ความคิดเห็นที่ 1 เออ ไอ้พวกนี้ถีงได้กินแต่ก๋วยเตี๊ยว ภาราดอนเค้าเลยได้กินเสต็ก ไม่ได้ว่าก๋วยเตี๋ยวต้มยำไม่ดีนะครับ จากคุณ : E-Boat - [ 25 ก.ย. 48 13:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ามีกะตังค์ แล่วเก่ง + ใจถึง ผมว่ารถญี่ปุ่นหลายๆรุ่นมาแต่งแรงกว่าเฟอร์ได้ครับ แต่ความทนทาน + มั่นคง + รูปลักษณ์ คงต้องแยกประเด็นออกจากกัน จากคุณ : Cnone on the way - [ 25 ก.ย. 48 14:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมว่ามันคงโง่ทั้งคู่ครับ จากคุณ : v1000 - [ 25 ก.ย. 48 14:07:46 ]

ความคิดเห็นที่ 4 รถญี่ปุ่นถ้าทุ่มเงินแต่งเยอะจริงจะแซงเฟอร์รารี่เดิมๆก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับ พวกเจ้าของรถญี่ปุ่นแรงๆในเมืองไทยบางกลุ่มจะนิยมการไล่ล่าพวกรถexotic แรงๆเพื่อความบันเทิงส่วนตัวและหลายๆครั้งรถสปอร์ตขนานแท้ก็แพ้รถแต่งเหมือนกัน จากคุณ : V.Putin (V.Putin) - [ 25 ก.ย. 48 14:09:41 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แต่งให้แรงกว่า fer ได้จริงครับ ส่วนเรื่องอื่นๆไม่ขอวิจารย์ ก๊วยเตี๋ยวต้มยำนี้ขายแถวไหนครับ พอจะแนะนำร้านให้ได้ไหม  ผมอยากไปเป็นลูกค้าครับ จากคุณ : ton99 - [ 25 ก.ย. 48 14:11:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 รถญี่ปุ่นแต่งให้แรงมากๆก็ได้ถ้าเงินถึงใส่ turboดีๆ บูสเยอะๆ+ทำไส้ให้ทนทาน ระดับพันม้าก็มีให้เห็น แต่จะวิ่งทนหรือเปล่าอีกเรื่องนึง แล้วอีกอย่างมันก็จะไม่ใช่รถบ้านแต่จะเป็นรถแข่งไงล่ะ เอามาขับบนถนนน่ะเหนื่อย+ลำบากแน่ๆ Ferrari ก็เช่นกันถ้าคุณเงินถึงคุณก็ทำระดับพันม้าได้ไม่ยากเช่นกัน แต่ไม่มีใครทำกันสักเท่าไร เพราะสมดุลจะเสียไป และพวก supercar เขาไม่ค่อยชอบใช้เครื่องช่วยหายใจแบบ turbocharge กันหรอก ต้องแยกให้ออก ว่าคุณจะเอา รถแข่ง หรือ Exotic car ครับ ซึ่งอย่างหลังเนี่ย ถ้าไม่ได้ออกแบบมาตั้งแต่แรกแล้ว จะแปลงรถบ้านให้เป็น Exotic car คงได้แต่ฝันไป เพราะมันไม่ใช่แค่ความแรง แต่มันรวมทั้ง ช่วงล่าง เสียงเครื่องยนต์ ความทนทาน feeling ในการขับขี่ และรูปร่างที่ชวนฝัน ขับผ่านก็เหลียวมามองกันแทบคอหัก นี่แหละครับที่มันแค่ใช้เงินแต่งรถธรรมดา ก็เลียนแบบไม่ได้ สมัยก่อนเคยมีข่าวลือว่า F355 แพ้ Civic3door ทำเต็มมาแถวเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งก็โจษจันกันว่าแพ้จริงๆหรือ Ferrari ขับไม่เป็น กัน แต่ลองถามใจคุณดูว่า ถ้าให้เลือกฟรีๆมาคันนึง คุณจะเอาคันไหน  3doors สุดแรงแต่ก็หน้าตาไม่ต่างจากตัวธรรมดาเท่าไร ถ้าไม่วิ่งแข่งกับใครก็ไม่มีใครรู้ว่าแรง กับ F355 ที่แรงไม่แรง คนก็หันมามองแทบคอหัก ต้องถามใจตัวเองครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 14:14:33 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 14:14:01 จากคุณ : ....4จุด - [ 25 ก.ย. 48 14:11:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แล้วยังงี้ ถ้าผมบอกว่า ไอคนที่คุยกันนั่นมันโง่ละ ผมก็เอาไปซื้อ มอไซด์ sport bike แล้วคุยทับว่า 0-100 สู้มอไซด์ตูได้เปล่า 555 ถ้าบอกตรงๆ พวกนี้ก็เป็นแค่ พวกหัวถั่วพันธ์ทุยอะครับ แยกแยะประเภทไม่ออก งี้ไม่ไปขับรถไอพ่นเลยละ วิ่งตามทะเลลทรายไม่แรงกว่ารถแต่งหรอกเรอะ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : จอมยุทธ์กระบี่เพลงกระบี่ไหมฟ้า - [ 25 ก.ย. 48 14:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่าได้นะ แต่เวลาวิ่งๆจริง เครื่องที่แรงจากโรงงาน ทนกว่า เครื่องที่โม พวก นี้แต่งไว้ทำสถิติได้ แต่เฟอร์ เอามาใช้งานยาวๆได้ดีกว่า ขอให้ขายดีๆนะก๋วยเตี๋ยวต้มยำ ผมชอบกินซะด้วย 555 จากคุณ : Sorn มาคับ - [ 25 ก.ย. 48 14:37:35 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่าคนที่ซื้อเฟอร์เค้าไม่ได้ดูที่ความแรงอย่างเดียวนะ จากคุณ : IRRIDUCIBILI - [ 25 ก.ย. 48 15:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ทำไม ไม่มี มีครับ!!! จำไดป่าว ไอ้ Skyline R34 ไง 0-400 เมตรได้  7 วิ. นิดๆ แรงกว่า Fer ตั้งเยอะ จากคุณ : Do u like ? - [ 25 ก.ย. 48 15:14:02 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Skyline R34  ที่ผมว่าไว้นี่  ของ HKS เค้าน่ะครับ ที่เอามาโชว์เมืองไทยตอน Motor Show คราวที่แล้วอ่ะ....จำได้แล้วใช่มั๊ย!!! จากคุณ : Do u like ? - [ 25 ก.ย. 48 15:15:39 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ ....4จุด พูดได้เยี่ยม ชอบๆ จากคุณ : Baby Lamborghini - [ 25 ก.ย. 48 15:40:12 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าให้ตอบโจทย์ที่ว่าแต่งให้แรงกว่าเฟอร์ทำได้แน่นอนครับ ไม่ยากเกินจริง แต่ข้อจำกัดเยอะหน่อยนะ เข่นขอวิ่งทางตรงยาวๆ เพราะช่วงล่างสู้ไม่ได้ แข่งทีเดียวรู้เรื่อง เพราะปีหนึ่งจะออกจากอู่ไม่กี่วัน และที่สำคัญขอคนขับใจกล้าบ้าบิ่น เท่านั้นแหละสบายๆ จากคุณ : by_Mugen - [ 25 ก.ย. 48 15:50:36 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เฟอร์รารี่เป็นงานศิลปะที่ขับเคลื่อนได้ ไม่ใช่ของที่หาทั่วไปดาษดื่น !!! จากคุณ : alfaman150 - [ 25 ก.ย. 48 15:56:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เฟอร์รารี่แพ้ซีวิคเพราะจำนวน door น้อยกว่า โอเด็ดทำให้เฟอร์รารี่คุณภราดรหมดแรง คุณภราดรควรใช้ซีวิคเพราะ...(ห้ามคิดเหมือนผมนะ) จากคุณ : blenny - [ 25 ก.ย. 48 16:01:19 ]

ความคิดเห็นที่ 16 Sports ญี่ปุ่น  แต่งแล้วแรงกว่า supercar ยุโรปเดิมๆแน่นอนครับ   แต่สมมุติสปอร์ตญี่ปุ่น ที่แต่งเต็มสูตรสำนักแต่ง เช่นพวก Nismo R34 GTR  หรือ Supra HKS จูนเต็มๆ เปลี่ยนใส้  แล้วมาเจอพวก RUF CTR2  หรือ Ferrari ที่ติดป้าย KOENIG SPECIAL  ก็คงสู้ไม่ไหวเหมือนกันนะครับ   ส่วน  HKS R32  0- 402 เมตร 7 วิ กว่าๆนั่นมันรถ DRAG ครับ    ลองวิ่งยาวๆสัก 10 กม คงเครื่องเจ๊งไปก่อนจะถึงหนะครับ   ถ้าจะ set เพื่อแข่ง DRAG กันนี่ไม่ต้องถึงมือพวก supercars ยุโรปหรอกครับ   สปอร์ตญี่ปุ่นแรงๆมาเจอโฟล์คเต่าเครื่อง n/a  2 พันกว่าซีซี ยังหยองๆเลยครับ จากคุณ : tamrong - [ 25 ก.ย. 48 16:35:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่ต้องเถียงกันใครแรงกว่าดูเอาเอง 911 turbo 108 octane +  NOS  VS Supra  SP70 ไส้ในเดิมๆ 95 octane rolling start  นะครับ ประมาน50 kmh Supraโดนทิ้งก่อน  แต่ก็สวน 911 ตอนปลายเกีย4 http://www.spikedhumor.com/Article.aspx?id=2015 ทั้งนี้ทั้งนั้ง ขอบอกว่ารถเมกันแรงสุดจ้า 0-400m พวก Dragster วิ่งกันแค่4.5วิเอง แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 16:57:26 จากคุณ : gowest - [ 25 ก.ย. 48 16:54:37 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมใช้ city  แต่งเสร็จ  220  สบาย จากคุณ : ar_tee007 - [ 25 ก.ย. 48 17:01:11 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คห.6 เหตุการณ์ที่เลียบทางด่วนไม่ใช่ข่าวลือครับ เฟอร์รารี่ที่ว่าเป็น F348 สีน้ำเงินครับ ผมอยู่ในเหตุการณ์พอดี ขับตามหลัง 2 คันนั้นอยู่ ซีวิคก็ไม่ได้ทำเต็มอะไรมาก ไม่ทราบเหมือนกันว่า F348 ไม่แรง หรือคนขับห่วย จากคุณ : โนโตะ - [ 25 ก.ย. 48 17:11:52 A:58.8.141.207 X: ]

ความคิดเห็นที่ 20 link ของคุณ gowest  ถ้าใครอยากจะโหลดเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยมาดูก็ตามนี้ครับ http://media.spikedhumor.com/2015/Supra_vs_porsche.WMV จากคุณ : ton99 - [ 25 ก.ย. 48 17:26:39 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อืมมม เรื่องนี้เปรียบเทียบง่ายๆ ก๋วยเตี๋ยวพิเศษ 30 บาท อาจจะอร่อยเหาะกว่า เฟ๊ตตูชินี่ เดิมๆ แถวๆสุขุมวิท แต่ทำไมคนมีกะตังค์ถึงไปกินอย่างหลังล่ะ จากคุณ : อ่ะโด่ - [ 25 ก.ย. 48 17:26:41 A:61.47.103.253 X: TicketID:000322 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทำได้จริงครับ แต่ภราดร คงไม่ได้ซื้อเฟอร์มาขับแข่งแน่ๆ รถญี่ปุ่นก็ทำได้ครับ ให้วิ่งดี ทน เกาะ เหมือนหรือใกล้เคียงรถพวกที่ว่ามา แต่เค้าไม่ทำกัน เพราะ มันขายไม่ออกและ ซุเปอร์คาร์ยี่ห้อเก่าแก่เหล่านี้ มันมีอะไรที่มากกว่า เร็ว เกาะ ทน ผมค้านคนนึงละครับ ที่ว่ารถญี่ปุ่นทำออกมาแล้วยังไงก็สู้รถพวกนี้ที่โรงงานโมออกมาขายไม่ได้ ลองดูราคาสิครับ ซุเปอร์คาร์ยุโรปคันนึง ซื้อซุปเปอร์คาร์ญี่ปุ่นได้กี่คัน ถ้าราคาพอๆกัน ผมว่ามีดีไปคนละอย่างแน่นอน อีโว 7 ตัวอีดิทชั่น  0-100 ใช้ 4วิกลางๆ เองครับ จากคุณ : penn's - [ 25 ก.ย. 48 18:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าทำแล้ว บวกลบคูณหาร แล้วจำนวนเงินมัน เท่ากับซื้อ เฟอร์รารี่ ป้ายแดงได้ 1 คัน..... ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมาย จากคุณ : FyGI - [ 25 ก.ย. 48 19:00:17 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ไม่รู้อันไหนจะแรงกว่ากัน แต่รู้มาว่า...เฟอร์รารี่ สีเหลือง ของ ภราดร ยังผ่อนไม่หมดนะท่านทั้งหลาย เพราะท่านแม่ไม่ให้ซื้อสด จากคุณ : คุณก้อง - [ 25 ก.ย. 48 19:46:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ทำได้แต่คงเอามาใช้ในชีวิตประจำวัน ขับไปทำงานไม่ไหวหรอก จากคุณ : BaLL182 - [ 25 ก.ย. 48 19:49:56 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าคำถาม ถามแค่คำว่าแรงอย่างเดียว รถญี่ปุ่นจะกินเฟอร์หนะ เรื่องหมูๆครับ แม้แต่เรื่องการขับขี่ ถ้าตัดเรื่องรูปร่าง เอกลักษณ์ และ Feeling ออกไป เอาซักระดับ 355 360 นะ อย่าพึ่งไปถึงพวก Enzo . . . ไม่ต้องถึงกับทำรถญี่ปุ่นให้กลายเป็นรถแข่งหรอก ทำแบบรถที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้ด้วยนี่แหละ จะในโค้ง จะเรื่องความนิ่งที่ความเร็วสูง . . . รถญี่ปุ่นทำได้ทั้งนั้นแหละ เฟอร์เข้าโค้งไหนได้ รถญี่ปุ่นก็ทำให้เข้าแบบนั้นได้ . . เฟอร์วิ่งที่นิ่งที่ 280 ได้ รถญี่ปุ่นก็ทำให้นิ่งเท่านั้นได้ . . . กล้าถมเงินลงไปเยอะๆ รถญี่ปุ่นก็ตอบโจทย์ได้ครับ . . . แต่ Feeling ที่ได้คงไม่เหมือนกัน . . . Feeling กับ ประสิทธิภาพ ไม่เหมือนกันนะครับ แล้วใครว่าเฟอร์วิ่ง 280 ไม่หวิว . . . เฟอร์ก็หวิวเหมือนกันครับ จากคุณ : A-Z - [ 25 ก.ย. 48 20:19:23 A:58.11.49.114 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 27 สแป็ค supercar เดิมๆครับ เผื่อใครจะแต่งรถญี่ปุ่นเอาสวนเล่นๆครับ อันดับ 1. ก่อนเลยครับ เอ็นโซ เฟอร์รารี่– 350 กม./ชม. บนสนามแข่งนาร์โด ทางตอนใต้ของประเทศอิตาลี ที่บรรดาผู้ผลิตซูเปอร์คาร์ในยุโรปมักไปประลองความเร็วกัน เอ็นโซ เฟอร์รารี สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 350 กม./ชม. จึงถูกยกย่องให้เป็นสุดยอดรถสปอร์ต เอ็นโซ เฟอร์รารี เปิดตัวครั้งแรกในปารีส มอเตอร์ โชว์ ปลายปี 2002 เพื่อมาแทนที่ เอฟ 50 โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากสนามแข่งฟอร์มูลา วัน เช่น โครงสร้างตัวถังแบบ SPACE FRAME เปลือกตัวถังผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ตัวรถมีน้ำหนักเพียง 1,365 กก. วางเครื่องยนต์ วี 12 กำลังสูงสุด 650 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ควบคุมการทำงานของคลัตช์ด้วยระบบไฟฟ้า อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. เร็วทันใจด้วยเวลาเพียง 3.6 วินาที และ 11 วินาที สำหรับอัตราเร่งควอเตอร์ไมล์ 0-402 เมตร ราคาของเอ็นโซ เฟอร์รารี สูงพอ ๆ กับแรงม้า และความเร็วสูงสุดที่ทำได้ โดยในอังกฤษตั้งไว้ที่ 500,000 ปอนด์ หรือ 31.5 ล้านบาท และมีการผลิตจำนวนจำกัดเพียง 349 คันเท่านั้น จากคุณ : thammasak - [ 25 ก.ย. 48 20:23:35 ]

ความคิดเห็นที่ 28 อันดับ 2 พากานี ซอนด้า ซี12 – 340 กม./ชม. แม้ชื่อของพากานีจะไม่เป็นที่รู้จักกันในวงกว้าง แต่สปอร์ตสัญชาติอิตาเลียนรายนี้ ก็สามารถผลิตซูเปอร์คาร์ฝีเท้าจัดไม่แพ้เพื่อนร่วมชาติรายอื่น ซอนด้า ซี12 เปิดตัวในปี 1999 ด้วยรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตา เครื่องยนต์วางกลางตามสไตล์ซูเปอร์คาร์ ขุมพลังหยิบยืมมาจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ บล็อกวี 12 ที่โมดิฟายโดยเอเอ็มจี ขยายความจุเป็น 7,300 ซีซี มีกำลังสูงสุด 550 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 76.5 กก.-ม. ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 340 กม./ชม. จากคุณ : thammasak - [ 25 ก.ย. 48 20:25:12 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อันดับ 3 ลัมบอร์กินี มูร์ซีเอลอาโก – 330 กม./ชม. อีกหนึ่งซูเปอร์คาร์จากอิตาลี ภายใต้สัญลักษณ์กระทิงเปลี่ยว ครองอันดับ 3 ในการทดสอบครั้งนี้ด้วยตัวเลขความเร็วสูงสุด 330 กม./ชม. สปอร์ตรุ่นนี้ เป็นเวอร์ชันใหม่แกะกล่องที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2001 และเป็นสปอร์ตรุ่นแรกที่ถูกส่งมาทำตลาดภายใต้เจ้าของใหม่อย่างออดี้ ซึ่งเข้าซื้อกิจการของลัมบอร์กินีมาตั้งแต่ปี 1998 ขุมพลังบล็อกใหม่แบบ วี 12 ความจุ 6,200 ซีซี วางกลางลำตามสูตรซูเปอร์คาร์ รีดกำลังออกมาได้ถึง 580 แรงม้า ที่ 7,500 รอบ/นาที แต่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบตลอดเวลา อาจไม่สบอารมณ์แฟนสปอร์ตพันธุ์แท้เท่าไรนัก เพราะส่วนใหญ่จะชอบแบบขับเคลื่อนล้อหลังเหมือนซูเปอร์คาร์รุ่นอื่น ๆ ที่ขับได้อารมณ์สปอร์ตมากกว่า จากคุณ : thammasak - [ 25 ก.ย. 48 20:27:05 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แหม เอานายแบบ เดินแคทวอร์คในอิตาลี มาบอกว่ากระจอกกว่า จับกังแบกข้าวสาร แถวท่าเรือคลองเตย เพราะสามารถทำให้กล้ามใหญ่กว่าได้ อือม์ ก็ว่ากันไป ท่านผู้ชม จากคุณ : . - [ 25 ก.ย. 48 20:37:55 A:58.8.25.144 X: TicketID:066940 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าด้วยเงินเท่ากันผมว่าจะทำให้รถญี่ปุ่นแรงแซงเฟอรารี่ได้ก็คงไม่แปลกเท่าไหร่หรอกครับ ก็ราคามันต่างกันตั้งเยอะ แต่ความเท่ห์น่ะ ตอนนี้ยังไงก็ยังเทียบกับรถจากฝั่งยุโรปไม่ได้ จากคุณ : Slow - [ 25 ก.ย. 48 20:50:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 555 ถ้าภารดรเขาเอาเงินไปให้คนที่ไปกินก๋วยเตี๋ยว ร้านพี่แต่งรถจริง ๆ นี่อ่ะ ถึงจะเรียกว่า โง่จริง แต่คนกินก๋วยเตี๋ยวร้าน พี่นี่ฉลาดจริง ๆ เน๊อะ คิดได้ไงว่า ภารดรจะยอมเอาเงินไปให้เขาไปแต่งรถให้ สู้ไปแต่งเองไม่ดีกว่าเหรอ ภารดร เขามีเพื่อน ๆ อยู่ในวงการ รถตั้งหลายคน เน๊อะ... 5555 เคยเห็นกลุ่มเพื่อน ภารดร รถแต่ละคัน ก็ใช่ย่อยเน๊อะ จากคุณ : Likeacar - [ 25 ก.ย. 48 21:05:33 A:61.91.64.32 X: TicketID:042731 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ4จุดครับ 3ประตูคันนั้นวิ่งกับเฟอร์สีแดง เจ้าของเฟอร์ขับเข้ามาเติมน้ำมัน เจ้าของ3ประตูนึกสนุกขับออกไปรอหน้าปั๊ม พอเฟอร์ออกจากปั๊ม 3ประตูเทียบแล้วเทคออกไปทั้งคู่ 3ประตูนำได้แค่2เกียร์ครับ ยังไม่ทันสับ2เฟอร์ก็ขึ้นหายไปแล้วครับ สวนหายแบบเหมือน3ประตูจอดอยู่กับที่แล้วเฟอร์อัดมาฟู่วจากข้างหลังไปเลย    แต่ช็อตที่3ประตูนำ มันผ่านหน้าปั๊มพอดี เลยเห็นเป็นเฟอร์แซงไม่ขึ้นน่ะครับ  ผมอยู่กับเจ้าของ3ประตูคันนั้นด้วยน่ะครับ รถสีขาว แต่งสปูนเครื่อง16ท่อนล่าง18  ตัวผมที่ทำรถอยู่ก็ยังชอบที่จะหารถแปลกๆวิ่งด้วย และจะสะใจเวลาที่สวนได้ หรือตามจิก แต่ก็ยังสังวรณ์ ว่ารถเรามันยังไงก็คนละระดับครับ  คงจำได้ที่มีรายการหนึ่งเอาพอร์ชมาวิ่งกับ200ของช่างญาที่สนามคลอง5 เจ้าของพอร์ชเย็นใจมาก บอกว่าไม่มีอะไร แค่ออกตัวเนียนๆก็สบายแล้ว แต่ช่างญาก็ไม่ประมาท เช็ครถอะไรมาอย่างดี พอวิ่งจริง พอร์ชล่อเวลาไปร่วม14หรือ15วิ ส่วนช่างญายกแล้วยกอีก จากคุณ : ZC_Turbo - [ 25 ก.ย. 48 21:22:04 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ซื้อเฟอร์รารี่ ไม่ได้หมายความว่า ต้องการรถที่แรงที่สุด เร็วที่สุด และเฟอร์รารี่ ก็ไม่ได้ให้แค่นั้นเช่นกัน.. ผมว่าคนที่มีปัญญาหาเฟอร์รารี่มาครอบครอง(โดยสุจริต) คงจะรู้ในจุดนี้ดีครับ ปล่อยให้ไอ้นั่นมันฝอยต่อไปเฮอะ.. จากคุณ : iNFeRNaL - [ 25 ก.ย. 48 21:24:22 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อันนี้จากประสบการณ์ตรงนะครับ Toyata Supra 2JZ-GTE + TD-07 25G Boost @ 1.6 Bar สูบ Forge Cam 272 Lift 10.5 ทำพอร์ท ก้านเดิม ข้อเดิม เกียร์ออโต้ แรงม้าไม่เคยวัดเลยไม่มีข้อมูล เคยไล่กันเล่นๆกับ 360 Modena บน Motorway เริ่มกดกันที่ความเร็วประมาณ 160 km/h อยู่กันคนละเลนไม่ได้ตามหลังกัน Ferrari พุ่งไปก่อนเลย เพราะ supra ห้อย บูสท์ยังไม่เต็ม นำหน้าไปประมาณ 2 ช่วงคันรถ แต่พอ supra boostมา ก็ติดตูดได้ไม่ยากเย็น เกาะติดกันไปเรื่อยๆจนความเร็วประมาณ 230-240 Ferrari ก็เริ่มแผ่ว supra ค่อยๆแซงขึ้นไปได้ แต่ก็ได้ไม่เต็มคัน ขึ้นได้แค่ครึ่งคันเท่านั้น และก็ติดกันอยู่อย่างนั้นจนถึง 280 จึงถอนทั้งคู่เพราะทางหมด เท่าที่จับความรู้สึก ถ้า supraทำมากกว่านี้อีกสักหน่อย งานนี้ผมว่า Ferrari โดนแซงหมดคันแน่ๆ ดังนั้น ยืนยันได้ว่า รถยี่ปุ่นทำให้ขึ้นหน้าพวกเฟอร์ได้แน่นอนครับผม จากคุณ : walongkorn - [ 25 ก.ย. 48 21:31:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณที่มาเล่าให้ฟังครับ เรื่อง Civic Vs Ferrari ก็อย่างที่บอกไปแล้ว จะทำให้แรง มีเงินก็ทำได้ ไม่ว่าจะรถอะไร ทั้งญี่ปุ่นหรือยุโรป หรือ super car(อันหลังต้องลงเงินเยอะหน่อย)  แต่สิ่งที่ Exotic car นั้นให้อะ มันเลียนแบบกันยาก โดยเฉพาะ feeling และรูปร่างหน้าตา ที่กระทบต่อความรู้สึกซึ่งเป็นความหมายหลักของ Exotic #26  อย่าลืมข้อจำกัดด้าน Aerodynamic และจุด CG นา จะให้A31 วาง J 600ม้า สาดโค้งและเกาะได้เท่ากันกับ Mclaren F1 600ม้าเหมือนกัน คงยากอยู่ ไม่งั้นก็ต้องทำ space frame ทั้งคันแล้วล่ะ แต่จะว่าไป super car เดิมๆ นั้น 1/4 mile เร็วสุดก็ 11-12 วิเองนา( Mclaren F1) เพราะมันไม่ได้ทำมาเน้นเรื่องนี้น่ะซี ****ยกความหมายของ exotic car &super car มาให้ดู แปลเอาเอง****** Exotic car From Wikipedia, the free encyclopedia. An exotic car is a type of rare automobile highly sought after for its styling and performance. The styling usual matches the performance Supercar From Wikipedia, the free encyclopedia. Supercar may also refer to the 1960's television series Supercar, or the Italian title of Knight Rider, another TV-show A supercar is a term used for a sports car, typically an exotic or rare one, whose performance is highly superlative to its contemporary sports cars. The proper application of this term is subjective and disputed, especially among enthusiasts. In addition, the use of the term is dependent on the era; a vehicle that is considered to be a supercar at one time may not retain its superiority in the future. Nonetheless, the automotive press frequently calls new exotic cars "supercars". Also see the list of supercars to help understand the term subjectively. [edit] Performance criteria High Power, Low Weight — most supercars have a high power to weight ratio — that is, high engine power and low vehicle weight. This is done for the sake of acceleration (see Newton's Second Law) and top speed. For example, the 2004 Porsche Carrera GT carries just five pounds per horsepower (3 kg/kW or 438 hp/Mg) — compare this to the Porsche Boxster which hauls nearly 12 pounds per horsepower (7.1 kg/kW or 193 bhp/Mg). The McLaren F1, introduced in 1991 and widely considered as one of the fastest supercars of the 20th century, produced 627.1 hp (467.6 kW) against a weight of 2513 pounds (1140 kg), translating to 550 hp per megagram or 4 pounds per horsepower. High Acceleration — supercars, by the usual definition, have extremely quick acceleration compared to most vehicles, including ordinary sports cars. Some current expectations are as follow: 0 to 60 mph (96.56 km/h): Under 5 seconds for virtually all supercars today, with under 4 seconds being the benchmark for some enthusiasts. The McLaren F1 has a 0 to 60 mph time of about 3.2 seconds. 0 to 100 mph (160.9 km/h): Under 10 seconds is generally called for, with undisputed supercars being significantly faster. The Ferrari Enzo, introduced in 2002, has a 0 to 100 mph time of about 6.5 seconds. Standing Quarter-Mile (402.3 meters): Under 13 seconds is arguably a requirement, as is a trap or terminal speed of at least 110 mph (177 km/h). The Ferrari Enzo completes the quarter mile from a stop in about 11.1 seconds at 133 mph (214 km/h). The Koenigsegg CCR, introduced in 2004, is officially claimed to run the quarter mile in "9 seconds, end speed 235 km/h (146 mph)" [[1]] It should be noted here, however, that the term supercar usually refers to particular models of factory-built, street-legal sports cars, which tend to be perceived as unmodified; heavily modified and potentially street-illegal vehicles can often accelerate faster than any production car, requiring well under 10 seconds in the quarter mile. Because supercars are usually designed for road use as opposed to drag racing or straight-line racing alone, their standard equipment often do not include roll cages and other mandatory requirements for fast cars on a dragstrip. High Top Speed — Today, undisputed supercars can exceed at least 300 km/h or about 186 mph (even with a top speed of close to 300 km/h, the Ferrari 360 is usually not considered a true supercar). Among many enthusiasts, a simple supercar requirement is the ability to break 200 mph (321.9 km/h). On March 31, 1998, the McLaren F1 (number XP5, a standard 1993 F1 road model) recorded an official top speed of 386.7 km/h (240.3 mph). The car was driven by Andy Wallace on the 9 km straight line of the Volkswagen Ehra-Lessien facility in Wolfsburg, Germany. This was the world record for production cars in the 20th century.[[2]][[3]] On February 28, 2005, the Koenigsegg CCR with 806 hp (601 kW) achieved a top speed of 387.87 km/h (241.01 mph) on default settings. The car was driven on Italy's Nardo Prototipo proving ground, a circular track with a circumference of 12.5 km. This exceeded the McLaren's record.[[4]] On May 20, 2005, the Bugatti Veyron 16.4 achieved a two-way average speed of 400 km/h (248.5 mph) at parent company Volkswagen's Ehra-Lessien test track. This exceeded the Koenigsegg's record.[[5]] Superb Handling — In contrast to a sports car which simply has a more 'sporty' or involving handling than a normal hatchback or saloon, a supercar is usually built for maximum cornering and road gripping ability in order to achieve superior racing times. [edit] Other criteria In addition to performance, the following criteria are also cited in determining if a particular sports car or exotic car deserves the supercar moniker: Styling — Supercars often feature groundbreaking styling elements. The Formula One-inspired Enzo Ferrari, for example, set a new styling direction for that company. Focused design — Supercars are not designed to be practical transportation devices, with functionality varying widely between different examples. Many car body styles (including 2+2 coupe, station wagon, and pickup truck) make inherent tradeoffs of performance potential for utility. By this measure, extreme vehicles like the Dodge Ram SRT-10 are not normally called supercars. While one undisputed supercar, the McLaren F1, featured seating for three (and had a number of useful storage spaces), performance was not sacrificed, but instead improved by the seating design: the driver's central position lowered the vehicle's moment of inertia and increased its turning ability. Technology — All supercars feature cutting edge contemporary racing car technology. This has included the use of carbon fibre and ceramics, ground effects and wings, and novel layouts like mid-engine. The use of turbochargers has fallen out of favor in many recent supercars, though the Bugatti Veyron will use four. All wheel drive is also used in most modern supercars, reflecting the success of the Audi Quattro rally car. Production — Most commentators would not include one-off concept cars or self-built kit cars under this category. Although no objective metric has been agreed on, homologation often makes the case for a supercar. Similarly, the term is never applied to a pure racing car — supercars must be legal for use on the street. Although their makers often promise to produce dozens of examples, some supercars never reach these production targets. For example, while 400 Enzos were built, just two Mosler Photons have been sold. Spirit — An extremely difficult aspect to objectively discuss is the "spirit" or "soul" many supercar buyers search for. This is often more a reflection of the manufacturer's reputation, especially on the race track, than the absolute qualities of the vehicle in question. This factor is often cited in disqualifying cars like the Honda/Acura NSX and Dodge/Chrysler Viper and including even the lesser V12-powered Ferraris. http://en.wikipedia.org/wiki/Supercar *************************************************** แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 22:03:30 แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 22:01:25 จากคุณ : ....4จุด - [ 25 ก.ย. 48 21:58:23 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ทำไมเรื่อง civic สวน fer ที่ข้างทางด่วน ถึงเล่าไม่ค่อยจะตรงกันสักที  หรือว่ามันคนละเที่ยวกัน ฝั่ง fer มีทั้ง 512 355  คนฟังงงครับ ตกลงมันเป็นรุ่นไหนกันแน่ แต่ยังดีที่อีกฝั่งเป็น civic 3 door (ดีนะที่ไม่บอกสี  ไม่งั้นวุ่นอีก) ผมเคยเจอ fer สีแดง ขับไล่ civic ef b16a บนทางด่วยทีนึง งวดนั้น civic โดนสวนกระจาย  ผมก็ขับตามไปดูต่อแต่พวกพี่เล่นขับย่องๆ 80-90 กัน ผมก็เลยส่งไปซะ 190 คิดว่างวดนี้กิน fer นิ่มๆแล้ว   เพราะมุกแอบแซงเพราะแรงน้อยแบบนี้  ผมเล่นกับพวก J ไปหลายคันแล้ว แต่ที่ไหนได้  แว๊บเดียวก็เร่งมาจะถึงตูดแล้ว ยังดีที่หมดทางวิ่งซะก่อน  ไม่งั้นต้องโดน fer สวนเละเทะยิ่งกว่า civic ef แน่ๆ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 22:19:46 จากคุณ : ton99 - [ 25 ก.ย. 48 22:15:52 ]

ความคิดเห็นที่ 38 อืม จากคุณต้นว่า ตำนาน civic Vs Ferrari อาจจะมีหลายงานก็ได้ เพราะรถแต่งชอบแอบเทียบกับพวก exotic car อยู่เป็นประจำอยู่แล้วล่ะจริงไหม อาจจะมีหลายคัน หลายคู่ก้ได้ ขนาดผม ขับรถAltis 1.6 เดิมๆให้น้า  แล้วเจอ 348??? บนเกษตรตัดใหม่ยังกดตามแบบไม่เจียมตัว เลย 55 ผลคือขนาดเขากดนิ่มๆธรรมดา เรายังตามแทบไม่ทันเลย แล้วก็ต่างคนต่างเลี้ยวไปคนละทาง แต่เสียงเครื่องยนต์มันเพราะจริงๆ แก้ไขรุ่นที่เคยกดตาม จำไมได้ว่า 348GTB หรือ 348TB จำตัวอักษรไม่ได้อะ ความรู้ทาง Fer มีน้อย แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 22:30:08 จากคุณ : ....4จุด - [ 25 ก.ย. 48 22:20:15 ]

ความคิดเห็นที่ 39 fer คันแดงข้างบน  ผมไม่รู้ว่าเป็นรุ่นอะไรนะ  เดาๆว่าน่าจะขึ้นด้วย 4 ตอนที่แซงผมขึ้นไปแล้วไปสวน ef  แค่ได้ยินเสียงเครื่องก็หนาวแล้ว นั้นเป็นครั้งเดียวจริงๆที่เคยเห็น fer ขับเร็วๆ นอกนั้น พี่ท่านก็ขับย่องๆ  ให้เราคอยขับตามอยู่ห่างๆ ที่ต้องขับตามห่างๆ  เพราะกลัวว่าจะเบรคไม่อยู่ไปจูบท้ายเอา เรื่องแบบนี้ไม่ใช่มีแต่คนไทยแน่ๆครับ พวกฝรั่งมันก็บ้าเหมือนกัน ในเครื่องผมรู้สึกว่าจะมี clip civic และรถอื่นๆ สวน fer อยู่หลายอันเหมือนกัน พอสวนได้  ฝรั่งมันร้อง ก๊อดๆๆ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 48 22:30:57 จากคุณ : ton99 - [ 25 ก.ย. 48 22:27:53 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ทำได้คับ แต่คงไม่ทนเท่ารถเดิม ๆ อย่างferrari เดิม ๆ   แต่พังแล้วทำใหม่ ซัก 10 คัน ราคาคงไม่เท่า ferrari คันนึงอ่ะคับ แต่อย่างว่าคับ ferrari ก็คือ ferrari คับ ขับแล้วหล่อกว่าเห็น ๆ ถ้าผมมีตังเหลือกินเหลือใช้ ก็ซื้อ ferrari เหมือนกันอ่ะ จากคุณ : MX-junior - [ 25 ก.ย. 48 23:05:08 ]

ความคิดเห็นที่ 41 #36 สงสัยผมจะเขียนไม่ชัดมั้งว่า 355 360 . . . และคำว่ารถญี่ปุ่นก็คงไม่ได้หมายความว่าเอารถ Sedan หรือรุ่นอะไรก็ได้ . . คุณก็ช่างแปลความหมายซะ . . . ยังดีนะครับที่ให้เป็น A31 . . แหม๋ ไม่เอา Soluna มาเทียบซะเลยหละครับ เอารถที่มันเกิดมาแบบพิ้นฐานพอมีบ้างซิ คำว่าสาดโค้งของคุณหมายความถึงตรงไหนหละครับ ความสนุกความมันส์อาจจะรู้สึกดีกว่า แต่นั่นคือ Feeling . . . ลองเอามาจับ Connering G กันซิ รถสปอร์ตญี่ปุ่นทำมาดีๆ วัด G กันแล้ว ไม่หนีกันหรอก . . . Aerodynamic หรือ CG ก็ไม่ได้ลืมหรอกครับ . . . ก็บอกแล้วว่าอนุญาติให้ทำได้ . . . 2 รายการยี้มันก็อยู่ในเมนูของตายที่ต้องทำอยู่แล้ว คำว่า Super Car อย่าเอามาพูดรวมๆแล้วเหมาเอา Fer 308 328 ก็ Super Car . . F50 Enzo ก็ Super Car . . . Lotus Esprit ก็ Super Car . . . แล้วถ้าเอา 308 328 มาเจอกับ R34 Supercar อย่าง 308 328 จะเอาอะไรมาเหลือ ทั้งทางตรง ทางโค้ง . . . ถ้า R34 ใหม่ไป เอา R32 ก็พอ . . . คุณคิดว่า 308 328 handling ดีอะไรหนักหนา พูดว่า Super Car มันก็ต้องพูดกันเป็นรุ่นๆเลย ไม่ใช่ Super Car แล้วมันเจ๋งไปหมด ผมไม่ได้ถือหางหรือบ้าอะไรกับรถญี่ปุ่น . . . แต่ผมก็ไม่ได้มองว่า Supercar ทั้งหลายเป็นรถวิเศษ . . . ผมก็อยากได้ทุกคันแหละ Supercar เหล่านั้นอะ . . ผมก็อยากในความเป็นรถรุ่นนั้นๆ ความดี ความเจ๋งอะมีแน่ . . แต่ไม่ใช่เพราะมันเป็นรถที่ดีแสนดี ยกตัวอย่างจริงๆ เรื่องจริงๆ ผมมีรุ่นพี่คนหนึ่ง มี Fer 355 และ Porsche 997 GT2 เจ้าของคนเดียวกัน . . . เขาบอกเลยว่า พอขับ GT2 แล้ว 355 เสี่ยวไปเลย ทั้ง Handling และ Engine GT2 เหนือกว่าทุกอย่าง . . . ผมเคยแต่นั่ง ไม่เคยขับ เลยไม่รู้ว่าดีกว่าห่วยกว่าขนาดไหน รู้แต่ตอนเกิน 250 เป็นคนนั่ง คันไหนก็เสียว เอา GT2 ไปวัดกับ Supra ของเพื่อนกลุ่มเดียวกัน . . . Supra ทำเครื่องปานกลาง ดีงหน้าหงายเหมือนกัน แต่ยังแรงน้อยกว่าพวกที่ลงหนังสือเยอะ . . . หวดกันที่เกิน 250 . . . GT2 ไปไหน Supra ก็ตามไปได้ทุกที่ทุกโค้ง แม้ Supra จะหวิวๆกว่าก็ตาม . . . ถ้าคิดว่าคนขับ GT2 ปอดแหก หรือมือไม่ถึง . . . ตอบว่าไม่ใช่ เจ้าของ GT2 เป็นนักแข่งรถ ที่ยังแข่งอยู่ในสนามครับ ฝีมือคงไม่จัดว่าไม่เข้าท่านะ . . . อ้อ แล้วตัวเขาเองก็มี R34 ด้วย เจ้าของบอกเองว่า R34 ขับมันส์กว่า 355 . . นี่เจ้าของที่มีทุกคันที่พูดถึงบอกเองแบบนี้อะ . . . R34 คันนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรมากมายนัก แค่ 400 กว่าม้า ไม่ได้มี 6-700 ม้าด้วยครับ แบบนี้พอพูดได้ไหม ว่ารถญี่ปุ่นก็เก็บเฟอร์ได้ ทั้งทางตรงทางโค้ง . . . เขียนแบบนี้แล้ว คงไม่ยกตัวอย่างเอา Jazz วาง K20+Turbo 500 แรงม้า ไปวัดกับ Enzo แล้วบอก เข้าโค้งสู้ไม่ได้นะครับ จากคุณ : A-Z - [ 25 ก.ย. 48 23:17:48 A:58.11.49.114 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เจอ BMW E46 สภาพภายนอก"เดิมๆ" ทุกอย่าง แต่ 1,000 แรงม้าใต้ฝากระโปรง วัดที่ยาง (ไม่ใช่ที่เครื่อง) ใช้น้ำมัน 95 ธรรมดาๆ .. วิ่งบนถนนธรรมดาได้สบายๆ จะหนาว ดูได้ที่ bmwsociety.com ครับ จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 25 ก.ย. 48 23:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แต่ถ้าลองสังเกตให้ดีๆจะเห็นว่าส่วนใหญ่ พวกที่ขับปาดซ้ายขวา จี้ตูด คือพวกรถแต่งทั้งหลาย ทั้งที่แรงจริงและแรงแต่ท่อ ส่วนรถระดับนั้น เขาขับกันนิ่มๆ ไปเรื่อยๆ จะเห็นวิ่งเร็วๆนานๆที ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นทางที่โล่งๆซะมากกว่า "คมในฝัก" นะครับ * รถที่ดี ไม่จำเป็นต้องเครื่องแรงอย่างเดียว จากคุณ : Zuffenhausen - [ 25 ก.ย. 48 23:30:46 A:61.91.79.182 X: TicketID:061769 ]

ความคิดเห็นที่ 44 อีกตัวอย่างที่พึ่งนึกออก . . . รถที่ปรับปรุงมาแล้วทั้งคู่ Porsche GT3 ตัวแข่งจากโรงงาน กับ EVO7 ที่ลงแข่งในสนามแหละครับ ง่ายที่สุดที่จะเห็น เจ้าของ GT3 ก็มี EVO ตัวแข่ง . . . คนที่ขี่ EVO ก็มี GT3 ตัวแข่งทั้งคู่ . . . แต่ EVO ทำมาแล้ว ก็เร็วกว่า GT3 มาทุกสนาม . . . โดย EVO ก็ทำจากรถถนนธรรมดา โครงสร้างยังเป็นรถธรรมดาอยู่ จุดยึดช่วงล่างยังอยู่ในตำแหน่งเดิมๆ ไม่ได้ทำจุดยึดพิเศษอะไรขึ้นมาจนหน้าตาพิศดารกว่า EVO ที่เราเห็นๆกัน . . หลังคายังเป็นเหล็ก CG สูงๆด้วย ตัวถังก็ยังหน้าตาเดิมๆไม่ได้มี Aero Part พิลึกอะไรจนรถดูแปลกตา หน้าตารถถนนบางคันแต่งแล้วยังดูดุกว่าเลย . . . งบ EVO ทำเสร็จ 5 คัน ยังซื้อ GT3 ไม่ได้เลยมั้ง แต่เร็วกว่า GT3 ทุกกระบวนท่า คงไม่มีข้อสงสัยนะครับว่า GT3 เหนือกว่า 360 . . . แล้วแบบนี้รถ Sedan อย่าง EVO ทำมาดีๆ ทำไมจะเร็วกว่า 360 ไม่ได้ จากคุณ : A-Z - [ 25 ก.ย. 48 23:38:38 A:58.11.49.114 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 45 Fer และ รถญี่ปุ่นแรงๆทั้งหลาย ขอทางหน่อยครับผมจะแซงแล้ว แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 48 00:18:31 จากคุณ : thammasak - [ 26 ก.ย. 48 00:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ก็ของมันแรงนี้ครับ Leistung: 390 PS VMax: 410 km/h 0-100 km/h: 3.2 Sek. จากคุณ : thammasak - [ 26 ก.ย. 48 00:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ขำๆ อย่าคิดมาก แรงไม่แรง มันอยู่ที่เงินและใจครับ จากคุณ : thammasak - [ 26 ก.ย. 48 00:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จริงแท้แน่นอนเลย แต่งได้หลายคันด้วยเมื่อเทียบกับ เฟอร์รารี่คันเดียว แต่ถ้าให้เลือก ผมเลือก เฟอร์รารี่นะ แรงน้อยกว่าไม่เป็นไร แต่หน้าตาผมซิ หล่อขึ้นอย่างเห็นๆ :-) จากคุณ : Haris - [ 26 ก.ย. 48 00:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เคยคุยกะพวกรุ่นพี่ในก๊วนเดียวกันที่ขับพวก super car ถามพี่ๆเค้า แคร์เรื่องความแรงมากแค่ไหน เค้าตอบสั้นๆครับ เค้าสนใจที่body ความโฉบเฉี่ยวภายนอกและการdesign ภายในมากกว่า ตัวเครื่องครับ เค้าhappyเครื่อง 6สูบ ไม่ต้องถึง8สูบ ขับในเมืองไทย เค้าก้อพอใจแล้วครับ พอมีลูกมีเมีย 200ก้อต้องถอนคันเร่งกันแล้ว เค้าอยากมีโอกาสขับตัวต่อไปเรื่อยๆ ไม่อยากหยุดแค่นี้ อืมม ก้อจริงครับ ^^ จากคุณ : ป๊ะป๋า - [ 26 ก.ย. 48 01:56:45 ]

ความคิดเห็นที่ 50 Bugatti แน่นอนกว่าอีก ๔๐๖ km/h (๒๕๒.๓ mph) ๐ - ๖๒ mph ใน ๓ วินาที ๐ - ๒๐๐ ใน ๑๔ วินาที จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 26 ก.ย. 48 08:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 51 คันนี้แรงกว่า... จากคุณ : JccK - [ 26 ก.ย. 48 10:20:34 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มาตลก สยึมกึ๋ย Picture หน่อย หิหิ จากคุณ : E-Boat - [ 26 ก.ย. 48 12:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 53 รู้แต่ว่า ในเกมน่ะ รถญี่ปุ่น แต่งกันได้แรงสุดๆ แต่ ม้ายุโรป ขุนไม่ค่อยขึ้นกันสักเท่าไหร่ แต่ Bentley Speed 8 แต่ง วิ่งดีกว่า Nissan R390 GT-1 แต่ง ซะอีก (ลองจากเกมGran Turismo 4) นะ ปล. ผมเคยขับแคมรี่ แตน แซง F512M มาแล้ว บนทางด่วน (ในวันที่รถติดสนิท) อย่าซีเรียสนะ ถ้าขับจริงๆ เกียร์ถอยหลังของเฟอรารี่ มันยังแรงกว่าเกียร์ถอยหลังรถผมเลย อิอิอิ ปล.2 ส่วนใหญ่ คนที่ซื้อ Exotic Car มักขี่แบบแตนๆเอาซะมากกว่านะ (เชื่ออย่างนั้น) จากคุณ : อาเซโฮล - [ 26 ก.ย. 48 12:45:38 A:203.130.133.210 X: TicketID:104170 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ย้ำคำพูดเดิมเฉยๆว่า มีเงินรถอะไรก็ทำแรงได้ครับถ้าเงิน+ใจถึง Lambergini 1200แรงม้าก็มี เวบตปท.มีตัวอย่างเยอะแยะ รถญี่ปุ่นทำเป็นตัวแข่งยังไงก็ต้องสูสีกับ super car ตัวแข่งอยู่แล้วล่ะ เพราะมันทุ่มหมดหน้าตักกันอยู่แล้วนิ ถ้าเทียบกันแบบสุดๆงั้นคงเทียบกันถึงขั้น F1 กันนั่นแหละ ส่วน A31 ยอมรับว่ายกมาสุดโต่งไปหน่อย แต่จะบอกว่าถ้ามันต่างกันมากๆ ทุ่มเงินไปก็ไม่คุ้มไงล่ะครับ ถ้าเอาระดับธงตัวแรงของญี่ปุ่นมาแต่งต่อ มันก็เกือบๆตัวแข่งแล้วล่ะ แต่สิ่งที่ exotic car ให้(ไม่อยากใช้คำว่า super car เพราะอันนั้นต้องสำหรับรถ ธง เจ๋งสุดของแต่ละค่าย)  ไม่ใช่แค่ความแรงและเกาะถนนน่ะซี จุดสำคัญที่ทำให้คนซื้อ exotic car น่าจะเป็น จิตวิญญาณ(หน้าตาและชื่อเสียงที่สั่งสมมา)และ feeling ในการขับขี่ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากกว่าส่วนสมรรถนะก็เอาแบบพอไม่น้อยหน้ารถบ้านตัวแรงในตลาด ม้าแถวๆ400ก็เหลือเฟือ เพราะเท่าที่เคยเห็น พวกที่เล่น exotic car หลายคนก็มี รถ sport ญี่ปุ่นไว้แต่งแรงๆเล่นกันทั้งนั้น วันหยุดขับ exotic ชิวๆ วันแข่งขับตัวแรงญี่ปุ่น น่าอิจฉาซ้า...^^ ก็แล้วแต่ชอบกัน ด้วยจุดเด่นคนละแบบ sport ญี่ปุ่นทำแรงมากๆได้โดยงบไม่มาก กับexotic carหน้าตาและจิตวิญญาณที่เลียนแบบกันไม่ได้ เลือกเอา ส่วนผมขอกลางๆ ถ้าถูกหวยรวยขนาดมีงบซื้อ 360 ขอ  BMW S8 ALPINA B12 5.7 420ม้าราคาไม่แพงเท่าไร(เมืองไทยมีเปล่าหว่า?) ขับทางไกลชิวๆก็คงมีความสุขแล้วครับ รถในฝันของแต่ละคนคงไม่เหมือนกัน จริงไหม ว่าแต่แอบถามแซวคุณ A-Z หน่อย ถ้าให้เลือก F360 กับ Supra โมเต็ม600ม้า ไว้ขับเล่นฟรีๆคันนึง เอาคันไหนครับ (ห้ามเอาไปขายต่อนะ อิอิ) จากคุณ : ....4จุด - [ 26 ก.ย. 48 13:14:26 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เอามาเปรียบกันได้ยังไงหว่า สมเด็จวัดระฆังเดิมๆ กับ ปลัดขลิก เอามาเลี่ยมทอง จากคุณ : งง - [ 26 ก.ย. 48 13:18:39 A:203.118.121.37 X: TicketID:066940 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ผมบอกไว้ข้างบนแล้วครับว่า SuperCar หลายๆคัน ผมไฝ่ฝันหมด . . . ที่ไฝ่ฝันไม่ใช่เพราะ Performance มันดีสุดใจครับ แต่ก็เพราะชอบใน Charactor ของมัน บางคันชอบรูปร่าง บางคันชอบ Feeling . . และอีกสารพัดเหตุผลของความชอบ . . . สรุปคือจะซื้อรถพวกนี้ อย่าเอาเหตุผลมาพูดครับ มันว่ากันที่ความพอใจเป็นหลัก 911 Turbo 17 ล้าน กับ GT2 25 ล้าน . . . GT2 มีอะไรดีกว่าถึงมาแพงเข้าไปอีก 50% ครับ . . . แต่ก็มีคนซื้อ GT2 เยอะแยะ โดยไม่ใช่เหตุผลว่ารถมันดีกว่า แต่เพราะมันเป็น Special Edition แค่นั้นเอง . . . 911 Turbo จะเอาแรงกว่า GT2 ก็เรื่องหมูๆ ระบบขับเคลื่อนก็ดีกว่า GT2 . . แต่ก็มีคนยอมจ่ายทั้งที่ขับไปคนทั่วไปมอง คุณค่าความจุ้ยก็มีเท่าๆกัน มีสักกี่ร้อยคนเองที่รู้ว่าทำไม GT2 ถึงจุ้ยกว่า . . . . ความแพงของรถพวกนี้ไม่ได้มีเหตุผลครับ ดังนั้นจะเอารถแบบนี้มาคุย อย่าเอาเหตุผลมากมายมาคุยครับ ว่ามันดีอย่างนั้นอย่างนี้ ความดีเป็นแค่เหตุผลย่อยๆของการตัดสินใจเองครับ ผมไม่ได้เป้นคนบ้าใช้ Performance ของรถ จนหมดหรอกครับ . . . ให้เอารถ 800 ม้ามาให้ เดือนนึงผมอาจจะใช้ 800 ม้าสัก 3-4 หนเอง . . . นอกนั้นก็ชิวๆไปเรื่อย . . . ดังนั้นจะให้เลือกฟรีๆ ผมก็เลือก 360 ครับ เพราะผมไม่ได้บ้าความแรงบนถนน . . . ผมเอา 360 ไว้จุ้ยดีกว่า . . . แต่ถ้าทำไปออกรบ ผมก็ไม่เอา 360 ครับ แพ้แหง๋มๆ แต่สิ่งที่โจทย์ถามกันอยู่คือ รถญี่ปุ่นทำ Performance ให้เหนือกว่า Exotic car บางคันได้ไหม . . . ก็ต้องบอกว่าได้ โดยไม่ต้องเทหมดกระเป๋า ทำได้ในงบซักไม่ถึงครึ่ง . . . บอกไว้ชัดเจนตั้งแต่ข้างบนแล้ว ว่าถ้าคุยเรื่อง Performance ให้ตัดเรื่อง ความชอบหรือ Feeling ทิ้งไปก่อน . . . ความชอบมันวัดไม่ได้ เถียงกันทั้งปีก็ไม่จบ . . . แต่ Perfromance มันวัดได้ บอกได้ว่าคันไหนเหนือกว่า โจทย์ไม่ได้ถามว่า Exotic Car กับ Sport Japan อันไหนน่าเป็นเจ้าของกว่ากันครับ . . . . แต่สิ่งที่คุณกล่าวไว้คือ จะทำให้สู้ได้ ต้องทำเป็นระดับรถแข่งถึงสู้ได้ ซึ่งไม่จริง . . . Supra คันละ 4 ล้าน โยนไปอีก 2 ล้านไว้ทำรถในทุกๆด้าน ยังเป็นรถถนนไม่ใช่รถแข่ง พอไหมที่จะกิน Fer ไม่พอเอาไป 3 ล้านเลย ยังไม่ได้เสี้ยวของราคาเฟอร์เลย ผมพยายามตอบครงโจทย์ครับ . . . แล้วผมพูดครงไหนผิดไปครับ . . . คุณเล่นมาคุยกับผมประหนึ่งผมไม่รู้ว่า Exotic Car ทั้งหลายเขาซื้อไว้ทำอะไร . . . Scope มันพูดกันที่ Performance ไม่ใช่ What is the good about Exotic Car ครับ . . . . ผมเข้าใจหมดหละครับว่าอะไรคือ Exotic Car . . . . แต่คุณเล่นคุยเปรอะไปหมด ไม่รู้จะเอาประเด็นไหนแน่ครับ จะเอาเรื่อง Performance หรือ Feeling - Charactor มาคุยหละ มันคนละเรื่องกัน แต่คุณเอามาผสมกันจนไม่รู้จะเอาประเด็นเรื่องไหนแน่ . . . ถ้าผมพูดอะไรตรงไหนผิดไป แย้งผมมาได้เป็นจุดๆครับ ผมยินดีรับฟัง . . . แต่คุณบอกรถยี่ปุ่นยากที่ขะทำ Perfromance ให้เทียบเท่ากับ Supercar . . . แต่คุณกลับไปยกความดีเรื่องอื่นๆ ซึ่งไม่ใช่เรื่อง Performance ของ Supercar มาพูด ผมเลยไม่รู้จะคุยกับคุณในจุดไหนดี . . . ผมตอบเรื่อง Performance คุณไปตอบเรื่อง Charactor . . . ผมเลยงงๆครับว่าจะคุยเรื่องอะไรกันแน่ ผมไม่เข้าใจว่าคุณจะถามว่าระหว่าง 360 กับ Supra จะเลือกอะไร ถามเพื่อะไรครับ . . . ถ้าไม่ผิดจากคนทั่วไปนัก คงไม่มีใครไม่เลือก 360 หรอก . . . แต่เลือกเพราะชอบครับ ไม่ใช่เลือกเพราะรถมันเจ๋งสุดๆ จากคุณ : A-Z - [ 27 ก.ย. 48 01:51:47 A:58.11.49.73 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 57 พอดีพึ่งอ่านอีกรอบถึงเห็น " รถญี่ปุ่นทำเป็นตัวแข่งยังไงก็ต้องสูสีกับ super car ตัวแข่งอยู่แล้วล่ะ เพราะมันทุ่มหมดหน้าตักกันอยู่แล้วนิ" ไม่ใช่แล้วครับ ใช้เงินแค่เสี้ยวเดียวเอง และคำว่าตัวแข่งอธิบายไว้ข้างบนแล้วครับว่าไม่ได้เป็นตัวแข่งอะไรนักหนา . . . Evo ที่ยกเป็นตัวอย่างนั้น เครื่องยังแรงน้อยกว่า Evo ที่วิ่งบนถนนอีกหลายๆคัน ของแพงๆที่ใช้ก็เพื่อความทนสำหรับแช่ยาวๆเท่านั้น ไม่ใช่เพื่อความแรง และเป็นของที่ใครๆก็หาซื้อได้ ไม่ได้สั่งทำพิเศษอะไรครับ . . . สภาพรถแบบว่า ถอด Rollbar ออก ใส่เบาะ เปลี่ยนจาก Slick เป็น Radial ก็แทบจะเหมือนรถถนนแล้วครับ . . อ้อ ลืมติดแอร์ ติดแอร์เสร็จกลายเป็นรถถนนเลย ใส่ Radial แล้วมาวิ่งถนนในสภาพรถถนน ผมว่า 360 ไม่ใช่ปัญหาใหญ่โตเลยครับ จะความแรง จะโค้ง ผมว่า 360 ไปไหน คันนี้ก็ตามไปได้แน่ๆ เรื่องงบทำรถ ไม่ต้องไปบอกว่าทุ่มมากมาย ไม่ต้องเอางบไปเทียบกับ Porsche หรอก . . . เอาแค่ E46 ก็พอ ใช้งบยังน้อยกว่าตัวแข่ง BMW E46 อีกเยอะไปด้วบซ้ำครับ ทำไป 2 คันยังไม่ได้ E46 คันนึงเลยมังครับ ราคา E46 ที่พุดถึงนี่ รถทำในนี้นะครับ ไม่ใช่ราคาตัวโรงงาน ถ้าเอาราคาตัวโรงงานคงทำ Evo ได้หลายคัน . . . แต่เวลาก็เร็วกว่า E46 รอบละหลายวิครับ ประเด็นของความเห็นนี้ พูดถึงเรื่องงบครับ ว่ารถจะดีจะเร็ว ก็ไม่ถึงกับต้องทุ่มกันหมดกระเป๋า ถ้ารุ้จักทำ รู้ว่าอะไรควรทำ รู้จักใช้เงิน . . . เดี๋ยวจะไปหาว่าผมว่า E46 ไม่เร็วอีก จากคุณ : A-Z - [ 27 ก.ย. 48 02:13:54 A:58.11.49.73 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สรุปว่า รถญี่ปุ่น แต่ง ให้แรง ได้ถูก กว่า คุ้มว่าง้นเหอะ ใช้ไม๊ครับ พี่ๆ ไม่เห้นเข้าใจยากเลยแค่พูดเรืองเดียวกัน แต่ คนละมุม ว่าแต่ คุณสยึมกึ๊ย กลัว โดน ขโมยรูปเหรอครับ 555 จากคุณ : E-Boat - [ 27 ก.ย. 48 04:49:30 ]

ความคิดเห็นที่ 59 มาขำรูป สยึมกึ๋ย picture ด้วยคน แหม..ทำไปได้ จากคุณ : -_ - [ 27 ก.ย. 48 10:02:08 A:203.113.56.7 X:203.151.140.117 TicketID:108522 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ตอบโจทย์... ทำได้ครับ..แต่ไม่เวิร์ก ส่วนเรื่อง ภราดร  พี่เค้าคงซื้อมาโชว์หญิงมากกว่าเอามาขับเร็วนะครับ...ดูแกควงแต่ละคนเด่ะ ^^" จากคุณ : missingdejavu - [ 27 ก.ย. 48 14:47:12 ]

ความคิดเห็นที่ 61 มาขี่จักรยานกันเถอะ จากคุณ : อ่า - [ 27 ก.ย. 48 16:29:49 A:158.108.210.90 X:158.108.2.6 TicketID:106094 ]

ความคิดเห็นที่ 62 -_-" คนขับ Fer หรือ super car จะให้ดีต้อง "หน้าให้" ด้วย เรื่องนี้ ถึงมีเงินมากก็ช่วยอะไรไม่ได้ เพราะบางคนมีปัญญาซื้อแต่เวลาขับแล้ว มันดูแล้วเหมือน สามล้อถูกหวย จริงๆ Fer ของพาราดอน(แทก) อ่ะเอารถอาเสี่ย Benz S600, Audi S8, BMW S7 645 หรือ Sport ยี่ปุ่นอย่าง Evo Viii, SkyLine R34 ไม่ต้องแต่ง ให้ลำบาก ไม่ต้องถึงมือช่าง ก็แซงได้ครับ (ถ้าคนขับคือ พาราดอนนะ) จากคุณ : .......................!! - [ 27 ก.ย. 48 16:42:55 A:10.101.2.16 X:210.4.139.129 TicketID:055955 ]

ความคิดเห็นที่ 63 เอ คุณ A-Z ผมไปเถียงคุณตรงไหนเหรอครับว่ารถญี่ปุ่นทำแรงไม่ได้ เหอๆ ถ้ามีเงินจะรถอะไรก็แรงได้ไงครับ ผมก็บอกไปแล้ว แต่ถ้าจะทำ exotic car ก็ต้องเงินเยอะกว่า แต่ความแรงที่ได้ก็ได้สุดๆเหมือนกันไม่ได้มีข้อจำกัดอะไร  ไม่ได้ชวนทะเลาะ ผมไม่ได้ตอบคุณ A-Z คนเดียว มันเลยปนๆกันหลายประเด็นก็ขอโทษที ผมไม่ได้เถียงเรื่อง performance หรอกนะ เพราะถ้าเอาแค่แรงอย่างเดียว รถญี่ปุ่นติด turbo ยังไงก็โมง่ายกว่าโม N/A เครื่องโตอยู่แล้วล่ะครับ บ้านเรายังไม่เคยเห็นใครโม N/A เครื่องใหญ่กันเจ๋งๆสักเท่าไร เพราะมันใช้งบ+ยากมากกว่ามั๊ง ก็แล้วแต่ชอบไง ชอบเครื่องเล็กๆยัดหอยสุดแรง กับชอบเครื่องโตๆ เสียงเพราะๆ แรงบิดดีๆมา เรื่อยๆเฉื่อยๆ แต่ผมพยายามจะพูดอีกมุมมองเฉยๆ (เพราะหลายคนไม่เข้าใจ ผมไม่ได้พูดกับคุณแค่คนเดียวนิ) ว่าที่เขาไขว่ขว่าซื้อ exotic car กันนั้นเพราะอะไร เพราะมันไม่ใช่แค่ความแรง หากจะว่าเอาแรงอย่างเดียว ผมลงทุนทำ space frame เบาๆทั้งคันไม่ถึง1ตันหรือพวกรถคันเล็กๆแบบพวก Starlet ลงเครื่องแรงปานกลางเน้นอัตราส่วนม้าต่อน้ำหนักดีๆทำช่วงล่างตัวแข่ง ก็แรงกว่าพวกคันโตหนักๆ มีม้า3-4ร้อยม้าวิ่งบนถนนกันเยอะจริงไหม แล้วจุดพอดีอยู่ตรงไหนกันล่ะ? อ้อถ้าจะว่าเรื่อง cost อย่างเดียวญี่ปุ่นทำแรงได้ในราคาประหยัดกว่า คุณก็ต้องตัด cost อื่นๆของ exotic car ที่มันแพงกว่าด้วย ค่าออกแบบ ค่าสร้างด้วยมือทั้งคัน ค่าอุปกรณ์ต่างๆที่ไม่เหมือนชาวบ้านเพราะทนกว่าคุณภาพดีกว่า ผมว่าถ้าตัดพวกนี้ไปหมด แล้วเหลือแต่ต้นทุนเปลือย เอาไปโมด้วยวิธีคล้ายๆกัน มันก็ไม่ต่างกันมากหรอกครับ เคยเห็นคนเอาเครื่อง BMW-M power S38 ไปโมยัดหอยเครื่องแถวๆ3ลิตรเศษ ม้าออกมาก็ได้แถวๆ 700กว่าตัวไม่แพ้เครื่อง J เหมือนกัน ด้วยต้นทุนการทำที่ไม่ต่างกันมาก(ตัด cost ตัวเครื่องกับตัวถังเดิมๆออกนาเพราะใช้เทคโนโลยีไม่เท่ากันออกมาก่อน J นานมากๆ ) แล้วถามว่ารถญี่ปุ่นมันเจ๋งกว่าตรงไหนล่ะครับ นอกจากตัวถังและอุปกรณ์เสริมถูกกว่า? ไม่เชื่อถามคุณ Andrew ได้เจ้าของ M5 700ม้าไม่แน่ใจว่ากลับมาเมืองไทยหรือยังนะ แต่รถพี่แกแต่ละคันสุดจริงๆ อีกคันE36 V12 350ม้า งี้ รถยุโรปก็แรงได้ ถ้าใจถึง(แต่เงินต้นทุนตัวรถกับเครื่องยนต์ที่แพงกว่า) อ้อบังเอิญว่าของแต่งเครื่องยนต์ของทางยุโรปมันหาของมือ 2 ยากน่ะซี ถ้าเอาของมือ1 ที่คุณภาพเทียบเท่ากันหมดทั้ง2ฝั่ง ต้นทุนไม่ต่างกันมากหรอกเชื่อไหม (นอกประเด็นกลายเป็นแต่งรถยุโรปกับญี่ปุ่นไปซะแล้ว) ว่าแต่ EVO แท้ๆ มือ1 มันแพงกว่า E46 ตัวธรรมดาซะอีกนา ถ้าเอาไปแต่งต่อให้ราคาเท่ากัน E46 +งบเกือบ2 ล้านทำได้ไม่จำกัดรูปแบบก็งบเท่า กับ EVO เดิมๆ ผมว่ามันก็ไม่ต่างกันมากหรอกถ้าตัดเรื่องระบบขับเคลื่อนออกไป  เวลาเทียบไป เอา Evo แปลง+ของแต่งมือ2 มาเทียบกับรถยุโรปมือ1มันจะเทียบกันได้ยังไงเล่า กลับมาประเด็นคุณ A-Z เดี่ยวจะหาว่าผมพูดเรื่อยเปื่อย ถ้ามองในกรอบแค่ความแรงอย่างเดียวเพียวๆ รวมกับต้นทุนราคารถเปล่าๆด้วย ยังไงแต่งรถ sport /รถบ้าน ญี่ปุ่น ก็คุ้มค่าเงินในแง่ของความแรงมากที่สุด ครับ ถูกกว่ามากมายหลายเท่ากว่ากว่าจะเอารถ exotic car หรือแม้แต่รถยุโรปเดิมๆที่ไม่ได้แรงมากมายอะไรสักคัน  เห็นด้วย จบข่าว คุยกันเล่นๆครับ แล้วแต่ความชอบจริงๆ ไม่มีใครโง่หรือใช้เงินไม่เป็น คนเอารถยุโรปหรือ exotic  ไปโมนิดหน่อยไว้ขับเล่นๆ แต่แพงมากกว่าแต่งรถญี่ปุ่นไว้แข่ง 2-3 คัน เขาไม่ได้โง่กว่าคุณหรอก... เรื่องการแต่งรถมันแล้วแต่ความชอบส่วนตัวจริงๆ ผมไม่เข้าใจพวกที่ชอบไปวิจารณ์หรือดูถูกคนแต่งรถที่ไม่เข้ากับจริตคนพูดว่าโง่ หรือบ้า จริงๆ ว่าทำไมคิดได้อย่างนั้น อย่างกับตัวเองฉลาดไปทุกเรื่อง(อันนี้ไม่ได้ว่าคุณ A-Z นา แต่ยิงไปคนในรัชดาหลายๆคนที่ชอบตั้งกระทู้ ดูถูกคนแต่งรถที่ตัวเองไม่ชอบรูปแบบนั้นๆ ก็หาว่าเขาโง่ เห็นประจำ มีมาเรื่อยๆ ไม่เข้าใจจริงๆยังกับตัวเองแต่งรถแล้วทุกคนในโลกชอบกันหมดงั้นแหละ) ก็เท่านั้น แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 48 21:13:30 จากคุณ : รถผมเดิมสุดๆ (....4จุด) - [ 27 ก.ย. 48 21:11:07 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ระดับของคำว่า exotic car มันเหนือกว่า super car นะครับ EX. super car - F430 Gallardo Exotic car - Enzo CarreraGT ประมาณนี้ครับ ส่วนที่เถียงกันก็...อื่ม ตาลายดี เรื่องแต่งรถไม่มีใครถูกผิดหรอก ถ้าจะมีผิดก็คือแต่งตามชาวบ้าน แต่งเพราะคนอื่นบอกว่าต้องแต่งอย่างนี้ แต่จริงๆตัวเองไม่ได้ชอบอันนี้...ไม่เข้าท่า ปล. ผมว่า...จะ enzo ccr หรือ veyron ก็บ้าสู้พวกญี่ปุ่นควบมอไซยกล้อที่ความเร็ว 300 ไม่ได้หรอกครับ ความบ้ามันผิดกัน จากคุณ : Renesis - [ 27 ก.ย. 48 21:35:40 ]

ความคิดเห็นที่ 65 แหม... สยึมกึ๋ย Picture นี่ไม่ได้แตะกะตัว รถเลย จะเอาไปใช้ก็แค่ลบออก ง่ายๆ ผม ลองทำดูเล่นๆ งั้นๆ แหละครับ จากคุณ : สยึมกึ๋ย - [ 27 ก.ย. 48 23:37:24 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณ 4 จุดครับ . . . . คิดว่าคุยกัน แลกเปลี่ยนมุมมองกันนะครับ เพราะผมไม่เคยคิดจะเถียง ทะเลาะกับใครนะครับ รวมถึงคุณด้วย ที่เขียนอยู่ผมก็ไม่เคยคิดว่าเถียงกันอยู่ ผมคิดว่าคุยกันอยู่ครับ . . . เดี๋ยวจะคิดว่าแค่มุมมองต่างกัน จะกลายเป็นเถียงกัน ผมไม่เคยคิดแบบนั้นครับ ตราบใดที่ยังอยู่ในกรอบ . . . และผมไม่เคยดูถูกความคิด ความเห็นคนอื่นครับ . . . ถ้าไม่เห้นด้วย ผมมีคำอธิบายในมุมมองผมเสมอ ไม่เคยว่าใครด้วนๆครับ ผมไม่ได้บอกว่าคุณเถียง ผมไปว่าคุณเถึยงตรงไหนเหรอ . . . เรื่องมีเงินเยอะไม่อั้นทำอะไรก็แรง แบบนั้นมันแหง๋หละครับ ไม่ต้องคุยกันใครก็รู้ . . . เราพูดกันที่มีงบประมาณจำกัดอยุ่ประมาณหนึ่ง พอจะเอาแบบคล้ายๆ Supercar ไหวไหม โดยยังเป็นรถถนน ไม่ต้องเป็นรถแข่ง แต่เรื่องความแรงของญี่ปุ่น . . สิ่งที่คุณกล่าวมา มันมีความหมายไปทางนั้นครับ เช่น / อย่าลืมข้อจำกัดด้าน Aerodynamic และจุด CG นา จะให้A31 วาง J 600ม้า สาดโค้งและเกาะได้เท่ากันกับ Mclaren F1 600ม้าเหมือนกัน คงยากอยู่ ไม่งั้นก็ต้องทำ space frame ทั้งคันแล้วล่ะ / / รถญี่ปุ่นทำเป็นตัวแข่งยังไงก็ต้องสูสีกับ super car ตัวแข่งอยู่แล้วล่ะ เพราะมันทุ่มหมดหน้าตักกันอยู่แล้วนิ / / ถ้าเอาระดับธงตัวแรงของญี่ปุ่นมาแต่งต่อ มันก็เกือบๆตัวแข่งแล้วล่ะ / คือความเห็นคุณ มั่นมีความหมายค่อนไปทางที่ว่า รถญี่ปุ่นจะทำให้สู้ได้ ต้องทุ่มทุนทำแถวๆเป็นรถแข่งจึงสู้ได้ งบไม่อั้น . . . . และที่ผมเขียนไปในความเห็นผม คือพยายาม ตอบความเห็น 3 ข้อข้างต้นของคุณไงครับ ว่า Price-Perfromance Ratio รถญี่ปุ่นคุ้มกว่า (คุ้มกว่า SuperCar บางรุ่นนะครับ ไม่ได้เทียบกับรยุโรปทั่วไป) โดยไม่ต้องทำรถเข้าขั้นตัวแข่ง ไม่ต้อง Space Frame ก็ได้ . . . ทำ Space Frame ให้เลี้ยวได้ดีๆ ไม่ง่ายอย่างที่คุณพูดนะ ทำจากรถสำเร็จรูปจะง่ายกว่าเอา ไม่ใช่แค่เอาท่อมาเชื่อมๆกันแล้วจบนะครับ . . . เหตุผลของการทำรถ Spcae Frame ไม่ใช่เรื่องเบานะครับ . . . Space Frame Drag กับ Space Frame Circuit นี่คนละเรื่องเดียวกันเลยนะครับ เหมือนกันแค่คำว่า Space Frame อย่างเดียว เรื่อง EVO ตัวแข่งนั้น ผมแค่ยกเป็นเคสตัวอย่างให้ดูครับ ว่าแม้กระทั่งทำเป็นรถแข่ง ที่เร็วทัน Supercar แล้ว ก็ยังทำได้ด้วยงบไม่สูงมากนัก ซึ่งทำเป็นรถถนน ใช้งบน้อยกว่านั้นเยอะ . . . และที่ผมเทียบการทำกับนั้นกับ E46 ผมตัดเรื่องค่าตัวถังทิ้งไปแล้วครับ เวลาทำรถแข่ง ราคาค่าบอดี้ไม่เคยเอามานับรวมครับ . . . อีกอย่าง ผมไม่ได้พูดสักคำครับว่า ของที่เอามาทำ ทำจากรถแปลงหรือของมือ 2 . . . ตำว่ารถแข่งที่ผมพุดอยู่ รถ Circuit ที่ต้องเลี้ยวนะครับ ไม่ใช่รถ Drag . . . ของที่อยู่ใน EVO พวกนั้น ของแกะกล่องหมดครับ . . . พูดกันด้วยงบของมือ 1 ไม่ใช่ของเชียงกงครับ รถระดับนี้เจ้าของรถไม่รู้จักเชียงกงครับ ให้เครื่อง NA ด้วยกันก็ได้ ไม่ต้อง Turbo . . . คุณว่าเครื่อง NA BMW ที่แข่งอยู่ในยุโรป ใน BTCC สามารถทำได้ในราคาเครื่องญี่ปุ่นเหรอ . . . ขนาดทีมแข่งอิสระที่เมืองนอกเอง ถ้าทุนไม่หนาพอ เวลาสั่งเอาแบบรถทั้งคันจากโรงงาน เขาก็อยากสั่ง BMW กันเพียบ แต่สั่งไม่ไหว สู้ราคาไม่ไหว เพราะ BMW มันแพงจริงๆ . . . ถ้าแค่ BMW ยังแพงจนร้องซี๊ด แล้วทำเครื่อง SuperCar จะขนาดไหน . . เกียร์แข่งลูกเดียวก็จะล้านอยู่แล้ว เครื่อง BMW จะทำเทอร์โบ 500+ แรงม้า ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรครับ เครื่อง M3 บล็อค M50-52 Turbo เกิน 500 ม้า มีเกลื่อนยุโรป . . . แต่จะต่อยอดไปไกลๆเริ่มยาก ไม่ใช่เพราะเทคโนเก่าหรอกครับ แต่เพราะ BMW ไม่มีของเล่นโดยตรงกับ Turbo . . . เอาแค่แคมที่เป็น Turbo Profile ก็ไม่รู้จะหาจากไหนแล้ว แคม M3 ยิ่งไม่ถูกโรคกับ Turbo อย่างแรง เอาแคม M52 ธรรมดามาใช้แทนยังเวิร์คกว่า ผมไม่ได้มีความเห็นกับการทำรถแนวไหนนะครับ ว่าแบบนั้นดี แบบนี้ห่วย . . . ผมชอบทุกแนวหละ ถ้ามีเงินจะเล่น ผมจะเล่นมันทุกแนวเลย . . แต่งเครื่อง โฟล์คเต่าผมยังชอบเลย แต่เครื่อง Fer ก็ยังอยู่ในความฝันของผมตลอด . . . . สรุปคือ ผมชอบเครื่องแทบทุกเครื่อง ทุกแนว จะ NA เล็ก ใหญ่ จะTurbo Supercharge ชอบหมด . . ถ้ามีเงินเหลือๆเมื่อไร จะเล่นมันทุกอย่างเลย แต่ที่เขียนเพื่อจะตอบคำถามที่ว่า ถ้างบน้อยหน่อย แต่อยากขับรถสมรรถนะแบบ Super Car หนะ พอเป็นไปได้ . . . แต่ไม่ได้อย่างอื่นของ Supercar ไปด้วย ถ้าอยากได้ทุกอย่างแบบ Supercar ก็ต้องจ่ายแบบ Supercar . . . แต่ถ้าจ่ายไม่ไหว เอาแต่สมรรถนะไป จ่ายน้อยหน่อยยังพอได้รู้จักเงาๆของ Supercar . . . และก็มีอีกแบบคือ จ่ายน้อยหน่อย เอาแต่หน้าตา Supercar แต่สมรรถนะไม่สน แบบนี้ก็มีคนเล่นเยอะไป . . . เงินน้อยหน่อย ก็เอาแบบครึ่งๆกลางๆไปแทน จากคุณ : A-Z - [ 28 ก.ย. 48 02:11:40 A:58.11.49.79 X: TicketID:002452 ]

ความคิดเห็นที่ 67 OK ครับแต่ผมลองคิดกลับกันว่าที่ของแต่งแพงเพราะคนเล่นมันน้อยเนื่องจากราคารถเดิมๆที่ต่างกันมากหรือเปล่า ถ้าเป็น custom part  ทำจากวัสดุเหมือนกันเหมือนกันมันก็ไม่น่าจะต่างกันมาก นอกเสียจาก economy of scale มันต่างกันมากราคาขายก็เลยต่างกัน อย่างของแต่ง HKSไรพวกนี้ทำขายได้เยอะ ราคาก็ย่อมถูกกว่า custom part ที่สั่งทำขายทีไม่กี่สิบชุด ว่าไหม พูดไปก็เศร้าทำไม custom part ของเครื่อง M20 มันแพงขนาดหลักแสนบาททำมาได้ม้ามาแถวๆ 220-240ตัว(N/A Tune) ในงบเดียวกันไปทำ EVO ได้ 400++ม้า(Turbo tune) เหอๆ จากคุณ : ....4จุด - [ 1 ต.ค. 48 18:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ก็นี่แหละครับ ความซวยของรถบางรุ่น บางยี่ห้อ ที่มันวนไปถึงทุนที่ใช้ในการทำ . . . นี่จึงเป็นที่มาของการเลือกรถมาเล่นกับความแรงไงครับ ว่ายี่ห้อไหนคุ้ม ไม่คุ้ม . . . เอาของ Customize มาพูด ผมมองว่าไม่ถูกต้องนักครับ . . . เราต้องพูดกันที่แรงม้าจากของที่หาซื้อเอาได้ทั่วไป . . . แต่ถ้าจะเอาแปลก จะเอาม้าทุกหยดจากของพิเศษ ถ้าของต้องสั่งยี่ห้อไหนก็เท่าๆกันหมดครับ ไม่สนว่าจะเอาไปประกอบใส่เครื่องไหน ถ้าพูดถึงความเป็น Customize Order . . . ถ้าต้องสั่งทำของ ยี่ห้อไหนมันก้พอๆกันแหละครับ สั่งของ Ferrari ก็เท่ากับสั่งของ Honda ครับ ในแง่ราคาต่อชิ้น ก้านสูบ ลูกสูบ แคม เราไม่บอกว่าเอาไปใส่อะไร ออกแบบไปให้กัด โรงงานมันก็กัดมาให้ในราคาพอๆกันหมด แต่นั่นคืดสั่งตรง คิดแบบเอง . . . มันอยุ่ที่ เราออกแบบเองได้ป่าว คุยกับโรงงานผลิตเองได้ป่าว คุยกันรู้เรื่องป่าว แต่ถ้าคิดเองไม่ได้ ต้นทุนมันไปอยู่ที่ R&D ไงครับ ของ BMW ออกจากที่ผลิตออกมา ก้านสูบก็ไม่แพงกว่ายี่ห้ออื่นหรอก แต่ออกแบบโดย SCHNIZER ขายโดย SCHNIZER ก็หนักหน่อย โทษ BMW ก็ไม่ได้ ต้องโทษ SCHNIZER ที่คิดค่าตัว ค่ายี่ห้อแพงกว่าคนอื่น ก็ของที่เราซื้อ มันพูดไม่ได้กับต้นทุนจริงหนิครับ แบรนด์นี่แหละตัวดี . . วันนี้พึ่งโดนมาเองครับ เปลี่ยนกรองน้ำมันของเบนซ์มา ของเดิมๆลูกละ 6500 แพงกว่าของซิ่งอีก ของซิ่งอย่างดี งานอย่างงาม ยังแค่ 4 พันเอง และผมไม่เชื่อว่าของเบนซ์มันจะดีกว่าจึงแพงกว่า เปลี่ยนทีกรอบเลย . . . ไม่เกรงใจช่างจะเหล่ให้ อยากบอกไปซื้อของโตโยต้ามาใส่ให้ไปเลย ลูกละพันเอง . . สายเข็มขัดรัดท่อน้ำมัน มันขายอันละ 200 บ้าไปแล้ว เอาของอันละ 30 มาขาย 200 . . . ถ้ามองมุมนี้ออก ว่าของเดิมๆยังตั้งราคาแบบนี้ได้ แล้วของแต่งจะมาขายถูกกว่า เสียฟอร์มแย่เลย . . ดังนั้นเล่นของแต่ง อย่าไปเอาต้นทุนจริงๆมาพูดครับ เราหาซื้อไม่ได้ทั้งๆที่รู้ว่าถูกกว่าที่มันตั้งไว้เยอะ ของบางอย่างเอา Economic of Scale มาพูดได้ แต่บางอย่างไม่ได้ครับ . . . โดยเฉพาะของแต่งสำหรับคนซนๆ . . . ง่ายๆเลย ผมไม่เชื่อว่าด้วย Volume ของ Toyota จะทำกรองน้ำมันได้ถูกกว่าเบนซ์ 5-6 เท่า ของแต่งรถ มี Volume เทียบกับสั่งน้อยหน่อย . . ต้นทุนมันลดไปได้อย่างมากก็ 20-30% ครับ ไม่ได้ต่างกันเป็นเท่าตัว แต่เวลามาขายปลีก พี่เล่นต่างกันซะไม่รู้กี่เท่าตัว แต่ของสั่งเอง ออกแบบเอง เพื่อนผมสั่งลูกสูบเอง แบบพิเศษ จะใช้แค่ 4 ต้องสั่ง 20 เอามาใส่ Honda . . . ราคาออกมาไม่รู้กี่แสน ราคาต่อลูกแพงกว่าลูกสูบจาก SCHNIZER อีก . . . กรณีนี้ช่วยไม่ได้ อยากเล่นของแปลก ของสุดก็ต้องแพงหน่อย . . แบบนี้ Honda ก็แพงกว่า SCHNIZER ครับ อย่างจะวางเทอร์โบเองในไทย ถ้าไม่นับตัวควบคุมพิเศษ . . เล่นของใหม่ด้วยกัน จะวาง BMW หรือ Toyota มันก็ต้องราคาพอๆกัน . . . แต่ถ้าเป็น Kit มียี่ห้อ คงไม่ต้องคิดว่ายี่ห้อไหนจะขูดเลือดกว่ากัน อย่าง Honda ที่แข่งกันเกลื่อนเมืองไทย หรือทั่วโลกด้วยซ้ำ . . ก็ไม่ใช่เพราะ มันเจ๋งกว่า แรงกว่ายี่ห้ออื่น . . . แต่เพราะมันประหยัดกว่ายี่ห้ออื่นครับ ของเล่นเพียบ ทำกันออกมาสารพัดยี่ห้อ . . . ขนาดยี่ห้อที่ทั้งชีวิตทำแต่ของแต่ง V8 รถเมกัน ยังทนไม่ไหว โดดเข้ามาร่วมวงกันเพียบไปหมด . . . ความคุ้มค่า/แรงม้า มันอยุ่ตรงนี้แหละครับ แต่ก็เป็นได้แค่รถดโหลๆ ใครก็แรงได้ . . . แต่ถ้าจะเอาความคุ้มทางใจ เล่น BMW แรง ภูมิใจ มีน้อย แต่ก็ต้องจ่ายหนักๆ . . . ก็เหมือน BMW วาง J - SR แหละครับ ถ้าสนความแรง ไม่สนยี่ห้อ คนทำก็บอกว่าคุ้ม แต่บางคนก็บอกเสียรถ มันก้แล้วแต่คนจะคิด หรือจุดสนใจอยู่ตรงไหน . . ถ้าสนว่าทุกอย่างต้องตระกูล BMW หมด ก็อาจจะต้องจ่ายหนักกว่าเยอะๆ จากคุณ : A-Z - [ 1 ต.ค. 48 23:12:56 A:58.11.49.26 X: TicketID:002452 ]