ความคิดเห็นที่ 1 ตราทั้งเจ็ด ตราที่ 1 (6:1-2) ม้าขาวและผู้ที่ขี่ม้านั้นถือธนู ดูแล้วเหมือนภาพพระเยซูคริสต์ที่เสด็จมาพร้อมกับชัยชนะ เพราะทรงม้าขาวและได้รับพระราชทานมงกุฎ (19:11) แต่ไม่ใช่ เพราะชัยชนะของพระคริสต์นั้นไม่ได้อยู่ที่เริ่มต้น และพระองค์จะทรงพระแสง คือ พระวจนะ ไม่ใช่ธนู ภาพที่เห็นคือผู้ที่อ้างตนเป็นพระคริสต์ ปลอมตัวเหมือนพระคริสต์มาสร้างสันติให้กับโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่คริสเตียนถูกรับไปแล้ว (rapture) คงมีความวุ่นวายเกิดขึ้นทั่วโลก และผู้ขี่ม้าขาว คือพระคริสต์ปลอมได้มาจัดการแก้ไขปัญหาต่างๆ จนได้รับการยกย่องซึ่งเท่ากับประสบชัยชนะและได้รับพระราชทานมงกุฎ ตราที่ 2 (6:3-4) ม้าสีแดงสดและผู้ที่ขี่ม้านำสันติสุขไปจากโลก จากสันติสุขที่ได้รับไม่นาน พระคริสต์เทียมเท็จก็ได้แสดงธาตุแท้ของมันออกมา โดยเปลี่ยนความสงบสุขเป็นการรบราฆ่าฟัน เปลี่ยนธนูที่ไม่มีลูกศรเป็นดาบใหญ่ และสีแดงสดเป็นสัญลักษณ์ของเลือดที่ท่วมทั่วปฐมพี เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคงมาจากประชาชนที่ถูกหล่อหลอมมากับระบบเสรีประชาธิปไตย ยอมรับระบบเผด็จการของพระคริสต์ปลอมไม่ได้จึงเกิดสงครามฆ่าฟันผู้ที่ไม่ยอมสวามิภักด์ ตราที่ 3 (6:5-6) ม้าดำและผู้ที่ขี่ม้าถือตราชู หลังจากสงครามสิ่งที่ตามมาคือ ทั่วโลกตกอยู่ในความมืดเพราะขาดแคลนอาหาร ทำให้เกิดความอดอยากหิวโหยไปทั่วแผ่นดิน ข้าวสาลีทะนานละหนึ่งเดนาริอัน หมายความว่าทำงานวันหนึ่งจะเพียงพอกับอาหารหนึ่งมื้อเท่านั้น ส่วนน้ำมันและน้ำองุ่นเป็นเครื่องหมายของเศรษฐกิจและความร่ำรวย ซึ่งเป็นภาพที่ตรงกันข้ามกับความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไปที่กำลังอดอยาก เพราะอำนาจของเศรษฐกิจทั้งหมดอยู่ในมือของพระคริสต์ปลอมหรือผู้ต่อต้านพระคริสต์ จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ตราที่ 4 (6:7-8) ม้าสีกะเลียวและผู้ที่ขี่ม้าซึ่งได้ชื่อว่ามัจจุราช สีกะเลียวคือสีคนตาย สภาพต่อมาของโลกในขณะนั้นคือความตายได้กระจัดกระจายไปทั่วโลก เกิดสงครามแย่งชิงอาหารกันเพื่อความอยู่รอดอันเนื่องด้วยความอดอยาก มีผู้คนจำนวนมากมายล้มตายเพราะคมดาบ เพราะความอดยาก เพราะโรคระบาดและเพราะสัตว์ร้ายแห่งแผ่นดิน จำนวนผู้ที่เสียชีวิตรวมแล้วเป็นหนึ่งในสี่ของประชากรโลก ตราที่ 5 (6:9-11) ดวงวิญญาณใต้แท่นบูชา ดวงวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่าเพราะยืนหยัดในพระวจนะของพระเจ้าในช่วงภัยพิบัติ ร้องเรียกให้พระเจ้าทรงพิพากษาโลกนี้โดยเร็ววัน แต่พระเจ้าทรงตอบให้รอคอยอีกหน่อย จนกว่าจะครบจำนวนผู้ที่รอดตามที่กำหนดไว้ น่าสังเกตที่ก่อนหน้านี้พระเจ้าอนุญาตให้มีภัยพิบัติคร่าชีวิต คนไปถึงหนึ่งในสี่ของประชากรโลก คนทั่วไปอาจเข้าใจว่าพระเจ้าลงโทษหนักเกินไป แต่ที่นี่วิญญาณของผู้ชอบธรรมกลับเร่งเร้าให้พระเจ้าพิพากษาโลกนี้โดยเร็ว ตราที่ 6 (6:12-17) การเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ ดวงอาทิตย์จะไม่ส่องแสง เพราะฉะนั้นความมืดมิดจะเข้ามาครอบงำ และดวงจันทร์วันเพ็ญจะกลับเป็นสีเลือด ดวงดาวจะตกจากฟากฟ้า ท้องฟ้าจะหายไป (โยเอล 2:10-11) แผ่นดินไหว ภูเขาจะสั่นเทือนและเลื่อนจากที่เดิม มนุษย์ต่างต้องการหาที่ซ่อนตัวในถ้ำและโขดหินตามภูเขาเพราะเกิดความหวั่นกลัว การลงโทษจากพระเจ้า จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ก่อนจะทรงแกะตราที่เจ็ดมีเหตุการณ์ 2 เรื่องที่ยอห์นเห็น 1. การประทับตราชนชาติอิสราเอล 144,000 คน (7:1-8) คนเหล่านี้ได้ชื่อว่าผู้รับใช้พระเจ้า คนเหล่านี้เป็นคนเผ่าอิสราเอล คนเหล่านี้รวมแล้วเท่ากับ 12,000 x 12 เผ่า = 144,000 คน คนเหล่านี้กับคน 144,000 คนในบทที่ 14 เป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ 2. ภาพของคนมากมายเหลือที่จะนับจากทุกชาติ ทุกภาษา ที่มาจากความทุกข์เวทนาครั้ง ใหญ่อยู่หน้าพระที่นั่ง (7:9-17) คนเหล่านี้เป็นผู้ใด คนเหล่านี้อยู่ในช่วงไหน คนเหล่านี้มาอย่างไร จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:37:09 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตราที่ 7 (8:1-5) ซึ่งได้เป็นแตรทั้ง 7 ทูตสวรรค์เจ็ดองค์ ได้รับพระราชทานแตรเจ็ดคันเตรียมพร้อมที่จะเป่า และก่อนที่จะเป่าแตร พระเจ้าทรงให้ทูตสวรรค์อีกองค์ถือกระถางไฟทองคำถวายคำอธิษฐานของธรรมมิกชน สู่เบื้องพระพักตร์พระเจ้า หลังจากนั้นให้โยนกระถางไปนั้นลงบนพื้นดินโลกซึ่งทำให้เกิดเสียงฟ้าร้อง เสียงต่างๆ ฟ้าแลบ และแผ่นดินไหว แตรทั้ง 7 (8:6-15) แตรที่ 1 (8:6-7) ลูกเห็บและไฟปนเลือด แตรที่ 1 ถูกเป่าเป็นเหมือนการเริ่มต้นลงโทษโลกนี้อีกระดับหนึ่ง ลูกเห็บที่ตกลงมาได้ทำลายพืชผัก ต้นไม้ที่อยู่ตามที่โล่ง เราสามารถดูภาพเปรียบเทียบได้จาก อพยพ.9:18-26 ส่วน ไฟปนเลือดนั้นเป็นไปตามคำพยากรณ์ของโยเอล 2:30 ว่า เราจะสำแดงลางอัศจรรย์ในท้องฟ้าและบนดินเป็นเลือดและไฟและลำควัน ผลจากลูกเห็บและไฟปนเลือดแผ่นดินโลกไหม้ไปหนึ่งในสาม ต้นไม้ หมายถึงพืชผลด้วยไหม้ไปหนึ่งในสาม อาหารด้านพืชผักจะขาดแคลนอย่างมากมาย หญ้าเขียวสดเป็นอาหารของสัตว์ที่ให้นมและเนื้อแก่มนุษย์ก็ถูกทำลายสิ้น จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 5 แตรที่ 2 (8:8-9) ภูเขาใหญ่ที่ลุกไหม้ถูกทิ้งลงทะเล ภาพของสิ่งที่เหมือนภูเขาใหญ่มีไฟลุกไหม้อยู่ถูกทิ้งลงไปในทะเล อาจเป็นเพลิงไฟที่ตกจากฟ้าลงสู่ทะเลตามตัวอักษร แต่ก็มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นอุกกาบาตที่ยังลุกไหม้อยู่ตกลงมาสู่ทะเล หรืออาจเป็นระเบิดนิวเคลียร์ที่ถูกยิงสู่อวกาศแล้วตกลงสู่ทะเล อย่างไรก็ตามผลของลูกไฟที่ตกลงทะเลทำให้หนึ่งในสามส่วนของทะเลกลายเป็นเลือด หนึ่งในสามส่วนของสัตว์ทะเลตายลง และหนึ่งในสามส่วนของเรือสินค้าพินาศไป นี่ไม่เพียงเกิดปัญหามลภาวะเท่านั้น อาหารส่วนหนึ่งของมนุษย์จะขาดหายไป การขนส่งทางทะเลก็มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้น แตรที่ 3 (8:10-11) ดวงดาวที่ชื่อบอระเพ็ดตกลงตามธารน้ำ ลักษณะเดียวกับดวงไฟที่ตกลงทะเลของแตรที่ 2 ต่างกันที่นี้บอกไว้ชัดเจนว่าเป็นดวงดาวดวงใหญ่ที่เป็นเปลวไฟ และตกลงที่ธารน้ำจืด ทำให้น้ำจืดของโลกหนึ่งในสามส่วนกลายเป็นรสขม รสขมในพระคัมภีร์จะใช้เป็นเครื่องหมายของความเศร้าโศก และความขมขื่น (เฉลยธรรมบัญญัติ. 29:18) ผลที่เกิดขึ้นน่าเวทนายิ่ง เ พราะน้ำดื่มซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับชีวิตมนุษย์หนึ่งในสามส่วนต้องกลายเป็นพิษ มนุษย์จำนวนมากต้องเสียชีวิตลงจากการดื่มน้ำที่เป็นพิษ หรือจากการขาดน้ำดื่ม แตรที่ 4 (8:12) ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาวมืดไป ภัยพิบัติจากแตรสามคันที่ผ่านมามีผลทำลายพื้นดินและน้ำ เพียงหนึ่งในสามส่วนเท่านั้น แต่การที่ระบบสุริยะจักรวาลมีปัญหา ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาวมืดไปหนึ่งในสามมีผลต่อทั้งแผ่นดินโลก เพราะเมื่อขาดพลังที่มาจากแสงอาทิตย์ ระบบของธรรมชาติก็ดี การดำเนินชีวิตทั่วไปก็ดี จะเกิดปัญหาตามมา เช่น อากาศเป็นพิษ ความหนาว พืชผัก สัตว์เลี้ยงและอาหารทั้งหลายตรงกับพระธรรมอาโมส 5:18 ได้บรรยายถึงวันแห่งพระเจ้าว่าเป็นวันแห่งความมืด จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:42:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 แตรที่ 5 (8:13, 9:1-12) ฝูงตั๊กแตนจากช่องบาดาล ก่อนเริ่มเป่าแตรที่ 5 มีนกอินทรีตัวหนึ่งบินมาประกาศว่าวิบัติจะมีแก่มนุษย์ในโลก ร้องว่า วิบัติ 3 ครั้ง ซึ่งเกี่ยวกับแตร 3 คันที่เหลืออยู่ น่าสังเกตที่แตร 4 คัน ที่เป่าไปแล้วมีการทำลายสภาพแวดล้อมที่อยู่รอบๆ ตัวมนุษย์ แต่แตรที่เหลืออยู่อีก 3 คัน แต่ละคันจะเป็นการทำลายคนที่อยู่ในแผ่นดินโลก คำว่า คนทั้งหลายที่อยู่ในแผ่นดินโลก ถูกใช้ในพระธรรมวิวรณ์ 12 ครั้ง (3:10; 6:10; 8:13; 11:10; (2 ครั้ง) 12:12; 13:8; 13:12; 13: 14; 14:6; 17:2; 17:8) เป็นคำที่ตรงข้ามกับคำว่า บ้านเมืองของเรานั้นอยู่ที่สวรรค์ (ฟิลิปปี.3:18-21) เมื่อแตรคันที่ 5 ถูกเป่าดาวดวงหนึ่งตกจากฟ้า ดาวดวงนี้เป็นบุคคลไม่ใช่วัตถุสิ่งของ เพราะได้รับกุญแจช่องบาดาลมาด้วย และก็เป็นผู้เปิดช่องบาดาล เป็นที่เข้าใจว่าดวงดาวนี้ คือ ซาตานที่ถูกขับลงมาจากสวรรค์ ซึ่งมีชื่อว่าดาวประจำรุ่ง หรือ ลูซิเฟอร์ (อิสยาห์ 14:12-14) พระเยซูคริสต์ก็ทรงตรัสไว้ว่า เราได้เห็นซาตานตกจากฟ้าเหมือนฟ้าแลบ (ลูกา 10:18) ช่องบาดาลเป็นที่อยู่ของสิ่งชั่วร้าย พวกมันถูกปล่อยออกมาและติดตามกษัตริย์ของมันคือซาตาน (11) ที่มีอีกชื่อหนึ่งว่าผู้ทำลาย ตั๊กแตนในที่นี้ไม่ใช่ตั๊กแตนตามตัวอักษร เพราะถ้าเป็นตั๊กแตนสิ่งที่มันจะทำลายคือพืชผล แต่ตั๊กแตนเหล่านี้จะไม่ทำลายพืชผลทั้งหลายกลับจะทำการทำลายมนุษย์ที่อยู่ในโลก และตั๊กแตนจริงไม่มีเหล็กไนที่หางตั๊กแตนในที่นี้คงจะหมายถึงผู้ที่ทำลายคน หรือเป็นวิญญาณชั่วที่คอยทำร้ายคน แต่มันไม่มีสิทธิต่อผู้ที่ได้รับประทับตราของพระเจ้าบนหน้าผาก ผลที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ถูกทำร้ายคือทรมานอยู่ห้าเดือน พวกเขาจะแสวงหาความตายแต่จะไม่พบ (9:6) แตรที่ 6 (9:13-21) ทูตทั้งสี่แห่งยูเฟรติส หลังจากเป่าแตรที่ 6 ทูตสวรรค์ที่เป่าก็ได้รับคำสั่งให้แก้มัดทูตสวรรค์ทั้งสี่แห่งแม่น้ำ ยูเฟรติส ทูตสวรรค์ทั้งสี่เป็นทูตสวรรค์ที่เลวแน่ เพราะทูตสวรรค์ที่ดีจะไม่ถูกมัดไว้ พระเจ้าทรงเตรียมพวกเขาไว้สำหรับ (ชั่วโมง วันเดือน และปี) ที่จะให้ฆ่ามนุษย์เสียหนึ่งในสามส่วน จุดประสงค์พิเศษมนุษย์หนึ่งในสามที่ถูกฆ่ารวมกับหนึ่งในสี่ที่บันทึกในเรื่องตราดวงที่สี่ ที่ผู้ขี่ม้าสีกะเลียวชื่อมัจจุราชมาฆ่าทำลายแล้ว ร่วมเป็นครึ่งหนึ่งของมนุษย์ในโลกถูกทำลายในช่วงนี้ พลทหารสองร้อยล้านคนตัวเลขทหารสองร้อยล้านเป็นสิ่งที่ยากในอดีต ที่ประเทศไหนในโลกจะมีทหารมากมายเช่นนี้ แต่เป็นได้แล้วในปัจจุบัน เป็นประเทศใดไม่ได้ถูกเจาะจงรู้แต่ว่ามาจากตะวันออก (16:12) และได้พยากรณ์ไว้แล้วในดาเนียล 11:44 ข้อ 17-19 ภาพของม้าที่ฆ่าทำลายมนุษย์หนึ่งในสามนั้น เป็นภาพของอาวุธสงครามที่ชัดเจนมาก ไฟ ควัน และกำมะถันที่ออกจากปากนั้นเป็นกระสุน ระเบิดต่างๆ ที่พบเห็นได้ในสงคราม อย่างไรก็ตามที่น่าสังเกตคือ ข้อ 20-21 แม้มนุษย์จะอยู่ในสภาพที่น่าเวทนาเช่นนี้ แทนที่จะกลับใจเสียใหม่ พวกเขากลับไปยึดรูปเคารพ กราบไหว้บูชาผี เชื่อในเวทมนต์ และดำเนินชีวิตที่ชั่วร้ายต่อไป จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:45:03 ]

ความคิดเห็นที่ 7 แตรที่ 7 ก่อนถึงแตรที่ 7 มีเหตุการณ์พิเศษมาคั่นไว้ 2 เรื่องที่ยอห์นได้เห็น 1. ทูตสวรรค์และหนังสือม้วนเล็ก (10:1-11) ทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์มาก ภาพของทูตสวรรค์องค์นี้ดูแล้วมีลักษณะหลายอย่างเหมือนพระคริสต์ เช่น มีเมฆล้อมรอบ มีรุ้งเหนือศีรษะมีหน้าเหมือนดวงอาทิตย์ แต่ไม่น่าจะเป็นพระคริสต์เพราะยอห์นบอกว่าเห็นทูตสวรรค์ที่มีฤทธิ์อีกองค์หนึ่ง ถ้าเป็นพระคริสต์ยอห์นน่าจะบอกให้ชัดเจนมากกกว่านี้ หรืออย่างน้อยแสดงออกด้วยภาษาที่แสดงความผูกพัน ในพระธรรมวิวรณ์มีพูดถึงทูตสวรรค์ไม่ต่ำกว่า 60 แห่ง ทูตสวรรค์เป็นผู้รับใช้ของพระเจ้าที่ทรงใช้มายังโลกเพื่อให้ช่วยเหลือบรรดา ผู้ที่จะได้รับความรอด (ฮีบรู 1:14) และทำการที่พระเจ้าตรัสสั่งในสวรรค์ ซึ่งในพระธรรมวิวรณ์ได้บรรยายไว้อย่างชัดเจน ภาพที่ยอห์นเห็นทูตสวรรค์องค์นี้ตามที่ท่านได้บรรยายแสดงว่าทูตสวรรค์องค์นี้มีฐานะ และบทบาทที่สำคัญมาก มีผู้อธิบายว่าน่าจะเป็นมิคาเอลอัครเทวฑูตาธิบดี (ยด.9) เสียงร้องดุจเสียงคำรามและเสียงฟ้าร้องทั้งเจ็ด เป็นการประกาศชัยชนะและประกาศให้รู้ว่าเวลาแห่งการลงโทษช่วงสุดท้ายนี้มาถึงแล้ว ทำไมจึงให้ยอห์นประทับตราปิดข้อความซึ่งฟ้าร้องทั้งเจ็ดได้ร้อง (ข้อ 4) พระคัมภีร์ไม่มีคำตอบ นอกจากให้เราเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ของ ดาเนียล 12:9 ที่พระเจ้าตรัสตอบดาเนียลว่า ถ้อยคำเหล่านั้นถูกปิดไว้แล้ว และถูกประทับตราไว้จนถึงวาระสุดท้าย แผนการณ์ของพระเจ้าเราไม่สามารถรู้ได้ทั้งหมด เป็นสิทธิอำนาจของพระองค์ที่จะทรงสำแดงให้เรารู้ได้เท่าไร เราก็จะเข้าใจได้เท่านั้น จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เวลาที่ไม่มีการเนิ่นช้าอีกต่อไปแล้ว คือช่วงสุดท้ายที่แตรคันที่เจ็ดจะถูกเป่า คำพยากรณ์ทั้งหลายที่ผู้เผยพระวจนะได้พูดไว้จะสำเร็จนั่นคือ การเสด็จกลับมาปกครองโลกนี้ของพระคริสต์ หนังสือม้วนเล็กน่าจะหมายถึงพระวจนะของพระเจ้า สำหรับยอห์นไม่เป็นการเพียงพอที่ได้เห็น ได้รู้เหตุการณ์ต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นเท่านั้น ท่านต้องกินลงไปด้วยเพราะท่านต้องเป็นผู้นำมาเปิดเผยให้ทุกคนได้เข้าใจ (ข้อ 11) หวานเหมือนน้ำผึ้ง เพราะเป็นพระสัญญาและความมั่นใจของธรรมมิกชน ท่านเยเรมีย์ได้บอกว่าพระวจนะของพระเจ้ากินเข้าไปแล้วเป็นความชื่นบานและปิติยินดี (เยเรมีย์ 15:16) แต่ขมมากสำหรับผู้ที่ยังไม่ได้เชื่อ เพราะเป็นการเตือนภัยที่จะได้รับจากการลงโทษในช่วงภัยพิบัติ จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:50:06 ]

ความคิดเห็นที่ 9 2. พยานทั้งสอง (11:1-14) บทที่ 11 เป็นบทที่เข้าใจยากที่สุดบทหนึ่งในพระธรรมวิวรณ์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรื่องของพยานทั้งสอง เริ่มจากข้อ 1-3 ภาพของการวัดพระวิหารและแท่นบูชาบ่งบอกว่า พระวิหารได้ถูกสร้างเรียบร้อยแล้ว การวัดพระวิหารเป็นการแสดงความเป็นเจ้าของหรือการประกาศความเป็นเจ้าของ พระวิหารเป็นของพระเจ้า อิสราเอลเป็นผู้มีสิทธิมานมัสการมาถวายเครื่องบูชา เข้าใจว่าหลังจากคริสตจักรถูกรับไปแล้วศัตรูของพระคริสต์ได้สร้างสันติในตะวันออกกลาง และได้ส่งเสริมให้อิสราเอลสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ เพื่อเอาใจทั้งยิว และคนตะวันตก แต่สามปีครึ่งในช่วงหลัง ศัตรูของพระคริสต์เริ่มแสดงธาตุแท้ที่ข่มเหงอิสราเอล โดยเข้าไปเหยียบย่ำพระวิหาร (ดาเนียล 9:27) หมิ่นประมาทพระเจ้าและพระวิหาร (13:5-6) พระเจ้าทรงใช้พยานสองคนมาเผยพระวจนะ ทั้งสองแต่งตัวด้วยผ้ากระสอบทำการเผยพระวจนะสามปีครึ่ง คำถามที่ตอบยากคือพยานทั้งสองคือใคร ทั้งสองเป็นผู้เผยพระวจนะ เป็นดังต้นมะกอกเทศสองต้น เป็นผู้ทรงฤทธิ์อำนาจปิดท้องฟ้า ทำน้ำให้กลายเป็นเลือด บันดาลให้ภัยพิบัติกระหน่ำโลก มีผู้อธิบายว่าน่าจะเป็นเอโนคกับเอลียาห์ เพราะทั้งสองไม่ได้ผ่านการตาย ผู้ที่อ้างว่าน่าจะเป็นโมเสสกับเอลียาห์ให้เหตุผลว่าทั้งสองได้สำแดงฤทธานุ -ภาพมาก่อน และก็ปรากฏในช่วงที่พระเยซูคริสต์เปลี่ยนแปลงพระกาย (มัทธิว 17:1-8) มีผู้ชี้แนะว่าน่าจะเป็นโยชูวามหาปุโรหิตกับเศรุบาเบลผู้สำเร็จราชการ เพราะเกี่ยวข้องกับต้นมะกอกเทศสองต้น (เศคาริยาห์ 4:3-14) อย่างไรก็ตาม ภาพของเอลียาห์ค่อนข้างชัดเจน โดยมีข้อพระคัมภีร์สนับสนุนในพระธรรมมาลาคี 4:5 แต่อีกท่านน่าจะเป็นใคร ยังไม่มีคำตอบชัดเจนนัก จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลังจากการเป็นพยานก็มีสัตว์ร้ายจากบาดาลมาฆ่าทั้งสองเสีย สัตว์ร้ายได้ถูกพูดถึงในพระธรรมวิวรณ์ ประมาณ 10 ครั้ง 10:7 สัตว์ร้ายที่ขึ้นมาจากบาดาล 13:1 มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา มีมงกุฎ มีชื่อที่เป็นคำหมิ่นประมาทพระเจ้า 13:5-6 สัตว์ร้ายนั้นมีปากที่พูดคำจาบจ้วง และหมิ่นประมาทพระเจ้า 13:11-18 สัตว์ร้ายอีกตัว มีสองเขา แสดงหมายสำคัญใหม่ ล่อลวงคนทั้งหลายที่ อยู่ในโลก บังคับคนทั้งปวงให้รับเครื่องหมาย เลขของมันคือ 666 14:9-11 ถ้าผู้ใดบูชาสัตว์ร้ายและรูปของมัน จักต้องดื่มเหล้าองุ่นแห่งพระพิโรธ ของพระเจ้า จะไม่มีการพักผ่อนเลยทั้งกลางวันและกลางคืน 16:2 คนทั้งหลายที่มีเครื่องหมายของสัตว์ร้ายและบูชาของมัน ก็เกิดเป็นแผลร้าย ที่เป็นหนองทั่วตัว 17:3 ข้าพเจ้าได้ เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่บนสัตว์ร้ายสีแดงเข้มตัวหนึ่ง ซึ่งมีชื่อ หลายชื่อเป็นคำหมิ่นประมาทเต็มไปทั้งตัว มันมีเจ็ดหัวและสิบเขา 17:13 กษัตริย์ทั้งหลาย ทรงมอบฤทธิ์และอำนาจของตนไว้แก่สัตว์ร้ายนั้น 19:20 สัตว์ร้ายนั้นถูกจับพร้อมด้วยคนที่ปลอมเป็นผู้เผยพระวจนะ ถูกทิ้งทั้งเป็น ลงในบึงไฟที่ไหม้ด้วยกำมะถัน 20:10 ส่วนพญามารที่ล่อลวง ถูกโยนลงไปในบึงไฟและกำมะถันที่สัตว์ร้ายและ คนที่ปลอมตัวเป็นผู้เผยพระวจนะตกอยู่ในนั้น และมันต้องทนทุกข์ทรมานทั้ง กลางวันและกลางคืนตลอดไปเป็นนิจ หลังจากที่พยานทั้งสองถูกฆ่าตาย ร่างกายก็ถูกทิ้งไว้ที่เยรูซาเล็ม คนหลายภาษา หลายเผ่า หลายประชาชาติ จะเพ่งดูศพเขาตลอดสามวันครึ่ง ข้อความนี้อาจเป็นที่สงสัยในอดีต แต่ปัจจุบันเป็นเรื่องเป็นไปได้อย่างง่ายดายในการถ่ายทอดสดผ่านดาวเทียม ให้คนทั้งโลกได้เห็น ภาพของคนทั้งแผ่นดินโลกจะยินดี สนุกสนานและให้ของขวัญแก่กันที่ทั้งสองถูกฆ่าตาย แสดงให้เห็นว่าการตายของทั้งสองเป็นชัยชนะของผู้นำแห่งโลก ที่เป็นศัตรูของพระคริสต์และมันก็คือสัตว์ร้ายที่พระธรรมวิวรณ์กล่าวถึง อย่างไรก็ตาม พยานทั้งสองก็ได้เป็นขึ้นมาหลังจากตายไปสามวันครึ่ง และได้ขึ้นไปยังสวรรค์ต่อหน้าต่อตาของคนทั้งหลายและในช่วงนี้เองเกิดแผ่นดินไหว เมืองนั้นถล่มลงหนึ่งในสิบส่วนคนตายเพราะแผ่นดินไหวเจ็ดพันคน ทูตสวรรค์องค์ที่เจ็ดเริ่มเป่าแตรคันที่ 7 เนื่องด้วยหลังแตรนี้แล้วจะเป็นการครอบครองของพระคริสต์อย่างสมบูรณ์ ในข้อ 15-19 จึงมีการบรรยายถึงการครอบครองและการลงโทษของพระองค์ เสียงหลายๆ เสียงกล่าวดังในสวรรค์เป็นเสียงแห่งชัยชนะที่พระคริสต์จะทรงครอบครองตลอดไปเป็นนิตย์ ถัดจากนั้นผู้อาวุโสยี่สิบสี่คนกราบนมัสการสรรเสริญและระลึกพระคุณของพระเจ้า ที่พระองค์ได้ทรงใช้ฤทธานุภาพอันยิ่งใหญ่ของพระองค์เริ่มครอบครองแผ่นดินโลก เหล่าประชาชาติมีความโกรธแค้น เพราะพวกเขากำลังรับการลงโทษจากพระเจ้า พระพิโรธของพระเจ้ามีพูดถึงมากขึ้นตั้งแต่บทที่ 11 (11:18; 14:10; 14:19; 15:1; 15:7; 16:1; 16:19; 19:15) เวลาที่มาถึง แบ่งออกเป็นสองภาพที่ชัดเจนมาก นั่นคือภาพแห่งการพิพากษาลงโทษ การทำลายคนที่ทำลายแผ่นดินโลก สายฟ้าแลบฟ้าร้อง แผ่นดินไหว ลูกเห็บตกอย่างหนัก อีกภาพหนึ่งคือการประทานบำเหน็จแก่ผู้รับใช้ของพระองค์ คือผู้เผยพระวจนะธรรมมิกชนทั้งปวงและคนทั้งหลายที่ยำเกรงพระนามของพระองค์ สวรรค์ก็เปิด ในพระวิหารมีหีบพันธสัญญา จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 09:57:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระธรรมวิวรณ์ บทที่ 12 -13 ก่อนที่วันแห่งพระพิโรธจะรุนแรงยิ่งขึ้น บทที่ 12-15 ของพระธรรมวิวรณ์ได้บันทึกว่ามีหมายสำคัญ 12 อย่างที่ยอห์นได้เห็นคือ 1. ผู้หญิงที่มีดวงอาทิตย์เป็นอาภรณ์ มีดวงจันทร์อยู่ใต้เท้า และบนศีรษะมีดาวสิบสองดวงเป็นมงกุฎ (12:1-2) นางคือใคร...โปรดติดตามการอธิบายในภาคที่ 2 ของ "พระคัมภีร์วิวรณ์.....การกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู..... " จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 10:01:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 พระเจ้าอวยพรครับ  คุณ เหนือสายรุ้ง หวังว่า พวกเราคงไม่ต้องอยู่ใน กลียุค 3 ปีครึ่งกันนะครับ แต่ใจหนึ่งผมก็อยากเห็นพระเยซู  กลับมากับตาในอากาศ จากคุณ : Elshaddai - [ 13 ต.ค. 49 10:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ ขอพระเจ้าอวยพระพรคุณ : Elshaddai  เช่นกันครับ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 12:16:43 จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 11:39:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ่า รอติดตามตอนต่อไป ขอบคุณพี่เหนือฯสำหรับกระทุ้นี้ค่ะ พระเจ้าอวยพร ^^ จากคุณ : ~ Jenny B. Good ~ - [ 13 ต.ค. 49 13:30:39 ]

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นกระทู้ที่ดีมากค่ะ^^  แต่ออกจะกลัวๆเหมือนกัน  ยุคสุดท้ายข้าพเจ้าก็อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง ยุค 666 ประทับตรา  สามปีครึ่ง ข้าพเจ้าจะอย่ถึงมั้ยนะ อยากเห็นตอนพระเยซูกลับมาเหมือนกันค่ะ  แต่คิดๆดูแล้วอย่าดีกว่าค่ะ  ให้พระเจ้าเลปเชอร์ขึ้นไปก่อนดีกว่า  เพราะยุคสุดท้ายข้าพเจ้ากลัวตัวเองจะสั่นคลอนในความเชื่ออันเนื่องมาจากการข่มเหง  เผลอปฏิเสธพระเจ้าขึ้นมาจะยุ่ง ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกคนค่ะ^^ จากคุณ : นักจิตวิทยา - [ 13 ต.ค. 49 13:47:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ด้วยความยินดีครับ น้อง~ Jenny B. Good ~:  และน้อง นักจิตวิทยา ครับผม จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 13 ต.ค. 49 14:27:27 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ผมคิดว่า ....... ครั้งที่ 2  ไม่ใช่การกลับมาบังเกิดเป็นมนุษย์ เมื่อไรที่คนบาปกลับใจด้วยความสำนึกผิดและละอายต่อบาป ผ่านทางพระวาจาทรงชีวิต เมื่อนั้นพระเยซูจะกลับมาอีกครั้ง (ครั้งที่ 2) และจะทรงประทับอยู่ในใจเขา พระเยซูจะเป็นหนทางแห่งความรอดสำหรับเขา  ผ่านทางพระวาจาในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล เหตุที่รอดเพราะเชื่อในพระวาจาและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้อง สำหรับผู้ที่เชื่อ  แต่ไม่ปฏิบัติ ( ไม่สำนึกผิดในบาปและกลับใจ )  ก็ต้องระวังจิตใจของตนเองให้ดี และสำหรับผู้ที่ไม่เชื่อในพระเยซู  พวกเขาอาจจะมีหนทางอื่นคอยอยู่   แต่ไม่ถือเป็นความผิด  เพราะเป็นสิทธิเสรีภาพในการตัดสินใจของพวกเขา จากคุณ : ฟ้าคำนวณ - [ 13 ต.ค. 49 16:17:49 ]

ความคิดเห็นที่ 18 รูปสวยครับ^^ ขอเก็บ จากคุณ : SA Student - [ 13 ต.ค. 49 21:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 19 วิวรณ์เป็นบทที่อ่านแล้วสนุกและน่ากลัวด้วยค่ะหากวันนั้นมาถึงไม่รู้เราจะอยู่ถึงหรือเปล่าแต่ยังไงการเกรงกลัวเป็นสิ่งที่ดีนะค่ะ จากคุณ : yapo (yapook) - [ 14 ต.ค. 49 08:53:50 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เข้ามาเยี่ยมชมครับ จากคุณ : bestyx - [ 15 ต.ค. 49 13:17:17 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขอพระเจ้าอวยพรและเสริมกำลังฝ่ายจิตวิญญาณ แก่พี่น้องคริสตชนทุกท่านครับ เอเมน จากคุณ : มาร์คัส ลาติโน่ (Marcus_latino) - [ 15 ต.ค. 49 23:43:11 ]