโปรแกรมการเรียนรู้สภาพเครื่องยนต์และน้ำมัน (adaptation) ที่จะปรับสัดส่วน A/F ที่เหมาะสมที่สุด ดังนั้นปัญหาเรื่อง optimum A/F (open loop) จึงไม่น่ากังวลนัก จากคุณ : Little Engineer - [ 13 ส.ค. 48 00:53:36 A:61.91.84.97 X: ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขอบคุณที่เตือนครับ  ความจริงผมก็เห็นคุณ corona พูดถึงเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าคงเป็นมุก  ก็เลยไม่ได้กลับไปดูข้างบน ตกลงว่าข้างบนผมพิมพ์เอาไว้ผิดครับ ที่ถูกต้องเป็น open loop ครับไม่ใช่ closed loop รถยุโรปรุ่นใหม่ๆสามารถปรับตัวได้ แล้วรถยุโรปรุ่นเก่าๆ กับพวกรถญี่ปุ่น รุ่นไหนสามารถปรับตัวแบบนั้นได้บ้างครับ เพราะรถบางรุ่นดูเหมือนว่าจะทำได้  แต่พอไปเติมโซฮอลแล้วกลับแรงก็ตก จากคุณ : ton99 - [ 13 ส.ค. 48 05:48:11 ]

ความคิดเห็นที่ 55 นายต้น ค่อยๆ อ่านการตอบครั้งนี้ของผมแบบไม่รีบอคตินะ ผมมาดี เรื่องเฉพาะในกระทู้นี้ นายต้นเน้นเฉพาะตอนโอเพ่นลูปที่กระแทกคันเร่ง ระบบตัดออกซิเจนเซนเซอร์ออกไป ทำงานในโปรแกรมที่ตั้งไว้ ทั้งตั้งตายตัว หรืออาจจะมีเรียนรู้ไว้ล่วงหน้าแบบที่บางคนบอก จะฉีดไว้หนาแถวๆ สิบสอง-สิบสามต่อหนึ่ง แต่ละรุ่นรถไม่เท่ากัน และเมื่อใช้รถไปจนเริ่มเก่าบ้างแล้ว ถ้าวัดส่วนผสมตอนกระแทกคันเร่ง อาจจะไม่ได้ส่วนผสมเท่าตอนเป็นป้ายแดง อาการกระแทกคันเร่งแล้ววูบ หรือสตัมเบิล นั่นคือ บางไป อีเท็น แก็สโซฮอล์ ถ้าจ่ายเนื้ออีเท็นเข้าไปเท่ากับตอนที่เป็นเก้าห้า เอเอฟเรโช จะบางลงนิดเสมอ เน้นว่า นิด เพราะมันไม่ใช่อียี่สิบหรืออีร้อย เน้นว่า อีเท็น เมื่อบางลงแล้วเกิดอะไรขึ้น นายต้นฟันธงว่า จะมีอาการวูบ หรือสตัมเบิล แต่ก็วิเดียวหรือกว่าๆ ครับ นี่คือหลักการของเครื่องยนต์ ต่อจากนั้นก็จะวิ่งได้ (ขอนอกเรื่อง รถผมใช้แอลพีจี ลองจูนบาง รถผมมีเอเอฟมิเตอร์ ให้ตอนกดคันเร่งลึกๆ แล้วแทนที่จะหนา กลับบางลง เพราะแก๊สถูกหรี่ มีอาการสตัมเบิลครับ แต่วิเดียว และไม่ถึงกับขโยกเป็นม้า) ประเด็นคือ รถจะเกิดอาการวูบหรือสตัมเบิล เมื่อกระแทกคันเร่ง ก็ต่อเมื่อ เอเอฟ มันบางกว่าที่เครื่องนั้นอยากได้ ประเด็นคือ นายต้นทดสอบกับรถไม่กี่รุ่น แล้วก็บอกว่าเป็นให้ระวัง นายต้นและใครๆ บอกว่าปตท. ทดสอบรถไม่กี่รุ่น แล้วก็บอกว่าเจ๋ง ทั้งสองฝ่ายต่างทดสอบไม่กี่รุ่นแล้วสรุป อย่างนี้ใช้ไม่ได้ โดยเฉพาะนายต้น จะมาสรุปแบบนี้ไม่ได้ครับ ทำไม เพราะไม่แน่ว่ารถทุกรุ่นทุกคันจะเกิดอาการนี้ เพราะมันจะเกิดเมื่อเอเอฟ บางกว่าที่เครื่องนั้นชอบ ประเด็นสำคัญคือ ตอนใช้น้ำมันปกติ เครื่องนั้นมีเอเอฟเรโชเท่าไร อย่าคิดว่ามันจะพอดีเป๊ะเสมอในทุกรุ่น เพราะโรงงานอาจจะจูนไว้หนานิด เผื่อว่ามีอะไรแปลกๆ หรือเพี้ยน เช่นอากาศวันนั้นมีออกซิเจนเยอะกว่าปกติ จะได้ไม่บาง จะได้ไม่วูบ บางเครื่องคนจูนเจ๋ง ทำพอดีเป๊ะได้ บางเครื่องเน้นประหยัด คนจูนสุดเจ๋ง ดันจูนไว้ได้บางกว่าชาวบ้านนิดหน่อย การใช้อีเท็นแล้วจะวูบตอนกระแทกคันเร่งไหม ขึ้นกับ ณ วันที่เติม เครื่องนั้นมีเอเอฟเรโชตอนกระแทกคันเร่งเป็นไง ถ้าเป็นเครื่องในอุดมคติ เดิมหนาพอดีเป๊ะ อาจจะมีอาการวูบนิ๊ดเดียว จนจับแทบไม่ได้ ถ้าเดิมหนานิด จะกลายเป็นพอดี ถ้าเดิมบางนิด จะกลายเป็นวูบเยอะนิดจนจับผิดได้ ประเด็นคือ เครื่องในถนน ตอนกระแทกคันเร่งแรงๆ เดิมน่าจะเป็นไง พอดี หนานิด บางนิด ถ้าถามผมกับเครื่องที่สึกหรอไปแล้ว นับล้านเครื่อง นับร้อยรุ่น กรองอากาศเริ่มสกปรก อากาศมีออกซิเจนน้อยกว่าอุดมคติ ถามว่า ตอนกระแทกคันเร่ง เครื่องนั้นมีเอเอฟเรโชอย่างไร ผมไม่ได้จับมาวัดครับ แต่ผมว่าเกินครึ่งของจำนวน หนาอยู่นิด เพราะมันไม่เคยกระแทกคันเร่งแล้ววูบเลยในวันใดๆ เพราะความเพี้ยนและการเสื่อมของอุปกรณ์ต่างๆ มันน่าจะส่งผลให้หนาไปนิดนับจากป้ายแดง อีกสักยี่สิบสามสิบเปอร์เซ็นต์ ผมว่าพอดี และส่วนน้อยมากบางไปนิด แต่ไม่ได้บางมาก เพราะตอนใช้เก้าห้า ไม่เคยวูบ แต่อาจจะมีรถที่บางจนแตะขอบแล้วแบบรถนายต้น ที่พอเดิมอีเท็น แล้วข้ามเส้นจนเกิดอาการ ดังนั้น นานต้นสรุปฟันธงได้ครับว่า เติมอีเท็น พอกระแทกคันเร่งแล้ว เอเอฟต้องบางลงกว่าเดิมแน่ แต่ฟันธงไม่ได้ว่า พอบางแล้วต้องวูบ เพราะบางแล้วอาจจะไม่วูบ เพราะเดิมหนาไปนิด หรือบางแล้ว อาจจะวูบนิดเดียว ต้องจ้องจับผิด เพราะเดิมพอดีอยู่ ไม่ได้บาง ส่วนรถนายต้น ผมเดาว่าเป็นหนึ่งในรถที่เดิมๆ บางสุดขอบ ตรงเส้นที่ไม่เกิดปัญหา พอใชอีเท็นแล้วเลยข้ามเส้นนั้น หรือกระแทกคันเร่งแบบรถแข่ง ในขณะที่คนทั่วไป เวลาคิกดาวน์ อาจจะกดแค่เกือบมิด หรือกดมิด แต่ไม่พรวดแบบนายต้น อ่านดีๆ ผมบอกความจริงทั้งนั้น ไม่ได้มากวน ใช้อีเท็นในโอเพ่นลูป แล้วเอเอฟจะบางลงเสมอจากเดิม แต่อย่ารีบบอกว่า บางลงแล้วจะห่วย จะออกอาการมากแบบที่นายต้นบอกซะทุกคัน แต่อาจจะบางแล้วดี เพราะเดิมหนานิด (ดีไม่ดี แรงขึ้นด้วย เพราะหนาไปย่อมไม่ดี) บางแล้วเกิดอาการนิดเดียว เพราะเดิมพอดี หรือเกิดอาการมาก เพราะเดิมบางสุดขอบเส้นอยู่ ผมเองขับรถโหด กระแทกคันเร่งสุดและเร็วบ่อย แต่โชคดีแฮะที่รถผมทุกคันและรถลูกน้องผมทุกคัน เมื่อเติมอีเท็น บางคันรถสองปี รถเก่าสุด สิบสามปี รวมแล้ว สิบคันที่ผมขับ ครึ่งหนึ่งของจำนวน ไม่มีอาการสตัมเบิล วูบ ตอนกระแทกคันเร่งแบบผม อีกครึ่งหนึ่ง มีบ้าง แต่ไม่หัวทิ่มหัวต่ำ คือ เกิดแบบแทบไม่เกิด และไม่แสดงอาการเลยเมื่อขับแบบชาวบ้านชาวเมือง ไม่โหดแบบผม สำหรับคนส่วนใหญ่ที่ไม่บ่น กบัอาการวูบ ตอนเริ่มโอเพ่นลูป ผมว่า เพราะเดิมเครื่องนั้น หนานิดๆ อยู่แล้ว (คนที่อ่าน เรื่องของ อ. ศิริบูรณ์ กรุณายกมาให้ครบ เพราะ อ.ก็บอกว่าบางลงแหง แต่บางลงแล้วอาจจะดีหรือแย่ก็ได้ และอ. บอกว่า เครื่องบนถนน ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว มีแนวโน้มว่า ตอนใช้รีฟอร์มูเลทแกสโซลีน จะหนานิดๆ) มีแนวโน้มว่า จะหนานิดๆ ด้วยหลายเหตุผล จะเพราะอะไรก็ตาม หรือคนขับ ไมได้กระแทกคันเร่งโหดแบบผมหรือนายต้น ผมก็ไม่ทราบได้ แต่ที่แน่ๆ คือ เติมอีเท็นแล้วเอเอฟบางลงแหง แต่นิดเดียวนะ เพราะมันเป็นอีเท็น ไม่ใช่อีทเวนตี้ แต่จะทำให้เอเอฟบางจนเกิดอาการวูบไหมอย่ารีบฟันธง เพราะถ้าเดิมหนาไปนิด แรงตกอยู่หน่อย เมื่อเติมอีเท็น อาจจะบางลง แต่มาอยู่จุดพอดี ใช้เชื้อเพลิงคุ้มค่าขึ้น รถแรงขึ้นนิดก็เป็นได้ นายต้นว่า รถบนถนนไทย หลายล้านคัน เก่า เกากลางใหม่ เกือบใหม่ ตอนกระแทกคันเร่ง ถ้าเอาเอฟเอมิเตอร์เจ๋งๆ วัด มันจะบางหรือหนากว่า ที่เครื่องนั้นๆ ควรจะเป็น ทั้งจากตอนป้ายแดงหรือในอุดมคติ (ของเครื่องนั้นๆ) แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 48 11:01:35 จากคุณ : CEDRIC - [ 13 ส.ค. 48 10:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ยกมา ความคิดเห็นที่ 11   รถมีอยู่กี่รุ่น มีปัญญาทดสอบรถเก่าๆหมดทุกรุ่นเหรอ เวลาทดสอบจับเวลาทำอยู่สองสามรุ่น ================= ก็ทั้งสองฝ่ายแหละครับ นายต้นทดสอบไม่กี่รุ่นก็บอกว่าวูบ ปตทฬ ทดสอบไม่กี่รุ่น ก็บอกว่าดี การทดสอบของปตท. ที่ผลออกมาอีเท็นดีกว่า ไม่โกหกหรอกครับ บังเอิญว่ารถคันนั้น เดิมๆ หนานิดอยู่ก่อน อ้อ ถ้าในรถคันที่ตอนโอเพ่นลูปมันหนานิดๆ (คือเลยจุดที่แรงสุดไป) พอเติมอีเท็น แล้วมันหนาพอดี แรงไม่ตก ดีไม่ดีแรงขึ้นนิด และใช้เชื้อเพลิงได้คุ้มค่าขึ้น อย่างนี้ นายต้นจะกล้าบอกไหมว่า อีเท็น มันมีผลดีกับรถคันนี้ ผมบอกเสมอว่า การใช้อีเท็น มันเพี้ยนกว่าการใช้เก้าห้า แต่เพี้ยนนิดหน่อยแบบรับได้ในคนที่ไม่วิตกจริต และการใช้เก้าห้า ในแต่ละวันก็เพี้ยนได้เหมือนกัน แต่การเพี้ยนของอีเท็นนั้น ในรถบางคันอาจจะเพี้ยนน้อย ในรถบางคันอาจเพี้ยนในทางดีในบางโอกาส ผมถามนิดหนึ่งว่า วันนี้ทำไมอีเท็นแทบไม่พอเติม ถ้าเติมแล้วห่วยแบบรับไม่ได้ มีอาการออกชัดเจน ผมว่าถึงจะถูกกว่าลิตรละบาทกว่า คนใช้รถก็เลิกครับ ไม่มีใครเอาปืนไปบังคับ แต่นี่เขาเติมกันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นายต้นจะบอกว่า คนเหล่านั้นความรู้สึกช้า หรือขับรถย่องๆ เหรอ อ้าว ก็ในเมื่อการใช้และสไตล์การขับของเขา จะย่อง จะค่อยๆแตะคันเร่ง ก็เรื่องของเขา ในเมื่อ อีเท็น ไม่สร้างความแตกต่าง เขาก็ควรใช้ได้ไม่ใช่เหรอ จะไปสอนให้เขาขับกระแทกคันเร่งแบบนายต้นเหรอไง จากคุณ : CEDRIC - [ 13 ส.ค. 48 11:10:37 ]

ความคิดเห็นที่ 57 คุณ CEDRIC ครับ ช่วยอ่านตรงนี้ก่อนครับ // เฉพาะคนที่ใช้รถร่วมกับคนในบ้าน(หรือคนอื่น)เป็นประจำ และในขณะที่ใช้กาซโซฮอลรถจะมีอาการวูบอยู่ชั่วขณะนึงในตอนที่เริ่มเร่งคันเร่งแรงๆ // ผมไม่ได้สรุปว่ามันเป็นอย่างนี้ทุกคันนะครับลองอ่านดีๆก่อน แล้วอาการสะดุดมันก็ไม่ได้เกิดตอนกระแทกคันเร่งด้วยนะครับ  ช่วยอ่านดีๆก่อน ผมบอกว่าขับคลานช้าๆเกียร์ 2 แล้วเร่งขึ้นไป คนทั่วไปเขาเร่งยังไง  คนในบ้านผมก็จะกดเบากว่านั้นหน่อยนึง ถ้าจินตนาการไม่ออกว่าเบาขนาดไหน  เอาเท้าของคนขับ Taxi เป็นที่ตั้ง คนทั่วไปจะเท้าเบากว่า Taxi มาระดับนึง  คนในบ้านผมเท้าจะเบากว่าคนทั่วไปอีกระดับนึง คนบ้านผมขับคันนี้ในเมืองกินเฉลี่ย 12km/l คุณว่าเท้าหนักหรือเบาขนาดไหนก็ลองคิดเอา อย่างคุณ CEDRIC มาขับถ้าได้ 11km/l ก็ถือว่าเก่งแล้ว  จริงๆไม่ได้ดูถูก ptt เขาทดสอบแค่สองคัน  โดยสองคันนั้นใช้เครื่อง 4A-FE คุณคิดว่ามันจะครอบคลุมรถทั้งหมดได้ไหม ส่วนผมไม่เคยบอกว่ารถผมเป็นอย่างนี้  แล้วรถในเมืองไทยทุกคันต้องเป็นแบบผม คนที่คิดอย่างนั้นเท่าที่เห็นก็มีแต่คุณ CEDRIC คนเดียว รถรุ่นใหม่แสดงอาการความแตกต่างน้อยกว่ารุ่นเก่า รถเกียร์ at ก็แสดงอาการน้อยกว่า รถเกียร์ mt  เพราะว่าเกียร์ at มันช่วยเก็บอาการ นักขับที่ดีควรจะแยกออกครับ  ตอนเติมเบนซิน กับ เติมโซฮอล มันต่างกันอย่างไร ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ  เพราะเขาไม่ใช่นักขับที่ดี แต่บางคนก็แปลกครับ   รู้ทั้งรู้ว่ามันต่าง แต่ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรฟาดปากมา  ถึงได้ปากแข็งบอกว่ามันไม่ต่าง เรื่องกาซโซฮอล ถ้าไม่ลดราคาให้มันถูกกว่า 1.50 บาท  คงจะหาคนไปเติมยากครับ หลายคนรู้ว่ามันด้อยกว่า  แต่ที่เติมเพราะคิดเป็นระยะทางต่อบาทแล้วคุ้มกว่า แน่จริงรัฐบาลเลิกอุ้มสิครับ   ต่อให้เอารถนายกไปเติมโชว์  ชาวบ้านก็ไม่โง่ไปเติมตาม ตอนนี้รู้หรือยังว่าค่า A/F ของเบนซิน 95 กับ กาซโซฮอล 95 มันต่างกันขนาดไหน จากคุณ : ton99 - [ 13 ส.ค. 48 15:23:53 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ยกมา \แต่บางคนก็แปลกครับ   รู้ทั้งรู้ว่ามันต่าง แต่ไม่รู้ว่าไปโดนอะไรฟาดปากมา  ถึงได้ปากแข็งบอกว่ามันไม่ต่าง\ นายต้นไม่ต้องทำแบบซ้อเจ็ด ลับๆ ล่อๆ ช่วยเอ่ยชื่อมาหน่อยว่าหมายถึงใคร ถ้าหมายถึงผม ผมไม่เคยบอกว่ามันไม่ต่าง แต่บอกเสมอว่ามันต่างแบบยอมรับได้ เพี้ยนบ้างแบบยอมรับได้ ทุกวันใช้แบนซิน แต่ละวันแต่ละยี่ห้อก็ต่างกันไม่น้อย อากาศ ความชื้น ความร้อน ออกซิเจน ต่างกันทุกวัน ก็ยังใช้กันได้เฉยๆ คนในเมกา หรือผมเองตอนใช้รถที่มากา เคยใช้รถปีแปดแปด ไม่ได้เกิดมาเพื่ออีอะไรเลย แต่ต้องเติมอีห้า อีสิบ คละกันไปในแต่ละวัน ผมขับก็เฉยๆ ในขณะที่นายต้น พยายามบอกเสมอว่า แค่อีเท็น มันทำให้รถเพี้ยนแบบสุดขอบ ยกมา \ตอนนี้รู้หรือยังว่าค่า A/F ของเบนซิน 95 กับ กาซโซฮอล 95 มันต่างกันขนาดไหน จากคุณ : ton99\ ตอบ รู้แล้ว รู้ตั้งนานแล้วว่า มันต่างกันนิดเดียว เพราะมันเป็นวิทย์ เอาล่ะนายต้นน่าจะออกความเห็นจากความเห็นที่56-57 ด้วย นายต้นเขียนมาตั้งแต่แรก นายต้นเหมือนกับจะบอกว่ารถส่วนใหญ่ ต้องเป็นแบบที่นายต้นเจอ เอาล่ะผมว่าคงแถกตามเคย ผมถามสั้นๆ ละกัน นายต้นว่า ในรถทั้งหมดบนถนน เมื่อโอเพ่นลูป เดิมๆ น่าจะหนากว่าจุดพอดี หรือพอดี หรือบางกว่าจุดพอดี แน่นอนครับ ว่าไม่มีการพิสูจน์ได้ แต่ขอให้ออกความเห็นหน่อยว่า ในความเห็นนายต้น รถบนถนน เวลาโอเพ่นลูป หนา พอดี บาง สำหรับผมเองและอ.ศิริบูรณ์เดาว่า รถส่วนใหญ่น่าจะหนานิดๆ เพราะกรองอากาศเริ่มตันบ้าง ออกซิเจนน้อย เครื่องสึกหรอ คนจูนกล่องกลัวเจออาการวูบแล้วเสียชื่อ เพราะเวลาทดสอบความสิ้นเปลืองโชว์ในโคลสลูป จึงจูนตอนโอเพ่นลูปหนาไว้นิด ดังนั้นเมื่อใช้อีเท็นแล้ว จึงดีขึ้นหรือไม่แย่ลงครับ นายต้นมีความคิดเห็นว่า ส่วนใหญ่ รถบนถนน น่าจะ...... หนา พอดี หรือบางไป เมื่อโอเพ่นลูป ตอนใช้ 95 เดิมๆ ถ้าไม่ตอบ  ถือว่าแถกหรือไม่กล้าครับ แค่ความเห็นจะอะไรนักหนา แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 48 19:45:33 จากคุณ : CEDRIC - [ 13 ส.ค. 48 19:41:59 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ตอบ ลองขึ่นไปอ่านในกระทู้นี้ไหนกระทู้ไหนๆ ก่อนหน้านี้สิครับ ทุกครั้งที่นายต้นบอก จะบอกเหมือนว่าสิ่งที่ตนเองเจอ แล้วทุกคนต้องเจอในรถรุ่นอื่นด้วย ถ้าไม่เจอนายต้นจะบอกว่า ไม่ใช่นักขับที่ดี ยกมา นักขับที่ดีควรจะแยกออกครับ  ตอนเติมเบนซิน กับ เติมโซฮอล มันต่างกันอย่างไร ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ  เพราะเขาไม่ใช่นักขับที่ดี ====== อ้อ อย่าลืมตอบในความคิดเห็นของนายต้นเองด้วยว่า นายต้นมีความคิดเห็นว่า ส่วนใหญ่ รถบนถนน น่าจะ...... หนา พอดี หรือบางไป เมื่อโอเพ่นลูป ตอนใช้ 95 เดิมๆ ถ้าไม่ตอบ  ถือว่าแถกหรือไม่กล้าครับ แค่ความเห็นจะอะไรนักหนา จากคุณ : CEDRIC - [ 13 ส.ค. 48 20:07:57 ]

ความคิดเห็นที่ 60 โอ้ยผมไม่คิดแบบคุณหรอกครับ รถบนถนนส่วนใหญ่มันจะหนาหรือมันจะบาง ผมจะไปทราบได้ไง และผมก็ไม่ขอเดาแบบคุณด้วย รถพวกผมตอนเร่งเต็มที่จะจูนหนาเอาไว้เผื่อหรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่ที่ผมเจอมาทั้งหมดเติมโซฮอลแล้วแรงตกครับ เมื่อแรงตกก็แสดงว่าส่วนผสมมันก็น่าจะบางกว่าที่ควรจะเป็น เพราะว่าถ้า A/F อยู่ที่จุดเหมาะสม กาซโซฮอลมันน่าจะแรงกว่า ตรงนี้อาจจะเผื่อหนาเอาไว้หรือไม่เผื่อเอาไว้ก็ได้ เพราะถ้าเผื่อเอาไว้น้อย มันก็ไม่พอสำหรับโซฮอลอยู่ดี เบนซินกับกาซโซออล เติมแล้วมันต่างก็คือต่างครับ  ตอบมาตรงๆก็พอ ไม่ต้อง "แถก" และ "แถ" อ้างไปเรื่อยเปื่อย เรื่องสุดขอบอะไรนั้นผมเห็นก็มีคุณเพี้ยนไปคนเดียว ผมเคยบอกหรือว่าทุกคันต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เท่าที่ผมบอก  ผมก็จะบอกว่าที่ผมเจอมาเป็นอย่างนี้  แต่คนอย่างคุณมันสุดขอบ ตีความเลอะเทอะไปสุดขอบเอง แค่นั้นยังไม่พอยังมีหน้ามาว่าผมว่าสุดขอบตามไปด้วย น้อยๆหน่อยเถอะครับ กระทู้นี้ผมเขียนดักคนอย่างคุณเอาไว้แล้ว แต่คุณดันอ่านไม่ดีเอง อย่ามา แถ และ แถก แก้เขินหน่อยเลย ผมขอร้องเถอะคุณอย่าพยายามอ้าง อ.ศิริบูรณ์ เลย ผมเห็นหลายทีแล้ว อ.ศิริบูรณ์ พูดไว้อย่าง  แต่คุณเข้าใจไปอีกอย่าง ถ้าเป็นแบบนี้  ผมว่าการที่ไปอ้าง อ.ศิริบูรณ์ เป็นการกระทำที่ไม่ถูก ขอดักอีกทีเพราะผมกลัวว่าจะโดนโยงเรื่องมั่วกลับไปถึงเรื่องที่ผมเล่าไว้ข้างบน ตรงข้างบนผมหมายถึงเร่งเบาๆตามปกติ แต่ที่คุยตรงนี้หมายถึงเร่งเต็มที่ ผมดักเอาไว้แล้วนะ  ระวังหน่อย แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 48 21:17:35 จากคุณ : ton99 - [ 13 ส.ค. 48 20:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ยกมา รถบนถนนส่วนใหญ่มันจะหนาหรือมันจะบาง ผมจะไปทราบได้ไง และผมก็ไม่ขอเดาแบบคุณด้วย ตอบ ชัดเจนครับว่าไม่กล้าตอบ แถกตามนิสัยพื้นฐาน ผมตอบชัดเจนเสมอว่า เติมแล้วต่าง เติมแล้วเพี้ยน แต่ไม่เคยบอกว่าเพี้ยนสุดตอบแบบที่นายต้นตอบ ผมสรุปสั้นๆ ว่า เติมแล้ว ในโอเพ่นลูป จะบางลงเสมอ ชัดไหม แต่ผมบอกต่อว่า ถ้าเดิมหนาไปนิด จะกลายเป็นพอดี ถ้าเดิมพอดี จะบางไปนิด ถ้าเดิมบางไปนิด จะบางไปอีก รถที่นายต้นขับ บังเอิญจริงๆ ว่า เดิมบางไปนิดในโอเพ่นลูป เลยเจอผลต่างเยอะ แต่นายต้นคิดว่า รถทั่วไป ทุกคันน่าจะบางกว่าปกติ หรือพอดีเป๊ะ หรือหนา อ.ศิริบูรณ์ หรือใครที่ไม่โง่ ก็ทราบดีว่า เติมแล้วบางลงแหงๆ แต่ทุกคนก็รู้ว่า รถบนถนน มันไม่ใช่ในอุดมคติ มันมีบาง มีหนา มีพอดี แม้แต่ในรุ่นเดียวกัน พอต่างคันกัน ก็อาจจะหนาบางต่างกันได้ เมือ่เก่าแล้ว อ. บอกชัดครับว่า เครื่องที่ผ่านการใช้งานไปแล้ว มีแนวโน้มว่าจะหนาขึ้นกว่าตอนป้ายแดง ด้วยหลายเหตุผล เรื่องที่อ. คุย มีหลักฐานทั้งตีพิมพ์และเป็นเสียงที่เก็บไว้ ไม่เคยลบ ผมยอมรับเสมอว่า ถ้าเติมแล้วบางลงแน่ๆ แต่บางลงแล้วอาจดี หรือส่งผลลบน้อย ถ้าเดิมหนานิดๆ หรือพอดี ผมไม่เคยบอกว่า เดิมแล้ว เอเอฟจะเท่าเดิมตอนโอเพ่นลูป บอกเสมอว่าบางลง แต่บอกเสมอว่า บางลงแล้วอาจไม่แย่เสมอไป ถึงนายต้นจะแถกว่า ตนเองไม่สามารถทราบได้ว่า รถบนถนนหนาหรือบาง แต่นทายต้นทราบแน่ๆ ว่ารถบนถนนว่า ไม่มีเอเอฟพอดีเป๊ะทุกคัน หรือจะเถียงว่าทุกคันพอดี เอาเป็นว่า ถ้าลูกผู้ชายพอ ไม่แถก ช่วยเดาหน่อยว่า บนถนนมีรถที่ตอนโอเพ่นลูป หนา พอดี หรือบาง แบบไหนมากกว่ากัน แค่เดาๆ ถ้าไม่ตอบ คือ ไม่กล้าพอ ใจปลาซิว ถ้าไม่กล้าตอบ ผมถามสั้นๆ เป็นเชิงวิชาการละกันว่า ถ้ามีรถคันหนึ่ง จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ ถ้าเดิมตอนกระแทกคันเร่ง โอเพ่นลูป แล้วหนากว่าที่ควรจะเป็นอยู่นิดๆ เมื่อเติมอีเท็น แล้วผลจะเป็นไง ตอบหน่อยได้ไหม ง่ายๆ แค่นี้ จากคุณ : CEDRIC - [ 13 ส.ค. 48 21:45:29 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ยกมาจากนายต้น รถพวกผมตอนเร่งเต็มที่จะจูนหนาเอาไว้เผื่อหรือเปล่าผมไม่ทราบ แต่ที่ผมเจอมาทั้งหมดเติมโซฮอลแล้วแรงตกครับ ตอบ แต่รถผมทุกคัน เร่งแบบกระแทก หรือกดแรงนิดแต่ไม่กระแทก กลับไม่เจอ คนส่วนใหญ่ไม่เจอ ถ้าไม่เป็นเรื่องของดวงที่นายต้นเจอแต่รถเดิมที่บางๆ แต่ผมเจอแต่รถเดิมหนาๆ คนทั่วไป จเอแต่รถเดิมหนาๆ นิดๆ ก็ต้องมีพวกหนึ่งอคติ หรือขับรถไม่เป็น ตามที่นายต้นเคยบอกไว้ ยกมา \ชาวบ้านทั่วไปไม่รู้ก็ไม่เป็นไรครับ  เพราะเขาไม่ใช่นักขับที่ดี\ ผมก็คงไม่ใช่นักขับที่ดี แค่กระแทกคันเร่ง แล้วยังไม่รู้อาการสตัมเบิล วูบ ผมไม่ได้บอกว่ารถทุกคันเดิมต้องหนานิดๆ แต่บอกว่ามันมีคละกัน ในขณะที่นายต้นบอกเหมือนกับว่า รถบนถนนมีแต่เดิมบางนิดหรือพอดีเท่านั้น ไม่มีหนากว่าที่ควรจะเป็นบ้างเลย ถ้ามีคนส่วนน้อย เจออาการวูบ รวมถึงนายต้น แต่คนส่วนใหญ่ไม่เจอ หรือเจอแบบไม่หนักหนา นั่นไงครับ แสดงว่า รถบนถนน มีเดิมหนานิดๆ หรือพอดีๆ รวมแล้วเป็นจำนวนรถมากกว่ารถที่บางกว่าปกติ ก็เป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่เหรอครับ ที่จะมีรถที่จ่ายน้ำมัน หนา พอดี หรือบาง คละกันไป ผมบอกเสมอว่ามันมีคละกัน แต่นายต้นพยายามจะบอกว่ารถเดิมๆ มันมีแต่รถที่บาง พอเจออีเท็นยิ่งบาง แปลกแฮะ นายต้นได้ลองแต่รถบางๆ จนเกิดปัญหามาก แต่คนทั่วประเทศ เจอรถหนานิดๆ หรือพอดีซะเป็นส่วนใหญ่ จากคุณ : CEDRIC - [ 13 ส.ค. 48 21:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ขอดักอีกทีเพราะผมกลัวว่าจะโดนโยงเรื่องมั่วกลับไปถึงเรื่องที่ผมเล่าไว้ข้างบน ตรงข้างบนผมหมายถึงเร่งเบาๆตามปกติ แต่ที่คุยตรงนี้หมายถึงเร่งเต็มที่ ผมดักเอาไว้แล้วนะ  ระวังหน่อย แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 48 21:17:35 จากคุณ : ton99 จะดักอะไร งง ถ้าตอนกดคันเร่งไม่หนัก ยังวูบ กระแทก ก็ยิ่งแย่ ผมคุยแบบกระแทกคันเร่งเลย จะได้ทีเดียวจบ ผมคุยเรื่องโอเพ่นลูปครับ จากคุณ : CEDRIC - [ 13 ส.ค. 48 22:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อีกหน่อยเติม โซฮออล์ หมดทั้งประเทศ อัตราเร่งจะเหมือนๆกัน หมด ... ถ้ากระตุกก็กระตุกหมด หรือเปล่าครับ ถ้าเป็นอย่างงั้นก็คงเข้าลูปเหมือนเติม 95 ทั้งประเทศอย่างปัจจุบัน.. (หรือเปล่า) ผมไม่มีความรู้แค่คิดตามไปเรื่อยๆ จากคุณ : คิดตาม (ลมป่วน) - [ 13 ส.ค. 48 22:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 65 จ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก อีกแล้ว ว่าง ๆ จะมาอ่านอ่ะ อยากรู้เหมือนกาน จากคุณ : TeddyJr - [ 13 ส.ค. 48 22:52:47 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ถามคำถามงี่เง่าที่ไม่มีใครตอบได้ พอผมตอบไม่ได้  ก็มาว่าผมว่า แถก ทำแบบไม่น่าเกลียดไปหน่อยหรอครับ ผมเคยบอกว่ามันสุดเพี้ยนหรอครับ คำประเภทนี้  มีแค่คนที่ชื่อ CEDRIC ที่ใช้เท่านั้นแหละครับ คนอื่นเขาไม่เพี้ยนพอที่จะใช้คำแบบนี้ เรื่องบางลงคงไม่มีแค่คุณที่ทราบหรอกครับ เปลี่ยนจาก เบนซิน  มาเป็น  โซฮอล ถ้ายังจ่ายน้ำมันเท่าเดิม  มันบางลงอยู่แล้ว ถ้าของเดิมจูนเอาไว้หนามาก  พอมาเติมโซฮอล แล้วอาจจะพอดี ถ้าของเดิมจูนเอาไว้หนานิดเดียว  พอมาเติมโซฮอล  อาจจะบางลงไปนิด ถ้าของเดิมจูนมาพอดี  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางเยอะไปหน่อย ถ้าของเดิมจูนเอาไว้บาง  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางไปอีกเยอะ ที่ผมเจอมันอาจจะอยู่ใน 3 กรณีที่ไม่ใช่กรณีที่จูนเอาไว้หนามาก พอเติมโซฮอลมันก็เลยบางไป  แรงเลยตก เรื่องแค่นี้คุณ CEDRIC ยังตีความไม่ถูกเลย อ.ศิริบูรณ์ เขาบอกไว้อย่างเป็นกลาง แต่มีคนบางคนพยายามตีความหมายเพื่อเข้าข้างตัวเอง ลองกลับไปดูเองก็ได้ครับ อ.ศิริบูรณ์ เขาบอกหรือเปล่าว่ารถทุกคันพอเก่าแล้วมันต้องหนาขึ้น เขาแค่บอกว่ามันมีโอกาสหนาขึ้นได้ ความจริงถ้าคนถามใจเป็นกลางน่าจะถาม อ.ศิริบูรณ์ อีกทางนึงด้วยว่า แล้วมันมีโอกาสบางลงได้หรือเปล่า ลองสังเกตดู  อ.ศิริบูรณ์ เขาใช้คำว่า อาจจะ และผมก็เข้าใจว่า คนถามคนนั้น ไม่เข้าใจคำว่า อาจจะ เพราะถ้าเข้าใจ  คงไม่มานั่งเถียงกับผมหรอก ลองดูตรงนี้ก็ได้ // ผมบอกเสมอว่ามันมีคละกัน แต่นายต้นพยายามจะบอกว่ารถเดิมๆ มันมีแต่รถที่บาง พอเจออีเท็นยิ่งบาง แปลกแฮะ นายต้นได้ลองแต่รถบางๆ จนเกิดปัญหามาก // คนทั่วไปคงไม่คิดอะไรเพี้ยนๆสุดขอบได้ขนาดนี้ แก้ไขเมื่อ 13 ส.ค. 48 23:23:40 จากคุณ : ton99 - [ 13 ส.ค. 48 23:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 67 อืมส์ จากคุณ : aeaw - [ 14 ส.ค. 48 00:05:02 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เค้าก็แค่มาเนให้ระวังนะครับ อย่าทะเลาะกันเลยเน๊อ จากคุณ : NiDM@n - [ 14 ส.ค. 48 01:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ยกมา ถ้าของเดิมจูนเอาไว้หนามาก  พอมาเติมโซฮอล แล้วอาจจะพอดี ถ้าของเดิมจูนเอาไว้หนานิดเดียว  พอมาเติมโซฮอล  อาจจะบางลงไปนิด ถ้าของเดิมจูนมาพอดี  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางเยอะไปหน่อย ถ้าของเดิมจูนเอาไว้บาง  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางไปอีกเยอะ ตอบ นายต้นก็เข้าใจดีนี่ ว่า รถมันมีหลากหลาย ไม่ใช่จะบางอยู่ก่อนเสมอไป อ.และผมหรือใครๆ คงไม่ได้ออกไปสำรวจรถบนถนนหลายล้านคันหรอกว่า เดิมๆ มันหนาอยู่กี่คัน พอดีกี่คัน หรือบางลงกี่คัน แต่ถ้าวิเคราะหฺทางวิศวกรรม ด้วยหลักการต่างๆ ไม่ใช่เดาหวย อ.บอกว่า มีแนวโน้มว่ารถบนถนนจะมีหนานิดๆ ในแบบเดิมๆมากกว่า ด้วยหลายเหตุผล โดยอ.บอกมาด้วย เช่น คนจูน ใจไม่กล้าพอที่จะทำพอดี เพราะจะเสียชื่อ ถ้ารถวูบ เครื่องสึกหรอ แอร์โฟล์วเพี้ยน แหวนเริ่มหลวม ไส้กรองอากาศเริ่มตัน ไม่มีใครนับรถได้หรอก แต่อ. บอกตามความรู้ที่อ.มีแบบชัดเจนว่า รถบนถนนมีแนวโน้มว่า เดิมๆ จะหนานิดๆ ดังนั้นใช้อีเท็น ก็จะบางลงจากตรงนั้น ผมได้ยินสองหู ว่าถ้าให้อ.เดาจากความรู้ที่อ.มี(สงสัยว่าจะน้อยซะล่ะมั้ง) อ.ฟันธงว่า รถบนถนนน่าจะมีหนานิดๆ กว่าตอนป้ายแดงหรือหนานิดๆ ตั้งแต่ตอนป้ายแดงด้วยซ้ำ ถึงอ.ไม่บอก ถ้าให้ผมเดาตามความรู้ที่ผมมี ผมก็ว่ารถถนนมีเดิมๆ หนานิดๆ อยู่ไม่น้อย นายต้นล่ะไม่กล้าตอบ เพราะไม่กล้ายอมรับว่ารถบนถนนมันมีทั้งหนา พอดี บาง ปนอยู่ เพราะนายต้นกลัวหน้าแหก เพราะที่ผ่านมา พยามชี้ให้เห็นข้อเสียว่าเติมอีเท็น แล้วเอเอฟจะบางลงนะ แย่ลงนะ และบังเอิญว่ารถในกลุ่มนายต้นมันบางอยู่ก่อน เลยพยายามเหมาว่า รถคนอื่นเติมแล้วต้องเป็นแบบที่นายต้นเจอเสมอ เอาเป็นว่าแค่ตอบว่าในความคิดเห็นของนายต้น แบบเดาๆ นายต้นว่ามีรถที่หนานิดๆ เดิมๆ กี่เปอร์เซ็นต์ของจนวนรถ หนาพอดีเท่าไร และบางนิดๆ เท่าไร แค่นี้ยังไม่กล้าตอบ งั้นเอาแบบนี้ว่า นายต้นยอมรับไหมว่า บนถนน มันมีรถหลายกลุ่ม ทั้งหนานิดๆ พอดี และบางนิดๆ ไม่ใช่ว่าจะหนาพอดีทุกคัน แค่นี้ตอบแสดงความกล้าไม่ใจปลาซิวหน่อยได้ไหม ว่ายอมรับไหมว่ารถบนถนนมันมีหลากหลาย เพราะผมก็ตอบไปแล้วไงว่า มันเพี้ยน แต่ที่คนไม่บ่น เพราะคนที่ไม่บ่น รถเดิมมันหนานิดๆ ส่วนคนที่บ่นรถเดิมอาจหนาพอดีหรือบางอยู่นิดและดันความรู้สึกไวหรือจ้องจับผิดอยู่แล้ว ว่าแต่ว่านายต้นยอมรับไหมว่ารถบนถนนมีหลากหลายในเอเอฟเรโช จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 01:47:54 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ค่าเอเอฟของอีเท็นกับน้ำมันปกติ มันไม่ได้ต่างกันสุดขั้วหรอก มันแค่จุดทศนิยมตำแหน่งแรกเท่านั้น ไม่ใช่ต่ากันจุดห้าสักหน่อย ค่าเอฟเอฟของรีฟอร์มูเลทแก๊สโซลีนบอกเอ็มทีบีอีเดิมเป็นสิบสี่กลางๆ แต่พอเปลี่ยนเป็นอีเท็น ก็สิบสี่ต้นๆ ยกมา ถ้าของเดิมจูนเอาไว้หนามาก  พอมาเติมโซฮอล แล้วอาจจะพอดี ถ้าของเดิมจูนเอาไว้หนานิดเดียว  พอมาเติมโซฮอล  อาจจะบางลงไปนิด ถ้าของเดิมจูนมาพอดี  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางเยอะไปหน่อย ถ้าของเดิมจูนเอาไว้บาง  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางไปอีกเยอะ ตอบ นายต้นเหมือนว่ากำลังจะทำให้คนรู้สึกว่า อีเท็นมันต้องการเอเอฟเรโชต่างไปมาก จริงๆ เอาแค่นี้พอครับ สามระดับจะได้ไม่งง ถ้าของเดิมจูนเอาไว้หนานิด (ไม่มีใครจูนหนามากสุดๆหรอก)  พอมาเติมโซฮอล แล้วอาจจะพอดี ถ้าของเดิมจูนมาพอดี  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางลงนิด แต่ไม่ใช่ย้อนกลับมาเป็นสิบสามต่อหนึ่งแน่ ถ้าของเดิมจูนเอาไว้บาง  พอมาเติมโซฮอล  มันก็จะบางไปอีกหน่อย ว่าไง นายต้นยอมรับไหมว่ารถบนถนน มันมีหลากหลาย ไม่ใช่เป็นรถในอุดมคติ ถึงจะไม่กล้าตอบเปอร์เซนต์ แต่กล้ายอมรับไหมว่า บนถนนจะมีรถที่หนานิดๆ วิ่งอยู่ ผมว่าเกินสี่สิบเปอร์เซ็นต์ อ. ว่า ตามความเห็นอ. บอกว่า ถ้าให้เดา เพราะไปวัดไม่ได้ครบ อ. บอกว่ามีน่าจะมีรถที่วิ่งหนานิดๆ อยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์ ผมได้ยินสองหูครับ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 48 10:04:44 จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 01:57:11 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ตอบ อ.ศิริบูรณ์ เขาบอกหรือเปล่าว่ารถทุกคันพอเก่าแล้วมันต้องหนาขึ้น เขาแค่บอกว่ามันมีโอกาสหนาขึ้นได้ ความจริงถ้าคนถามใจเป็นกลางน่าจะถาม อ.ศิริบูรณ์ อีกทางนึงด้วยว่า แล้วมันมีโอกาสบางลงได้หรือเปล่า ตอบ อ. บอกชัดเจนว่า ถ้าให้ออกความเห็นว่า รถถนน น่าจะหนากว่าตอนป้ายแดงหรือหนานิดๆ ตั้งแต่ตอนป้ายแดงเพราะอะไร อ.บอกมาเป็นข้อๆ ว่าน่าจะมีเอยะ และมีบอกชัดเจนว่า เดาๆ ว่าหลายสิบเปอร์เซ็นต์บนถนนน่าจะเป็นเช่นนั้น จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 02:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 72 คุณ CEDRIC ก็แปลก  ของมันเป็นยังไงก็ไม่รู้ก็มาบ้าจี้หาคนตอบอยู่ได้ รถเดิมๆเติมเบนซิน มันก็เป็นได้สามแบบ  หนา พอดี บาง  แต่จำนวนแบบไหนเยอะกว่าผมไม่รู้ แต่พอมาเติมโซฮอลแล้วแรงตก  ตอนเดิมมันอาจจะเป็นได้สามแบบเหมือนกัน ส่วนพวกที่เติมโซฮอลแล้วแรงไม่ตกคือพวกที่ของเดิมมันหนามาก เอาเฉพาะที่หนามาอย่างเดียว  มันก็มีหนามาก หนาน้อยอีก คนที่คิดว่ารถมันมีประเภทเดียว คือคนที่ชื่อ CEDRIC ไม่ใช่หรือ? เห็นพูดอยู่คนเดียวอยู่เรื่อย  ว่ารถทั่วไปมันหนาอยู่แล้ว จากคุณ : ton99 - [ 14 ส.ค. 48 04:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 73 // ค่าเอเอฟของอีเท็นกับน้ำมันปกติ มันไม่ได้ต่างกันสุดขั้วหรอก มันแค่จุดทศนิยมตำแหน่งแรกเท่านั้น ไม่ใช่ต่ากันจุดห้าสักหน่อย ค่าเอฟเอฟของรีฟอร์มูเลทแก๊สดซลีนบอกเอ็มทีบีอีเดิมเป็นสิบห้ากลางๆ แต่พอเปลี่ยนเป็นอีเท็น ก็สิบสี่ต้นๆ // ตรงนี้พิมพ์ผิดหรือว่ามั่วมา แล้วรถที่มันหนานิดๆของคุณเนี่ย  ค่า A/F มันเพี้ยนไปเท่าไหร่ บอกมาเป็นตัวเลขดีกว่า  เพราะภาษาผมกับคุณมันไม่เคยตรงกันอยู่แล้ว 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 ว่ามาเลยว่าเท่าไหร่ จากคุณ : ton99 - [ 14 ส.ค. 48 04:55:52 ]

ความคิดเห็นที่ 74 นอนได้แล้ว เฮียต้น พรุ่งนี้ค่อย ต่อ ยกสอง จากคุณ : ถัง - [ 14 ส.ค. 48 05:03:51 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ยกมา ความคิดเห็นที่ 73   // ค่าเอเอฟของอีเท็นกับน้ำมันปกติ มันไม่ได้ต่างกันสุดขั้วหรอก มันแค่จุดทศนิยมตำแหน่งแรกเท่านั้น ไม่ใช่ต่ากันจุดห้าสักหน่อย ค่าเอฟเอฟของรีฟอร์มูเลทแก๊สโซลีนบอกเอ็มทีบีอีเดิมเป็นสิบห้ากลางๆ แต่พอเปลี่ยนเป็นอีเท็น ก็สิบสี่ต้นๆ // ตอบไม่มั่วหรอก พิมพ์ผิด ใครจะบ้าไปคิดว่า รีฟอร์ฯแกสโซลีน จะสิบห้ากลางๆ มันดึกแล้วเลยเบลอ ขอแก้เป็น ความคิดเห็นที่ 73   // ค่าเอเอฟของอีเท็นกับน้ำมันปกติ มันไม่ได้ต่างกันสุดขั้วหรอก มันแค่จุดทศนิยมตำแหน่งแรกเท่านั้น ไม่ใช่ต่ากันจุดห้าสักหน่อย ค่าเอฟเอฟของรีฟอร์มูเลทแก๊สโซลีนบอกเอ็มทีบีอีเดิมเป็นสิบสี่กลางๆ แต่พอเปลี่ยนเป็นอีเท็น ก็สิบสี่ต้นๆ // เอาเป็นเรื่องตัวเลขเอเอฟ รถเดิมๆ คำว่า หนาไป บางไป หรือพอดี ในรถปกติที่วิ่งได้ ใช้งานอยู่ ถึงจะบางหรือหนาอยู่ มันก็ไม่หลดขอบหรอกครับ ตีซะว่า บวกลบจากจุดพอดีของที่เครื่องนั้นควรจะเป็น จุดสองหรือจุดสาม อีเท็นต้องการเอเอฟบางกว่ารีฟอร์ฯ จุดสองจุดสาม ทำไมผมถึงบอกว่ารถถนนที่เพี้ยน มันเพี้ยนแค่จุดสองจุดสาม เพราะถ้ามันเลยหรือขาดไปมาก เจ้าของคงส่งซ่อม เพราะมีสตัมเบิลหรือควันดำ เรื่องเอฟเอ มันจะคร่อมจากจุดพอดีไปบ้าง เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ว่าเครื่องนี้ต้องการ สิบสามถ้วน แต่พอเจออากาศเพี้ยนออกซิเจนเพี้ยน ความชื้นเยอะ น้ำมันเพี้ยนเอง เป็นสิบสามจุดหนึ่ง แล้วจะวิ่งแย่มาก (ยังไม่เติมอีเท็นนะ) เอาเป็นว่า รถที่ผมบอกว่ามันหนาหรือบางกว่าจุดพอดีนิด ผมว่า มันบวกลบ ไม่เกินจุดสองถึงจุดสาม หรอกครับ และนายต้นพอจำได้ไหมว่าอีเท็น ต้องการเอเอฟ ต่างจากรีฟอร์ฯ เท่าไร ที่ผมหรืออ. บอกว่ารถส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะหนากว่าปกตินิดหน่อย ก็ไม่ได้คิดว่า มันจะหนากว่าปกติตั้งหนึ่งหรอกครับ แต่แค่จุดหนึ่งถึงจุดสาม เพราะไม่งั้นมันจะวิ่งไม่ปกติ ต้องเอาเข้าซ่อมแหงๆ อย่างรถนายต้นที่ปกติบาง จนพอเติมอีเท็นเข้าไปแล้วเกิดอาการเยอะ ถ้าไม่อุปทานเอง ผมก็เดาว่าเดิมๆ มันบางไปแค่จุดหนึ่งถึงจุดสาม ไม่งั้นตอนเติมรีฟอร์มูเลท มันต้องมีสตัมเบิล ยกมา แล้วรถที่มันหนานิดๆของคุณเนี่ย  ค่า A/F มันเพี้ยนไปเท่าไหร่ บอกมาเป็นตัวเลขดีกว่า  เพราะภาษาผมกับคุณมันไม่เคยตรงกันอยู่แล้ว 0.1 0.2 0.3 0.4 0.5 0.6 0.7 0.8 0.9 1.0 ว่ามาเลยว่าเท่าไหร่ จากคุณ : ton99 ตอบ ถึงภาษาจะไม่ตรงกัน ถ้าคนเล่นรถ มือดำหรือรู้ลึกสักหน่อย ไม่ใช่เก่งแต่ในเนท จะทราบทันทีว่า คำว่าหนานิดๆ มันก็จุดหนึ่งจุดสองจุดสาม ซึ่งมันเกิดขึ้นได้จากสารพัดตัวแปรอย่างง่ายๆ ถ้าจะเพี้ยนไปหนึ่ง นั่นคือ เครื่องต้องมีอะไรผิดปกติมาก ต้องซ่อมหรือจูนขนานใหญ่ ถ้ามือเก่าพอสมควร จะไม่มีใครคิดหลุดขั้วไปไกล เพราะทราบดีว่า เอเอฟที่เพี้ยนไปมาก รถจะวิ่งแทบไม่ได้ ต้องซ่อม ต้องจูนใหม่ นอกจากพวกที่อ่อนจริงๆ ถึงจะคิดแบบนั้นได้ แบบที่ไม่เคยจูนรถหรือเล่นรถ ที่จะอาการของรถเมื่อหนาหรือบางไปเกินจุดห้า แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 48 13:44:56 จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 10:19:23 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เรื่องเติมอีเท็นแล้วบางลงนิด เน้นว่า นิด อ. และใครๆ ก็บอกชัดเจนว่า บางลงนิด ที่สำคัญ คือ  อ. บอกชัดเจนว่า บางลงแล้วอาจจะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ได้ แต่จะไม่เพี้ยนเลยเถิด เพราะทุกอย่างมันนิดๆ หน่อยๆ เช่น เดิมบางหรือหนานิดๆ พอเติมก็บางไปนิด อ. เน้นว่า อาจมีดีขึ้นหรือแย่ลง นิดเป็นไปได้ทั้งนั้น แต่บางคนพอทราบว่า บางลง รีบฟันธงว่า จะแย่ลงเสมอ พอผมมาเน้นว่า มันอาจไม่แย่ลงเสมอไป อีกทั้งยังมีแนวโน้มว่ารถถนนเดิมๆ มีหนานิดๆ ดงันั้นย่อมมีรถหลายสิบเปอร์เซนต์บนถนน เติมอีเท็นแล้วดีขึ้น หริอไม่แย่ลง ก็เลยกลัวหน้าแตก ที่ตัวเอง พยายามบอกว่า เติมแล้วบางลงเสมอ และแย่ลงเสมอ ผมบอกเสมอว่า รถถนนมีทั้งพอดี บาง หนาไปนิด ถ้าถามความคิดเห็นโดยประสบการณ์ ความรู้ มือดำ วัด ตามที่เล่นรถมา ถ้าให้ออกความเห็น ผมจะบอกว่า มีรถหนาไปนิดมากว่ารถบางไปนิด ส่วนรถที่พอดีไม่ทราบว่ามากน้อยแค่ไหน อ. ก็บอกว่าถ้าออกความเห็น ก็ต้องบอกว่าบนถนนมีรถหนาไปนิดมากกว่ารถบางไปนิด หาอ่านได้ หรือในเทปอัดมีบอกครับ ผมบอกแล้วไง เรื่องนี้ มีบางคนที่รู้ว่า พอเติมอีเท็นแล้ว ย่อมบางลง เลยรีบสรุปว่า มันต้องแย่ลงเสมอ แต่พอมีคนมาบอกว่า เอ็ย มันอาจจะดีขึ้น หรือแย่ลงนิ๊ดเดียวด้วยนะ และมีจำนวนไม่น้อย เลยหน้าแตกเละเทะ....ฮา จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 10:35:17 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ว่าจะเข้ามาดู อย่างเดียวแล้ว แต่ Agree ครับ กับคำว่านิดหน่อย . . . ซึ่งทุกคนทุกฝ่ายก็ใช้คำๆนี้กันทั้งนั้น คำว่านิดหน่อย ไม่ว่าจะ หนาหน่อย หรือ บางหน่อย . . มันไม่มีคำกำหนดหรอกว่าคือต้องเท่าไร มันก็เป็นความรู้สึกว่าไม่ใช่ ในจุดที่ใช้คำว่านิดหน่อยคือ ไม่ Perfect แต่ได้อยู่ในจุดที่เรียกว่าพอไหวก็ 0.2-0.3 เพราะ Perfect ก็ต้องพึ่งสารพัดอุปกรณ์วัดเพื่อหา Optimum ของแต่ละเครื่อง . . . เกินกว่านี้อีกหน่อย อาการชักจะชัด จนชักจะเริ่มเรียกว่าเกินกว่านิดหน่อยแล้ว เกินกว่านี้หนักๆ ก็ไม่เรียกนิดหน่อยแล้ว เพราะอาการเริ่มออกเป็นคนละเรื่อง ถ้าคุยอยู่ในภาษาเดียวกัน คำว่านิดหน่อย หรือ มากไป น้อยไป ในแต่ละเรื่อง บางทีมันไม่มีตัวเลขเป๊ะๆครับ แต่มันเข้าใจกันโดยเซนส์อะครับ ว่ามันแถวๆเท่าไร . จากคุณ : A-Z - [ 14 ส.ค. 48 10:55:19 A:210.86.148.76 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เรื่อง อีเท็น กับความเพี้ยนของเครื่อง ผมสังเกตุได้อย่างครับ คนที่รู้ลึก มือดำ เล่นรถจริงจัง อย่าง อ. ศิริบูรณ์ คุณเอ-แซด (ขอเรียกแบบไทยๆ ไม่เรียกซีร์ นะครับ) จูนเนอร์มือดี เช่น นายพีฯ ที่อยู่นิตยสารรถแต่งบางเล่ม (คุณเอ-แซดรู้จัก) เพื่อoผมอีกหลายคนที่เล่นรถแต่ง หรือเปิดอู่รถซิ่งอยู่ เขายอมรับได้ มีการเติมใช้ตามปกติ อย่างนายพีฯ (ตัวย่อ) เขาเติมสารพัดน้ำมัน โดยไม่จูนกล่องเพิ่ม ทั้งที่กล่องเขาโมเทค ปลายวีคที่ผ่านมา เขาแข่งยิมคานาด้วย อีเท็น เขาบอกใช้อะไรก็เหมือนๆ กัน ต่างกันนิดเดียว ชีวิตปกติ เขาเติมอีเท็นบ่อยกว่า เขาบอก ผมว่าคุณเอแซด หรือคนเหล่านั้น จับอาการรถได้ดี เพราะเล่นรถมาครึ่งชีวิต เอ...หรือว่าขับรถไม่เป็นหว่า หรือว่าไม่ใช่นักขับรถที่ดีหว่า คนเหล่านั้น เติมอีเท็นกันเรื่อยๆเปื่อย รวมทั้งผมเอง อ้อ อ.เองก็ตอบว่าเติมเรื่อยๆ เปื่อยทั้งรีฟอร์ฯ หรืออีเท็น ไม่ได้เจาะจงอะไร ขอให้ออกเทนตรงตามกำหนดเครื่องก็พอ ไม่ได้รังเกียจอีเท็น และคนเหล่านั้นที่เติม ก็ไม่ได้คิดถึงเกษตรกรแต่อย่างไร ส่วนคนที่แย้ง ค้านหัวชนฝา มักจะรู้งูๆ ปลาๆ ในด้านเครื่อง หรือรู้เหมือนจะรู้จริง แต่ไม่ลึก ไม่มือดำ อันนี้เป็นข้อสังเกตุที่ผมเจอนะครับ ผมไม่ได้เหน็บใคร เน้น ว่าไม่ได้กัด จริงๆครับ เน้นว่าเอามาเล่าให้ทราบ เพราะสังเกตุมาตลอดว่า คนที่รู้ลึก มือดำ เล่นรถจริง มักจะเฉยๆ กับอีเท็น และใช้อย่างสบายใจ แต่คนที่ไม่ค่อยรู้ มักจะค้านเรื่อยๆเปื่อย บางคนบอกไม่เติมเด็ดขาด พอถามว่าทำไม กลับตอบไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 48 14:22:01 จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 13:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 79 นิดหน่อยของผมคิดว่าไม่เกิน 0.2 ถ้าเกินกว่านี้มันก็ไม่น่าเรียกว่านิดหน่อยแล้ว ตอนแรกคิดว่าคุณนิดหน่อยของคุณ CEDRIC จะวิ่งไปไกลถึง 0.3-0.4 เพราะเห็นมั่นใจว่าเติมโซฮอลแล้วแรงไม่ตกซะเหลือเกิน ผมมีอะไรจะให้ดู คำนวณจาก Base gasoline ที่มี A/F อยู่ที่ 14.6 MTBE ที่มี A/F อยู่ที่ 11.7 ethanol มีค่า A/F อยู่ที่  9 ถ้าผสม MTBE 8%vol  ค่า A/F จะอยู่ที่ประมาณ 14.35 ถ้าผสม ethanol 10%vol  ค่า A/F จะอยู่ที่ประมาณ 14.0 ถ้ามันหนาขึ้นนิดหน่อยแค่ระดับ 0.2 มันก็ยังไม่ถึงระดับที่ทำให้เติมกาซโซออลแล้วแรงไม่ตก ฉะนั้นถ้าหนาขึ้นแค่นิดหน่อยเติมโซฮอลแล้วแรงตกครับ ถ้าคันไหนหนาเข้าไปยิ่งใกล้ 0.35 ยิ่งตกน้อย รถคันไหนสมบูรณ์ยิ่งตกเยอะ แต่ก่อนคุณ CEDRIC เคยพูดไว้ว่ารถที่เติมโซฮอลแล้วแรงตกแสดงว่าไม่สมบูรณ์ไม่ใช่หรอ? เครื่อง 4A-FE ที่ ptt ใช้ทดสอบตัวนั้นเติมโซฮอลแล้วแรงขึ้นด้วยตัวนั้นท่าจะเพี้ยนเยอะ แต่ตัวนั้นขนาดเพี้ยนเยอะ ตอนเติมโซฮอลรอบต่ำๆมันก็แรงตกเหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 48 14:46:18 แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 48 14:23:35 จากคุณ : ton99 - [ 14 ส.ค. 48 14:14:23 ]

ความคิดเห็นที่ 80 สุดท้ายก็ใช้มุกเดิมๆ  ต้องไปอ้างชาวบ้านมาช่วยสร้างความเชื่อเถือ ใครๆเขาก็รู้ว่า เบนซิน กับ โซฮอล เติมแล้วมันต่าง จะมีก็แต่คนที่ชื่อ CEDRIC ที่พยายามบอกชาวบ้านว่ามันไม่ต่าง ถ้าขับแล้วมันต่างกันเล็กน้อย  แต่ราคามันต่างกัน 1.50 บาท ใครๆก็อยากเติมกันทั้งนั้นครับ   ลองราคามันเท่ากันสิดูสิว่าจะมีใครโง่ไปเติม หรือว่าคุณ CEDRIC จะเติม? เรื่องใครจะเติมหรือไม่เติมมันก็เรื่องของเขา เพราะเขาไม่เหมือนคุณ  และคุณก็คิดไม่ได้เท่าเขา หลายคนเขารู้   เขาดูว่าอะไรประหยัดกว่า  และเหมาะสมกว่า อย่างคุณขับ Series 5 รุ่นเก่า  แต่อีกคนเขาขับ Series 5 รุ่นใหม่ คุณบอกว่าขับแล้วต่างกันไม่มาก  จะเสียเงินแพงๆขับรุ่นใหม่ทำไม หรือเปล่า แต่ก็ไม่แน่เหมือนกัน  คุณอาจจะคิดอยู่ในใจ  แต่ไม่กล้าบอก สุดท้ายขอฝากถามคนมือดำหน่อยว่าเคยเอาสโคปไปจับสัญญาณ O2 sensor เปรียบเทียบระหว่างตอนที่เติม เบนซิน กับ โซฮอลมาแล้วหรือยัง ถ้ายัง ไปลองวัดดูก่อนครับ จากคุณ : ton99 - [ 14 ส.ค. 48 14:42:32 ]

ความคิดเห็นที่ 81 อีเท็น กับเบนซิน 95 มันต่างกันแน่ๆ เพียงแต่ว่า เราจะเห็นความต่างนั้นไหม รถ W124 ผมมันใช้อีเท็นไม่ได้ครับ คือรถมันผิดปรกติครับ ไม่ได้บอกว่ารถ W124 ทุกคันเป็นอย่างนี้นะครับ คือเติมอีเท็นแล้วเครื่องสะดุดมากตอนกดคันเร่ง จนผมนึกว่าคลัชมันสลิป ก็ทนใช้จนหมดถังแล้วมาเติม 95 อาการก็หาย แต่ก็ไม่ได้ซ่อมมันหรอกครับ เพราะขี้เกียจ และไม่เดือดร้อนค่าน้ำมัน ไม่ค่อยได้ใช้รถคันนี้ด้วย รอให้ชัวร์ว่า 95 จะไม่มีในตลาดในระยะใกล้ๆแล้วค่อยดูอีกที ผมว่าเถียงกันไม่จบหรอก ประเด็นว่า รถในท้องถนนมีพวกไหนบ้าง คุณต้นเขาก็เข้าใจมาตั้งนานแล้วว่ามันมีหลายแบบ ประเด็นว่า เท่าไหร่เรียกว่าน้อย ว่ามากนี่ก็เป็นความเห็นส่วนตัวอีก เถียงกันกี่ชาติก็ไม่จบหรอกครับ แต่ถ้าแตกประเด็นไปอีก ก็มันดีครับ ตามอ่านไปเรื่อยๆ จากคุณ : Ontjung - [ 14 ส.ค. 48 16:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ยกมา จะมีก็แต่คนที่ชื่อ CEDRIC ที่พยายามบอกชาวบ้านว่ามันไม่ต่าง ตอบ ผมไม่เคยบอกแม้แต่ครั้งเดียวว่าไม่ต่าง ผมคุยในเนท มีหลักฐานยกมาได้ครับ ถ้ายกมาไม่ได้ กรุณาขอโทษผมด้วยที่ใส่ความผม นายต้นต่างหากที่ขับรถไม่กี่คัน บังเอิญว่ามันบางอยู่ก่อน ก็พยามบอกเหมือนกับว่า รถทุกคันต้องเป็นแบบนั้น เรื่องเอเอฟมิเตอร์ ผมเล่นแนรโรว์แบนด์มาตั้งแต่นายต้นยังใส่ขาสั้นอยู่มั้ง ไวด์แบนด์ เคยเลนกับพวกจูนเนอร์เพื่อนกันมาหลายปี ตอนนี้ในรถมีไวด์แบนด์ แนร์โรว์แบนด์ เอกซอร์ทเทมป์มิเตอร์ พอดี วิจัยงานอื่นอยู่อย่างหนัก ที่เคยคุยว่าจะทำไวด์แบนด์ คอนโทรล ยังไมไดทำครับ สั่งของนอกมาใช้แล้ว สั่งสองวันได้ เพื่อนอยู่เมกาหลายคน มีคนรับส่งของรับจ้างมาไทยทุกวัน ผมได้รุ่นเอ็ม250+เกจ์มา จับดูแล้ว ต่างกันตอนโอเพ่นลูปจุดหนึ่งถึงจุดสามระหว่างเก้าห้า กับ อีเท็น ตอนที่ใช้น้ำมันชนิดใดอยู่ ต่างวัน หรือต่างเวลา เช้ากับบ่าย ก็ยังพบว่า นายต้นคิดว่า ระหว่างจุดที่พอดีสุดๆ ตอนโอเพ่นลูป กับบางหรือหนานิดๆ แถวๆ บวกลบจุดสองจุดสาม (ต่อให้เป็นน้ำมันชนิดเดียวกัน) อาการเครื่องมันต่างกันแค่ไหน ถ้าเป็นโปรแกรมเอเบิลอีซียู ผมกล้าท้าว่า จูนให้หนาบางต่างกัน สมมุติจุดพอดีสิบสาม และจูนสิบสามจุดสอง กับ สิบสองจุดแปด รับรองว่า ตอบไม่ถูกทุกครั้งแน่ ต่อให้นายต้นก็เถอะ ผมไม่ได้อ้างคนอื่น แต่บอกเล่าเรื่องจริง ไม่มีโกหก ไม่ได้อ้างถึงนายต้น แต่ผมสังเกตุคนรอบข้างผม พบว่าคนมือดำ รู้ลึก ขับรถเก่ง จะใช้ และไม่กลัว แต่คนรู้งูๆ ปลาๆ หรือทำท่าจะรู้ จะไม่ใช้ หรือไม่กล้าใช้ อันนี้ไม่ได้เหน็บใครครับ แต่ผมเจอมาแบบนี้จริงๆ ยกมา สุดท้ายขอฝากถามคนมือดำหน่อยว่าเคยเอาสโคปไปจับสัญญาณ O2 sensor เปรียบเทียบระหว่างตอนที่เติม เบนซิน กับ โซฮอลมาแล้วหรือยัง ถ้ายัง ไปลองวัดดูก่อนครับ ตอบ นายต้นวัดหรือยัง ได้ผลไง และถามนิดว่า ในน้ำมันชนิดเดียวกัน วัดทุกครั้ง เท่กานไหม ต่างวัน ต่างยี่ห้อ ต่างเวลาแล้วเท่ากันไหม เอาล่ะสมมุติ   อีเท็น ต้องการเอเอฟหนาขึ้น จุดสองจุดสาม เครื่องนั้นหนานิดอยู่จุดสอง ทั้งแรงตก ทั้งกิน พอเติมอีเท็นแล้วพอดี หรือบางไปจุดหนึ่ง จากที่หนาจุดสอง กลายเป็นมาบางจุดหนึ่ง อะไรห่างจุดพอดีมากกว่ากัน สมมุติเครื่องเดิมหนาอยู่จุดหนึ่ง เติมอีเท็นแล้ว กลายเป็นบางกว่าจุดหนึ่งหรือจุดสอง ห่างจากจุดที่เคยเพี้ยนแต่จุดหนึ่ง แต่อีกซีก ผลมันจะมากอะไรนักหนา เครื่องบนถนน จะบวกลบจากจุดพอดี จุดหนึ่งจุดสอง มันเกิดขึ้นได้เสมอ ทั้งที่ใช้น้ำมันชนิดเดียว พวกมือดำ จูนเนอร์ คนเล่นรถบนถนน ไม่ใช่เอฟวัน เวลาเขาจูนรถ พวกจุดหนึ่งจุดสองในค่าเอฟเอฟ เขาเฉยๆครับ เขารู้ว่ามันมีสารพัดจะเพี้ยนมากกว่านี้ คุณว่า อ. ผม จูนเนอร์ คุณเอแซด หรือเจ้าของอู่รถซิ่งที่เคยแข่งมาก่อน เขารู้เรื่องเอฟเอฟ และขับรถพอเป็นไหม เขาเติมอีเท็น โดยไม่ได้สนใจราคาหรือเกษตรกรเลย มีอะไรก็เติมไป หัวจ่ายไหนว่าก็เติม ขับแล้วก็ไม่เห็นบ่น เอ หรือว่าเขาไม่รู้เรื่องเอเอฟ เขาไม่รู้เรื่องการกินเพิ่ม หรือเขาความรู้สึกแย่ ผมถามอะไรก็ตอบซะบ้าง ตั้งแต่คราวที่แล้ว นายต้น หมดต้นทุนการความน่าเชื่อถือไปแล้ว คราวนี้อย่าให้ติดลบมากไปอีก เวบบอร์ดสาธารณะ ใครมาอ่านเขารู้ว่าใครมั่ว ใครแถก จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 16:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 83 อย่าลืมว่า ถ้าบางหรือหนากว่าจุดพอดี เครื่องจะแรงตกเสมอ ถ้าเดิมหนากว่าจุดพอดี จุดสอง ถ้าใช้อีเท็น สมมุติบางลงจุดสาม แต่รวมแล้วบางกว่าจุดพอดีจุดหนึ่ง ใกล้จุดพอดีกว่าตอนที่หนากว่า ----- ถ้าเดิมหนากว่าปกติ จุดหนึ่ง พอเติมแล้วบางลงจุดสาม รวมแล้วบางลงจุดสอง แต่คำนวนแล้วห่างจากจุดพอดีกว่าเดิมจุดหนึ่ง ไม่ใช่จุดสาม จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 17:16:27 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ยกมา อย่างคุณขับ Series 5 รุ่นเก่า  แต่อีกคนเขาขับ Series 5 รุ่นใหม่ คุณบอกว่าขับแล้วต่างกันไม่มาก  จะเสียเงินแพงๆขับรุ่นใหม่ทำไม หรือเปล่า ตอบ ขอนอกเรื่องหน่อย อย่าคิดว่ารถรุ่นใหม่จะขับดีกว่ารุ่นเดิมเสมอ ถ้าไม่นับความเก่า เอาสมบูรณ์ด้วยกัน มีรถหลายร่นที่รุ่นเก่าขับดีกว่า การผลิตรถขาย มีหลายตัวแปร ปล. ผมไม่ได้อ้างถึงซีรีส์ห้า แต่กำลังจะบอกว่า นายต้นเข้าใจผิดว่ารถใหม่ต้องขับดีกว่ารุ่นเก่าเสมอ มันไม่เสมอไปหรอกครับ อย่าให้บอกว่ารุ่นไหนบ้าง ไม่ใช่คนผลิตโง่ แต่ทำแบบนั้น เพราะหลายเหตุผล โดยเฉพาะต้นทุน แก้ไขเมื่อ 14 ส.ค. 48 22:08:36 จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 17:24:58 ]

ความคิดเห็นที่ 85 Ton99 เห็นได้ชัดว่ามั่วจริงนะ ยอมแพ้เขาเหอะ จากคุณ : ความเห็น - [ 14 ส.ค. 48 17:25:13 A:210.203.182.44 X: TicketID:104887 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทำมาเรียกร้องให้ผมขอโทษ ที่ผ่านมาคุณเคยกล่าวหาผมชุ่ยๆกี่ครั้ง  เคยขอโทษสักครั้งไหม? ในกระทู้นี้ก็มั่วไปกี่ครั้ง  คิดจะขอโทษสักครั้งไหมฦ อ้างบนเนี่ยไม่ใช่คนที่ชื่อ CEDRIC หรอกหรือที่พยายามบอกชาวบ้านว่า รถทั่วๆไปมันหนาอยู่แล้ว  เติมโซฮอลไปก็ไม่ต่าง อย่าพยายามเล่นลิ้นหน่อยเลย โตๆแล้วไม่ใช่เด็ก  อย่าให้เด็กต้องคอยมาสอนเลย พิมพ์มาเยอะล้วนมีแต่น้ำเอามาแถแก้เขิน จากคุณ : ton99 - [ 14 ส.ค. 48 18:49:19 ]

ความคิดเห็นที่ 87 "โตๆแล้วไม่ใช่เด็ก อย่าให้เด็กต้องคอยมาสอนเลย" ผมว่าเด็กอย่างคุณ มันพวกบ้าตำราบ้าเกรด บ้าองค์ความรู้หลอกและหลงตัวเองไปหน่อยครับ นอกจากสัมมาคารวะไม่มีแล้ว ยังนึกว่า เกรดหรือความรู้ที่คุณได้มา เพื่อเอามายกหางตัวเองนั้น มันน่าดูน่าชม หลายๆกระทู้ที่ผ่านมา ผมว่าคุณออกจะหลงตัวเองมากไปหน่อย กระทู้นี้อ่านแล้ว ความรู้ที่คนระดับชาวบ้านๆ แบบผมจะได้ไปนี่ น้อยนิดเดียว ติดจะไร้สาระ ไปกับพวกศัพท์เทคนิค "กูรูรกรุงรัง" เหมือนมานั่งหาวฟังเลคเชอร์ เรียนมาสูงมาทะเลาะแสดงอีโก้กันมากกว่าว่าใครแน่ ใครเจ๋ง พวกเรียนมาน้อยแบบผมนี่ไม่อยากสะเออะเข้ามาสอดหรอกครับ แต่ผมว่าที่พวกคุณคุยๆกันนี่ มันไม่ได้ประโยชน์กับชาวบ้านๆ ทั่วๆไปที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของการรณรงค์ให้ใช้ พลังงานทางเลือกเช่น ก๊าซ NGV LPG หรือก๊าซโซฮอลล์ มีเรื่องอื่นอีกมากที่เกี่ยวกับ กาซโซฮอลล์ที่ชาวบ้านๆ เขาใคร่กระหายอยากรู้มากกว่านี้อีก คืออยากจะบอกอีกอย่างนึงว่า พวกชอบซิ่ง พวกที่ยังบ้าไฮเปอร์ฟอมานซ์ มีเงินจะผลาญ95ได้เรื่อย ๆ เขาคงไม่มาสน จะมีก็แต่พวกลองของชั่วครั้งชั่วคราวอยู่แล้วดังนั้นมาเอาชนะคะคานกันแค่เรื่องอัตราเร่งลดหย่อนผ่อนหายไม่กี่วิ ผมว่าแม่มันไร้สาระโค-ต-ร-ในทัศนะของชาวบ้านๆแบบผมน่ะ ละอ่อนที่ใหนบ้ามาเติม กาซโซฮอล์เอาไปซิ่ง ว้า ??? กาซโซฮอลล์เขามีไว้ให้ชาวบ้านๆ ใช้ เป็นทางเลือกให้ลดค่าใช้จ่าย ไม่ใช่ให้เอามาผลาญถลุงเล่นกับพวก นักซิ่งบ้ารถบ้าไฮเปอร์ฟอมานซ์ครับ !! ลองไปอ่าน มีพวกนักเลงรถเปอโยต์เขาคาบมาให้อ่าน http://www.vlovepeugeot.com/webboard/11819.html สนใจปัญหาแบบตรงนี้บ้างครับ ผมว่า แม๋แม่มันน่าค้นคว้าน่าคุยกว่านี้อีก อยากจะบอกว่า ไอ้ที่คุณต้น แสดงโวหารอวดความรู้ในเชิงช่างหรือเชิงวิศวเพื่อจะคุยข่มหรือคุยทับหรือเอาชนะคะคานคุณ CEDRIC ผมคิดว่าช่างเก่งๆกว่าคุณเขาคงบอกว่า "แม๋แม่มันอ่อน" ครับ ช่างที่เก่งและอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักพูดเชิงช่างเชิงวิศวในแง่สร้างสรรมีอีกเยอะและน่ารับฟังกว่าที่คุณมาอวดภูมิที่นี้เยอะแยะเลยจะบอกให้ ทางที่ดี ควรจะเอาความรู้ที่มีมีไว้รับใช้สังคมและคนทั่วๆไป เช่น อย่ามัวมองแกซโซฮอลล์แต่ในแง่ลบ ควรจะมองว่า ในแง่บวกหรือสร้างสรร มันให้อะไรกับสังคมได้บ้าง ปัญหาที่เกิดกับระบบหรือส่วนประกอบส่วนควบเช่นท่อยาง ถังน้ำมัน ใส้กรอง หัวฉีด โอริง แหวนกวาดน้ำมัน ส้นเท้าส้นมือ แม๋แม่มันจะพังเร็วแค่ใหน มีหนทาง แก้หรือปรับปรุงให้มันรับมือเพื่อใช้งานได้ไหม ป้องกันได้ไหม ต้องระวังอย่างไร แม๋แม่ งี้สิ น่าอ่านกว่า มัวยกหางยกภูมิทะเลาะเรื่อง กูรูรกรุงรัง ผมว่าไม่มีชาวบ้านได้ประโยชน์ร๊อก ย้ำนะครับ อ้ายอีละอ่อนที่ใหนแม๋แม่ บ้าไปเติมกาซโซฮอลล์95 แล้วมาพล่ามเรื่อง อัตราเร่งแม๋แม่ งี้ห่วย ผมว่าควรไปนั่งสงบสติปัญญาแล้วจิ้มน้ำลายวนข้างหัวขมองถามตัวเองว่า " กาซโซฮอลล์เขามีไว้ให้เติมเพื่อไปขับรถซิ่งเหรอ เพ่ ???? " จากคุณ : วช. - [ 14 ส.ค. 48 20:11:08 A:210.86.204.147 X: TicketID:010996 ]

ความคิดเห็นที่ 88 กระทูนี้ผมไม่ได้บอกให้เอากาซโซฮอลไปอัดซะหน่อยนะครับ มีแต่คุณ วช คิดเองเออเองว่าผมเอารถไปอัด ที่ผมบอกมันคือปัญหากับรถผม  ในตอนที่ขับใช้แบบปกติ ไม่ได้เอาไปอัดแล้วมาโวยวาย  ลองกลับไปอ่านข้างบนให้ดีๆก่อน ถ้าอ่านไม่เข้าใจก็ไม่ต้องมาคุยครับ   เพราะจะเสียเวลาเสียอารมณ์กันเปล่าๆ กระทู้นี้ผมก็ตั้งของผมมาดีๆ  ถ้าไม่มีคนมาหาเรื่องมันก็เป็นกระทู้สงบๆ ลองไปดูข้างบนก็ได้  ว่าคนที่เริ่มเลอะเทอะชื่ออะไร // " กาซโซฮอลล์เขามีไว้ให้เติมเพื่อไปขับรถซิ่งเหรอ เพ่ ???? " // จำคำพูดนี้เอาไว้ให้ดีๆนะครับ จากคุณ : ton99 - [ 14 ส.ค. 48 21:16:15 ]

ความคิดเห็นที่ 89 นายต้น ตกลงว่าผมเคยบอกไหมว่า ใช้อีเท็นแล้วไม่ต่างเลย ผมบอกเสมอว่ามันต่าง มันเพี้ยน นิดหน่อย และผมไม่เคยบอกเลยว่ารถทุกคัน เดิมๆ ต้องหนา แต่ผมบอกเสมอว่า บนถนนมันมีคละกันแน่ๆ ระหว่างรถที่หนา พอดี และบาง ในขณะที่นายต้นบอกทีไรก็เหมือนจะบอกว่า รถบนถนนมันมีแต่พอดีหรือบางอยู่ นายต้นรู้ว่า พอใช้อีเท็นแล้วบางลง ก็รีบตีโพยตีพายว่า มันต้องแย่ลงเสมอ โดยลืมไปว่า มันมีรถที่เดิมหนานิดๆ จำนวนคันไม่น้อย แต่พอมีคนมาบอกว่า เอ้ยถ้าเดิมๆ มันหนานิดๆ มันก็ดีขึ้น หรือแย่ลงนิ๊ดนึง และบังเอิญว่า แนวโน้มรถถนนมันน่าจะมีหนานิดๆ มากกว่าพอดี+บางนิดๆ นายต้นเลยเถียงแหลกกลัวหน้าแตก ผมไม่เคยบอกว่ารถถนนมีแต่หนาทุกคัน ถ้ามี ช่วยยกมาด้วย ผมบอกเสมอว่ามีคละกัน ระหว่าง หนา พอดี บาง ถ้าให้ออกความเห็นโดยไม่ได้ทดสอบ ผมว่า บนถนนมีรถที่หนากว่าปกติสัก 40 พอดี 20-30 บางสัก 20-30 เปอร์เซ็นต์ พอผมถามนายต้นว่า ถ้าให้เดาว่ามีรถ หนา พอดี บาง ในสัดส่วนเท่าไรบนถนน นายต้นไม่กล้าตอบครับ เพระกลัวว่าจะเป็นกลายเป็นยอมรับ และตัวเองที่บอกไว้จะผิด งั้นผมถามท้งท้าย ถ้าเป็นลูกผู้ชายนายต้นช่วยตอบหน่อยว่า ///บนถนน มีรถคละกันใช่ไหมระหว่าง หนานิด พอดี บางนิด/// ใช่ หรือไม่ใช่ ที่มีคละกัน ไม่ต้องตอบเปอร์เซ็นต์ จากคุณ : CEDRIC - [ 14 ส.ค. 48 22:06:50 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ผมก็ใช้อยู่นะและใช้มาจะหนึ่งปีแล้วกับ124ฝาดำหัวฉีดKE และก็5เดือนที่ผ่านมาก็ใช้E10มาเกือบตลอด ถ้าจะไม่เติมE10ก็คือเพราะน้ำมันใกล้หมดและหาที่เติมไม่ได้เท่านั้น ผมก็บ้าสมรรถณะ บ้าอัตราเร่ง แต่บางทีก็บ้าทดลองเหมือนกัน และในความเห็นผมก็คือรถบางคันมีสิทธิ์เหมือนกันที่เติมแล้วจะวิ่งไม่ต่างจากเดิม รถผมเติมแล้วลองจับระยะอัตราเร่ง60ไป100 น้ำมันต้องเติมเต็มและต้องใช้หมดถึงจะเคลียร์ถัง และก็ต้องพยายามเติมปั๊มหน้าเดิมๆอยู่เสมอเพื่อที่อย่างน้อยจะมีมาตรฐานที่แน่นอนบ้าง วิ่งทดสอบผมก็มักจะไปวิ่งที่เดิม เวลามีต่างกันบ้างแต่ก็เป็นกลางคืนทั้งหมด เติม95ปั๊มCaltexผมวิ่งแบบนี้4.03วิ และบางทีก็ลงไป3.93บ้าง พอเป็นE10ผมกำหนดปั๊มไปเลยว่าเป็นบางจากนั่นแหละ ใกล้บ้านดี เติมถังแรกหลังจากกลับมาลอง95ผมยังไม่วัดแต่วัดถังหลังจากนั้น ก็ได้ค่าที่วนเวียนระหว่าง3.95-4.08 ซึ่งถ้าจะกล่าวว่าช้าลงก็คือช้าลงประมาณ0.02-0.05วินาที เป็นการทดลองแบบธรรมดา เครื่องมือถูกๆ งบน้อยๆ ไม่แม่นยำด้วย เผอิญมือน้ำตาล และโง่เทคนิค แต่แค่อยากจะแชร์ตามความคิดของตัวเองว่าโอกาสที่จะเติมแล้ว วิ่งใกล้เคียงเดิมมากๆมันก็มีครับ จากคุณ : บ้าperformanceแ้ล้วก็บ้าE10) (V.Putin) - [ 14 ส.ค. 48 23:45:40 ]

ความคิดเห็นที่ 91 // " กาซโซฮอลล์เขามีไว้ให้เติมเพื่อไปขับรถซิ่งเหรอ เพ่ ???? " // จำคำพูดนี้เอาไว้ให้ดีๆนะครับ จำแล้วจะทำไมหรือครับ ? คุณคิดว่ารถที่ผมขับมันซิ่งมากหรือไง ? รถบ้านๆ รถแตนๆ ผมขับ 160 เดี๋ยวนี้แทบไม่ได้ขับ 200 เพราะถ้ายังงี่เง่าขับก็เหมือนเผาเงินตัวเองเล่น แล้ว มันประหลาดตรงใหน ? คนที่หันมาเติมกาซโซฮอลล์ส่วนมากยั้งเท้ากันทั้งนั้นครับ ไม่มีใครเอาไปซิ่ง ผมว่าผมจำเข้าหัวกบาลมานานแล้ว ก่อนคนจะเห่อก่อนรัฐจะรณรงค์ และกาซโซฮอลล์ รุ่นพ่อผมก็ทดลองในโครงการสวนจิตรลดาและบางจากมานานแล้วด้วยนะครับ ตั้งแต่บางคนยังนุ่งขาสั้น ฟันน้ำนมซี่สุดท้ายยังไม่หลุด เสียด้วยซ้ำ จากคุณ : วช. - [ 15 ส.ค. 48 01:52:38 A:210.86.205.19 X: TicketID:010996 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ผมเป็นพวกไม่ค่อย Sensitive ครับ ระหว่าง 95 กับ อี10 . . . โดยส่วนตัวจับคร่าวๆ ใช้ความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ . . . ไม่รู้สึกถึงความต่างอย่างชัดเจนอะไร ไม่คิดก็ไม่รู้สึกอะไรเลย ทั้งอัตราเร่งหรือกินน้ำมันก็เหมือนๆกัน (ไม่ใช่ เหมือกันนะครับ แค่เหมือนๆกัน โดยความรู้สึกที่ไม่แม่นยำนัก) ลองกับรถอยู่ 5 คัน อายุตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10+ ปี ก็ยังไม่รู้สึกอะไร ใช้มาตั้งแต่ ราคาต่างกัน 50 สต. น่าจะเกินปีแล้วหละ . . . แต่ผมใช้รถบนถนน ผมขับค่อนข้างช้าโดยปกติ ไม่ใช่ถึงกับช้าครับ แค่ไม่เร็วเกินเหตุ ไม่ใช้อัตราเร่งเกินกว่าเพื่อนร่วมถนนส่วนใหญ่ใช้กัน . . . โดยความรู้สึที่ไม่ได้ลำเอียงอะไร . . . เติมอะไรไปก็ไม่ค่อยรู้สึกครับ . . . รถสลับใช้กันหลายคน ใครไปเติมอะไรมาบ้างผมไม่รู้(เพราะผมก็ไม่เคยบังคับใครในบ้านว่าต้องเติมอะไร อยากเติมอะไรก็เติม) แต่ขึ้นไปขับคันไหนเมื่อไร ผมก็ไม่รู้สึกอะไร ก็ใช้งานได้ปกติไม่เคยรู้สึกผิดปกติจนสงสัยอะไรซักที . . . . แต่อย่าเอาผมหรือแค่รถที่ผมใช้อยู่เป็นมาตรฐานครับ . . . . ผมความรู้สึกช้า ไม่มีสาเหตุอะไรมากผมก็จะไม่ค่อยได้ใส่ใจจับผิดอาการของรถจนเกิดวิตก จนใช้รถไม่เป็นสุข เฉพาะรถที่ผมใช้อยู่ ใครแอบเติมน้ำมันต่างกันมาให้ผมใช้ . . . ใช้งานแบบปกติ ให้ผมบอกว่าเติมอะไร โดยส่วนตัวผมบอกไม่ถูกครับ อาจจะเพราะผมไม่คิดมากและไม่จ้องจับอะไร มัวแต่ฟังเพลงด้วยมั้งครับเลยไม่ทันรู้สึกอะไรซักที ส่วนเรื่องกลัวพัง . . . โดยส่วนตัวแล้ว E10 ไม่เคยทำให้ผมเสียวอะไรเลยแม้แต่น้อย เฉยๆมาก . . . เพราะจนถึงวันนี้ ผมยังนึกไม่ค่อยออกเลยครับ ว่าอะไรมันจะพังจะเสียดี จุดไหนน่าจะเสีย . . . เลยนึกไม่ออกว่าผมจะกลัวหรือระวังอะไรตรงไหนดี มาเรื่อง ความหนาบาง 0.1-0.3 ตอน Open Loop . . . ขอเล่าตามที่เคยเจอ (ห้ามเอาเป็นหลักบานอ้างอิงเช่นกัน เพราะพูดจากความรู้สึก) จูนรถวิ่งตอนกลางวัน แล้วไม่แก้ค่าอะไร มาลองตอนกลางคืน AF จะบางไปประมาณ 0.1-0.3 แล้วแต่อุณหภูมิต่างกันเท่าไร (พอดี รถไม่ได้ใช้ AirTemp Sensor มา Adj ค่าให้ เลยได้ค่านิ่งๆจากตาราง) . . . . จาการลองทั้ง 2 เวลา ค่าเดียวกัน AF ที่ได้ต่างกัน ไม่รู้สึกแตกต่างอะไรครับ วัดจริงๆตงต่างบ้าง แต่ด้วยความรู้สึก ไม่รู้สึกจริงๆครับ แต่ AF Logger มันฟ้องว่าต่าง แม้แต่ตอนจูนใช้จริง ลองจูนต่างกัน .1-.2 ไม่รู้สึกเลยครับว่าดี ไม่ดีอย่างไร . . . . วิ่งได้ดีเหมือนๆกัน ตอนจูนก็แค่เลือกเอาค่าที่คิดว่าจะดีอย่างที่เราคิดเราต้องการแค่นั้น ดีสุดหรือเปล่าก็ไม่รู้เพราะจับความรู้สึกไม่ทัน มันเหมือนๆกันมาก ซึ่งค่าที่เลือกใช้อาจไม่ดีก็ได้ แต่คิดเอาเองสารตะว่าน่าจะดีกว่าก็เลือกใช้ จูนผิดไปจากนี้ .1-.2 ก็ไม่เป็นไรไม่รู้สึก . . แค่รู้สึกอุ่นใจได้เลือกค่าที่อยากได้ ซึ่งส่วนใหญ่ผมก็เลือกหนาไว้นิด เผื่อๆไว้ เพราะผมตั้งไฟกันแก่ปริ่มๆ เอาอุ่นใจก็เผื่อหนาไว้หน่อย ซึ่งถ้าวัดด้วยเครื่องมือละเอียดๆอาจผิดก็ได้ครับ . . . มันมีความแตกต่างแน่ใน .1-.2 ที่ต่างกัน ถ้าวัดด้วยเครื่องมือ แต่วัดด้วยความรู้สึกช้าๆของผม ผมไม่รุ้สึกต่างอะไรเลยครับ . . . วัดด้วยเครื่องมือ อาจต่างกัน 3-5 ม้า แต่ 3-5 จาก 2 ร้อยกว่า ผมก็เลยไม่รู้สึกมั้ง แค่ 1-2% ความรู้สึกผมไม่ไวพอที่จะจับติดครับ จากคุณ : A-Z - [ 15 ส.ค. 48 01:57:51 A:210.86.148.12 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ///บนถนน มีรถคละกันใช่ไหมระหว่าง หนานิด พอดี บางนิด/// โอ้ยผมบอกไปกี่ทีแล้ว  แถมบอกเอียดกว่าคุณอีก ว่ามันมี หนามาก หนาน้อย พอดี บางน้อย ตอนนี้แถม บางมากให้อีกอันนึงด้วย เพื่อความยุติธรรม ผมบอกว่าเคยเอาสโคป ไปจับสัญญาณที่ออกจาก O2 sensor นะ ไม่ใช่ให้เอาเครื่องไปวัดค่า A/F แก้ไขเมื่อ 15 ส.ค. 48 10:12:13 จากคุณ : ton99 - [ 15 ส.ค. 48 10:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ผมว่าคุณ วช เลิกมาคุยเลิกมาเถียงกับผมดีกว่านะครับ เพราะพูดกันไม่รู้เรื่อง // " กาซโซฮอลล์เขามีไว้ให้เติมเพื่อไปขับรถซิ่งเหรอ เพ่ ???? " // ผมจะบอกว่า กาซโซฮอลเนี่ย  ทำมาเพื่อขาซิ่งเลยจะบอกให้ แต่รถบ้านเดิมๆเอาไปเติมมันจะเพี้ยน   ยิ่งเป็นรถที่ปรับตัวได้ช้าอย่างรถผมเนี่ย  ต้องขับกันเกือบหมดถังถึงจะเริ่มเข้าที่ จากคุณ : ton99 - [ 15 ส.ค. 48 10:10:01 ]

ความคิดเห็นที่ 95 คุณต้นเล่าให้ฟังหน่อยซิครับว่า เอาสโคปไปจับ O2 Sensor แล้วมันเป็นยังไง มันมีอะไรแตกต่างออกไปครับ อยากทราบจริงๆครับ จะลองเองก็ไม่มีสโคป บอกตรงๆถึงมีสโคปผมก็ใช้ไม่ค่อยเป็นอยู่ดี อิอิ . . . ขอเรียนลัด ให้คุณต้นเล่าให้ฟังเลยคีกว่า . จากคุณ : A-Z - [ 15 ส.ค. 48 13:05:30 A:210.86.148.134 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 96 http://toyotaperformance.com/af_metering.htm http://www.autoshop101.com/forms/h56.pdf http://www.autoshop101.com/forms/h58.pdf จากคุณ : CORONA ECT - [ 15 ส.ค. 48 14:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ให้ไว้เป็นข้อมูลครับ พอดีผมมีรถใช้อยู่ 2 คัน คันที่ 1.ฟอร์ด เฟสติว่า เครื่อง 1300 cc. คาร์บูเรเตอร์ ปี 1994 คันนี้เดิมใช้น้ำมัน เบนซิน 91 ต่อมาได้เปลี่ยนมาใช้ น้ำมัน ก๊าซโซฮอลล์ 95 ของบางจาก ไม่พบว่ามีปัญหาใดๆ อัตราเร่ง อัตราการกินน้ำมัน ยังเป็นปกติ ผมใช้น้ำมันก๊าชโซฮอลล์มาเกือบปีแล้ว และไม่ได้ใช้ผสมแต่อย่างใด ใช้มาจนถึงปัจจุบันยังไม่พบปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น คันที่ 2 เป็นรถฮอนด้า ซีวิค 3 ประตู เครือง 1500 CC คาร์บูเรเตอร์ ปี1995 เกียร์ ออโต้ รถคันนี้ผมก็ใช้เบนซิน 91 เหมือนกัน และเริ่มเปลี่ยน มาใช้ ก๊าซโซฮอลล์ 95 พร้อมกับคันแรก แต่คันนี้พอเริ่มเปลี่ยนมาใช้เพียงถังแรก ก็มีปัญหาเครื่องเดินเบาสะดุดจนดับ ต้องทนใช้ แล้วเปลี่ยนมาใช้ เบนซิน 91 เหมือนเดิม ตอนแรกคิดว่าเป็นปัญหาที่เครื่อง ก็พยายามเช็คและแก้ไขมาหลายหน แต่พอเปลี่ยนมาใช้ ก๊าซโซฮอลล์ก็จะเป็นอาการเดิมอีก จนกระทั่งมีอยู่คราวเดินทางไปต่างจังหวัด ช่วงวิ่งด้วยความเร็วไม่มีปัญหาใดๆ แต่พอชลอติดไฟแดง เครื่องเดินเบาจะสะดุดจนดับ แล้วสตาร์ทไม่ติด ให้ช่างแถวนั้นดูบอกว่าเป็นที่คาร์บิวรั่ว ต้องลากเข้ากรุงเทพ หลังจากนั้นกลับมาได้ให้ช่างแถวบ้านเขาเปลี่ยนคาร์บิวให้ใหม่ โดยคิดว่าน่าจะเป็นเพราะถึงอายุที่จะต้องเปลี่ยนคาร์บิว หลังจากนั้นก็ใช้ เบนซิน 91 มาตลอด ก็ไม่พบปัญหาใดๆอีก จนกระทั่งเมื่อไม่นาน ก็ไปเติมโซฮอลล์อีก เนื่องจากคิดว่ามันถูก และปัญหาเดิมคงน่าจะเกิดจากตัวคาร์บิวไม่ดีเอง ไม่น่าเกิดจากน้ำมัน ในการเติมครั้งนี้ ก็เติมไม่มากแค่ 300 บาท แล้วในถังก็มีน้ำมันเบนซิน 91 อยู่เกือบครึ่ง วิ่งได้ไม่เท่าไร เจ้าอาการเดิมเครื่องเบาสะดุด ดับ ก็ตามมาเกิดอีก คราวนี้พอมีประสบการณ็เลยลองเปิดคาร์บิวดู ก็แจ๊คพ๊อตครับ น้ำมันหยดท่วมในคาร์บิวอีกแล้ว ก็คงพอจะสรุปได้ว่า เจ้าฮอนด้า 3 ประตูคาร์บิว คงไม่ถูกกับเจ้าโซฮอลล์จริงๆ ครับ ตอนนี้ยังห่วงอยู่เลยว่า อีกหน่อยจะไม่มีเบนซินธรรมดาให้เติมแล้ว เจ้า 3 ประตูผมมันจะเติมอะไรดี ฝากไว้ให้อ่านกันครับ จากคุณ : นายมะตูม (ford1) - [ 15 ส.ค. 48 16:12:19 ]

ความคิดเห็นที่ 98 นายต้น อ่านความเห็นที่ 92 ให้ละเอียดนะว่าคนเล่นรถลึก มือดำ อย่างคุณเอ-แซดเขาว่ายังไง ผมสงสัยว่า คุณเอ-แซด ไม่ใช่นักขับที่ดี หรือไม่ค่อยรู้เรื่องรถแฮะ ยกมา คุณต้นเล่าให้ฟังหน่อยซิครับว่า เอาสโคปไปจับ O2 Sensor แล้วมันเป็นยังไง มันมีอะไรแตกต่างออกไปครับ อยากทราบจริงๆครับ จะลองเองก็ไม่มีสโคป บอกตรงๆถึงมีสโคปผมก็ใช้ไม่ค่อยเป็นอยู่ดี +++++ ผมเอง ก็รู้สึกแบบเดียวกับคุณเอ-แซด จากคุณ : CEDRIC - [ 15 ส.ค. 48 18:37:55 ]

ความคิดเห็นที่ 99 รถบ้านเดิมๆ คารฺบู เติม 91 ทะลึ่งมาเติม 95โซฮอลลล์ โดยไม่จูนหรือเปล่าครับ ? คห94 ผมจะบอกว่า กาซโซฮอลเนี่ย ทำมาเพื่อขาซิ่งเลยจะบอกให้ คหแรก คือผมได้ทดสอบเบนซินและโซฮอลแบบไม่ให้ทราบล่วงหน้ากับคนในบ้านผม ผลออกมาว่าโซฮอลอืดกว่าแบบไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่รู้ผมตาฝาด หรือใครประสาทกลับ ?? หรือใครพูดไม่รู้เรื่องกันแน่ ? เวปบอร์ดสาธารณะ ห้ามคนแสดงความเห็นด้วยเหรอครับ เป็นมาเฟียบอร์ดนี้ หรือเปล่า จากคุณ : วช. - [ 16 ส.ค. 48 00:03:31 A:202.133.135.116 X: TicketID:010996 ]

ความคิดเห็นที่ 100 คุณ Cedric . . . อย่าเอาผมมายกเป็นตัวอย่างบ่อยนักครับ ผมไม่ได้รู้ลึกมากมาย แค่ชอบเฉยๆ มือก็ไม่ได้ดำมากนักแล้วครับ แค่เปื้อนบ้าง แต่ร่องเล็บขาวแล้วครับ เล็บดำเมื่อไรต้องรีบตัด เดี๋ยวหญิงร้องยี้ . . . อย่ายกบ่อยครับ ฟังดูแล้ว มันเก่งเกินกว่าตัวตนจริงๆของผมครับ เรื่อง Scope + O2 Sensor นั้น ผมอยากรู้จริงๆนะครับ ไม่ได้ไปแซวคุณต้น . . . เดี๋ยวหาว่าผมไปถามแซวอีก ผมถามเพราะอยากรู้จริงๆครับ - - - แต่ตั้งแต่รณรงค์เรื่อง E10 . . . ผมกลับชอบแฮะ เพราะพึ่งวันนี้เอง เข้า Caltex ก็มี E10 ให้เติมแล้ว เมื่อก่อนหาเติมยาก แค่ ปตท กับ บางจาก ไม่ค่อยสะดวกในบางเส้นทาง . . . ตังแต่กระคุ้นขึ้นมา มี เชลล์มาเสริม ตอนนี้พึ่งเห็นคาลเทกซ์ ก็มีอีก ผมชอบตรงที่หาที่เติมง่ายขึ้น . . . สำหรับผม E10 เป็น choice แรก . . . หาไม่ได้ค่อย 95 หรือ 91 . . . ดังนั้น อย่างหนึ่งเลยที่ผมชอบ คือสะดวกขึ้น หาง่ายขึ้น . . . เมื่อก่อนต้องคอยคิดว่า เส้นทางนี้มี ปตท หรือ บางจากรึเปล่า ไม่มีก็ค่อยเติมอย่างอื่นไป . . . แต่เดี๋ยวนี้ง่ายขึ้น รู้สึกจะขาดก็ Esso กับ Jet ที่รู้สึกจะยังไม่มี จากคุณ : A-Z - [ 16 ส.ค. 48 01:57:22 A:210.86.148.110 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ในช่วงเร่งแซง รถยนต์ไม่ว่ารถดีเซลหรือกาสโซลีน รุ่นเก่าหรือรุ่นใหม่(ยกเว้นรถอีแต๋นกับรถเจ้าของกระทู้) จะต้องการส่วนผสม A/F เข้มข้นกว่าปกติ สำหรับโตโยต้าจะตัดวงจรClosed Loop ออกชั่วขณะ ควบคุม A/F ค่อนข้างเข้มประมาณ 12-12.5  จะมีเชื้อเพลิงมากเกินพอปล่อยทิ้งจากห้องเผาไหม้ ในกรณีใช้กาสโซฮอล95 พบว่า มีสัดส่วนออกซิเจนในห้องเผาไหม้ มากกว่าใช้กาสโซลีน95(เพราะออกซิเจนส่วนหนึ่งมาจากอากาศ ส่วนหนึ่งมาจากกาสโซฮอล) จึงทำให้การเผาไหม้ได้พลังงานมากกว่า อัตราเร่งจาก0-100 กม/ชมจึงดีกว่า จากคุณ : CORONA ECT - [ 16 ส.ค. 48 09:35:37 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ผมยังต้องการ แค่ ......... รัฐบาลออกมาบอกว่า รถหลัง 96 ใช้แล้ว ไม่เหมือนกัน ทุกคัน (ใช้ได้ น่ะรู้แล้ว) ผมต้องการแค่นี้.... (แล้วเรื่องช่วยชาติน่ะทราบดี ผมก็สนับสนุนให้ขาย) แต่เรื่องสำคัญเลย อย่า หมก บอกแต่ ใช้ได้ แล้ว ทดสอบบางรุ่น ว่า อัตราเร่งดี เท่าเดิม แล้วสรุปว่า ใช้แล้วดีเท่าเดิม รัฐบาลลูกผู้ชายนะครับ มิใช่รัฐบาลตุ๊ด ไม่ใช่ว่า ผมไม่เคยใช้ ใช้กับรถมาหลายคันแล้ว ใช้มาเกือบ 3 ปี ตั้งแต่มัน ยังไม่ขาดตลาด จนขาดตลาดและกลับมามีอีก เติมใช้มาหลายหมื่นบาท แล้ว โซฮอลน่ะ ส่วนเรื่องความรู้สึกนั้น ถ้าคุณรู้สึกได้ ก็รู้สึกได้ เชื่อตัวเองว่า ไม่ได้ อุปทานหมู่ตามคนบางกลุ่ม ส่วนบางคัน บางคน เค้าก็ว่าเหมือนๆกันไม่รู้สึก ก็ถูกต้องของเค้า ผมก็เชื่อเค้า ก็รถมันคนละคัน ประสาทสัมผัสคนมันละเอียดนะครับ ผมหลับตาจับก้นสาว ก็รู้ว่ามันเป็นก้นแฟนผม ของมันเคยมือ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 48 10:58:55 จากคุณ : . (เสี่ยวจับกัง) - [ 16 ส.ค. 48 09:42:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103 คุณเอ-แซดครับ ไมได้ยกมาอ้างเพื่ออะไรหรอกครับ แต่บอกเล่าให้ทราบว่ามีคนมือดำหลายคน ไม่กลัวอีเท็น เรื่องมือดำ ร่องเล็บดำ นึกภาพออกเลยครับ แต่ก่อนนี่ แฟนร้อยยี้ จนเลิกร้อง และของพวกนี้มันขัดออกยากซะด้วย ตอนนี้แก่แล้ว วีคนึงก็ยังมือดำ ร่องเล็บดำหลายวัน ผมว่าคุณกับผมอารมณ์เล่นรถเดียวกัน พยายามรู้ลึก ไม่หยุดรู้ ทำเองเป็น แต่ไมได้จำเป็นถึงกับต้องไขน็อตลูกหมากเอง หรือทำเป็นช่างเต็มตัว แต่ถ้าจะให้ทำเอง ก็เป็น อย่างตอนไปอยู่ในเมกา ก็ทำงานในอู่แบบช่างจริงๆ หาตังค์จริงๆ เมื่อยๆ จริงๆ ส่วนในไทย ชี้นิ้วบ้าง สั่งบ้าง ไขเองบ้าง แต่น็อตในเครื่องขอไขเองแฮะ อย่างตอนนี้คุณเล่นเค20 ผมกลับเล่นแค่บี20 แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 48 17:32:23 จากคุณ : CEDRIC - [ 16 ส.ค. 48 11:48:57 ]

ความคิดเห็นที่ 104 อืม อารมณ์ประมาณนั้นครับ นึกถึงตอนอยู่ต่างประเทศ โทษฐานด่าแรงแพงนัก เลยซื้อเครื่องมือที่ไม่แพงนักไว้ทำเองในการาจเลย งานใหญ่ๆหน่อยแปลกๆไปบอกฝรั่งทำ ไอ้พวกนี้ก็ไม่ค่อยเก็ท ไม่กล้าทำ ถามอยู่นั่นแหละว่าทำทำไม มันกลัวโดนฟ้องเกิดทำพลาดขึ้นมา . . . จนหลังๆต้องไปตีซี้อู่เล็กๆ ขอเช่า Shop เช่าเครื่องมือมันตอนวันหยุด แล้วลุยเองเลย เกณท์เพื่อนๆมาช่วยกัน . . . หนุกดี เมืองไทยน่าจะมีแบบนี้บ้างนะ เช่าชีอปทำกันเองได้ ผมว่าพวกอยากซนมีเยอะ แต่ไม่มีเครื่องมือ . . . ผมยังเคยคิดกับเพื่อนจะเปิดร้านทำนองนี้เลย ตอบสนองพวก Weekend Hobby . . . แต่คิดไปติดมา น่าจะเจ๊ง เลยไม่เอา ที่อยากเช่าช๊อปทำเอง ก็เพราะส่วนใหญ่ ที่ทำๆอยู่ไม่ได้ดั่งใจ . . . ทุกวันนี้พวกช่างที่ดูแลรถ ก็ไม่ได้ดั่งใจเท่าไร . . . เจอพวกช่างเป็นๆนี่บางทีก็ลำบาก ชอบทำตามใจผู้จัด ขัดใจผู้ฟัง . . . บอกให้ทำแบบนี้ มันก็เถียงๆๆๆๆ อยู่นั่นแหละ ถ้าความคิดมันไม่ออกทะเลนัก ผมก็เออๆออๆ ไปขี้เกียจทะเลาะกัน เดี๋ยวไม่มีช่าง Service แบบรู้ทางกัน ทักษะความเป็นช่างพวกนี้ดี แก้ปัญหาเก่ง แต่บอกตรงๆครับ โดยรวมไม่ค่อยถูกใจ . . . จะไปเฝ้าให้ทำตามสั่ง ก็กลัวช่างอึดอัด ทำไม่ออก . . . ก็สั่งๆไว้ กำกับไว้ว่าให้ทำแบบนั้น แบบนี้ . . . พอไม่ได้ไปเฝ้า ผ่านไประยะหนึ่ง งานออกมา ทำตรงใจบ้าง ไม่ตรงบ้าง ก็ต้องหยวนๆ . . . ช่างผมฝีมือใช้ได้ แต่ความเข้าใจไม่เท่าไร แถมชอบเถียง . . . อธิบายให้ฟังก็ไม่ค่อยเข้าใจ ปวดหัว เคยคุยกับรุ่นน้องอยู่ ชื่อ จ. ศิษย์เอก อ. เหมือนกัน ดีไม่ดีคุณก็รู้จักนะ . . . มันบอกช่างของมันใช้ได้เลย ผมก็อยากหาช่างแบบนั้นเหมือนกัน แบบว่าฝีมือดี แต่เชื่อฟัง สั่งให้ประกอบผิด ก็ต้องประกอบให้ผิดตามที่ผมบอก . . . แต่หาช่างแบบนี้ไม่เจอเหมือนกัน ประเภท ฝีมือดี ละเอียด ไม่เถียง เชื่อฟังกันดี . . . ตอนนี้เจอแต่ฝีมือดี ละเอียด แต่ดื้อ . . . พวกดื้อนี่น่ากลัวที่สุด มันชอบเชื่อมั่นกับสิ่งที่เคยทำมา หลงอยุ่กับความสำเร็จที่ผ่านมา แล้วคิดว่าตัวเองเป็น . . . เป็นนะแหละ แต่ความเข้าใจมีน้อย . . . น้อยจนบางอย่างคุยกัน ผมแปลกใจเลย ว่าเอ็งอยุ่กับรถแข่งอย่างเดียวมาเป็น 10 ปี ทำรถแข่งรับแชมป์มาหลาย 10 คัน เรื่องง่ายๆบางอย่าง พวกนี้ยังไม่เข้าใจเลยว่าทำทำไม . . . เห็นเขาทำ ก็ทำกันบางอย่างเหมือนสูตรสำเร็จ ทำโดยไม่รู้จริงว่าทำไมต้องทำ ทำเพราะอะไร เพื่ออะไร . . . บางคำตอบที่คุยกับช่าง เล่นเอาผมอึ้ง . ว่าเอ็งทำรถแชมป์มาได้ไงวะ จะหาเด็กมาเทรนเอง ก็ไม่รู้เมื่อไรจะได้เรื่อง . . . เอาที่เป็นอยู่แล้วก็ดีในหลายๆแง่ แต่ก็หงุดหงิดได้ในหลายๆเรื่อง . . . . บางทีก้คิดไม่ตกเหมือนกันว่าเอาไงดี ได้อย่างเสียอย่าง . . .จะลงมือเอง เวลาก็ไม่มี ทักษะก็สู้ช่างจริงๆไม่ได้อีก . . . ตอนนี้ก็ค่อยๆพยายามล้างสมอง พวกทีมช่างที่ใช้อยู่ ปลุกฝังความรู้ความเข้าใจให้เยอะๆ แต่ไม่รู้พวกนี้จะรับไปได้ซักเท่าไร เพราะไม่ค่อยจะรับอะไรใหม่ๆกันเลย เหนื่อยใจ เมืองไทย แมคคานิด มันรวมอยุ่หมดในคนเดียว ทั้งเซอร์วิส ทั้งโมดิฟาย ทั้งลงมือ . . . จริงๆมันต้องแบบมืองนอก แมคคานิค กับ เอนจิเนียร์แยกกันชัดเจน . . . คนลงมือก็ลงมือไป คนกำกับบทก็กำกับไป . . . เมืองไทยมัน ฉันลงมือ ฉันก็คิดว่าฉันรู้เรื่องแล้ว ฉันเป็น . . . กลุ้ม เรื่องฐานความรู้ของช่างในไทย ผมก็เคยคุยกับ อ. . . . ซึ่งก็เห็นตรงกันว่า นี่เป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ทำให้ทีมไทยสู้เมืองนอกไม่ค่อยได้ . . . . ช่างไทยที่เป็นช่างๆกันอยุ่ก็มาจากเด็กฝึกงาน ลูกมือ ดีหน่อยก็จบสายช่างมา เก่งทางลงมือ . . . ส่วนพวกที่จบสายศาสตร์มา มีความรู้หนุน ก็มักจะไม่มาอยู่วงการรถ ไปอยู่วงอื่นซะหมด เพราะเงินดีกว่า . . . มันเลยเป็นองค์ประกอบที่ไม่ลงตัวซะที . . . . อ. แกก็ไปอยู่ รยสท. ก็เห็นว่าจพยายามหาทางออกยกระดับช่างไทยให้มีฐานความรู้มากกว่านี้หน่อย จะทำอะไรให้มันมาจากวิชาการบ้างไม่ใช่ประสบการณ์อย่างเดียว . . . พูดง่าย แต่ทำยากและ Take Time . . . อ.แกก็บ่นเซ็งเหมือนกัน แกไปบรรยายวิชาการให้ฟัง ไม่มีช่างไปฟังซักคน เพราะช่างเมืองไทย หยิ่ง+ดื้อ. . . แล้วเป็นแบบนี้ เมื่อไรช่างไทยจะเก่งขึ้นซะทีหละ ไอ้ที่ชอบๆบ้าๆแนวเราๆ ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเอง ลองเอง . . . มันก็ควักได้ซักระยะหนึ่ง ซักวันมันก็หมดแรงใจที่จะควักเหมือนกัน เพราะการงานที่เกี่ยวข้องก็ไม่ใช่สายนี้ อยู่กันก็ด้วยใจรัก สักวันก็ต้องแผ่วๆไป. . . . มีอยู่น้อยกลุ่มมากที่จะควักโดยไม่เหนื่อยกับการควักที่จะทดลองค้นดว้า . . . วงการรถแข่งจะรุ่งได้ มันต้องเป็นพวกอยากรู้ มีความรู้ แล้วก็ต้องอยู่ในวงนี้จริงๆ คือรถเป็นอาชีพเลย มันถึงมีความต่อเนื่องในการพัฒนา ไม่งั้นมันก็แค่ Hobby สักวันก็ต้องเลิก คุยไปคุยมาจาก E10 ไปออกเป็นอะไรซะแล้วนี่ . จากคุณ : A-Z - [ 16 ส.ค. 48 13:16:56 A:210.86.148.91 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ยกมา ตอบ ยกมา ตอบ ยกมา ตอบ ยกมา ตอบ มึน..... จากคุณ : อ่านบ่ไหว (Sorn มาคับ) - [ 16 ส.ค. 48 17:08:05 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ยินดีที่คุยกับคุณเอ-แซด อารมรณ๊และทุกอย่างที่คุณบอกมาตรงกันครับ ผมเองโชคดีได้เล่นรถยุคแคมคาร์บู และดัดแปลง หาลูกมาเทียบ แยงพอร์ทด้วยสว่าน (ไม่มีตัวเจียร์ที่รอบพอดีๆ หรือลม)  เจียร์แคมฯ คาร์บูคู่ เวบเบอร์ไม่มีตังค์ซื้อ ก็ซื้อโซเล็กซ์จาก 2ทีจี ท่อไอดีไม่มีก็ทำท่อเหล็กเอา ทำสารพัด ยังมีเวบเบอร์และโซเล็กซ์เก็บอยู่ครับ ไม่ใช่เพราะชอบอย่างเดียว แต่เพราะที่บ้านไม่รวย แค่พอมีให้เล่นบ้าง ในกลุ่มคนเล่นรถยุคนั้น ผมน่าจะจนเกือบที่สุดครับ ปิดเทอม เปิดเทอม โดดเรียนบ่อย ไปอู่ นอนกับช่างแบบเอาเสื้อยืดคลุมหัว เหลือแต่ตา ยุงกัดมือ เอาถุงเท้าใหม่ๆ มาใส่ จนเรียน มหาลัยนานกว่าเพื่อนไปเป็นปี ผมทันยุคแคมคาร์บูเต็มๆ ประกอบเครื่องแข่งแบบไทยๆ เอง (ไม่ใช่เซียนนะครับ) และแข่งได้จริง ได้ถ้วยแบบไทยๆ หลายใบ ด้วยเครื่องประกอบเอง โรงกลึง อู่ มือดำ เทียบของใช้ ตั้งแต่ลูกสูบ ยังวาล์ว ตัดก้านเซาะร่อง เอาหมด เทอร์โบ+คาร์บู ติดจนเซียน คุ้นกับงานแมคคานิค ตั้งแต่อายุแถว 20 พอยุคเปลี่ยนมาหัวฉีดเทอร์โบ ช่างหลายคนในยุคนั้นกลัว ผมดันเรียนมหาลัยสาขาที่ไม่เกี่ยวกับรถโดยตรง แต่เกี่ยวกับคอมฯ โดยตรงซะอีก (คอม ไซน์) มันก็เลยเอามาประยุกได้ กลายเป็นคน 2 โลกไป ทั้งแมคคานิกส์และอิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมั่นทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ ไม่เหมือนช่างยุคก่อนที่กลัวอิเล็กฯ หรือเด็กยุคใหม่ ที่คิดว่ากล่องหรือการจูนจะเสกม้าได้ ไม่ได้ขี้คุยให้ใครทราบ แต่เล่าให้คุณเอ-แซดทราบ เพราะรุ้สึกว่าเราเป็นคนอารมณ์เดียวกันครับ แก้ไขเมื่อ 16 ส.ค. 48 17:59:48 จากคุณ : CEDRIC - [ 16 ส.ค. 48 17:44:52 ]

ความคิดเห็นที่ 107 แฮ่ๆ ขอนอกเรื่อง สมัยนั้นเวบเบอร์ราคาเท่าไหร่ครับ (DCOE) จากคุณ : อากง - [ 16 ส.ค. 48 21:34:42 ]

ความคิดเห็นที่ 108 รู้สึกคุณ Cedric นี่ เติบโตมาใน route ที่คล้ายๆกับผมมากๆเลย เครื่องครูเครื่องแรกของผมคือ 3 K . . . หัดรื้อตอนอายุ 14 ตอนนั้นติดสอยห้อยตามรุ่นพี่ไปอู่ จากนั้นทุกวันหยุดก็สิงสถิตอยู่กับอู่ เพราะเคยอ่านแต่หนังสือ พอได้มาที่อู่ รู้สึกตื่นตาตื่นใจเลยครับ ได้เห็นของจริง จากนั้นพี่เจ้าของอู่ เขาก็ยกเครื่อง 3 K มาให้ลองรื้อเอง แล้วลองประกอบกับเองกับมือ แต่มีพวกพี่ๆเขาเป้นพี่เลี้ยงให้ รื้อไปก็ถามไปเรื่อย ค่อยๆรื้อค่อยหมุน รื้อไปหมุนไปดูกลไกมันทำงานยังไง จนมันซึบซับเข้าหัวเองไปเลย . . . พอพ้น 3K จากนั้นก็ได้ลอง 2TG มารื้อเล่นเป็นโจทย์ต่อไป. . . พอได้ลองของจริง มาอ่านหนังสืออะไรก็เริ่มเก็ทขึ้น เห็นภาพและเข้าใจตามได้ง่ายขึ้น ก่อนนั้นก็อ่านไปงั้นแหละ อ่านไป งงไป นึกของจริงไม่ออก พออยู่ ม5-6 เริ่มแข่งรถแล้วเหมือนกัน หนีโรงเรียนไปแข่งกับ เพื่อน(ศัตรู)ต่างโรงเรียน ท้าดวลกันเป็นเรื่องเป็นราวเลย . . . สรุป โดนตำรวจจับยกฝูง . . . รอดจากโรงพักมา จากนั้นศัตรูกลุ่มนั้นกลายเป็นเพื่อนซี้จนทุกวันนี้เลย (ประสบการณ์ที่ไม่ดีเลยนะครับ ห้ามจดจำไปทำเด็ดขาด) พอปี 1 เริ่มไปซ่าส์หน้าพาเลส ทุกศุกร์เสาร์ ด้วย 2TG จากนั้นก็ 3T-GTE ไม่เคยยอมเสียเงินให้อู่ครับนอกจากค่าวางเครื่อง เรื่องโมต่อ โรงรถบ้านเพื่อนตลอด . . . เงินน้อยเหมือนกันครับ ก็ต้องหัดทำเองศึกษาเองลงมือเอง เอาประหยัดไว้ก่อน . . . ผมแย่กว่าคุณตรงที่ ไม่เคยได้เงินทำรถจากแม่สักสลึง ไม่หนุนไม่ว่า คัดค้านอย่างแรงด้วยซ้ำ ทำอะไรก้ต้องแอบๆอย่างเดียว รู้ทีโดนรุมสวดทั้งบ้าน . . . . จนถึงวันนี้ โตๆแล้ว ยังต้องแอบอยู่เลย รู้แล้วขี้เกียจฟังคำบ่นเรื่องรถแข่ง ฟังมา ยี่สิบกว่าปีแล้ว ยังไม่เลิกบ่นซะที 555 . . . . ขนาดเรียนจบแล้วตอนไปเรียนต่อ ตัวอยู่ต่างประเทสแล้ว อุตส่าห์ซ่อนเก็บชุดแข่งซ่อนหมวกไว้อย่างดี แม่ดันมาจัดห้องให้ เจอเข้า ไปคั้นความจริงจากเพื่อนผมจนรู้เรื่อง . . . โทรทางไกลไปสวดถึงเมกาเลย ตูละเซ็ง . . . แต่หยุดผมไม่ค่อยได้หรอก . . . มันซึมเข้าเลือดไปแล้ว เอาง่ายๆก็คืออย่าให้รู้ แต่นึกแล้วมันส์มากๆ เอา 3TG Otop ไปเช็ด FJ20 4TG จากอู่ดังในยุดนั้นแถวเชียงกงปทุมวัน เอากี่ทีก็เช็ดขาดๆทุกที . . . จากนั้นเกิดเลย เพื่อนๆเริ่มเชื่อมือ . . . ทีนี้สนุกเลย ได้เล่นสารพัดเครื่อง เพื่อนออกเงิน ผมออกแรง Saturn Astron Sirius Rotary 13B CA16 CA18 Z18 4AGA12 13 14 L16 L 20 ว่ากันนัวเนียเลย เครื่องกะป้อ 500 3สูบ ผมยังเอาเลย . . . ผมเลยซี้กับกลุ่มกะป้อทองหล่อ ทำรถกินนอนในสลัมกันเลย หนุกครับ ได้ใจกันดี . . . มันช่วยผมทำ ผมช่วยมันคิดไปฟัดกับกะป้อซอยอื่น หนุกไปอีกแบบ แต่เล่นๆมาผมก็เล่นของถูกตลอดครับ Carb นอนก็พึ่ง Solex จาก 2TG เหมือนกัน . . . จนหลังๆก็พัฒนาหน่อย เพราะต้องการเบอร์ 45 ก็เร่มได้เล่นของสูง ได้จับเวบเบอร์บ้าง . . . พอไปเล่นโร ก็ได้เล่น 48 IDF, อ้อก่อนนั้นได้เล่น 44 DCNF อยุ่แว๊ปหนึ่งบนเครื่อง Lancia . . . แต่ Delotro นี่ ไม่เคยได้จับของจริงซักที จนหมดยุคคาร์บิวไปเลย . . . จริงๆพวกคาร์บิว หรือของแต่งรถเก่าๆนี่ ผมไม่เคยขายทิ้งเลยซักชิ้นเหมือนกัน แต่ด้วยความที่เอาเข้าบ้านไม่ได้ ก็ต้องฝากไว้บ้านเพื่อน ฝากจนมันระเหิด หายไปไหนหมดไม่รู้ Turbo ยุดนั้นก็มันส์ ลองมันหมดทั้งดูด ทั้งอัดเข้าคาร์บิวลูกลอยแฟบแล้วแฟบอีก ก็หาทางแก้ไปเรื่อย กล่องอัดอากาศก็เอาเหล้กแผ่นมาตีกันเอาเอง ว่ากันมั่วไปเรื่อย หน้าตาโคตรโหล่ยโท่ย เวิร์คบ้างไมเวิร์คบ้าง สารพัดลองจริงๆ 13B เอาเทอร์โบอัดใส่ 48 IDA ก็ลอง แล้วก็กระจายเรียบร้อย . . . ท่อไอดีเหล็กนี่ ผมว่าผมก็ทำไปสารพัดรุ่นเหมือนกันนะ น่าจะเกิน 10 รุ่นได้ . . . . ยุคนั้นเหรอ ของใหม่ไม่ได้แอ่มเงินผมหรอก ของเก่าล้วนๆ เชียงกงมอเตอร์สปอร์ตลูกเดียว เดินเชียงกงจนร้านจำหน้าได้หมด ดูมันทุกวันแต่ไม่ซื้อ ไม่ถูกไม่ซื้อ . . . ก็บ่อจึ้อะ ไม่รู้ทำไง ของใหม่ของเจ๋ง เห็นแล้วก็ได้แต่กลืนน้ำลายไปก่อน ไม่สามารถจริงๆ แต่พอเรียนปี 3-4 ก็เลิกครับ กลัวไม่จบ ก็ปี 1-2 แทบไม่เคยมามหาลัยเลย ออกมาก็โรงรถบ้านเพื่อนเพื่อทำรถไปลุยคืนวันศุกร์ แถมตอนปลายๆปี 1 เริ่มริไปแข่งสนาม เริ่มลงที่ลพบุรี จนพีระเปิด ได้เล่นอยู่ หน 2หนก็ต้องเลิก หมดตูด ผมว่ามันก็กลายเป้นนิสัยติดตัวเหมือนกันนะ ทุกวันนี้แม้เป็นรถแข่งจริงๆผมก็ยังนิยมแบบประหยัด ไม่มีซื้อพร่ำเพรื่อ . . . จะทำอะไรจึงต้องศึกษาเยอะหน่อย เราไม่มีงบให้ลองผิดลองถุกมากนัก คิดก่อนทำเยอะๆ จะได้ลดโอกาสลองผิดให้น้อยลงหน่อย. . . อะไรทำได้เอง ทำ . . . ทำไม่ได้จริงๆ ต้องซื้อก็คือต้องซื้อ . . . ผมแทบจะคิดว่าในสนามนี่ ผมใช้เงินใช้ของแทบจะคุ้มค่าที่สุดแล้วมั้งครับ . . . เห็นพวกทีมรวยๆโปรยเงินกัน บางทีก็อิจฉานะ . . . ยังแอบคิดเล่นๆอยู่เสมอว่า ถ้าเราเอางบเท่านั้นมาทำรถ เราน่าจะทำได้ดีกว่า(แต่จริงๆมีเงินเท่านั้น ก็อาจทำได้ห่วยกว่าที่เขาทำอยู่นะครับ แค่คิดเล่นๆในใจแบบเข้าข้างตัวเองเล็กน้อย) แต่แปลกนะ รถถนนใช้งานอยุ่นี่ ผมไม่แตะต้องซักแอะ ล้อแทบไม่เคยเปลี่ยน Shock ถ้าไม่เลวร้ายจริงๆก็ไม่เปลี่ยน มายังไงใช้อย่างนั้นเป้นส่วนใหญ่ วิทยุยังไม่เปลี่ยนเลย . . . แต่งรถถนนดันเสียดายเงิน เอาเงินไปลงรถแข่งหมด อู้ย พอดีกว่า . . . คุยเรื่องมันส์ๆในอดีตแบบนี้ ติดลม . . คุยกันได้ข้ามคืนก็ไม่เบื่อ คุณอากง Webber 40 DCOE ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเกือบหมื่นครับ ตัวหนึ่งน่าจะแถวๆเกือบ 5 พัน เคยแต่ถามครับ ไม่เคยซื้อของใหม่เลย . . . มีรุ่นพี่ซื้อ 48 DCOE มาคู่นึง ทะลุหมื่นแน่ๆแต่เท่าไรจำไม่ได้ครับ . จากคุณ : A-Z - [ 17 ส.ค. 48 01:13:15 A:210.86.148.87 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ปัญหาที่แท้จริงของประชาชนทั้งประเทศไม่ได้อยู่ที่ว่ารถของแต่ละคนจะสามารถเติมแก๊สโซฮอล์ 95 ได้หรือไม่ หากแต่อยู่ที่.... แก๊สโซฮอล์ เป็นพลังงานทางเลือกที่เหมาะสมกับเมืองไทยตอนนี้จริงหรือ ? ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากเริ่มไปทดลองใช้พลังงานทดแทนตามแผนยุทธศาสตร์ของ รัฐบวม ทำให้รัฐบวมออกมาให้ข่าวในทำนองที่ว่าดีมานด์ของแก๊สโซฮอล์ในบ้านเราสูงขึ้น กว่าเดิมมาก และในอนาคตก็น่าจะจำหน่ายได้มากกว่านี้ไปอีก หรือ แก๊สโซฮอล์จะเป็นความ หวังในอนาคตของประเทศในยุคน้ำมันแพง แต่ความจริงที่รัฐบวมไม่เคยเปิดเผยให้ประชาชนตาดำได้ทราบและรู้ความจริงเลยก็คือ 1. แก๊สโซฮอล์ มีราคาต้นทุนจริงที่สูงกว่าน้ำมันเบนซิน 95 เสียอีกในอนาคต แม้ว่าในปัจจุบันรัฐบวมจะใช้กลยุทธในเรื่องราคาที่ต่ำกว่าถึงลิตรละ 1.50 บาท มาเป็นตัวล่อ เหยื่อตาดำๆ อย่างประชาชนผู้บริสุทธิ์ให้ใช้แก๊สโซฮอล์ 95 ทดแทนเบนซิน 95 อ้างว่าเพื่อ ลดการนำเข้าสาร MTBE แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต้นทุนในการผลิตเอธานอลตามสเปคคือ 99.5% ของบรรดาโรงงาน เอธานอลทั้งหลายในประเทศไทยนั้นสูงกว่าสาร MTBE ถึงเฉลี่ยลิตรละ 2.50-2.75 บาทเลย ทีเดียว เนื่องจากการกลั่นและสกัดเอธานอลที่ความบริสุทธิ์ตามสเปคที่ว่านั้นต้องอาศัยกรรม วิธีที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในขณะนี้โรงงานเอธานอลส่วนใหญ่มีต้นทุนในการผลิตเอธานอลลิตรละ 17.90 - 19.50 บาทต่อลิตร (แล้วแต่โรงงานผลิตแต่ละแห่ง ราคาไม่แน่นอนแกว่งไปตามราคา กากน้ำตาล [Molas] แต่รัฐบวมเหลี่ยมบีบให้ขายให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ในราคาลิตรละ 15 บาท ต่อลิตร เพื่อที่จะสามารถจำหน่ายแก๊สโซฮอล์ 95 ต่ำกว่าเบนซิน 95 ในอัตราลิตรละ 1.50 บาท ไปได้นานพอที่จะเริ่มมาตราการบังคับ ( การงดจำหน่ายเบนซิน 95 ในวันที่ 1 มกราคม 2550 ) หลังจากผ่านวันที่ 1 มกราคม 2550 ไปแล้ว กำหนดปล่อยผีร้ายก็จะมาเยือนผู้บริโภคตาดำๆอย่าง ไม่ต้องสงสัย เพราะบรรดาโรงงานผลิตเอธานอลทั้งหลายได้ยื่นหนังสือต่อรัฐบวมแล้วว่าต้องการ ให้รัฐบาลรับซื้อเอธานอลในราคาลิตรละ 19 บาทเป็นอย่างน้อย เพื่อชดเชยรายได้ที่หายไปในระหว่าง ดำเนินมาตรการปาหี่หลอกตาประชาชีอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นในอนาคตราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 นั้นจะสูงกว่าน้ำมันเบนซิน 95 ที่ผสม MTBE ในระหว่างลิตรละ 0.75-1.75 บาทโดยประมาณอย่าง มีนัยสำคัญ ปัญหาที่แท้จริงก็คือ รัฐบาลพยายามมองสิ่งที่ไม่เป็นปัญหาให้เป็นปัญหา สารMTBE นั้นในประเทศ ไทยเราจริงแล้วมีการใช้ในอัตราที่น้อยมากๆ เนื่องจากสารดังกล่าวนี้จำเป็นในการเติมลงในน้ำมัน เบนซิน (Mogas) เท่านั้น ในขณะที่อัตราการใช้น้ำมันเบนซินต่อน้ำมันดีเซลในประเทศเราอยู่ที่ 20% ต่อ 80 % โดยประมาณ การงดจำหน่ายเบนซิน 95 ในปี 2550 และเบนซิน 91 ในปี 2553 จึงเป็นเพียงการลดการนำเข้า MTBE ที่จะมาเติมลงในน้ำมันเบนซินทั้งสองประเภทเท่านั้น ถึงจะ ทำได้จริงแต่ก็แก้ปัญหาการใช้พลังงานของประเทศได้เพียง 20 % เท่านั้น แต่ในขณะเดียวกันรัฐบวม ลืมมองปัญหาใหญ่ของเอธานอลไปเสียฉิบ จริงอยู่ในประเทศไทยนี้รัฐบวมสามารถบังคับผู้ผลิตเอธานอล ให้เขาขายให้ผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 ในอัตราลิตรละ 15 บาทในขณะนี้ แต่ด้วยกลไกตลาดเสรีในปัจจุบัน หากผู้ผลิตเอธานอลรู้สึกไม่คุ้มค่าเขาก็สามารถจำหน่ายกากน้ำตาลไปต่างประเทศได้ในราคาที่สูงกว่า อาจจะลิตรละ 18-19 บาทหรือสูงกว่า ก็ทำให้วัตถุดิบที่จะนำมาสกัดเป็นเอธานอลมีราคาแพงขึ้นเพราะ เกิดการขาดแคลนภายในประเทศ ท้ายที่สุดก็ต้องนำเข้ามาเหมือน MTBE ทุกอย่าง และแน่นอนครับ ถึงตอนนั้นราคากากน้ำตาลนำเข้าอาจจะอยู่ที่ลิตรละ 21-23 บาทโดยประมาณ เมื่อเทียบกันในที่สุด แล้วปรากฏว่า น้ำมันเบนซิน 95 ปกติที่เติม MTBE จะมีต้นทุนที่ถูกกว่าซะอีกไปซะอย่างนั้นในอนาคต แล้วตอนนั้นทิศทางของประเทศไทยจะไปทางไหนกันเอ่ย 2. ปัญหาที่ถูกกลบเกลื่อนด้วยการบีบบังคับบริษัทรถยนต์ให้ยอมรับแก๊สโซฮอล์ รถยนต์ที่ใช้แก๊สโซฮอล์ทุกคันมีปัญหา แต่ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับผู้บริโภคเพราะเกรง กลัวอำนาจรัฐ และไม่ต้องการจะเสียอำนาจต่อรองกับรัฐบวม บริษัทรถยนต์รายใหญ่หลายๆ รายทราบ ดีว่ารถยนต์ในค่ายของตนนั้นไม่สามารถทำงานได้ดีกับแก๊สโซฮอล์ได้ แต่เนื่องจากพิกัดอัตราภาษีสรรพ สามิตใหม่ที่จะเก็บภาษีรถยนต์จากราคาจำหน่ายซึ่งรัฐบวมใช้เป็นอาวุธข่มขู่บรรดาค่ายรถทั้งหลายอยู่ หมัด เลือกเอาระหว่างการสนับสนุนนโยบายท่านเหลี่ยม กับ ถูกเก็บภาษีรถ CKD จากราคาขายจริง (ที่รวมออพชั่นทุกอย่างในรถครบแล้ว) ที่ผ่านมาเคยเสียแบบขอกันไป (เก็บจากราคารถยนต์ที่ยังไม่ติด ตั้งเครื่องปรับอากาศและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ) ทำให้ค่ายรถคิดหนัก เพราะถ้าเสียจริงต้องปรับราคาจำหน่าย ขึ้นอีกราว 15-20 % ทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันกับ Gray Market และค่ายรถยนต์นำเข้าอื่นๆ ขึ้น ไปอีก ค่ายรถยนต์ส่วนใหญ่จึงเล่นบทจิ้งจกเปลี่ยนสี ไม่ว่าจะเป็น ไอ้ต้า ไอ้เอ็ม ไอ้เลอร์ ไอ้ด้า ไอ้ชิ และหลายๆ ไอ้ผู้ทรงเกลียดทั้งหลาย หันมาขานรับแก๊สโซฮอล์เมดอินไทยแลนด์ที่ยังไม่ได้มาตราฐาน ลวงล่อให้ประ ชาชนตาดำๆ หลงเชื่อ หลงคิด และ หลงลืมไปว่า ถ้าแก๊สโซฮอล์ 95 มันดีจริงๆ อย่างว่า ทำไมไม่ปล่อย ให้มันขายแข่งกับเบนซิน 95 ไปเลยยาวๆ ถ้าแก๊สโซฮอล์ 95 ดีกว่าจริง กลไกตลาดจะลบชื่อเบนซิน 95 ไปจากตลาดเมืองไทยเองในที่สุด แต่นี่กลับมาบังคับประชาชน ละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พ.ศ. 2540 มันเพื่ออะไรกันหรือ !? ในอนาคตทางเลือกของประชาชนตาดำๆ คงไม่มีไม่มาก 1. ยอมรับสภาพ หาซื้อรถใหม่มาใช้ที่มันรองรับแก๊สโซฮอล์ได้จริงแท้และแน่นอนอย่าง Ford E20 ฯลฯ 2. เข้าชื่อกัน 50000 ชื่อเสนอให้ยกเลิกมาตรการ งดจำหน่ายน้ำมันเบนซิน 95 และ 91 ตามมติ ครม. ของรัฐบวม 3. ฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิก มติ ครม. ดังกล่าว และท้ายที่สุดถ้าทำอะไรไม่ได้เลยก็คงต้อง 1. เลิกใช้รถยนต์ส่วนตัวซะ หันไปใช้บริการสาธารณะ 2. ก่อม๊อบล้มรัฐบวมที่ทำให้รถยนต์คู่ใจเราพัง 3. ส่งมือสังหารอัลกออิดะไปจัดการกับรัฐบวม อย่าซีเรียสนะครับ ผมแค่พูดตามเนื้อผ้า บ่ได้ว่าผู้ใด๋เด้อ และผมคิดว่าอย่ามัวทะเลาะกันเพียงเพราะเรื่องว่าแก๊สโซฮอล์ 95 ใช้แล้วแรงแค่ไหน ทุกคนต้องช่วยกันแก้ปัญหาครับ อย่าปล่อยให้ท่านเหลี่ยมคิดเอง เดาเอง เพราะแกไม่ใช่เซียนวงการน้ำมันนะครับ การเอาแผนการตลาดของการขายโทรศัพท์มือถือมาใช้กับการขายน้ำมันมันใช้กันไม่ได้หรอกครับ ปัญหาระยะยาวๆๆ คือ คนจนหมดไปจากประเทศแน่นอน คือ ----> คนจนตายหมด หรือไม่ก็อพยพไปทำงานต่างประเทศกันหมด เพราะสู้ค่าครองชีพไม่ไหว ถ้าวันหนึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ แก๊สโซฮอล์ 95 ราคาลิตรละ 35 บาท เดี๋ยวท่านเหลี่ยมก็บอก หันมาใช้แก๊สสิจ๊ะ แก๊ส NGV LPG น่ะ ลองถามแท็กซี่ที่เติมแก๊สเหล่านี้กันดูสิครับ เครื่องไปไวทั้งนั้น 2-3 ปีก็ย้ายไปเข้าเซียงกงหมด ประชาชนอย่ามัวทะเลาะกันเองเลย ทำอะไรกันสักอย่างให้สติท่านเหลี่ยมหน่อยจะดีกว่าฟัดกันเองนะครับ เก่งๆ ทุกท่านแหละคนไทยเรา แต่ไม่มีความสามัคคีกัน นี่แหละเขาถึงเอาเงินซื้อเสียงไปเป็นรัฐบวมกันล่ายง่ายๆ ฮิๆๆๆ จากคุณ : TCarabow - [ 17 ส.ค. 48 07:37:03 A:127.0.0.1 X:202.57.182.5, 202.5.95.205 TicketID:105353 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อยากจะบอกว่าเกินครึ่งของประสบการณ์ของคุณเอ-แซด เหมือนผมเป๊ะ ผมเล่นรถยุค เครื่องเค เครื่องเอ-ของนิสสันนะ แต่ไม่ทันโรงแรมชวลิต ผมพยายามไม่เรียกการเล่นบนถนนว่า....แข่ง จะเรียกว่าอัดรถ เพราะละอายใจ เงินไม่มีเล่นหรอกครับ นอกจากพ่อแม่ไม่ให้แล้วยังไม่สนับสนุน เหน็บ แต่เขาก็เห็นผมเล่น แต่ไม่ให้เงิน เอารถมาทำ วิ่งไม่ได้ บางทีพ่อยังเดินผ่านโรงรถ แล้วบอกว่า เอาซากรถมาทำอะไร ไม่เห้นได้เรื่องอะไร แทบจะชกกัน น้ำตาร่วงเลยครับ (อันนี้เปรียบเปรย) พอมาวันนี้ ผมมีอาชีพเกี่ยกยวกับรถ พ่อแม่เอาไปคุยซะทั่ว (พ่อผมกับรถ ไม่ได้เรื่องครับ ผมไม่ได้เก่งเพราะพ่อ แบบพีท ทองเจือหรือใคร เทียบแล้ว ณ วันนี้พ่อผมขับรถยังไม่แข็งเลย ไม่รู้เรื่อง รถเลย แต่เช็ดรถเอี่ยม) ผมกับเรื่องรถ ไม่เคยมีใครสนับสนุนผมเลย รวมทั้งการตั้งบ.ที่เกี่ยวกับรถ ทั้งที่ผมเป็นลูกคนเดียว  แต่พึ่งตัวเองมาตลอด มีให้ขอบ้าง แต่ไม่เคยขอ ตั้งแต่ก่อนจบ ป.ตรีสักปี (ตอนนั้นเริ่มเขียนบทความ-ฟรีแลนซ์) และพ่อแม่ก็ไม่เดือดร้อน แต่ไม่รวยครับ (ข้าราชการทั้งคู่ พ่อเป็นนายพลทหารบก (ไม่ใช่นายพลตำรวจนะครับ) ในช่วงเล่นรถตอนมหาลัย ขอของเหลือเพื่อนบ้าง ซื้อถูกๆ บ้าง ลำบากครับ แต่รถออกมาก็พอวิ่งได้ บางทียังไถแฟน (ในตอนนั้นเลย) แม้แต่ตอนเมียไปเรียนเมกากับผม  ยังไปเอง ไม่ขอตังค์ (ถึงขอก็ไม่มี) พ่อแม่รู้ก่อนไปไม่กี่วัน (เมียและผมไปเมกาหลังแต่งงาน) อ้อ แต่งงานก็แต่งตอนตัวเองชีวิตกนิดๆ กำลังเปลี่ยนงาน + (มีหนี้จากธุรกิจเล็กๆ ปีนั้น 3-4 แสน อายุยี่สิบกลางๆ...หนาว ) แต่เมียคนนี้เลือกผมแฮะ ส่วนพ่อแม่รู้ก่อนแต่งเดือนนึง) คาร์บูคู เวบเบอร์ เพิ่งมาได้แตะตอนเริ่มทำงานแล้ว แต่ตอนเรียน...โซเล็กซ์ครับ เครื่องเค เครื่องเอ ตีท่อไอดีเอง ปากแตร-บางทียังบานจากท่อเหล็ก พอร์ท นี้แยงเองในชีวิต เกิน 200 พอร์ท แต่ใช้สว่านครับ รอบไม่พอดีแบบหัวเจียร์แท้ๆ มือลูบ โรงกลึงทำบ่อยจนเป็นพื่อนกันเลย ร้านเฮดเดอร์สนิทกันเลย เพราะดันผ่าจะทำเฮดเดอร์ตามสูตรคำนวน ยาวเหยียด เทอร์โบ อัดคาร์บิว ทำกล่องปิดปากทรงทุเรศแบบที่คุณบอก แต่คงคนละร้าน เพราะผมร้านทั่วไป ห้องแถว ไม่ได้ทำรถซิ่ง แต่เชื่อฟังผม ทำเทอร์โบดูด ดันเอาเทอร์โบแบบพิสตันริงซีล พวกมิตซูมาใส่มั่วๆ กับโซเล็กซ์นอนบ้าง คาร์บูเดิมย้ายที่บ้าง พอเดินเบา น้ำมันเครื่องก็รั่วออกมาหลังใบไอดี ดันไม่เข้าใจว่าเพราะอะไร ไม่เข้าใจว่าต้องเอาเทอร์โบแบบซีลคาร์บอน แมคคานิคอลเฟซซีลมาทำเทอร์โบดูด สั่งซื้อหนังสือผ่าน ดีเค ถึงเข้าใจ เล่มละพันกว่า หนังสือเทอร์โบเล่มนั้น ที่ซื้อเมื่อ 19 ปีที่แล้ว เล่มนั้นถือว่าเปิดโลกให้ผมก้าวสู่ โลกรถโมจริงๆ ครับ ยังเก็บอยู่ ปกสีส้มๆ พอทำเทอร์โบอัด ขับอัดนิดเดียว 10 เมตร  น้ำมันหมดห้องลูกลอย งงครับ ไล่มา อ๋อ น้ำมันไม่เข้าตอนมีบูสต์ หา+สร้างเรกกูเลเตอร์+ใส่ปั้มหัวฉีดบ้าง เจาะเอาบูสต์เข้าใต้ไออะแฟรมปั้มเอซีบ้าง ทำเทอร์โบ อัด ในโฟล์ค ใน 4 เอ-เอฟ เออี 92 เมื่อ 17 ปีที่แล้ว ฯลฯ ที่เล่นมา ทำเองหมด แต่ทำเอง ไม่ได้หมายถึง ตีเฮดเดอร์ เชื่อม เองนะครับ พวก 3 ทีจี โบ มีแต่รถเพื่อนครับ รถตัวเองไม่มีปัญญา เพื่อนบางคนก็ไม่มีปัญญา ทำตามมีตามเกิด เอาเครื่องเค เครื่องเอ14 ไล่บี้เขา เคยทำเอ14 หัวฉีด พ่วงโบเอง เกาะซีเอ18 โบได้ เคยเอาโฟล์คเต่าสวนโรตารีได้ 2-3 เกียร์ ผมไม่ใช่คนอัดรถบนถนน หรือหน้าพาเลซ กลุ่มหัวแถว เพราะไม่มีตังค์ แต่ผมว่า มือดำที่สุดในกลุ่ม พยายามรู้ลึกที่สุดในกลุ่ม ก็เพราะไม่มีตังค์นั่นเอง ถ้ามือไม่ดำ คงไม่ได้เล่นแหงๆ ทุกอย่างที่เล่ามา เรา ผมกับคุณเอ-แซดเหมือนกันเกินครึ่ง และผมเคยทำงานตามที่เรียนมาก 3-4 เดือนเองครับ มีทุกวันนี้ได้ อาชีพนี้ได้ เพราะการเล่น 16-20 ปีก่อน และเล่นมาตลอด ผมไม่ได้มาทำอาชีพนี้ เพระเป็นนักข่าว หรือจบนิเทศมาครับ แต่มาเพราะบ้ารถเพียวๆ แต่ดัน + รักการอ่านการเขียน แม่และคุณป้า (เป็นยิ่งกว่าแม่) เป็นอาจารย์ สนับสนุนเต็มพิกัดตั้งแต่เด็ก ในการอ่าน แม้แต่อ่านกาตูน ยังจำได้ ตอนม. ปลาย ม. 4-5 ผมติดรถซิ่งเพื่อนที่บ้านรวยๆ ไป ตัดสปริง อัดโช้ก แต่เราไม่มีตังค์ ได้แต่ดู (เพื่อนพวกนั้น พอเอาเข้าจริงก็เลิกเล่นตั้งแต่สมัยมหาลัย) ตอนมหาลัย เพื่อนขับ อี28 ป้ายแดง ผมขับรถเก่าๆ คันไม่กี่หมื่น ขอเงินแม่ บอกอื่นๆ มาซื้อ และไม่มีแอร์ แต่เพื่อนเหล่านั้น ส่วนใหญ่ เล่นไม่ลึก เลิกไป ส่วนผมต่อเนื่อง เลยมีวันนี้ และบังเอิญว่า เชื่อม 2 โลกได้ลงตัว คือ เกิดมากับยุคดัดแปลง แคม-คาร์บู มือโคตรดำ แต่เรียนคอม-ไซน์ จึงเอามาประยุกต์ได้ดี ตอนนี้ก็ยังบ้าอยู่ แต่งรถเพียบไปหมด มือดำ-วีคละหลายครั้ง มาดูร่องเล็บได้ ไม่เคยเนียน ทั้งที่ทำงานสื่อมวลชน เดินเชียงกง เหมือนพักผ่อน แม้ไม่ไปซื้อของ วีคละสัก 2 วัน รถหลายคันที่ครอบครอง ล้อเล็กสุด 18 นิ้ว โหลดทุกคัน บางคันล้อหน้าเบรก 4 พอต เบาะเรคาโร ทุกคัน กดมิดทุกครั้งที่ถนนว่าง แม้แต่ 100 เมตร  แล้วเบรก (จนเมียด่าว่าทำไปทำไม) ขอดึง แต่ไม่มีมุด ตอนนี้ ไม่เคยมาเล่นบนถนน แม้แต่ยืนดูยังไม่เอา ยินดีที่รู้จักอย่างยิ่ง....เน้น เพราะหาคนอารมณ์เดียวกันยาก ผมไม่ได้บอกเพื่อเบ่งกับใคร แต่คุยกับคุณเอ-แซด และกำลังจะบอกว่า ในกลุ่มคนเล่นรถมีหลายระดับ คนที่เรียนรู้มีหลายระดับ ผมไม่ได้เจ๋งที่สุด คุณเอ-แซด ไม่ได้เจ๋งที่สุด แต่เล่นจริง ใครที่นึกแล้วว่าตัวเองเจ๋ง ลองอ่านดู แต่ถ้าจัดกลุ่ม ผมว่า ระดับคุณเอ-แซดไม่อายใคร ใครจะมาชกด้วย ใครจะชกกับใคร ดูเบอร์กระดูกด้วยว่าเบอร์ใกล้กันไหม ? แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 48 08:38:56 จากคุณ : CEDRIC - [ 17 ส.ค. 48 20:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 111 อ้อ ผมมี เวบเบอร์  40 ดีซีโออี 1 คู่ โซเล็กซ์ 1 คู่ ในห้องเก็บของ นมหนูอีกสัก 50 ตัว เวนทุรี เกือบ 10 แต่ไม่รู้ผุหรือยัง ใครอย่าขอ....ไม่ให้ จากคุณ : CEDRIC - [ 17 ส.ค. 48 20:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 112 ผมอ่านแล้วชอบใจตรงนี้จริงๆ "เจาะเอาบูสต์เข้าใต้ไออะแฟรมปั้มเอซีบ้าง" ผมว่าเด็กเล่นรถสมัยหลังๆ คงมีไม่กี่คนคิดแบบนี้ได้ รุ่นพี่ Cedric ทันวัชรภูมิมั้ยอะครับ? จากคุณ : อากง - [ 17 ส.ค. 48 21:06:26 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ความคิดเห็นที่ 109 แก๊สโซฮอล์ เป็นพลังงานทางเลือกที่เหมาะสมกับเมืองไทยตอนนี้จริงหรือ สาร MTBE จะถูกแบนทั่วโลกเพราะเป็นสารพิษปนเปื้อนในน้ำแยกออกยาก แก๊สโซฮอล์ เป็นพลังงานทางเลือกที่เหมาะสมกับเมืองไทย ( แต่ ์์NG เหมาะสมกว่า) จากคุณ : CORONA ECT - [ 17 ส.ค. 48 23:41:40 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ไม่อยู่หลายวัน ตอบกันไปกว่าร้อยความเห็นแล้ว ขออนุญาติย้อนไป ความเห็นที่ 51 หน่อยนะครับ (จริงๆไม่อยากจะตอบแล้วแต่กลัว คุณต้นจะมีความเข้าใจที่ผิดๆ) "ข้อมูลผมก็หาอ่านหาดูเอาแหล่งที่ชาวบ้านพอจะหาได้นั้นแหละครับ แต่ถ้าราคาอ้อยมันขึ้นเพราะกาซโซฮอลจริง ป่านนี้พวกที่เชียร์เอทานอลคงออกมาคุยโวกันนานแล้ว" คุณต้นครับ รู้สึกว่าแหล่งข้อมูลและเหตุผลของคุณมันดูเลื่อนลอยไปหน่อนนะครับ และถ้านี่คือเหตูผลที่ทำให้คุณออกมาฟันธงว่า กาซโซฮอลไม่มีผลต่อราคาผลผลิต ผมคิดว่าคุณต้นน่าจะทำการศึกษาหาข้อมูลให้มากกว่านี้หน่อยนะครับ ก่อนที่จะสรุปอะไร "เอทานอลที่ผลิตได้ในเมืองไทย เขาใช้กากน้ำตาลไม่ใช่หรอครับ กากน้ำตาลพวกนี้เขาก็ยกให้โรงกลั่นเอทานอลไปฟรีๆ (หรือว่าไม่ฟรี?) แล้วโรงน้ำตาลเขาจะไปรับซื้ออ้อยในราคาที่แพงขึ้นทำไมละครับ" ใช้ครับ ในปัจจุบัน โรงงานเอทานอลในเมืองไทยใช้กากน้ำตาลเป็นวัดถุดิบ (ในอนาคตจะทำจากน้ำอ้อยและมันสำปะหรังด้วย) แล้วผมก็ได้อธิบายไปแล้วว่าราคากากน้ำตาลมันเพิ่มขึ้นและมีผลต่อราคาอ้อยอย่างไร ราคาอ้อยเบื่องสุดท้ายจะประกาศประมาณเดือน ก.ย.-ต.ค. พอราคาออกแล้ว คุณลองไปหาข้อมูลดูนะครับว่า ราคาอ้อยมันขึ้นจริงหรือเปล่า แล้วสาเหตุที่ทำให้ราคาอ้อยขึ้นนอกเหนือจากราคาน้ำตาลแล้ว ราคาอ้อยมันขึ้นเพราะกากน้ำตาลด้วยหรือไม่ และถ้าคุณยังไม่ทราบข้อมูลและวิธีการคำนาณราคาอ้อยตรงนี้ คุณก็ยังไม่น่าจะด่วนสรุปนะครับ ที่คุณบอกว่ากากน้ำตาลเขายกให้โรงเอทานอลฟรีๆ ไม่ทราบว่าไปเอาความเข้าใจที่ผิดๆนี้มาจากไหน กากน้ำตาลมีราคาซื้อขายกันจริง ไม่มีโรงงานน้ำตาลที่ไหนมายกให้โรงเอทานอลหรือใครฟรีๆหรอกครับ จากคุณ : jetman - [ 18 ส.ค. 48 00:24:42 A:202.142.219.218 X: TicketID:097540 ]

ความคิดเห็นที่ 115 ดูแล้วลำเค็ญ พอๆกันเลย 5 5 5 จริงๆเรื่องลำเค็ญๆ ยังมีอีกเยอะ หนักกว่าที่พิมพ์ไว้เยอะ เล่าด้วยการพิมพ์ไม่ไหวหรอก กว่าจะรู้เรื่อง . . . ต้องเม้าท์ถึงมันส์ ผมก็อ่านหนังสือเทอร์โบอยู่เล่มนึงนะตั้งแต่ ม 4 20 กว่าปีแล้ว . . . หนังสือรู้สึกจะชื่อ Supercharged Car . . . ไม่ได้เกี่ยวกับ Supercharge แต่เกี่ยวกับเครื่องที่ไม่ใช่ NA . . . ตอนนั้นอ่านไม่ค่อยออกหรอกครับ หนักทางดูรูป . . . สนใจตรงไหนก็เปิด Dict เอา ก็ดีครับ ช่วทำให้ภาษาอังกฤษกระดิกหูขึ้นบ้าง จริงแล้วเครื่องเทอร์โบ ที่ปรับบูสต์ในรถ Water Injection Intercooler Water Spray นี่จริงๆผมทำเล่นตั้งแต่ 20 กว่าปีที่แล้วๆนะ จริงๆนะ . . . คิดเอง หาหลักการเองเลย ขอบอกอย่างภาคภูมิใจเลยว่า ไม่ได้ลอกใคร ไม่ได้เห็นของนอกแล้วมาทำเลียนแบบ . . . แต่คิดเองลองเอง จนมาเห็นสัก 10 ปีหลังมานี่ มีเป็นชุดคิตออกมาขาย . . . ยังนึกเลยว่า เฮ้ย แบบเดียวกับที่เมื่อก่อนเราทำเลยนี่หว่า อันนี้ภูมิใจจริงๆ (ไม่ได้โม้ให้ฟังนะครับ แต่มันเป็นความภูมิใจเล็กๆที่แอบอยู่ในใจ เมื่อมาเห็นของที่มีขายว่า มาหลังเราเว้ย) ปรับบูสต์นี่ลองตั้งแต่เอาสปริงเกี่ยวกระป๋อง เกี๋ยวแล้วเกี๋ยวอีก มันก็มา 2 ปอนด์เอง ไม่หนำใจ . . . ก็คิดไปเรื่อย จนไปหาน็อตหาท่อมา จ้างเขาเชื่อมทำตัวระบายแรงดันไม่ให้ไปเวสเกท ก็เวิควุ้ย ดีใจ หลังจากนั้นฉลาดขึ้นหน่อย ก็เอา 3 ทางกับก็อกน้ำ ดูเข้าท่าขึ้นและเวิร์ค . . . รับรองได้ว่าในยุดนั้นเท่าที่เห็นๆ ไม่มีใครทำ Water Injection , Spray Inter นี่ก็เล่นกระป๋องนำฝนนี่แหละ ไปซื้อหัว Foggy มาแปลงเอา ก็เวิร์คอีก อินเตอร์อันนิดเดียว เจาะฝากระโปรงเลย อัดยาวๆ เอามือวางบนอินเตอร์ได้เลย ไม่มีสะดุ้ง . . . หน้าพาเลสตอนนั้น พวกแข่งด้วยงง เต็มที่อัดได้ 2 รอบ ขอแวะเติมน้ำก่อน . . . มาแข่งต้องให้เพื่อนพกน้ำใส่โค๊กลิตรมาเพียบ . . มาหลังพัฒนาขึ้นอีก เล่น Water+Ethanol เลย . . . สูตรลูกทุ่งๆนี่แหละ เทอร์โบเดิมๆ สวน FJ20(เครื่องดัง ฟอร์มเครื่องเต็มของยุคนั้นเลยนะ) กระเด็นตั้งแต่เกียร์ 1 . . . ล้างตายังไงก็เช็ดขาด . . . มีที่สูสี ก็โร 13B จากสุขุมนี่แหละ กินกันไม่ลง ดูดี๋กันอยู่หลายเดือน ไม่มีใครกินใตรขาด จับกันจนเบื่อเลิกกันไปเอง ผมวางเครื่องกับป๋าฉัตรครับ แต่วางเฉยๆ ไอ้ออพยังเป็นเด็กอยู่เลย ก็ตุเลงตุเลงไปเซิ้งกับผมบ่อย . . . พอโตมาหน่อยผมเรียนจบ มันเรียนอยู่ เริ่มแข่งโกคาร์ท มันก็ไปกับผมเริ่มเล่นเริ่มหัดด้วยกันลย ไปแข่งต่างจังหวัดก็แบกรถกันไป 2 คน ซักพักผมก็ไปเรียนต่อ ก็เลิกไป มันก็เลิกเหมือนกันเพราะตัวหนักเหลือเกิน จนเดี๋ยวนี้มันเป็นเซียนรถใหญ่ไปแล้ว . . . ผลงานรถ ผลงานเครื่องมันดีมากเลยนะ แต่ผมไม่เคยให้มันทำรถรถให้เพราะไม่ชอบวิธีทำของมัน มันชุ่ย ผมไม่ชอบ . . . ถึงแม้ผลงานมันจะเวิร์คก็เถอะ แต่ผมชอบงานเนี๊ยบๆด้วย รถเละเทะแบบมันผมรับไม่ค่อยได้ รถลูกค้าของมันก็ดูดีใช้ได้ แต่ไปดุรถแข่งของมันเองแล้วไหว เละเทะ รถมันไม่รุ้เรียกสีอะไรดี กันชนหน้าสี หลังสี แก้มสี ประตุสี ไม่มีเอาใจใส่เรื่องรายละเอียดเลย . . เข็ดตั้งแต่เด็กๆแล้ว มันยืมรถผมไปรับสาวที รถผมเลอะเทอะไปหมด ไม่ใช่ทำอะไรไม่ดีในรถผมยะ แต่มันเล่นไม่เปลี่ยนชุดเลยอยู่อู่เลอะยังไงมันก็ขึ้นรถไปเลย เบาะดำปี๋ . . . รถแข่งผม เวิร์คบ้างไม่เวิร์คบ้าง แต่ยังไงต้องดูดีไว้ก่อน 5555 คุณ Cedric นี่ โอกาสยังดีกว่าผมเยอะ ชีวิตยังเวียนว่ายอยู่ในวงนี้ตลอด . . . ผมก็เลิก แต่เลิกไม่ขาด แข่งๆหยุดๆ ตามกำลังทรัพย์ . . . แต่ก็ศึกษาอะไรเพิ่มเติมเรื่อยๆ ช่วงแข่งอยู่ก็ศึกษาหนักหน่อย ช่วงพักก็แผ่วๆลงไป แล้วแต่เวลาด้วย เพราะงานการก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องรถเลย ความทุ่มเทก็ไม่เต็มร้อย เรื่องบ้ารถนี่ บางทีนึกแล้วก้ขำๆนะ . . . อะไรที่เกี่ยวกับรถแข่ง ถ้าเรียนได้เรียนมันหมด . . . ตอน ม 4 หรือ ม5 นี่แหละ พอเห้นรถแข่งทำไฟเบอร์ ก้ไปหาหนังสือไฟเบอร์กลาสมาอ่าน อ่านไปไม่เข้าใจโทรไปหาคนเขียนเลย ไปเรียนไปทำของจริงเลยว่าไฟเบอร์ทำยังไง ทำเป็นหมด . . แต่เอาเข้าจริงก็ไม่เคยทำใช้เองสักชิ้น จ้างเขาทำอยุ่ดี ขนาดตอนโตๆแล้วนี่แหละ . . . สั่งพวกช่างกลึงผลิตของแล้วไม่ได้งใจ เพราะอธิบายกันไม่รุ้เรื่อง เราจินตนาการได้ว่ามันทำยังไงแต่อธิบายไม่ถูกใช้ศัพท์ไม่ค่อยสื่อ หรือบางทีช่างก็เยงว่าทำไม่ได้ ผมก็นึกภาพว่ามันต้องได้ดิ . . . คุยไม่รู้เรื่องใช่ไหม ผมไปเรียนเลย ไปเช่าอพาร์ทเม้นท์อยุ่ 4 เดือนที่ต่างจังหวัด เรียนมันที่สถาบันที่เขาอบรมเรื่องนี้เลย เรียนมันหมด เครื่องกลึง Milling CNC Machining center EDM WireCut เขียนแบบ 3 D สั่ง CNC เรียนมันหมด ทำเป็นหมด . . . ไม่ได่คิดจะเรียนมาทำอะไรหรอก เรียนมาเพื่อสั่งช่างให้ผลิตชิ้นงานแบบที่เราอยากได้รู้เรื่อง จะจับมุมไหน เข้านมุมไหน จับงานแบบไหน คุยรุ้เรื่อง มันบอกไม่ได้ เราอธิบานสเตปได้เลยว่าให้เริ่มทำยังไง เป็นขั้นๆ ให้เขาลงมือ เราออกแบบ เพราะลงมือเราสุ้เขาไม่ได้ แต่มองงานออกว่าต้องทำยังไง . . . คิดๆไปก็บ้าใช้ได้เหมือนกันนะเพื่อรถแข่งนี่เอากันแบบนี้เลย ยังเหลือเรื่องไฟฟ้า เรื่องอิเลคทรอนิคนี่แหละที่เป็นเรื่องสำคัญที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง . . . อย่างที่เคยคุยกันอะครับ อยากหามือปืนดีๆมาสนองไอเดียเหมือนกัน แต่คุยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง ไม่รู้เพราะผมใช้คำผิดๆถูกๆจนเขาฟังไม่รู้เรื่อง หรือ เขาไม่รู้เรื่องที่ผมอยากทำกันแน่ . . . จึงเป็นอีกเรื่องที่อยากเรียน ไม่ได้คิดจะทำให้เป้นหรอก แต่เอาไว้คุยไว้สั่งคนออกแบบได้เข้าใจกันมากขึ้นหน่อย . . . ถ้าเราไม่รู้เรื่องเลย เขาบอกไม่ได้ เราก็ต้องไม่ได้ด้วย . . . ถ้าเรารุ้เรื่องบ้าง ยังพอเห็นว่ามันไม่ได้จริงๆเพราะเราฝันมากไป หรือที่บอกไม่ได้นี่เพราะเอ็งไม่เจ๋งพอ ไว้ว่างๆมาคุยกันใหม่ครับ . . . นานๆจะเจออารมณ์เดียวกัน . . . เพื่อนผมที่มันชอบๆรถก็มีเยอะ แต่มันคุยกันคนละอารมณ์กับผม . . . มีเยอะ ขยันซื้อ ขยันแต่ง แต่มันไม่สนใจเทคนิค ไม่สนปฎิบัติ เรื่องพวกนี้ก็เลยไม่ต้องคุยกัน เพราะมันไม่คุยด้วย ยินดีครับ ที่ได้คุยกันในเรื่องแบบนี้ จากคุณ : A-Z - [ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 02:09:22 A:210.86.148.89 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ยินดีอย่างยิ่งที่ได้คุยกับคุณเอ-แซด อารมรณ์เดียวกันเกินครึ่ง ผมว่ามีคนแบบนี้ไม่เกินร้อยคนในเมืองไทย แม้แต่รวมคนที่เล่นในยุคนั้นด้วย เพราะคนเล่นรถที่รักในความเป็นรถ มีน้อยมากครับ ส่วนใหญ่เล่นเพราะความชอบแบบฉาบฉวย ที่เล่าไปและจะเล่า ไม่ได้ข่มใครรวมถึงคุณเอ-แซด แต่มันมันส์จริงๆ ครับ เรื่องวอเตอร์เจท ผมก็ทำครับ แต่ลอกฝรั่ง อ่านๆ แล้ว ผมว่าคุณแก่กว่าผมสัก 1-5 ปีนะครับเพราะผมแก่กว่านายอ๊อฟไม่มากนัก และผมว่าที่คุณบอกว่าไม่มี อ่านดูแล้ว ยังถือว่ามีสตังค์ กว่าผมและเพื่อนใกล้ตัวผม อู่ป๋าฉัตร เคยไปเดินเอาเท้าแตะแค่ครั้งเดียว พวกผม สี่เค แซทเทิร์น เอสิบสี่ เต่า สองทีจี มีประปราย สามทีจีโบ บ้าง โรสิบสองเอบ้าง แข่งรถก็รายการเล็กๆ รุ่นเล็ก (ตัวเองพอจะได้ถ้วยสักยี่สิบกว่าใบ) เรื่องเวสต์เกต ผมเอาสปริงมาใช้กลับจุดประสงค์กับคุณ เอามาลดบูสต์ในรถบ้านบางคัน ส่วนคันที่จะเพิ่มบูสต์ ตัดต่อใส่เกลียว หรือดัดขาส้นลง ไม่ได้คิดถึงวาล์ว และไม่มีตังค์ ซื้อตัวปรับบูสต์ มีคันนึงไม่แรงไม่มากสุด ไม่ได้ใช้แข่ง แต่ประทับใจ โตโยต้าสามที แคมเดี่ยว วาง โบแซดสิบแปด โซเล็กซ์ดูด  แคมเจียร์ วาล์วเทียบ ขยายพอร์ต หาลูกเทียบ บูสต์บาร์นิดๆ วิ่งถนน ขับใช้งานด้วย ดึงหนัก วิ่งได้สามเดือน ร่องแหวนค่อยแตก งานไฟเบอร์ ไม่ได้เรียน แต่ดูเอา แล้วลองทำ จนทำประตู ฝากระโปรงได้ ทำหาง-ทำลิ้น รถเต่าขายได้หลายชิ้น ก่อนเลิก เจอรถเต่าเพื่อนกำลังทำสี เป็นสีรองพื้น ผมขอก็อปแม่แบบ ทั้งคัน ทำเองคนเดียว กะทำรถโอเพ่นควอเตอร์ไมล์ สเปซเฟรมทรงเต่า แต่เลิกเล่นก่อน แม่พิมพ์ยังอยู่บ้านแม่ครับ แต่คงผุพังไปมากแล้ว เรื่องอิเล็กฯ ก็แค่พอรู้ เรื่องคอมฯ รู้มากหน่อยเพราะเรียนมา แต่หนักๆ ไม่ไหว เพราะเหลือแต่ลอจิกแต่พอจะจูนกล่อง หรือทำวงจรอะไรหรือสั่งให้คนเขียนโปรแกรมได้ เรื่องแมคคานิกส์ ยังโอเค วันก่อนน้องเพื่อนให้ช่วยประกอบเครื่อง น่าจะสี่ร้อยกว่าม้า ไปตัวนึง แต่ตอนนี้มาสนุกของเหลือใช้ แอลพีจีครับ...ฮาไหม ยินดีอย่างยิ่งที่ได้คุยกัน เพราะคนเล่นรถมีเยอะ บางคนก็นึกว่าตัวเองลึกแล้ว บางคนว่าตัวเองเล่นมามาก บางคนขยันซื้อ ขยันแต่ง แต่ไม่รักความเป็นรถ ไม่ได้ยกยอคุณและตัวเอง แต่ถ้าตีเกรดคนทั่วไปที่บ้ารถและรู้เรื่องรถลึก (ไม่นับคนแบบอ.) ผมว่าเราเกินจุดห้าสิบเปอร์เซ็นต์ไปไกลแน่ๆ  (สมมุติคนเจ๋งสุดคือร้อยเปอร์เซนต์) ว่าแต่ว่า คุณเอ-แซดอยากเขียนบทความรถลงนิตยสารไหมครับ ถือว่าลับสมอง ไม่เปิดเผยตัว หรือไม่ต้องเจอตัวจริงกันก็ได้ ถ้าไม่อยากเจอ แต่ถ้าอยากเจอ ยินดีอย่างยิ่งครับ แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 48 18:58:24 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 48 08:58:15 แก้ไขเมื่อ 18 ส.ค. 48 08:58:13 จากคุณ : CEDRIC - [ 18 ส.ค. 48 08:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ตกลงว่า กากน้ำตาล นี้เขาขายหรอครับ ผมก็หลงเชื่อมาตั้งนานว่าเขายกให้ฟรีๆ ขอบคุณที่ให้ข้อมูลครับ จากคุณ : ton99 - [ 18 ส.ค. 48 17:39:33 ]

ความคิดเห็นที่ 118 หายไปหลายวัน พึ่งกลับจากพัทยามาครับ . . . อยากบ่นว่าเซ็งสุดๆ รถเสียหายเยอะเพราะสาเหตุจิ๊บจ๊อยมากๆ แต่ทำลายแบบทุกอย่างเลย . . . ไม่อยากเล่าว่าเพราะอะไร เซ็งๆๆๆๆๆๆ เรื่องเขียนหนังสือ . . . บอกตรงๆว่าไม่กล้าครับ ไม่คิดว่าตัวเองแน่พอ เพราะ . . . เขียนหนังสือ ค่อนข้างเป็น One way Communication . . . โอกาสเขียนอะไรผิดยังมีเยอะครับ และหนังสือเป็นสิ่งที่สะท้อนกลับมายากว่าที่เขียนไปถูกหรือผิด ผมยังต้องมาคอยอ่านในรัชดา เพราะได้ความรู้ใหม่ๆที่ไม่เคยรู้อีกเยอะ มันมีข้อโต้แย้งกันได้ทันใจในยามที่เราทำอะไรผิดๆออกไป . . . การถกกันในนี้ผมก็ชอบ ไม่ใช่เพราะได้อวดรู้ แต่เพราะจะได้มุมมองใหม่ๆที่หลายๆอย่างเราไม่เคยคิดถึง หรือเราแอบเข้าใจผิดมานาน และได้ทบทวนความเข้าใจไปด้วยว่าบางอย่างที่เข้าใจอยู่ถูกหรือผิด ถ้าผิดจะได้ปรับความเข้าใจ เรื่องบางเรื่องที่บางทีมองข้ามไป ไม่สนใจจะรู้ แต่พอมาคุยๆกันในนี้ทำให้ไปเขี่ยต่อมอยากรู้เพิ่มมาก็อีกหลายๆๆๆเรื่องมากครับ . . . . บ่อยครั้งมากๆครับที่คุยในนี้แล้วผมต้องกลับไปทบทวนสิ่งที่รู้มาซ้ำๆว่าเราอยู่ในจุดที่เข้าใจถูกอยู่หรือเปล่า หรือว่าหลงออกทะเลไปตั้งนาน และอีกอย่างที่ผมไม่เคยคิดอยากเขียนคือ ความสนใจของผมส่วนมากมุ่งเน้นไปที่รถแข่งเป็นหลัก สนใจที่เทคโนโลยีของมัน . . . . ผมรู้เรื่องรถบ้านน้อยมากๆ และก็อีกหนึ่งเหตุผล . . . ผมเคยอ่านหนังสือรถแต่งหลายๆเล่ม . . . CP ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ผมอ่านแล้วเคยฮาเลย . . . . หลายๆเล่มก็อ่านแล้วฮาครับ ว่าไม่รู้เรื่องแล้วมาเขียนได้ยังไง . . . เขียนไม่ค่อยถูกไม่ค่อยเข้าร่องไม่ว่า . . . บ่อยครั้งครับที่เขียนผิดชนิดว่า กลับซ้ายเป็นขวาเลย เขียนได้แบบคนละเรื่องเลย . . . . ผมเคยด่าคนในใจไว้เยอะครับ ว่าถ้ารู้ไม่จริงก็อย่าพาคนอื่นออกทะเลไปด้วย ไปเขียนหนังสือผิดๆ ก็จูงให้คนเข้าใจผิดๆอีกเป็นฝูง . . . หลายครั้งที่คุยกับเด็กๆหลายๆคนแล้วมันเข้าใจอะไรแบบผิดมหันต์เพราะไปเชื่อในหนังสือ อธิบายแก้ไขความเข้าใจให้ มันก็ไม่ค่อยเปลี่ยนความคิดเพราะมันเชื่อหนังสือ . . . เห็นเยอะมากๆครับ ที่เขียนหนังสือในคอลัมท์ทางเทคนิคแบบคิดเอาเอง อ่านก็รู้เลยว่าคิดเอาเอง ไม่ได้ผ่านการศึกษาอะไรมาเลย ไม่รู้ไปกล้าเขียนออกมาได้ไง . . . บางเล่มริไปสอนคนเรื่องแคม อ่านแล้วก็รู้เลยว่าผิดหลายจุด เพราะคนเขียนยังไม่รู้เลยว่าที่มาที่ไปของ Profile แคมในแต่ละตำแหน่งมันมีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่ ดันไปกล้าเขียนสรุปไปได้ จูงคนเข้าใจผิดไปหมด เรื่อง โอเวอร์แลปก้อีกอย่างที่เห็นได้ชัดว่าคนเข้าใจผิดๆกันมาก ว่ามีไว้เพื่ออะไรตอนไหนควรมีตอนไหนไม่ควรมี คนเขียนยังไม่รู้เลย ดันไปเขียนได้เป็นตุเป็นตะ ก็เพราะหนังสือนี่แหละจูงออกทะเล หลายครั้งครับ อ่านแล้วกลุ้ม . . . เพราะคนเขียนหลายๆคน มาจากเด็กซิ่ง ซึ่งไม่ได้ศีกาอะไรมาเลย ความรู้ที่เขียนมาจากเข้าออกอู่บ่อยๆ หลายๆอุ่ แล้วก้ไปจำนู่นมานิด นี่มาหน่อย แล้วเอามาเขียนเป็นบทความ . . . พวกอู่มีกี่คนครับที่เข้าใจเรื่องแบบศาสตร์จริงๆ ตั้งแคมแล้วแรงมีเยอะครับ แต่หาได้เข้าใจไม่ว่าทำไมถึงดี ไม่ดี อย่างไร . . . รุ้แค่ว่าตั้งแบบนี้แล้วแรง บางทีมันเหมือนสูตรสำเร็จ จำต่อๆกันมา เด็กไปถามก็มั่วตอบได้เป็นตุเป็นตะ. . . . เด้กที่เขียนบทความก็ไปจำมาเขียนผิดๆ เพราะด่าเขาไว้เยอะครับ . . . เลยไม่คิดจะไปอยู่ในจุดที่ชวนถูกด่า ไม่ใช่เพราะกลัวถูกด่าครับ . . . แต่กลัวตัวเองเข้าใจอะไรผิดแล้วไปชวนคนอื่นออกทะเลครับ ในไทยแทบจะคนเดียวครับ ที่ผมอ่านแล้วเชื่อคือ อ. . . . ไม่ได้เชื่อเพราะชื่อเสียงครับ แต่เพราะแกบอกเหตุผลหรือชอบทิ้งคำถามไว้มให้คิดต่อ. . . . . ผมอ่านแกเขียนมาตั้งแต่ก่อน นักเลงรถเล่ม 0 แล้ว จากกรังปรีด์ ยายยนต์ยุดเก่าๆบ้าง ตอน ม 2 ม 3 ผมไปเดินสนามหลวงทั้งวันหาซื้อ หนังสือเก่าๆพวกนี้มาอ่าน . . . คืออ่านที่อาจารญ์เขียนแล้วมัน ชวนให้เกิดกระตุ้นต่อมอยากรู้ครับ . . . ก้ไปค้นคว้าต่อ . . . ตอนอยู่ต่างประเทศ โอกาสดี ผมออเดอร์หนังสือที่เกี่ยวกับศาสตร์ของเรื่องพวกนี้มาอ่าน ก้เข้าใจอะไรดีๆขึ้นอีกมาก หมดไปหลายร้อยเหรียญครับ ส่งกลับมาเมืองไทยก็กล่องย่อมๆเลยหละเฉพาะเรื่องรถอย่างเดียว . . . ผมไม่เคยทิ้งหรือขายหนังสือรถทิ้งซักเล่ม ไม่รู้เยอะขนาดไหนแล้วเหมือนกัน ก็เก็บไว้ในห้องเก็บของหมด . . . ตอนอยู่ปี 1 20 ปีได้แล้ว เพื่อนไปที่บ้าน เอาหนังสือรถมากองเป็นปีกๆเล่น ตอนนั้นสูงเท่าคนๆหนึ่ง ไม่รู้เดี๋ยวนี้เยอะขนาดไหนแล้ว แต่เดี๋ยวนี้อ่านไม่ค่อยหมดหรอกครับ ยังซื้อแทบทุกเล่ม แต่หนักทางดูรูป ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน เนื้อหาไม่มีอะไรจะอ่านด้วยเล่มหนึ่งผมอ่านดุใช้เวลา 10-15 นาทีก็หมดแล้ว . . . . คนที่ทำให้ผมบ้ารถแข่งได้มากๆก็ อ. นี่แหละครับ เริ่มจากชอบอยู่แล้ว พอได้อ่านอ. แกไกด์อะไรให้ มันเลยชวนรู้ชวนค้นคว้าต่อ ก็เลยงอมแงมมาถึงทุกวันนี้ ทุกวันนี้ที่บ้าๆรถแข่งนี่ไม่ได้ขับเองนะครับ ทำรถให้เพื่อนแข่ง ควักเงินทำให้ด้วยหุ้นๆกัน . . บ้ามะ . . . ที่ไม่ขับเองเพราะขับยังไงผมก็ช้ากว่าเพื่อนผมอยู่ตลอดแถวๆ ครึ่ง-เกือบๆวิ . . . ในเมื่อเอ็งเร็วกว่า แต่ไม่รุ้เรื่องรถเท่าไร ตัวเราบ้าเทคนิค แต่ขับสู้ไม่ได้ . . . มันก้ออกมาแนวนี้อะครับ ข้าทำเอ็งขับ เอ็งสนุกที่จะขับ ผมสนุกที่จะทำ มันก็มันส์ไปในคนละรสชาด มันเลยอยุ่กันได้ . . . ผมมีหน้าที่พยายามทำรถให้ได้ดีๆ เพื่อนผมก้มีหน้าที่พยายามขับให้ได้ดีๆ และที่ยอมทำให้พเราะเพื่อนผมมันมี Respond ที่ดีมี Feedback ที่แม่นพอควร และค่อนข้างนิ่งเวลาไม่แกว่ง ดังนั้นทำรถดีขึ้นหรือเลวลง พอรุ้ได้ ถ้ามือขับไม่ดีพอก้ไม่น่าทำเพราะวัดอะไรไม่ค่อยได้ . . . เพื่อนผมคนนี้มันแข่งด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ มองตารุ้ใจ ก็ดีอย่างครับ กล้าด่ากล้าโวยกันเต็มที่ . . . รถไม่ดีมันกล้าด่าผม มันขับห่วยผมกล้าด่ามัน ไม่ต้องเกรงใจกัน . . . เพราะเห็นเยอะครับ บางทีรถไม่ดีก็ไม่กล้าโวยช่างเกรงใจ หรือรถดี แต่คนขับไม่ดี ช่างก็ไม่กล้าบอกนายว่าขับห่วย หรือไม่ก็ไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองขับห่วย เวลาไม่ดีก็โทษรถโทษช่างก่อนเลย หาได้พิจารณาการขับของตัวเองเลย ขอบคุณครับสำหรับคำชวน แต่ผมยังมิบังอาจจริงๆครับ . . . ใน TD บทความมอเตอร์สปอร์ต คุณก็มีที่สุดยอดดุแลอยู่แล้ว ผมขอเป็นลูกค้าดีกว่าครับ . . . ถึงแม้อยากลอง ก็ไม่มีที่ลงหรอกครับ จากคุณ : A-Z - [ 22 ส.ค. 48 04:01:22 A:210.86.148.55 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 119 เพิ่งกลับมาจากพัทยาเหรอครับ เพื่อนผมก็ไปเซ็ตรถให้ รุ้สึกว่ารถที่เขาดุแลให้ ได้ที่ 1 ในรุ่นซะด้วย ลูกน้องผมที่ฝากทำงานชั่วคราวไว้ ก็ไป แต่ผมไม่ได้ไป เพราะยุ่งหลายอย่างในช่วงนี้ ไม่เขียนไม่เป็นไรครับ ยินดีที่ได้คุยกันกับคนรุ่นใกล้กันและอารมณ์เดียวกันเกินครึ่ง ถ้าปี 1 ของคุณเอ-แซด 20 ปีมาแล้ว ผมน่าจะอ่อนกว่านิดๆ ครับ ผมมีห้องสมุดหนังสือรถ  เป็นชั้นเหล็ก  สูงเกินหัว ทั้งหมดในห้อง 4*4 เมตร ไม่มีอย่างอื่น และไม่มีหนังสืออื่นเลย ไม่เคยทิ้งเช่นกันครับ ยินดีที่คุยกับคนคอเดียวกันที่หายากครับ แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 48 18:33:35 จากคุณ : CEDRIC - [ 22 ส.ค. 48 18:51:12 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ไม่น่าหนีกันไกลหรอก ผมเรียน ม รุ่นแรก เข้า ม. รหัส 27 ครับ . . .น่าจะไกล้เคียงกันแหละครับ แต่ผมเรียนเร็วเพื่อนร่วมรุ่นแก่กว่าผมหมด 1-2 ปี ม4 ผมยังเป็นเด็กชายอยู่เลย ดังนั้นห้ามเอาอายุเฉลี่ยของคนรุ่นนั้นๆมาเป็นเกณท์ สรุปคือ น่าจะเฒ่าพอๆกัน 55555 จากคุณ : A-Z - [ 22 ส.ค. 48 20:10:39 A:210.86.148.109 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ผมเริ่มเรียนม. 4 ตอนเป็นเด็กชาย ก่อนจบม. 4 ถึงเป็นนาย ไม่ได้สอบเทียบ เข้า ม. อายุ 17 นิดๆ รหัส 29 ครับ จากคุณ : CEDRIC - [ 25 ส.ค. 48 18:34:58 ]

ความคิดเห็นที่ 122 กว่าจะอ่านจบ แต่คุ้มครับ ได้อะไรใหม่ๆ เยอะเลย.... ขอบคุณครับ จากคุณ : java - [ 2 ก.ย. 48 16:23:15 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ฮึ่ม คนละรุ่นเลยแฮะ จากคุณ : monjangja - [ 6 ก.ย. 48 09:18:11 ]