PANTIP.COM : Y4034006 ชาวมุสลิมรู้ป่ะ ว่าคนต่างศาสนิกมักคิดว่า อาคารทรงสี่เหลี่ยมที่เมกกะห์ คือหินดำ []

ความคิดเห็นที่ 8

วิหารก๊ะอฺบ๊ะฮฺ-อัลกะอฺบะฮฺ(บัยตุ้ลลอฮฺ)

กะอฺบะฮฺ เป็นอาคารสี่เหลี่ยมที่ถูกสร้างด้วยหินตรงใจกลางของมัสยิดอัลฮารอมในนครมักกะห์ ประเทศซาอุดิอารเบีย เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชาวมุสลิมทั่วโลก บางครั้งเรียกว่า "บัยตุ้ลลอฮฺ"

ความเป็นมา มีบันทึกกล่าวว่า อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยนบีอาดัม มนุษย์คนแรกและมาลาอิก๊ะ เพื่อใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะอัลลอฮฺ แต่หลังจากนั้นก็พังทลายลงเมื่อเกิดเหตุการณ์"น้ำท่วมโลก" แต่จากหลักฐานที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรในคัมภีร์อัลกุรอาน 2.127 และ 22.26-27 บอกให้เราได้ทราบว่ากะอฺบะฮฺได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งโดยนบีอิบรอฮีมและอิสมาอีลบุตรชายของท่าน ตามคำบัญชาของอัลลอฮฺ ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการเคารพสักการะพระองค์ หลังจากนั้น อัลลอฮได้ทรงบัญชานบีอิบรอฮีมให้เรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้มาเคารพสักการะพระองค์ยังบ้านหลังนี้ นับแต่นั้นมา ผู้คนที่ศรัทธาในอัลลอฮฺตามคำเชิญชวนของนบีอิบรอฮีมจากทั่วสารทิศก็ได้ทยอยกันเดินทางมาสักการะอัลลอฮฺต่อเนื่องกันมาโดยมิได้ขาด

หลังจากสมัยของนบีอิบรอฮีม ผู้คนในแผ่นดินอารเบียได้หลงออกไปจากแนวทางคำสอนของท่านและได้มีการนำเอาเทวรูปบูชาต่างๆมาเคารพสักการะแทนอัลลอฮฺหรือไม่ก็ตั้งเทวรูปขึ้นเป็นพระเจ้าควบคู่ไปกับอัลลอฮฺจนเทวรูปบูชารอบกะอฺบะฮฺมีจำนวนมากมายถึงสามร้อยกว่ารูป แต่หลังจากที่นบีมุฮำมัดได้เข้ายึดมักกะฮฺแล้ว ท่านก็ได้สั่งให้ทำลายเทวรูปบูชาทั้งหลายที่อยู่ข้างในและรอบกะอฺบะฮฺลงจนหมดสิ้นและประกาศให้กะอฺบะฮฺเป็นเขตปลอดการเคารพสักการะสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น

กะอฺบะฮฺ เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินธรรมชาติ ตัวอาคารเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมีความกว้างยาวด้านละประมาณ 40 ฟุต และสูงประมาณ 50 ฟุต ผนังทั้งสี่ไม่มีหน้าต่าง มีแต่เพียงประตูด้านเดียว ข้างในว่างเปล่า ตรงมุมาด้านหนึ่งของตัวอาคารเป็นที่ตั้งของ "หินดำ"(ฮะยะร้อลอัสวัด) เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นและจุดครบรอบของการเวียนรอบกะอฺบะฮฺ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่จำเป็นอย่างหนึ่งของการประกอบพิธีฮัจย์และอุมเราะห์ มุมของอาคารที่ชี้ไปทางเหนือเรียกว่า "อัรรุกนุลอีรอกี"(มุมอิรัค) มุมทิศตะวันตกเรียกว่า "อัรรุกนุชชามี" (มุมประเทศชาม) มุมที่ชี้ไปทางทิศใต้ เรียกว่า "อัรรุกนุลยะมานี"(มุมเยเมน) และมุมที่ตั้งหินดำเรียกว่า "รุกนุลอัสวัด" (มุมหินดำ)

ในช่วงก่อนที่นบีมุฮำมัดจะได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ กะอฺบะฮฺได้ถูกไฟไหม้ บรรดาหัวหน้าชาวเมืองมักกะห์จากตระกูลต่างๆ จึงได้ร่วมมือกันไปนำเอาไม้จากซากเรือของพวกกรีกที่จอดล่มอยู่ที่ชายฝั่งทะเล มาซ่อมแซมกะอฺบะฮฺ หลังจากที่ซ่อมเสร็จแล้วก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้นว่าใครจะเป็นคนนำหินดำขึ้นไปติดตั้งยังที่เดิม เพราะแต่ละตระกูลต่างก็ต้องการได้รับเกียรติอันนี้ การแก่งแย่งเพื่อศักดิ์ศรีนี้รุนแรงจนถึงขั้นเกือบมีการใช้กำลังเข้าตัดสินปัญหา แต่ในที่สุด พวกหัวหน้าชาวเมืองมักกะห์ก็ตกลงกันว่าในวันรุ่งขึ้น หากพบใครเดินเข้ามายังบริเวณกะอฺบะฮฺเป็นคนแรก ทุกฝ่ายก็จะมอบหน้าที่การตัดสินความขัดแย้งให้แก่ผู้นั้น ในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่ามุฮำมัดได้เดินเข้ามาเป็นคนแรก พวกหัวหน้าชาวเมืองมักกะห์จึงได้ขอให้ท่านเป็นคนตัดสิน ด้วยความเฉลียวฉลาดและต้องการที่จะให้ทุกฝ่ายต่างได้รับเกียรติอย่างเท่าเทียมกัน ท่านจึงได้กางเสื้อคลุมของท่านลงบนพื้นแล้วยกหินดำวางบนเสื้อคลุมของท่าน หลังจากนั้นก็ให้ตัวแทนจากทุกฝ่ายจับชายเสื้อคลุมของท่านและยกหินดำขึ้นพร้อมกันแล้วท่านก็เป็นคนเอาหินดำไปติดยังที่เดิมของอาคาร ปัญหาความขัดแย้งที่เกือบจะถึงขั้นนองเลือด จึงได้คลายลงด้วยดี

ปัจจุบัน รัฐบาลซาอุดิอารเบียซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลกะอฺบะฮฺและจัดเตรียมความสะดวกให้แก่ผู้ที่มาทำฮัจย์ได้สั่งทำผ้ากำมะหยี่สีดำประดับด้วยการปักดิ้นทองตัวอักษรภาษาอาหรับวิจิตรงดงามมาคลุมกะอฺบะฮฺไว้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า กะอฺบะฮฺ คือหินศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมเคารพบุชา ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ กะอฺบะฮฺเป็นเพียงจุดศูนย์รวมและจุดศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของมุสลิมทั่วโลกเท่านั้น

เนื่องจากกะอฺบะฮฺเป็นบ้านแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นสถานที่สำหรับการเคารพสักการะอัลลอฮฺ ดังนั้น กะอฺบะฮฺจึงเป็น "กิบละห์"หรือ "กิบลัต" ของมุสลิมในเวลาละหมาดและเป็นสถานที่เวียนรอบในการประกอบพิธีฮัจย์และอุมเราะห์

จากคุณ : อาร์เคโอ (อาร์เคโอ) - [ 18 ม.ค. 49 19:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 41

วิหารก๊ะอฺบ๊ะฮฺ-อัลกะอฺบะฮฺ(บัยตุ้ลลอฮฺ)

กะอฺบะฮฺ เป็นอาคารสี่เหลี่ยมที่ถูกสร้างด้วยหินตรงใจกลางของมัสยิดอัลฮารอมในนครมักกะห์ ประเทศซาอุดิอารเบีย เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของชาวมุสลิมทั่วโลก บางครั้งเรียกว่า "บัยตุ้ลลอฮฺ"

ความเป็นมา มีบันทึกกล่าวว่า อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นมาโดยนบีอาดัม มนุษย์คนแรกและมาลาอิก๊ะ เพื่อใช้เป็นสถานที่เคารพสักการะอัลลอฮฺ แต่หลังจากนั้นก็พังทลายลงเมื่อเกิดเหตุการณ์"น้ำท่วมโลก" แต่จากหลักฐานที่ปรากฏเป็นลายลักษณ์อักษรในคัมภีร์อัลกุรอาน 2.127 และ 22.26-27 บอกให้เราได้ทราบว่ากะอฺบะฮฺได้ถูกสร้างขึ้นอีกครั้งโดยนบีอิบรอฮีมและอิสมาอีลบุตรชายของท่าน ตามคำบัญชาของอัลลอฮฺ ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ในการเคารพสักการะพระองค์ หลังจากนั้น อัลลอฮได้ทรงบัญชานบีอิบรอฮีมให้เรียกร้องเชิญชวนผู้คนให้มาเคารพสักการะพระองค์ยังบ้านหลังนี้ นับแต่นั้นมา ผู้คนที่ศรัทธาในอัลลอฮฺตามคำเชิญชวนของนบีอิบรอฮีมจากทั่วสารทิศก็ได้ทยอยกันเดินทางมาสักการะอัลลอฮฺต่อเนื่องกันมาโดยมิได้ขาด

หลังจากสมัยของนบีอิบรอฮีม ผู้คนในแผ่นดินอารเบียได้หลงออกไปจากแนวทางคำสอนของท่านและได้มีการนำเอาเทวรูปบูชาต่างๆมาเคารพสักการะแทนอัลลอฮฺหรือไม่ก็ตั้งเทวรูปขึ้นเป็นพระเจ้าควบคู่ไปกับอัลลอฮฺจนเทวรูปบูชารอบกะอฺบะฮฺมีจำนวนมากมายถึงสามร้อยกว่ารูป แต่หลังจากที่นบีมุฮำมัดได้เข้ายึดมักกะฮฺแล้ว ท่านก็ได้สั่งให้ทำลายเทวรูปบูชาทั้งหลายที่อยู่ข้างในและรอบกะอฺบะฮฺลงจนหมดสิ้นและประกาศให้กะอฺบะฮฺเป็นเขตปลอดการเคารพสักการะสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น

กะอฺบะฮฺ เป็นอาคารที่ถูกสร้างขึ้นด้วยหินธรรมชาติ ตัวอาคารเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมมีความกว้างยาวด้านละประมาณ 40 ฟุต และสูงประมาณ 50 ฟุต ผนังทั้งสี่ไม่มีหน้าต่าง มีแต่เพียงประตูด้านเดียว ข้างในว่างเปล่า ตรงมุมาด้านหนึ่งของตัวอาคารเป็นที่ตั้งของ "หินดำ"(ฮะยะร้อลอัสวัด) เพื่อใช้เป็นจุดเริ่มต้นและจุดครบรอบของการเวียนรอบกะอฺบะฮฺ ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่จำเป็นอย่างหนึ่งของการประกอบพิธีฮัจย์และอุมเราะห์ มุมของอาคารที่ชี้ไปทางเหนือเรียกว่า "อัรรุกนุลอีรอกี"(มุมอิรัค) มุมทิศตะวันตกเรียกว่า "อัรรุกนุชชามี" (มุมประเทศชาม) มุมที่ชี้ไปทางทิศใต้ เรียกว่า "อัรรุกนุลยะมานี"(มุมเยเมน) และมุมที่ตั้งหินดำเรียกว่า "รุกนุลอัสวัด" (มุมหินดำ)

ในช่วงก่อนที่นบีมุฮำมัดจะได้รับการแต่งตั้งเป็นศาสนทูตของอัลลอฮฺ กะอฺบะฮฺได้ถูกไฟไหม้ บรรดาหัวหน้าชาวเมืองมักกะห์จากตระกูลต่างๆ จึงได้ร่วมมือกันไปนำเอาไม้จากซากเรือของพวกกรีกที่จอดล่มอยู่ที่ชายฝั่งทะเล มาซ่อมแซมกะอฺบะฮฺ หลังจากที่ซ่อมเสร็จแล้วก็เกิดความขัดแย้งกันขึ้นว่าใครจะเป็นคนนำหินดำขึ้นไปติดตั้งยังที่เดิม เพราะแต่ละตระกูลต่างก็ต้องการได้รับเกียรติอันนี้ การแก่งแย่งเพื่อศักดิ์ศรีนี้รุนแรงจนถึงขั้นเกือบมีการใช้กำลังเข้าตัดสินปัญหา แต่ในที่สุด พวกหัวหน้าชาวเมืองมักกะห์ก็ตกลงกันว่าในวันรุ่งขึ้น หากพบใครเดินเข้ามายังบริเวณกะอฺบะฮฺเป็นคนแรก ทุกฝ่ายก็จะมอบหน้าที่การตัดสินความขัดแย้งให้แก่ผู้นั้น ในวันรุ่งขึ้น ปรากฏว่ามุฮำมัดได้เดินเข้ามาเป็นคนแรก พวกหัวหน้าชาวเมืองมักกะห์จึงได้ขอให้ท่านเป็นคนตัดสิน ด้วยความเฉลียวฉลาดและต้องการที่จะให้ทุกฝ่ายต่างได้รับเกียรติอย่างเท่าเทียมกัน ท่านจึงได้กางเสื้อคลุมของท่านลงบนพื้นแล้วยกหินดำวางบนเสื้อคลุมของท่าน หลังจากนั้นก็ให้ตัวแทนจากทุกฝ่ายจับชายเสื้อคลุมของท่านและยกหินดำขึ้นพร้อมกันแล้วท่านก็เป็นคนเอาหินดำไปติดยังที่เดิมของอาคาร ปัญหาความขัดแย้งที่เกือบจะถึงขั้นนองเลือด จึงได้คลายลงด้วยดี

ปัจจุบัน รัฐบาลซาอุดิอารเบียซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลกะอฺบะฮฺและจัดเตรียมความสะดวกให้แก่ผู้ที่มาทำฮัจย์ได้สั่งทำผ้ากำมะหยี่สีดำประดับด้วยการปักดิ้นทองตัวอักษรภาษาอาหรับวิจิตรงดงามมาคลุมกะอฺบะฮฺไว้ จึงทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า กะอฺบะฮฺ คือหินศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวมุสลิมเคารพบุชา ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ กะอฺบะฮฺเป็นเพียงจุดศูนย์รวมและจุดศูนย์กลางในการประกอบศาสนกิจของมุสลิมทั่วโลกเท่านั้น

เนื่องจากกะอฺบะฮฺเป็นบ้านแห่งแรกที่ถูกสร้างขึ้น เพื่อเป็นสถานที่สำหรับการเคารพสักการะอัลลอฮฺ ดังนั้น กะอฺบะฮฺจึงเป็น "กิบละห์"หรือ "กิบลัต" ของมุสลิมในเวลาละหมาดและเป็นสถานที่เวียนรอบในการประกอบพิธีฮัจย์และอุมเราะห์

จากคุณ : อาร์เคโอ (อาร์เคโอ) - [ 19 ม.ค. 49 14:53:55 ]