ความคิดเห็นที่ 1 อ่านแล้วงงอ่าค่ะ งงจิงๆนะเนี้ย - -* จากคุณ : amyza - [ 3 มิ.ย. 49 09:44:47 ]

ความคิดเห็นที่ 2 งั้นรอ คุณ kheedes ไม่งั้น ผมจะทำให้คุณ งง อีกฮาๆ จากคุณ : beckmee - [ 3 มิ.ย. 49 09:48:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ ...คุณคลื่นแทรก ลองไปที่นี่ดูนะครับ http://www.islam-guide.com/     แล้วไปที่หัวข้อ (1) The Scientific Miracles in the Holy Quran ...เป็นเว็บของกลุ่มนักวิชาการอเมริกัน ที่เป็นมุสลิม...แล้วเดี่ยวถ้าผมว่าง  จะเข้ามาสนทนาอีกทีครับ ด้วยจิตคารวะ จากคุณ : kheedes - [ 3 มิ.ย. 49 11:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 4 "ที่กล่าวก่อนที่นักวิทยาศาสตร์" หมายความว่า โองการนี้ถูกเสนอก่อนที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ (รวมถึงนักวิทยาศาสตร์โบราณกว่าไบเบิ้ลและอัลกุรอ่าน อย่างพวกกรีก หรือแถว ๆ อารยธรรมเมโสโปเตเมีย) จะค้นพบนะครับ จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 3 มิ.ย. 49 12:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เอาภาษาไทยให้คุณคลื่นแทรกอ่านละกันนะครับ เริ่มด้วย website นี้จะดีมากครับ ปูพื้นก่อนที่จะอ่านรายละเอียด แบ่งเป็นหัวข้อๆ http://www.fathoni.com/lesson/sci/index.html กระทู้เก่าที่คุณ kheedes โพสไว้นานมาแล้วครับตั้งแต่ ต.ค. 2546 อิสลามกับวิทยาศาสตร์ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y2479673/Y2479673.html เมล็ดพืชและน้ำอสุจิ http://www.thaiislamic.com/articlesshow.asp?kind=3&ID=%2036003 นกและผึ้งในอัลกุรอ่าน http://www.thaiislamic.com/articlesshow.asp?kind=3&ID=%2036002 กำเนิดและพัฒนาการชีวิตในครรภ์มารดา http://www.thaiislamic.com/articlesshow.asp?kind=3&ID=%2036001 คัมภีร์อัลกุรอานกับวิทยาศาสตร์การทะเล http://www.thaimuslimshop.com/news/index.php?category=5&id=466 ศาสนาช่วยนำทางวิทยาศาสตร์ http://www.thaimuslimshop.com/news/index.php?category=4&id=414 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 49 13:03:22 จากคุณ : JJ@CM - [ 3 มิ.ย. 49 13:01:00 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เป็นไปได้หรือไม่ สิ่งทีอยู่ในอัลกุรอ่าน อย่างพวกการอพยพของนก น้ำผึ้ง การกำเนิดทารก การปฏิสนธิ ฝนตกจากก้อนเมฆ การโคจรของดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ คือ การสังเกตการณ์ ของมนุษย์ในสมัยโบราณ ซึ่งใคร ๆ ก็สามารถสังเกตการณ์และจดบันทึกได้ จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 3 มิ.ย. 49 13:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ไม่น่าเชื่อว่าคุณ kheedes เคยโดนรุมสกรัมมาก่อน นี่ไงครับตัวอย่างที่ผมกล่าวตั้งแต่หัวกระทู้ว่า "ที่กล่าวก่อนที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์ว่าจริง" คุณ amyza หายงงหรือยังครับ ความคิดเห็นที่ 16   500 ปีก่อนคริสตกาล- พระพุทธเจ้าประสูติสมัยเดียวกับปีทากอรัส 400 ปีก่อนคริสตกาล-ฮิปโปเครติส 350 ปีก่อนคริสตกาล-ยูคริด ปีที่หนึ่งของคริสตกาล-ศาสดาเยซู 150 ปีหลังคริสตกาล-กาเลน 660 ปีหลังคริสตกาล-อเล็กซานเดอร์ 600 ปีหลังคริสตกาล-มูฮัมหมัด ------------ เมื่อดูจาก history timeline ของบุคคลสำคัญที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ก่อนมูฮัมหมัด จะสังเกตเห็นว่า พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์และ การแพทย์มีกำเนิดก่อนที่มูฮัมหมัดจะเกิดนับพันปี ยังจะพูดอีกไหมครับว่าอิสลามปูพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์และทางการแพทย์ เลิกพูดเถิดครับอสุจิในครรภ์มารดง มารดาอะไรนั่นน่ะ เพราะคนก่อนหน้ามูฮัมหมัดเกือบพันปีรู้เรื่องนี้ก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้น มูฮัมหมัดจะเขียนในคัมภีร์เรื่องนี้ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร หมู่ภมรตอมดอกไม้ ในไตรปิฏกก็มีบรรยายไว้ก่อนหน้ามูฮัมหมัดพันปี ดังนั้นผสมเกสรดอกไม้ด้วยแมลงเลิกนำมาอ้างเถิด จากคุณ : นอกรีต - [ 4 ต.ค. 46 11:57:37 A:203.113.77.36 X: ] จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 3 มิ.ย. 49 13:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ความคิดเห็นที่ 284   อยากให้มุสลิมเอาโองการในอัลกุรอ่านที่กล่าวถึงหลักฐาน หรือมูลเหตุของวิทยาการล่วงหน้า ซึ่งสมัยนั้นไม่มีทางรู้เด็ดขาด แล้วนักวิทยาศาสตร์แย้งไม่ได้มาลงหน่อยได้ไหมครับ เช่นโองการนี้ "ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ต่างล่องลอยในวิถีโคจรของมัน" หากผู้ไม่ศรัทธาจะโต้ได้ว่า ท่านศาสดาเห็นดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ลอยอยู่ฟ้าและเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อย ๆ นั่นคือการโคจรในวิถีของมัน ก็ได้นี่ครับ จากคุณ : คลื่นแทรก   - [ 2 มี.ค. 49 19:26:24 ] ความคิดเห็นที่ 285   คุณคลื่นแทรกกล่าวอย่างนี้ก็ไม่ถูกนะครับ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัดอ่านหนังสือไม่ออก และเขียนหนังสือไม่ได้นะครับ การบันทึกอัล-กุรอ่านมาจากการท่องจำปากเปล่าครับผม ที่คุณกล่าวว่า "ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ต่างล่องลอยในวิถีโคจรของมัน" (21.33) คงมาจาก การสังเกตการณ์บนโลกว่า ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์โคจรข้ามท้องฟ้า โองการนี้จึงถูกบันทึกขึ้นมา ผมว่า "ความจริง" ก็คือ "ความจริง" รอเวลาพิสูจน์สิ่งที่จริงแท้ครับ การที่ดวงอาทิตย์ลอยข้ามท้องฟ้า จริง ๆ แล้ว มันไม่ได้เกิดจากการโคจรของมันนี่ครับ มันเกิดจากการที่โลกหมุนรอบตัวเอง การสังเกตบนโลกจึงดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์ลอยข้ามท้องฟ้า คนบนโลกมองไม่ออกหรอกครับว่าจริง ๆ แล้วดวงอาทิตย์กำลังโคจรอยู่เหมือนกัน คุณจะบอกว่า "เพราะความบังเอิญที่เข้าใจผิด" คือ ดวงอาทิตย์ลอยข้ามท้องฟ้า = ดวงอาทิตย์โคจร จึงทำให้โองการนี้ถูกต้องเหรอครับ มันง่ายไปหน่อยไหมครับ ถ้ามันผิด คงสักวันความจริงที่พิสูจน์ว่าจริง ก็จะบอกว่าผิด ถ้ามันถูก ยังไงมันก็ถูกต้องตามความจริงครับ ทฤษฎีวิวัฒนาการก็เช่นเดียวกันครับ ^^ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว  - [ 2 มี.ค. 49 20:17:55 ] จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 14:55:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 "ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ต่างล่องลอยในวิถีโคจรของมัน" (21.33) ผมว่า "ความจริง" ก็คือ "ความจริง" รอเวลาพิสูจน์สิ่งที่จริงแท้ครับ หากไปนำความรู้จากผู้อื่นมา ทำไมจึงเลือกมาเฉพาะสิ่งที่เป็นจริงล่ะครับ ท่านศาสนทูตไม่ใช่นักประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์นะครับ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 14:58:05 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ชาวกรีก อียิปต์ บาบิโลเนียน อัซซิเรียน ฟินิเชี่ยน ฮิทไทต์ โรมัน อินเดีย จีน มายา อินคา ไม่รู้กล่าวถึงเรื่องนี้หรือยังนะครับ หากจะพูดคงมีแต่ชาวแอตแลนติส ล่ะมั้งครับ 24.40 หรือเปรียบเสมือนความมืดมนทั้งหลายในท้องทะเลลึก มีคลื่นซ้อนคลื่นท่วมมิดตัวเขาและเบื้องบนของมันก็มีเมฆหนาทึบซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า เมื่อเขาเอามือของเขาออกมาเขาแทบจะมองไม่เห็นมัน และผู้ใดที่อัลลอฮ์ไม่ทรงทำให้เขาได้รับแสงสว่าง เขาก็จะไม่ได้รับแสงสว่างเลย จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 15:01:57 ]

ความคิดเห็นที่ 11 สมัยนั้นคงไม่มีเครื่องบินและดาวเทียมหรือเครื่องมือที่จะพิสูจน์ความเค็ม อุณหภูมิ ความหนาแน่นของมหาสมุทรล่ะมั้งครับ 55.19 พระองค์ทรงทำให้น่านน้ำทั้งสอง ไหลมาบรรจบกัน 55.20 ระหว่างมันทั้งสองมีที่กั้นกีดขวาง มันจะไม่ล้ำเขตต่อกัน 55.21 ดังนั้น ด้วยบุญคุณอันใดเล่าแห่งพระเจ้าของเจ้าทั้งสองที่เจ้าทั้งสองปฏิเสธ? 55.22 มีไข่มุกและปะการังออกมาจากมันทั้งสอง จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 15:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 การเคลื่อนตัวของภูเขาและเปลือกโลกนี่ยิ่งแล้วเข้าไปใหญ่เลยครับ มีเครื่องมืออะไรพิสูจน์ล่ะครับ 13.31 และมาตรว่าอัลกุรอาน โดยมันนั้นภูเขาถูกทำให้เคลื่อนที่ได้ หรือโดยมันนั้นแผ่นดินถูกทำให้แยกออกจากกันได้ หรือโดยมันนั้นคนตายถูกทำให้พูดได้ แต่ทว่าพระบัญชาทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ บรรดาผู้ศรัทธายังมิรู้ดอกหรือว่า มาตรว่าอัลลอฮทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์จะทรงชี้แนะทางแก่มนุษย์ทั้งมวลก็ได้ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ความหายนะคงจะประสบแก่พวกเขา เนื่องด้วยพวกเขาได้กระทำไว้ หรือจะเกิดขึ้นใกล้ที่พำนักของพวกเขา จนกระทั่งสัญญาณของอัลลอฮจะมาถึง แท้จริงอัลลอฮมิทรงผิดสัญญา จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 15:09:52 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่อดูจาก history timeline ของบุคคลสำคัญที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ก่อนมูฮัมหมัด จะสังเกตเห็นว่า พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์และ การแพทย์มีกำเนิดก่อนที่มูฮัมหมัดจะเกิดนับพันปี ยังจะพูดอีกไหมครับว่าอิสลามปูพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์และทางการแพทย์ เลิกพูดเถิดครับอสุจิในครรภ์มารดง มารดาอะไรนั่นน่ะ เพราะคนก่อนหน้ามูฮัมหมัดเกือบพันปีรู้เรื่องนี้ก่อนหน้านั้นแล้ว ดังนั้น มูฮัมหมัดจะเขียนในคัมภีร์เรื่องนี้ก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร หมู่ภมรตอมดอกไม้ ในไตรปิฏกก็มีบรรยายไว้ก่อนหน้ามูฮัมหมัดพันปี ดังนั้นผสมเกสรดอกไม้ด้วยแมลงเลิกนำมาอ้างเถิด >>>>>>>อาจจะเป็นจริงครับในบางเรื่อง แต่เรื่องที่เป็นประเด็นคือความแม่นยำถูกต้องของวิทยาการในด้านต่างๆในตอนนั้นยังไม่ได้รับการยืนยันเหมือนในสมัยนี้?? อัลกรุอ่านก็เป็นการบอกเลยว่าเป็นแบบนี้ ก่อนที่วิทยาการจะก้าวไกล และยืนยันว่ามันถูกต้อง ในยุคนี้ ส่วนเรื่องที่ พระไตรปิฏก นี่กล่าวไว้ก่อนเนี่ย ด้วยความเคารพไม่อยากจะจ๊าบจ้วงนะครับ ด้วยเหตุที่ว่าไม่รู้ว่าเอาไปใส่เมื่อการสังคายนา ครั้งที่เท่าไหร่?? จะนับว่ามันมาตั้งแต่สมัยพระพุทธเจ้า มันก็ไม่น่าจะเชื่อถือนัก(ย้ำอีกครั้งว่าผมไม่ได้หาเรื่องนะครับ) ต่างจากอิสลามที่มุสลิมทุกยุคทุกสมัย จะไม่มีใครกล้าจะเปลี่ยนแปลงอัลกรุอ่านเพราะได้ถูกห้าม และบาปหนักและ และพระเจ้าได้ทรงสัญญาไว้ในอัลกรุอ่าน ว่าพระองค์จะรักษาความบริสุทธิ์ของอัลกรุอ่านไว้เอง จนถึงวันอวสานของโลก แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 49 16:05:53 แก้ไขเมื่อ 03 มิ.ย. 49 16:00:54 จากคุณ : beckmee - [ 3 มิ.ย. 49 15:59:43 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ถึงแม้ท่านนบีมูฮัมหมัด (ซอลฯ) ซึ่งเกิดในตระกูลพ่อค้าจะอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้จริงๆ และไม่เคยเห็นทะเลจริงๆ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะเคยได้ยินเรื่องเหล่านี้มาครับ ลองฟังสำนวนแปลสมาคมนักเรียนเก่าอาหรับนะครับ 21:33. และพระองค์ผู้ทรงสร้างกลางคืนและกลางวัน และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แต่ละหน่วยโคจรตามจักรราศี *** สมเหตุสมผล กับแนวคิดที่ว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์หมุนรอบโลกนี่ครับ ------------------------------- 24:40. หรือเปรียบเสมือนความมืดมนทั้งหลายในท้องทะเลลึก มีคลื่นซ้อนคลื่นท่วมมิดตัวเขาและเบื้องบนของมันก็มีเมฆหนาทึบซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า เมื่อเขาเอามือของเขาออกมาเขาแทบจะมองไม่เห็นมัน และผู้ใดที่อัลลอฮ์ไม่ทรงทำให้เขาได้รับแสงสว่าง เขาก็จะไม่ได้รับแสงสว่างเลย *** ในสมัยนั้น ชาวอาหรับถือว่าทะเลลึก (deep sea) นั้นเป็น ทะเลแห่งความมืด (sea of darkness) อยู่แล้วครับ ถ้าอ่านดีๆ โองการนี้กล่าวถึงทะเลลึก (ห่างชายฝั่ง) ไม่ใช่ใต้ทะเลครับ เพราะมีการกล่าวถึงคลื่นและเมฆด้วย --------------------------------- 55:19. พระองค์ทรงทำให้น่านน้ำทั้งสอง (ทะเลและแม่น้ำ) ไหลมาบรรจบกัน   55:20. ระหว่างมันทั้งสองมีที่กั้นกีดขวาง มันจะไม่ล้ำเขตต่อกัน *** ความแตกต่างระหว่างน้ำทะเลตรงช่องแคบยิบรอลต้า กล่าวถึงไว้ใน Pliny's Natural History ซึ่งเป็นบันทึกการเดินเรือของ Himilco เมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล สิ่งที่คนธรรมดาสังเกตได้ จะมีอยู่ในอัลกุรอ่านก็ไม่แปลกหรอกครับ เพราะนักเดินเรืออาหรับในสมัยถัดมา ก็คงจะเห็นเหมือนกัน นอกจากนี้ การที่คิดว่าน้ำไม่ปนกันนั้นเป็นการเข้าใจผิด เพราะมันปนกันใต้ผิวน้ำ จึงสังเกตไม่เห็นไงครับ --------------------------- 13:31. และมาตรว่าอัลกุรอาน โดยมันนั้นภูเขาถูกทำให้เคลื่อนที่ได้ หรือโดยมันนั้นแผ่นดินถูกทำให้แยกออกจากกันได้ หรือโดยมันนั้นคนตายถูกทำให้พูดได้ แต่ทว่าพระบัญชาทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ บรรดาผู้ศรัทธายังมิรู้ดอกหรือว่า มาตรว่าอัลลอฮทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์จะทรงชี้แนะทางแก่มนุษย์ทั้งมวลก็ได้ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น ความหายนะคงจะประสบแก่พวกเขา เนื่องด้วยพวกเขาได้กระทำไว้ หรือจะเกิดขึ้นใกล้ที่พำนักของพวกเขา จนกระทั่งสัญญาณของอัลลอฮจะมาถึง แท้จริงอัลลอฮมิทรงผิดสัญญา   *** ถ้าอ่านดีๆ จะเห็นว่าพูดถึงปาฏิหาริย์ครับ ซึ่งรวมถึงภูเขาย้ายที่ แผ่นดินแยก และ คนตายพูดได้ ไม่ได้บ่งบอกเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ของทวีปในชีวิตประจำวัน ---------------------- จากคุณ : PUFF - [ 3 มิ.ย. 49 17:03:13 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ผมไม่เคยสนใจประเด็นนี้ในพระคัมภีร์ Bible ครับ จากคุณ : ศิลาหัวมุม - [ 3 มิ.ย. 49 17:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ความมืดมนทั้งหลายในท้องทะเลลึก มีคลื่นซ้อนคลื่นท่วมมิดตัวเขาและเบื้องบนของมันก็มีเมฆหนาทึบซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า เมื่อเขาเอามือของเขาออกมาเขาแทบจะมองไม่เห็นมัน มืดมนทั้งหลาย หมายความว่าไงล่ะครับ มีหลายความมืดมนหรือเปล่า? คลื่นซ้อนคลื่นหมายความว่าอะไรล่ะครับ? หลายชั้นหรือไม่ http://www.seasky.org/monsters/sea7a4.html จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 21:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 17 สมาคมนักเรียนเก่าอาหรับใส่อรรถธิบายผิดไปนิดนึง ไม่ใช่ทะเล และแม่น้ำนะครับ มันมีส่วนขยายอยู่ที่โองการ 55.22 ว่ามีไข่มุขและปะการังออกมาจากทั้งสอง แม่น้ำไม่มีปะการังครับ ช่องแคบยิบรอลต้าก็ส่วนนึง ในภาพมันเห็นชัดเจนก็แค่นั้น http://www.damflow.org/frameset.htm แต่มันก็มีทุกพื้นที่ของโลกนี่ครับในเรื่องความแตกต่างระหว่างสองทะเล สิ่งใดทำให้น้ำในมหาสมุทรไหล สัดส่วนของน้ำในมหาสมุทรที่ไม่ปนกันและค่อย ๆ ปะปนกัน เนื่องด้วยเพราะความหนาแน่นของเกลือ อุณหภูมิ ฯลฯ http://www.sciencemag.org/cgi/content/abstract/283/5401/526 จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 21:28:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 โดยมันนั้นภูเขาถูกทำให้เคลื่อนที่ได้ หรือโดยมันนั้นแผ่นดินถูกทำให้แยกออกจากกันได้ หรือโดยมันนั้นคนตายถูกทำให้พูดได้ แต่ทว่าพระบัญชาทั้งมวลเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ ปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นจริงน่าจะเรียกวิทยาศาสตร์ได้นะครับ ไม่เชื่อไปถาม พญ.คุณหญิงหมอสิครับ อิอิ^^ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 21:39:37 ]

ความคิดเห็นที่ 19 21.33 และพระองค์ผู้ทรงสร้างกลางคืนและกลางวัน และดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ แต่ละหน่วยโคจรตามทางโคจรของตัวเอง 21.33 It is He Who created the Night and the Day, and the sun and the moon: all (the celestial bodies) swim along, each in its rounded course. อันนี้กล่าวไปแล้ว ดวงจันทร์โคจรรอบโลก ดวงอาทิตย์โคจรไปในกาแลกซี่ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 21:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 น้องดาบเอารูป ปลากรอบ(ประกอบ) มาจากไหนเนี่ย ของ web บังมั้งเน้อ สวยดี จากคุณ : beckmee - [ 3 มิ.ย. 49 22:18:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 Internal waves ruffle the waters of the Red Sea between Egypt and Saudi Arabia. These underwater waves travel through the boundary between layers of water of different temperature and density. They usually happen when the tide pulls the bottom layer of dense water across a rough surface. As the bottom layer undulates, it creates waves along the boundary of the surface layer of water. Because of this movement and difference in water density, internal waves can be seen from space, as shown in this true-color Terra MODIS image acquired on July 26, 2003. http://visibleearth.nasa.gov/view_rec.php?id=5805 จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 3 มิ.ย. 49 23:43:04 ]

ความคิดเห็นที่ 22 พูดถึงคนตายพูดได้ แล้วก็นึกไปถึงพญ.คุณหญิงหมอ แล้วก็นึกถึงโองการนี้ด้วย 75.3 มนุษย์คิดหรือว่า เราจะไม่รวบรวมกระดูกของเขากระนั้นหรือ ? 75.4 แน่นอนทีเดียวเราสามารถที่จะทำให้ปลายนิ้วมือของเขาอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ 75.3 Does man think that We shall not gather his bones? 75.4 Yea! We are able to make complete his very fingertips แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 49 00:04:28 จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 4 มิ.ย. 49 00:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 23 โองการนี้มีคนบอกว่าชาวกรีกพิสูจน์ได้ก่อน แล้วบอกว่ากุรอ่านอาจเลียนแบบมา 25.53 และพระองค์คือผู้ทรงทำให้ทะเลทั้งสองบรรจบติดกัน อันนี้จืดสนิทและอันนี้เค็มจัดและทรงทำที่คั่นระหว่างมันทั้งสอง และที่กั้นขวางอันแน่นหนา 25.53 And He it is Who has made two seas to flow freely, the one sweet that subdues thirst by its sweetness, and the other salt that burns by its saltness; and between the two He has made a barrier and inviolable obstruction. This satellite image shows the influence of the Columbia River, which forces fresh water into the Pacific Ocean on the outgoing tide. The interface between the fresher, surface waters originating from the Columbia and saltier, deeper waters, forms a system that creates large-amplitude waves. http://oregonstate.edu/dept/ncs/newsarch/2005/Sep05/internalwaves.htm จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 4 มิ.ย. 49 00:13:08 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ลืมรูป... จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 4 มิ.ย. 49 00:13:45 ]

ความคิดเห็นที่ 25 จขกท. ครับ ประเด็นนี้มันมีประโยชน์ต่อความเชื่ออย่างไรครับ? - -" นอกจากจะจับผิดสิ่งที่คนเมื่อพันปีก่อนรู้ ว่า ไม่เท่าคนปัจจุบัน? ถ้า"คนเกิดจากอสุจิ"มีคนพูดมาก่อนหน้า แล้ว "จงเป็นคนดี" มันเป็นเรื่องโหกเหรอครับ? งงหลายครับ คุณดาบตอบดี รูปสวยครับ จากคุณ : อาจารย์โยดา - [ 4 มิ.ย. 49 10:02:54 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ ...อืม เมื่อก่อนผมค่อนข้างบู๊พอควรครับ ยิ่งสมัยแรก ๆ ตอนที่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกประจำ...บู๊ดุเดือดมากครับ  ยุคนั้นก็ มีคู่ปรับเยอะครับ ไม่ว่าจะเป้น คุณนอกรีต ,คุณเลดี้ฯ คุณเอื้องฯ แล้วก็อีกหลายท่าน ...ช่วงนั้นก็จะมีคุณ ฮกเกี้ยน เป็นบัดดี้ครับ...หลัง ๆ พอเป็นสมาชิกประจำ ก็เลยเปลี่ยน ๆ ไปบ้างครับ ...เรื่องการพิสูจน์ ความมหัศจรรย์ของคัมภีร์กุรอานในเชิงวิทยาศาสตร์นั้น  ก็มีมานานแล้วครับ อาจจะมีบางเรื่องที่ซ้ำกับสิ่งที่คนรุ่นก่อนได้ค้นคว้ามาแล้ว  แต่กุรอานอาจให้รายละเอียดเพิ่มขึ้นในเชิงลึกบางส่วน ...อย่างเว็บไซท์ ที่ผมให้ไปตอนแรกนั้น ก็มีข้อความที่นักวิทยาศาสตร์  เหล่านั้นยอมรับว่า กุรอานให้รายละเอียดที่ แปลกใหม่ กว่าความรู้ที่ผ่านมา  เช่น Dr. E. Marshall Johnson is Professor Emeritus of Anatomy and Developmental Biology at Thomas Jefferson University, Philadelphia, Pennsylvania, USA.  There, for 22 years he was Professor of Anatomy, the Chairman of the Department of Anatomy, and the Director of the Daniel Baugh Institute.  He was also the President of the Teratology Society.  He has authored more than 200 publications.  In 1981, during the Seventh Medical Conference in Dammam, Saudi Arabia, Professor Johnson said in the presentation of his research paper: “Summary: The Quran describes not only the development of external form, but emphasizes also the internal stages, the stages inside the embryo, of its creation and development, emphasizing major events recognized by contemporary science.” Also he said: “As a scientist, I can only deal with things which I can specifically see.  I can understand embryology and developmental biology.  I can understand the words that are translated to me from the Quran.  As I gave the example before, if I were to transpose myself into that era, knowing what I knew today and describing things, I could not describe the things which were described.  I see no evidence for the fact to refute the concept that this individual, Muhammad, had to be developing this information from some place.  So I see nothing here in conflict with the concept that divine intervention was involved in what he was able to write.”   ---------------------------------------------------------- ...ความมหัศจรรย์ของกุรอาน นั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ 1.ความหมัศจรรย์ที่มาจากความหมายของโองการนั้น ๆ เอง  เช่น ที่ คุณดาบฯ ยกมาเป้นตัวอย่าง 2.ความหมัศจรรย์ในเชิงรหัสยะของโองการต่าง ๆ - ความมหัศจรรย์ในส่วนนี้  เกิดจากการแปลงความหมายของข้อความ เป็นระบบตัวเลข  เนื่องจากว่า อักษรในภาษาอาหรับนั้น จะมีค่าของตัวอักษรเป็นตัวเลขด้วย   ..ความมหัศจรรย์อยู่ตรงที่ว่า 1.ข้อความในกุรอานเป็นร้อยแก้วผสมร้อยกรอง   2.ข้อความทั้งหมด ล้วนถุกทยอยประทานมาเป้นเวลากว่า 23 ปี 3.ข้อความทั้งหมดมาจากผู้ที่ไม่รู้หนังสือ ...ดังนั้น การจะจัดเรียงข้อความที่มีค่าของตัวเลขให้ได้ตามต้องการ  โดยคงความไพเราะ ทั้งทำนอง และความหมายไว้  จึงเป็นเรื่องที่ยากมากที่สุด โดยเฉพาะการกำหนดให้คำ  ๆหนึ่งมีจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ... ลองดูตัวอย่างนี้ดูครับ เป็นผลงานวิจัยของ ดร.ราซิด คาลิฟา ------------------------------------------------------ ความอัศจรรย์ของตัวเลขในกุรอานมีทั้งในระดับง่ายๆและในระดับที่ต้องวิเคราะห์อย่างซับซ้อน ในที่นี่จะสรุปอย่างสั้นๆ ดังนี้ 1.เลข 19 เป็นเลขพื้นฐานที่พบในกุรอาน(และพบในคัมภีร์ โตราฮฺ ของยิว) ดังนี้ >>> ในกุรอานมีทั้งหมด 114 ซูเราะห์หรือบท เลข 114 คือ 19 x 6 >>>ในกุรอานมีอายัต(Verses) รวมทั้งหมด 6,346 คือ 19 x 334 และ 6,346 คือ 6+3+4+6 = 19 >>>อายัต (โองการ) แรกของกุรอานคือ "บิศมิลลาฮฺฮิรเราะมาน นิรรอฮีม" ด้วยนามของอัลลอฮฺผู้เมตตายิ่ง ปราณียิ่ง จะประกอบด้วยอักษรอาหรับ 19 ตัว >>>ซูเราะห์ที่ 9 ไม่ได้เริ่มด้วย บิศมิลลาฮฺ แต่มีบิศมิลลาฮฺ 2 ครั้งในซูเราะที่ 27 เลขซูเราะห์ตั้งแต่ 9 ถึง 27 บวกกันคือ 9+10+11+12+....27 = 342 เลข 342 คือ 19 x 18   เลข 342 = 19 x 18 นี้มีค่าเท่ากับจำนวนคำระหว่างบิศมิลลาฮฺ ทั้งสองในซูเราะที่ 27 >>>วะฮยู (การประทานโองการ)แรกๆ คือซูเราะฮฺที่ 96 อายัตที่ 1-5 มีจำนวนคำ 19 คำ ใน 19 คำนี้ประกอบด้วยตัวอักษร 76 ตัว เลข 76 คือ 19 x 4 >>>ซูเราะที่ 96 เรียงตามเหตุการณ์มีทั้งหมด 19 อายัต >>>ซูเราะที่ 96 ประกอบด้วยตัวอักษรอาหรับ 304 ตัว คือ 19 x 16 >>>วะฮ์ยูสุดท้ายคือซูเราะห์ที่ 110 มีทั้งหมด 19 คำ และอายัตแรกในซูเราะห์ที่ 110 นี้มี 19 ตัวอักษร >>>คำว่า พระเจ้า หรือ อัลลอฮฺ ปรากฏตลอดกุรอาน 2,698 ครั้ง 2,698 = 19 x 142 >>>จำนวนครั้งของคำว่า "พระเจ้า" ที่ปรากฏในซูเราะห์ต่างๆ หากนำเอาเลขซูเราะห์มาบวกกันจะได้ค่า 118,123 = 19 x 6217 >>>จุดเด่นของกุรอานจะกล่าวถึง "พระเจ้าหนึ่งเดียว" ตัวเลข "หนึ่ง" ที่อ้างถึงอัลลอฮฺมีทั้งหมด 19 ครั้ง >>>คำว่า กุรอาน ปรากฏทั้งมดใน 38 ซูเราะ 38 = 19 x 2 >>>จำนวนครั้งที่กล่าวคำว่า กุรอาน ทั้งหมด 57 ครั้ง เลข 57 = 19 x 3 >>>ตลอดเล่มของกุรอานกล่าวถึงตัวเลข เหล่านี้ 1,2,3,4,5,6,7,8,9,10,11,12,19,20,30,40,50,60,70,80,99,100,200,300,1000, 2000,3000,5000,50000,100000 ตัวเลขเหล่านี้บวกกันได้ 162146 =19 x 8534                     อัศจรรย์เลข 19 ....wahed ที่หมายถึง "หนึ่ง" ในภาษาอาหรับ คือ ตัวอักษร วาว(6),อาลีฟ(1),ฮา(8),ดา(4) ตัวเลขหลังอักษรนั้นคือค่า gematrical value ที่ถูกกำหนดให้กับ อักษรภาษาอาหรับ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักภาษาศาสตร์(ค่าเหล่านี้มีในอักษร อาหรับ,ฮิบรู,อรามิอิก,กรีก)                       6+1+8+4 = 19 >>> 19 เป็นเลขเฉพาะ(Prime:เลขที่ไม่มีตัวประกอบ)ที่ไม่ธรรมดา >>> 19 คือ ผลบวกของยกกำลังแรกของ 9 และ 10 คือ 9+10 = 19 >>> 19 คือ ผลต่างของกำลังสองของ 9 และ 10 คือ 100-81 = 19 ...ต่อไปนี้เป็นผลการวิเคราะห์กุรอานในบางแง่มุม จากการวิเคราะห์เชิงสถิติของ ดร.ตาริค อัล ซูวัยดัน(Dr. Tariq Al-Suwaidan)ซึ่ง เป็นสมาชิกของกลุ่ม อิกวาน อัลมุสลีมูน( Muslim Brotherhood:Ikhwan Al-Muslimoon) แห่งซาอุดีอราเบีย คำ  /  ความหมาย  /  จำนวนครั้งที่นับได้ในกุรอาน Al-Duny   /  โลกนี้  -------115 Al-Akhira /โลกหน้า -------115 Al-Malaikah / มาลาอิกัต (เทวทูต)--------88 Al-Shayateen / ไซตอน (ซาตาน)--------88 Al-Hayat / การมีชีวิต --------145 Al-Maout / การตาย ---------145 Al-Rajul / ผู้ชาย ------- 24 Al-Marha /ผู้หญิง ------24 Al-Shahar / เดือน -------12 Al-Yaom / วัน----------365 Al-Bahar / ทะเล ------- 32* Al-Bar / แผ่นดิน ------- 13* .....เราจะเห็นถึงตัวเลขที่เป็นคู่ๆ (เซาไจม: zawgyme) ที่แปลกมากคือคู่สุดท้าย ทะเล(น้ำ)กับแผ่นดิน ที่มีเครื่องหมายดอกจันทร์อยู่ ตัวเลข 32 กับ 13 วิเคราะห์ง่ายๆดังนั้น ทะเล + แผ่นดิน = 32 + 13 =45 เพราะฉะนั้น อัตราส่วนร้อยละของทะเลคือ (32*100)/45 = 71.1111 อัตราส่วนร้อยละของแผ่นดินคือ (13*100)/45 = 28.8888 นี้คือค่าอัตราส่วนระหว่าง น้ำกับแผ่นดิน ของโลกเราที่ทุกคนทราบเป็นอย่างดีแล้ว ----------------------------------------------------------- ยังมีคำอื่น ๆ อีก เช่น ก็อบล์ (ก่อน)  มีปรากฏ 241 คำ บะอ์ดุ (หลัง)   มีปรากฏ 241 คำ เช่นกัน ซะกัร (เพศชาย)  มีปรากฏ 12 คำ อุนษา (เพศหญิง)มีปรากฏ 12 คำ เช่นกัน หะยาต (มีชีวิต)   มีปรากฏ 145คำ เมาต์ (ตาย)       มีปรากฏ 145คำ เช่นกัน ซัยยิอาต (ความชั่ว)   มีปรากฏ 167 คำ หะสะนาต (ความดี)    มีปรากฏ 167 คำ เช่นกัน แล้วก็อีกหลายคำ (เยอะ...ขี้เกียจพิมพ์ ขออภัยด้วยครับ) ...มีหนังสือเล่มหนึ่ง ที่รวบรวมความมหัศจรรย์ของกุรอานในแง่ต่าง ๆ ทั้งวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ฯลฯ เป็นความมหัศจรรย์ในเชิงตัวเลขทางคณิตศาสตร์  คือผู้เขียนเค้า ถอดข้อความออกมาเป็นรหัสตัวเลข  แล้วมีความหมายและค่าของตัวเลขที่ตรงกัความจริงในแง่ต่าง ๆ หลายเรื่อง  เช่น อัตราส่วน และองค์ประกอบของหัวใจมนุษย์  ที่สัมพันธ์กับตัวเลขทางคณิตศาสตร์ของโองการในกุรอาน...ตำแหน่งดวงดาวต่าง ๆ บนท้องฟ้า  ตำแหน่งที่ตั้งนครที่สำคัญ  เป็นต้น ...ชื่อหนังสือ คือ "ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอานในมิติพิศวง"  เขียนโดย อาจารย์ อดุลย์  มานะจิตต์  เป็นของสำนักพิมพ์ 14 พับบลิเคชั่น ครับ ...ถ้าสนใจอะไร แปลก ๆ ทำนองนี้ก็ลองไปหาอ่านดูครับ  เนื้อหาเยอะมาก  เอามาพิมพ์ลงเว็บ คงไม่ไหว  (ผมก็ไม่ค่อยว่างด้วย) ด้วยจิตคารวะ แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 49 23:52:11 จากคุณ : kheedes - [ 4 มิ.ย. 49 23:48:30 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกแล้วนอกจากพระองค์ อัลลอฮุอักบัร จากคุณ : beckmee - [ 5 มิ.ย. 49 13:22:53 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดา ให้อัจฉริยะแค่ไหนก็ไม่สามารถที่จะสร้างสมการตัวเลขเหล่านี้ในอัล กุรอานได้ เพราะทุก ๆ อายัติ ถูกส่งลงมาพร้อมกับความเป็นไปของอัล อิสลามโดยท่านนบีมูฮำหมัด ตลอดระยะเวลา 23 ปี แต่ละเหตุการณืที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งลงมาทีเดียวทั้งเล่ม มันจึงน่าแปลกประหลาดใจอย่างมากที่ตัวเลขดังกล่าวที่คุณ kheedes ยกมานั่นเป็นเรื่องที่ปัญญารับไม่ได้เลยถ้าจะบอกว่านั้นคือสิ่งที่มนุษย์ได้กระทำ เพื่อน ๆ ต่างศาสนิกผมอยากให้ท่านเปิดใจและไตร่ตรอง ก่อนอื่นหาข้อมูลว่ามีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ในอัล กุรอ่านหรือ ผมว่าได้ประโยชน์มาก มหัศย์จรรย์เดียวที่อิสลามมี คือ อัล-กุรอาน ยิ่งกว่า ดาวินซีโคดเสียอีก จากคุณ : minramun - [ 5 มิ.ย. 49 16:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 A'kum ทุกๆท่าน ขอเอาเท่าที่นึกได้ตอนนี้ก็แล้วกันนะครับ ลองไปดูซูเราะห์อัซซาริยาต โองการที่ 47 ครับ ยืนยันการขยายตัวของจักรวาลชัดเจนครับ [51:47] We constructed the sky with our hands, and we will continue to expand it. ความเข้าใจที่ว่าจักรวาลมีสภาพคงที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปกับเวลา มีกันมานานแล้ว คงไม่ต้องไปดูแนวคิดของจีน อินเดีย กรีก หรืออียิปต์โบราณ แม้แต่ตอนที่ไอนสไตน์คิดทฤษฎีสัมพัธภาพทั่วไปใหม่ๆ เขาก็ยังยึดถือความเชื่อเช่นนี้ ทั้งๆที่ในสมการของเขามิได้ให้คำตอบที่ระบุว่าจักรวาลมีสภาพคงที่ไม่เปลี่ยนไปกับเวลา แต่ด้วยความเชื่อเก่าๆ เขาจึงดัดแปลงสมการของเขา โดยเพิ่มเทอมที่เรียกว่า "ค่านิจจักรวาล"(Cosmological Constant)  สมการก็จะให้คำตอบสำหรับจักรวาลที่ไม่เปลี่ยนแปลง ถ้าไอนสไตน์ยึดมั่นไว้กับสมการแต่แรกของเขา เขาก็จะพยากรณ์ได้ว่า จักรวาลกำลังขยายตัวอยู่หรือหดตัวลงตามสภาพที่เกิดขึ้น ความเข้าใจที่ว่าจักรวาลกำลังขยายตัว พึ่งได้รับความสนใจหลังการค้นพบโดยกล้องโทรทรรศน์ขนาด 100 นิ้ว บนเขาวิลสันเมื่อปลายทศวรรษที่ 1920 นี่เอง [51:48] And we made the earth habitable; a perfect design. [51:49] We created a pair (male and female) of everything, that you may take heed. [51:50] You shall escape to GOD. I am sent by Him to you as a manifest warner. [51:51] Do not set up beside GOD any other god. I am sent by Him to you as a manifest warner. [51:52] Consistently, when a messenger went to the previous generations, they said, "Magician," or, "Crazy." [51:53] Did they make an agreement with each other? Indeed, they are transgressors. [51:54] You may disregard them; you cannot be blamed. [51:55] And remind, for the reminder benefits the believers. แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 16:48:26 จากคุณ : โมเสส - [ 5 มิ.ย. 49 16:28:22 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ไบเบิ้ลมีไว้สอนเรื่องความรอด และเรื่องที่สูงก่ามนุษย์ขึ้นไป ที่มนุษย์ไม่สามารถเรียนรู้ได้ตัวเองได้ ส่วนเรื่องวิทยาศาสตร์ หรืออะไรที่ต่ำกว่ามนุษย์ลงมา พระเจ้าได้ให้ความสามารถเหล่านี้แก่มนุษย์ที่จะศึกษาด้วยตนเองได้ จึงไม่ต้องใส่ลงในไบเบิ้ลครับ จากคุณ : WebPatrol - [ 5 มิ.ย. 49 16:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 31 โอเค คุณดาบ คราวนี้ผมไม่งงกับคุณแล้ว คุณจะสื่อว่าสัจธรรมก็คือสัจธรรมใช่หรือไม่ ดวงอาทิตย์จะโคจรอย่างไร สุดท้ายมันก็โคจรอยู่ดี ส่วนบรรดารหัสในอัลกุรอ่านนี่น่าสนใจนะครับ แล้วหนังสือซื้อได้ที่ไหน สงสัยในความคิดเห็นที่ 29 นะครับ ไม่ใช่เรื่องของฟ้าหรอกครับ แต่เป็นเรื่องของแผ่นดิน 51:48 And we made the earth habitable; a perfect design. 51:48 และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม หรือ 88:20 และยังแผ่นดินบ้างหรือว่ามันถูกแผ่ลาดไว้อย่างไร ? มันสื่อถึงโลกแบนนี่ครับ คำว่าแผ่แผ่นดิน แผ่นดินถูกแผ่ลาด ในภาษาอังกฤษใช้คำว่า Earth หรือโลก ก็ต้องเป็น แผ่โลก ทั้งที่โลกมันกลมจะแผ่อย่างไรได้ หรือคำเดียวกันนี้ในภาษาอาหรับหมายความถึงพื้นดินด้วย? หากสมมติว่าวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าจนเราไปอาศัยอยู่บนดาวอังคารได้ คำว่าแผ่นดินนี่นำไปใช้กับดาวอื่นโลกอื่นได้หรือไม่ครับ 7 ชั้นฟ้า กับแผ่นดินหมายถึงโลกใบนี้เท่านั้นหรือครับ เช่น 2:248 สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ์... อ้อ... ไบเบิ้ลของชาวคริสต์นี่มีแต่เรื่องความรอดอย่างเดียวหรือครับ ไม่มีเรื่องราววิทยาศาตร์แฝงมาบ้างเลยหรือไง?? จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 5 มิ.ย. 49 21:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 32 #31 ใน [51 : 47] หมายถึงท้องฟ้า ชัดเจนครับว่ามันแผ่ขยายออก ส่วนใน [51 : 48] กล่าวถึงการแผ่ขยายของพื้นดิน การแผ่ขยายของพื้นดินกับโลกแบนมันต่างกันนี่ครับ คนที่เข้าใจว่าโลกแบน ไม่จำเป็นเสมอไปที่จะเข้าใจว่าพื้นโลกกำลังขยายตัว คงเคยได้ยินเรื่องของการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก (Plate Tectonics) ที่เสนอว่าพื้นโลกเคยเป็นแผ่นดินเดียวกัน เรียกว่า PANGAEA ซึ่งต่อมาค่อยๆ เคลื่อนตัวขยายออกมาก จนกลายมาเป็นทวีปต่างๆในปัจจุบัน แผ่นเปลือกโลกไม่ได้อยู่นิ่ง แต่มีการเคลื่อนที่คล้ายการเคลื่อนย้ายวัตถุบนสายพานลำเลียงสิ่งของ จากผลการสำรวจท้องมหาสมุทรในช่วงทศวรรษ ๒๔๙๐ พบว่า มีแนวสันเขากลางมหาสมุทร รอบโลก (Global Mid Ocean Ridge) ซึ่งมีความยาวกว่า ๕๐,๐๐๐ กิโลเมตร กว้างกว่า ๘๐๐ กิโลเมตร จากการศึกษาทางด้านธรณีวิทยา พบว่า หินบริเวณสันเขาเป็นหินใหม่ มีอายุน้อยกว่าหินที่อยู่ในแนวถัดออกมา จึงได้มีการตั้งทฤษฎีว่า แนวสันเขากลางมหาสมุทรนี้คือ รอยแตกกึ่งกลางมหาสมุทร รอยแตกนี้เป็นรอยแตกของแผ่นเปลือกโลก ซึ่งถูกแรงดันจากหินหนืดภายในเปลือกโลกดันออกจากกันทีละน้อย รอยแยกของแผ่นเปลือกโลกที่กล่าวมาแล้ว ทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลกต่างๆ 51:48 And we made the earth habitable; a perfect design. 51:48 และแผ่นดินนั้น เราได้แผ่ขยายมันออกไป ดังนั้นเราเป็นผู้แผ่ขยายที่ยอดเยี่ยม แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 23:45:31 จากคุณ : โมเสส - [ 5 มิ.ย. 49 22:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หากสมมติว่าวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าจนเราไปอาศัยอยู่บนดาวอังคารได้ คำว่าแผ่นดินนี่นำไปใช้กับดาวอื่นโลกอื่นได้หรือไม่ครับ 7 ชั้นฟ้า กับแผ่นดินหมายถึงโลกใบนี้เท่านั้นหรือครับ เช่น 2:248 สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮ์... ----------------------------------------------------- ในความเข้าใจของบัง ชั้นฟ้าของโลกนี้ ก็คือจักรวาลที่โลกของเราอยู่นั่นแหละ (จาก 67:5 We adorned the lowest universe with lamps ) lamps ในที่นี้ก็คือดวงดาวที่สว่างไสวที่เราเห็นบนท้องฟ้าทั้งหมดนั่นแหละ สำหรับอีก 6 ชั้นที่เหลือ บังไม่รู้จะอธิบายยังไงซะด้วยซิ ไม่แน่นะ การไขปริศนาของจักรวาลใน "จักรวาลในเปลือกนัท" ของ สตีเฟน ฮอว์คิง อาจให้คำตอบ เพราะเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธถึงการมีอยู่ของจักรวาลอื่นหรือโลกเบรนอื่น  .....อิอิ ในโลกเบรนตามแบบจำลองของฮอว์คิงนี้ เราอาศัยอยู่บนเบรนหนึ่ง แต่จะมีเบรน "เงา" อีกเบรนหนึ่งที่อยู่ใกล้เคียง เนื่องจากแสงถูกจำกัดอยู่บนเบรนและจะไม่เคลื่อนที่ผ่านระหว่างเบรน เราจึงไม่สามารถเห็นโลกเงาได้ แต่เราจะรู้สึกถึงอิทธิพลความโน้มถ่วงของสสารต่อเบรนเงาได้ในเบรนของเรา แรงโน้มถ่วงนั้นจะดูเหมือนเกิดขึ้นมาจากแหล่งที่ "ดำมืด" จริงๆ จนกระทั่งวิธีเดียวที่จะตรวจวัดได้คืออาศัยผลจากความโน้มถ่วง อ่านทฤษฎีที่มีการเสนอตามแบบจำลองคณิตศาสตร์แล้วมึนจริงๆ .........อิอิ  หาซื้อมาอ่านซะนะ "จักรวาลในเปลือกนัท"  .....อิอิ    ทำไงได้ เพราะฟิสิกส์ตอนนี้ก็อย่างที่ไอนสไตน์ว่าไว้ ว่ามันอยู่ที่สุดขอบของวิทยาศาสตร์แล้ว แต่ไม่ว่ามันจะซับซ้อนและชวนคิดพิศวงอย่างไร มันก็ทำให้เรานึกย้อนกลับมาถึงความยิ่งใหญ่แห่งอำนาจของผู้สร้างสรรค์มันไว้ ผู้ทรงปรีชาญาณและผู้ทรงยิ่งใหญ่ [67:3] He created seven universes in layers. You do not see any imperfection in the creation by the Most Gracious. Keep looking; do you see any flaw? แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 49 23:40:45 จากคุณ : โมเสส - [ 5 มิ.ย. 49 23:36:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 #7 เมื่อดูจาก history timeline ของบุคคลสำคัญที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ก่อนมูฮัมหมัด จะสังเกตเห็นว่า พื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์และ การแพทย์มีกำเนิดก่อนที่มูฮัมหมัดจะเกิดนับพันปี ยังจะพูดอีกไหมครับว่าอิสลามปูพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ ปรัชญา ดาราศาสตร์และทางการแพทย์ --------------------------------------------- แต่เป็นเพราะอารยธรรมอิสลามใช่หรือไม่ที่ทำให้อารยธรรมที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นถูกหลอมรวมกัน การเกิดของอิสลามที่ใช้ระยะเวลาแค่ไม่ถึงครึ่งศตวรรษ ก็แผ่ขยายตั้งแต่อินเดียจนถึงสเปญทางตะวันตก ทำให้ศาสตร์ของอารยธรรมเหล่านั้นถูกผสมผสานขึ้นมาในรูปแบบใหม่ ก่อนที่จะถ่ายทอดสู่ยุโรปในยุคต่อมา ลองคิดดู หากอาหรับไม่ได้เป็นผู้นำเรขาคณิตของอินเดีย มาผสมผสานกับความรู้เรื่องวงกลมของกรีก จะมีวิชาตรีโกณมิติขึ้นได้อย่างไร หรือถ้ายังไม่มีเลขศูนย์ คณิตศาสตร์จะพัฒนาไปได้อย่างไร พีชคณิต(algebra)ก็คงจะยังไม่เกิด จากคุณ : โมเสส - [ 6 มิ.ย. 49 00:22:17 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คคห.31 "(กุรอ่าน88:20) "และยังแผ่นดินบ้างหรือว่ามันถูกแผ่ลาดไว้อย่างไร ?" .....โองการนี้เกี่ยวกับ "การใช้สติปัญญาพินิจ พิเคราะ" ครับ ต่อเนื่องมาจาก (กุรอ่าน88:17) "พวกเขาไม่พิจารณาดู...."  จึงเป็นการบอกในลักษณะที่คนทั่วไปในสมัยนั้นสังเกตุเห็นได้ นั่นก็คือ  หากมองแผ่นดิน(โลก) ออกไปแล้ว จะเหมือนกับว่า แผ่นดินได้ถูกลาดออกไป เป็นแผ่นๆ อยากให้ลองดูอีกโองการนึงคือ (กุรอ่าน15:19) "และแผ่นดินนั้นเราได้แผ่มันออกไป และเราได้ทำให้มีเทือกเขาเป็นที่ยึดอย่างมั่นคง และเราได้ให้ทุกสิ่งงอกเงยอย่างสมดุล"   อันนี้เป็นการพูดถึงการสร้างสรรค์ของพระเจ้าครับ ที่น่าทึ่งของโองการนี้คือ เป็นการกล่าวไว้ชัดเจนที่สุดในกุรอ่านว่า "โลกใบนี้ กลม!!" ทำไม? "เราได้แผ่มันออกไป" ในโองการนี้ ใช้คำว่า "มะดัดนา" แปลเป็น"Extended" หากโลกใบนี้"แบน" เราจะใช้คำว่า "มะดัดนา" ไม่ได้ เพราะเดินๆอยู่ เราเองจะตกขอบโลก!! แต่คำนี้ หมายถึงการที่เราเดินอยู่ แล้วก็สามารถเดินต่อไปได้เรื่อยๆ ซึ่งเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจาก เมื่อเราเดินต่อๆไปแล้ว ก็ต่อไปอีก วนๆ จนกลับมาอีกทีครับ   "และเราได้ให้ทุกสิ่งงอกเงยอย่างสมดุล" =="พื้นดินไม่แข็งจนเกินไป จนปลูกอะไรไม่ขึ้น และไม่นุ่มจนเกินไป จนคนไม่สามารถก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างได้"   อันนี้ไม่ได้มีเรื่องวิทยาศาตร์อะไรมาเกี่ยวข้องหรอก แต่มีซักกี่คน ที่เคยคิดกันถึงจุดนี้น่ะครับ จากคุณ : SA Student - [ 6 มิ.ย. 49 00:42:26 ]

ความคิดเห็นที่ 36 หนังสือ หาซื้อได้ที่ สำนักพิมพ์ 14 พับบลิเคชั่น 27 อาคารอันยุมันอิสลาม ชั้น 3 ซ.เจริญกรุง 36 ถ.เจริญกรุง บางรัก กทม. โทร. 0-2234-1862 ครับ ด้วยจิตคารวะ จากคุณ : kheedes - [ 6 มิ.ย. 49 01:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ศูนย์กลางจะมีไหมครับท่าน?? จากคุณ : beckmee - [ 6 มิ.ย. 49 10:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ในความเข้าใจของบัง ชั้นฟ้าของโลกนี้ ก็คือจักรวาลที่โลกของเราอยู่นั่นแหละ ___________________ ถ้าอย่างนั้นขอถามคุณบังโมเสสครับ ว่ามุสลิม เอาความรู้ที่มีอยู่ในปัจจุบันไปตีความเข้าข้างกุรอ่านหรือเปล่าครับ ถ้าใช่หรือใกล้เคียง ก็เห็นด้วย ไม่ใช่ก็ปฏิเสธความรู้นั้น ๆ เหมือนทฤษฎีวิวัฒนาการ เช่น ดวงอาทิตย์โคจร ก่อนที่จะรู้ว่า ดวงอาทิตย์โคจรไปในกาแลกซี่ ณ ความรู้ปัจจุบันที่เรารู้กัน หากเมื่อก่อน ดวงอาทิตย์โคจร คือ โคจรข้ามท้องฟ้า หรือ 7 ชั้นฟ้าของโลกนี้ บังโมเสสบอกว่า ชั้นฟ้า อาจจะเป็นจักรวาลในเปลือกนัท มุสลิมบางคนบอกว่าคือ ชั้นฟ้าของดาวเคราะห์ในระบบสุริยะ 7 ดวง และมุสลิมบางคนก็บอกว่าคือ 7 ชั้นบรรยากาศเหนือโลกเรานั่นเอง หรือ 65:12 อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งเจ็ด และทรงสร้างแผ่นดินก็เยี่ยงนั้น... แผ่นดินก็มี 7 ชั้นเห็นมุสลิมตีความถึง 7 ชั้นภายใต้โลกจนถึงแกนโลก แล้วแผ่นดินบนดาวเคราะห์อื่นล่ะครับ มี 7 ชั้นด้วยหรือเปล่า หรือ 31:27 และหากว่าต้นไม้ทั้งหมดที่มีอยู่ในแผ่นดินเป็นปากกาหลาย ๆ ด้าม และมหาสมุทร (เป็นน้ำหมึก) มีสำรองไว้อีกเจ็ดมหาสมุทรพจนารถของอัลลอฮฺก็จะยังไม่หมดสิ้นไป แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ มุสลิมก็ตีความเข้าข้างอัลกุรอ่านได้ว่า นี่ไง 7 มหาสมุทรกุรอ่านได้ไกด์เป็นแนวบอกไว้ก่อนที่จะค้นพบ (แปซิฟิกเหนือ,ใต้,แอตแลนติกเหนือ,ใต้,อินเดีย,อาร์กติก และมหาสมุทรใต้รอบแอนตาร์กติก) เลข 7 เยอะจังเลยนะครับ ^^ จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 6 มิ.ย. 49 11:16:44 ]

ความคิดเห็นที่ 39 "เราได้แผ่มันออกไป" ในโองการนี้ ใช้คำว่า "มะดัดนา" แปลเป็น"Extended" หากโลกใบนี้"แบน" เราจะใช้คำว่า "มะดัดนา" ไม่ได้ ยังไงครับไม่เข้าใจ จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 6 มิ.ย. 49 11:19:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ข้อสังเกตข้างบนของผม การตีความบนพื้นฐานที่ว่าอัลกุรอ่านบันทึกไว้เพียงแต่ปรากฏารณ์ในธรรมชาติ ที่สามารถสังเกตได้ ส่วนองค์ความรู้หรือคำอธิบายนั้นได้ถูกค้นพบภายหลัง ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ หรืออาจกล่าวได้ว่า "ไม่มีคำอธิบายปรากฏการณ์" ใดๆ ในอัลกุรอ่านครับ ทำให้นึกถึงคำกล่าวของคุณดาบฯว่า อัลกุรอ่านไม่ใช่สารานุกรมวิทยาศาสตร์ แต่เป็นหลักศีลธรรมของมนุษย์ ความเห็นของผม เราไม่จำเป็นต้องหาคำอธิบายปรากฏการณ์ในธรรมชาติในอัลกุรอ่าน เนื่องจากไม่มีบันทึกไว้ นอกคำอธิบายว่าอัลเลาะห์ (ซ.บ.) ทรงเป็นผู้กำหนดทั้งสิ้น จากคุณ : PUFF - [ 6 มิ.ย. 49 11:32:50 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณคลื่นแทรก เรายัง งงอยุ่อะ - -*เอ่อสงสัยเราจะโง่ชั่งเถอะ ยังไงๆก็ยัง งงอยุ่ - -* จากคุณ : amyza - [ 6 มิ.ย. 49 16:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ขอสันติจงมีแด่ทุกๆท่าน หากอยากได้คำตอบที่ถูกต้องและช้ดเจนที่สุด ควรศึกษาภาษาอาหรับก่อนดีกว่าครับ ... เพราะคำบางคำในภาษาอาหรับนั้นมันมีความหมาย ในเชิงลึกมากกว่า คำภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (จึงเป็นเหตุที่ทำให้สับสนได้...เพราะการแปลความนั้นหาคำที่มีความหมายตรงกับความหมายในภาษาอาหรับไม่ได้..... ท่านผู้แปลเหล่านั้นจึงเลือกคำที่มี่ความหมายใกล้เคียงซึ่งอาจเป็นคำที่ไม่ถูกต้องนัก แต่เป็นคำที่เราคุ้นหูแทน ) .....อย่าลืมว่าอัลกรุอ่านนั้นเป็นภาษาอาหรับครับ ....ไม่ใช่คำแปลที่ตีความเป็นภาษาไทย หรือภาษาอังกฤษ... วาบิลลาอีเตาฟิกห์ วัลอิดายะห์ อัสลามมูอาลัยกุม วาเราะห์มาตุ้นลอฮ อิ วบารอกาตุฮ. จากคุณ : inyus - [ 6 มิ.ย. 49 17:06:09 ]

ความคิดเห็นที่ 43 "เราได้แผ่มันออกไป" ในโองการนี้ ใช้คำว่า "มะดัดนา" แปลเป็น"Extended" หากโลกใบนี้"แบน" เราจะใช้คำว่า "มะดัดนา" ไม่ได้ ยังไงครับไม่เข้าใจ" .........."มะดัดนา" มาจากคำว่า "มัดดะ" ซึ่งหมายถึง "การทำให้ยาว, ต่อออกไป, หากไม่มีกำหนดไว้ ก็จะไม่มีที่สิ้นสุด   การใช้คำดังกล่าวในความหมายของ "โลก" หมายถึง โลก แผ่ออกไป ไม่มีที่สิ้นสุด คือ เมื่อคุณเดินๆไป คุณจะเดินได้เรื่อยๆ  จะใช้คำนี้ไม่ได้ หากโลกแบน เพราะ แน่นอน คุณเดินๆอยู่ ก็จะตกขอบโลก ยังไงก็ดีครับ อย่างที่ว่าไว้ กุรอ่าน เป็นภาษาอาหรับ การเชี่ยวชาญในภาษาอาหรับ เป็นสิ่งจำเป็นในการเข้าใจกุรอ่าน จากคุณ : SA Student - [ 6 มิ.ย. 49 18:35:08 ]

ความคิดเห็นที่ 44 Extended - ขยายออกไปเรื่อย ๆ แล้วคุณคลื่นแซก ลองดูรูปนี้ดิครับ ดูลูกศร แผ่นดินใหม่มันเกิดใหม่ออกมาเรื่อย ๆ อย่างที่ท่านโมเสสว่าแหละครับ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 6 มิ.ย. 49 18:38:54 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณจะเอาวิชาอะไรมาช่วยตีความอัลกุรอ่าน อย่างไรก็ตามถ้อยคำในอัลกุรอ่านก็คือ "สัจธรรม" ครับ 10.37 และอัลกุรอานนี้มิใช่จะถูกปั้นแต่งขึ้นโดยผู้ใดนอกจากอัลลอฮ์ แต่เป็นการยืนยันคัมภีร์ที่มีมาก่อน และเป็นการจำแนก ข้อบัญญัติต่าง ๆ ในนั้น ไม่มีข้อสงสัยในคัมภีร์นั้น ซึ่งมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 6 มิ.ย. 49 18:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 46 #38 ก็เพราะการรับรู้ของมนุษย์จำกัดขึ้นอยู่กับสถานที่และเวลานั่นแหละครับ การตีความจึงอาจแตกต่างกันไป เมื่ออัลกุรอานกล่าวถึงการเดินทางจากคาบสมุทรอาหรับไปเยรูซาเลมในชั่วเวลาข้ามคืนเดียว ในความนึกคิดของคนสมัยนั้นก็อาจจะนึกถึงพาหนะที่ใช้เดินทางว่ามีรูปร่างคล้ายม้า มีหัวเป็นคน ฯลฯ ยังไงๆ ก็ไม่ไปไกลกว่านั้น แต่สำหรับคนสมัยนี้ ก็จะนึกถึงเครื่องบิน หรือจรวด หากเราจะถือวิทยาศาสตร์เป็นสัจธรรมแล้วละก้อ คนเมื่อ 1,500 ปีที่แล้ว ย่อมคิดว่าการเดินทางที่รวดเร็วเช่นนั้น เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับปัจจุบัน มันเป็นเรื่องธรรมดา ในเมื่อเรารู้ว่าการับรู้ของมนุษย์(วิทยาศาสตร์) มีข้อจำกัดของสถานที่และกาลเวลา แล้วเราจะยึดถือว่าต้องเอาวิทยาศาสตร์เท่านั้นในการแสวงหาสัจธรรม จะเข้าถึงสัจธรรมได้หรือไม่ ? เหมือนครั้งหนึ่ง ตอนที่คอมมิวนิสต์โซเวียตส่งนักบินออกสู่อวกาศเป็นครั้งแรก กลับมาก็ทึกทักเอาทันทีว่าขึ้นไปบนอวกาศ ไม่เห็นว่ามีพระเจ้าแต่อย่างใด แล้วจักรวาลที่มนุษย์รับรู้ขณะนี้ เพียงพอแล้วหรือที่จะยืนยันเรื่องนี้ ? ด้วยเหตุนี้กระมัง ถึงจำเป็นต้องมีศาสดาผู้ส่งสาร และคัมภีร์ เพื่อเผยให้เห็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือการรับรู้ของมนุษย์ อัลกุรอานเพียงแต่ให้มนุษย์ใคร่ครวณ พิจารณาความเป็นไปของธรรมชาติ เพราะความซับซ้อนและมหัศจรรย์ที่ปรากฏนี้ บ่งบอกถึงการมีอยู่ของผู้สร้างสรรค์ ความยิ่งใหญ่และปรีชาญาณของพระองค์ จากคุณ : โมเสส - [ 8 มิ.ย. 49 23:44:10 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ตอบได้เยี่ยมครับคุณ โมเลส ขออัลลอฮทรงโปรดปรานครับ จากคุณ : beckmee - [ 9 มิ.ย. 49 09:12:29 ]

ความคิดเห็นที่ 48 สุดยอดเลยครับ เป็นกระทู้ที่อ่านหมดในครั้งเดียวไม่ไหวจริง ไว้จะมาอ่านอีกรอบ จากคุณ : งงทุกสถานการณ์ - [ 14 มิ.ย. 49 01:07:09 ]