ความคิดเห็นที่ 1 รถยังเลี้ยวขวาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพื่อไปหยุดอยู่หน้าทางเข้าที่เห็นอยู่นี้ละครับ เราถูกร้องขอให้เก็บกล้องถ่ายรูปต่างๆ ไว้ในรถบัส ตลอดช่วงเวลาเดินทางไปในสนามทดสอบ (ไว้ใจได้หรือ? ไว้ใจได้สิครับ! คนญี่ปุ่นโดยภาพรวมแล้ว เรื่องการเคารพสิทธิ์ ไม่เอาของของคนอื่นมาเป็นของ ของเราเองนั้น ถือได้ว่าปลอดภัยพอที่ผมและคนอื่นๆจะทิ้งกล้องไว้บนรถกัน) ดังนั้น รูปทั้งหมดนี้ จึงไม่ใช่รูปที่ผมถ่ายเองเลย (ยกเว้นรูปด้านหน้าทางเข้าศูนย์วิจัยฯ  2 รูปแรกนี้เท่านั้น) แต่เป็นรูปถ่ายจากทาง ช่างภาพมืออาชีพที่ฮอนด้าจ้างมา เพื่อบันทึกภาพ กลุ่มสื่อมวลชน แต่ละประเทศ ที่แวะเวียนกัน ทดลองขับกันทั้ง 3 สถานี ------------------------- ลงจากรถแล้ว เราเดินขึ้นไปทางบันไดวนด้านหน้า ผนังบันได จะติดป้ายแสดงถึงพัฒนาการทางด้านเทคโนโลยี ของฮอนด้า ในแต่ละปีที่ผ่านพ้นไป แบ่งไว้ชัดเจนทั้งภาษาญี่ปุ่น และภาษาอังกฤษ เรียงรายตามทาง แต่ละกรอบรูป พูดถึงแต่ละ ปี และรถแต่ละรุ่น อย่างละเอียด ถึงด้านบนของบันได มองทางซ้าย จะพบบอร์ดจัดแสดง อุปกรณ์ความปลอดภัย นิดหน่อย มองทะลุเลยเข้าไป ทีมวิศวกรจำนวนมาก กำลังทำงานกันอย่างคร่ำเคร่ง คือ ผมสัมผัสได้ถึงบรรยากาศ ที่เอาจริงเอาจังในการทำงานมากในสไตล์ของบริษัทญี่ปุ่น ทั่วๆไป เราเดินเข้าไปนั่งในห้องประชุมขนาดใหญ่ เพื่อฟังการบรรยาย ถึงรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา ฮอนด้า ซีวิคใหม่ จาก Mr.Shininchi Takahashi Chief Project Leader ของโครงการพัฒนาซีวิคใหม่ โดยปกติแล้ว ฮอนด้ามักนิยมเรียกหัวหน้าโครงการพัฒนารถยนต์ของตนเป็นหลักๆว่า LPL ซึ่งมาจาก Leading Project Leader (ผู้นำหลักของโครงการหลัก) รายละเอียดต่างๆของซีวิค ผมจะทะยอยๆ นำเสนอไปเรื่อยๆนะครับ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 01:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พอฟังบรรยายเสร็จ เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย ลงบันไดวนเดิม ลงมาขึ้นรถบัสของทางศูนย์ R&D เป็นรถ Isuzu ERGA คาดโลโก้ Honda และแถบสีฟ้า บนตัวถังรถสีขาว ด้านหลังมีป้ายการ์ตูนภาษาญี่ปุ่น ประมาณว่า ให้ขับรถระวังๆ ในเรื่องต่างๆ เป็นรถปรับอากาศ แต่มาในสไตล์ Low-floor คล้ายๆ รถ ปอ.11 บ้านเรานั่นละ คนขับ ท่าทางใจดี ใครเดินขึ้นบนรถ พี่ท่านก็ผงกหัว ร้องบอก "คอนนิจิวะ" อันแปลว่าสวัสดีตอนบ่าย.... ผมขึ้นมาเป็นคนแรกๆ นั่งดูไปก็แอบขำอยู่ในใจไปเงียบๆ   คือ พี่แกผงกหัวจนทำให้ผมนึกถึง 2 สิ่งต่อไปนี้ 1. หุ่นยนต์ ASIMO 2. เจ้านกหัวขวาน Woody Woodpecker โคตรเหมือน! --------------------------- ขึ้นรถกันครบ ทุกคนพร้อมรบ..เอ้ย พร้อมแล้ว รถออกตัวมุ่งหน้าไปตามทางโค้ง แล้วเลี้ยวซ้ายตัดผ่านสี่แยก ซึ่งเล็ก และมี่สัญญาณไฟจราจร ดูออกจะน่ากลัวนิดๆ ถ้าไม่มีสต๊าฟ คอยโบกรถอย่างที่วันนี้มีจัดให้ เลี้ยวซ้ายเข้าไปยัง "สถานีที่ 1" ซึ่งเป็นสถานีที่จำองสภาพถนนปกติของประเทศญี่ปุ่น พอออกจากจุดรวมพลปุ๊บ ตรงไปอย่างเดียว ตามทางที่บีบบังคับ 2 เลน ตรงยาวไปจนถึงทางโค้งง่ายๆ จนถึงทางตรง จนถึงทางโค้งที่ดูเหมือนจะขึ้นเนินนิดๆ แต่อันที้จริง ไม่ได้ขึ้นเนิน หากแต่เป็นโค้งที่ลึกพอสมควร หากใช้ความเร็วเกินกว่า 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป ผมว่านักขับที่ไม่ชำนาญ อาจมีสิทธิ์หลุดโค้งได้ ต่อมาเป็นทางตรงอย่างเดียว แต่ว่า มีสภาพถนน เกือบครบ ทั้งลูกระนาดขนาดเล็ก พื้นผิวบริเวณข้ามทางรถไฟจำลอง และลูกระนาดขนาดกำลังดี ซึ่งเหมาะแก่การทดลองการตอบสนองของ ระบบกันสะเทือนได้ในระดับหนึ่ง เป็นสนาม ที่ดูเหมือนจะสั้น แต่ใช้เวลาต่อรอบ หากขับด้วยความเร็ว 80-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพื่อวนให้ครบ 1 รอบจะใช้เวลาประมาณ 3 นาที ตอนนี้เรามาดูบรรยากาศในวันนั้นกันดีกว่า แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 01:39:40 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 01:37:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สถานีที่ 1 นี้ รถที่มีให้เราไดทดลองขับ มีทั้ง - Civic Hybrid CVT - Airwave - Moblio - Mobilio Spike - Life Turbo - Vamos สนามแรกก็ปาเข้าไป 6 รุ่นแล้ว จะขับได้ทันเวลา 1 ชั่วโมงไหมหนอ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 01:46:35 ]

ความคิดเห็นที่ 4 Airwave มีให้ลองมากถึง 3 คัน เช่นเดียวกับ Civic Hybrid ที่เหลือ รุ่นละ 1 คัน  แต่แทบไม่มีใครแย่งกันขับ ในช่วงกลางๆ หลังๆ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 01:49:23 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 01:48:49 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ... จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 01:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แล้วเราก็ได้สัมผัสตัวจริงเป็นๆของ ซีวิค ไฮบริดเป็นครั้งแรก (หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เราสัมผัสรุ่น 1.8 5AT ไปแล้วก่อนหน้านี้ที่คอลเลคชันฮอลล์ ทวินริง โมเตกิ) [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 01:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ย้อนเวลากลับไปที่สนามทวินริง โมเตกิ กันนิดนึง (ภาพตั้งแต่ ความเห็น 7-14 ขอนำภาพที่ผมถ่ายเองมาโพสต์ครับ) Honda Civic โฉมใหม่ รหัสรุ่น FD ถือเป็นรุ่นที่ 8 นับตั้งแต่ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 1972 โดยได้รับการพัฒนาขึ้น ภายใต้รหัสโครงการ UH PROJECT บนพื้นตัวถัง SMALL GLOBAL PLATFORM ที่ได้รับการปรับปรังจากพื้นตัวถังของซีวิค ไดเมนชัน รุ่นปัจจุบัน แต่ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาประยุกต์ใช้มากมาย ทำให้กลายเป็นรุ่นที่พลิกโฉม และก้าวข้ามไปจากภาพลักษณ์เดิมๆของซีวิค ที่เคยถูกมองว่าเป็นรถยนต์ขั้นพื้นฐานเพื่อการเดินทาง สู่มาตรฐานใหม่แห่งคุณภาพเพื่อความสนุกในการขับขี่ และเพื่อสิ่งแวดล้อม มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา นั่นเพราะทุกคนในฮอนด้ารู้ดี และฝากความหวังกันไว้ว่า ซีวิครุ่นใหม่นี้ คือรถยนต์รุ่นสำคัญที่จะเป็นเครื่องบ่งชี้ถึง อนาคตของฮอนด้าในช่วง 5 ปีข้างหน้า ในระหว่างการแปลภาคภาษาไทย ของล่ามคนไทย ในห้องประชุม ขณะที่คุณน้า ชินอิจิ หัวหน้าโครงการพัฒนา มีประโยคหนึ่งที่หลุดออกมา ประโยคนั้นคือ "คุณภาพ แห่ง สุนทรียศิลป์" ผมจะไม่แปลกใจเลยถ้าได้ยินในวันเปิดตัว 15 พฤศจิกายนนี้ว่า นี่คือสโลแกนของซีวิคใหม่รุ่นนี้ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 02:36:25 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 8 *** ขนาดตัวถัง ใหญ่โตขึ้นแค่ไหน *** กลายเป็นธรรมเนียมแล้ว ที่รถยนต์รุ่นใหม่ ต้องมีขนาด ตัวถังใหญ่ขึ้นกว่าเดิม ซีวิคใหม่ก็เช่นกัน ตัวถังซีดาน ซึ่งแน่นอนแล้วว่าจะเป็นตัวถังหลักแบบเดียวสำหรับเวอร์ชันไทย มีขนาดใหญ่โตมโหฬารขึ้นทุกสัดส่วน ความยาวตัวถังอยู่ที่ 4,540 มิลลิเมตร เพิ่มความกว้างถึง ระดับ 1,750 มิลลิเมตร ซึ่งนอกจากจะกว้างเกินกว่า ข้อกำหนดความกว้างรถยนต์ขนาดเล็ก 1,695 มิลลิเมตร ของรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว ยังมีความกว้างเท่าเทียมกับ นิสสัน สกายไลน์ V35 รุ่นปัจจุบันอีกด้วย! ขณะที่ความสูง กำหนดไว้ระดับ 1,435 มิลลิเมตร นอกจากนี้ระยะฐานล้อ ถูกขยายให้ยาวขึ้นไปถึง 2,700 มิลลิเมตร ถือว่ายาวที่สุด ในกลุ่มรถยนต์คอมแพกต์ทุกรุ่นในตลาด เพราะขาดอีก เพียง 20 มิลลิเมตร ก็จะเท่าโตโยต้า คัมรี โฉมปัจจุบัน! แถมยังยาวเท่าๆกับ รถยนต์ไฮบริดรุ่นดังอย่าง โตโยต้า พรีอุส และซีดานฝาแฝดระดับกลางรุ่น พรีมิโอ/อัลลิออน อีกด้วย! เท่ากับว่า ฮอนด้าไม่คิดจะเล่นงานแค่ โคโรลล่า เท่านั้นแต่ยังคิดยกระดับซีวิคใหม่ให้เล่นงาน รวดเดียวข้ามรุ่นท้าชนครบทั้งกลุ่มรถยนต์คอมแพกต์และ รถยนต์ขนาดเล็กค่อนกลาง อีกด้วย! จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:11:10 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เวอร์ชันญี่ปุ่น มีให้เลือกเพียงแค่ตัวถังซีดานเพียงแบบเดียว ยกเลิกการเรียกชื่อรุ่นซีดานว่าเฟริโอ (FERIO) ที่ใช้มาตั้งแต่รุ่น EG ปี 1991  ชุดไฟหน้าเป็นแบบ เว้าที่ขอบล่างเล็กน้อย ส่วนด้านหลัง ชุดไฟท้ายเป็นแบบเต็มแผง ใบปัดน้ำฝนเป็นแบบ CLAPS HAND ปลายท่อไอเสียแบบคู่ในบางรุ่น และไฟเลี้ยวที่กระจก มองข้างตามสมัยนิยม ภายในห้องโดยสารเป็นอีกความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพราะเป็นครั้งแรกที่ฮอนด้านำแผงหน้าปัด 2 ชั้น แบบ MULTIPLEX METER มาติดตั้งเป็นครั้งแรก โดยชุดมาตรวัดด้านบน แสดงความเร็วของรถเป็นตัวเลขดิจิตอล พร้อมสัญญาณไฟเตือนสำคัญๆ ขณะที่ มาตรวัดชิ้นล่าง ติดตั้งมาตรวัดรอบแบบเข็มอะนาล็อก พร้อมสัญญาณไฟเตือนต่างๆ อย่างไรก็ตาม รูปแบบแผงหน้าปัดมีความแตกต่างกันถึง 2 แบบ โดยรุ่นซีดานและคูเป้ ใช้แผงหน้าปัดรูปทรงเดียวกัน ขณะที่รุ่น 5 ประตู จะใช้แผงหน้าปัดที่มีรูปทรงโค้งเว้าดูสปอร์ตกว่า การติดเครื่องยนต์ใช้วิธีกดปุ่มบนแผงหน้าปัด พวงมาลัยมีทั้งแบบ 2 ก้านและ 3 ก้าน เส้นผ่าศูนย์กลางแนวตั้ง 360 มิลลิเมตร แนวนอน 350 มิลลิเมตร เวอร์ชันอเมริกา มีระบบนำร่องให้เลือกเช่นกัน แต่ยังมีวิทยุผ่านดาวเทียม XM SATELLITE ให้เลือกเป็นพิเศษ เวอร์ชันญี่ปุ่นจะมีระบบนำร่องผ่านดาวเทียม พร้อมข้อมูลการจราจร ความบันเทิงและสื่อสารอัจฉริยะ INTERNAVI PREMIUM CLUB ด้วยข้อมูลแผนที่จาก ฮาร์ดดิสก์ HDD แสดงผลแบบ 3 มิติ พร้อมเป็นหน้าจอ ของชุดเครื่องเสียงในตัว แถมยังมีระบบสั่งการด้วยเสียงมาให้เลือกเป็นออพชัน พิเศษ เช่นเดียวกับชุดเครื่องเสียงแบบมาตรฐาน กุญแจ อิโมบิไลเซอร์ พร้อมระบบ SMART KEY SYSTEM พกรีโมทไว้ก็สามารถเปิดล็อก-ปลดล็อกประตูได้ โดยไมต้องใช้กุญแจ  ระบบควบคุมความเร็วคงที่และ เพิ่ม-ลด ระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ IHCC (INTELLIGENT HIGHWAY CRUISE CONTROL) และมีระบบเตรียมพร้อมก่อนเกิดอุบัติเหตุ CMS (COLLISION MITIGATION BRAKE SYSTEM) ทำงานร่วมกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบ 3จุด E-PRETENSIONER คู่หน้าและเชื่อมกับระบบควบคุม การทรงตัว VSA (VEHICLE STABILITY ASSIST) จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:18:08 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หน้าจอ MultiPlex Meter ซึ่งไม่ใช่แค่ซีวิคเท่านั้น แต่เราจะยังได้พบมาตรวัดแบบนี้ได้ใน CR-V โฉมต่อไป จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:22:13 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่เพียงแต่จะเปลี่ยนโฉมใหม่จนหมด แต่ขุมพลังก็ยังมีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย โดยทุกเวอร์ชันจะไม่มีเครื่องยนต์ D17A 1,700 ซีซี ให้เห็นอีกต่อไป เพราะฮอนด้าได้พัฒนาเครื่องยนต์ 4 สูบ  DOHC 16 วาล์ว 1,800 ซีซี บล็อกอะลูมีเนียมใหม่ล่าสุด เครื่องยนต์ใหม่นี้มีรหัส R18A พัฒนาขึ้นใหม่มาติดตั้งในซีวิครุ่นนี้เป็นครั้งแรก มาพร้อมหัวฉีด PGM-FI ระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC เจเนอเรชันใหม่ และระบบ ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า DBW (DRIVE BY WIRE) ที่ทำงานไปพร้อมๆกับการเปลี่ยน จังหวะการทำงานอย่างต่อเนื่องของทั้งลูกเบี้ยว และหัวแคมชาฟต์ ให้แรงบิดที่ ต่อเนื่องในช่วงรอบเครื่องยนต์กลาง เสื้อสูบถูกออกแบบให้ต่ำลงโครงสร้าง แข็งแรงขึ้น กระเดื่องกดวาล์วทำจากอะลูมีเนียม ก้านสูบเหนียวพิเศษต้านการ แตกหัก โซ่ขับแคมชาฟต์ขนาดเล้กลดเสียงดัง ฝาสูบและท่อไอเสียถูกออกแบบ ให้เชื่อมต่อตรงกับหม้อแปรสภาพไอเสีย 2 ตัวแบบ DUAL FEED เพื่อให้ ร้อนเร็วขึ้น แล้วทำงานเร็วขึ้น ท่อทางเดินไอดีแบบแปรผันได้ตามความเร็ว รอบเครื่องยนต์ ทำจากพลาสติก ให้กำลังสูงสุด 140 แรงม้า (PS) ที่ 6,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.7 กก.-ม.ที่ 4,300 รอบ/นาที ฮอนด้าเคลมว่า เครื่องยนต์ 1,800 ซีซีใหม่นี้ อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลดลง 6% และทนต่อแรงเสียดทานเพิ่มขึ้นถึง 10%  เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ D17A ใน ซีวิครุ่นปัจจุบัน จนเทียบชั้นได้กับเครื่องยนต์ 1,500 ซีซี เลยทีเดียว เวอร์ชันญี่ปุ่น และอเมริกา พ่วงได้ทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะ ขณะที่ซีวิค ไฮบริด จะมาพร้อมเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุดเช่นกัน รหัส LDA 3 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,339 ซีซี i-VTEC ซึ่งจะมีการแปรผันวาล์วทั้งในช่วงรอบ เครื่องยนต์ต่ำ หรือสูง และช่วงรอบเดินเบา พร้อมระบบดับเครื่องยนต์ขณะรถ หยุดนิ่ง IDLE STOP กำลังสูงสุด 95 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.5 ก.-ม. ที่ 4,600 รอบ/นาที เชื่อมการทำงานกับระบบ IMA ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งออกแบบและพัฒนาโดยฮอนด้าเอง เปลี่ยนขดลวดและแม่เหล็กใหม่ มีกำลังมากกว่าแม่เหล็กเดิมที่มีขนาดเท่ากัน เช่นเดียวกับตัวควบคุมมอเตอร์ซึ่งฮอนด้าผลิตเอง ติดตั้งอยู่ในกล่อง ECU ของมอเตอร์ควบคุมการทำงานได้ละเอียดขึ้น ทำให้มอเตอร์ทำงานได้ เต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น มีกำลัง 20 แรงม้า (PS) ที่ 2,000 รอบ/นาที  แรงบิดสูงสุด 10.5 ก.-ม. ตั้งแต่ 0 - 1,160 รอบ/นาที เสริมด้วยระบบปั่นไฟเมื่อเบรก ควบคุมการทำงานด้วยไฮโดรลิก ลดความเเร็วได้อย่างนุ่มนวล คอมเพรสเซอร์ แอร์ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า  เมื่ออุณหภูมิได้ที่แล้ว มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานอย่างเดียว ฮอนด้าเปิดเผยว่าประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับซีวิค ไฮบริดรุ่น ปัจจุบัน ลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงลงได้ 5% เชื่อมกับเกียร์อัตโนมัติอัตรา ทดแปรผัน CVT HONDA MULTI-MATIC-S ทั้ง 2 ขุมพลังนี้ คือพระเอกหลัก ที่จะใช้บุกตลาดพร้อมกันทั่วโลก ในทุกเวอร์ชัน มีเฉพาะรุ่นขับล้อหน้าเท่านั้น (เวอร์ชันขับ 4 ล้อ สำหรับเขตเมืองหนาวในญี่ปุ่น คาดว่าจะตามออกมาในภายหลัง) ส่วนเวอร์ชันอเมริกาเหนือ และเวอร์ชันไทยกับมาเลเซีย จะมีเครื่องยนต์ 2,000 ซีซีมาให้เลือกเพิ่มเติมกันด้วย โดยเวอร์ชันอเมริกาจะใช้เครื่องยนต์ K20Z3 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว PGM-FI i-VTEC  ที่ได้รับการปรับปรุงสมรรถนะ จากเครื่องยนต์ K20Z1 ใน อะคูรา RSX TYPE-R รุ่นปัจจุบัน โดยปรับปรุงท่อ ทางเดินไอดีใหม่ ระบบจุดระเบิด DIRECT-IGNITION เพิ่มความแรงจากเดิม 160 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที พุ่งสูงขึ้นถึง 197 แรงม้า (PS) ที่ 7,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด เพิ่มขึ้นจาก 18.2 กก.-ม.ที่ 5,000 รอบ เป็น 19.18 กก.-ม.ที่ 6,200 รอบ/นาที ถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ซึ่งมีพละกำลังใกล้เคียงระดับ 100 แรงม้า / 1,000 ซีซี มีให้เลือกเฉพาะเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ อัตราทดเฟืองท้าย 4.765:1 พร้อม เฟืองท้ายกระจายแรงบิด HELICAL LIMITED SLIP ขณะที่เวอร์ชันไทย ยังไม่มี การเผยสเป็ก แต่พละกำลังคงไม่สูงถึง 170 แรงม้าแน่ๆ ขณะที่เวอร์ชันยุโรป จะไม่มีเครื่องยนต์ K20Z3 แต่จะยืนหยัดด้วยเครื่องยนต์ R18A เสริมทัพด้วยเครื่องยนต์ขนาดเล็ก SOHC 1,339 ซีซี 83 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 12.1 กก.-ม.ที่ 2,800 รอบ/นาที ทั้งคู่มีทั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 6  จังหวะ และขุมพลังดีเซล คอมมอนเรล 2,204 ซีซี 140 แรงม้า (PS) ที่ 4,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด มหาศาลถึง 34.6 กก.-ม.ที่ 2,000 รอบ/นาที มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะเท่านั้นที่รองรับแรงบิดสูงขนาดนี้ไหว ระบบกันสะเทือนถึงแม้จะยืนหยัดบนพื้นฐานของระบบแม็คเฟอร์สันสตรัตที่ด้านหน้า และปีกนกคู่ที่ด้านหลัง เสริมเหล็กกันโคลงทั้งหน้า-หลัง แต่โครงสร้างและ รูปแบบการวางตำแหน่งโช้คอัพและสปริง รวมทั้งตำแหน่งจุดยึดต่างๆถูกเปลี่ยน ใหม่ทั้งหมด เช่นเดียวกับการเสริมความแข็งแกร่งของโครงสร้างตัวถังตามจุดต่างๆ รวมทั้ง ยังใช้เหล็กแบบ HIGH TENSILE การตอบสนองในการขับขี่ที่ดีกว่าเดิม เสริมเหล็ก กันโคลงทั้งหน้า-หลัง ถังน้ำมันมีความจุ 50 ลิตร ย้ายมาติดตั้งกลางลำตัว บริเวณ ใต้เบาะคู่หน้า เช่นเดียวกับแจ้ส และซิตี้ ส่วนพวงมาลัยระบบแร็คแอนด์พีเนียน เปลี่ยนมาใช้ปั้มเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS โดยเฉพาะพวงมาลัยของรุ่น Si คูเป้ ถูกปรับ เซ็ตอัตราทดเฟืองไว้ที่ 13.6:1 ซึ่งว่ากันว่า ให้การตอบสนองที่ฉับไวยิ่งกว่า ฮอนด้า S2000 ที่เซ็ตอัตราทดไว้ที่ระดับ 14.9:1 ระบบเบรกเกือบทุกรุ่นเป็นแบบดิสก์ 4 ล้อ ยกเว้นรุ่นไฮบริดและรุ่นโลว์ออพชัน ในบางประเทศที่จะยังคงใช้ดิสก์เบรกหน้า-ดรัมเบรกหลัง แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 02:30:08 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:24:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เครื่องยนต์ R18A จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:31:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 2 พ.ย. 48 02:32:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ... จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:35:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 มาแล้ว..... อาหารตาตอนดึก รอติดตามผลงานนะครับพี่ จิมมี่ จากคุณ : izamu (IZAMUFINV) - [ 2 พ.ย. 48 02:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เอาละ เราตัดภาพกลับมายังสถานีที่1 ในสนามโตชิกิกันอีกครั้ง มาดูบรรยากาศของบูธกันบ้าง ในแต่ละสถานีจะมีเครื่องยนต์ R18Aจำลองผ่าให้ดูการทำงานทุกชิ้นส่วน และมีการขึ้นบอร์ดอธิบายระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC แบบใหม่ที่แตกต่างจากของเดิม จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:42:47 ]

ความคิดเห็นที่ 17 Airwave ผ่าให้เห็นความอเนกประสงค์ของห้องโดยสาร (เพื่อความคมชัด ภาพบางภาพที่จำเป็น ผมจะย่อให้ แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้นครับ ขอความกรุณาคลิกดูต่อตามอัธยาศัยครับ) [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ใครอยากขับ ต้องใช้วิธีการดังนี้ ทุกคนจะได้รับบัตรห้อยประจำตัว อย่างที่คุณเห็นอยู่นี้ เพื่อใช้เรียกแทนชื่อ เช่นของผม ได้รหัส D-22 หากต้องการจะจองคันไหน เพื่อทดลองขับ ให้ไปบอกกับทางคนคุมคิวรถ แล้วใส่เลขรหัสของเราลงในช่อง เพื่อต่อคิว ของแต่ละคัน เมื่อถึงเวลาที่ ผู้อื่นขับรถคันดังกล่าว กลับมาถึงสถานีแล้ว คนคุมคิวจะเรียกเราเพื่อนำรถออกไปทดลองขับต่อทันที (ภาพนี้ดึงมาจากสถานีทดสอบที่ 2) จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ได้เวลาที่เราจะนำ ซีวิค ไฮบริด ออกโลดแล่นแล้วละ ผมขับออกไปก่อนเป็นคันแรก ยังไม่ค่อยชินสนามเท่าไหร่ แต่เล่นเอาสนุกได้ทีเดียว จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 02:52:26 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โดยมี ทั่นอาหมู กับอาลอง ขับตามออกมาติดๆ (เมาท์นิดนึงเหอะ...ผมขับอยู่ดีๆ มองกระจกหลัง...อ้าว...ทั่นอามีการเอาหน้ารถมาจ่อท้ายรถคันที่ผม ขับ แถบกระพริบไฟสูงไล่อีกต่างหาก..นัยว่าจะลองระบบ IHCC และ CMS ไปในตัวว่ามันทำงานไหม? แต่สุดท้าย ลงมาถึง ถามผมว่า "เฮ้ย จิมมี่ ทำไมขับช้านักวะ!? อ้าวววว  ง่า คนมันม่ายชินสนามอ่ะ ขับแค่ 140-150 กม./ชม.บนทางตรง ในถนนแค่ 2 เลนแคบๆ นั้นก็เสียวแล้วอ่ะ) รูปนี้ที่ถ่ายคือตั้งใจให้ดูบรรยากาศบูธสถานีโดยรอบอย่างละเอียดหนะครับ ใครจะลงชื่อขับคันไหน โน่นเลยครับ บอร์ด ลิบๆนั่นละ พื้นที่ยืนอยู่ เป็นพื้นแบบปูเป็นกรณีพิเศษ กันลื่น โปร่งๆ สีฟ้าสวยๆ "ฟลอไลท์ ซิลเวอร์ เมทัลลิค" ที่เห็นนี้ ในญี่ปุ่น จะเป็นสีที่มีเฉพาะรุ่นไฮบริด เท่านั้น รุ่นธรรมดา อด! แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 03:12:52 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 03:10:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ความรู้สึกแรกหลังจากนั่งสำรวจดูในห้องโดยสาร การที่ ตำแหน่งขอบล่างของกระจกบังลมหน้า ถูกติดตั้งยื่นออกไปด้านหน้า 26 เซ็นติเมตร นั้น มีผลกระทบเล็กน้อย ทำให้ พื้นที่การมองเห็นด้านหน้า เหมือนว่าจะแคบลงในแนวตั้ง ทั้งที่ความจริงแล้ว ไม่ถึงกับเป็นปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใครที่เคยขับ โตโยต้า โคโรลลา อัลติส มาก่อน คงพอจะเข้าใจได้ ว่าไม่น่ามากมายนัก แน่นอนว่า คงมีหลายคนที่คิดจะถามว่า ชุดมาตรวัด 2 ชั้นเนี่ย บังสายตาตอนขับขี่ไหม? คำตอบสำหรับผมคือ ไม่ถึงกับบังมานัก เพราะคนออกแบบเขาจงใจให้มาตรวัดความเร็วด้านบน อยู่สูง เพื่อลดการละสายตาจากพื้นถนน แต่ผมว่ามันสูงไปนิดนึง คือ ถ้าจะแก้ การปรับลดลงมาในระดับ 3-4 มิลลิเมตร น่าจะช่วยให้ลดการบดบัง กระจกบังลมหน้าลงมาได้ แต่ถ้าปรับระดับพวงมาลัย ทั้งยกขึ้น-ลง หรือ ดึงขึ้นหน้า-ถอยหลัง แบบ เทเลสโคปิก นี้ ขอบด้านบนพวงมาลัยมีสิทธิ์จะบังชุดมาตรวัดไหม? คำตอบก็คือ มีสิทธิ์บังครับ ดังนั้นขึ้นอยู่กับการปรับตั้ง ตำแหน่งเบาะให้ดี บอกไว้ก่อนว่า พวงมาลัยของซีวิคใหม่ ไม่ได้เป็นทรงกลมอย่างที่เราคุ้ยเคยนะครับ! เริ่มลักษณะเหมือนสี่เหลี่ยม เป็นด้านๆ เข้ามาแซมบ้างนิดนึง จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 03:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 22 สวยดี อยากเห็นตัวจริงเร็วๆ ในไทยจัง แต่ไม่ชอบมาตรวัดกับกระจกมองข้างเท่าไหร่ ที่เหลือเข้าตา จากคุณ : yesterday77 - [ 2 พ.ย. 48 03:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 23 อย่างไรก็ตาม แผงประตูด้านข้าง ยังพอมีเรื่องให้ผมตำหนินิดนึง ช่องติดตั้งลำโพง ใครออกแบบ? ทำไมออกแบบได้คล้ายคลึงใกล้เคียงกับลำโพงของวิทยุ ทรานซิสเตอร์ของธานินทร์ อย่างนี้หนอ? แถมตำแหน่งเบรกมือถูกย้ายไปอยู่ไกลมือ คือไปอยู่ข้างคันเกียร์เอาเลยทีเดียว แต่พอขึ้นขับจริง อัตราเร่งช่วงต้นถือว่าค่อนข้างดี แน่นอนว่า ส่วนหนึ่งมาจากความดีของเกียร์อัตโนมัติ อัตราทดแปรผัน CVT อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงรอบเครื่องยนต์ระดับปานกลางและต้องการไต่ความเร็วขึ้นไปให้สูงกว่าเดิม การตอบสนองของเครื่องยนต์ผมว่าอืดไปหน่อย สวนทางกับอัตราเร่งช่วงออตัว ที่ถือว่าใช้ได้ทีเดียว การตอบสนองของพวงมาลัย ทำได้อย่างกระชับมือ การเปลี่ยนเลนกระทันหันที่ความเร็วระดับ 80 กม./ชม. แน่นอนว่ารถยังไม่ออกอาการใดๆ ที่น่าประทับใจคือ การตอบสนองของแป้นเบรก และอากัปกิริยาในขณะเบรก ผมถือว่าดีเลยทีเดียว แป้นเบรกถูกติดตั้งให้ตื้นขึ้น แตะปุ๊บ ทำงานเร็วใช้ได้ หน่วงความเร็วได้ดียิ่งขึ้น กว่ารุ่นเดิมพอสมควรเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 03:54:55 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 03:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 24 พอดีดูบอลจบครึ่งแรก BET  1-0 CHE  ฮือ ๆ เชลซีเราโดนนำ เลย้ข่ามาดูเห็น กระทู้นี่เลยมารายงานตัวคร้าบ จากคุณ : JoeRazz - [ 2 พ.ย. 48 03:49:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 เอาละครับ ตอนนี้ รายงานแทรกถึงรถคันอื่นๆที่ได้ลองขับบ้างดีกว่า Honda Mobilio และ Honda Mobilio Spike โมบิลิโอเป็นอีกผลผลิตจากโครงการรถยนต์ขนาดเล็ก SMALL MAX ที่ฮอนด้าทะยอยเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2001 โดยทุกรุ่นจะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นตัวถังใหม่ NEW SMALL GLOBAL PLATFORM ร่วมกับ ฟิต/แจ้ส ซิตี คาร์โครงการแรกที่เปิดตัวไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2001 คอมแพคท์ MPV รุ่นใหม่นี้ถูกออกแบบขึ้นภายใต้แนวคิด S.U.U ซึ่งเป็นชื่อที่ใช้ในการเผยโฉมครั้งแรกก่อนขายจริง ที่งานโตเกียวมอเตอร์โชว์ ตุลาคม 2001 ย่อมาจาก SMART PACKAGE,URBAN STYLE,USEFUL FUNCTION เน้นความอเนกประสงค์ของพื้นที่ใช้สอยตามสไตล์เดียว กับแฮตช์แบ็กและมินิแวน 5 ประตูรุ่นอื่นของฮอนด้า รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบขึ้นภายใต้แรงบันดาลใจจาก รูปทรงของขบวนรถไฟในยุโรป ถูกปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้น ขณะที่รุ่นสไปก์ มาในแบบตู้ทึบ 5 ที่นั่ง รูปลักษณ์มาในแบบทรงกล่องสี่เหลี่ยมอย่างชัดเจนในทุกรายละเอียด ชุดไฟท้ายเป็นเพียงดวงเล็กๆที่กันชน ไม่ได้เป็นแนวตั้ง อย่างรุ่นปกติ ชุดไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวยาว ทั้งหมดนี้สถิตอยู่บนโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON ที่ยาว 4,055 มิลลิเมตร กว้าง 1,685 มิลลิเมตร สูง 1,705 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม หากสังเกตดูจะพบว่า แม้ตำแหน่งการตลาด จะต่ำกว่า แต่ระยะฐานล้อของโมบิลิโอ กลับยาวกว่าสตรีม (2,720 มิลลิเมตร) อยู่ 20 มิลลิเมตร จุดเด่นของทีมออกแบบฮอนด้า ซึ่งเน้นคุณประโยชน์ของ ทุกอุปกรณ์ในห้องโดยสาร ยังคงปรากฎให้เห็นในโมบิลิโอ อย่างครบถ้วน แผงหน้าปัดที่เน้นให้คอนโซลกลางเด่นออก มาเพื่อง่ายต่อการใช้งาน ด้านบนสุดเป็นชุดเครื่องเสียง หรือเลือกติดตั้งระบบนำร่องพร้อมระบบสื่อสารผ่าน ดาวเทียม GPS INTERNAVI คั่นกลางด้วยช่องปรับอากาศ ล่างสุดเป็นสวิชต์เครื่องปรับอากาศและคันเกียร์ เบาะนั่งในรุ่นธรรมดาสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้มาก ถึง 7 แบบ ดังนี้ 1.MINIVAN MODE แบบธรรมดา 3 แถวที่นั่ง สำหรับ ผู้โดยสาร 7 คน 2.2/3 REFRESH MODE ปรับเบาะแถว 2 เอนราบ เพื่อให้ ผู้โดยสารบนเบาะแถวหลังสุดวางขาเอกเขนก จุผู้โดยสารได้ 4-5 คน 3.TALL MODE พับเบาะแถว 2 ยกขึ้นเพื่อบรรทุกของที่มี ความสูงกว่าปกติ เช่นกระถางต้นไม้ แต่ยังคงเบาะแถว 3 ไว้เหมือนเดิมเพื่อบรรทุกผู้โดยสารรวม 4 คน 4.UTILITY MODE พับเบาะแถว 3 ซ่อนไว้ที่พื้นตัวถัง เพิ่ม เติมจาก TALL MODE เพื่อบรรทุกจักรยานเมาเทนไบค์ 2 คันพร้อมอุปกรณ์ และผู้โดยสารอีก 2 คน 5.DELI WAGON MODE พับเบาะหลังสุดเก็บซ่อนไว้ใต้เบาะแถว 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่วางของ เมื่อไปจ่ายตลาด จุผู้โดยสารได้ 5 คน 6.LONG MODE ปรับเฉพาะเบาะข้างคนขับและเบาะแถว 2 ฝั่งเดียวกันเอนลง เมื่อต้องบรรจุสัมภาระที่ยาวกว่าปกติ เช่นชุดอุปกรณ์สกี จุผู้โดยสารได้ 2-3 คน 7.1/2 REFRESH MODE ปรับเบาะคู่หน้าและแถว 2 เอนลง จนหมด เหมาะสำหรับคู่รักที่คิดจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กัน ยามค่ำคืน ขณะเดียวกัน เบาะแถวสองเบาะนั่งแถว 2 ยังเลื่อนขึ้น หน้า-ถอยหลังได้อีก 260 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขา ให้กับผู้โดยสารแถวหลังสุด และถ้าพับหรือปรับเอนเบาะ แล้ว หาที่เก็บพนักศีรษะไม่ได้ จะมีกระเป๋าสำหรับใส่ พนักศีรษะเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ ส่วนความปลอดภัยยังไว้ใจได้ด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้าและ ด้านข้าง 4 ใบ เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ELR คู่หน้า ลดแรงปะทะ และดึงกลับอัตโนมัติ รวมทั้งจุดยึดเบานิรภัยสำหรับเด็ก มาตรฐาน ISOFIX ที่มาพร้อมกับสายรัดอีกชั้นหนึ่งป้องกัน ลื่นไถล ขุมพลังที่จะมารับหน้าที่ขับเคลื่อนให้กับโมบิลิโอ มีเพียง แบบเดียว ยังคงเป็นเครื่องยนต์รหัส L15A ที่ประจำการ มาแล้วในโมบิลิโอ พัฒนาขึ้นจากพื้นฐานเดิมของเครื่องยนต์ รหัส L13A ในฟิต/แจ้ส เป็นแบบ 4 สูบ SOHC 1,496 ซีซี พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VTEC และระบบจุดระเบิด i-DSI (INTELLIGENT-DUAL & SEQUENTIAL IGNITION) เหมือนกัน โดยจะมีหัวเทียน 2 หัว/ 1 กระบอก สูบ (TWIN SPARK PLUG) แต่จุดระเบิดไม่พร้อมกัน ขึ้น อยู่กับรอบเครื่องยนต์ ระบบนี้ไม่ได้ช่วยลดอาการน็อค ของเครื่องยนต์เท่านั้น แต่ยังช่วยเพิ่มอัตราส่วนการอัด (COMPRESSION RATIO) อีกด้วย อย่างไรก็ตาม น่าสังเกตว่า แม้จะเป็นเครื่องยนต์บล็อก เดียวกัน รหัสเดียวกัน แต่ทีมวิศวกรของฮอนด้า กลับปรับ จูนให้มีกำลังสูงขึ้นจากเวอร์ชันเดิมของโมบิลิโอรุ่นปกติ 90 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.4 กก.-ม.ที่ 2,700 รอบ/นาที ให้พุ่งทะยานสูงสู่พิกัด ใหม่ที่ระดับ 110 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม.ที่ 4,800 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าหรือขับเคลื่อน 4 ล้อ REALTIME ด้วยเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT HONDA MULTI MATIC S ล็อกอัตราทดได้ 7 จังหวะ ยกชุดมาจากฟิต/แจ้สใหม่ โดยผู้ขับเลือกเปลี่ยนการ ทำงานจากระบบ CVT มาเป็นแบบ 7MT หรือยกเลิกการ ทำงานระบบดังกล่าว ทำได้โดยโดยกดปุ่ม 7 SPEED MODE บนพวงมาลัย และบนแผงหน้าปัดจะมีการยืนยัน การทำงาน รองรับการใช้งานในเมืองด้วยระบบกันสะเทือนที่ใช้ร่วมกับ ฮอนด้ารุ่นเล็กทุกรุ่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นแบบ แมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า ส่วนด้านหลัง หากเป็นรุ่น ขับเคลื่อนล้อหน้า จะเป็นแบบคานแข็งทอร์ชันบีม แต่ถ้า เป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเปลี่ยนไปใช้แบบเดอ ดิออง ซึ่งรถยุโรปสมัยก่อนที่มีขายในเมืองไทยก็ใช้ระบบนี้ เสริมเหล็กกันโคลงทั้งหน้า-หลัง ห้ามล้อด้วยระบบเบรก หน้าดิสก์หลังดรัม แถมเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน BREAK ASSIST และเพราะโมบิลิโอ ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นตัวถัง NEW SMALL GLOBAL PLATFORM ดังนั้น ถังน้ำมันจึงถูกย้าย มาติดตั้งไว้ใต้เบาะคู่หน้า เพื่อความปลอดภัยจากการชน ด้านหลังเช่นเดียวกับ ฟิต/แจ้สอีกด้วย จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 04:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 26 **ความรู้สึกเมื่อได้ลองขับ** จากที่ได้มีโอกาสลองขับเปรียบเทียบทั้ง 2 รุ่น พบว่า ความรู้สึกในภาพรวมของรถทั้งสองรุ่นนี้ ก็ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรกับ ฟิต/แจ้ส ซึ่งสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง และโครงสร้างวิศวกรรมเหมือนกัน โดยเฉพาะน้ำหนักของพวงมาลัย เพาเวอร์ไฟฟ้า EPS ที่ให้ความรู้สึกเหมือนกับ ฟิต/แจ้ส ซิตี้ ZX แบบไม่ต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม โมบิลิโอ 7 ที่นั่ง (คันบน)จ ะถูกเซ็ต ระบบกันสะเทือนมาเพื่อรองรับการโดยสาร เอาใจ คุณแม่บ้านที่ต้องการความนุ่มสบายในการเดินทาง มากกว่า รุ่น สไปก์ (คันล่าง) ซึ่งมีอยู่ 5 ที่นั่ง โดยรุ่นสไปก์นั้น มีการคำนวนเพื่อเซ็ตน้ำหนักของผู้โดยสารแถวหลัง และสัมภาระ ให้ตกลงไปที่ล้อหลัง มากกว่า รุ่น 7 ที่นั่ง จึงช่วยให้มีประสิทธิภาพการเกาะถนน ที่ดีกว่ารุ่น 7 ที่นั่ง การเปลี่ยนเลนกระทันหัน ความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง รุ่นสไปก์จะมีบั้นท้ายที่นิ่งกว่ารุ่น 7 ที่นั่ง การตอบสนองของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังนั้น เป็นไปตามคาด ก็คือไม่ต่างอะไรกับ ฟิต/แจ้ส บ้านเรา เพียงแต่ว่าแบกน้ำหนักตัวถังเพิ่มขึ้นกว่านพอสมควร เท่านั้นเอง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง รุ่น 7 ที่นั่ง ใช้เวลานานพอสมควร ทำได้ ประมาณ 14 วินาที ในขณะที่ รุ่น สไปก์ ทำได้สั้นกว่า คือ 12-13 วินาที โดยประมาณ สรุป : รุ่น 7 ที่นั่งถูกออกแบบมาให้เอาใจคุณแม่บ้าน ที่ชอบความนุ่มนวล ส่วนรุ่นสไปก์ ถูกออกแบบให้เป็นยานยนต์ของวัยรุ่น เพื่อสันทนาการ และเพื่อการขนส่งเป็นหลัก ก็คือ แจ้ส แต่เป็นเวอร์ชันตัวถังสูงๆ ที่นั่งเยอะๆ นั่นเอง แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 15:43:04 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 04:23:22 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ต่อด้วย Honda Airwave ฮอนด้า ประกาศเปิดตัว แอร์เวฟ คอมแพกต์สเตชันแวกอนรุ่นใหม่ เมื่อ 7 เมษายนที่ผ่านมา แอร์เวฟ ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นตัวถัง GLOBAL SMALL PLATFORM และใช้เครื่องยนต์ ข้าวของอะไหล่ต่างๆร่วมกับ 4 พี่น้องตระกูลรถเล็กของฮอนด้า ทั้ง ฟิต และ ฟิต เอริอา (หรือที่บ้านเรารู้จักในชื่อ แจ้ส และ ซิตี) ไปจนถึงมินิแวนขนาดเล็กคันโตทั้งโมบิลิโอ และโมบิลิโอ สไปก์ ไม้เว้นแม้กกระทั่งการติดตั้งถังน้ำมันไว้กลางตัวรถ ใต้เบาะคู่หน้า ถึงแม้ฮอนด้าจะบอกว่า ชื่อรุ่นแอร์เวฟ  การนำชื่อแอร์เวฟมาใช้นั้น หมายถึงอากาศและสายลม ตั้งใจสื่อถึงความใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  แต่หลายคนอาจคิดว่า ชื่อมันคุ้นๆ อย่าแปลกใจ เพราะงานนี้ ฮอนด้า ยังคงนำชื่อรุ่นสกูตเตอร์ที่ตนทำขาย มาตั้งเป็นชื่อรุ่นรถยนต์ เช่นเดียวกับที่เคยทำมาแล้วในยุค 1990 อาทิชื่อ ฮอไรซัน ในอีซูซุ บิ๊กฮอร์น/ทรูปปอร์ เมื่อปี 1993 ก็ดึงชื่อของรถจักรยานยนต์มาตั้งเลย แม้แต่ฮอนด้า แจ้ส ชื่อเดิมจริงๆแล้ว คนญี่ปุ่นจะเข้าใจว่า เป็นอีซูซุ MU ธรรมดาที่ฮอนด้าซื้อมาขายเองในชื่อแบรนด์ตัวเอง ก็ยังนำชื่อรุ่นมาจากจักรยานยนต์ และสกูตเตอร์มาใช้กับรถยนต์นั่งบางรุ่น จนถึงปัจจุบัน บนตัวถังที่ยาว 4,390 มิลลิเมตรกว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูงระหว่าง 1,505-1,530 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ 2,550 มิลลิเมตร นอกจากจะแปลกตาด้วย ชุดไฟหน้าแบบปรับระดับได้ AUTO LEVELING พร้อม หลอดแบบ HID ที่มีให้เลือกเป็นออพชันพิเศษ  ไปจนถึงกระจังหน้าที่ได้รับอิทธิพลการออกบบมาจากฮอนด้า สตรีม ไมเนอร์เชนจ์ และเวสาหลังคากลาง C-PILLAR ที่ออกแบบให้มีลักษณะแนวเส้นไม่เหมือนใครแล้ว จุดเด่นสำคัญของแอร์เวฟ คือมีกระจกหลังคาขนาดใหญ่ที่เรียกว่า SKY ROOF  ซึ่งได้รับอิทธิพลการออกแบบมาจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส รวมทั้งโอเปิล แอสตรา คูเป้โฉมใหม่ หลังคากระจกดังกล่าวติดตั้งบน โครงสร้างเสาหลังคาที่ถูกปรับปรุงให้เพิ่มความแข็งแกร่งเป็นพิเศษ และสามารถเปิดรับแสงได้ยาวตั้งแต่เบาะคู่หน้าจนถึงเบาะแถวหลังเลยทีเดียว ถึงจะสร้างขึ้นร่วมกับ 4 พี่น้องตระกูลรถเล็กของฮอนด้า แต่ทว่า ภายในห้องโดยสาร แปลกตา พยายามจะให้ลูกค้ารู้สึกถึงความเป็นสปอร์ตอยู่บ้างนิดๆ ด้วยแผงหน้าปัดที่ถูกออกแบบขึ้นใหม่ ชุดมาตรวัดแบบ 4 ช่อง ระบบปรับอากาศเลือกได้ทั้งแบบฟูลออโต หรือแบบสวิชต์หมุนธรรมดา ระบบนำร่องผ่านดาวเทียม พร้อมระบบสั่งการด้วยเสียง INTERNAVI PREMIUM CLUB พร้อมจอมอนิเตอร์ 6.5 นิ้วที่รวมการทำงานของ เครื่องเล่น มินิดิสก์ CD และDVD วิทยุ AM/FM/TV สั่งติดตั้งได้เป็นพิเศษ ชุดเบาะหลัง ซึ่งมีที่พักแขนตรงกลางพร้อมที่วางแก้วในตัว สามารถแยกพับได้ในรูปแบบ ULTRA SEAT เหมือนแจ้ส/ซิตี ทั้งแบบยกเบาะรองนั่งขึ้นเพื่อวางสัมภาระทรงสูงเช่นกระถางต้นไม้ หรือจะพับในแนวราบ เพื่อเพิ่มความยาวพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังออกไปถึง 1,280 มิลลิเมตร และในรุ่น ACTIVE PACKAGE เบาะนั่งจะหุ้มด้วยวัสดุกันซึมเปื้อนจากของเหลว ด้านความปลอดภัย อุ่นใจกับถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ถ้าอยากได้ถุงลมด้านข้าง i-SIDE SRS ต้องจ่ายเพิ่มอีกต่างหาก เข็มขัดนิรภัย 3 จุด ELR โดยคู่หน้าเป็นแบบลดแรงปะทะและดึงกลับอัตโนมัติ จุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ISOFIX  กุญแจอิมโมบิไลเซอร์ ติดตั้งลงในโครงสร้างตัวถังกกระจายแรงปะทะแบบ G CON ขุมพลังมีเพียงแบบเดียว แถมยังมีหน้าตาที่คนไทยคุ้นเคยกันดี เพราะเป็นรหัส L15A 4 สูบ SOHC 16 วาล์ว 1,496 ซีซี พรร้อมระบบแปรผันวาล์ว VTEC 110 แรงม้า (PS) ที่ 5,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 14.6 กก.-ม.ที่ 4,800 รอบ/นาที ที่วางอยู่ใน แจ้ส วีเทค รวมทั้ง โมบิลิโอ และโมบิลิโอ สไปก์ ในญี่ปุ่นนั่นเอง เชื่อมการทำงานได้ทั้งเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT HONDA MULTI MATIC-S ที่มีทั้งแบบมาตรฐาน และแบบ 7-MODE ล็อกอัตราทดได้ 7 จังหวะ ยกชุดมาจากฟิต/แจ้ส โดยผู้ขับเลือกเปลี่ยนการทำงาน โดยโดยกดปุ่ม 7 SPEED MODE บนพวงมาลัย และบนแผงหน้าปัดจะมีการยืนยันการทำงาน ทั้งคู่เลือกได้ว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ REALTIME รองรับการใช้งานในเมืองด้วยระบบกันสะเทือนที่ใช้ร่วมกับฮอนด้ารุ่นเล็กทุกรุ่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัทด้านหน้า ส่วนด้านหลัง หากเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า จะเป็นแบบคานแข็งทอร์ชันบีม แต่ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเปลี่ยนไปใช้แบบเดอ ดิออง เสริมเหล็กกันโคลงทั้งหน้า-หลัง ห้ามล้อด้วยระบบเบรกหน้าดิสก์หลังดรัม แถมเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก อีบีดี และระบบเพิ่มแรงเบรกฉุกเฉิน BREAK ASSIST บังคับเลี้ยวด้วยพวงมาลัยเพาเวอร์ แอร์เวฟทั้ง 8 รุ่นย่อย จะทำตลาดผ่านเครือข่ายจำหน่ายทุกแห่งของฮอนด้า ทั้งพรีโม คลีโอ และเวอร์โน เพื่อเสริมทัพให้กับตระกูลฟิต/แจ้ส และฟิต เอริอา/ซิตี นั่นเอง ติดป้ายราคาไว้ตั้งแต่ 554,800 - 722,610 บาท ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 4,000 คัน/เดือน จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 04:44:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความรู้สึกในการขับ คงต้องบอกกันตรงๆว่า นี่คือ แจ้ส ตัวถัง สเตชันแวกอน ดังนั้น ฟีลลิงในการขับขี่ทั้งหมด จึงใกล้เคียงกับ แจ้ส มิใยที่ผมจะสอบถามทางวิศวกรชาวญี่ปุ่นไปว่า แต่ละคันมีการเซ็ตที่แตกต่างกันอย่างไร วิศวกรทั้งสาม ตอบเกือบจะพร้อมกันว่า แอร์เวฟ มันเเหมือนๆกับแจ้ส เพียงแต่ว่ามีการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่ทั้งหมด และเซ็ตรถให้มีลัษระขับสปอร์ตมากขึ้น ผมบอกเขากลับไปว่า ผมไม่คิดว่าเป็นอย่างนั้น เพราะจากที่ได้ขับจริงแล้ว ดูเหมือนว่าฮอนด้าเซ็ตรถออกมาให้ใช้งานในแนว Cruising มากกว่าที่จะออกโทนสปอร์ตนิดๆ อย่างที่วิศวกรเขาตั้งใจ พวงมาลัยมีน้ำหนักเบาไปหน่อยในย่านความเร็วต่ำ ตั้งใจจะเซ็ตเพื่อให้ขับคล่องตัวในเมือง แต่พอการใช้งานในความเร็วสูง ผมว่าพอให้ความไว้ใจได้ในระดับหนึ่ง อย่างไรตาม ตำแหน่งพวงมาลัย ออกจะติดตั้งในตำแหน่งตั้งตรงไปสักหน่อย ก็แค่นั้น นอกนั้น ความอเนกประสงค์ในห้องเก็บของด้านหลังถือว่าใช้ได้ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 15:35:43 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 05:35:02 ]

ความคิดเห็นที่ 29 นอนแล้วเหรอครับ ว้า จากคุณ : E-Boat - [ 2 พ.ย. 48 06:35:04 ]

ความคิดเห็นที่ 30 สงสัยไปนอนซะแร้ว.... ยังไงกลับมาโพสต่อด้วยเน้อย... คอยอ่านตอนต่อไปน่ะ... จากคุณ : SCTL - [ 2 พ.ย. 48 07:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โอ้ว เยี่ยมๆๆพี่ จากคุณ : tHe DoG CyBEr - [ 2 พ.ย. 48 08:14:31 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เพิ่งตื่นครับ เดี๋ยวขอไปงานเปิดตัว ออดี้ A4 ใหม่ก่อนนะครับ จะกลับมาโพสต์ต่อช่วงบ่ายๆ ครับ จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 09:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 33 กว่าจะอ่านหมด ตาลายเลย จะรอตอนต่อไปคับ จากคุณ : Changeless - [ 2 พ.ย. 48 10:02:19 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณสำหรับภาพและข้อมูลดีๆ ครับ จากคุณ : ม่อน(mond) - [ 2 พ.ย. 48 10:12:36 ]

ความคิดเห็นที่ 35 อยากได้ตัวดีเซลแฮะ ตัวถังไม่หนักมาก กับแรงบิดสูง ท่าจะวิ่งดี และประหยัดด้วยนะ จากคุณ : Sorn มาคับ - [ 2 พ.ย. 48 10:26:28 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณครับ จากคุณ : ไทยนอกคอก (ลาภมา100) - [ 2 พ.ย. 48 12:08:19 ]

ความคิดเห็นที่ 37 พี่จิมอ้วนขึ้นป่าวง่ะ   หรือว่านอนมากจนหน้าบวม อิอิ จากคุณ : แคบหมูเมืองแพร่ - [ 2 พ.ย. 48 13:15:24 ]

ความคิดเห็นที่ 38 กลับมาแล้วครับ มาต่อกันเลยดีกว่า Honda Life Turbo ไลฟ์ เป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กในกลุ่ม K-CAR หรือ KEI-JIDOSHA 660 ซีซี ตามกฎหมายแบ่งประเภทรถยนต์นั่งเพื่อจัดเก็บภาษีของรัฐบาลญี่ปุ่น และเป็นรถยนต์อีกรุ่น ที่มีความสำคัญมากต่อประวัติศาสตร์ของฮอนด้าในวงการรถยนต์ 4 ล้อ เผยโฉมครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 1971 และทำตลาดเพียง 3-4 ปี ก่อนจะเงียบหายไปในปี 1974 ทิ้งช่วงไปถึง 25 ปี กับ 10 เดือน ไลฟ์จึงหวนกลับมาทำตลาดอีกครั้งเมื่อเดือนเมษายน 1997  ในฐานะตัวตายตัวแทนของฮอนด้าทูเดย์ ซิตีคาร์ยอดนิยมที่ปลดประจำการไป เมื่อปี 1996 ที่ผ่านมามีการปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ให้กับไลฟ์ไปแล้ว 2 ครั้ง ทั้งในเดือน ตุลาคม 1998 กับการเปลี่ยนชิ้นส่วนตัวถังภายนอกเกือบทุกจุด พร้อมอัดขุมพลังใหม่ ลงไป และล่าสุดกับเวอร์ชันสปอร์ตอย่างไลฟ์ ดังก์ เมื่อต้นปี 2001 ปัจจุบันนี้ ไลฟ์กลายเป็นหัวหอกหนึ่งเดียวของฮอนด้าในการบุกตลาดรถยนต์ เค-คาร์ (ไม่นับรวมรถตู้ตระกูล ACTY/VAMOS) รุ่นใหม่ของไลฟ์ พัฒนาขึ้นภายใต้การดูแลของ MAKIHITO NOGUCHI หัวหน้าวิศวกรของโครงการนี้ โดยมีขนาดตัวถังยาว 3,395 มิลลิเมตร กว้าง 1,475 มิลลิเมตร สูงระหว่าง 1,575 -1,590 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,420 มิลลิเมตร แบ่งการตกแต่งออกเป็น 2 สไตล์ คือรุ่นมาตรฐานเอาใจคุณแม่บ้าน D F และ C รหัสรุ่น JB5 (FF) และ JB6 (4WD) ชุดกระจังหน้าเป็นแบบเรียบง่ายและรุ่น เทอร์โบ รหัสรุ่น JB7 (FF) และ JB8 (4WD) ซึ่งเป็นรุ่นแรง เข้ามาทำตลาดแทน ไลฟ์ ดังก์ ที่ยกเลิกไป เพิ่มความ สปอร์ตด้วยสกูปรับอากาศบนฝากระโปรงหน้า ช่องรับอากาศบนกันชนหน้า เหนือป้ายทะเบียน มีขนาดใหญ่ขึ้น และเพิ่มล้ออัลลอยขนาด 14 นิ้ว เข้าไป ชุดไฟหน้าแบบ HID (HIGH-INTENSITY DISCHARGE) เป็นออพชันพิเศษ ขณะที่ชุดไฟท้าย ยังคงเป็นแนวตั้ง ยาวจากขอบหลังคาจรดกันชนหลังเช่นเดิม สีตัวถังเลือกได้ถึง 12 เฉดสี ห้องโดยสารยังคงเอาใจคุณแม่บ้าน ด้วยแผงหน้าปัดชุดใหม่ที่รับอิทธิพลการออกแบบจากรุ่นฟิต โมบิลิโอ และฟิต เอริอา (ซิตี ในไทย) ชุดมาตรวัดความเร็ว มี 2 ช่อง คล้ายกับ ชุดมาตรวัดของจักรยานยนต์ ฝั่งขวาเป็นมาตรวัดความเร็ว แต่ฝั่งซ้ายเป็นหน้าจอ MULTI INFORMATION SYSTEM สามารถเลือกปรับเปลี่ยนรูปแบบการแสดงข้อมูลได้ ทั้งมาตรวัดรอบทริปมิเตอร์ บอกอุณหภูมิภายนอกรถ แจ้งเตือนเมื่อออกรถแล้วลืมปลดเบรกจอด แถบแสดงน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ รวมทั้งคำนวนค่าเฉลี่ยน้ำมันที่ใช้ไปใน การเดินทางแต่ละครั้ง แจ้งเตือนนำรถไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไปจนถึงปฏิทินพร้อมระบบกำหนดให้แจ้งเตือนวันพิเศษๆต่างๆ นอกจากนี้ยังมีที่เปิดประตูรูปตัว C สวิชต์เครื่องปรับอากาศดิจิตอล ชุดเครื่องเสียงพร้อม ซีดี/มินิดิสก์ ในตัว เบาะแถวหลังแยกพับได้ 50:50 เพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลัง ด้านความปลอดภัย ยังครบครันด้วยถุงลมนิรภัยคู่หน้า เข็มขัดนิรภัยลดแรงปะทะและดึงกลับอัตโนมัติและจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาตรฐาน ISOFIX จุดขายสำคัญของ ไลฟ์ใหม่ อยู่ที่การปรังปรุงโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-CON โดยเน้นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับชิ้นส่วนรับแรงกระแทกด้านหน้า ทั้งคานเหล็กบน ระหว่าง ชุดไฟหน้า (BULK HEAD or UPPER FRAME) ให้รับแรงปะทะได้ดีขึ้น ขณะที่คานล่าง (LOWER FRAME) และโครงแชสซีใต้ห้องเครื่องยนต์ (MAIN  FRAME) ซึ่งทำจากเหล็กเหนียวพิเศษและน้ำหนักเบา HIGH-TENSILE ถูกปรับปรุงให้รับและส่งกระจายแรงปะทะได้ดีขึ้น ทำให้ลดโอกาสการเสียรูปของห้องโดยสารเมื่อเกิดการชน ลงได้อีกมาก นอกจากนี้ชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้า ทั้งฝากระโปรงซุ้มล้อ และกันชนพลาสติกรีไซเคิลได้ ถูกสร้างขึ้นให้ช่วยลดการบาดเจ็บของผู้ร่วมสัญจรบนถนน เป็นพิเศษอีกด้วย นอกจากเปลี่ยนโฉมแล้ว ยังเปลี่ยนเครื่องยนต์จากเดิมรหัส E07Z มาใช้ขุมพลังรหัสใหม่ P07A 3 สูบเรียง SOHC 656 ซีซี 8 วาล์ว หัวฉีด PGM-FI คราวนี้มาพร้อม เทคโนโลยี 2 หัวเทียน/1สูบ i-DSi เพื่อช่วยจุดระเบิดและเผาไหม้ได้ดีขึ้น หากเป็นรุ่นคุณแม่บ้าน จะมีกำลังเท่าเดิม 50 แรงม้า (PS) ที่ 6,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 6.2 กก.-ม.ที่ 3,800 รอบ/นาที แต่ในรุ่นเทอร์โบ เมื่อเพิ่มระบบอัดอากาศเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์เข้าไป จะเพิ่มความแรงเป็น 64 แรงม้า (PS)ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 9.5 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที ที่ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐานการวัด 10-15 โหมดของรัฐบาลญี่ปุ่นระดับ 16.8-19.8 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งเป็น ครั้งแรกที่ฮอนด้า ติดตั้งระบบอัดอากาศเทอร์โบให้กับเครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี i-DSi นอกจากนี้ยังได้รับการปรับปรุงเรื่องเสียงรบกวนและการสั่นสะเทือน เพื่อให้รบกวน ผู้โดยสารน้อยที่สุด ระบบส่งกำลังมีให้เลือกแต่เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ PROSMATEC ที่ได้รับการปรับปรุงโซลินอยด์ เพื่อให้ช่วยลดอาการกระตุกขณะเปลี่ยนเกียร์ได้ดีขึ้น เพียงแบบเดียว ไม่มี เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะให้เลือกอีกต่อไป แต่เลือกได้ว่าจะใช้ระบบขับล้อหน้าหรือขับ 4 ล้อแบบ REAL TIME หลักการทำงานเหมือนกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อในซีอาร์-วี คือ เมื่ออยู่บนถนนแห้งธรรมดา ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าจะทำงานเพียงอย่างเดียว แต่เมื่อเข้าสู่ถนนขรุขระ หรือมีสภาพลื่น เพลาขับเคลื่อนล้อคู่หลังจะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระทันที ระบบกันสะเทือนยังคงเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนล้อหลังมี 2 แบบ หากเป็นรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า จะใช้แบบ คานแข็งธรรมดา แต่ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเปลี่ยนมาเป็นแบบ เดอ ดิออง ทั้งคู่ไม่มีเหล็กกันโคลงมาให้พวงมาลัยแรคแอนด์พีเนียนพร้อมเพาเวอร์แบบธรรมดาช่วย เท่านั้น ไม่มีระบบเพาเวอร์ไฟฟ้า EPS มาช่วย ส่วนระบบเบรก ทุกรุ่นเป็นแบบหน้าดิสก์-หลังดรัม เสริมด้วยเอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรก อีบีดี จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 15:42:12 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ** ความรู้สึกเมื่อได้ลองขับ ** นี่เป็นครั้งที่สองในชีวิตที่ผมได้มีโอกาสทดลองขับรถเล็กระดับ K-Car หลังจากครั้งแรกผ่านพ้นไปตั้งแต่ปี 2002 กับมิตซูบิชิ ek-Wagon รุ่น ek-SPORTS ที่ผมประทับใจ ในควารมคล่องแคล่วของตัวรถ มาคราวนี้ ไลฟ์ โฉมล่าสุด เปลี่ยนโฉมให้ดูเอาใจคุณแม่บ้านมากขึ้น น่าเสียดายที่ไม่มีรุ่นตกแต่งเร้าใจสไตล์วัยรุ่นชายหนุ่ม Life Dunk ออกมาเหมือนรุ่นที่แล้ว เมื่อขึ้นไปนั่งห้องโดยสาร ไม่ได้รู้สึกเล็กหรือคับแคบอย่างที่เห็น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เค-คาร์ยุคใหม่ นิยมเล่นการขยายขนาดตัวถัง ในแนวตั้ง หรือเพิ่มความสูงนั่นเอง จึงทำให้ห้องโดยสารที่เล็ก กลับดูไม่อึดอัดอย่างที่เคยคิดกัน ติดเครื่องปุ๊บ มาตรวัดดิจิตอลบนจอจะบอกว่า Hello! เป็นการทักทาย อุ่นเครื่องพร้อมแล้ว เราก็ใส่เกียร์ D แล้วออกรถกัน ผมขับคันนี้เป็นคันสุดท้าย พอดีกับที่เวลาในการทดสอบ สถานี 1 หมดลงพอดี เลยได้ขึ้นรถไปกับพี่หมัด ช่างภาพของTarget media , itv และพี่ตุลย์ พี่สาวหุ่นกกะปุ๊กลุกหน้าสวยของผม ที่รู้จักกันมาก่อนหน้านี้ 2-3 ปีแล้ว อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง คงไม่ทำ เพราะว่านั่งมา 3 คน แต่ละคนหุ่นก็เกินพิกัดกันทั้งนั้น ความเร็วสูงสุด ทำได้เท่ากับ ek-Sports คือ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง การเปลี่ยนเลนมีส่ายนิดๆตามปกติประสารถเล็ก แต่เวลาขับแล้ว น่ารักดี คล่องตัวใช้การได้ การตอบสนองของระบบกันสะเทือนต่อลูกระนาดต่างๆ ยังมีมีฟีลลิงแบบฮอนด้ายุคหลังๆเหลืออยู่นิดๆ คือ กระด้างนิดๆ แต่ในขณะทำความเร็วสูง ถือว่านุ่มนวลดี และนิ่งกว่าที่คิด เสียงเทอร์โบลูกเล็กๆตอนทำงาน ดังแค่พอให้รู้สึกว่า เออ รถคันนี้ก็มีเทอร์โบติดมากับเขาด้วยนะ ตอนดับเครื่อง หน้าจอมอนิเตอร์บอกว่า Bye Bye ถามข้อมูลทางฮอนด้าแล้วบอกว่า รถคันนี้ สามารถปรับตั้งเพื่อสั่งให้ร้อง แฮปปีเบิร์ธเดย์ เมื่อถึงวันเกิดของคุณได้อีกด้วย ภาพรวมแล้ว จี๊ดจ๊าดดี อารมณ์เหมือนขับ แจ้ส แต่เล็กกว่า อย่าดูถูกเชียวนะคร้าบ เจ้าพวกรถเล็กแต่ใจหญ่ายพวกนี้ไม่ใช่ขี้ๆนะคร้าบ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 15:55:13 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 15:53:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ง่า ลืมรูป จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 15:55:39 ]

ความคิดเห็นที่ 41 และคันสุดท้าย.... คันนี้ขับก่อนเจ้าไลฟ์ ครับ แต่เลือกนำเสนอไว้ท้ายสุด เพราะมีอะไรน่าประทับใจ ชนิดที่ถ้าใครไม่ได้ลองขับ บอกเลยครับว่าเสียดายนะ ประสบการณ์ในชีวิตที่ครั้งหนึ่งคุณจะได้ลองขับ เวอร์ชันโดยสารของรถตู้ส่งของ ระดับ K-Car ของญี่ปุ่น Honda Vamos Turbo วามอส เป็นรถตู้ขนาดเล็กที่ได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจาก รถตู้ และรถกระบะส่งของตระกูล Acty ซึ่งถ้าให้พูดกันตรงๆ ก็คือรถยนต์ 4 ล้อตระกูลเก่าแก่ที่สุดของฮอนด้า เพราะว่า รถยนต์สี่ล้อรุ่นแรกที่ฮอนด้าทำขายคือรถกระบะ T360 ซึ่งเป็นบรรพบุรุษของแอคตี้ / วามอส นั่นเอง รุ่นปัจจุบันของแอคตี้ ทำตลาดใน 3 เวอร์ชัน หากเป็นรถตู้ส่งของทั่วไป ใช้ชื่อ แอคตี้ แต่ถ้าเป็นรุ่นโดยสาร จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อวามอส และเวอร์ชันพิเศษ หลังคาสูงของวามอส จะเรียกว่า Vamos Hobio (วามอส โฮบิโอ) มิติตัวถังยาว 3.395 มิลลิเมตร กว้าง 1.475 มิลลิเมตร สูง 1.775 มิลลิเมตร (รุ่นหลังคาสูง โฮบิโอ สูงเพิ่มเป็น 1,880 มิลลิเมตร) ระยะฐานล้อยาว 2,420 มิลลิเมตร เครื่องยนต์ของทั้งคู่เป็นรหัส E07Z 3 สูบเรียง SOHC 656 ซีซี 8 วาล์ว หัวฉีด PGM-FI  หากเป็นรุ่นขับล้อหน้า จะมีกำลังเพียง 46 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 6.1 กก.-ม.ที่ 5,000 รอบ/นาที มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 3 จังหวะ ส่วนรุ่นขับสี่ล้อ รุ่นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ จะแรงเท่ารุ่นขับล้อหน้า แต่ถ้าเป็นรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ จะแรงเพิ่มขึ้นเป็น 53 แรงม้า (PS) ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 6.2 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที แต่ในรุ่นเทอร์โบ เมื่อเพิ่มระบบอัดอากาศเทอร์โบ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์เข้าไป จะเพิ่มความแรงเป็น 64 แรงม้า (PS)ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 9.5 กก.-ม.ที่ 3,700 รอบ/นาที มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ เครื่องยนต์และระบบส่งกำลังถูกติดตั้งในแบบ MR (Midship - Engine , Rear Wheel Drive) ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัต พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า ด้านหลังเป็นแบบ เดอ ดิออง ระบบเบรก หน้าดิสก์ หลัง ดรัม พร้อม ABS ดูสเป็กแล้วเห็นหรือยังครับว่า ทำไมผมถึงบอกว่าคุณไม่ควรพลาดการทดลองขับรถรุ่นนี้!! จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 16:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ โอเคละว่ามันเป็นรถตู้ แต่ อย่าลืมนะครับ ว่านี่คือ รถตู้ขนาดเล็ก เครื่องวางกลาง ขับหลัง แถมยังใช้ช่วงล่างด้านหลังแบบ เดอ ดิออง อันเลื่องชื่อ ในเรื่องการยึดเกาะถนน มาตั้งแต่สมัยอยู่อาศัยแฝงตัว ในรถยนต์จากฝรั่งเศสชั้นดีหลายรุ่น!! แน่นอนว่า พวงมาลัยนั้น ให้การควบคุมที่ง่ายๆ ไม่ต้องคิดและอย่าไปคาดหวังมาก ว่าดีเลิศ เพราะในช่วงความเร็วสูงนั้น ก็ยังพอจะพบทุกความรู้สึกจากพื้นถนน ถ่ายทอดขึ้นมาได้ ตามธรรมดาชอง รถขนาดเล็กที่วางแกนพวงมาลัยในแบบรถตู้ แต่ที่น่าประทับใจคือ ความคล่องตัวในการขับขี่ การเปลี่ยนเลนกระทันหันที่ความเร็วระดับ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมงแล้ว ท้ายรถไม่ส่าย! แถมโครงสร้างตัวถังยังถือว่า ให้ความมั่นคงได้ดีตามแต่อัตภาพซึ่งอาจเพราะผม ไม่คาดหวังมาก่อนจากรถในลักษณะนี้ก็เป็นได้ อัตราเร่ง ถึงแม้มีเทอร์โบช่วย แต่ก็แค่ลูกเล็กๆเสียงหมุนเร็วจี่ ดังพอๆกับ เสียงมอเตอร์ไฟฟ้า แบบพื้นฐาน สำหรับของเล่นของเด็กกวัยประถม ที่ต้องต่อชิ้นส่วนประกอบเอง ดังนั้นไม่ต้องไปคาดหวังกับสมรรถนะมากนัก การจะไต่ไปถึงความเร็วสูงสุดได้ เล่นเอาเหนื่อยหอบมากๆ แถมด้วยระยะทางที่สั้นทำให้ไม่สำเร็จเสียด้วย อีกประเด็นหนึ่งคือ เสียงลม ลอดปะทะข้ามา ทางขอบประตูบานเลื่อนด้านหลังทั้งสองบานเมื่อใช้ความเร็วเกินกว่า 80-90 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป สื่อความหมายเป็นนัยได้ว่า คุณขับเร็วเกินไปแล้วละ สำหรับรถแบบ เค-คาร์ ที่มีการกำหนดตวามเร็วไม่ควรเกิน 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดยถาพรวมแล้ว ความพยายามในการบาลานซ์น้ำหนักตัวให้สมดุลย์ และระบบกันสะเทือนที่ให้ความมั่นใจได้ดีกว่าที่คิดนิดนึง ถือเป็นจุดเด่นของ วามอส ครับ จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 16:33:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณคับบบ จากคุณ : Vut2529 - [ 2 พ.ย. 48 17:57:41 ]

ความคิดเห็นที่ 44 รู้สึกฮอนด้าจะใช้เลนส์ fish eye   จากคุณ : อากง - [ 2 พ.ย. 48 18:02:01 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ทีนี้ เมื่อผมขับเจ้าไลฟ์ คันเหลืองน้อยน่ารัก วนกลับมาถึงสถานีแล้ว เราก็ต้องขึ้นรถเพื่อไปยังสถานีที่ 2 ซึ่งเป็นสถานีที่ผมรอคอย... สนาม ไฮสปีด รูปวงรี...... ถ้ามองจากรูป มุมซ้าย จะเป็นพุ่มไม้ เรียงเป็นระเบียบ นั่นละครับผม ทางเข้าหลักของสนามนี้ จากสถานีที่ 1 เรานั่งรถบัส เลี้ยวซ้าย ลอดลงอุโมงค์ ซึ่งลอดผ่านใต้สนามทดสอบนี้นั่นละครับ ออกมาจะเจอพุ่มไม้นี้ เลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา อย่างละหน (ถ้าจำไม่ผิด) เราก็จะผ่านเข้ามายังประตูที่เห็นมุมซ้ายของรูปนี้ [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 18:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 46 พอลงจากรถบัสกันแล้ว หากมองจากด้านบนของรูปภาพ ฝั่งซ้าย ก็จะเป็นทางเข้า ของหอบังคับการ ควบคุมการทดสอบ ในสนามแห่งนี้ เราก็เดินมาฟังบรรยายสรุปสภาพสนาม และสรุปคร่าวๆ เกี่ยวกับการทดสอบในสถานีนี้กัน รถที่จะมีให้ทดลองขับันในสถานีนี้คือ - Civic 1.8 5AT JDM Version (เวอร์ชันญี่ปุ่นแท้) 3 คัน - Elysion V6 3.0 + CMS - IHCC 2 คัน - StepWGN ใหม่ 2.4 ลิตร 3 คัน ขณะกำลังยืนฟังบรรยายสรุป จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 18:13:49 ]

ความคิดเห็นที่ 47 และแน่นอนว่า กระเถิบมาอีกนิด มีรถผ่าโครงสร้างตัวถัง ให้เห็นถึงความอเนกประสงค์ ครบทั้ง สเต็ปแวกกอน และเอลิซิออง คือมีจอดทั้งสองรุ่น ให้ขึ้นลง นั่งเล่นตามอัธยาศัย (พี่จูน  นักเลงรถ / ยานยนต์ ทำจมูกเงยแบบนี้ ชวนให้นึกถึง ชิพมังค์ คู่หูตัวแสบ Chip & dales ของ Disney เป็นอย่างยิ่ง (ฮา) ) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 18:20:17 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 18:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 อีกฝั่งหนึ่ง ขณะที่ผมกำลังนำรถออกไปแล่นเรียบร้อยแล้ว พี่พิทักษ์ ผู้บริหารระดับสูงของฮอนด้า กำลังอธิบายหลักการทำงานของระบบi-VTECแบบใหม่ ให้ตา Joey หรือ Vijo แห่ง The Nation ฟังอยู่ครับ จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 18:49:41 ]

ความคิดเห็นที่ 49 มุมนี้ก็คือทัศนียภาพเมื่อยืนมองจากบริเวณลาน เตรียมพร้อมนำรถเข้าสู่สนามครับ จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 18:55:32 ]

ความคิดเห็นที่ 50 จากจุดเดียวกันนี้ หันไปทางซ้าย หรือ เดินไปอยู่ทางฝั่งซ้ายรถคันสีแดงในรูปด้านบน ก็จะเป็นจุดปล่อยรถ ด้านหลังหอบังคับการนี้ เป็นสถานีดับเพลิง และหน่วยกู้ภัยประจำสนาม ครับ รถดับเพลิงและรถพยาบาลนี่เตรียมพร้อมเต็มพิกัด..... จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 19:04:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 และจากกรูปข้างบน หันตัวคุณมาทางซ้ายอีกที ก็คือจุดปล่อยรถ เลี้ยวขวาออกไป ก็เข้าสู่สนามความเร็วสูงแล้วครับ เมื่อเข้าสู่สนาม ก็ควรจะอยู่ในเลนซ้ายก่อน มองดูกระจกหลังให้ดีก่อนจะเปลี่ยนเลน เพราะแต่ละคน แต่ละคัน เมื่อเจอสนามโล่งๆแบบนี้ มิรึ จะขับแค่ 120.... หึหึหึ........ ฝันไปเถอะ! (นายแบบ...ตา Joey อีกแล้ว..อายุ 21 ครับ เป็นมือใหม่ไฟแรงและมีความสามารถในเรื่องรถยนต์ ดีทีเดียวครับ) จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 19:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เอาละ..โค้งแรกที่เราเข้าสู่สนาม.... คันแรกที่ออกไป คือคันนี้ ที่เอารูปนี้ลง เพราะสีตัวรถ ตัดกับสีผิวถนนแล้ว สวยดี จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 19:24:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ในรอบแรก ผมนำรถออกไป เพื่อทำความคุ้นเคยกับสนามก่อน และทดลองฟังดูเสียงลมที่เข้าสู่ห้องโดยสาร รวมทั้งการทรงตัว เสถียรภาพ และการเปลี่ยนเลนกระทันหัน เสถียรภาพของรถในขณะเปลี่ยนเลนกระทันหัน ที่ความเร็วระดับ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมงนั้น ถือได้ว่า นิ่งดีมาก (แต่ถ้าเพิ่มเป็นระดับ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จะมีอาการท้ายปัดเป๋ ตามปกติ แต่แก้อาการคืนกลับมาได้ง่าย อาการของตัวรถในภาพรวม โดยเฉพาะโครงสร้างตัวถัง ยังไงๆ ก็ยังตอบสนองดีกว่า City ZX แน่นอน และการบิดตัวของตัวถัง ขณะเปลี่ยนเลน แบบฉับพลัน พอจะรับรู้ได้จางๆว่า ลดน้อยลงกว่ารุ่นเดิม แต่มากน้อยแค่ไหน ไม่มีเครื่องมือวัดครับ อย่าเชื่อผมมาก แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 19:37:36 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 19:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เอาละ ครบสองรอบแล้ว เอารถกลับเข้าจุดพักรถดีกว่า... หลังจากนั้น มีโอกาสลองนั่งที่เบาะด้านหลัง โดยสารไปพร้อมกับอาลอง.... เบาะนั่งหลังผมว่าดีขึ้นกว่าตัวปัจจุบันนิดหน่อย อย่างน้อยผมก็นั่งได้เต็มขามากขึ้น และนั่งสบายกว่ารุ่นปัจจุบันเยอะ และมีพื้นที่วางขามากขึ้นกว่าเดิมเดินทางไกลแล้วจะเมื่อยไหม ยังไม่รู้ ต้องรอดูเวอร์ชันไทย แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 04:02:53 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 19:34:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผมตัดสินใจว่า ก่อนที่เราจะพูดถึง ซีวิคกันต่อ ผมคิดว่า เราไปลองรถรุ่นอื่นให้ครบอีกครั้งแล้วรอให้สนามว่างลงกว่านี้นิดนึง แล้วค่อยลองซีวิคอีกครั้งจะดีกว่า การทดลองขับอีกครั้ง เพื่อจะเช็คอัตราเร่งต่างๆและเช็ค ความรู้สึกตัวเองอีกครั้งว่าที่รู้สึกนึกคิดอยู่มันเป็นไปตามจริงมากน้อยแค่ไหน ผมเลยไปจองคิวเจ้า Elysion ออกมาขับก่อน -------------------------- ตลาดมินิแวนรุ่นใหญ่เริ่มเกิดขึ้นในญี่ปุ่นช่วงปี 1990 เมื่อโตโยต้าเปิดตัวรถตู้หุ่นอวกาศรุ่นเอสติมา/พรีเวีย ถึงจะได้รับความนิยมอย่างดี แต่ยังไม่มากพอที่จะกระตุ้นคู่แข่งให้ มาร่วมวงพงไพบูลย์ด้วย จนกระทั่งกลางปี 1996 โตโยต้า เปิดตัวรถตู้แกรนเวีย ซึ่งพัฒนามาจากรถตู้รุ่นไฮเอซ แต่ออกแบบภายในเอาใจลูกค้าประเภทครอบครัว ความสำเร็จ ของแกรนเวีย ทำให้นิสสัน ซุ่มพัฒนารถตู้รุ่นเอลแกรนด์ออกมาขายแข่งด้วยในปี 1997 จนขายดีแซงหน้าแกรนเวียมาตลอด แม้โตโยต้าจะปรับโฉมแกรนเวียครั้งใหญ่เมื่อ ปี 1999 แต่ก็ยังทำอะไรเอลแกรนด์ไม่ได้ ตลาดนี้กลับมาเดือดอีกครั้งเมื่อนิสสันชิงเปิดตัวเอลแกรนด์โฉมใหม่ เมื่อ 21 พฤษภาคม 2002 ตัดหน้าโตโยต้าที่จะเปิดตัว อัลฟาร์ด รถตู้รุ่นใหม่ที่รับช่วงทำตลาดต่อจาก แกรนเวียเพียง วันเดียว นับแต่นั้นทั้งคู่ต่างทำยอดขายและผลกำไรได้เป็นกอบเป็นกำมาถึงทุกวันนี้ ขณะที่ฮอนด้าเอง พยายามจะขอมีเอี่ยวในตลาดนี้ ด้วยรถตู้รุ่น ลาเกรท (หรือโอดิสซีย์ เวอร์ชันอเมริกัน) มาตั้งแต่ปี 1999 แต่เนื่องจากฮอนด้า ต้องนำเข้าลาเกรทจากโรงงาน ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังมีเครื่องยนต์ที่ใหญ่โตเกินความต้องการของลูกค้าในช่วงนั้น แถมมีรูปทรงไม่ถูกชะตากับลูกค้าชาวอาทิตย์อุทัยเท่าที่ควร จึงไม่ประสบความ สำเร็จในการทำตลาดที่ญี่ปุ่นเลย ทั้งที่ได้รับความนิยมในเขตอเมริกาเหนือก็ตาม ดังนั้น ฮอนด้าจึงคิดได้ว่า ถ้าจะทำศึกรถตู้กลุ่มนี้ ก็ควรจะพัฒนารถรุ่นใหม่ขึ้นมาอีกรุ่น โดย ใช้พื้นฐานงานวิศวกรรมที่ใช้อยู่ในรถยนต์รุ่นปัจจุบันจะดีกว่า ด้วยเหตุนี้ ฮอนด้าจึงพัฒนาเอลิซิออง (รหัสโครงการ BU) ภายใต้แนวคิด PREMIUM 8 SEATER โดยใช้พื้นตัวถังขนาดกลาง GLOBAL PLATFORM ร่วมกับแอคคอร์ด อินสไปร์ ทุกเวอร์ชัน และมินิแวนรุ่นโอดิสซีย์ ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นชิ้นส่วนเครื่องยนต์กลไกมากมายของโอดิสซีย์ใหม่ แอบซ่อนอยู่ในโครงสร้างตัวถังที่มีความยาว 4,840 มิลลิเมตร กว้าง 1,830 มิลลิเมตร สูง 1,790-1,810 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,900 มิลลิเมตร ของเอลิซิอองด้วยเช่นกัน ความเคลื่อนไหวของการพัฒนารถตู้รุ่นใหม่นี้ หลุดรอดสู่การรับรู้ของสาธารณชนมาตั้งแต่ กลางปีที่แล้ว โดยช่วงนั้นสื่อมวลชนญี่ปุ่นเรียกรถตู้รุ่นนี้ว่า แกรนด์แวกอน จนกระทั่ง ฮอนด้าตัดสินใจเปิดเผยความคืบหน้าของโครงการนี้เอง โดยส่งเวอร์ชันต้นแบบในชื่อ ASM ขึ้นอวดโฉมในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์เมื่อเดือนตุลาคม 2003 และทิ้งช่วงไว้ ประมาณ 5 เดือน ก่อนจะเริ่มต้นแคมเปญโฆษณาสร้างการรับรู้ล่วงหน้า หรือ TEASER AD. แล้วจึงเปิดตัวสู่ตลาด รูปลักษณ์ภายนอกมาในสไตล์ ONE MOTION FORM หรือแนวเส้นที่ลากชันขึ้นตั้งแต่ชุดไฟหน้า ไปจนถึงกระจกบังลมหน้า เป็นแนวเดียวกัน ซึ่งเป็นแนวทางที่ได้รับ ความนิยมในหมู่ผู้ผลิตรถยนต์ญี่ปุ่นช่วง 2 ปีมานี้ ชุดไฟหน้าและชุดไฟท้ายรูปทรงเพรียวสวยเข้ารูป ชุดไฟเบรกดวงที่ 3 เดินเส้นเป็นแนวยาวต่อเนื่องจากเสาหลังคาคู่หลังสุด D-PILLAR ส่วนซุ้มล้อทั้ง 4 ยังถูกเสริมโป่ง ช่วยให้รถดูหนาขึ้น ไม่ดูแบบราบเหมือนคู่แข่งทั้ง 2 ประตูผู้โดยสารเป็นแบบบานเลื่อน เปิด-ปิดได้ด้วยไฟฟ้า ดีดกลับเมื่อมีสิ่ง กีดขวางทั้ง 2 ฝั่ง แผงหน้าปัดถูกออกแบบให้สะดวกต่อการใช้งาน ตามสไตล์ฮอนด้า ตกแต่งด้วยลายไม้ แผงควบคุมบนคอนโซลกลาง เป็นแป้นหมุนพร้อมปุ่มโยก รูปทรงเหมือนกลอนประตูตู้ เซฟ ชุดมาตรวัดแบบ 3 มิติเรืองแสงสีฟ้า เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง กระจกหน้าต่างไฟฟ้าทั้ง 4 บาน ส่วนชุดเครื่องเสียงระบบ PREMIUM SOUND SYSTEM "ACCULIEF" เสริมด้วยช่อง INOUT-OUTPUT พร้อมสวิชต์ควบคุมสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบนำร่อง VOICE NAVIGATION พร้อมแผนที่ฝังในฮาร์ดดิสก์ HDD และระบบสื่อสาร-บันเทิงอัจฉริยะ INTERNAVI PREMIUM CLUB ไปจนถึงกล้องขนาดเล็กบริเวณท้ายรถ ส่งสัญญาณภาพขณะถอยเข้าจอดทันทีที่เข้าเกียร์ถอยหลัง รวมทั้งซันรูฟ 2 ตำแหน่งและประตูห้องเก็บของเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า ดีดกลับเองเมื่อโดนสิ่งกีดขวาง มีให้เลือกเป็นออพชันพิเศษ เบาะคู่หน้าและแถว 2 จะมีที่พักแขนครบทั้งซ้าย-ขวา ขณะที่เบาะแถว 3 มีให้เฉพาะตรงกลาง เป็นแบบพับเก็บได้ ชุดเบาะนั่งปรับใช้งานได้ 6 รูปแบบ ดังนี้ - ผู้โดยสาร 5 คน เลื่อนเบาะแถว 3 มาประชิดกับเบาะแถว 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของ - ผู้โดยสาร 2 คน เลื่อนเบาะแถว 2 และ 3 มาประชิดกับเบาะคู่หน้า ในกรณีต้องการพื้นที่เก็บของมากเป็นพิเศษถึง 1,057 ลิตร (ตามมาตราน VDA เยอรมัน) - แบบ FLAT SEAT 1 เบาะแถว 2 และ 3 ปรับเอนราบเป็นแนวเดียวกันเป็นที่นอนได้ - แบบ FLAT SEAT 2 เบาะคู่หน้าและแถว 2 ปรับเอนราบเป็นแนวเดียวกันได้ เพื่อนอนเอกเขนกขณะจอดอยู่ริมชายหาด - แบบ LUGGAGE MODE เลื่อนเบาะฝั่งซ้ายหรือขวาฝั่งใดฝั่งหนึ่งของเบาะแถว 2 และ 3 ขึ้นมาประชิดเบาะคู่หน้า เพื่อโดยสารได้ 4 คนพร้อมจักรยานและสัมภาระ - แบบห้องรับแขก เบาะแถว 2 สามารถปรับหมุนกลับหลังหัน ประจันหน้ากับผู้โดยสารบนเบาะแถว 3 เพื่อเจรจาธุรกิจ หรือเพื่อสันทนาการต่างๆ ขุมพลัง คุ้นหน้าคุ้นตาคนไทยกันดี เพราะยกเครื่องยนต์จากแอคคอร์ดทุกเวอร์ชัน และโอดิสซีย์ใหม่ มากันครบทั้งรหัส K24A 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,354 ซีซี พร้อม ระบบวาล์วแปรผัน i-VTEC ขับเคลื่อนด้วยโซ่สายพาน 160 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.2 กก.-ม.ที่ 4,500 รอบ/นาที อีกรุ่น ยกมาจากอินสไปร์ใหม่ รหัส J30A วี6 SOHC24 วาล์ว 2,997 ซีซี ขับเคลื่อนด้วยสายพาน พร้อมระบบแปรผันวาล์วและหัวแคมชาฟต์ i-VTEC ห้องเผาไหม้แบบ SQUARE และลิ้นปีกผีเสื้อ ELECTRONIC THROTTLE CONTROL (ETC) หรือ DRIVE BY WIRE อีกทั้งยังปรับปรุงทางเดินท่อไอดี รวมทั้งเพิ่มขนาดวาล์วไอดี ให้ใหญ่กว่าเดิม เพื่อช่วยให้ไอดีไหลเข้าห้องเผาไหม้ได้ดีขึ้น อีกทั้งเพิ่มอัตราส่วนกำลังอัด และเพิ่ม KNOCK SENSOR ปรับปรุงทางเดินไอเสียให้ไหลออกได้ดีกว่าเดิม และ ลดการสั่นสะเทือนด้วยยางรองแท่นเครื่องแบบ ACTIVE CONTROL ENGINE MOUNT กำลังสูงสุด 250 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาทีเท่าเดิม แต่เพิ่มแรงบิดสูงสุด จาก 30.2 เป็น 31.5 กก.-ม.ที่ 5,000 รอบ/นาที แต่ความพิเศษของ J30A เวอร์ชันนี้อยู่ที่ระบบ VARIABLE CYLINDER MANAGEMENT หรือระบบแปรผันการทำงานของห้องเผาไหม้ ซึ่งฮอนด้าเป็นผู้ผลิตญี่ปุ่นราย แรกที่นำเทคโนโลยีนี้มาใช้ ถัดจากเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส รุ่นปัจจุบัน เมื่อปี 1998 หลักการทำงานก็คือ ระบบนี้จะอาศัยเซ็นเซอร์ตรวจจับการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งการเปิด-ปิด ลิ้นปีกผีเสื้อ ความเร็วรถ ความเร็วรอบเครื่องยนต์  และลักษณะการเปลี่ยน เกียร์ มาร่วมคำนวน โดยเครื่องยนต์จะจ่ายส่วนผสมไอดีเข้าห้องเผาไหม้ครบทั้ง 6 สูบตามปกติ ในช่วงออกตัว เร่งความเร็ว หรือการขับขี่ในย่านความเร็วสูง แต่เมื่อลดความ เร็วมาอยู่ในระดับการขับขี่ธรรมดา หรือช่วง CRUISING ระบบจะสั่งให้ตัดการจ่ายส่วนผสมไอดีลงเหลือเพียง 3 สูบ โดยในห้องเผาไหม้ที่ถูกสั่งตัดการทำงาน วาล์วไอดีและ ไอเสียจะปิดตัว ไม่มีการรับหรือจ่ายไอดี-ไอเสียใดๆ แต่ลูกสูบจะยังคงเคลื่อนตัวขึ้นลงไปตามการทำงานของเพลาข้อเหวี่ยงตามปกติ ฮอนด้าเคลมว่าช่วยลดการสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงลง เหลือ 11.5 กิโลเมตร/ลิตร เมื่อวัดตามวิธีทดสอบแบบเฉลี่ย 10-15 โหมดของรัฐบาลญี่ปุ่น ขณะเดียวกัน ยังเพิ่มระบบ ACTIVE NOISE CONTROL เพื่อ ช่วยลดเสียงดังที่เกิดขึ้นขณะปรับเปลี่ยนโหมดการทำงานของห้องเผาไหม้ดังกล่าว ทั้งคู่จะเชื่อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ แบบมาตรฐาน ไม่มีโหมดบวก-ลบแต่อย่างใด และจะเชื่อมได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า กับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ DUAL PUMP แบบเดียวกับฮอนด้ารุ่นอื่นๆ ระบบกันสะเทือนเป็นแบบปีกนกคู่เสริมเหล็กกันโคลงทั้งหน้า-หลัง โดยด้านหน้า เสริมคานปีกนกล่างรูปตัว A ขนาดใหญ่ ขณะที่ด้านหลัง เสริมด้วย เทรลลิงอาร์ม พร้อมด้วยซับเฟรมหลังที่มีน้ำหนักเบา เพื่อช่วยลดเสียงรบกวนสู่ห้องโดยสาร บังคับเลี้ยวด้วยพวงมาลัยแร็กแอนด์พีเนียน รัศมีวงเลี้ยว 5.7 เมตร นอกจากนี้ ฮอนด้ายังยกเทคโนโลยีความปลอดภัยล่าสุดของตนที่ประะจำการอยู่ในโอดิสซีย์ และอินสไปร์ มาติดตั้งให้กับเอลิซิออง ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ชุดไฟหน้า HID แบบ AFS (ACTIVE FRONT LIGHTING  SYSTEM) มีชุดไฟดวงเล็กปรับมุมให้เบนตัวได้เองโดยอัตโนมัติด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าตามองศาการเลี้ยวของพวงมาลัย เพิ่มระบบ ควบคุมความเร็วคงที่และปรับระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ IHCC (INTELLIGENT HIGHWAY CRUISE CONTROL) ชุดกุญแจ SMART KEYพกรีโมทไว้กับ ตัว รถจะปลดล็อกหรือสั่งล็อกเอง เมื่อเดินเข้าใกล้หรือออกห่างรัศมีการทำงาน ไปจนถึงระบบเตรียมพร้อมก่อนเกิดอุบัติเหตุ CMS (COLLISION MITIGATION BRAKE SYSTEM) ทำงานร่วมกับระบบเข็มขัดนิรภัย E-PRETENSIONER และ เชื่อมกับระบบควบคุมการทรงตัว VSA (VEHICLE STABILITY ASSIST) และแทร็กชันคอนโทรล TCS หลักการทำงานก็คือ เรดาห์ที่ติดตั้งด้านหน้ารถยนต์จะส่งคลื่น ความถี่รูปตัว V ทำมุม 16 องศาเพื่อตรวจหาสิ่งกีดขวางและรถยนต์คันข้างหน้า ในระยะ 100 เมตร และรับคลื่นสัญญาณที่สะท้อนกลับมา ส่งให้กับกล่อง ECU ของระบบ CMS-ECU คำนวนผลร่วมกับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตามจุดต่างๆ ทั้งตรวจจับมุมของพวงมาลัย, ความเร็วในการหมุนของล้อ และแรงดันเบรก เพื่อประมวลและวิเคราะห์ถึง โอกาสเกิดการชน   ถ้าระบบพบว่าสภาวะขณะนั้นมีโอกาสชน ก็จะส่งแจ้งไปยังดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเพิ่มแรงเบรกขณะฉุกเฉิน BREAK ASSIST ให้เตรียมทำงาน และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่พร้อมกับ เข็มขัดนิรภัย 3 จุดคู่หน้าแบบ E-PRETENSIONER จะปรับความตึงโดยอัตโนมัติทันที และถุงลมนิรภัย คู่หน้า จะทำงานตามความเหมาะสม ส่วนถุงลมด้านข้างสำหรับเบาะคู่หน้า และม่านลมนิรภัยขนาดใหญ่ เป็นออพชันจากโรงงาน แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 20:29:21 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 20:27:19 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 20:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 56 **ความรู้สึกเมื่อได้ทดลองขับ** วินาทีแรกที่ก้าวขึ้นไปนั่งในตำแหน่งคนขับ บอกได้ถึงความหรู และความประณีต ตั้งใจทำอย่างดี คือ เอลิซิอองเนี่ยเป็นรถฮอนด้า 1 ในหลายๆรุ่นที่ผมชอบ ในแง่การออกแบบ แต่พอมาสัมผัสจริง ตัวรถอาจจะดูเล็กกว่า โตโยต้า อัลฟาร์ดและนิสสัน เอลแกรนด์นิดหน่อย แต่ถือได้ว่า เหมาะกับลูกค้าที่ไม่อยากได้รถที่มีขนาดใหญ่ เกินจำเป็นอย่างทั้งสองคันข้างต้น ภายในห้องโดยสารตกแต่งอย่างหรู สวยงาม และเนี้ยบ กว่าฮอนด้าหลายๆรุ่นที่ผมเคยเจอมา และถ้าเทียบในเวลานี้ รถฮอนด้าที่ผมถือว่า เนี้ยบและตั้งใจเลือกใช้วัสดุได้ดีมาก คงหนีไม่พ้นเอลิซิออง กับ เลเจนด์ ไม่เพียงเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าประทับใจของเอลิซออง อยู่ที่อัตราเร่งของเครื่องยนต์ ที่ผมถือว่า ทำได้ดีสมัยเป็นเครื่องยนต์ วี6 แม้จะใช้ระบบแปรผันวาล์วแบบ SOHC ก็ตาม และแน่นอนว่า ตอบสนองดีกว่าการนำเครื่องยนต์ K24A ใน CR-V และ แอคคอร์ด มาวางในรถขนาดใหญ่ คันนี้แน่ๆ อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่ทดลองจับแบบคร่าวๆ ได้ประมาณ 10 วินาที! ความเร็วสูงสุดที่ทำได้ในสนามทดสอบ อุณหภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส อ่านจากมาตรวัดความเร็วแบบดิจิตอล อยู่ที่ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไม่ทันได้ดูรอบเครื่องยนต์ ไม่มีการตัดการจ่ายเชื้อเพลิง หากมีแต่การปล่อยให้หมดความเร็วขึ้นไปจนสุดไปเลย ผมไม่กล้าเอาเอลิซิอองขึ้นเลนนสุดของทางโค้ง แต่นักขับคนนี้กล้าครับ.... และแน่นอนว่า ตัวรถก็ไปได้อย่างดี ไม่มีปัญหาอะไร ซูมเข้าไปดีๆ ก็จะทราบเองครับว่า ใคร อิอิ ระบบกันสะเทือนเซ็ตมาในแนวนุ่มนวล ไม่ได้มีความกระด้าง เหลืออยู่เลย แต่เป็นความนุ่มนวลที่ค่อนข้างจะเฟิร์ม เพียงพอ กับการใช้งานของชาวญี่ปุ่น ที่มีสภาพพื้นถนนค่อนข้างเรียบกริบ สรุปแล้ว ข้อดีของเอลิซิออง V; 3.0 ลิตร คือ เครื่องยนต์ สมรรถนะดีกว่าที่คิด อัตราเร่งช่วง 0-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ไหลขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไม่รั้งรอ แถมพกกระบบกันสะเทือนที่เน้นให้การโดยสารเป็นไปอย่างอภิรมณ์จริงๆ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 23:00:49 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 21:17:20 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 20:43:21 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 20:42:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อีกคันหนึ่ง ที่ผมรีบจ่อคิวขับต่อทันทีคือ... StepWGN หรือสเต็ปแวกอนโฉมใหม่ สเต็ปแวกอนเป็นรถตู้โดยสารขนาดกลางรุ่นแรกในประวัติศาสตร์ของฮอนด้า เผยโฉมครั้งแรกในงานโตเกียวมอเตอร์โชว์ 1995 ก่อนจะเริ่มบุกตลาดจริงเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 1996 และกลายเป็นรถยนต์อเนกประสงค์อีกรุ่นของฮอนด้าที่ประสบความสำเร็จ ถึงขั้นโค่นแชมป์รถตู้ขนาดกลางสำหรับครอบครัวขายดีสุดจากนิสสัน เซเรนาได้สำเร็จ รุ่นที่ 2 รหัสรุ่น RF เปิดตัวเมื่อ 6 เมษายน 2001 ยังคงสืบทอดเจตนารมณ์มินิแวนเพื่อเอาใจคุณหนูๆอย่างเหนียวแน่น จนขายดิบขายดีกว่าเก่า รุ่นล่าสุด เปิดตัวเมื่อ 26 พฤษภาคมที่ผ่านมาหยกๆ และกลายเป็นรถขายดีอันดับต้นๆในตารางชาร์ตรายนามรถขายดีของญี่ปุ่น สเต็ปแวกอนใหม่ รหัสรุ่น RG พัฒนาขึ้นภายใต้แนวคิด FUN-DERFUL MOVER สื่อถึงความพยายามของฮอนด้าในการยกระดับมินิแวนที่ตอบสนองอรรถประโยชน์ใช้สอยได้มากขึ้นกว่าเดิม ภายใต้ความยาวตัวถังเท่าเดิม 4,630 มิลลิเมตร กว้าง 1,695 มิลลิเมตร สูง 1,770-1,785 มิลลิเมตร ไม่ว่าจะเป็นการนำวิธีลดความสูงของพื้นรถและพื้นตัวถังลงมาพร้อมๆกัน เพื่อให้ความสูงห้องโดยสารวัดจากพื้นมีขนาดคงเดิม ซึ่งเป็นสูตรเดียวกันที่ใช้มาแล้วในโอดิสซีย์ใหม่ เลื่อนตำแหน่งล้อหน้า ให้เข้าใกล้คนขับมากขึ้น พร้อมกับเลื่อนตำแหน่งล้อหลังถอยร่นไปให้ใกล้กับทายรถมากขึ้น ส่งผลให้ระยะฐานล้อยาวขึ้นอีก 50 มิลลิเมตร เป็น 2,855 มิลลิเมตร ลดความสูงระหว่างพื้นถนนกับพื้นห้องโดยสารเหลือ 390 มิลลิเมตร เพื่อให้เข้าออกจากรถได้สะดวกยิ่งขึ้น รูปลักษณ์ภายนอก ฉีกแนวจากความเรียบง่ายสะอาดตาในรุ่นเดิม สู่ความโฉบเฉี่ยวด้วยแนวเส้นคาดข้างตัวถังเป็นแนวเฉียง ต่อเนื่องไปจนถึงชุดไฟท้ายที่ออกแบบให้ดูคล้ายกับไฟท้ายรถเก๋ง ชุดไฟหน้าติดตั้งอยู่ในตำแหน่งสูง กระจังหน้ามีขนาดใหญ่โตขึ้น ประตูผู้โดยสารบานเลื่อนทั้ง 2 ฝั่ง และฝากระโปรงหลัง เปิดปิดได้ด้วยสวิชต์ไฟฟ้า และรีโมทกุญแจ ไฟหน้าแบบ PROJECTOR DISCHARGE ปรับระดับสูงต่ำได้เองเมื่อมีผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขึ้น จนหน้ารถเชิดขึ้น ไฟหน้าจะประบระดับลดต่ำลง เพื่อลดการรบกวนสายตาผู้ขับขี่สวนไปมา จุดขายของสเต็ปแวกอนใหม่ อยู่ที่การออกแบบห้องโดยสาร ให้ยกระดับความสวยงามและความสบายไปอีกขั้น พื้นห้องโดยสารปูด้วยไม้ ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านมากขึ้น ตกแต่งด้วย 4 โทนสี ทั้ง เทา ดำ ไอวอรี และส้ม เพิ่มหลังคากระจกรับแสงได้ในบางรุ่น แผงหน้าปัดผสานเอาความชื่นชอบของลูกค้าจากแผงหน้าปัดของรุ่นเดิม ผสานกับรูปแบบการจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์ต่างๆในมินิแวนรุ่นยักษ์ ฮอนด้า เอลิซิออง ชุดมาตรวัดและหน้าจอบอกข้อมูลต่างๆ ย้ายขึ้นไปอยู่ด้านบน คล้ายกับฮอนด้า พรีลูดรุ่นปี 1991 ยกระดับความสูงของชุดมาตรวัดเพื่อช่วยลดการละสายตาคนขับจากถนน  นอกจากนี้ยังสั่งติดตั้งชุดเครื่องเสียง พร้อมปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย รวมทั้งระบบนำร่องด้วยชุดแผนที่จากฮาร์ดดิสก์ (HDD) และระบบสื่อสารอัจฉริยะ INTERNAVI พร้อมอุปกรณ์ ความบันเทิงสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ทั้งเครื่องเล่น DVD TV ช่องเสียบหูฟัง ฯลฯ ได้อีกด้วย เบาะนั่งแถวกลาง มีให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบ TUMBLE SEAT แบ่งพับในอัตราส่วน 6:4 พับพนักพิงให้แบนราบ และยกชุดเบาะคว่ำไปด้านหน้าได้ เพื่อการเข้าออกที่สะดวกสบาย หรือแบบ TIP UP & SLIDE SEAT สามารถปรับเอนนอน ยกเบาะรองนั่งขึ้น เลื่อนขึ้นหน้า-ถอยหลัง หรือปรับหมุน 180 องศาได้ ส่วนเบาะแถว 3 ใช้วิธี พับแล้วยกแขวนไว้กับเพดาน แบบเดียวกับโตโยต้า ฟอร์จูเนอร์ / อินโนวา บ้านเรานั่นเอง ขุมพลังยังคงเป็นบล็อก K แบบ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC เช่นเดิม แต่เชื่อมการทำงานด้วยระบบลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า DRIVE-BY-WIRE มี 2 ขนาดเช่นเดิม แต่มีการปรับปรุงสมรรถนะเล็กน้อย ทั้งรหัส K20A 1,998 ซีซี 155 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.2 กก.-ม. ที่ 4,500 รอบ/นาที สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 13.2 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน 10-15 โหมดของญี่ปุ่น มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ทั้งรุ่นขับล้อหน้าหรือขับสี่ล้อ และรหัส K24A 2,354 ซีซี 162 แรงม้า (PS) ที่ 5,700 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 22.2 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 12.2 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐาน 10-15 โหมดของญี่ปุ่น รุ่นขับล้อหน้า ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน CVT พร้อมปุ่มกดเพื่อล็อกอัตราทดได้ 7 จังหวะ บนพวงมาลัยเหมือนใน แจ้ส/ซิตี ส่วนรุ่นขับสี่ล้อ จะเชื่อมด้วยเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ เพิ่ม แทร็กชันคอนโทรล TCS ระบบควบคุมความเร็วคงที่และเพิ่ม-ลดระยะห่างจากรถคันหน้าอัตโนมัติ IHCC (INTELLIGENT HIGHWAY CRUISE CONTROL) ในหลายๆรุ่น ถึงแม้รายละเอียดในส่วนอื่นๆจะได้รับการปรับปรุงในทางที่ดีขึ้น แต่ในด้านระบบกันสะเทือน ถึงแม้ด้านหน้าจะยังคงเป็นแบบแมคเฟอร์สันสตรัต แต่ด้านหลังก็ยังชวนให้สงสัย เพราะเปลี่ยนจากปีกนกคู่ มาใช้คานทอร์ชันบีมแทน เพื่อส่งผลให้การเพิ่มขนาด ห้องโดยสารด้านหลังทำได้ง่ายดายขึ้น ส่วนรุ่นขับสี่ล้อ จะเพิ่มระบบกันสะเทือนหลังแบบ เดอดิออง เป็นพิเศษ พวงมาลัยแรคแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ ปรับระดับสูงต่ำ-ใกล้ไกลได้ รัศมีวงเลี้ยว 5.3 เมตร ด้านความปลอดภัย เสริมความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างตัวถังบริเวณคานด้านหน้า เสากรอบประตูหน้า A-PILLAR และเสากลาง B-PILLAR เพื่อรองรับและกระจายแรงปะทะได้ดีขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งติดตั้งระบบเตรียมพร้อมก่อนเกิดอุบัติเหตุ CMS (COLLISION MITIGATION BRAKE SYSTEM) ยกชุดมาจากฮอนด้า อินสไปร์ ทำงานร่วมกับระบบเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติและลดแรงปะทะ E-PRETENSIONER และเชื่อมกับระบบควบคุมการทรงตัว VSA (VEHICLE STABILITY ASSIST) หลักการทำงานก็คือ เรดาห์ที่ติดตั้งด้านหน้ารถยนต์จะส่งคลื่นความถี่รูปตัว V ทำมุม 16 องศาเพื่อตรวจหาสิ่งกีดขวางและรถยนต์คันข้างหน้า ในระยะ 100 เมตร และรับคลื่นสัญญาณที่สะท้อนกลับมา เพื่อส่งให้กับกล่องสมองกลของ ระบบ CMS-ECU คำนวนผลร่วมกับข้อมูลจากเซ็นเซอร์ตามจุดต่างๆ ทั้งตรวจจับมุมของพวงมาลัย, ความเร็วในการหมุนของล้อ และแรงดันเบรก เพื่อประมวลและวิเคราะห์ถึงโอกาสเกิดการชน  ถ้าระบบพบว่าสภาวะขณะนั้นมีโอกาสชน ก็จะส่งแจ้งไปยังดิสก์เบรก ทั้ง 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรก EBD และระบบเพิ่มแรงเบรกขณะฉุกเฉิน BREAK ASSIST ให้เตรียมทำงาน และส่งสัญญาณเตือนผู้ขับขี่พร้อมกับ เข็มขัดนิรภัย 3 จุดคู่หน้า E-PRETENSIONER จะปรับความตึงโดยอัตโนมัติทันที และ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านลมนิรภัย รวม 6 ใบ จะทำงานตามความเหมาะสม ------------------------ ผมเพิ่งลงมาจากเอลิซิออง ทางเจ้าหน้าก็เอา StepWGN คันที่ผมจ่อคิวไปจอดเก็บ ผมก็งงสิ สต๊าฟญี่ปุ่นเห็นเข้า เลยขับกลับมาจอดตรงที่เห็นนี้ให้ผม กำลังจะขึ้นขับ กำลังจะปรับที่นั่ง น้าช่างภาพแกก็กด..แชะ! เฮ้ยยยยย กะจะไม่ให้ตั้งท่ากันเรยเรอะเพ่! เห็นผ้าปิดแผลกันพอดี แผลที่เกิดจาก "ฝี" ฝีที่เกิดขึ้นจาก "รถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน"!! (เปล่าหรอกครับ คือผมเช็ดรถ แล้วแขนมันไปปาดโดนตัวถัง ที่ยังมีฝุ่น จนติดเชื้อหนะครับ ตอนนี้หายเกือบหมดแล้วครับ) แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 21:05:13 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 21:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ** ความรู้สึกเมื่อได้ทดลองขับ ** ถ้าคิดว่าสเต็ปแวกอน คือเวอร์ชันจูเนียร์ ของเอลิซิออง แล้วละก็ คงต้องบอกว่านั่นเฉพาะแค่ ตำแหน่งการตลาด และความสบายในห้องโดยสารเท่านั้นครับ ห้องโดยสารหนะ น่าใช้จริงๆ ไม่เถียง กระจก Sky roof เป็นแนวๆแถบๆ บนหลังคา สร้างบรรยาศในการเดินทางที่ดีทีเดียว การควบคุมอุปกรณ์บนแผงหน้าปัด ใช้งานได้ง่ายดี ตามสไตล์ของฮอนด้า แต่...พอเรามาดูในเรื่องสมรรถนะกันแล้ว อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง วัดคร่าวๆอยู่แถวๆ 13 นาที ความเร็วสูงสุด จากมาตรวัดบนแผงหน้าปัด 182 กิโลเมตร/ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เสียงลม เริ่มดังเข้ามาในห้องโดยสาร ตั้งแต่ความเร็วระดับ 120 กิโลเมตร/ชั่วโมงขึ้นไป และจะดังมากขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อความเร็วขึ้นไปถึง 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ซึ่ง เอลิซิออง จะเงียบกว่า สเต็ปแวกอน เยอะ ที่ความเร็วระดับเท่ากัน ) สรุป  สเต็ปแวกอน ยังไม่ใช่ เอลิซิออง จูเนียร์ ในแง่ความเป็นจริง แต่ยังคงเป็นมินิแวนสำหรับขับเรื่อยๆ ใช้งานในเมืองได้อย่างดี ช่วงล่างเน้นความสบาย เพื่อการโดยสาร เป็นสำคัญ จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 21:25:36 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เอิ้วววซฺ ชอบซีวิคใหม่จัง บางสีก็ส๊วยยย สวย บางสีก็ดูธรรมด๊า ธรรมดา บ้านมาก AIRWAVE จะเข้ามาขายในไทยไหมอ่า ? จากคุณ : [JUSTIN] - [ 2 พ.ย. 48 21:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เมื่อกลางปี ไปทำรีเสิร์ช ที่บ.ยักษ์ใหญ่ย่านสีลมมา เค้าเอาเจ้าโมบี้กะแอร์เวฟมาให้ลองนั่ง มีใครเคยไปมั่ง จำได้ไหม แอร์เวฟภายใน คอนโซลดูสปอร์ตดุดันมากๆ ที่นั่งมีแค่2แถว หลังคา Sky Roof อันนี้ชอบมากๆ ขนาดของรถก็น้องๆสตรีมได้ แต่เครื่องเล็กกว่าเยอะ แต่ความเห็นส่วนใหญ่ของกลุ่มของผมที่ไปทำ ลงความเห็นกันว่าชอบเจ้าโมบี้ที่สุด ภายในกว้างขวางมาก เบาะแถวสาม ขึ้นลงสบายพอตัว หลังจากนั้นก็ได้แต่ลุ้นกับเพื่อนว่า ฮอนด้าไทยจะปั๊มตัวไหนมาขายกันแน่ แต่ที่คาดราคาคงไม่ถูกแหง๋ๆ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 21:50:47 จากคุณ : RH_MayBee - [ 2 พ.ย. 48 21:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 61 โอ้ว... ตอนขับรถเนี่ย หน้าเฮียลอยโดดเด่นเป็นสง่าเลยแหะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 21:53:03 จากคุณ : JBP Underground - [ 2 พ.ย. 48 21:49:21 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เอาละครับ ขับเสร็จแล้ว เรามาคุยกับ วิศวกรหัวหน้าโครงการพัฒนาซีวิค UH - Project กันดีกว่า Mr.Shinichi Takahashi จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 21:56:14 ]

ความคิดเห็นที่ 63 การตอบข้อซักถาม เรามีล่ามแปลกิตติมศักดิ์ ครับ พี่สุธี ซึ่งเป็นทั้งอาจารย์ คอลัมนิสต์อิสระ และ เขียนในนิตยสาร Brandage และเป็นพ่อของลูกที่ รักคณิตศาสตร์เอาเรื่องเลยทีเดียว มาเป็นล่ามให้กับกลุ่มเราตลอดทริปนี้ครับ J!MMY : การทำเสาหลังคา A-Pillar คู่หน้า ให้ล้ำมาข้างหน้า มีเหตุผลอย่างไรบ้าง? Takahashi-san : การทำให้รูปลักษณ์ของรถ ดูดีจากภายนอก เป็นเรื่องที่ยากมาก ดังนั้น เราจึงออกแบบให้เสาหลังคา ล้ำออกมาข้างหน้าเพื่อความสวยงามเป็นหลัก แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 22:19:13 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 22:13:48 ]

ความคิดเห็นที่ 64 J!MMY: แล้วเรื่องความปลอดภัย จากการชน ไม่ได้เป็นเหตุผลในการออกแบบลักษณะนี้เลยหรือ? Takahashi-san : เนื่องจากเราใช้หน้าจอแบบ MultiPlex Meter ออกแบบให้อยู่สูง เพือลดการสะท้อนสายตา ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องยื่นขอบล่างกระจกบังลมหน้าออกไป อีก 26 เซ็นติเมตร เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยให้ดีขึ้น ดังนั้น ความปลอดภัยจากการชนก็จะดีขึ้นตามไปด้วย แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 22:20:54 จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 22:16:30 ]

ความคิดเห็นที่ 65 J!MMY ; มีแรงบันดาลใจในการเซ็ตระบบกันสะเทือนของซีวิคใหม่ อย่างไรบ้าง? Takahashi-san ; ที่ผ่านมา การเซ็ตรถให้มี handling ดีขึ้นนั้น ปกติ นั่นย่อมหมายความว่า เลี้ยวได้ฉับไว คล่องตัว แต่นั่นจะทำให้ระบบกันสะเทือนแข็งขึ้น ดังนั้น จึงต้องหาจุดสมดุลย์ของการเซ็ต โดยในซีวิคใหม่ มีการเซ็ตเพื่อมุ่งเน้นให้ขับขี่ทางไกลได้สบายยิ่งขึ้น ให้ทุกการควบคุมเป็นแบบ On-Center จริงๆ คือ ไม่ต้องไปปรับตั้งตำแหน่งพวงมาลัยและพนักเบาะนั่ง กันใหม่บ่อยๆ ในระหว่างจอดรถพักกลางทาง J!MMY ;  ระยะฐานล้อที่ยาวออกไปถึง 2,700 มิลลิเมตร นั่นยาวกว่า แอคคอร์ด เวอร์ชันญี่ปุ่น/ยุโรป อย่างมาก แล้วอย่างนี้ ลูกค้าชาวญี่ปุ่นจะไม่หนีที่ซีวิคใหม่กันหมดหรือ? Takahashi-san ; อาจจะมีก็ได้...คือ..เรื่องนี้ มันเป็นปัญหาของทีมออกแบบแอคคอร์ดเขา.... (ตอบได้ตรงไปตรงมาม้ากเจงๆ) จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 22:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 66 พี่มั่ว ฐานเศรษฐกิจ..(คือ เป็นชื่อเล่นพี่เค้าจริงๆครับ3 ทั้งวงการเรียกันแบบนี้มานานแล้ว ผมก็ไม่ทราบอ่ะครับว่า เป็นชื่อเล่นจริง หรือมีที่มาอย่างไร ขออภัยนะคร้าบ) เอาใหม่... พี่มั่ว ; ทำไมขยายเครื่องยนต์ เป็นขนาด 1.8 ลิตร? Takahashi-san ; ที่ผ่านมา เครื่องยนต์ บล็อก D มีการผลิตมานานกว่า 17 ปีแล้ว ทีนี้หากจะขยายขนาด ความจุกระบอกสูบ คงทำไมได้มากไปกว่านี้แล้ว นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เราพัฒนาเครื่องยนต์บล็อกใหม่ขึ้นมา (เสริมถึงผู้อ่าน ; แสดงให้เห็นว่า โจทย์ของฮอนด้า มองเรื่องการตลาดไว้พอสมควรว่า ในขณะที่คู่แข่ง ในญี่ปุ่นเอง รุ่น 1.6 ลิตร ไม่มีแล้ว ถ้าไม่ใช่ 1.5 ลิตร ก็เป็น 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตรไปเลย ดังนั้น ไหนๆก็ไหนๆ ทำไมไม่ทำรุ่น 1.8 กันไปเลย เพราะตัวรถจะได้สร้างให้ใหญ่ ก้ำกึ่งกับโคโรลล่า และ พรีอุส รวมทั้ง พรีมีโอ/อัลลิออน ไปเลย ขณะที่เวอร์ชันอื่นๆทั่วโลกก็จะได้ชื่อว่าเป็นคอมแพกต์ คาร์ ที่ใหญ่ที่สุดในตลาด ไปในตัว..อืมม ทำรถตามผลวิจัยตลาด ถ้าทำอย่างเข้าใจ และทันตามกระแสการเปลี่ยนแปลง รถที่ออกมาก็จะ โดนใจผู้บริโภค การเดาใจลูกค้าล่วงหน้าถึง 3 ปี คือเรื่องที่ยากมาๆของผู้ผลิตรถยนต์ทุกราย) -------------------------- ถึงตรงนี้ พี่เรวดี พีอาร์น่าร้าก ของเรา มาบอกผมว่า ซีวิค คันสีเงิน ที่จองไว้ ตอนนี้ถึงคิวแล้ว... ผมเลยผละออกไปขับซีวิค อีกครั้ง เพื่อจะจับฟีลลิ่ง และจับตัวเลขบางอย่างที่ไม่ได้จับในตอนแรก ---------------------------- ทันทีที่เข้าสู่สนามฯ ผมก็กดคันเร่งจนสุดทันที เครื่องยนต์ R18A ใหม่ ประสานงานกับเกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะใหม่ ได้ดี นุ่มนวล ต่อเนื่อง และไต่ระดับความเร็ว ขึ้นไปได้ว่องไวมาก อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง จับเวลาคร่าวๆ ได้แถวๆ 11.5 วินาที!!!! (อย่าลืมนะครับ อุณหภูมินะ 20 องศาเซลเซียสนะครับ) ความเร็วสูงสุด จากชุดมาตรวัด แบบดิจิตอล 189 กิโลเมตร/ชั่วโมง ณ รอบเครื่องยนต์ 5,300 รอบ/นาที เกียร์ ถูกเซ็ตให้ตัดเปลี่ยนเกียร์ ที่รอบเครื่องยนต์ 6,500 รอบ/นาที ------------------------------- จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 22:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 67 การตอบสนองด้านระบบกันสะเทือน ถ้าพูดตรงๆคือ ดีขึ้นกว่ารถรุ่นเดิม ไดเมนชัน อย่างเห็นได้ชัด ดีอย่างไร? ดีตรงที่ว่านุ่มนวลยิ่งขึ้น ความกระด้างเมื่อเจอลูกระนาด หรือทางรถไฟในความเร็วต่ำลดลงไปพอสมควร ยิ่งการตอบสนองของแป้นเบรกแล้ว ค่อนข้างดีกว่ารุ่นเดิม แป้นเบรกเซ็ตมาตื้นกว่ารุ่นเดิม และฟีลลิงของเบรก ในเบื้องต้นที่ได้ทดลองคือ  แน่นขึ้น และให้ความมั่นใจได้ดีขึ้น และถ้าใครคิดจะซื้อไดเมนชัน ช่วงนี้ ด้วยหวังแคมเปญพิเศษละก็ ผมเรียนให้ทราบตามตรงว่า ผมไม่แน่ใจที่จะแนะนำแบบนั้นกับคุณ เพราะรุ่นใหม่ ขับดีกว่ารุ่นเดิมพอสมควรเลยทีเดียว ผมมองว่า ฮอนด้าเซ็ตซีวิคใหม่ไปในแนวที่น่าจะรับได้ ทั้งคนขับประเภทวัยรุ่น หรือประเภทผู้ใหญ่ เพราะรถ จะเซ็ตมาราวกับว่าเอาใจคนทุกกลุ่มมากที่สุดเท่าที่ ซีวิคทุกรุ่นเคยมีมา แต่รถจะไม่ใช่แนวสปอร์ตแน่นๆ แบบมาสด้า 3 อย่างไรก็ตาม ระบบกันสะเทือน นุ่ม แต่หนักแน่น ให้ความมั่นใจได้ในระดับที่ เกือบๆจะเท่ามาสด้า 3 ผมอยากได้อะไรในตอนนี้? ผมอยากได้ บอดี้ และฟีลลิงของรถทั้งคันแบบมาสด้า 3 แต่ขอเครื่อง เกียร์ และขนาดห้องโดยสารที่ใหญ่โต ของซีวิค.... เป็นส่วนผสมที่ยากจะเป็นไปได้ในโลกแห่งความเป็นจริง ------------------------------------- ความรู้สึก ที่นำรถขึ้นเลนความเร็วสูงแบบนั้น บอกตรงๆว่า ตื่นเต้นและมีลุ้นเหมือนกันนิดๆ คือ มันง่ายๆ ครับ แค่กดให้ได้ความเร็วถึงระดับเกินกว่า 150-160 กิโลเมตร/ชั่วโมงต่อเนื่อง ถึงทางโค้งแบบนี้ ก็เพียงแค่ บังคับพวงมาลัยให้เลี้ยวไปทางว้ายนิดๆ ประคองรถให้อยู่ในเลนด้วยพวงมาลัย นิดเดียวก็พอ แต่ความตื่นเต้น มันอยู่ที่ ความอิสระ ในขณะไต่อยู่บน ถนนที่โค้งแบบนั้น ความอิสระดังกล่าว เกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันทั้งจากความเร็วรถ และแรงเหวี่ยงระดับ 1G ซึ่งยังถือว่าเหวี่ยงพอสนุก จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 23:16:54 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ดูจากรูปเหมือนไม่น่าจะชันมากใช่ไหมครับ? โอเคงั้นดูรูปนี้แล้วกันนะครับ ว่าชันขนาดไหน... จากคุณ : JIMMY - [ 2 พ.ย. 48 23:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 69 โอ๊ว แค่ 1.8 กวด วีโก้ 3.0 ได้สบาย ๆ (แต่ผมสนใจสองลิตรมากกว่าครับ) ขอขอบคุณมากครับ คุณจิมมี่ ที่ รีวิวให้ดู แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 23:49:53 จากคุณ : MR.Ping - [ 2 พ.ย. 48 23:48:03 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คุณJimmy ถ้าว่างช่วยไปดูข้อสงสัยผมหน่อยนะครับ http://www.pantip.com/cafe/ratchada/topic/V3852081/V3852081.html แก้ไขเมื่อ 02 พ.ย. 48 23:51:52 จากคุณ : จอมโหดกระทะเหล็ก - [ 2 พ.ย. 48 23:51:06 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ง่า...ไปนอนแล้วเหรอครับ จากคุณ : Q'Taro - [ 3 พ.ย. 48 00:38:53 A:58.9.148.10 X: TicketID:104268 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไปตอบให้แล้วครับ ---------------------- ยังไม่จบ ยังมีอีกพักใหญ่ครับ ---------------------------- เอาละ เอารถกลับมาคืนแล้ว มานั่งคุยกับ Takahashi-san กันต่อดีกว่า ----------------- ระหว่างที่ผมไม่อยู่นี้ มีการสอบถามปัญหากันพอสมควร มีข้อสงสัยขึ้นมาว่า อแอกซิเจนเซ็นเซอร์ ที่มีไว้ 2 ตัว มีไว้ทำไม วิศวกรญี่ปุ่นตอบยังไม่ถึงกับกระจ่างนัก แต่ก็ยอมรับว่า ตัวบนมีไว้เปฌ็น rough Sensor ตัวล่างถือเป็น ตัวคอนเฟิร์มอีกครั้ง รวมทั้งคำถามที่ว่า น้ำมันเกียร์อัตโนมัติปกติ ฮอนด้ามักแนะนำให้ใช้แต่ของฮอนด้าเท่านั้น แต่ ถ้าจะใช้ยี่ห้ออื่นที่มีมาตรฐานทัดเทียมกันจะได้ไหม วิศวกรญี่ปุ่นเขาตอบไม่ได้ครับในคำถามนี้ ---------------------- เก็บตกคำถามดีกว่า Q : ระยะการออกแบบใช้เวลานานไหม สำหรับซีวิคใหม่ Takahashi-san ; 3 ปี Q : น้ำมันที่ใช้ ควรใช้ออกเทนอะไรได้บ้าง ใช้ 91 ได้ไหม? วิศวกรญี่ปุ่นคนอื่น ; ใช้ เกรด 91 ครับ J!MMY : เซ็ตช่วงล่าง เหมือนหรือแตกต่างันในแต่ละทวีปอย่างไร? Takahashi-san ; การเซ็ตระบบกันสะเทือนนั้น เซ็ตมาเป็น 2 แบบ คือ - Normal version ใช้ในเวอร์ชันอเมริกัน ญี่ปุ่น และไทย - Hi- low clearance ใช้ในบางเวอร์ชันเช่น จีน Gap ระยะห่าง ระหว่างยาง จนถึงขอบซุ้มล้อ อยู่ที่ 15  มิลลิเมตร แต่ในรุ่นปกตินั้น ความสูงจากพื้นถนนถึงพื้นตัวถัง อยู่ที่ 154 มิลลิเมตร J!MMY ; แต่ละตัวถัง ทั้งซีดาน คูเป้ และแฮตช์แบ็ก set handling แตกต่างกันแค่ไหน Takahashi-san ; เหมือนๆกัน (ตรงนี้ส่วนตัวผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ช่างเถอะครับ) ---------------------------- เสร็จจากคำถามสุดท้าย ได้เวลาที่เราจากลาสถานีที่ 2 ขึ้นรถบัส เพื่อไปยังสถานีที่ 3 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากนี้เท่าใดนัก ทุกสถานีที่เราไป ขากลับ ทีมวิศวกรจะโบกมือบ๊ายบายให้เรา อารมณ์คล้ายๆกับเรากำลังขึ้นรถนักเรียนของเด็กอนุบาล (ฮา) จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 01:10:45 ]

ความคิดเห็นที่ 73 และแล้ว เราก็มาถึงสถานีสุดท้ายกันเสียที สถานีนี้ เป็นคอร์ส ทางโค้ง ความยาวสนามไม่มากกนัก แต่ว่า แต่ละโค้งนั้น เจ้าหน้าที่สนามบอกว่า ไม่ควรเข้าโค้งเกินกว่า 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง (เอาเข้าจริง ก็เกินกว่านั้นทุกคันละครับ) ตอนแรก สนามนี้ เราจะต้องได้ทดลองขับ Honda S2000 แต่อย่างที่บอกในตอนต้นครับ นักข่าวจีน พามันไปนอนเล่นที่พงหญ้าข้างทางเสียแล้ว อดเรยตู ฝากไว้ก่อนนะ ฮึ่ม! ---------------------------- (สีหน้าเคียดแค้นมาก จ้องจะกินนักข่าวจีนคนนั้น...หึหึ) [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 01:20:26 ]

ความคิดเห็นที่ 74 แต่เอาเถอะ ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อย ผมก็ได้ลองรถที่อยากจะลองอยู่คันนึง นอกเหนือจากซีวิคใหม่ และ อีดิกซ์ (Edix) และรถต้นแบบ FCX Fuel Cell ในสถานีนี้.... Honda Integra Type-S (ลืมบอกไปนิด ตอนที่รอเจ้าหน้าที่สนาม ปล่อยรถออกมานั่น ผมลองเปิดวิทยุที่ติดมากับเจ้าอินเทกรา ขอบอกว่า เสียงดีใช้การได้แม้เป็นภาครับวิทยุ บังเอิญตอนนั้น สถานีวิทยุที่นั่นเล่นเพลง I like chopin พอดี รู้สึกเลยว่า มันได้ฟีลมากๆ เลยเปิดทั้งซันรูฟ และเปิดเสียงเพลงที่ว่านี้ คลอไปเบาๆ ไม่ดังมาก เพื่อไม่ให้รบกวนสมาธิตัวเอง ตอนที่ขับน้องส้ม ถลาลม อยู่ในโค้ง 2 รอบนั้น.... มีความสุขจริงๆ ครับ ขับรถสปอร์ต เปิดเพลง เปิดซันรูฟ ถลาร่อนไปตามโค้งเรียบๆในสนามทดสอบ ขณะที่ อุณหภูมิกำลังเย็นสบายที่ 20 องศาฯ) จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 01:31:25 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อินเทกราใหม่ /AcuraRSX มีรหัสตัวถัง LA-DC5 พัฒนาขึ้นบนพื้นตัวถังแบบ GLOBAL PLATFORM ร่วมกับซีวิคใหม่ทุกตัวถัง เอ็มพีวีรุ่นสตรีม และสเต็ปแวกอนใหม่ โดยในรุ่นก่อนๆ อินเทกราจะมีรุ่นย่อยให้เลือกมากมาย ทั้งบนพื้นฐานของรุ่นคูเป้และฮาร์ดท็อปซีดาน แต่ในรุ่นล่าสุดนี้ ฮอนด้ากลับเปิดโอกาสให้ลูกค้าได้เลือกเพียงแค่ 3 รุ่นย่อยทั้งแบบ มาตรฐาน Type- S เกียร์ธรรมดา หรืออัตโนมัติ และแบบแรงมาแต่เกิดในรหัส TYPE-R บนพื้นฐานของตัวถัง 2 ประตูคูเป้ เพียงแบบเดียวเท่านั้น โดยเป็นรุ่นแรกที่กลับมามีเสา ขอบประตูอีกครั้งนับแต่ปี 1989 รูปลักษณ์บนตัวถังที่มีความยาว 4,385 มิลลิเมตร กว้าง 1,725 มิลลิเมตร สูง 1,400 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อยาว 2,570 มิลลิเมตร เน้นความปราดเปรียวโค้งมนไม่แพ้รุ่นก่อน ด้วยไฟคู่หน้าแบบกลม 2 เลนส์ ซ่อนไว้ในกรอบแบบสามเหลี่ยม ขอบล่างของแต่ละเลนส์เว้ายื่นออกมากินพื้นที่ของกันชนหน้าทรงสปอร์ตที่ฝังกระจังหน้าเป็นชิ้นเดียวกัน รูปแบบ นี้เกิดขึ้นเหมือนกันกับเลนส์ไฟเบรคของชุดไฟท้าย ขณะที่ช่วงระยะห่างจากล้อจนถึงมุมกันชนหรือ โอเวอร์แฮงค์สั้นกว่ารุ่นเดิม และเสาหลังคา C-PILLAR ที่โค้งเว้าเป็นแนว ต่อเนื่องจากกระจกโอเปราด้านหลัง จนถึงประตูห้องเก็บสัมภาระ ขณะที่ห้องโดยสารแทบไม่ต่างจาก RSX โดยในรุ่น TYPE-R เพิ่มความเท่ภายนอกด้วยชุดแอโรพาร์ทรอบ คัน เปลี่ยนโลโก้ฮอนด้าเป็นพื้นสีแดง ล้ออัลลอยลายใหม่ 17 นิ้ว ส่วนภายในเท่ด้วยเบาะบักเก็ตซีทสีแดงสด,น้ำเงินและดำจาก RECARO พวงมาลัยทรงใหม่พร้อมถุงลมนิรภัย จาก MOMO ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 360 มิลลิเมตร แถมด้วยถุงลมนิรภัยฝั่งผู้โดยสารและด้านข้างรวม 4 ใบ พร้อมจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็กมาตรฐาน ISOFIX ที่เบาะ หลัง ขุมพลังที่จะสร้างความเร้าใจในอินเทกรา มีให้เลือก 2 ความแรงบนพื้นฐานเดียวกันกับรุ่น RSX ในรหัส K20A 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,998 ซีซี พร้อมเทคโนโลยีวาล์ว แปรผัน i-VTEC แบบเดียวกับในสตรีม สเต็ปแวกอน และซีวิค ไทป์อาร์ ยูโรเวอร์ชัน โดยในรุ่น iS จะมีกำลังสูงสุด 160 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.5 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้าด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ 5 จังหวะแบบขั้นบันได GRADE LOGIC SPORT SHIFT ให้อัตราสิ้นเปลือง เชื้อเพลิงตามค่าเฉลี่ย 10-15 โหมดจากรัฐบาลญี่ปุ่นถึง 14.8 กิโลเมตร/ลิตร ส่วนในรุ่น TYPE-R ที่หลายคนยังกังขาว่าจะมีสมรรถนะสู้กับคู่แข่งได้มากน้อยแค่ไหน เพราะใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ผิดกับทั้ง อีโว 7 และ WRX ที่ต่างก็ใช้ขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งฮอนด้าไม่สู้ถนัดนัก วางขุมพลังบล็อกเดียวกัน แต่ต่างกันที่ฝาครอบเครื่องยนต์เป็นสีแดง และถูกปรับปรุงให้มีท่อทางเดินไอดี (INTAKE MANIFOLD) สั้นกว่าเดิม ทำให้ ตัวเลขกำลังสูงสุดที่พุ่งไปหยุดที่ 220 แรงม้า (PS) ที่ 8,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 21.0 กก.-ม.ที่ 7,000 รอบ/นาที แรงกว่า RSX TYPE-S ในสหรัฐอเมริกาถึง 20 แรงม้า (PS) โดยจำกัดรอบเครื่องยนต์สูงสุดที่หมุนได้ ณ 8,400 รอบ/นาที ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามค่าเฉลี่ย 10-15 โหมด ที่ 12.4 กิโลเมตร/ลิตร ส่งกำลังสู่ล้อคู่หน้า ด้วยเกียร์ธรรมดาอัตราทดชิด (CLOSE RATIO) 6 จังหวะ ที่มีความยาวเพียง 260 มิลลิเมตร (สั้นกว่ารุ่นก่อน 20 มิลลิเมตร) และมีน้ำหนักเพียง 53.2 กิโลกรัม (จากเดิม 55.7 กิโลกรัม) คงพอจะทำให้อุ่นใจได้บ้าง โดยทั้ง 2 เวอร์ชันผ่านมาตรฐานมลพิษในระดับ LEV-II แล้ว และทั้งคู่เติมได้แต่น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าออกเทน RON 100 เท่านั้น (หรือที่ชาวญี่ปุ่นรู้จักในชื่อ พรีเมียมแกสโซลีน) ระบบกันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลงหน้าขนาดใหญ่ หลังแบบปีกนกคู่ขนาดเล็กกว่าเก่า ที่ใช้ร่วมกับซีวิค,สตรีมและสเต็ปแวกอนใหม่ ถูกปรับปรุง ให้เกาะถนนและมีเสถียรภาพดีขึ้นด้วยสปริงและโช้คอัพที่แข็งกว่าธรรมดาเพื่อรองรับกับความแรงของเครื่องยนต์ ขณะที่ระบบเบรคเป็นแบบดิสค์ทั้ง 4 ล้อ พร้อมเอบีเอส แบบ 3-CHANNEL โดยจานเบรคหน้าของรุ่น TYPE-R จะใช้ของ BREMBO สวมทับด้วยยางขนาด 205/55R16 ทั้งหมดนี้อัดแน่นในโครงสร้างนิรภัย G-CON ที่ถูกออกแบบ ให้เพิ่มความแข็งแกร่งกว่าเดิม ทนต่อการบิดตัวมากขึ้นถึง 116% ทนต่อแรงโยนตัวหน้า-หลัง 35% และ 78% รวมทั้งทนต่อการโยนตัวจากซ้ายและขวา 64% (ในรูป คนขับคือ พี่เอก อโณทัย เอี่ยมลำเนา แห่งหนังสือ XO กรังด์ปรีซ์และงาน บางกอกมอเตอร์โชว์ ครับ) จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 01:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ** ความรู้สึกหลังทดลองขับ ** สนามสั้นๆแค่นี้ ขับได้ 2 รอบ ทันทีที่คุณภควัต จากฝ่าย Product planning (ตี๋ ขาว สุดหล่อโคตรๆ!) ชี้แจงเรื่องรูปแบบสนาม และข้อจำกัดต่างๆ ผมก็รีบกระเถิบร่างอ้วนๆ ไปใกล้ๆ บอร์ดจองคิวรถ พอได้เวลาเปิดให้จองปุ๊บ ขณะที่คนอื่น เขาคิดจะจับจอง ซีวิคใหม่ ผมก็ชิงลงชื่อบุ๊ค "น้องส้ม"เค้าได้ก่อนใคร คิกๆ.... พอเข้าสู่สนาม ผมไม่มีเวลามากพอเหมือนอย่าง 2 สนามแรก ดังนั้น ต้องรีบจับอาการรถกันหน่อย จับมาได้แค่นิดเดียวครับ ที่แน่ๆคือว่า เมื่อคุณได้ลองขับอินเทกราแล้ว พอเปลี่ยนไปขับซีวิคคุรจะพบความแตกต่างได้แน่นอน ตามคาด อินเทกรา มีโครงสร้างตัวถังที่ถือได้ว่าดีคันหนึ่ง เวลาเข้าโค้งนั้น เพื่อความปลอดภัยความเร็วที่ใช้ในนั้น คงจะเข้าได้แค่ระดับ ต่ำกว่า 80 กิโลเมตร/ชั่วโมงลงมา ฟีลลิงพวงมาลัย ไม่ถึงกับคมแบบชัดๆ แต่ให้ความคล่องตัวที่ดี สำหรับคนที่ไม่คุ้นชินรถสปอร์ต เบรกเซ็ตมาใช้ได้ กำลังดี สรุปได้แค่คร่าวๆ จากที่ได้ลองแค่ 2 รอบนี้ว่า ก็เป็นรถขับหน้าที่เซ็ตมาให้เข้าโค้งดีๆ คันหนึ่ง อาการหน้าดื้อ หรือ Understeer มีไม่มากนัก ขณะที่ซีวิคใหม่ จะมีอาการหน้าดื้อ ชัดขึ้นมาอีกนิดนึง แต่ชัดที่สุด หนีไม่พ้น อีดิกซ์....เดี๋ยวเราค่อยว่ากันต่อไป ที่แน่ๆคือ ผมขับแล้วผมชอบนะ ขนาด Type-S ซึ่งเซ็ตมาให้ไม่ aggressive มากเท่าType-R ยังขับดีอย่างนี้ แล้วถ้า Type-R ละ?จะขนาดไหน? แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 01:56:18 จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 01:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เอาละ ก่อนจะคุยกันส่งท้ายในเรื่องซีวิค เราคงต้องยกเจ้านี่ขึ้นมาพูดันนิดนึง Honda Edix / FR-V ทาดาอากิ ซึโนดะ หัวหน้าทีมพัฒนา เล่าว่า ชื่อรุ่น Edix มาจากการนำคำว่า Edit กับคำว่า six ในภาษาอังกฤษมารวมกัน สื่อถึงจุดขายสำคัญอยู่ที่การจัดวางตำแหน่งเบาะนั่ง ทั้ง 6 ที่แยกชิ้นอิสระจากกัน เรียกว่า 3 by 2 โดยเบาะแถวหน้า จะมีเบาะนั่งตรงกลางปรับเลื่อนถอยหลังได้ 270 มม.ติดตั้งเพิ่มเข้ามา ให้พ่อแม่นำบุตรหลานมานั่งใกล้ชิด ให้ดูแลสะดวกขณะขับขี่ หรือพับพนักพิงลงเพื่อเป็นที่วางแขนและสิ่งของจุกจิกได้ ขณะที่เบาะแถวหลังแบ่งออกเป็น 3 ชิ้น แยกพับได้อิสระเพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของจาก 439 เป็น 1,049 ลิตร (VDA) นอกจากนี้เบาะชิ้นกลางจะเลื่อนถอยหลังไปได้ 170 มม.สอดคล้องกับเบาะกลางแถวหน้า เพิ่มความสะดวกด้วยระบบนำร่องผ่านดาวเทียม GPS ใช้แผนที่จากฮาร์ดดิสก์ พร้อมระบบสื่อสารบันเทิง InterNavi Premium Club ระบบเปิดประตู Smart Card key พร้อมระบบ Immobilizer เปิดประตู และติดเครื่องได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ ถุงลมนิรภัยคู่หน้ามีมาให้ทุกคัน แต่ถุงลมด้านข้างและม่านลมนิรภัยเป็นออพชันพิเศษ เข็มขัด นิรภัย 3 จุดทุกที่นั่ง คู่หน้าเป็นแบบลดแรงปะทะ/ดึงกลับอัตโนมัติ แถมจุดยึดเบาะนิรภัยสำหรับเด็ก ที่เบาะหน้าชิ้นกลาง และเบาะหลังทั้ง 3 ชิ้น เนื่องจากตัวถังที่ยาว 4,285 มิลลิเมตร กว้าง 1,795 มิลลิเมตร สูง 1,610 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,680 มิลลิเมตร ของอีดิกซ์ ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง Global Small Platform ร่วมกับตระกูล ซีวิค ดังนั้นอย่าแปลกใจที่อีดิกซ์จะใช้เครื่องยนต์ ช่วงล่างและงานวิศวกรรมร่วมกับ ซีวิค/C-RV/สตรีม ขุมพลังเป็นแบบ 4 สูบ 16 วาล์ว มี 2 ขนาด คุ้นตาคนไทยอย่างดี ทั้งรหัส D17A SOHC 1,668 ซีซี VTEC 130 แรงม้า (PS) ที่ 6,300 แรงบิดสูงสุด 15.8 กก.-ม.ที่ 4,800 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ทั้งรุ่นขับล้อหน้า หรือขับสี่ล้อ และ K20A DOHC 1,998 ซีซี i-VTEC 156 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.2 กก.-ม.ที่ 4,000 รอบ/นาที เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะในรุ่นขับสี่ล้อ และ 4 จังหวะในรุ่นขับล้อหน้า ส่วนเวอร์ชันยุโรปจะมีขุมพลังดีเซล 2,200 ซีซี คอมมอนเรล เทอร์โบ CTDi จากอีซูซุเสริมทัพในปีหน้า ระบบกันสะเทือนหน้า-แมคเฟอร์สันสตรัต หลัง-ปีกนกคู่ พร้อมเหล็กกันโคลงหน้า-หลัง พร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพ VDA (Vehicle Dynamic Assisit) ดิสก์เบรก 4 ล้อ พร้อม ABS, EBD ทุกรุ่น (ยกเว้นรุ่น 1.7 ขับล้อหน้า ที่ยังเป็นแบบ ดิสก์-ดรัม) ทั้งหมดนี้ติดตั้งในโครงสร้างตัวถัง G-CON ที่ถูกเสริมความแข็งแกร่งให้กับเสาหลังคาทุกจุด เป็นพิเศษ ในญี่ปุ่น อีดิกซ์ทั้ง 4 รุ่นย่อยจะมีขายครบทุกเครือข่ายจำหน่าย ทั้ง Primo,Clio,Verno ตั้งเป้าไว้ 4,000 คัน/เดือน ส่วนในยุโรป จะเริ่มทำตลาดในชื่อ F-RV เดือน พ.ย.นี้ ส่วนในไทย มีกระแสที่เรียกร้องอยากให้ฮอนด้านำมาผลิตขายอยู่มาก แต่จะเป็นไปได้หรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 02:07:41 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ** ความรู้สึกหลังได้ลองขับ ** ต้องเข้าใจโจทย์ก่อนว่า ฮอนด้าทำอีดิกซ์ออกมา เพื่อขายกลุ่มลูกค้าปรเภทครอบครัวขนาดเล็ก แต่อาจมีการเดินทางในแบบ 3x2 คน คือเบาะหน้า3ข้างหลังอีก 2-3 คน ดังนั้น อย่าไปคาดหวังถึงความสนุกในการขับขี่ แบบที่ซีวิค หรือ อินเทกรา เป็น ตรงๆก็คือ ภาพรวมแล้ว ขับดีกว่ารถที่ใช้พื้นตัวถัง แจ้ส พอสควร เพียงแต่อาการของพวงมาลัย และระบบกันสะเทือนในขณะเข้าโค้ง ตอบสนองไวไปนิดนึง และด้วยจุดศูนย์ถ่วงรถที่น่าจะอยู่สูง ห้องโดยสารอเนกประสงค์ในระดับหนึ่ง การใช้งานพับเบาะผมไปลองเล่นบีเวณที่เขาจัดจำลองรถผ่าครึ่งของเจ้าอีดิกซ์ไว้ เลยขึ้นไปนั่งเล่น เบาะนั่งปรับเพื่อเพิ่มพื้นที่จุสัมภาระได้เยอะ แต่ไม่ถึงกับมากอย่างที่คิด ซึ่งจะว่าไป แค่นี้ก็ถือว่าพอดีๆ จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 02:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ทีนี้ ผมก็คงปล่อยรูปซีวิคใหม่ในสนามทดสอบให้ดูกันล้วนๆละครับ ในอากัปกิริยาต่างๆ จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 02:41:32 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ..ขณะอยู่ในทางโค้ง ผมพยายามจะดึงรถให้ชิดอยู่ในขอบด้านในของโค้ง ซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรเลยสำหรับซีวิค ซึ่งพอจะมีอาการหน้าดื้อปรากฎอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ทุกอย่างอยู่ในการควบคุมได้ค่อนข้างดี สนามนี้ทำให้ผมยิ่งเข้าใจในฟีลลิงของรถที่วิศวกรพยายามจะเซ็ตออกมา คือ แน่นอนว่า ช่วงล่างดีกว่า โคโรลล่า อัลติส แต่ว่า ไม่ใช่หนึบแน่นแมนสปอร์ต อย่างมาสด้า 3 คือเป็นรถที่เซ็ตมากลางๆ ค่อนข้างเหนือไปในแนวทางที่ให้ความมั่นใจในการขับขี่ มากยิ่งขึ้นกว่ารุ่นปัจจุบัน แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 02:57:58 จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 02:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ...ความเร็วหน้าโค้ง เอาแค่ 80 ก็พอ แต่ความเร็วในโค้งอยู่ในช่วง 70-75 กิโลเมตร/ชั่วโมง กำลังดี มากกว่านี้ ก็คงจะลงข้างทางถลอกปอกเปิก แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 02:59:53 จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 02:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ...รุปนี้ก็สวย จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 83 .. จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ... จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ..... ซีวิคเวอร์ชันไทย จะเป็นอย่างไร? เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร และ 2.0 ลิตร มาควบคู่กัน 2.0 ลิตร เป็นสเป็กพิเศษใน เซาธ์ อิสต์ เอเซีย ไฮบริดอาจจะไม่มาด้วย ห้องโดยสาร ภายในน่าจะตกแต่งด้วย สีเบจ ตัดด้วยดำ อาจมีลุ้น ว่าห้องโดยสารรุ่น 2.0 อาจเป็นสีดำ เปิดตัวรอบสื่อมวลชน 15 พ.ย. นี้ เปิดตัวรอบประชาชนทั่วไป 18 พ.ย.นี้ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 03:57:57 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 03:26:35 จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 86 .... จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 87 .. จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:27:13 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ช้อตนี้สวยสุดๆ อย่างกับแค็ตตาล็อก! จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:30:11 ]

ความคิดเห็นที่ 89 Edix มุมนี้ก็สวย จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ช่วงท้ายๆ นอกจากอินเทกราแล้ว ไม่มีใครเอาคันไหนไปลองกันอีก ทีนี้ รถก็ว่าง แอบเห็นทั่นประธาน ฮิโรชิ โทดะ เอาซีวิคใหม่ไปลองกับเขาด้วย พอรถกลับมาถึง ผมเดินเข้าไป กะว่าจะโซโล อีกสักรอบ...ไม่นึกว่าจะเป็นทั่นโทดะเดินเปิดประตู เจ้าคันสีฟ้าลงมา ต่างคนต่างเลยหัวเราะ แฮ่ๆ ขำขำกันไป ขอเมาท์หน่อยเหอะ ทั่นโทดะ ปรับเบาะได้ราวกับว่า กำลังขับอยู่ในค็อกพิทรถแข่งเรยอ่ะ คือแขนยาวสุดตัว เบาะนั่งถอยร่นระดับกลางๆ ได้ยินพี่พิทักษ์บอกว่า ท่านไม่ได้ขับรถมานานแล้ว ผมเองไม่ค่อยอยากจะเชื่อเท่าไหร่...หุหุ แต่มุขใคร...ก็ไม่แสบ เท่า ทั่นอาหมูของกระผม... "เฮ้ย! ไอ้จิ๋มหมี เอ็งลองยกขาพาดล้อหน้าดูดิ" ผมก็รู้แกวแล้วละว่าต้องโดนอำอีกแน่ๆ แต่เอาเถอะ ความสุขทั่นอาเค้า  เล่นต่อมุขให้เสร็จสมอารมณ์หมายเลยดีกว่า คิดได้ดังนั้นยกขาพาดล้อ พลันเสียงตะโกนลั่นมาจากบริเวณนั่งพัก... "เอาละทีนี้เอ็งก็ก้มตัวโค้งงออย่างนั้นละ...เอออ..ดีมาก!" บ๊ะแหล่ว! นี่มันท่าฉี่ของน้องหมานี่หว่า!!!!!!!! ฮาครืนกันทั้งกรม! พี่พิทักษ์ ก็ดี๊ดี อุตส่าห์มาถามต่ออีกว่า "ไหนๆๆ ผมอยากถามความรู้สึกของคุณหน่อย ตอนยกขาขึ้นพาดล้ออ่ะ คิดยังไง?" ใครๆ เค้าก็แกล้งป๋มง่าๆๆๆๆๆๆ -------------------------- ไม่เอาละ เอาคันสีฟ้าออกไปซัดต่ออีกสักรอบดีกว่า ขอล่อให้หนำใจในเวลาที่เหลืออยุ่ หมดรอบนี้ ก็ได้เบิ้ลอีกรอบ เพราะเวลายังเหลือ รถยังว่าง พี่ปุ้ม ฝ่าย Product planning คนซึ่งควรจะต้องมีโอกาสสัมผัสรถที่ตนกำลังทำงานด้วยอยู่อย่างยิ่งยวด เกิดอยากลองขับบ้าง เลยชวนผมไปนั่งเป็นเพื่อน ใครว่าผู้หญิงน่ารักๆ มักขับรถไม่ได้เรื่อง? เจอพี่ปุ้มแล้ว ผมคนนึงละจะเถียงเอ้า! แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 04:25:39 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 03:56:45 จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 03:55:42 ]

ความคิดเห็นที่ 91 และที่สำคัญ ผมได้มีโอกาสทดลองขับ Honda FCX Fuel Cell รถยนต์ที่ใช้พลังงาน Fuel Cell และไฮโดรเจน เป็นเชื้อเพลิงด้วย ออกตัว เร่ง ใกล้เคียงรถยนต์เครื่อง 1.3-1.5 ลิตร เข้าไปทุกที!!! แต่ราคาคันละ 20 ล้านดอลลาร์ ความน่าสนใจในตอนนี้จึงยังไม่มี แต่เชื่อเถอะ วันข้างหน้า มันจะเป็นมาตรฐานของรถยนต์ในโลกเรา จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 04:18:35 ]

ความคิดเห็นที่ 92 บทสรุป? ยังไม่อยากสรุป เพราะแน่นอนว่า ซีวิค เวอร์ชันญี่ปุ่นนั้นประกอบได้เนียน เซ็ตทุกอย่างมาลงตัวแล้ว ที่น่าห่วงก็คือเวอร์ชันไทยนี่ละ จะประกอบได้คุณภาพเท่าเทียมกับเวอร์ชันญี่ปุ่นหรือเปล่า วัสดุที่ใช้ เกรดจะเมหือนกับญี่ปุ่นไหม เซ็ตช่วงล่างจะเหมือนหรือเปล่า ฟีลลิงขับบนนถนนเมืองไทยเป็นอย่างไร? และอีกหลายคำถาม หลังเปิดตัววันที่ 15 พฤศจิกายน ถ้ามีรถว่างให้ยืมทดสอบเมื่อไหร่ ผมคงต้องขอลงชื่อจองกับเขาด้วยแน่ๆ เอาละครับ  มหากายพ์ท่องญี่ปุ่นของผม จะว่าไปแล้ว ก็เหลืออีก 1 ตอน คือตอนที่ 7 ซึ่ง คงเป็นตอนสรุป และนำเที่ยวเล็กๆน้อยๆ ในแนวคนบ้ารถแล้วละ พาชมเมือง และช้อปปิ้งของที่เกี่ยวกับรถว่างั้นเถอะ... น่าจะขึ้นกระทู้ได้ในปลายสัปดาห์นี้หรือต้นสัปดาห์หน้า มันควรจะจบได้แล้วสักทีครับ นี่ก็ผ่านมาสัปดาห์ที่สองแล้ว เพราะว่า หลังจากนี้ BMW 320i ที่ค้างเติ่งมานานบรม กับ Saab 9-5 New 2.3 Full Turbo จ่อคิวรออยู่... ----------------------------- ขอบคุณ มร.โทดะ พี่พิทักษ์ พี่ตุ้ม พงษ์ศักดิ์ พี่เรวดี และพี่ศศิวรรณ พี่ปุ้ม คุณภควัต จาก บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิลล์ ประเทศไทย จำกัด และบริษัท เอเชียน ฮอนด้า จำกัด ที่เล็งเห็นความสำคัญ และได้ชวนผมไปร่วมสัมผัสประสบการณ์ดีๆ สนุกๆ ในทริปนี้ ขอบคุณมากๆครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ย. 48 04:35:30 [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : JIMMY - [ 3 พ.ย. 48 04:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 93 อ่านแล้วจุใจ ฮ่าๆ จากคุณ : GUDJA-MAN - [ 3 พ.ย. 48 05:00:16 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ขอบคุณมากครับน้องจิมฯ แอบอิจฉาเล็กๆเหมือนกัน ปล. รูปสวยมาก..ช่างภาพที่ Honda จัดมานี่มืออาชีพจริงๆ.. จากคุณ : SCTL - [ 3 พ.ย. 48 08:02:38 ]

ความคิดเห็นที่ 95 อะโย่ มันส์มากเลย ขอบคุณคับ จะติดตามตอนต่อไป จากคุณ : กะต่อ - [ 3 พ.ย. 48 08:07:18 ]

ความคิดเห็นที่ 96 #67 "บังคับพวงมาลัยให้เลี้ยวไปทางว้ายนิดๆ" อันนี้พิมพ์ผิด หรือตั้งใจอ่ะพี่จิม ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงคิดว่าพิมพ์ผิดอ่ะนะ อิอิ แซวๆ จากคุณ : RH_MayBee - [ 3 พ.ย. 48 09:31:04 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อ่านแล้วเหมือนได้ไปด้วยจริงๆ ได้อารมณ์ซู้ดๆ จากคุณ : johit - [ 3 พ.ย. 48 10:58:27 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เยี่ยมครับ จากคุณ : AMIYAMA - [ 3 พ.ย. 48 11:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ขอบคุณครับ จากคุณ : gunornor - [ 3 พ.ย. 48 14:10:47 ]

ความคิดเห็นที่ 100 Civic Hybrid จะมาไทยหรือเปล่า? คนไทยรวยนักหรืองัยหนอ.... ถึงไม่เอา Hybridเข้ามาหว่า ขอบใจจิมมากๆ เอามาให้อ่านอีกแล้ว จากคุณ : Joke_Jordan - [ 3 พ.ย. 48 15:57:12 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ซีวิคนี่ยังไงนะ..   ยิ่งมองยิ่งสวยฮิ! จากคุณ : [JUSTIN] - [ 3 พ.ย. 48 18:49:39 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ละเอียดยิบ ๆ ๆ จากคุณ : O-Omega (O-Omega) - [ 3 พ.ย. 48 20:16:22 ]

ความคิดเห็นที่ 103 Civic ใหม่เนี่ยน่าใช้จริงๆนะครับเพื่อนๆ ผมคนหนึ่งล่ะที่จะขอ Sale เค้าลองขับ แล้วคาดว่าจะซื้อรุ่นที่ราคาไม่เกินล้านหนึ่งน่ะครับ มันคงจะไม่เกินนี้หรือเปล่าครับพี่ JIMMY? จากคุณ : คน(คิดผิด)ที่ใช้Altis - [ 3 พ.ย. 48 20:54:10 A:203.107.201.253 X: ]

ความคิดเห็นที่ 104 เห็นด้วยคับว่าตัว 4 ประตูสวย รอตัว 3 ประตูกับ Type R (ถ้ามีนะ) จากคุณ : JBP Underground - [ 3 พ.ย. 48 22:55:02 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขอบคุณครับผม สุดยอดเลยคุณjimmy จากคุณ : jelly jelly - [ 5 พ.ย. 48 08:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 106 "ถ้าราคาเริ่มต้นอยู่ที่ประมาณ 8  แสนบานๆ ก็เจ๋งเลย ..." จากคุณ : หนุ่ม No.7 - [ 5 พ.ย. 48 16:58:17 ]

ความคิดเห็นที่ 107 อ่านกันจุใจเลยครับ ขอบคุณมากๆ จากคุณ : ss2498 - [ 6 พ.ย. 48 11:58:55 ]

ความคิดเห็นที่ 108 เป็นข้อมูลที่ดี มาก ๆ ครับ น้องสาวกำลังจะเปลี่ยนรถพอดีครับ ตั้งใจว่าจะเป็น civic (ไปลองขับฟอร์ดแล้ว หล่อนบอกว่า เหมาะกับผู้ชายมากกว่า โดยเฉพาะพวกหนุ่มๆ) จากคุณ : rjvohv':yo - [ 7 พ.ย. 48 09:50:52 A:58.147.6.80 X: TicketID:014288 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เยี่ยมครับ จากคุณ : มังกรใจเย็น - [ 7 พ.ย. 48 10:04:24 ]

ความคิดเห็นที่ 110 อ่านแล้ว อิ่มความรู้มากค่ะ เยี่ยมมาก รออ่าน 320i อยู่นะคะ.... จากคุณ : red mars - [ 9 พ.ย. 48 04:02:38 ]