ความคิดเห็นที่ 1 เพราะผมพิจารณาแล้วว่า ถ้าต่อว่ากันรุนแรง หรือกล่าวใช้คำต่อคนที่เรารักรุนแรง คือไม่เคารพกันแล้วละก้อ การพูดคุยกัน ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลยครับ จะเปลี่ยนใจใครไม่ได้เลย เขาไม่มีใจฟังเหตุผลทั้งสิ้น นี้พูดถึงทั้งสองฝ่ายเลยนะครับ ยิ่งไปว่าเขาว่า คุณนะโกรธแล้ว ดูตัวคุณเองก่อนเถิด อะไรทำนองนี้ ยิ่งไม่เกิดประโยชน์ทั้งสิ้น นี้คือห้องศาสนา ถ้าจะทำอย่างนั้น ต้องเปลี่ยนห้องกระทู้นี้  ห้อง สงครามศาสนา  แทน คุยกันดีๆ เอาธรรมะ มาคุยกัน เอาเหตุการณ์มาคุยกัน ใช้คำดีๆ  ใช้คำไม่ดี ต่อคนที่เรารัก คือไม่ให้เกียรติกัน ให้หยุดคุยก่อน เมื่อไรใช้คำดีๆ ได้ค่อยคุยกันใหม่ ขอยืนยันว่า ถ้าใช้คำไม่ดี จะแก้ไขเปลี่ยนใจใคร ไม่ได้ทั้งนั้น ขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมนะครับ วันนี้เป็นวันดี จึงเสนอ วิธีการดีๆ นี้มาให้ชาววัดพระธรรมกาย ทำอย่างนี้ แล้วคุณจะพบว่า พันทิป ไม่ได้น่ากลัวใดๆ อย่างที่คิดครับ แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 49 14:27:59 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 7 ก.ย. 49 09:40:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 วิธีการเผยแผ่แต่ธรรมะ มงคลชีวิต และ case study ของคุณ foox ได้ประโยชน์มาก ทางเสียน้อยนิด คุณหัดฝันตอบดีเพียงใด ก็ยังได้ประโยชน์ไม่มาก เพราะเขาไม่มุ่งสนทนาธรรมแบบบัณฑิต และแม้คุณตอบได้ดีเพียงใด ก็ยังมีคำถามก่อกวนไม่สิ้นสุด การเข้าไปตอบกระทู้ที่นั้น ส่วนมากหวังแต่เอาชนะด้วยเหตุผลและสำนวนทางภาษา จึงมีโอกาสมากที่ทำให้เกิดแบ่งฝ่าย เอาความแตกต่างสู่ความแตกแยก แตกสามัคคีของคนไทยด้วยกัน ชาวพุทธด้วยกัน ยิ่งให้ความสนใจเขา เราก็ยิ่งแย่ ยิ่งถ้าตอบไม่กระจ่าง ใส่อารมณ์ร้อนๆ ยิ่งเข้าทางเขา ภาพรวมของวัดก็ยิ่งแย่เพราะเขาคิดว่าคนตอบกระทู้เป็นตัวแทนของวัด จากคุณ : ไม่อยากแก่ - [ 7 ก.ย. 49 10:20:44 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คนเช่นเรา ใช่จะไร้เสียซึ่งปัญญา ชั่วก็รู้ ดีก็เห็น เราจะฆ่าตัวเราเอง เพราะความปรารถนาลามกทำไม ที่เขาพูดหาว่าเราอย่างนั้น บางคน คงจะไม่รู้จักคำว่า "ธรรมกาย" มีอยู่ที่ไหน หมายเอาใคร เขาอาศัยความไม่รู้ มาว่าเราผู้ตั้งใจปฏิบัติชอบ เมื่อผู้ไม่รู้ติเตียนเรา ความไม่รู้ของเขา จะลบล้างสัจธรรมของ พระพุทธศาสนา ได้อย่างไร ถ้าจะลบก็ลบได้เพียงชั่วคราว ไม่ช้าดวงแก้วของพระพุทธศาสนา ก็จะเปล่งรัศมี ให้ผู้มีปัญญา เห็นด้วยสายตาของตนเอง การที่เขา นำไปพูดเช่นนั้น เป็นผลแห่งการปฏิบัติที่เราได้กระทำกันอยู่ แสดงให้เห็นว่า คณะวัดปากน้ำไม่ได้กินแล้วนอน เป็นสำนักที่เคร่งครัดในการปฏิบัติธรรม การที่เขานำไปพูดเช่นนั้น เท่ากับเอาสำนักไป เผยแพร่ ดีเสียกว่าการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ เพราะการที่เขานำไปพูดนั้น เป็นการกระทำของผู้พูดเอง เราไม่ได้จ้างวานใคร เมื่อพูดทางไม่ดีได้ ก็ต้องมีคนพูดทางดีได้เหมือนกัน ธรรมจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่ต้องเดือนเนื้อร้อนใจ เพราะธรรมกายของ พระพุทธศาสนาเป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นความจริงแก่ผู้เข้าถึง เรื่องอย่างนี้ เราไม่หวั่น เราเชื่อในคุณพระศาสนา" "ช่างเถิดเขาติเตียนเรา ดีกว่าเราติเตียนเขา การที่เราถูกติเตียนนั้น เพราะทำงานก้าวหน้าไป" วาทะของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย จากคุณ : ไม่อยากแก่ - [ 7 ก.ย. 49 10:23:56 ]

ความคิดเห็นที่ 4 นิ่งเงียบ...เหมือนแพ้...แต่ชนะ ลูกศิษย์วัดมาขอธรรมะจากคุณยาย ท่านจึงสอนว่า ไม่ว่าใครจะว่ายาย เถียงยาย หรือทะเลาะกับยาย จะเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิด หรือเป็นผู้ใหญ่กว่า เวลามีอารมณ์ก็ว่ายาย ต้องอย่างนั้น อย่างนี้สิ ยายจะเงียบ ยอมแพ้เขาไปก่อน ให้เขาพูด ๆ และว่าไป ยายจะเอาชนะทุกคนด้วยความเงียบก่อน เขาพูดไป พอเหนื่อย ก็หยุดเอง ปล่อยให้เขาโกรธ มีอารมณ์ว่าไปคนเดียว ยายเงียบอย่างเดียว ยายเอาชนะทุกคนแบบนี้มาทั้งนั้น ยายนิ่งเงียบ ดิ่งธรรมะดูภายใน แล้วยายก็ชนะ คำสอนของยาย คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย จากคุณ : ไม่อยากแก่ - [ 7 ก.ย. 49 10:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แม่เหล็กมีขั้วบวก ขั้วลบ หากจะเปรียบให้ .. ดี ใส สบายเป็นขั้วบวก ..ไม่ดี ใจขุ่นมัว เป็นขั้วลบ.... แปลกตรงที่แม่เหล็กต่างขั้วกัน ดึงดูดกัน ขั้วเดียวกันพลักกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่คนเราไม่ใช่แม่เหล็ก คนที่เป็นบวกถึงสามารถดึงบวก คนที่เป็นลบดึงทั้งบวกทั้งลบครับ ( คบคนพาล พาลไปหาผิด) โดยเฉพาะปุถุชนนั้นมีสองอย่างนี้แน่ครับ!! ....ในสังคมเราทั้งโลกนี้ อย่ามัวไปดึงคนที่ไม่ดี หรือคนกลางๆ (จะดีก็ไม่ใช่ จะร้ายก็ไม่เชิง) เข้าวัดหรือปฏิบัติธรรมะเลยครับ มอบส่วนนี้ให้กับบุคคลที่เข้าถึงธรรมขั้นสูงจริงๆเถอะครับ ถือว่าเป็นบุคคลพร้อมรบถึง ไปชวน ไปแนะ ไปแสดงความคิดเห็น ไม่เช่นนั้นเราจะขุ่นเสียเอง!! ....ไปหาคนดีๆ ที่แผงตัวอยู่ในโลกใบนี้ให้เจอ แล้วยอมถวายชีวิตเพื่อทำทุกอย่างเพื่อให้เขาได้มีโอกาสได้ศึกษาธรรมะ ของพระพุทธเจ้า ของหลวงปู่ ของหลวงพ่อ จะดีกว่าไหมครับ อย่างนี้ !!! ....สังเกตุดูสิครับ วัดพระธรรมกายกำลังขยายการสั่งสอนออกไปทั่วโลก เปิดวัดสาขาออกไปจำนวนไม่ใช่น้อย เพื่อให้โอกาสคนดีที่กระจายอยู่ที่ต่างๆ ทั่วโลกครับ ในเวลาอันสั้นนี้เชื่อได้ว่าไม่ใช้เฉพาะคนไทยเท่านั้นที่เห็นธรรมะในตัวได้ คงปรากฏว่ามีใน ยุโรป อเมริกา เอเชีย แอฟริกา มีคนเห็นธรรมะในตัวได้มีมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนครับ แล้วเราจะไปสนใจทำไมกับ สิ่งที่ทำให้เราเป็นลบหรือมีโอกาสเป็นลบ ไปเสาะหาคนดี ดีกว่าครับ แม้ในไทยนี้ก็ยังมีอีกมากครับ++++++ จากคุณ : ไม่อยากแก่ - [ 7 ก.ย. 49 10:28:57 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ประเด็น คำว่า ...สำหรับชาววัดพระธรรมกาย (๑) ชาวพุทธทั้งหมด ไม่เคารพ เชื่อการตรัสรู้ของพระบรมศาสดาพระองค์นี้ เสียแล้วหรืออย่างไร? (๒) พระบรมศาสดาแห่งพุทธศาสนา มี หนึ่งเท่านั้น คือ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ ..ตามที่ตรัสไว้ว่า "ธรรม วินัย ที่เราบัญญัติไว้ดีแล้ว จักเป็นศาดาของพวกเธอในกาลที่เราปรินิพพานแล้ว" (จากความจำ) ตกลง จะแบ่งเป็นวัดๆ  แบ่งเป็นพวกๆ หรือครับ ...ชาวพุทธทั้งปวง (จะเอาอย่าง การเมือง ในเวลานี้ หรือ?) จากคุณ : เถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) - [ 7 ก.ย. 49 10:33:47 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ว่าด้วยสาราณิยธรรม ๖      [๕๔๒] ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสบอกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๖ ประการนี้ เป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำความรักกัน ทำความเคารพกัน เป็นไปเพื่อความ สงเคราะห์กัน เพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อความพร้อมเพรียงกัน เพื่อความเป็นพวกเดียวกัน ๖ ประการเป็นไฉน? ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เข้าไปตั้งกายกรรมอันประกอบด้วย เมตตา ในเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ธรรมแม้นี้ เป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำความรักกัน ทำความเคารพกัน เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กัน เพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อ ความพร้อมเพรียงกัน เพื่อความเป็นพวกเดียวกัน.      ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุเข้าไปตั้งวจีกรรมอันประกอบด้วยเมตตา ในเพื่อน สพรหมจารีทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ ธรรมแม้นี้ เป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำความรัก กัน ทำความเคารพกัน เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กัน เพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อความพร้อม เพรียงกัน เพื่อความเป็นพวกเดียวกัน     ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุเข้าไปตั้งมโนกรรมอันประกอบด้วยเมตตา ในเพื่อน สพรหมจารีทั้งหลาย ทั้งในที่แจ้งและที่ลับ ธรรมแม้นี้เป็นเหตุให้ระลึกถึงกัน ทำความรักกัน ทำความเคารพกัน เป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กัน เพื่อความไม่วิวาทกัน เพื่อความพร้อมเพรียง กัน เพื่อความเป็นพวกเดียวกัน. จากคุณ : นะยะ - [ 7 ก.ย. 49 11:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 8 1.ดีที่สุดของคุณ อาจไม่ดีที่สุดของคนอื่น 2.ยึดมั่นที่อะไร  ความดี ความงาม ความถูกต้อง หรือ อาจารย์กรูถูก ครูกรูแน่ วัดกรูเยี่ยม ใครห้ามแตะ 3.ห้ามเอาศาสนาพุทธมาเป็นเครื่องมือชี้วัดความถูกต้องของตนเองและพวกพ้อง โดยใช้วิธี ชาวพุทธต้องรักกัน เพราะพุทธแท้ก็มี พุทธเทียมก็มี พุทธแอบอ้างก็มี ต้องยึดมั่นที่ ข้อ 2. แล้วค่อยมาอ้างข้อ 3. อย่างสบายใจ 4.เห็นด้วยกับเจ้าของกระทู้ พูดกันด้วยเหตุด้วยผล ยึดมั่นในหลักความจริงในข้อ2. ถูกผิดให้คิดเอง โตแล้ว จะโง่จะฉลาด เลือกเอาเอง ขอละเว้นความรุนแรง เอามันส์ 5.ยืนยันคำเดิม เบื่อพวกดีแต่ปากชอบแอบอ้างธรรมะ อาศัยเป็นเครื่องมือด่าคน ในดูสูงส่ง สวยหรู  แต่แยกแยะดีชั่ว อะไรควรไม่ควร ไม่เป็น ดีจริงคงไม่เข้ามา สนองตัณหาอัตตาตัวเองในนี้เหมือนเราหรอก ว่ามั๊ย... จากคุณ : mafiacyber - [ 7 ก.ย. 49 11:08:17 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อ้างจาก คห.17 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4678167/Y4678167.html#17 ผมเริ่มโพสต์ข้อความในนี้ก็เพราะ มีข้อความเกี่ยวกับธรรมวินัยที่บิดเบือน ถ้าพวกคุณไม่แสดงตัว ผมก็จะไม่รู้และไม่ใส่ใจเสียด้วยซ้ำ ว่าพวกคุณเป็น ใคร มาจากสำนักไหน?  เพราะผมโพสต์ข้อความ ผมไม่เคยสนใจว่าใคร ชื่ออะไร ? ผมดูแค่เลขที่ข้อความเท่านั้น แต่เพราะความดื้อรั้นอยากเอาชนะ ของพวกคุณจึงทำให้ผมสังเกตุเห็น ว่าพวกคุณเป็นใครมาจากไหน..... ทางที่ดี คุณควรเผยแพร่คำสอนของคุณในที่ส่วนตัว ถ้าตราบใดที่คำสอน ของสำนักคุณ ยังไม่สามารถเข้าร่องเข้ารอยกับคำสอนมาตรฐานของเถรวาทได้ จงอย่านำมาแสดงในที่สาธารณะจะดีที่สุด......นี่คือคำเตือนด้วยความหวังดี อีกเรื่องที่อยากจะแนะนำคุณหัดฝันและนายxlmen ก็คือ ตราบใดที่คุณสองคน ยังอ่านพระไตรปิฎก ด้วยความรุ่มรวยจินตนาการล่ะก็ อย่านำมาแสดง ในที่สาธารณะเป็นอันขาด และผมบอกคุณได้เลยว่า ท่าทีต่อพระไตรปิฎก แบบนี้ จะทำให้คุณไม่มีวันเข้าใจพุทธธรรมได้เลย คุณต้องอ่านพระไตรปิฎก ด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ใช่ด้วยจินตนาการ ........ผมเตือนคุณได้เท่านี้จริงๆ พวกคุณอาจคิดว่าผมเป็นพวกร้ายกาจใจแคบ.........อาจจะใช่หรืออาจจะไม่ใช่? คำถามก็คือ คุณคิดว่าคุณใจกว้างกับชาวเถรวาททั้งหมดแล้วหรือยัง? พระธรรมวินัยที่พวกเขารักษากันมาเป็นพันปี โดยไม่เปลี่ยนแปลงแก้ไข ทุกสิ่งทุกอย่างมีแบบแผนเป็นของตัวเอง...... วันดีคืนร้าย คุณจะมาเปลี่ยนแปลงธรรมเนียมของเขา อย่างนี้ยุติธรรมหรือ? ผมจะไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับคดีโลก จะพูดก็แต่เรื่องศาสนาล้วนๆ ถึงตรงนี้ผมคงต้องพูดซ้ำว่า สำนักของคุณไม่ควรใช้ฉายา พุทธเถรวาท และนี่คือจุดยืนของผม.........ถ้าสำนักคุณยอมรับธรรมเนียมปฏิบัติแบบเถรวาท ไม่ได้ก็ควรจะใช้ฉายาอย่างอื่น ที่ไม่ใช่พุทธเถรวาท......... หลักการที่พวกคุณพยายามจะนำเสนอนั้น ผมจะไม่พูดในที่นี้ว่าถูกหรือผิด แต่ผมบอกได้อย่างหนึ่งว่า พุทธเถรวาทเขาไม่สอนกันอย่างนี้.... ผมเองก็ไม่ใช่คนเคร่งครัดธรรมเนียม........แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะละเมิด ธรรมเนียมของชาวเถรวาทเขา ....... หลักปฏิบัติของเขามีประวัติศาสตร์ มีที่มาอันยาวนาน พวกคุณจะไปละเมิดเขาได้อย่างไร? และการที่พวกคุณพยายามจะตีความพระไตรปิฎกให้เข้ากับลัทธิความเชื่อของ สำนักคุณนั้น บอกได้เลยว่า ชาตินี้อย่าได้หวัง.......คุณไม่มีทางทำได้หรอก คุณอาจจะคิดว่าคุณเก่ง แต่เชื่อเถอะ คุณไม่มีทางเก่งไปกว่าอีกฝั่งหนึ่งได้หรอก พวกคุณจะสิบ จะร้อย จะพัน ก็มาจากตำราเดียวกันทั้งนั้น จะไปสู้กับผู้รู้ จากหลากหลายสำนักได้อย่างไร? และที่สำคัญก็คือ คุณไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่ ถูกต้องชอบธรรม เพราะแท้ที่จริงแล้ว พวกคุณต่างหากที่กำลังละเมิดผู้อื่นอยู่ ผู้อื่นซึ่งหมายถึง ชาวพุทธเถรวาททั่วๆไป............. ตัวผมเอง ก็ใช่ว่าจะทำตัวเป็นนักศึกษาพระไตรปิฎกตามธรรมเนียมเถรวาท เท่านั้น มาธยมิกะ ของท่านนาคารชุน ผมก็ศึกษาเพื่อความซาบซึ้งในอนัตตา ศูนยตา อไทวตเวทานตะ ของท่านศังกราจารย์ ผมก็ศึกษา เพื่อความรู้แจ้งในปรมาตมัน ฉนั้นผมขอบอกคุณว่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อัตตา อนัตตา อย่าได้คิดอ่าน เอาคัมภีร์มาอ้างกับผมเลย มันเปล่าประโยชน์ ที่พูดมานี่ จะว่าคุยข่มก็ได้ หรือจะว่าผมขี้โม้ก็ได้.......อันนี้อนุญาติให้ใช้จินตนาการได้ตามใจชอบ.. สรุปก็คือ 1) คุณควรจะเผยแพร่คำสอนของคุณในที่ส่วนตัวเท่านั้น 2) ถ้าคุณยังคิดที่จะมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ คุณก็ต้องยอมรับสภาพ ว่าคุณจะต้องเจอกับการต่อต้านอย่างรุนแรงทุกรูปแบบ และผมก็จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมต่อต้านคำสอนของสำนักของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งหมดนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกคุณคงจะเข้าใจได้ตามสมควร ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 7 ก.ย. 49 11:37:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมขอเรียนถามคุณจักรแก้วว่า ในความคิดเห็นของคุณ วิธีที่ดีที่สุดของผู้ที่มีเจตนาจะรักษาความบริสุทธิ์บริบูรณ์ของพุทธศาสนาเถรวาท และเห็นว่าวัดพระธรรมกายควรแยกตัวเองออกไปเป็นนิกายของตนเอง ดังเช่น มหายาน วัชรยาน ฯลฯ คืออะไรหรืออย่างไรครับ เพราะผมพิจารณาแล้วว่าการเข้าเกี่ยวข้องกับเรื่องต่างๆตามพุทธวิธี ขึ้นอยู่กับว่ามีผลกระทบต่อหลักการที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ดีแล้วมากเพียงใด บางเรื่องการปล่อยวางก็ไม่เหมาะสมเพราะเหมือนกับสนับสนุนทางอ้อม บางเรื่องการแก้ไขก็อาจไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ หากคุณจักรแก้วพิจารณาว่าคำถามผมไม่เกี่ยวข้องกับกระทู้นี้ หรือไม่ต้องการตอบก็สุดแต่คุณนะครับ ผมเองก็พิจารณาก่อนจะถามแล้วว่ามีเจตนาต้องการทราบข้อคิดเห็นของคุณจักรแก้ว และคนอื่นๆที่เข้ามาร่วมในกระทู้โดยบริสุทธิ์ใจ ขอบคุณครับ จากคุณ : awareness - [ 7 ก.ย. 49 12:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คุณ awareness ถามดีอย่างยิ่ง และผมดีใจที่คุณถาม แต่ที่ตอบก็เพียงความเห็นของผมเท่านั้นนะครับ คำตอบที่ตรงที่สุดคือ ถ้าเรายึดพระไตรปิฏก เป็นหลัก ตามนิกายเถรวาท ที่ว่ายึดพระไตรปิฏกเป็นหลัก ทุกวัด ที่ปฏิบัติ ตามแนววิชชาธรรมกาย ต่างก็ไม่ใช่ทั้งสิ้น ทั้งนี้ไม่ได้ว่า วิชชาดี หรือไม่ดี ไม่ว่าพระไตรปิฎกสูญหายไม่ครบหรือไม่สูญหาย วิชชาหายไป 500 ปี แล้วพบใหม่ ไม่ว่าทั้งสิ้นว่าถูกหรือผิด ถูกก็ได้ ผิดก็ได้ ใครจะรู้ได้ แต่เอาตามพระไตรปิฏก เท่าที่มี ย้ำว่า เท่าที่มี   ไม่ใช่ทั้งสิ้น ไม่จำเป็นต้องไปเสาะหาในพระไตรปิฏกเรื่องนี้ ไม่มีทั้งสิ้น ที่มีก็เป็นอีกอย่าง แต่ก็ไม่ได้ว่าวิชชา ผิดหรือถูก ดังกล่าว ตามหลักเถรวาท ที่ยึดพระไตรปิฏกเป็นหลัก จึงไม่ใช่ แต่ความมีศีลนั้นเสมอกัน และเคารพ พระรัตนตรัยเช่นกัน จึงไม่จำเป็นต้องแยกสังฆกรรม จะใช้คำว่าแยกนิกาย ก็เป็นการแยกสังฆกรรมด้วยกระมัง แต่รู้ๆกันว่า เป็นแนววิชชาธรรมกาย ก็พอแล้วอย่างนี้ก็ได้ ซึ่งที่เป็นอยู่อย่างนี้ ก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้ว จะไม่ต้องปรับแก้ก็ได้ หรือจะปรับแก้ก็ได้ ถือเป็นเรื่องของผุ้ใหญ่ในศาสนา แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 49 14:33:58 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 7 ก.ย. 49 14:07:01 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คำตอบที่ตรงที่สุดคือ ถ้าเรายึดพระไตรปิฏก เป็นหลัก ตามนิกายเถรวาท ที่ว่ายึดพระไตรปิฏกเป็นหลัก ทุกวัด ที่ปฏิบัติ ตามแนววิชชาธรรมกาย ต่างก็ไม่ใช่ทั้งสิ้น แต่ความมีศีลนั้นเสมอกัน และเคารพ พระรัตนตรัยเช่นกัน จึงไม่จำเป็นต้องแยกสังฆกรรม จะใช้คำว่าแยกนิกาย ก็เป็นการแยกสังฆกรรมด้วยกระมัง แต่รู้ๆกันว่า เป็นแนววิชชาธรรมกาย ก็พอแล้วอย่างนี้ก็ได้ ซึ่งที่เป็นอยู่อย่างนี้ ก็เป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้ว จะไม่ต้องปรับแก้ก็ได้ หรือจะปรับแก้ก็ได้ ถือเป็นเรื่องของผุ้ใหญ่ในศาสนา สำคัญที่เราเอง ไม่ต้องตีกันในเรื่องนี้หรอก  อยู่ในความดีต่อไป จากคุณ : จักรแก้ว - [ 7 ก.ย. 49 14:08:39 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สำหรับ คุณ Riitti นะครับ ผมเห็นด้วยกับคุณนะครับ และเห็นด้วยมากกว่านั้นอีก และเสนอให้ชาววัดทำอย่างนี้กับวิธีการคิดของคุณ Ritti แนวคิดของคุณ Ritti สรุปก็คือ 1) คุณควรจะเผยแพร่คำสอนของคุณในที่ส่วนตัวเท่านั้น เห็นด้วยครับ เขาก็ทำกันอยู่ 2) ถ้าคุณยังคิดที่จะมาเผยแพร่ในที่สาธารณะ คุณก็ต้องยอมรับสภาพ ว่าคุณจะต้องเจอกับการต่อต้านอย่างรุนแรงทุกรูปแบบ ก็เห็นด้วยครับ เป็นเรื่องธรรมดา และผมก็จะเป็นหนึ่งในผู้ร่วมต่อต้านคำสอนของสำนักของคุณอย่างไม่ต้องสงสัย เห็นด้วยครับ ผมก็มั่นใจอย่างนั้นเช่นกัน ทั้งหมดนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพวกคุณคงจะเข้าใจได้ตามสมควร เห็นด้วย ครับ ผมคิดว่าชาววัดควรจะเข้าใจอย่างนี้จริงๆ แล้วชาววัดควรทำอย่างไร   ควรไม่ตอบโต้ ทำเฉยๆ  อันไหนจะให้ข้อมูลได้ก็ให้ อันไหนให้ไม่ได้ หรือไม่อยากจะให้ ก็เฉยๆ เพราะอย่างไร ทั้งคุณ Ritti และชาววัด จะไม่เปลี่ยนใจแน่นอนอยู่แล้วถ้าตอบโต้กันไปมา จึงเหนื่อยเปล่า เอาเวลา ไปปฏิบัติ หรือไปทำอะไรดีๆอย่างอื่น หรือ post ดีๆอย่างที่คุณ foox ทำดีกว่า หลังๆ รู้สึกคุณ Foox จะเริ่มเขวลงมาเหมือนกัน หนักแน่นไว้ครับ ที่เคยทำมาเดิม ดีอยู่แล้ว อนุโมทนา จากคุณ : จักรแก้ว - [ 7 ก.ย. 49 14:16:03 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แต่ถ้าเขาเสนออะไร เป็นพุทธพจน์ เป็นธรรมะ มา หรือข้อคิดอะไรดีๆ ที่เขาเสนอมาด้วยดี อยากให้ได้อ่าน ได้คิด อะไรนำไปปรับปรุงได้ ก็นำไปเสนอ ให้คนที่เรารู้เขาไปปรับปรุง เท่านั้นเองครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 7 ก.ย. 49 14:19:42 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ ไม่อยากแก่ครับ สิ่งดีๆตามพุทธพจน์ที่ชาววัดธรรมกายนำมาเสนอนั้นไม่มีใครเขาตำหนิหลอกครับ อย่างมงคล38 ที่คุณfoox นำมานั้น ผมเองก็ติดตามอ่านตลอด แม้คำอธิบายธรรมที่พระอาจารย์ของคุณกล่าวมาและตรงตามพุทธพจน์แถมอธิบายให้เข้าใจง่ายผมก็ชอบอ่านครับ.........................     แต่สิ่งที่คนทั้งหลายเขาคัดค้านนั้นเขาไม่ได้คัดค้านเพราะนี่เป็น คำ เป็นอักษร ที่พิมพ์โดยชาววัดธรรมกาย....     แต่ที่เขาคัดค้านเพราะมันมีนัยยะที่บิดเบิอน โดยใช้ภาษาแลอักษรที่ตรงกับพุทธพจน์ แต่ความหมายถูกแปลงไปแล้วนำมาตู่ว่านี้คือความหมายตามพุทธพจน์.............. .........................................................................      ณานคือแผ่นกลมๆเหมือนเขียง เป็นที่รองนั่งของกายมนุษย์ละเอียด กายมนุษย์ละเอียดก็นั่งอยู่กลางดวงฌาน ..........อย่างนี้เหรอครับที่เรียกว่ากายมนุษย์ละเอียดเข้าฌาน   โอ้....อย่างนี้จะคุยกันรู้เรื่องมั้ยนี่ จากคุณ : อภิมหานวบรมคุณทิคัมพร (sueki) - [ 7 ก.ย. 49 14:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ทำอย่างนี้เพื่ออะไร เพื่อ จิตของเราจะไม่มัวหมอง และการต่อความยาวไปมา ก็ทำให้คู่กรณีนั้นหมองไปด้วย โทสะ โมหะ ที่ละเอียด ดังนั้นการที่เราไม่ต่อกร ก็เป็นการป้องกัน แก่ทั้งเขาและเรา ก็เป็นกุศลไปด้วย แต่ถ้าพิจารณาแล้ว เขาไม่มีโทสะ โมหะ และเราก็ไม่มี และเราอยากอธิบายก็ค่อยอธิบาย ถ้าเขาบอกว่าเขาสบายดีไม่มี แต่เรารู้ว่าเขามีแหงๆ เราก็ไม่ยุ่ง ดีที่สุด ขอให้เจริญในธรรมนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 7 ก.ย. 49 14:23:46 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอขอบคุณคำตอบของคุณจักรแก้ว ผมจับความรู้สึกปิติของตัวเองได้เมื่อได้รับคำตอบ ตรงกับความคิดเห็นของตัวเองเมื่อได้รับคำอธิบายของคุณสมถะในกระทู้วิชชาธรรมกายสอนให้ติดนิมิตจริงหรือ แต่วัดพระธรรมกายมีความแตกต่างในวิธีการดำเนินการ จุดมุ่งหมาย และมีผลกระทบต่อพระพุทธศาสนาเถรวาทไม่เหมือนกับปฏิปทาของหลวงพ่อสดอย่างเห็นได้ชัด ผมจีงพิจารณาว่าการปฏิบัติที่เหมาะสมจึงไม่ควรเป็นเฉกเช่นเดียวกันครับ จากคุณ : awareness - [ 7 ก.ย. 49 15:16:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ถูกต้องแล้วครับ ถ้าเราไม่ชอบวิธีการใดๆ เราก็ค่อยๆ บอกเขา ว่าตรงไหนที่เราชอบไม่ชอบ พูดดีๆ เขาก็จะชี้แจงมา แต่ถ้าเราไปโกรธด่าว่า หรือด่าว่าคนที่เขาเคารพ ผมคิดว่า เราเองก็ไม่ให้เกียรติเขาแล้วเราก็คงมีโทสะละเอียดพอควร อย่างนี้แนะนำให้เขา เฉยไม่ตอบโต้ จะดีกว่าทั้งเราและเขาครับ ไม่ได้บอกว่า ให้วางเฉยต่อเรืองศาสนา หรือไม่แนะนำไม่ติ นะครับ แต่บอกว่าให้คุยดี ๆ ใจเย็น ให้เกียรติ อย่างนี้จึงจะนำสิ่งทีดีขึ้นมาสู่สังคมได้ครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 7 ก.ย. 49 15:47:47 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ผมกลับไม่เห็นด้วยกับกระทู้นี้ขอคุณจักรแก้วครับ ศาสนาพุทธเป็นศาสนาแห่งปัญญา แห่งการพิสูจน์ ผู้เข้ามาศึกษาพุทธศาสนาควรจะรู้จักคิด รู้จักพิจารณา โดยตัวของคนธรรมกายเองก็เป็นประเภทที่ชอบและเชื่อสิ่งที่สวยงาม สะอาด เป็นระบียบอยู่ก่อนแล้ว คุณจักรแก้วเองก็เป็นมาก่อนไม่ใช่เหรอ ลองนึกย้อนดูว่าอะไรทำให้คุณเข้าใจศาสนาพุทธในอีกมุม ไม่ใช่ผ่านการถกการวิสัชชนาโดยผู้รู้หรอกหรือ หลังจากที่เข้าใจและเชื่อในเหตุผลแล้วจึงได้เริ่มมาปฏิบัติ ดังนั้นผมจึงเห็นว่าคนธรรมกายเองก็ควรจะลองเปิดใจ ใช้สมองให้เต็มที่ ถกเถียงข้อสงสัยในหลากหลายประเด็น คุยกันด้วยเหตุผลและหลักฐาน จนหมดข้อสงสัยและคำถามในระดับความคิด เพื่อจะได้ยึดเป็นแนวทางเบื้องต้นในการปฏิบัติ ซึ่งผมเห็นว่ามันจะเป็นวิธีแก้ทิฏฐิได้ครับ และก็ยังให้ผลดีกับผู้ผ่านไปมา จะได้คิดตาม(โยนิโสมนสิการ)ไปด้วย จะได้ไม่พลอยไปหลงเห็นดีเห็นงามกันทิฏฐิผิดๆ หรือหลงไปกับการหลวงลวงของบางพวกบางกลุ่ม จากคุณ : หลังเขา - [ 7 ก.ย. 49 15:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนคุณจักรแก้วครับ     วันนี้ขอเห็นต่างจากคุณจักรแก้วสักเล็กน้อยครับ แค่สั้นๆ.........................................................         เมื่อพระพุทธองค์ประกาศสัจจธรรม มีคนที่มีดวงตาเห็นธรรมบางส่วน แต่คนขุ่ นเคือง(ต่างศาสนา) เป็นหมื่นเป็นแสนครับ ....แต่ด้วยสัจจธรรม พระองค์ยังคงเผยแพร่พระศาสนาต่อไปครับ................................................... ........................................................................ (แก้อักษรในคห.15 ที่พิมพ์ผิดจาก ณานเป็นฌานครับ) จากคุณ : อภิมหานวบรมคุณทิคัมพร (sueki) - [ 7 ก.ย. 49 17:51:09 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณจักรแก้วคิดว่าจะห้ามการรบทัพจับศึกของชาวห้องศาสนาได้หรือครับ  ที่นี่มันก็สนามรบทางความคิดนั่นหล่ะ  ทิฏฐิที่คิดมันมีมาก  เพราะคนที่นี้ชอบคิดชอบวิจารณ์  แน่นอนต่อให้ทำเช่นนี้อีกสักกี่โกฏปี  มันก็ไม่มีทางจบ  เพราะเอาแต่คิด  คิด  คิด  นิพพานจึงไม่เกิด... จากคุณ : สมถะ - [ 7 ก.ย. 49 18:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมขอเลือกที่จะสานพระวินิจฉัยของสมเด็จพระสังฆราชครับ สำหรับโจรปล้นศาสนาหรือพระปลอม ต้องจัดการขั้นเด็ดขาดสถานเดียว มีปัญญาทำได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ตามกำลัง ใครอยากวางเฉยก็ตามสบาย  แต่สำหรับผม... โจรมาปล้นบ้านปล้นพระศาสนา ผมไม่งอมืองอเท้าวางอุเบกขาแบบเฉยโง่หรอกครับ วันนี้อ่านพระลิขิตอีกเที่ยว น้ำตาคลอเลย  สลดใจจริงๆ พระประมุขสงฆ์ เหมือนพระราชาถูกโจรกบฏปล้นพระราชอำนาจ... จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 7 ก.ย. 49 18:43:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 แค่โพสกระทู้นี้ มันก็ "ไม่เงียบ" แล้ว ปล. ผมไม่ชอบ ธรรมกาย จากคุณ : นายโอ้นโต้น - [ 7 ก.ย. 49 19:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อ่านมานาน อ่านเกือบทุกกระทู้ แต่ไม่ค่อยได้เขียนได้ตอบเท่าไหร่  วันนี้ขอตอบกับเขาบ้างแล้วกันน่ะครับ จขกท..  การโต้แย้งกัน สำหรับคนมีความเห็นแตกต่างกัน ตามความคิดเห็นของผม คงห้ามไม่ได้นะครับ มันก็คงตอบโต้กันตามเดิม  คนที่เป็นชาวธรรมกาย ก็อย่าทำตัวให้เด่นเกิน อย่าดูถูกคนอื่น ว่าตัวดีกว่า  ส่วนคนที่ไม่ชอบธรรมกาย  ก็แสดงความไม่ชอบอย่างพอประมาณ ไม่เกินขอบเขต จนเป็นการยั่วยุ  ทำให้แตกแยกกันทางสังคม ไม่ใช่แค่ความคิดเท่านั้น  เหมือนการเมืองปัจจุบัน  ถ้ามันเกิดขึ้นกับทางศาสนาพุทธด้วยคงไม่ดี  แค่มีมหานิกาย กับ ธรรมยุตนี่ มันก้อทำให้การเผยแผ่คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยุ่งยากมีปัญหามากมาย คนไม่รู้จะเชื่อใครดี ขนาดว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้าด้วยกัน ยังแบ่งเป็นสอง   ส่วนคนที่ใช้คำรุนแรง เท่าที่อ่านมา ไม่เห็นด้วยครับ หลวงพ่อเค้า  ก็คงเป็นเหมือนพ่อทางธรรม ไปว่าเสียๆหาย ลองนึกถึงพ่อแม่ของเรานะครับ จะรู้ว่า ถึงจะดีจะเลว  ก็ยังเป็นพ่อเป็นแม่ ที่เรารักอยู่เสมอ   อย่างคุณ  Sea Ghost Man  ผมไม่เห็นด้วย การเขียน การตอบ ไม่น่าจะอยู่ในห้องศาสนา  ถึงจะต่างกันทางความคิด  ก็น่าจะใช้คำที่มันดูแล้ว ไม่รุนแรง  อ่านกระทู้คุณแล้วเหมือนราชดำเนินกลายๆน่ะครับ  อันนี้ก็เป็นความเห็นส่วนตัว ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งคับ จากคุณ : peaceman (ton22) - [ 7 ก.ย. 49 21:31:55 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ถึงคุณ คห.24 แต่ผมก็ยังเห็นว่า พุทธธรรม ไม่ใช่เรื่องที่จะมาประนีประนอมกันได้ ถ้าอ้างตัวว่าเป็น พุทธเถรวาท ก็ต้องซื่อสัตย์ซื่อตรงต่อพระบาลี จะมาทำบิดเบือนให้เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้......... ผมจะไม่มีปัญหาเลย ถ้าจะระบุว่าเป็น นิกายมหายาน หรือนิกายธรรมกาย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ใช่พุทธเถรวาท   ส่วนกรณีเจ้าสำนักนั้น ถ้ายึดถือตามธรรมเนียมเถรวาท ก็ปราชิกไปนานแล้ว แล้วคุณจะให้ชาวพุทธเถรวาทเรียกว่าอะไรดี? ในเรื่องของมหานิกาย และธรรมยุตินั้น ระดับชาวบ้านเขาไม่ได้มีปัญหา อะไรนี่.........เขาแค่อาจจะมองว่าธรรมยุติเคร่งครัดในบางเรื่องมากกว่า ก็เท่านั้นเอง........ที่มีปัญหาจริงๆเป็นเรื่องของคนระดับสูง.......... และที่สำคัญ สองนิกายนี้ไม่ขัดแย้งกันในเรื่องข้อธรรมที่สำคัญ แต่แตกต่างกันในเรื่องข้อปฏิบัติเล็กๆน้อยๆเท่านั้น......... ส่วนเรื่องการโต้เถียงนั้น ผมไม่มีอะไรจะพูด เพราะผมคือ คนปากร้าย ใจแคบ ประจำโต๊ะนี้.........แต่อยากให้มองว่านี่เป็นเพียงความแตกต่าง(ทางความคิด) มิใช่ความแตกแยก(ทางสังคม) ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมประชาธิปไตย.....มิใช่หรือ? ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 7 ก.ย. 49 21:57:17 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ก่อนอื่น ผมขอถามคุณ peaceman (ton22) สักคำนึงก่อน ดูจากท่าทีในคคห. 24 ของคุณรู้สึกว่าออกจะวางตัวเป็นกลาง ขอถามว่า จริงๆ แล้วคุณเป็นคนธรรมกายหรือเปล่าครับ? ขอคำตอบตรงนี้ก่อนแล้วค่อยคุยกันต่อนะครับ ขอบคุณ จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 7 ก.ย. 49 22:22:16 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ดีที่สุดต้องหยุดทั้งสองฝ่ายครับ จากคุณ : วรกร - [ 7 ก.ย. 49 23:34:38 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถึงคุณ Ritti Janson  ก่อน  เรื่องพุทธธรรม เรื่องบาลี เรื่องธรรมวินัยที่ลึกซึ้งผมไม่เข้าใจมากมายนัก แต่ผมก็ถือได้ว่า เป็นคนพุทธคนหนึ่ง ที่รักษาศีล 5 บ้าง 8 บ้าง ตามวาระ ไม่กินเหล้าไม่สูบบุหรี่  ในกรณีของธรรมกาย อันไหนเค้าทำแล้วดี สอนให้คนเลิกเหล้า บุหรี่ ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง อันไหนไม่ดี เช่นการบอกบุญ เป็นต้น ผมก้อไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งเหมือนกัน   ส่วนเรื่องนิกาย ผมเคยอ่านหนังสือ เพราะสนใจว่าทำมัยถึงเป็นสอง  ผมขอไม่พูดดีกว่า คุณลองหาอ่านนะครับ อาจจะหนังสือเก่าๆหน่อย มันก็แตกแยกเยอะ ในสมัยนั้น แต่คนไทยลืมง่ายครับ  ก็เลยดูเหมือนไม่รุนแรง ถ้ามาแตกแยกในสมัยนี้ ผมว่าศาสนาอื่นเค้าจะหัวเราะเยาะเอา  อายเค้าครับ   ส่วนเรื่องการโต้แย้งกันทางความคิดเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ที่ผมคอมเม้น คือเรื่องของการใช้ถ้อยคำนะครับ ให้ดูเหมือนคุยกันเรื่องศาสนาอะครับ ไม่ใช่สงครามศาสนา ยินดีที่ได้สนทนาด้วย  แลกเปลี่ยนความคิดกันได้ครับ คนเรามะใช่จะเป็นคนดีตลอด บางทีดี บางทีร้าย นี่แหละปุถชน แก้ไขเมื่อ 07 ก.ย. 49 23:37:51 จากคุณ : peaceman (ton22) - [ 7 ก.ย. 49 23:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ถึงคุณ Sea Ghost Man   ครับ.. ผมก็คือผมครับ  บางทีผมก็ชื่นชมสิ่งที่ชาวธรรมกายทำ บางทีก็ไม่เห็นด้วย  ผมรับฟัง อ่านทั้งสองความคิด ไม่ไหลไปตามฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง  ยินดีที่จะได้สนทนาด้วย จากคุณ : peaceman (ton22) - [ 7 ก.ย. 49 23:39:59 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ความเห็นส่วนตัว ่อะไรที่มันมากไป  ไม่ดีทั้งนั้นแหละครับ คห.ยาวเกินไป  โดยมากคนก็ลากเมาส์ผ่าน  ไม่ได้อ่าน กระทู้แนวเดียวกัน เยอะเกินไป  เนื้อหาในกระทู้ซ้ำๆ กัน มันก็เฝือ  คนก็คร้านจะอ่าน ตอนนี้ผมก็ว่าออกจะมีเยอะเกินไปหน่อย คนนอกแวะเข้ามา  ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ กำหนดเอาแต่ความหมายว่า  "ที่นี่ชอบทะเลาะกัน" เขาก็ผ่านเลยไป  ไม่ได้ประโยชน์   ไม่ได้เชิญชวนคนมาสนใจธรรมะห้องศาสนา ถ้ามีกระทู้เน้นๆ ไม่กี่กระทู้  คุยแต่เนื้อๆ แต่มีมาเรื่อยๆ อันนี้จะพอดีกว่า (แต่มันก็ไม่ใช่ธรรมชาติของเวบบอร์ดอีกอ่ะนะ) ------------------------------------------------- แต่ไงๆ กระทู้พวกนี้ก็ควรจะมีไว้ครับ เป็นการให้ข้อมูลแก่คนที่สนใจ  คนที่กำลังลังเลก้ำกึ่ง หรือคนที่เพิ่งสนใจศาสนา   ...อย่างไรก็ควรมีข้อมูลเป็นภูมิคุ้มกันไว้บ้าง ส่วนตัวผมเข้าใจว่า  แต่ละคนที่โพสต์ๆ แก้ความเห็นธมก.อยู่นั้น ไม่มีใครหวังในการเปลี่ยนแปลงของศิษย์ธมก.แท้ๆ หรอกครับ ...ถ้าเกิดได้คิดบ้าง ก็ถือเป็นผลพลอยได้ฟลุ๊กๆ สำหรับคห.แรงๆ นั้น  ส่วนตัวผมเข้าใจครับ เพราะคู่สนทนาบางท่านออกจะ "เก้อ-ยาก" จริงๆ ถ้าพูดสุภาพอ้อมค้อม  บางท่านก็ทำเป็นไม่เข้าใจเสียอย่างนั้น อันนี้พูดจากประสบการณ์ส่วนตัว(+อคติ)ครับ  : ) ...ก็เลยต้องขวานผ่าซากไปตรงๆ  ไม่งั้นออกนอกประเด็นอยู่เรื่อย อันนี้ยังไม่นับคนที่มีอารมณ์ร่วมนะครับ สุดท้าย  การกลบปัญหาไม่ใช่วิธีที่ดีมังครับ จากคุณ : เหรียญ - [ 7 ก.ย. 49 23:43:05 ]

ความคิดเห็นที่ 31 คุณ peaceman (ton22) คุ้นๆ ว่าเพิ่งคุยกับคุณเมื่ออาทิตย์ก่อน เลยลองใช้บริการค้นหาของ pantip ดู ผลออกมาพบเพียงสองกระทู้... นพ.จักรธรรม ตั้งคำถาม ใครคือผู้พิสูจน์ ธัมมชโย คืนเงินจริงและสอนถูกจริง http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4648938/Y4648938.html ความคิดเห็นที่ 3 mafiacyber ขยันหาข่าวจริงน่ะครับ หนังสือพิมพ์ที่น่าเชื่อถือที่สุดในโลกซะด้วยสิ เรื่องบางเรื่องมันจบ ก็ควรให้มันจบน่ะครับ ไม่รุ้จะมาสร้างกระแส ทำพระแสงอะไร1 อีกอย่าง  ฆราวาส วิจารณ์พระ ก้อเหมือนชาวบ้าน วิจารณ์นักกฎหมายละครับ รู้พองูๆ ปลา  เหมือนหางอึ่ง ก็อวดกันจัง  พระสงฆ์ คณะสงฆ์ท่านยังเงียบ  นั่นคือผู้รู้จริง ถ้าเค้าผิดจริง มันอยู่ไม่ได้หรอกครับ ซื่อมันกินไม่หมด  คตกินไม่นาน คำนี้มันไม่ตายหรอก... จากคุณ : k.เดียวดาย (ton22) - [ 23 ส.ค. 49 23:07:18 จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 8 ก.ย. 49 02:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 และกระทู้นี้... คืนเงินให้ สำนึกได้ แล้วเลิกสอนนิพพานเป็นอัตตา จะอนุโมธนาอีกโขเลย http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4648185/Y4648185.html ความคิดเห็นที่ 7 คฤหัสถ์    พระไตรปิฎก ก็ไม่ได้บอกน่ะครับว่า นิพฺพานํ  อตฺตา บอกแต่ว่า สพฺเพ  ธมฺมา  อนตฺตา2 เรื่องบางเรื่องผมว่าอย่ามาเถียงกันเลยดีกว่า  มันไม่จบหรอก   อีกอย่างหลังมานี่ ผมก็ไม่ได้เห็นวัดพระธรรมกายบอกนะว่า นิพพานเป็นอัตตา ก็เห็นเค้าหลีกเลี่ยงความแตกแยกอยู่น่ะ3...แต่เรื่องพระใบ้หวยนี่ แหม หนังสือพิมพ์สรรญเสริญกันจังนะครับ... อย่าอ้างพระไตรปิฎกมาข่มกันดีกว่าครับ   รู้มากแต่ทำได้สักข้อหรือเปล่า ศีล  5 เคยรักษาได้สักกี่วัน  ทานเคยให้ทุกวันมั๊ย สมาธิ เคยหลับตาหรือเปล่า  หรือว่า รู้ได้ข่มคนอื่น  มันจะเหมือนพระใบลานเปล่านะครับ ต้องไปให้สามเณรสอน....ผมไม่ชอบคนรู้ แล้วไม่ปฏิบัติ  พระพุทธเจ้าท่านเรียกพวกนี้ว่า ปริยัติงูพิษ ครับ จากคุณ : k.เดียวดาย (ton22) - [ 23 ส.ค. 49 23:14:10 ] จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 8 ก.ย. 49 02:56:20 ]

ความคิดเห็นที่ 33 หมายเหตุ : - 1. ออกอารมณ์เหมือนกันนะครับ  อิอิ 2. อันนี้ขีดไว้ดูเล่น 3. แปลกดี  กล้าออกมาการันตีถึงอย่างนี้  ไปบ่อยหรือว่าอยู่ที่นั่นรึเปล่าครับ? ถึงได้รู้ดีว่าเค้า 'ทำอะไร' หรือ 'ไม่ทำอะไร' กันบ้าง แต่ช่างเถอะ  เมื่อคุณยืนยันว่าคุณ 'เป็นกลาง' ก็ตามนั้นแล้วกันครับ  ;-D จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 8 ก.ย. 49 02:57:45 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ทีนี้มาว่ากันถึงความเห็นของคุณ สำหรับผม ผมถือตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชครับ (บางส่วนของฉบับที่ ๓) " ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง เป็นพระปลอม ต่อจากนั้นย่อมเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้รักษากฎหมาย หรือของผู้มีหน้าที่ในการพุทธศาสนา จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้มีพระปลอมมาทำลาย ทำให้เสื่อมเสีย เช่นที่ผู้รักษากฎหมายเคยทำมาแล้วเคยบังคับให้ผู้ปลอมเป็นพระ ถอดผ้ากาสาวพัสตร์ออกจากตัว การปฏิบัติต่อพระปลอมต้องไม่มีแตกต่างกัน ต้องไม่มียกเว้นว่า คนนั้นปลอมได้คนนี้ปลอมไม่ได้ เป็นพระปลอมมีอยู่ในพุทธศาสนาไม่ได้ทั้งนั้น " คำที่ผมใช้เรียกเจ้าสำนักนั้น ผมว่าก็เหมาะสมกับพฤติกรรมดีแล้วนี่ครับ อลัชชี แปลว่า ผู้ไม่มีความละอาย, ผู้หน้าด้าน, ภิกษุผู้มักประพฤติละเมิดพุทธบัญญัติ โจรห่มผ้าเหลือง : ผู้ปลอมเป็นพระมายักยอกสมบัติสงฆ์ พระปลอม : คำนี้ผมใช้ตามพระสังฆราช เท่าที่จำได้ คำแรงๆ ที่ผมใช้ก็มีเท่านี้ หากมีคำอื่นนอกเหนือจากนี้ก็ช่วยแจ้งด้วยครับ ผมจะได้ชี้แจงเพิ่มเติมให้ คำเหล่านี้ผมไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อ เลือกใช้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสม ปรกติแล้วถ้าคุยกันดีๆ ผมก็ไม่เลือกหามาใช้หรอก แต่ถ้าคุยกันไม่รู้เรื่อง โดยเฉพาะกับพวกที่เห็นได้ชัดว่าจงใจมาป่วน ผมก็อาจจะหยิบยกมาใช้ถ้าเห็นควร ขอบคุณครับที่ออกความเห็นมา จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 8 ก.ย. 49 03:04:19 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ผมขอตอบคุณ อภิมหานวบรมคุณทิคัมพร (sueki) ก่อน คคห 15 แต่สิ่งที่คนทั้งหลายเขาคัดค้านนั้นเขาไม่ได้คัดค้านเพราะนี่เป็น คำ เป็นอักษร ที่พิมพ์โดยชาววัดธรรมกาย....    แต่ที่เขาคัดค้านเพราะมันมีนัยยะที่บิดเบิอน โดยใช้ภาษาแลอักษรที่ตรงกับพุทธพจน์ แต่ความหมายถูกแปลงไปแล้วนำมาตู่ว่านี้คือความหมายตามพุทธพจน์.............. ผมเห็นด้วยกับคุณ ครับ ควรคัดค้าน เขาจะได้รู้ว่าตรงไหน ผิดไปจากที่มีในพระไตรปิฏก ผมไม่ได้แนะนำให้ ห้ามค้าน หรือวางเฉย นะครับ แนะนำให้ติ ให้สรรเสริญได้ แต่ใช้คำสุภาพ และระวังใจเราใจเขาให้หน่อย ทั้งนี้ทำได้ด้วยการเจริญเมตตานั่นเองครับ ถ้าเราเล่นกระทู้โดยเจริญเมตตา ไปด้วย ผมว่า เป็นสิ่งที่ดีเลิศเลยครับ ผมได้กัลยาณมิตรอย่างนี้แหละ จึงหลุดทางความคิดออกมาได้ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 8 ก.ย. 49 06:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมตอบคุณ Sea ghost man บ้างครับ คำตอบของคุณ ton 22 คือหัวใจของชาวธรรมกายนะครับ ตรงนี้เลย ส่วนเรื่องการโต้แย้งกันทางความคิดเห็นด้วยอย่างยิ่งครับ แต่ที่ผมคอมเม้น คือเรื่องของการใช้ถ้อยคำนะครับ ให้ดูเหมือนคุยกันเรื่องศาสนาอะครับ ไม่ใช่สงครามศาสนา บางครั้งเขาออกอารมณ์บ้าง ก็ธรรมดา ครับ เราทุกคนไม่ใช่อรหันต์ ผมเสนอ ว่า น่าจะใช้คำว่า หลวงพ่อของคุณ หรือเจ้าอาวาสของคุณ หรือประมุขสงฆ์ของคุณ สำหรับ คุณยายอาจารย์ ก็ใช้คำนี้แหละครับ อย่าใช้คำอะไรที่รุนแรงกว่านั้นเลย ถือเป็นการให้เกียรติแก่คุ๋สนทนาของเรา ที่คุณก็เมตตา อยากให้เขา ได้ความรู้เห็นที่ถูกต้อง ใช่ไหมครับ ผมรู้ว่า คุณ Ritte และคุณ  Sea มีความเมตตา แต่ถ้าเราใช้คำรุนแรง คุณสังเกตุไหมว่า บางทีอารมณ์เราก็ตามน้ำไปเลยได้ คุณ Ritte บอกมาว่า ส่วนเรื่องการโต้เถียงนั้น ผมไม่มีอะไรจะพูด เพราะผมคือ คนปากร้าย ใจแคบ ประจำโต๊ะนี้.........แต่อยากให้มองว่านี่เป็นเพียงความแตกต่าง(ทางความคิด) มิใช่ความแตกแยก(ทางสังคม) ซึ่งก็เป็นเรื่องธรรมดาในสังคมประชาธิปไตย.....มิใช่หรือค คุณไม่ได้ปากร้ายใจแคบ แต่มีความคิดที่ดีมากๆ ที่ควรบอกคนอื่นด้วย มีแง่มุมที่ละเอียดอ่อน และลึกซึ้งมากมาย ทีมีในความคิดคุณ แม้แต่ผมก็ไม่มีเท่า ก็อย่าปากร้ายใจแคบสิครับ ลองฝึกเป็นทูตบ้าง ทูตพระพุทธศาสนาอย่างไร ที่สำคัญที่สุดคือ พอถ้อยคำรุนแรงอารมณ์รุนแรง คุณจะไม่ได้สิ่งที่คุณต้องการ คือความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ ซึ่งคุณมี จะไปไม่ถึงเขา มันถูกบล๊อค และความรู้ความเห็นที่คุณมี เหล่านั้น ก็ไปไม่ถึงผู้อ่านอื่นๆด้วย สำหรับคนมาใหม่ เพราะเขาเห็นว่าที่นี่ทะเลาะกัน เราไม่น่าคลิ๊กเข้ามาเลย ประมาณนี้ แต่เนื้อหาที่คุณแย้งนั้นดี ยิ่ง ผมอยากให้เกิดประโยชน์จึงเสนออย่างนี้ ไม่ได้แนะนำให้วางเฉยต่อพระศาสนานะครับ คำตอบนี้สำหรับคุณเหรียญด้วย ที่คุณบอกว่า สุดท้าย  การกลบปัญหาไม่ใช่วิธีที่ดีมังครับ ไม่แนะนำให้กลบครับ นี้ห้องศาสนา ควรคุยแลกเปลี่ยนแนะนำกัน แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 49 06:19:50 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 8 ก.ย. 49 06:15:13 ]

ความคิดเห็นที่ 37 คุณจักรแก้วนี่ก็น่าจะดีนะครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4690285/Y4690285.html#8 จากคุณ : วรกร - [ 8 ก.ย. 49 06:31:29 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับ คุณวรกร ถ้าผมเป็นคุณวรกร ผมจะแนะนำว่า ที่ยกมานั้นดี ตอนท้ายนั้น คุณอาจเข้าใจผิดไป บางข้อมูลอาจไม่ได้เป็นอย่างนั้น ทำนองนี้ ผมจะไม่ไป blame ว่า คุณกำลังมี วจิทุจริต มโนทุจริต อะไรทำนองนี้ หรือไปบอกว่า คุณทำดีมาแค่ไหน ดูตัวเองก่อนเถิด หรือไปบอกว่า เราเองก็ยังไม่เป็นพระอรหันต์ เพราะเขาจะโกรธและไม่อยากฟังสิ่งที่ดีที่คุณ วรกรแนะนำอีกต่อไป  เพราะเขาคิดว่า เขามีสิทธิที่จะวิจารณ์ได้ ไปว่าเขาทำไมกัน อะไรทำนองนี้ อีกอย่างประการหลังๆ ผมจับความรู้สึก เมตตา จากคุณวรกรไม่ออกเวลาแนะนำคนอื่นในช่วงหลังนี้นะครับ คนฟังเขาก็จับได้ เขาก็ไม่ฟัง วิธีการนี้ เท่าที่ผ่านมา คุณวรกร ใช้ได้กับผมคนเดียวเท่านั้น ผมเสนออย่างนี้ เพื่อคุณวรกร จะได้แนะนำให้มีประโยชน์มากขึ้นครับ ผมก็แนะนำทำนองนี้กับคุณ Ritte  Sea  ด้วย เพราะทุกคนจะได้ทำประโยชน์กันได้มากขึ้นนั่นเอง จากคุณ : จักรแก้ว - [ 8 ก.ย. 49 07:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 39 คิด  คิด  นิพพานจึงไม่เกิด ------------------------------------- มีผู้รู้กล่าวไว้   นิพพาน หมายถึงดับเย็นและเป็นประโยชน์ มีบางท่านก็ว่า ไม่ต้องรอให้ตาย ก่อนจึง  นิพพานได้ จากคุณ : นะยะ - [ 8 ก.ย. 49 08:39:50 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณจักรแก้วครับ เราไม่ใช่พระอรหันต์ยังมีข้อบกพร่องกัน ทุกคน คุณเองก็มีตามที่ผมเขียนไว้นั่นแหละ จะเชื่อหรือไม่ ก็ตามใจ ความดีหรือความชั่วเป็นเรื่องที่แต่ละคนปฏิบัติเอา เอง อย่างข้อแนะนำของคุณผมน้อมรับเอาไปปฏิบัติด้วย ความขอบคุณอย่างยิ่ง ข้อเขียนผมยังไม่สมบูรณ์นักเพราะ ไปผลักคน เติมความดีอย่างไร ก็คงไม่รับครับ ก็ให้ดูตัว อย่างพระพุทธองค์สอนเป็นหลักครับ ไม่เคยทำให้ใครขุ่น ใจ นั่นเพราะพระองค์ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว จิต ท่านเป็นกลางที่แท้จริงไม่รัก ไม่เกลียด มีแต่ความเมตตา เราเองก็ต้องปฏิบัติเพื่อเดินไปสู่จุดนั้นทุกคน อยู่ที่ใครจะ ทำได้แค่ไหน สำหรับคุณจักรแก้ว จิตจะเป็นกลางหรือไม่ ก็ดูจากกระทู้ สิ่งที่ดีของคุณจักรแก้ว คืออีกฝ่ายไม่ต้องชี้แจง เพราะเรา ชอบอีกฝ่าย คิดว่าถูกตามกิเลสเรานั่นแหละ ฝ่ายนี้พูดได้ ผมเข้าห้องศาสนานี้ พยายามหลีกเลี่ยงจะไปโจมตีผู้ใด แต่จะคอยชี้แจง บางครั้งก็มีการกระทบกระทั่งกันบ้าง ที่คนไม่พอใจหลักๆคือ บอกว่าทำอย่างนี้เป็นบาป คนทุก คนต้องการเป็นคนดีทั้งนั้น ใครว่าไม่ดีก็จะขุ่น แม้คนจะทำ ชั่วอย่างไรก็มีข้ออ้างกันทุกคน สาเหตุความชั่วของเราจะมี ผลมาจากคนอื่นไม่ดีทั้งสิ้น  ไม่ได้เกิดจากตัวเรา ที่ปากเรา พูด ที่มือเราเขียน เป็นผลมาจากการกระทำผู้อื่นทั้งสิ้นครับ บางครั้งต้องไปหาข้ออ้างมาสนับสนุน มีเหตุผลพอจะคิดไป ได้บ้าง บางครั้งก็ไม่มีเหตุผล นำเอามาอ้างเพื่อให้เห็นว่า เราเป็นคนดีนะครับ ที่พูดไม่ดี เพราะคนอื่นไม่ดี  เราอยาก ทำความดีเพื่อชี้ให้เห็นความถูกต้องในแบบของเรา จากคุณ : วรกร - [ 8 ก.ย. 49 08:58:21 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขอบคุณนะครับ ผมเชื่อคุณวรกรอยู่แล้วครับ สำหรับกรณีนี้ ส่วนตัวผม จิตไม่เป็นกลางหรอกครับ เจอสิ่งที่ชอบก็ชอบ เจอสิ่งที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบ และผมก็ไม่เป็นกลางในเรื่องวัดเช่นกัน เจอที่วัดทำ ผมคิดว่าดี ผมก็ชอบ ผมก็เที่ยวบอกใครต่อใครว่าตรงนี้ดี เห็นมั้ยตรงนี้ดี บางอย่างผมคิดว่าไม่ดี ผมก็ไม่ชอบ ก็เสนอว่าไม่ดีน่าแก้ไขเป็นต้น ส่วนที่คุณวรกร บอกว่า เพราะเรา ชอบอีกฝ่าย คิดว่าถูกตามกิเลสเรานั่นแหละ ส่วนมาก ถ้าชอบ หรือไม่ชอบในกระทู้ที่ผมนำมาเสนอตลอด เพราะตรงไม่ตรงกับพุทธพจน์  ผมไม่เคยเอากิเลสในใจ มาตั้งกระทู้ตัดสินถูกผิด กิเลสผมก็มี แต่ไม่เอามาตั้งกระทู้ ส่วนมากเอามาเพราะเห็นตรงไม่ตรงกับพุทธพจน์อย่างชัดเจน เท่านั้นครับ ผมตั้งใจอย่างนี้ แต่ก็อาจจะพลาดไปได้บ้างก็เป็นได้ครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 49 10:08:21 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 49 10:03:40 แก้ไขเมื่อ 08 ก.ย. 49 10:03:27 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 8 ก.ย. 49 09:06:56 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถึงคุณ Sea Ghost Man   ที่ใส่อารมณ์ในกระทู้นี้นะครับ " ไม่รุ้จะมาสร้างกระแส ทำพระแสงอะไร " คือเมื่อก่อนนี้ยังจำกันได้หรือเปล่าครับ หรือลืมแล้ว ตอนปี  42  กระแสวัดพระธรรมกายกำลังแรงๆ  ห้องนี้ร้อนเหมือนราชดำเนิน  ผมเห็นเจ้าของกระทู้นี้ พยายามเอาเรื่องเก่าๆ มาปลุกกระแสใหม่ เลยไม่ชอบครับ ไม่ใช่ผมไม่ชอบคนให้ร้ายวัดพระธรรมกาย หรือ ชอบคนชมวัดพระธรรมกาย แต่ผมไม่ชอบความแตกแยก  อ้ออีกอย่างนะครับ ผมเข้าวัดนี่จะเข้าเวบส่วนมากนะครับ ไม่ค่อยได้ไปวัดจริงๆ หรอก ที่รู้ว่าเค้าสอนอย่างไร ก็เพราะเรื่องที่คุยๆ กันอยู่นี่แหละครับ ของหาข้อมูลดู     ส่วนเรื่องลิขิตสมเด็จพระสังฆราช อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆ ว่าการตัดสินทางสงฆ์นั้น เป็นอย่างไร ขบวนการเป็นอย่างไร พอพระองค์ออกลิขิตแล้ว ต้องเข้ากระบวนการอย่างไร จบไปแบบไหน (ผมก็คนไทยลืมง่าย) ก็อย่างว่าแหละครับสังคมเรา บางอย่างมันก็ยังอึมครึมอยู่น่ะ ดูการเมืองสิ สับสนไปหมด (ไม่รู้การวัดจะแบบนั้นหรือเปล่า) จากคุณ : peaceman (ton22) - [ 8 ก.ย. 49 09:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ผมว่า "วิธีที่ดีที่สุด สำหรับชาววัดพระธรรมกาย คือละเลิกลุ่มหลง ทั้งปวง" ลองเป็นกลางจากในตัวเองดีกว่านะครับ จากคุณ : burotung - [ 8 ก.ย. 49 10:10:32 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ทางสงฆ์ไม่มีกระบวนการอะไรครับ ปาราชิกเป็นเรื่องส่วนบุคคลใครทำใครรับผลเอง และสงฆ์ก็เป็นหมู่ชนที่สันติ และสงบ จึงไม่มีกระบวนการลงโทษแบบรุนแรงอะไร ที่มีก็คือประนามหรือตำหนิ ไม่รับเข้าหมู่ ไม่ยอมให้ร่วมทำกิจของสงฆ์ด้วย แล้วก็แบนครับ ไม่พูดด้วยไปเลย จึงเป็นแบบที่พระสังฆราชตรัสครับ นี่เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่ต้องจัดการกับพระปลอม แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่กล้าเล่นงานตรงๆครับ เพราะมีมส.หนุนหลัง มีทุนหนุนหลัง มีคนใหญ่คนโตหนุนหลัง แล้วเจ้าหน้าที่บางคนก็เป็นแบบคนไทยทั่วไปคือ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ไม่พิจารณาด้วยปัญญา แต่กลัวไว้ก่อน เลยไม่กล้าจัดการ โล้นแว่นเลยยังอยู่ได้ทุกวันนี้ครับ เรื่องจริงไม่จริงมันตอบไปได้ด้วยตัวเอง ด้วยหลักฐาน ด้วยเวลามานานแล้วครับ ไม่ใช่เรื่องลึกลับเกินเข้าใจ จากคุณ : หลังเขา - [ 8 ก.ย. 49 10:13:52 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ขออนุญาตเพิ่มเติมจากความเห็นที่๓๙ของคุณนะยะ หลวงปู่ดูลย์ อตุโลเคยกล่าวปรัชญาธรรมไว้ให้คิดด้วยว่า "คิดเท่าไรๆ ก็ไม่รู้ ต่อเมื่อหยุดคิดจึงได้รู้ แต่ต้องอาศัยความคิดนั่นแหละจึงรู้" ด้วยโยนิโสมนสิการครับ จากคุณ : awareness - [ 8 ก.ย. 49 11:11:49 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คุณจักรแก้ว รับทราบความเห็นและเจตนาดีของคุณครับ แต่คำเหล่านี้... หลวงพ่อของคุณ หรือเจ้าอาวาสของคุณ หรือประมุขสงฆ์ของคุณ เป็นคำที่บ่งชัดถึงความเป็น 'ภิกษุ' ซึ่งผมใช้เรียกเฉพาะบุคคลที่เหมาะสม คู่ควรกับความเป็นหนึ่งในพระรัตนตรัย จะให้ใช้เรียกผู้ที่ 'ปาราชิก' ไปแล้ว  คงทำไม่ได้ครับ สำหรับท่านผู้นั้น  คำสุภาพที่สุดที่ผมรับได้ก็คงเป็น  อาจารย์ของคุณ อะไรทำนองนี้ ยังไงก็อย่างที่บอก  ผมไม่ใช้พร่ำเพรื่อหรอก ทุกคำพูดที่ออกไปก็ล้วนกลั่นกรองแล้วว่าเหมาะสมตามสถานการณ์ ผมเป็นคนไม่มีเปลือก  คิดอย่างไรก็พูดไปอย่างนั้น โดยสันดานผมเป็นคนปากจัด จะให้ดัดจริตเสแสร้งเป็นคนทำมะทำโม  คงไม่ใช่วิสัย ขอบคุณที่ให้ความเห็นมา ผมเดินทางสองสามวัน คงไม่มีเวลาเข้ามาตอบ  สวัสดีครับ จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 8 ก.ย. 49 12:43:56 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ครับ ผมเองก็มานั่งพิจารณาเทียบกับตัวเองว่า ถ้ามีใครมาพูดอธิบายชี้แจงสิ่งใดที่ผมยังไม่มีข้อมูลว่าเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ โดยจะให้ผมเชื่อให้ได้ ผมย่อมจะยังไม่เชื่อไม่ว่าจะพูดยังไง ยกเว้นต้องผมต้องไปพิสูจน์เท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ผมก็เลยมาคิดว่า 1. การที่ผมจะอธิบายชี้แจงอะไรออกไป ต่อไปอีก มันก็เป็นเพียงแค่คำพูด ข้อเขียนข้างเดียวเท่านั้น ดังสำนวนสิบปากว่า.. เท่านั้น 2. ผมเองก็มีสติปัญญาธรรมดา และได้พิจารณาแล้วว่า ที่ผ่านมา ผมได้ใช้สติปัญญาธรรมดานี้ ชี้แจงอย่างสุดความสามารถแล้ว ผลก็ออกประมาณนี้ ในอนาคต ไม่ว่าผมจะพยายามชี้แจงอีกมากเท่าใด ก็คงได้เพียงเท่านี้ คงไม่สามารถอธิบายชี้แจงไปได้ยิ่งไปกว่านี้แล้ว เพราะมันก็เป็นแค่คำพูดธรรมดา 3. ที่ผ่านมาการไปชี้แจงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ทำให้ผมไม่ได้เข้าไปดูกระทู้ที่น่าสนใจของเพื่อนๆ ห้องศาสนาท่านอื่นๆ เลย ซึ่งหลายๆ เรื่องก็น่าสนใจ หลายๆ เรื่องเป็นปัญหาชีวิตของเขา ให้คนที่อยู่อีกมุมหนึ่งไปช่วยตอบ เพราะบางทีมองในมุมของเขา อาจเป็นปัญหา แต่คนที่มองจากมุมอื่น อาจเห็นทางแก้ให้เขาได้ ดังนั้น ผมจึงขอหยุด การชี้แจงของผมเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ในที่สาธารณะเช่นกระทู้นี้ไว้เพียงเท่านี้ครับ แต่หากเป็นถามมาทางข้อความส่วนตัว ก็พิจารณาตอบต่อไป จากคุณ : หัดฝัน - [ 8 ก.ย. 49 13:06:32 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ผมคิดว่า น่าจะเกิดประโยชน์กับคุณ หัดฝันมากครับ อย่างนั้น แต่ก็อย่าไป fix idea  อะไรเลยนะครับ ยินดีด้วยที่คิดอย่างนั้นครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 8 ก.ย. 49 18:15:14 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ส่วนที่ผมอยากจะแนะนำคุณจักรแก้วบ้างนะครับ ในฐานะที่คุณก็มาวัดบ้างเหมือนกัน สิ่งที่อยากจะแนะนำคือ ควรคิดกับวัดเป็นญาติครับ หมายความว่าไงหรือ หมายความว่า แน่นอนทุกเรื่องของวัดผมก็ไม่ได้เห็นด้วยทุกเรื่อง แต่วิธีการของผมคือ ไม่นำเรื่องไม่เห็นด้วยนั้น มาพูดในที่สาธารณะ แต่จะใช้วิธีไปคุยกับหลวงพี่ในวัดโดยตรงในเรื่องนั้นเรื่องนี้ ที่เราไม่เห็นด้วย แล้วปรับให้เข้าใจตรงกัน เป็นต้น เหมือนเรามีญาติเป็นดารา มีชื่อเสียง แน่นอนบางครั้ง เราอาจรู้สึกว่า ไม่เห็นด้วย ถ้าญาติทำแบบนั้น แบบนี้ ซึ่งเมื่อเราไม่เห็นด้วย วิธีการแก้ไข ผมเชื่อแน่ว่า เมื่อคิดว่าเป็นญาติ เราก็จะไม่ไปใช้วิธีไป post ในบอร์ด สาธารณะว่า ญาติเรามีการกระทำบางอย่างที่เราไม่เห็นด้วยอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เราจะใช้วิธีไปพูดคุยกับญาติคนนั้นตรงๆ ดีกว่า แม้ญาติจะมีชื่อเสียงก็ตาม นี่คือ วิธีการของผมครับ ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนคือ เป้าหมายของครูบาอาจารย์ในวัด ถ้าผมไม่เห็นด้วย ไม่ถูกจริต ผมก็ไปพูดคุยครับ แต่ผมจะไม่ไปใช้วิธีบอกในที่สาธารณะว่า ผมไม่เห็นด้วยที่ญาติผู้ใหญ่ผม มีเป้าหมายอย่างนั้นอย่างนี้ นี่คือ ที่อยากฝากไว้ครับ ไปพูดคุยให้เข้าใจกันดีกว่า ถ้านึกว่าเป็นญาติกันจริงครับ จากคุณ : หัดฝัน - [ 9 ก.ย. 49 12:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณ คุณหัดฝันที่น้อมเตือนนะครับ ..... ความจริงเมื่อครู่ผมพิมพ์อะไรออกมายาวมาก แต่ ผมลบไปหมด ในที่สุด ก็เหลือแค่นี้แหละครับ ขอบคุณที่น้อมเตือนนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 9 ก.ย. 49 21:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 51 สาธุกับความคิดเห็นที่ 49 ของคุณหัดฝันค่ะ จากคุณ : บุญโต - [ 11 ก.ย. 49 10:12:42 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เวลามีไม่มากจะโต้เถียงกันทำไม ฝึกปลดปล่อยภายนอกเพื่อมุ่งสู่ภายใน หยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 พบความเบา ความสบาย อย่างไม่มีอะไรเสมอเหมือน พบความสุข ความหลุดพ้นแห่งจิต หลุดพ้นจากทุกข์ จากปวงกิเลส เข้าถึงสภาวะธรรมอันประเสริฐสุด คือเข้าถึงพระธรรมกายอันเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต ดังคำตถาคตที่กล่าวไว้ว่า ผู้ใดเข้าถึงธรรมย่อมเข้าถึงตถาคต มาร่วมใจกันทำทาน รักษาศิล และเจริญภาวนากันนะคะ ขอให้ทุกคนมีสันติสุขในใจค่ะ จากคุณ : สงบสุข (สงบสุข) - [ 12 ก.ย. 49 12:21:39 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สาธุ จากคุณ : ไม่อยากแก่ - [ 26 ก.ย. 49 19:58:20 ]