ความคิดเห็นที่ 20
ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่านครับ
...คำ "ได้แนวคิด" คุณคลื่นแทรกคิดว่า มันหมายถึงอย่างไรล่ะครับ
..ถ้าหมายถึงว่า ลอกเขามาแล้วเอามาปรับปรุงใหม่ เช่นนี้ ก็ต้องกลับไปพิจารณา ที่ตัวกุรอานนะครับ ว่ามีลักษณะของการลอกเลียนหรือไม่ ประการที่ 1
ประการที่ 2 คือ หากกุรอานลอกเลียนมา ทำไมจึงมีความซับซ้อนในระบบการเขียนบันทึก ทำไมต้องทำให้ยาก และดูวุ่นวาย จนเกินกว่าที่มนุษย์จะปลอมขึ้นมาได้
ประการที่ 3 หากลอกมา แสดงว่าย่อมสามารถที่จะ มีผู้อื่นมาลอกต่อไปอีกได้ แล้วเหตุใดกุรอาน จึงเป็นคัมภีร์เดียว ที่มีข้อความท้าทายกับผู้คนทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งแล้วในสมัยที่เต็มไปด้วยนักกวีอาหรับมากมาย
"และหากปรากฏว่าพวกเจ้าอยู่ในความแคลงใจใด ๆ จากสิ่ง ที่เราได้ลงมาแก่บ่าวของเราแล้ว ก็จงนำมาสักซูเราะฮฺหนึ่งเยี่ยงสิ่งนั้น และจงเชิญชวนผู้ที่อยู่ในหมู่พวกเจ้าอื่นนอกจากอัลลอฮฺหากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง" (กุรอาน 2:23)
...จริง ๆ แล้ว การที่ท่านนบีได้มีโอกาสสนทนากับผู้รู้ในศาสนาต่าง ๆ นั้น เกิดจากการที่ท่านต้องการแสวงหาพระเจ้าที่แท้จริง หรือสัจธรรมที่แท้จริง ว่าคืออะไร...สังเกตได้ว่า ช่วงชีวิตก่อนที่ท่านจะเป็นนบี นั้น ท่านได้ไปสนทนากับผู้รู้มากกมาย แต่ก็รู้สึกว่า ท่านยังไม่พบคำตอบที่ท่านต้องการ เลยสักครั้ง
...เมื่อครั้งที่ท่านได้รับโองการครั้งแรกนั้น ผู้รู้ คนแรกที่ท่านไปขอคำปรึกษาคือ วะเราะเกาะฮฺ อิบนุเนาฟัล ซึ่งเป็นผู้รู้คริสเตียน และเป็นคนแปลไบเบิ้ลเป็นภาษาอาหรับในยุคนั้น ท่านเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ท่านเจอมา ...เมื่อวะเราะเกาะห์ได้ยินทั้งหมด จึงกล่าวกับท่านว่า
"ด้วยนามแห่งพระเจ้า ฉันขอสาบานว่า ท่านคือผู้นำแห่งชนชาตินี้ บัดนี้พระวิญญาณที่เคยมาหาโมเสสได้มาหาท่านแล้ว ท่านจะถูกปฏิเสธ และถูกทำร้าย ท่านจะถูกด่าว่า และถูกตามล่า ถ้าฉันมีชีวิตอยู่ถึงวันนั้น ฉันจะทำให้ความมุ่งหมายของพระเจ้าสัมฤทธิ์ผลแน่นอน"
...ซึ่งหากท่านนบีเจตนาจะลอกคัมภีร์หรือทัศนะจากผู้รู้อื่น ๆ แล้ว ท่านไม่จำเป็นต้องนำเรื่องนี้มาเล่าให้ วะเราะเกาะห์ฟังด้วยซ้ำ เพียงแค่ท่านขอยืมไบเบิ้ลสักเล่ม หาคนเขียนหนังสือได้สักคน ทำการคัดลอก ปรับปรุงนิดหน่อยก็จบแล้ว...
....แต่ความจริง ท่านกลับต้องใช้เวลาถึง 23 ปี ในการรอคอยโองการกว่า 6,000 โองการ ผ่านการถูกตามล่า ถูกเหยียดหยาม อพยพ ทำสงคราม จะทำอะไรสักอย่างก็ต้องรอโองการจากพระเจ้าก่อนจึงจะทำได้... ดิ้นรนทุกวิถีทาง จนกระทั่งกุรอานครบสมบูรณ์เป็นรูปเล่ม...ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่วิสัยของการลอกเลียนเลย
--------------------------------------------------------
บุคคอรีย์ ชื่อจริงท่านคือ อบูอับดิลลาฮฺ มุหัมมัด บิน อิสมาแอล บิน อิบรอฮีม บิน อัลมุฆีเราะฮฺ บิน บัรดิซฺบะฮฺ อัลญุอฺฟีย์ อัลบุคอรีย์.
...เกิดที่เมืองบุคอรอ รัสเซีย เมื่อปี ฮ.ศ. 194 และเสียชีวิต เมื่อปี ฮ.ศ. 256 เมื่ออายุได้ 62 ปี ...ท่านเป็นคนแรกที่ได้คัดเลือกและรวบรวมหะดีษที่เศาะเฮี๊ยะ หรือถูกต้องเท่านั้นเขียนขึ้นเป็นตำรา ท่านได้ให้ความสำคัญกับหนังสือเล่มนี้มาก ใช้เวลาในการรวบรวมและเขียนถึง 16 ปีเต็ม ...หะดีษที่ท่านได้รวบรวมไว้เป็นยอดหะดีษที่ได้กลั่นกรองและคัดเฟ้นจากหะดีษต่างๆกว่า 60,000 หะดีษ
...เหตุผลหนึ่งที่ บุคอรีย์มุ่งมั่นเขียนตำราเล่มนี้ขึ้นมาเพราะท่านเห็นว่าตำราหะดีษที่ถูกเขียนขึ้นมาก่อนหน้าท่านนั้นเคล้าด้วยหะดีษเศาะเฮี๊ยะ หะสัน และเฏาะอีฟ ซึ่งทำให้คนอ่านที่ไม่ใช่นักหะดีษไม่อาจแยกแยะได้ระหว่างหะดีษเหล่านั้น ท่านได้ตั้งชื่อหนังสือว่า "อัลญามิอุลมุสนัด อัลเศาะเฮี๊ยะ อัลมุคตะศ็อร มิน อุมูร รสูลิลลาฮฺ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม วะสุนะนิฮี วะอัยยามิฮี" หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "เศาะเฮี๊ยะบุคอรีย์" หรือที่เรามักอ้างอิงตอนท้ายว่า หะดิษบุคคอรีย์
...บรรดาอุละมาอฺ (นักวิชาการศาสนา) ต่างมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า "หนังสือญามิอุลเศาะเฮี๊ยะเป็นหนังสือที่ถูกต้องมากที่สุดหลังจากอัลกุรอาน" ... จำนวนหะดีษในบุคอรีย์มีทั้งหมด 7,275 หะดีษ ส่วนหะดีษทีไม่ซ้ำกันมีจำนวนเพียง 4,000 หะดีษ
-----------------------------
มุสลิม
ชื่อจริงคือ อิมาม อบุลหะซัน มุสลิม บิน อัลหัจญาจ บิน มุสลิม บิน วัรดฺ บิน เกาชัซฺ อัลกุชัยรีย์ อัลนัยสาบูรีย์ ...เกิดที่เมืองนัยสาบูร เมื่อปี ฮ.ศ.204 และเสียชีวิตเมื่อปี ฮ.ศ. 261เมื่ออายุได้ 57 ปี
...เหตุการเขียน คือ มีคนมาร้องขอให้ท่านทำการคัดเฟ้นหะดีษที่ถูกต้องและไม่ซ้ำกันที่รายงานมาจากท่านนบี เพื่อความสะดวกในการศึกษาและง่ายต่อการเข้าใจและนำไปปฏิบัติ ....ดังนั้นท่านจึงได้ทุ่มชีวิตของท่านทำการคัดเฟ้นจากจำนวนหะดีษทั้งสิ้น 300,000 หะดีษ และบันทึกหะดีษดังกล่าวไว้เป็นเล่มเป็นเวลาถึง 15 ปี เต็ม หลังจากนั้นท่านได้เสนอให้เชค อบู ซุรอะฮฺ อัลรอซีย์ ได้ตรวจทาน และทุกครั้งที่ อบูซุรอะฮฺ กล่าวว่าหะดีษใดมีตำหนิท่านก็จะลบหะดีษนั้นทิ้งทันที จนกระทั่งท่านแน่ใจว่าหะดีษต่างๆที่เหลือเป็นหะดีษที่ถูกต้องทั้งสิ้น และท่านได้ตั้งชื่อหนังสือของท่านว่า "อัลญามิอุส เศาะเฮี๊ยะ" หรือเป็นที่รู้จักกันในนามของ "เศาะเฮี๊ยะมุสลิม"
...อุลามาอฺ ส่วนใหญ่มีมติเห็นพ้องกันว่า หนังสือเศาะเฮี๊ยะมุสลิม เป็นหนังสือที่ถูกต้องที่สุด รองลงมาจากหนังสือเศาะเฮี๊ยะ อัลบุคอรีย์
-----------------------------
ด้วยจิตคารวะครับ
จากคุณ :
kheedes
- [
31 ก.ค. 49 20:55:00
]
|
|
|