ความคิดเห็นที่ 2
2. การลักรถโดยอาศัยช่องทางธุรกิจ
สถิติคดีอาญาประเภทการโจรกรรมรถนั้น เกิดจากการที่ผู้เสียหายได้มาแจ้งความร้องทุกข์ว่ารถของตนได้ถูกคนร้ายโจรกรรม พนักงานสอบสวนมีหน้าที่รับคำร้องทุกข์ แต่ก็มีบางกรณีที่มีผู้เสียหายแจ้งความเท็จต่อพนักงานสอบสวนว่ารถของตนได้ถูกคนร้ายโจรกรรมไป ทั้งที่ความเป็นจริงรถคันดังกล่าวไม่ถูกโจรกรรม แต่ผู้ที่มาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนได้นำรถไปจำหน่าย แล้วมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ารถของตนหาย แต่ความจริงไม่มีรถหายตามที่แจ้งความร้องทุกข์
ด้วยเหตุดังกล่าวสถิติคดีโจรกรรมจะสูงขึ้น ทั้งที่ความเป็นจริงไม่มีการโจรกรรมรถ และรถก็ไม่ถูกโจรกรรม แต่คนร้ายใช้ช่องทางธุรกิจและการร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ ซึ่งมีกระบวนการดำเนินการใน 2 แนวทาง คือ
1.เช่าซื้อรถ นำรถที่เช่าซื้อไปขาย ต่อมาแจ้งความกับตำรวจว่ารถถูกโจรกรรม คนร้ายมีขั้นตอนการดำเนินการ คือ
1.1 คนร้ายจะทำการเช่าซื้อรถ จากบริษัทจำหน่ายรถในการเข่าซื้อจะทำสัญญาเช่าซื้อกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ โดยคนร้ายชำระเงินงวดแรกจำนวนหนึ่ง ( สมมติว่าราคาประมาณ 40,000- บาท ) บริษัทให้เช่าซื้อให้ผู้เช่าซื้อ (คนร้าย ) จ่ายเบี้ยประกันภัยรถคันที่เช่าซื้ออีกจำนวนหนึ่ง (สมมติว่าประมาณ 20,000- บาท ) รวมเงินที่คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อ ) ชำระไป 60,000- บาท คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อ ) สามารถนำรถไปจากบริษัทผู้ให้เช่าซื้อจำนวน 1 คัน ราคาประมาณ 350,000- บาท โดยทำสัญญาเช่าซื้อต่อกัน
1.2 ตามสัญญาประกันภัย คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อ ) คือผู้เอาประกันภัย หน้าที่ของผู้เอาประกันภัย คือ การชำระเบี้ยประกัน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ( ผู้ให้เช่าซื้อ ) คือ ผู้รับผลประโยชน์จากสัญญาประกัน สิทธิของผู้รับผลประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย คือ เมื่อมีภัยต่อทรัพย์ที่เอาประกัน ผู้รับประโยชน์จากสัญญาประกันภัยมีสิทธิได้รับเงินตามสัญญาประกันภัย บริษัทผู้รับประกันภัยมีสิทธิได้รับเบี้ยประกันจากคนร้าย ( ผู้เอาประกันภัย ) และมีหน้าที่ชำระเงินตามสัญญาประกันภัย เมื่อมีภัยที่เกิดกับรถที่เอาประกัน
1.3 คนร้าย ( ผู้เช่าซื้อและผู้เอาประกัน ) ได้รถไปตามสัญญาเช่าซื้อ จากนั้นได้นำรถคันดังกล่าวไปจำหน่ายให้กับผู้อื่นในราคาที่สูงกว่าที่ลงทุน ( การลงทุนประมาณ 60,000- บาท ) เช่น นำไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน หรือไปหลอกขายให้ผู้อื่นโดยที่ผู้อื่นเข้าใจว่าเป็นรถที่ถูกต้อง กรณีเหล่านี้จะขายได้ประมาณ 200,000- บาท คนร้ายจะได้กำไรประมาณ 100,000- บาท หากคนร้ายทำหลายๆ คัน ก็จะได้กำไรเป็นจำนวนมาก
1.4 หลังจากที่คนร้ายนำรถไปจำหน่ายแล้ว ก็จะมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่ารถคันดังกล่าวถูกโจรกรรมไป พนักงานสอบสวนรับคำร้องทุกข์และออกหลักฐานให้กับคนร้าย คนร้ายจะนำเอกสารการแจ้งความที่พนักงานสอบสวนออกให้ไปแสดงกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ( ผู้ให้เช่าซื้อตามสัญญาเช่าซื้อ และเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย ) และบริษัทประกันภัย ( ผู้รับประกันภัยรถยนต์ ) คนร้ายก็ไม่ต้องรับผิดในค่าเสียหายหรือค่ารถยนต์ที่เช่าซื้อ
1.5 บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ ก็จะเรียกค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัยตามสัญญาประกันภัย บริษัทประกันภัยจะชำระเงินให้ บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ เพราะเป็นผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย
1.6 การกระทำดังกล่าวได้กำไรประมาณ หนึ่งแสนบาทเศษ ต่อรถ 1 คัน บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ไม่เสียหายเพราะได้รับเงินจากบริษัทประกันภัย บริษัทประกันภัยเท่านั้นที่ได้รับค่าเสียหาย แต่ข้อเท็จจริงบริษัทประกันภัย คือตัวกลางในการระดมเงินจากผู้เอาประกันมาเก็บไว้ แล้วจ่ายให้ผู้ประสบภัย หรือผู้รับประโยชน์ตามสัญญาประกันภัย หากมีการจ่ายเงินตามสัญญาประกันภัยเป็นจำนวนมากกฎหมายก็เปิดช่องให้มีการเพิ่มเบี้ยประกัน เพื่อชดเชยอัตราเสี่ยงภัยที่เกิดขึ้น ประชาชนจำต้องจ่ายเบี้ยประกันภัยรถยนต์ที่สูงขึ้นกว่าที่ควรจะเป็น ดังนั้น ผู้ที่เสียประโยชน์คือ ประชาชนที่ตองเสียเบี้ยประกันในอัตราที่สูงขึ้น กระบวนการโดยใช้ช่องทางทางธุรกิจได้พัฒนาไปอีก โดยเป็นลักษณะขององค์กรคนร้ายอาชีพ หรืออาชญากรรมองค์การ โดยผู้ที่ทำอยู่ในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์บางบริษัท และผู้ที่ได้ทำงานอยู่ในบริษัทประกันภัยได้ร่วมกันแสวงหาผลประโยชน์จากกระบวนการ โดยพนักงานของบริษัทเงินทุนได้ทำหลักฐานปลอมเกี่ยวกับผู้เช่าซื้อทำการเช่าซื้อรถจากบริษัทเงินทุน และได้ทำประกันภัยกับบริษัทประกันภัย มีการดำเนินกระบวนการแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ารถถูกโจรกรรม สมรู้ร่วมคิดกับพนักงานบริษัทประกันภัย ได้เงินจากบริษัทประกันภัยมาแบ่งผลประโยชน์ต่อกัน
2. การนำซากรถไปทำประกันภัย แล้วแจ้งความร้องทุกข์ว่ารถหาย
ในปัจจุบันจะมีรถที่เกิดอุบัติเหตุชนกันเสียหายเป็นจำนวนมาก รถที่เกิดอุบัติเหตุจะได้รับความเสียหายมาก ไม่สามารถทำการซ่อมได้ หรือบางครั้งก็สามารถทำการซ่องได้ แต่ราคาที่ซ่อมสูงกว่าราคาของรถที่มีสภาพซ่อมรถเรียบร้อยแล้ว คนร้ายจะซื้อซากรถที่เกิดอุบัติเหตุเสียหาย แต่คนร้ายจะนำซากรถไปทิ้ง คงเหลือแต่เอกสารประกอบรถคือ สมุดคู่มือการจดทะเบียนรถ คนร้ายนำสมุดคู่มือไปทำประกันกับรถคันดังกล่าว โดยสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าที่บางคนของบริษัทประกันภัย เมื่อรถมีประกันภัยแล้ว คนร้ายจะแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนว่ารถถูกโจรกรรม นำหลักฐานการรับแจ้งความของพนักงานสอบสวนไปรับเงินจากบริษัทประกันภัย คนร้ายกระทำเช่นนี้หลายๆ คัน
จากคุณ :
LTK
- [
25 ธ.ค. 48 14:26:30
]
|
|
|