CafeTech-ExchangePantip MarketChatPantownBlogGangTorakhongGameRoom


    เพื่อความเข้าใจในอิสลามที่ถูกต้อง (ตอนที่ 3)

    ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ

    ...ต่อเนื่องมาจากกระทู้นี้ครับ
    http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4550064/Y4550064.html

    และกระทู้นี้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4550455/Y4550455.html

    -----------------------------------------------------------

    **************************************************
    ฟันลงบนก้านคอ
    **************************************************
    ประโยคข้างต้น พบใน กุรอาน บทที่ 8 โองการที่ 12  ซึ่งมีใจความว่า

    “ จงรำลึกขณะที่พระเจ้าของเจ้าประทานโองการแก่มลาอิกะฮ์(เทวทูต) ว่า แท้จริงข้านั้นร่วมอยู่กับพวกเจ้าด้วย ดังนั้นพวกเจ้าจงทำให้บรรดาผู้ศรัทธามั่นคงเถิด ข้าจะโยนความกลัวเข้าไปในหัวใจของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา แล้วพวกเจ้าจงฟันลงบนก้านคอ และจงฟันทุก ๆ ส่วนปลายของนิ้วมือ จากพวกเขา”

     คำอธิบาย – เรื่องนี้เคยมีการอธิบายมาแล้วรอบนึงครับ  แต่ไม่เป็นไรอธิบายอีกทีก็ได้

    …ก่อนที่จะทำความเข้าใจโองการข้างต้น  ต้องทำความเข้าใจวัตถุประสงค์ของโองการนี้ก่อนครับ   ดองการนี้อยู่ในบทที่ 8 ซึ่งมีชื่อว่า  อัล-อันฟาล (Al-Anfal) แปลเป็นไทย คือ “ทรัพย์เชลยศึก”

    ...โองการนี้ มีทั้งส่วนที่เป็น ซูเราะห์ มะดานียะห์ และ มักกียะห์  ...แตกต่างกันอย่างไร?

    ...มักกียะห์ นั้น คือโองการที่ประทานลงมาในช่วงที่ท่านศาสดาเผยแผ่ศานาอยู่ที่มักกะห์ (เมกกะห์)  วึ่งใช้วเลาเผยแผ่อยู่ ประมาณ 13 ปี   โดย 13 ปีที่เผยแผ่นั้น ยังไม่มีสภาพของความเป็นรัฐอิสลามเกิดขึ้นในโลก  และไม่มีการจับอาวุธขึ้นสู้แต่อย่างใด  เป็น 13 ปีแห่งความทุกข์ทรมานของมุสลิม  เนื่องจากทั้งตัวท่านศาสดาเอง และสาวกต่างถูกกลั่นแกล้งและถุกทรมานต่าง ๆ นานา  จนท่านศาสดาต้องสั่งให้สาวกอพยพหนีไปยังอบิสสิเนีย  ซึ่งเป็นรัฐคริสเตียน ถึง 2 ครั้ง...เนื่องจากท่านต้องอดทนในการเผยแผ่ศานาเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีการโต้ตอบ   ดังนั้นโองการที่ถูกประทานลงมาในช่วงนี้ จึงเป็นโองการที่เน้นเรื่องจริยธรรม  และหลักศรัทธาเป็นส่วนใหญ่

    ...มาดานียะห์  คือโองการที่ถูกประทานลงมาในในขณะที่มุสลิม และท่านศาสดาได้อพยพอย่างเป็นทางการ  ไปยังเมืองยัษริบ (มาดีนะห์  หรือ เมดิน่าห์ )  ตามคำบัญชาของพระเจ้า  และเป็นจุดเริ่มต้นแห่งการนับศักราชของอิสลาม  คือ ฮิจเราะห์ศักราช   และที่มาดีนะห์นี่เอง  อิสลามก็ได้เกิดขึ้นเป็นรัฐอิสลามอย่างสมบูรณ์  มีอธิปไตยในความเป็นรัฐอย่างสมบูรณ์  มีผู้นำ  มีประชาชน มีสถาบันทางการเมืองเกิดขึ้น  โองการที่ถูกประทานลงมาในช่วงนี้จึงเป็นเรื่องของ  การเมืองการปกครอง  การทหาร  เศรษฐกิจ  และการปฏิบัติตนของคนในรัฐเป็นส่วนใหญ่


    ...ในโองการที่ 30-36 นั้นจะเป็น  ซูเราะห์มักกียะห์  แต่ที่เหลือจะเป็น มะดานียะห์  ...ถ้าอ่านด้วยการวิเคราะห์ดี ๆ จะเห็นว่า ในโองการ ที่ 30 – 36 จะไม่มีการกล่าวถึงการลงโทษตามกฎหมายรัฐเลย  จะเป็นเรื่องของการตักเตือน และการลงโทษในปรโลกเป็นส่วนใหญ่  ซึ่งต่างจากข้อความอื่น ๆ ในบทเดียวกันที่มีระบุถึงการลงโทษและการจัดการตามแบบวิธีปฏิบัติของรัฐ

    ...ประเด็นก็คือ โองการในบทนี้เกือบทั้งหมด (ยกเว้นที่กล่าวมาข้างต้น)  จะกล่าวถึงแนวปฏิบัติในการทำสงคราม  การปฏิบัติต่อเชลยศึก  และการควบคุมความสงบเรียบร้อยของรัฐอิสลาม   สาเหตุของการประทานโองการนี้ลงมาเนื่องจากว่า  ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงเวลาแห่งสงครามบะดัรฺ  อันเป็นสงครามแรกในประวัติศาสตร์ของรัฐอิสลาม  เป็นสงครามแรกหลังจากที่ตลอดระยะเวลากว่า 13 ปีที่ผ่านมา  อิสลามต้องเป็นฝ่ายสูญเสียและยอมเสียเปรียบมาตลอด   แต่ในสงครามคราวนี้เป็นสิทธิโดยชอบธรรมในการที่มุสลิมจะลุกขึ้นสู้  เนื่องจากมุสลิมได้ใช้ความอดทนอย่างยิ่งยวดในการเผยแผ่มาตลอด  โดยไม่ตอบโต้...จนกระทั่งมุสลิมเลือกทางออกสุดท้ายคือการอพยพจากมักกะห์มายังนครมาดีนะห์  เพื่อหลีกเลี่ยงการตอบโต้   แต่ชาวกุเรซมักกะห์ก็ยังไม่วายที่จะตามมาจองล้างจองผลาญมุสลิมถึงมาดีนะห์  

    ...การทำสงครามครั้งนี้ จึงเป็นไปด้วยสิทธิชอบธรรมแห่งภาวะสงคราม 3 ประการ คือ
    1.การปกป้องตนเองจากการถูกรุกราน
    2.การปกป้องอธิปไตยเหนือดินแดนรัฐอิสลามมาดีนะห์
    3.การปกป้องสิทธิและเสรีภาพในเรื่องของการนับถือ และเผยแผ่ศาสนา

    ...แต่เนื่องจาก  ตลอดเวลาที่ผ่านมา  มุสลิมไม่เคยทำสงครามกับใคร  จึงไม่เคยรู้ว่า  การปกป้องตนเอง  การทำสงครามเพื่อศาสนา  และการปฏิบัติต่อเชลยสงครามนั้น  ควรทำอย่างไร   อัลเลาะห์จึงทรงประทานโองการ ในบทนี้มาเพื่อเป็นการปฏิบัติตัวของมุสลิมในภาวะสงคราม

    ....โดยสรุปแล้ว โองการข้างต้น  จึงเกี่ยวโยงและสัมพันธ์กับเรื่องของสงครามศาสนา  ทั้งในแง่ของชื่อบทเอง  หรือเนื้อหาภายในก็ตาม....จึงเป็นความชัดเจน ประการหนึ่งว่า  ไม่เป็นการถูกต้องหรือเหมาะสมอันใดเลย  ที่มุสลิมจะอ้างโองการข้างต้นในการทำร้ายคนต่างศาสนา หรือ ใช้โองการข้างต้นในการแสวงหาผลประโยชน์  และความชอบธรรมในการทำสงคราม  ที่ไม่ได้เป็นไปเพื่อปกป้องตนเองจากการถูกรุกราน   ทั้งนี้กุรอานก็ได้กล่าวย้ำแล้วว่า ...

    “อัลลอฮฺมิได้ทรงห้ามพวกเจ้า  เกี่ยวกับบรรดาผู้ที่มิได้ต่อต้านพวกเจ้าในเรื่องศาสนาและพวกเขามิได้ขับไล่พวกเจ้าออกจากบ้านเรือนของพวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะทำความดีแก่พวกเขา และให้ความยุติธรรมแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงรักผู้มีความยุติธรรม” (กุรอาน 60:8)

    -------------------------------------

    จากคุณ : kheedes - [ 22 ก.ค. 49 02:55:22 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | PanTown.com | BlogGang.com